เปิด "กฎแห่งกรรม" ตามหลักวิทยาศาสตร์ ยุคพลังงานใหม่ ความลึกลับถูกเปิดเผยในกึ่งพุทธกาล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 21 มิถุนายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ตัดสินใจไว้นานเหมือนกันกว่าจะลงเรื่องนี้ได้ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เข้าใจอะไร ๆ ขึ้นมาบ้าง หลาย ๆ คนสงสัย! เรื่องนี้กันมาก พยายามหาคำตอบ แม้กระทั่งตนเองบางอย่างก็อยากแก่การเข้าใจ รู้อยู่คะถ้าจะเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมได้ลึกซึ้ง ต้องมีคุณสมบัติที่พิเศษอย่างมาก อาทิเช่น จตูปาตญาณ หรือ วิชชาสาม หรือ ทิพยจักขุญาณด้วย แต่นี้เป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่ทำให้พอมองภาพออกได้บ้าง และตนเองก็พิสูน์มาบางส่วนแล้วด้วย

    ซึ่งตอนนี้ตนเองอยู่ในสภาวะ "รู้ตัวเอง ไม่ค่อยรู้คนอื่น"

    และเมื่อรู้ตัวเองแล้วค่อยศึกษาผู้อื่น

    รู้ทั้งตนเอง และรู้ผู้อื่น ไปพร้อมกันด้วย

    แต่ถ้ารู้คนอื่น ไม่รู้ตนเองจะไม่เข้าเรื่อง "กฎแห่งกรรม" หรอกค่ะ

    เอาเป็นว่าจะเป็นเช่นไร ก็ลองเรียนรู้สักตั้งค่ะ ว่าตรงกับหลักพุทธศาสนาอย่างไร?

    แล้ว "กฎแห่งกรรม" นี้ทั้งหมดของชีวิต ที่ควรเรียนรู้และเข้าใจกัน

    "กฎแห่งกรรม" นั้นคือ "กฎแห่งแรงดึงดูด" มีหลักการทำงานอย่างไร?

    มีลักษณะการทำงานดั่งบูมเมอแรง ขว้างไปเท่าไหร่ก็กลับคืนมาตามเดิม

    และมีลักษณะดั่งเงาตามตัว ติดตามเจ้าของไม่สูญหายไปไหน จนกว่าจะกำจัดให้เป็นกลาง

    พลังกรรมที่มีคุณสมบัติด้านลบ มีลักษณะคล้ายกลุ่มเมฆหมอกสีดำ

    พลังกรรมที่มีคุณสมบัติด้านบวก มีลักษณะเกล็ดสีใส ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2018
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ถ้าใครได้เรียนรู้ตนเอง และเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จากประสพการณ์ในชีวิต ทั้งชีวิตที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาในเกี่ยวข้องในชีวิต

    เคยคิดไหมว่า ทำไม! เราจึงต้องเจอเรื่องอย่างนี้

    อะไรเป็นปัจจัย ตนเองเชื่อเรื่อง "แรงดึงดูดค่ะ"

    คือ สิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจตนเอง ที่เป็นอารมณ์และความรู้สึกที่ทั้งชอบใจ และไม่ชอบใจ สิ่งนี้ คือ แรงดึงดูดให้เรื่องราวต่าง ๆ ให้เข้ามาหาตนเอง

    อย่างเช่น เราเคยมีประสพการณ์ที่เก็บเอาไว้ บันทึกเรื่องราวเอาไว้ แล้วเราตัดสินใจต่อเหตุการณ์ด้วยความไม่ถูกต้อง เช่น กลัว เกลียด เคียดแค้น น้อยใจ เสียใจ วิตกกังวล ไม่อยากเจอ อะไรต่าง ๆ ที่เป็นไปตามอารมณ์สารพัด 108 อารมณ์เหล่านั้นที่เราเก็บเอาไว้ จะมีแรงดึงทำให้เราเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นอีก

    เพื่อทำให้เราตัดสินใจต่อเหตุการณ์ให้ถูกต้อง ถ้าเราตัดสินใจต่ออารมณ์เหมือนเดิม แบบเดิม อย่างเดิม นี้แหละที่เป็นดึงให้เราเจอ มันไม่หายไปไหน จนกว่าเราจะเข้าใจและตัดสินใจใหม่ให้ถูกต้อง จึงเรียกว่า "อารมณ์กรรม"

    และมีอีกประเด็นหนึ่ง

    หากเรามีนิสัยที่แสดงออกต่อบุคคลอื่น แล้วเกิดการกระทำไม่ถูกต้อง เราไม่เคยรู้ตัวเลยคิดว่ามันคือถูก เราจะไม่เห็น และจะปิดบังเราอยู่อย่างนั้น ให้เราเป็นอย่างนั้น จนกว่าวันหนึ่งเราสำนึกได้ และ จะให้เราเกิดการเรียนรู้บ้างล่ะ และแล้วคนอื่นได้กระทำคืนตอบแก่เรา อย่างที่เราเคยทำคนอื่นเอาไว้ ทำให้เรารู้ว่า เมื่อเราถูกทำกลับบ้าง เรารู้สึกเช่นไร?

    นี้แหละ เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมเลย ตรงกับคำที่ว่า เราไม่อยากให้คนอื่นทำอย่างไรกับเรา เราก็อย่าทำอย่างนั้นกับเขา

    สิ่งนี้ยืนยันค่ะ คือ การพิสูจน์และเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะข้อหลัง ช่วงที่ปฏิบัติธรรมเข้ม รู้แต่ตนเอง พอใจนิ่งได้ จึงเห็นพลังงานความรู้สึกของคนอื่น แล้วเรารับรู้ได้ที่เราทำไว้กลับใคร ๆ โดยที่เราไม่รู้ พอถึงเวลาของเราบ้าง เรากลับโดนถูกส่งกลับอารมณ์คืนเราให้รู้เห็นเข้าใจ ว่าเราเคยทำคืนอื่นไว้เช่นไร เขาก็รู้สึกเช่นนั้น

    เป็นเช่นนี้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2018
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ผลกรรมของมนุษย์คืออะไร?

    ผลกรรมในที่นี้ หมายถึง ผลการคิดและการกระทำของมนุษย์ต่อผู้อื่น ซึ่งเกิดจากพลังงานทางอารมณ์และพลังงานการคิดของจิต ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยเจตนาหรือประมาทก็ตาม

    พลังงานกรรมนั้น ๆ จะแผ่กระจายออกมาภายนอกร่างกายมนุษย์ ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันและเคลื่อนไหวแทรกซึมไปบนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่สนามพลังงานจักรวาล

    การแผ่คลื่นพลังงานกรรม จะมีลักษณะคล้ายการแผ่รังสีจากจุดศูนย์กลางดวงอาทิตย์ที่กระจัดกระจายไปโดยรอบ ซึ่งพลังงานกรรมดังกล่าว จะเคลื่อนที่ไปบนโครงข่ายสนามพลังงานแม่เหล็กโลก ซึ่งเชื่อมโยงกับสนามพลังงานจักรวาลได้อย่างรวดเร็ว และไปได้ไกลเกินกว่ามนุษย์จะคาดคิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2018
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    กรรม คืออะไร

    กรรม คือ พลังงานที่เกิดจากคลื่นความคิด และ ความรู้สึกของมนุษย์ที่เป็นอารมณ์ หรือ ความอยากใด ๆ ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตภายในกายมนุษย์เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าใด ๆ โดยจิตวิญญาณจะขับเคลื่อนพลังงานนั้นออกมาภายนอก แล้วจับกลุ่มรวมตัวกันคล้ายฟองอากาศ หรือ เมฆหมอก แล้วเคลื่อนไหลไปเรื่อย ๆ บนสนามแม่เหล็กโลก สู่สนามพลังงานจักรวาล

    พลังงานกรรมแต่ละกลุ่มจะแยกกันตามคลื่นการสั่นสะเทือนของจิตเป็นเรื่อง ๆ ไม่ปะปนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2018
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    คลื่นพลังงานกรรมดังกล่าว เมื่อถูกขับเคลื่อนสู่สนามพลังงานนอกร่างกายคนเราเรียบร้อยแล้ว มันจะสั่นสะเทือนอยู่อย่างนั้น เพื่อรักษาคุณสมบัติของตัวมันเองเอาไว้โดยไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่ากรรมดีซึ่งเป็นคลื่นพลังงานกรรมด้านบวก หรือ กรรมชั่วซึ่งเป็นคลื่นพลังงานด้านลบก็ตาม

    พลังงานกรรมใด ๆ จึงมีคุณสมบัติคงที่ ไม่มีความเป็นอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีปัจจุบัน คงมีแต่การดำรงอยู่เพื่อรอให้มนุษย์ผู้เป็นเจัาของนั้น กำจัดหรือชดใช้มันตลอดกาลนาน โดยกรรมเหล่านั้นจะคอยติดตามมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของตลอดไป แม้จะตายไปก็จะดำรงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
     
  6. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,560
    ค่าพลัง:
    +4,728
    มาส่งกำลังใจให้นะคะ^^
     
  7. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,312
    ค่าพลัง:
    +5,247
    คำเตือน*******ความมโนนึกส่วนบุคคล******
    เพราะกรรมเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นเรื่องอจิณไตย คือ เรื่องที่ไม่ควรคิดหาคำตอบเนื่องจากยากเกินความเข้าใจ จึงต้องใช้วิจารณญาณอย่างมากในการอ่าน

    ผมมองไม่เห็นพลังงานนะ ผมจึงไม่สามารถเหมารวมเอาอารมณ์เป็นพลังงานได้และผมก็ไม่เชื่อว่าจะมีพลังงานใดที่ไม่มีความนึกคิดจะที่ส่งผลให้เราเปลี่ยนความเชื่อของเราได้โดยตรง ถ้าไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง ได้ อย่างเช่น ผมเป็นคนหยาบได้รับพลังงานความรักมา(เช่น ยกตัวอย่างที่ไม่ใช่ความจริง ได้รับมาจากการแผ่เมตตาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ) ผมก็ยังคิดว่าผมคงจะเป็นคนหยาบอยุ่ดีนั่นแหละ มันจะมีด้วยเหรอแผ่พลังงานมาแล้ว เรารับไปแล้วทำให้เราเปลี่ยนพฤติกรรมของเราไปได้ตลอดชีวิต ยกเว้นแต่ว่า ผมจะรู้จริง ๆ ว่า คนที่เขาแผ่เมตตาให้เราเขาจะปรารถณาดีกับเราจริง ๆ และเราสามารถรู้ได้ด้วยการกระทำของเขา หรือมีใจที่โน้มไปในทิศทางเดียวกันกับเขาจนเข้าใจมุมมองของเขาและเห็นการกระทำของเราว่าไม่ดีอย่างไร

    แต่ผมเชื่อว่าพลังงานบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเรา เช่น พลังงานที่มีความนึกคิด อย่าง ผี เทวดา อาจเปลี่ยนใจเราได้บ้าง


    แต่ผมคิดว่า ถ้าจะมองกรรมให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ผมคิดว่า

    กรรมไม่ใช่พลังงาน แต่เป๋นการกระทำที่เราได้ทำออกไปแล้วมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา ใจ
    ส่วนผลของกรรมและวิบากกรรม คือการที่มีสิ่งใดรับรู้และ/หรือจดจำการกระทำของเราได้ และมีการตอบสนองเราไปตามเหตุปัจจัยที่เราไปทำไว้กับเขา หรือ สิ่งที่เขาคิดว่าเราทำให้เขารู้สึกแบบนั้น
    ซึ่งการจดจำกรรมของเราอาจเป็นความทรงจำข้ามภพชาติก็ได้ เช่นความทรงจำแบบที่ฝังลึกจนไม่สามารถรู้เท่าทันได้ชนิตเดียวกับที่ฝีงในจิตของคนที่มีกรรมฆ่าตัวตายที่ผมไปแสดงความคิดเห็นในกระทู้บางกระทู้ก็ได้ คือประมาณว่าเคยฆ่าตัวตายแล้วในชาติก่อน ๆ เกิดมาชาติใหม่ก็ต้องฆ่าตัวตายอีก กี่ชาติ ๆ ไม่รู้
    และวิบากกรรมไม่มีทางหยุดส่งผลต่อเราได้ เว้นแต่ว่าสิ่งที่เป็นเจ้ากรรมของเราจะเลิกก่อวิบากให้กับเรา หรือ เมื่อเราไม่มีตัวรับกรรม คือนิพพานไปแล้ว

    การชดให้กรรม ก็คือการทนรับวิบากกรรมไปเรื่อย ๆ จนวิบากหมด คือสิ่งที่ก่อกรรมกับเราไม่คิดติดตามสร้างวิบากให้เราอีก หรือ ตัวเราเองนี่แหละที่รู้ว่าวิบากกรรมของเราเกิดจากตัวเราเองและเลิกก่อวิบากให้เราเอง

    ส่วนการแก้กรรมก็คือ การทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้หมดวิบากกรรมไปโดยที่ไม่เป็นการก่อวิบากกรรมไม่ดีใหม่ขึ้นมา หรือเป็นการก่อวิบากกรรมดีขึ้นมาแทนที่วิบากกรรมไม่ดีเดิม

    ที่ใช้ตัวหนังสือสีแดงเพราะเป็นความคิดเห็นที่ผู้เขียนไม่แน่ใจหรือ ยังไม่สามารถมองปัญหาได้ครอบคลุมทั้งหมดครับ ผู้อ่านไม่ควรเชื่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2018
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ขอบคุณค่ะ จินดามณี ด้วยเพราะเข้าไปอ่านในกระทู้ของคุณค่ะ แล้วได้เห็นโพสความเห็นด้านล่างนี้

    ทำให้มีความคิดว่า มีคนเห็นเรื่องกรรมคล้ายกันตรงข้อความสีแดง ก็หวังว่าจะได้รับความเมตตาเพิ่มเติมเสริมประสพการณ์ด้วยกันนะคะ
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    อารมณ์สามารถสื่อสารกันได้ เมื่อสื่อสารได้ก็คือเคลื่อนที่และเคลื่อนไหวได้ มีแรงส่งออกไปจากเป้าหมายได้ การสื่อความหมายว่าเป็น พลังงาน ก็ด้วยนัยยะนี้ค่ะ

    พลังงานทางอารมณ์เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่เราสามารถรับรู้กันได้ด้วยการสื่อสารทางจิต เช่น ความโกรธ ความอาฆาต ที่มีความรุนแรงหากว่าเราอยู่ใกล้ ๆ แม้ว่าผู้อื่นจะไม่แสดงออกผ่านการกระทำเดี๋ยวนั้นเลย แต่ลางสังหรณ์ หรือสัญชาตญาณ ก็ทำให้เรารู้ได้ แต่จะตรงความหรือ มโน ก็ขึ้นอยู่กับความนิ่งของบุคคลนั้น และวิบากกรรมด้วยค่ะ

    เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่า อารมณ์ เป็นพลังงาน เพราะสามารถสื่อสารกันได้

    ปัจจุบันมนุษย์กลุ่มหนึ่งค้นพบว่า จิต คือ กลุ่มความคิดที่มีพลังงานห่อหุ้มเอาไว้ โดยกลุ่มพลังงานที่ห่อหุ้ม "จิต" จะเป็นพลังงานรวมทางความคิด การรับรู้ และจินตนาการของมนุษย์

    จิตคือ คลื่นความคิด+คลื่นแสง+มวลสาร เป็นกลุ่มคลื่นอนุภาคที่มีคุณสมบัติเป็นพลังงาน

    ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล จะประกอบขึ้นด้วยกลุ่มอนุภาคขนาดเล็กมากลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ โดยอนุภาคเหล่านี้มีการสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เกิดคลื่นอนุภาคที่เราเรียกมันว่า พลังงาน นั่นเอง

    พฤติกรรมภายในและพฤติกรรมภายนอก ล้วนเป็นผลเกี่ยวเนื่องกับพลังความคิดของ "จิต" แทบทั้งสิ้น

    ทุกคนมีพลังงานอยู่ในร่างกาย สามารถแผ่ออกมาภายนอกได้ โดยเฉพาะจากเซลล์ประสาท เช่น จากศูนย์รวมระบบประสาทและสมอง เรียกว่า "พลังชีวิต" พลังงานที่ว่านี้เป็นผลจากการกระทำต่าง ๆ ทางร่างกาย ทางอวัยวะ แม้แต่การนึกคิด จินตนาการ อารมณ์ ความรู้สึก ที่ปรากฎเป็นพฤติกรรมต่าง ๆ แม้ความฝัน

    มนุษย์เรายังสามารถถ่ายภาพพลังงาน ที่แผ่ออกมาภายนอกร่างกายของคนเรา วัดความถี่คลื่นพลังงานนั้น แยกคลื่นแยกสีของพลังงาน ที่แสดงออกมาด้วยพฤติกรรมหรืออารมณ์ต่าง ๆ ได้ ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ตรวจวัดพลังงานจากร่างกายคน ขณะมีชีวิตอยู่ เช่น การตรวจวัดคลื่นพลังงาน การทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อและสมอง และนักวิทยาศาสตร์พบว่า ทันทีที่มนุษย์เสียชีวิตลง จะมีคลื่นพลังงานแผ่ออกมาจากร่างกายเป็นครั้งสุดท้าย โดยสันนิษฐานว่า คือ กลุ่มพลังงานของจิตวิญญาณของมนุษย์ นั่นเอง

    การสร้างพลังจิต เป็นกลไกผลิตสร้างพลังงานใหม่ในรูปของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อันเกิดจากการกระตุ้นด้วยแรงสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกของต่อมไพนีล ซึ่งเสมือนเป็นตาที่สามของมนุษย์

    สิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับพลังจิตของมนุษย์

    คลื่นพลังจิต ก็คือ คลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกของมนุษย์ ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นเดียวกับพลังงานแม่เหล็กโลก ที่สองตาเปล่ามนุษย์มองไม่เห็น

    คลื่นพลังจิต ที่อยู่ในรูปของคลื่นความคิด สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกันในระบบจิตสู่จิตระหว่างกัน คือ ภาษาจิต ที่สื่อสารกันได้ไม่จำกัดชาติพันธ์

    คลื่นพลังจิต เมื่อผลิตสร้างขึ้นมา มันจะถูกเหวี่ยงออกมาภายนอกร่างกายอย่างต่อเนื่อง เป็นรูปวงรี โดยจะพุ่งไปสู่เป้าหมายตามที่จิตกำหนดนึกอยู่ในขณะนั้น เช่น กำลังคิดถึงใคร โกรธใคร หรือคิดร้ายใครว่าอย่างไร คลื่นพลังจิตนั้นก็จะถูกเหวี่ยงออกมาเพื่อไปมีปฏิสัมพันธ์กับจิตมนุษย์ผู้เป็นเป้าหมายคนนั้นทันที

    มีคุณสมบัติสองประการ

    ประการแรก ไม่มีสรรพสิ่งใดเป็นอุปสรรคขวางกั้น คลื่นพลังจิตได้

    ประการสอง คลื่นพลังจิตสามารถเดินทางไปไกล ๆ ได้ด้วยความเร็วสูงเหนือแสง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2018
  10. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    กรรมใหม่เกิดจากเราจำกรรมเก่าไม่ได้ จนกว่าจะรู้จักนั่งสมาธิชดใช้กรรมนั่นแหละ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    มีคนเคยกล่าวไว้เคยได้ยินเหมือนกันค่ะ ว่านั่งสมาธิสามารถชดใช้กรรม อยากรู้รายละเอียดเพิ่มค่ะ ช่วยเสริมหรือยกตัวอย่างได้ไหมค่ะว่า เป็นการล้างกรรรมในสมาธิด้วยอำนาจของญาณปัญญาที่เกิดจากความสงบหรือเปล่าค่ะ
    คืออำนาจสมาธิขั้นสูงนะค่ะ

    พลังงานทางความคิด และพลังทางอารมณ์ที่เกิดจากจิตใจ จิตสำนึกหรือสมอง คือ พลังงานกรรมจะไม่มีวันสิ้นสูญ นอกจากมนุษย์ที่เป็นเจ้าของจะยอมรับและชดใช้มันสถานเดียว มันจะไม่สลายหายไป นอกจากรอให้ผู้เจ้าของกำจัดมันอยู่อย่างนั้นเสมอไป
     
  12. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    นั่งให้นิ่งที่สุด ทำตัวให้เหมือนว่างเปล่า จะได้ไม่เกิดการสั่นกระเพื่อมของคลื่นพลังงาน ทำให้โลกปั่นป่วนจนเกิดภัยพิบัติ จนได้ญาณสามารถตรวจกรรมตัวเองได้ ติดต่อกับเทวดาหาทางกู้โลกต่อไป
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    เจออีกคนหนึ่งแล้ว สาธุค่ะ ดีใจด้วยค่ะ
     
  14. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    การใช้กรรมจากการนั่งสมาธิได้จากการทำตัวให้ใกล้เคียงสภาพวิญญาณ ฝึกวิชาต่างๆ นาๆ เช่นคลื่นกระแทกวิญญาณแล้วถ้าเราคิดอะไรไม่ดีก็ซัดใส่ร่างวิญญาณเราให้มันสำนึก จนเทวดาเห็นใจเอาไปทำเป็นหนังช่วยบอกใบ้เราว่าฝึกถึงขั้นไหนแล้ว
     
  15. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,312
    ค่าพลัง:
    +5,247
    กรรมล้างด้วยการรู้ทันว่าสิ่งที่เราจะทำมันจะเกิดผลอะไรบ้างและระงับสิ่งที่กำลังจะทำได้ทัน หรือล้างกรรมชั่วด้วยการทำกรรมดีทดแทนน่าจะใช่ทีกว่า
    การล้างกรรมที่พลังงานมันไม่มีผลหรอก อาจจะมีบ้างตรงที่รอบ ๆ ข้างอาจจะไม่เสียบรรยากาศที่ดีไปเพราะการถ่ายเทพลังงานของเราไปสู่รอบ ๆ ข้าง(จริงๆ แล้วไม่ต้องรับคลื่นพลังงานก็เห็นจากการกระทำของเจ้าของกรรมอยู่นะ) แต่พลังงานเป็นปลายเหตุ ตัวก่อกรรมยังทำอยู่กรรมก็ถูกสร้างมาอีก

    เราถ่ายอาจม แล้วไปล้างอาจม ตัวเราก็ยังอยู่ เรายังถ่ายอาจมต่อไปได้
    สมมุติว่าผมตีคุณจิตยิ้ม คุณจิตยิ้มก็เคืองผม ผมไปนั่งสมาธิล้างกรรม ถามว่าคุณจิตยิ้มจะหายเคืองผมมั้ย อาจจะหาย แต่ถ้าเปลี่ยนคุณจิตยิ้มเป็นคนทั่วไป คนทั่วไปก็คงไม่หายแน่ ๆ ใช่มั้ยครับ

    ดังนั้น ผมมองว่าการล้างกรรมในสมาธิเป็นการล้างผิดที่ผิดทางครับ จริง ๆ แล้วมันไม่ต้องล้างกรรมในสมาธิให้ยากเลย แค่ระวังที่จะไม่ก่อกรรมไม่ดีใหม่ให้มากก็พอ

    พระพุทธเจ้าท่านยังมีกรรมให้รับ นับประสาอะไรกะคนธรรมดาอย่างเรา ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2018
  16. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ใช้หนี้แบบชีวิตแลกชีวิตก็เกินไป ไม่งั้นใครจะรับผิดชอบวิญญาณหมู เห็ด เป็ด ไก่ ที่เรากินกันทุกวันละ จึงต้องมีอาชีพพระมาแก้กรรมตรงนี้ ก็แล้วแต่ญาณของแต่ละท่านแล้วจะหาวิธีกู้โลกเอา
     
  17. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,312
    ค่าพลัง:
    +5,247
    กรรมน่ะให้คนอื่นแก้ไม่ได้หรอก คนทำต้องแก้เอง นั่งสมาธิแก้ก็ไม่ได้ แต่ถ้าทำจนนิพพานได้ก็ไม่ต้องรับกรรม
    คนที่บอกว่าแก้กรรมได้น่ะโกหกเพื่อให้ขวัญกำลังใจของคนที่ไปแก้กรรมดีขึ้นแค่นั้น
     
  18. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    กรรมแก้ได้ครับแต่จะยอมรับแทนมั้ย เช่น เห็นคนกำลังถูกรถสิบล้อชนเราก็วิ่งเข้าไปผลักเอาเราแทนที่ไง ตัวอย่าง มีด้วยเหรอคนแบบนี้ ไม่ก็โดนทดสอบด้วยวิธีอื่น ผมเจอมา 3 ครั้งแล้วโดนด่าว่าโง่มาตลอด
     
  19. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,312
    ค่าพลัง:
    +5,247
    อ้อ
    ถ้ากรรมจะแก้ด้วยคนอื่น ก็คงจะต้องเป็นคนอื่นเข้ามาช่วยเคลียร์ปัญหาให้เข้ากรรมนายเวรเลิกจองเวร หรือเคลียร์ให้เจ้าตัวได้สติไม่ก่อกรรมกับตนเองอย่างว่าแหละครับ

    ไม่ใช่ว่าไปนั่งสมาธิล้างกรรม หรือทำพิธีปัดเป่าแก้กรรมอะไร อย่างนั้นแก้ไม่ได้หรอก
    :D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2018
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ค่ะใช่ เขาเรียกว่า สภาพแวดล้อม สังคม บุคคล ล้วนส่งผลมีอิทธิพลต่อใจของเราค่ะ

    แต่การจะเปลี่ยนแปลงจากคนดี ให้เป็นคนไม่ดี ไม่ยากเลย เปรียบอย่างผ้าขาว หากโดนสีสัดใส่ ก็ติดได้โดยง่าย บุคคลที่สังคม บุคคล สภาพแวดล้อมไม่มีอิทธิพลต่อคนนั้น เขาต้องได้รับการฝึกจิตใจอย่างแข็งแกร่งจากอดีตชาติมาอย่างมาก จึงมีใจเด็ดเดี่ยวรู้ดีชั่วด้วยตนเอง ไม่มีใครสามารถชักจูงจิตได้ เขาเรียกว่าผู้มีพลังอำนาจในตนเอง นะค่ะ

    แต่ การที่ใครคนใดที่คิดอยากจะชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไป ต้องออกแรงพยายามอย่างมาก กับการขัดชำระออก และหากตัวเองไม่ยอมขัดออกด้วยตัวเอง ด้วยการเพียรพยายามจะขัดเกลา ยากมากค่ะที่จะมีใครทำให้ได้ "ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตน" ด้วยประการนี้

    มีอีกประการหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจมองข้ามไป

    คนรอบข้างสามารถช่วยเหลือกันได้ไหม? ช่วยได้ค่ะ พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ "อเสวนา จะพาลานัง" ประมาณว่าคบคนเช่นไร เป็นเช่นนั้น สำหรับคนทั่วไป

    ที่กล่าวนั้น เพราะเราสามารถช่วยเหลือกันไปนิพพานได้ ช่วยในที่นี้มิใช่พากันเข้านิพพานแบกหามกันไปนะ แต่...

    บุคคลที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องสามารถเป็นแรงดึงดูดให้เรามีจิตใจสูงขึ้นหรือตกต่ำได้ ผู้ที่มีพลังอำนาจในตนเอง คือ ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนอบรมจิตใจ พัฒนาจิตสำนึก เป็นผู้ประกอบไปด้วยสติและปัญญา เช่น สามารถนำสถานการณ์ที่กำลังจะติดลบ ให้พลิกกลับขึ้นไปสู่สถานการณ์ที่ดีกว่า เป็นผู้มีความสามารถที่จะดึงดูดคน หรือ ยกระดับจิตใจคนได้ นี่แหละที่เป็นผู้มีพลังอำนาจในตนเอง

    เช่น นาย ก และ นาง ข กำลังถกเถียงกัน หากทั้งสองคนใช้แต่อารมณ์ เอาแต่ความคิดเห็นจนเป็นใหญ่ ก็จะนำไปสู่สถานการณ์ที่ขัดแย้ง ทะเลาะเบาะแว้งกัน นำไปสู่ความเลวร้ายได้ แต่ถ้ามีคนใดคนหนึ่ง พลิกสถานการณ์ในขณะนั้นได้ เปลี่ยนจากความขัดแย้ง เป็นความรักความเมตตา นำพาไปสู่อารมณ์ที่ดีขึ้น แล้วเปลี่ยนจากความโกรธ เป็นความไม่โกรธได้ หากใครมีพาวเวอร์ตรงนี้ได้ เขาคงไม่รู้หรอกว่า เขากำลังได้รับการยอมรับจากอีกคนหนึ่ง หากทำเช่นนี้บ่อย ๆ ก็อาจจะเปลี่ยนนิสัยคนที่อยู่ข้าง ๆ ไปก็มี ถ้าใครคนนั้นได้เห็น และรู้จักมองคนอื่นและเปรียบเทียบกับตนเอง และศรัทธาในการกระทำของเขาผู้นั้น

    และมีอีกประเด็นค่ะ การให้โอกาสต้องเกิดจากจิตเมตตา อย่างมาก บางคนให้คนอื่นได้มีโอกาสเรียนรู้แก้ไขกรรมของเขา โดยที่ตัวเราเป็นผู้ให้โอกาสเขาเรียนรู้

    และสิ่งสำคัญที่จะช่วยดึงกันและกันได้ คือ มนุษย์ต้องรู้จักทักษะในการปลดปล่อยพลังงานแห่งความรัก ซึ่งเป็นพลังงานที่เกิดจากจุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือนภายในจิตใจของมนุษย์ เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์และละเอียดอ่อนแต่มีพลังอำนาจมหาศาล จนสามารถทำให้พลังงานด้านลบอื่น ๆ เป็น กลางได้ เป็นพลังงานเมื่อเกิดขึ้นแล้วสั่นสะเทือนรับรู้ไปได้ทั่วจักรวาล ที่มนุษย์ทุกคนมีและเป็นพลังอำนาจในตนเอง ที่นำมาใช้เพื่อเป็นอาวุธในเปลี่ยนแปลงคนอื่นด้วยการช่วยกันยกระดับจิตใจกันได้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2018

แชร์หน้านี้

Loading...