เปิด "ประตูมิติแห่งกาลเวลา" สู่การสื่อสารกับตัวเองในโลกอดีตและอนาคต!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 22 มิถุนายน 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    เพื่อเป็นการอนุเคราะห์แก่เหล่ากุลบุตรที่ยังสับสนเรื่อง "เวลา" ทั้งหลาย ข้าพเจ้า "อพอลโล่" จึงขออัญเชิญพลังธรรมแห่ง "มหาเทพแห่งกาลเวลา" เพื่อถ่ายทอดสัจธรรมจากจักรวาลเรื่อง "เวลา" โดยตรง ดังจะเริ่มต้นต่อไปนี้
     
  2. ควายเผือก

    ควายเผือก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +48
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ท่านทั้งหลายมักคิดว่าเวลามีอยู่จริง และมีอดีต, ปัจจุบันและอนาคต ทั้งยังสอนกันอีกว่า "อดีตคือสิ่งที่จบสิ้นสูญไปแล้ว", "อนาคตก็ยังมาไม่ถึง (คือยังไม่มีอยู่เลย)" ดังนั้น ท่านทั้งหลายจึงสอนให้ "อยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด" และเกิดการยึดติดกับปัจจุบันโดยไม่รู้ตัว เช่น ปัจจุบัน ท่านอยู่ดีกินดี พอดีแล้ว พออนาคตจะเกิดภัยพิบัติ ท่านก็กลัว วิตก กังวล และเป็นทุกข์ บ้างไม่อยากให้เกิด บ้างต่อต้าน บ้างพยายามหนี บ้างโกรธและหาทางเล่นงานใครสักคนที่เป็นต้นเหตุเรื่อยไป แต่นี่เป็นเพียง "ผลแห่งพลังงานเก่า" ที่ครอบงำพวกท่านอยู่เท่านั้น ไม่ใช่ "เวลาในมุมมองของจักรวาล" เลย เวลาในมุมมองของจักรวาลกว้างขวางมากกว่านี้นัก ในโลกใบนี้ มีมนุษย์ผู้หนึ่งที่เกือบจะเข้าสู่มิติแห่งการอยู่เหนือกาลเวลาได้แล้ว คือ "ไอสไตน์" แต่เขาก็ทำได้เพียง "แตะขอบประตูมิติ" เท่านั้นเอง ยังไม่อาจก้าวข้ามผ่าน "ประตูมิติแห่งกาลเวลา" แล้ว "อยู่เหนือกาลเวลาทั้งสาม" ที่โลกนี้กำหนดไว้ได้ สิ่งที่เราจะถ่ายทอดแก่ท่านต่อไปนี้ ล้วน "แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ท่านเคยรู้มา" เพราะมันเป็นสิ่งที่ส่งตรงลงมาจากจักรวาลเป็นพลังงานใหม่ เป็นธรรมจักรวาลใหม่ เพื่อ "ปลดปล่อย" ท่านออกจาก "กรงขังแห่งกาลเวลา" ดังเราจะอธิบายต่อไป
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    กาลเวลาทั้งสามบนโลกใบนี้ คือ อดีต, ปัจจุบัน และอนาคตนั้น เป็นสิ่งที่โลกนี้สมมุติบัญญัติกันขึ้นมาเอง เช่น ถ้าเราสมมุติ ณ จุดนี้คือ ปัจจุบัน, จุดก่อนหน้านี้ ก็คือ อดีต, และจุดหลังจากนี้ ก็คือ อนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้ "ท่านล้วนสมมุติสร้างมันขึ้นมาเองทั้งสิ้น" และท่าน "กำลังถูกมมันกักขังและกลายเป็นทาสของมัน" ไม่ต่างกับ "สัตว์ตัวหนึ่งในกรงขังของท่านเอง" สิ่งที่ท่านสร้างกันมาเองนี้ กำลังมีอำนาจเหนือท่าน เป็นนายเหนือท่าน และท่านกำลังตกเป็นทาสของมัน ทุกวัน ท่านจะต้องทุกข์และร้อนรน กับการ "รีบตื่นนอนไปเรียนให้ทันเวลา" ก็ดี, "รีบตื่นนอนไปทำงานตอกบัตรให้ตรงเวลา" ก็ดี ฯลฯ เหล่านี้ล้วนทำให้ท่านเป็นทุกข์เนืองๆ กับ "เวลา" นั่นคือ "ท่านตกเป็นทาสแห่งเวลา" ซึ่งพวกท่านสร้างมันกันมาเองทั้งสิ้น แต่ในมุมมองของจักรวาลนั้น ไม่เป็นเช่นนี้ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ท่านลองมองดูแม่น้ำ หรือจินตนาการว่ามีแม่น้ำอยู่หน้าท่าน สมมุติ แม่น้ำที่อยู่ ณ หน้าท่าน คือ "ปัจจุบัน" น้ำที่อยู่ต้นน้ำขึ้นไป ก็คือ "อนาคต" (ที่จะไหลมาต่อไป) และน้ำที่อยู่ปลายน้ำ ก็คือ "อดีต" ที่ไหลผ่านไปแล้ว ทีนี้ ท่านลองยกตัวเองออกจากแม่น้ำสายเล็กๆ นั้น สมมุติว่าท่านอยู่กลางจักรวาล เห็นจักรวาลทั้งหมดในคราวเดียว เหมือนเห็นจานข้าวอยู่ตรงหน้าท่าน แม่น้ำนั้นเล็กมาก ท่านเห็นทั้ง "อดีต, ปัจจุบัน และอนาคต" พร้อมกัน ใช่หรือไม่? แล้วท่านก็ไม่ต้องกำหนดให้ตรงไหนเป็นอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคตเลย หรือหากท่านจะเล่น ลองกำหนดเล่นๆ แบบคนบนโลก ก็สามารถทำได้ โดยกำหนดจุดใดจุดหนึ่งของแม่น้ำนั้น เป็น "ปัจจุบัน" ก็จะมี "อดีต" และ "อนาคต" เกิดตามมาเอง ใช่หรือไม่? ตัวท่านเองก็เช่นกัน อย่าคิดว่าเป็น "อัตตา" มีตัวมีตนเป็นตัวๆ ตนๆ ไป" จงมองให้เห็น "มิติแห่งพลังงาน" เหมือนตัวของท่านเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน ท่านเห็นหรือไม่ "พลังงานเก่าจากอดีต" ที่ท่านทำและแผ่ออกจากสังขารเก่าในอดีตชาติของท่าน กำลังเข้ามาประสานในตัวท่าน ณ ปัจจุบัน และตัวท่าน ณ ปัจจุบันเอง ก็ก่อกรรม ส่งคลื่นกระแสพลังงาน ณ ปัจจุบันนี้ไปรอท่านเองในอนาคต ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ท่านทำบุญสร้างวัด พลังงานบุญไปก่อตัวเป็นวิมานในภพหน้ารอท่านอยู่ก่อนแล้ว พลังงานเหล่านี้ เดินทางเหมือนแสง ไปข้างหน้าท่านแล้ว รอท่านอยู่แล้ว เป็นส่วนหนึ่งของท่านในอนาคตแล้ว ดังนั้น ท่านจึงมี "ภาคส่วนของพลังงาน" ทั้งใน อดีต, ปัจจุบัน และอนาคต เหมือนเส้นแสงที่เดินทางระยะยาวไกล แต่ตัวท่าน ณ ปัจจุบัน เป็น "กลุ่มก้อนพลังงานก้อนใหญ่ที่ยุ่งเหยิง" เห็นได้ชัด จึงคล้ายว่าเป็นสังขารที่มีตัวตน แท้ที่จริงแล้วก็เหมือน "เส้นด้ายที่พันกันยุ่งเหยิงเป็นก้อนชั่วขณะ โดยมี "ต้นสายด้าย" เรียกว่า "ภาคส่วนของพลังงานของท่านในอดีต" และ "ปลายสายด้าย" เรียกว่า "ภาคส่วนของพลังงานของท่านในอนาคต" ท่านพอเห็นตัวท่านเองในลักษณะนี้ชัดหรือยัง? ในลักษณะที่พ้นจากสังขาร พ้นจากอัตตา มีสภาวะเป็นพลังงานหนึ่งที่ไม่ใช่อัตตา เป็นอนัตตา ไม่เที่ยง และแปรปรวนเช่นนี้
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    เพื่อนำท่านออกจากมิติแห่งกาลเวลาของโลก เข้าสู่มิติแห่งกาลเวลาของจักรวาล อันเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งจักรวาลนี้ ท่านอาจ "หลงทาง" ได้ เพราะจักรวาลกว้างใหญ่ และท่านไม่คุ้นเคยนัก เราจะเปิด "ประตูมิติ" ทีละประตู แล้วนำทางท่านเข้าสู่ประตูนั้นเป็นประตูๆ ไป ท่านจะไม่หลง และสามารถ "ก้าวข้ามผ่านมิติแห่งกาลเวลาต่างๆ" ตามเรามาได้อย่างปลอดภัย ประตูบานแรก เราขอใช้ชื่อที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของท่านตั้งไว้ คือ "ประตูอนัตตา" ให้ท่านตั้งจิตตรงให้ดี ถ้าท่านตั้งจิตไม่ตรงประตูบานแรก ท่านจะหลง และหาเราไม่เจอ เราจะขาดจากกันในมิติใดมิติหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้ล้อเล่น หรือแกล้งหลอกท่านแต่อย่างใด เพราะท่านที่มี "มโนมยิทธิ" แล้ว จิตวิญญาณของท่านมีอำนาจมาก เมื่อท่านเดินทางผ่านกาลเวลาตามเรามา หากจิตวิญญาณของท่านหลงทาง จะตกอยู่ใน "มิติแห่งกาลเวลา" ณ จุดใดจุดหนึ่งของจักรวาลนี้ และสังขารปัจจุบันของท่าน จะได้รับ "กระแสพลังงานบางอย่าง" จาก "จิตวิญญาณที่หลงทาง" ของท่านเอง และในที่สุด "เวลาในชีวิตของท่านจะแปรปรวนไป" ไม่อาจกลับสู่ปกติได้ เหมือนสังขารที่สื่อสารกับท่านอยู่นี้ ก็เคยประสบพบเจอมาด้วยตนเองแล้ว ขอให้ท่านเตรียมตัวให้พร้อม ตั้งจิตให้ตรง น้อมกระแสจิตตามตรงสู่ "ประตูอนัตตา" ให้ท่านมองเห็นจักรวาลเหมือนจานข้าวตรงหน้าท่าน ให้คราวเดียว เห็นเส้นแสงพลังงานต่างๆ ในจักรวาลในคราวเดียว เห็นการเดินทางของแสงที่ท่านเรียกบางจุดของแสงนั้นว่าปัจจุบัน และแสงที่เดินจากจุดนั้นไปแล้วว่าอดีต และแสงที่กำลังเดินทางมายังจุดที่ท่านสังเกตุว่าอนาคต แต่ท่านเห็นแสงที่เดินทางทั้งหมด "ในคราวเดียว" ทั้งอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต เป็นเพียงเส้นแสงยาวๆ ในจักรวาลเส้นหนึ่งเท่านั้น ทั้งหมดทั้งจักรวาลนี้เป็นเพียง "กลุ่มก้อนพลังงาน" ที่แปรปรวนไปมา ไม่เที่ยง ไม่จีรัง และไม่อาจยึดมั่นถือมั่นเป็น "ตัวมครของใคร" ได้ ยุ่งเหยิงไปหมด แต่มีระบบหลวมๆ รวมเรียกว่า "จักรวาล" นี่คือ "ลักษณะของประตูอนัตตา" ขอให้ท่านน้อมจิตตรงสู่ประตูบานแรกนี้ก่อน
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ประตูมิติบานต่อไป ขอยืมชื่อจากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของท่านมาตั้งว่า "ประตูอกาลิโก" ซึ่งท่านจะตรงต่อประตูนี้เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบกาลเวลาของจักรวาลต่อไป หลังจากที่ท่านอาศัยประตูอนัตตาเพื่อหลุดพ้นจากระบบกาลเวลาของโลกมาแล้ว ให้ท่านน้อมจิตตรงต่อประตูอกาลิโก โดยให้ท่านระลึกหรือจิตนาการเหมือนว่าท่านลอยตัวอยู่เหนือจักรวาล เห็นจักรวาลทั้งหมดเหมือนจานข้าวตรงหน้าท่านจานเล็กๆ ใบหนึ่ง ท่านอยู่ในระดับที่เห็นทั้งอดีต, ปัจจุบัน และอนาคตของทั้งจักรวาลนี้ ได้หมดในคราวเดียว ท่านเห็นเส้นแสงทุกเส้น พลังงานทุกพลังงานที่เดินทางจากจุดหนึ่งของจักรวาล ไปยังอีกจุดหนึ่งของจักรวาลได้หมด ที่มนุษย์บนโลกนี้เรียกจุดที่เขาสังเกตุว่า "ปัจจุบัน" ก็ดี, จุดที่เลยผ่านจุดสังเกตุไปแล้วว่า "อดีต" ก็ดี และจุดที่แสงกำลังเดินทางมายังจุดสังเกตุ (แต่ยังไม่ถึง) ว่า "อนาคต" ก็ดี ท่านจินตนาการว่าท่านเห็นทั้งหมดอยู่ในจักรวาล เหมือนเห็นจานข้าวอยู่ตรงหน้าท่านในคราวเดียว ตอนนี้ ท่านสามารถจะหยั่งกระแสจิตลงไปสัมผัสใน จุดใดจุดหนึ่งก็ได้ จุดที่มนุษย์โลกเรียกกลุ่มก้อนพลังงานนั้นว่า "ปัจจุบัน" ก็ได้, จุดที่มนุษย์โลกเรียกกลุ่มก้อนพลังงานนั้นว่า "อดีต" ก็ได้, จุดที่มนุษย์โลกเรียกกลุ่มก้อนพลังงานนั้นว่า "อนาคต" ก็ได้ ท่านสามารถหยั่งลงไปในกาลเวลาทั้งสามนั้นได้ทั้งหมด ณ จุดนี้ ท่านกำลังอยู่ที่ "ประตูอกาลิโก" ท่านเห็นทั้งหมดเป็นเพียงธรรมชาติอย่างหนึ่งในจักรวาลนี้เท่านั้น ไม่มีสาระในอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคต มันเป็นเพียงธรรมชาติเล็กๆ อย่างหนึ่งที่แปรปรวนไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้เท่านั้น มันเป็นเพียงธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ไม่อาจยึดมั่นเป็นตัวใครของใครได้ มันเป็นของมันเช่นนี้เอง ไม่ใช่ความถูก, ความผิด, ความดี, ความชั่ว, ความรัก, ความชัง หรืออะไรใดๆ เลย ท่านกำลังเห็นทุกอย่างในจักรวาลทั้งในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต พร้อมกันในสภาพนี้ ด้วย "ประตูมิติแห่งอกาลิโก"
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ประตูมิติบานต่อไป มีสามบาน ซึ่งเกิดจาก "สมมุติของโลกใบนี้" สร้างขึ้นมาเอง โดยโลกนี้ได้สมมุติ เวลา ณ ปัจจุบันว่า "โลกปัจจุบัน" สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ ณ เวลาที่ผ่านไปแล้วว่า "โลกอดีต" และ สิ่งต่างๆ ที่จะมีเกิดขึ้นในอนาคตว่า "โลกอนาคต" เราจะเปิดประตูมิตินี้ซึ่งมีสามประตู ให้ท่านได้สัมผัสต่อไป โดยให้ท่านมองออกจากประตูอกาลิโกนี้ ให้ท่านเห็นโลกของท่านเหมือนก้อนพลังงานหนึ่งๆ ที่มีพลังงานไหลออกไปอยู่ตลอดเวลา พลังงานที่ไหลออกไปเป็น "ภาคส่วนพลังงานของอดีตของโลกใบนี้" และมีพลังงานอีกมากมายกำลังจะไหลเข้ามายังโลกของท่านเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกของท่านไปสู่อนาคต พลังงานส่วนนี้เรียกว่า "ภาคส่วนพลังงานของอนาคตของโลกใบนี้" ให้ท่านเห็นเหมือนเห็นโลกเป็นสามโลก เหมือนมีลูกแก้วกลมๆ สามลูกอยู่ตรงหน้าท่าน ลูกตรงกลางคือ "โลกปัจจุบัน" ลูกก่อนหน้าคือ "โลกอดีต" และลูกถัดไป คือ "โลกอนาคต" ลูกแก้วทั้งสามลูกนี้ ท่านสามารถหยั่งกระแสจิตของท่านลงไปดู เพื่อที่จะรับรู้หรือเห็นโลกนั้นๆ ได้ชัดแจ้งชัดเจน ในลูกแก้วนี้มีพลังงานของมันอยู่ จิตท่านสามารถสัมผัสและอ่านมันได้ ทั้งโลกอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต โดยเมื่อท่านหยั่งกระแสจิตลงโลกปัจจุบัน ท่านก็ได้เข้า "ประตูแห่งโลกปัจจุบัน" แล้ว และถ้าท่านหยั่งกระแสจิตลงโลกอนาคต ท่านก็ได้เข้า "ประตูแห่งโลกอนาคต" แล้ว และถ้าท่านหยั่งกระแสจิตลงโลกอดีต ท่านก็ได้เข้า "ประตูแห่งโลกอดีต" แล้ว ท่านจะเข้าสู่ประตูใดก็ได้ ตามแต่ท่านจะทดลองเข้าไป เมื่อท่านหยั่งเข้าไปดูแล้ว ท่านสัมผัสอะไรได้บ้างหรือไม่ เมื่อท่านได้ท่องไปในกาลเวลาทั้งสามนี้จนพอใจแล้ว ขอให้ท่านค่อยๆ กลับเข้าไปสู่โลกปัจจุบันของท่าน เพื่อให้ท่านสามารถปรับตัวได้ในโลกปัจจุบันต่อไป
     
  8. สรรพญาณ

    สรรพญาณ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1
    หลักในการเปิดประตูแห่งการเวลานี่ คือ เราต้องทำจิตให้เป็นสมาธิ หลับตานึกถึงภาพจักรวาลไปเรื่อยๆแจนกว่าจะเจอเส้นแสงพลังงานเหรอคะ
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ต่อไป เป็นวิธีติดต่อกับตัวท่านเองในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต ดังที่เราได้เปิดประตูมิติให้แก่ท่านเห็นแล้ว ว่าสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนของตน และให้ท่านได้สัมผัสถึงมิติแห่งพลังงานที่เดินทางเหมือนเส้นแสง จากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่งในจักรวาลนี้ จากตัวท่านเอง ปัจจุบัน ไปรอท่านอยู่ในอนาคต (ซึ่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของท่านในอนาคตด้วย) และพลังงานเก่าที่เกิดจากตัวท่านเองในอดีตทำไว้ แล้วมาถึงสังขารปัจจุบันของท่าน ท่านเห็นตัวท่านเหมือนพลังงานแสงอย่างหนึ่งที่เดินทางยาวไกลในจักรวาลนี้ พอชัดไหม เห็นพลังแสงในอดีตที่กำลังเดินทางมาถึงท่าน, เห็นพลังงานแสง ณ ปัจจุบันที่กำลังเดินทางไปรอท่านในอนาคต และทั้งหมดนี้ "ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน" เหมือนเส้นแสงเส้นหนึ่งยาวๆ ในจักรวาลนี้เท่านั้นเอง เมื่อท่านได้เห็นตัวท่านเองในลักษณะนี้แล้ว ท่านสามารถสื่อสารกับตัวของท่านเองในอดีตและอนาคตได้ด้วย ให้ท่านน้อมจิตระลึกเหมือนว่าท่านไม่ใช่ตัวตนของตนแบบสังขารที่เห็นด้วยตาเนื้อนี้ แต่ท่านเป็นเหมือนเส้นแสงยาวๆ ต้นทางที่กำลังมาสู่ตัวท่านนั้นเดินทางมาจากอดีต และปลายแสงที่เดินทางออกจากตัวท่านไปแล้วคืออนาคตของท่านเอง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น "ท่านเองทั้งสิ้น" ซึ่งมีอยู่ในกาลทั้งสามคือ อดีต, ปัจจุบัน, และอนาคต ท่านสามารถหยั่งกระแสจิตลงเพื่อรับรู้และสื่อสารกับตนเอง ณ จุดใดจุดหนึ่งก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแสงในอนาคต (ที่จะไปร่วมสังขารในอนาคตของท่าน) หรือแสงในอดีตที่ปล่อยออกมาจากตัวท่านในอดีต (ซึ่งสังขารนั้นสิ้นสภาพเดินไปแล้ว) ท่านสามารถสื่อสารกับตัวท่านเองได้ด้วยวิธีการดังกล่าว ขอให้ท่านสนุกกับการ "เดินทางผ่านกาลเวลา" และ "ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ" สำหรับข้าพเจ้า ขอจบการสื่อสารเพียงเท่านี้
     
  10. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    <สดใสไสวสว่าง ครับท่าน>

    ตามมาอ่าน ........ อย่าตกใจ !!

    จะไปอดีต จะไปอนาคต ถ้าไปแล้ว หอบกองกิเลสตามไปด้วย จะไปทำไม อ่ะครับ

    ณ เวลาไหนก็เดือดร้อน

    จะไปปลูกบ้านอยู่ดาวอังคาร หรือกาแล็กซี่อื่นสุดขอบจักรวาล ก็เดือดร้อน


    พระท่านเลยให้ทำปัจจุบันให้ดี เพราะ อดีต ย้อนไปทำไม่ได้ อณาคต ล่วงไปทำไม่ได้


    อนาคตรู้ว่าต้องหิว ปัจจุบันจึงต้องกิน
    อนาคต้องใช้กะตัง ปัจุบันต้องทำงาน
    อดีตทำเลวไว้เยะ ปัจุบันทำดีมากขึ้น
    อดีตขาดแคลน ปัจุบันต้องแสวงหา


    มันเชื่อมโยงกัน หรือเปล่าครับท่าน อะไรอะไร มันเลี่ยงปัจุบันไปไม่พ้น
    เพราะมันก็เป็นของมันอย่างนี้ อย่างนี้
    แล้วเราก็อยู่กับมันอย่างนี้อย่างนี้ บนโลกใบนี้




    อีกนิดนะท่าน ...

    ก็เพราะกายเนื้อนี่แหละ ที่มนุษย์ต้องวุ่นวายกันอยู่นี่ เพราะต้องคอยสนองความต้องการ ประคองสังขารของกายเนื้อนี่แหละ ยิ่งกว่าโดนขังในกรงอีกนะท่าน พวกพลังงานอย่างท่าน ไม่เดือดร้อนอะไรแบบนี้ ใช่ป่ะล่ะ

    อิจฉานะเนี่ย .......{{ พลังงานด้าน ลบ }} หึ หึ




    ท่านสรุปหน่อยได้ไหมว่า ประโยชน์ที่แท้จริงของการ ไปคุยกับตัวเอง ในอดีต และอณาคตคืออะไร

    เกิดคุณประโยชน์ อะไรกับ กายเนื้อและวิญญาณ

    เพราะถ้าไม่มีจะทำไปเพื่ออะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2011
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ขอจบการสื่อสารจากเทพแห่งกาลเวลาเพียงเท่านี้ ๒๒ มิ.ย. ๒๐๑๑ รับสื่อสารโดย "อพอลโล่"
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ไม่จำเป็นต้องเห็นก็ได้ครับ (บางท่านเห็นรูปนิมิต แต่บางท่านได้แต่ข่าวสารที่สื่อออกมาโดยไม่เห็นอะไรเลย) ธรรมชาติมีอยู่พร้อมแล้วหมด พลังงานเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมดอยู่แล้ว เราเพียง "จิตตรง" ต่อประตูทีละบาน แล้วมันจะเปิดเข้าไปเองโดยอัตโนมัติ ทีละประตูประตูไป เหมือนเราเปิดประตูในห้องมืด พอประตูเปิดมันก็ "สว่าง" แล้วเราก็ค่อยๆ ไปทีละประตู โดยการไม่ต้องหา ไม่ต้องค้น แค่ "จิตตรง" กับลักษณะของแต่ละประตู พอจิตตรงปั้บ ประตูจะเปิดปุ้บ แล้วมันจะสว่าง แล้วเราจึงจะได้รับสื่อสารจากสิ่งที่เปิดออกมาได้ครับ
     
  13. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314
    ขอบคุณคุณอพอลโล่นะคะสำหรับเรื่องๆนี้
    เป็นความรู้ใหม่สำหรับดิฉันอีกเรื่องค่ะ
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    กิเลสเป็นธรรมชาติหนึ่งเท่านั้น หากคุณศึกษาวัชรยาน เขาจะแจ้งชัดแก่คุณเลยว่า "ไม่จำเป็นต้องตัดหรือละกิเลส หรือปฏิเสธกิเลสเลย" เพราะกิเลสนั่นแหละ คือ "แรงขับดันให้กระทำ" แต่เขาเรียนรู้การใช้กิเลส เหมือนการใช้พิษรักษาโรคครับ สิ่งที่ผมสื่อนี้เป็นเพียง "สัจธรรม" เท่านั้น ท่านสามารถทดลองและพิสูจน์ได้เอง ไม่ใช่ "วิธีการฝึกจิต" ขอให้เข้าใจ หากท่านทดลองแล้ว ได้หรือไม่ได้ผล สำเร็จหรือล้มเหลว มันก็ "จบลงแค่การทดลองหนึ่ง" เท่านั้นเอง ไม่ใช่ "วิธีการปฏิบัติทางจิต" อะไร ที่คนจะต้องเอาไปสลักสำคัญมั่นหมายหรือฝึกกัน ถ้าใครจะได้ด้วยบุญวาสนาเก่าของเขา เขาก็จะได้โดยง่าย ถ้าใครไม่ได้ในแนวนี้ ก็ไม่เป็นไร ก็ปล่อยมันไปนะครับ ไม่ต้องพยายามจะให้มันได้ (เพราะท่านอาจได้หรือเข้าล็อกกับธรรมจักรวาลจากมหาเทพองค์อื่น (วิสุทธิเทพผู้บรรลุธรรมแล้ว) ที่เป็นสายบุญ สายบารมีของท่านเอง ก็มีได้ เป็นได้)
     
  15. SUGAR__SPICE

    SUGAR__SPICE สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +0
    ;aa24 Wow that's Amazing! Thanx' 2 posting it! :cool::cool::cool: Just trying ;aa21Dude!
     
  16. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    <สดใสไสวสว่าง ครับท่าน> <---- ถือเป็นประโยค สวัสดี ต่อท่านแล้วกันนะ



    บุญวาศนาเก่า ของเขา นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ

    ทาง พุทธ ว่าไว้ประมาณว่า กิเสล เป็นเครื่องฉุดรั้ง การสร้างบุญ
    หากไม่ ลด ละ ตัด กิเลสลงบ้างแล้ว จะสร้างบุญได้อย่างไร รังแต่จะสร้างบาป


    ตามแนวของท่าน ...... บุญ งอกเองได้จาก กองกิเลส หรือครับ
    แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่า เมื่อใช้กิเลสทำงาน แล้วผลของมันจะออกมา ดี

    มีกิเลส ชอบกินเหล้า
    มีกิเลสชอบ ฆ่าสัตว์ทำร้ายเขาได้สนุก
    มีกิเสลชอบ เล่นลูกสาวชาวบ้าน เมียใครสวยๆก็ชอบ
    มีกิเลสชอบ พูดโก6 เอาประโยชน์เข้าตัว
    มีกิเลสชอบ เอาสิ่งของของคนอื่นที่เขาไม่ให้ไว้ มาเป็นของตัว


    กิเลสทั้ง 5 ตัวนี้ ตามแนวทางของท่านจะเอาไปใช้ อย่างไรให้เกิดคุณประโยชน์ อย่าบอกว่า ใช้โดยการ ไม่ใช้นะ เพราะนั่นคือแนว พุทธ

    เอาแนวของท่าน ตรงๆเลยครับ
     
  17. สรรพญาณ

    สรรพญาณ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1
    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องเดินไปอย่างไรให้ถึงประตู เพราะถ้าทางมันมืด เราก็มองทางไม่เห็น ไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน ถึงจะเจอประตู แล้วจิตตรง นี่หมายถึงการทำจิตให้ว่างใช่หรือไม่
     
  18. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    เหมือนง่ายนะคะ แต่ชีวิตก็เต็มไปด้วยความซับซ้อนค่ะ
     
  19. ศานติ าณ

    ศานติ าณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,063
    กราบขอบพระคุณ ท่าน"มหาเทพแห่งกาลเวลา" และอนุโมทนากับท่านอพอลโล

    ที่ได้สื่อสารสัจธรรม เพื่อช่วยเปิดจิตและยกระดับจิตในเรื่องมิติของเวลา

    ให้พวกเรา
     
  20. อาจีฟา

    อาจีฟา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้าตามที่ผมเข้าใจการเรียนรู้กิเลส ที่ จขกท น่าจะประมาณว่า
    ถ้าอยากได้ก็หามา แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของความสุจริต
    ถ้าโกรธก็ระบายไปอาจมีถกเถียงไรบ้างแต่ก็ต้องมีขอบไม่ให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน
    ตามนี้พลังความโลภ โกรธ ในขณะนั้นก็จะจางไปเพราะมันได้ใช้ไปในตัวมันแล้ว
    จิตก็จะสงบขึ้นก็เป็นบุญได้ สรุปวิธีแบบนี้ถ้าจะทำไรก็ทำแต่ต้องมีขอบของศีลธรรม
    แต่คนที่เข้าใจหลักนี้จริงๆ เขาก็มีขอบเขตศีลธรรมโดยตัวมันเองอยู่แล้ว
    ต้องแยกก่อนว่ากิเลสไม่ใช่เรื่องของศีลธรรม กิเลสเป็นเรื่อง ความโลถ โกรธ หลง
    คนดีมีศีลธรรมก็มีกิเลสได้ ศีลธรรมเป็นเรื่องของความเมตตา ขั้นแรกที่เราจะเรียนรู้
    สัจธรรมต้องเริ่มที่ความเมตตาก่อนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...