เป็นเจ้าภาพผ้าป่าตลอดปี2567 ตั้งธนาคารบุญช่วยค่าน้ำ-ไฟวัดวีระโชติ วันละ 1 บาท หน้าที่5

เรียนเชิญเป็นเจ้าภาพผ้าป่าตลอดปี2558 ตั้งธนาคารบุญกองทุน ค่าน้ำ-ค่าไฟวัดวีระโชติ วันละ 1 บาท ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ หรือตั้งเป็นธนาคารบุญในนาม ตระกูลหรือนามสกุล ของเราเอง เริ่มต้นที่กองทุนละ 1,000 บาทโดยทางวัดจะจัดทำบัญชีธนาคารกองทุนให้​

​

ด้วยเหตุที่ค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟฟ้าที่วัดมีจำนวนสูงมาก เดือนละ 60,000 กว่าบาท ทุกเดือน ในกรรมเก่าบางกรรมที่ส่งผลให้กับชีวิตและการทำงานของเรานั้น มาจากการเหนี่ยวรั้งของกรรมไม่ดี มาปิดทางไม่ให้กรรมดีส่งผล เจ้ากรรมนายเวรเขาจะบังคับหรือชักนำให้เราหลงทางที่จะพบความเจริญ มีความคิดที่ผิด ที่ชอบที่ควร เกิดทิฐินึกว่าสิ่งที่ทำหรืออาชีพที่ทำนั้นดีอยู่แล้ว แต่ทว่าไม่มีทางสำเร็จลงได้ หมั่นถวายเงินหรือปัจจัยนี้เมื่อมีโอกาส
การเป็นเจ้าภาพค่ากระแสไฟเปรียบเหมือนการชำระหนี้สงฆ์ควรทำ เพราะเชื่อว่าที่ผ่านมาหลายร้อยชาติที่เกิดมา ต้องมีการพลั้งพลาดในการติดหนี้สงฆ์แน่นอน แค่ไปวัดมีเศษดินเศษไม้ ติดรองเท้ามาก็ถือว่าเป็นหนี้แล้ว หรือไปใช้ไฟใช้น้ำที่ต้องต่างๆเล็กน้อย ไม่รวมกับการไปรับปากว่าจะทำอะไรหรือตั้งใจจะทำอะไรให้กับพระพุทธศาสนาแล้วไม่ได้ทำไม่ว่าด้วยเหตุอันใดก็ตาม
อย่าไปคิดเงินที่เราหยอดผ่านตามตู้ที่เราหยอดนั้น เขาจะไปเอาทำอะไร ถ้าเรามัวแต่ไปเสียดาย สงสัย บุญนั้นจะส่งผลไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคกรรมขวางทางอยู่

สำหรับผู้สนใจจองเป็นเจ้าภาพในแต่ละเดือนนั้นไม่จำกัดจำนวนเจ้าภาพ แต่หากเป็นเจ้าภาพตั้งแต่ 5,000 บาท ทางวัดจะจัดทำสมุดธนาคารในชื่อเจ้าภาพให้หรือทำตามกำลังศรัทธาก็ได้ สามารถโทรติดต่อเพื่อจองเป็นเจ้าภาพ โดยให้ชื่อ-สกุล ในหน้าเพจนี้ก็ได้

หรือทำบุญผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสุวินทวงศ์ ฉะเชิงเทรา ชื่อพระครูวินัยธรองอาจ อาภากโร(กองทุนค่าไฟฟ้าวัด) เลขที่ 409-2-41136-8 โอนแล้วช่วยแจ้ง sms ที่เบอร์ 087 922 4888[/SIZE][/B]

 

ธนาคารบุญ ต่อเดือน กองละ 100 บาท

 

อานิสงส์แห่งการถวายไฟฟ้าเป็นพุทธบูชา
๑.ย่อมเป็นผู้รู้คุณของพระรัตนตรัยทำให้มีศรัทธามั่นคง ๒.เป็นผู้มีความเคารพมีสัมมาคารวะ
๓.เป็นผู้มีดวงตาสดใสสวยงามมองได้ไกลดวงตาบริสุทธิ์บริบูรณ์ ๔.ทำให้เป็นผู้มีทิพยจักษุ(ตาทิพย์)
๕.มีผิวพรรณผ่องใสมีจิตใจสดชื่นเบิกบาน ๖.มีรัศมีกายสว่างไสวมีสติสัมปชัญญะไม่ประมาทในชีวิต
๗.ทำให้มีปัญญาเฉลียวฉลาดมีปฎิภาณว่องไวแตกฉานในสรรพวิชชาทั้งทางโลกและทางธรรม ๘.ย่อมไม่ไปเกิดในทุคติ
๙.ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

 

ด้วยวัดวีระโชติธรรมาราม โดยหลวงพ่อองอาจเป็นเจ้าอาวาส เป็นวัดสร้างใหม่ ตั้งอยู่ที่ บ้านบึงลำวังคา เลขที่ ๓๒ หมู่ที่ ๔ ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งให้เป็นวัดเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ มีอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ มีพระภิกษุจำพรรษาปีละ ๓๐ รูปเป็นอย่างต่ำ และยังมีอาคารสถานที่เพื่อลองรับพระภิกษุและญาติโยมเดินมาพักเพื่อมาปฎิบัติที่เป็นหลายอาคารด้วยกัน ตั้งให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดฉะเชิงเทราแห่งที่ ๒๘ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีผู้มาปฎิบัติธรรมคราวละประมาณ ๒๐๐ – ๔๐๐ คน/ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ในแต่ละเดือน ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟฟ้าภายในวัดเดือนละ ๖๐,๐๐๐ – ๗๐,๐๐๐ /เดือน
จึงเรียนเชิญท่านผู้มีเกียรติและมีศรัทธาในอานิสงส์แห่งดวงตาเห็นธรรม เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าในครั้งนี้โดยพร้อมเพียงกันเทอญ.

 

โอนจากบัญชี 419-2-*****-5
ชื่อบัญชีผู้โอน นาย บุรักษ์ ศาลากิจ
เลขที่บัญชีผู้รับโอน 409-2-41136-8
ธนาคารผู้รับโอน ธ.กสิกรไทย - KBANK
ชื่อบัญชีผู้รับโอน PRA AONGART ARPAKARO
จำนวนเงิน (บาท) 600.00
ค่าธรรมเนียม 0.00
วันที่ได้รับยอดเงินโอน 24/04/2013 17.30 น.
วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี 24/04/2013
หมายเลขอ้างอิงรายการ tmbi33913531

ถวายไฟฟ้าเป็นพุทธบูชา

อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

 

สรุปยอดทำบุญผ้าป่าวันละ 1 บาท ช่วยค่าไฟฟ้าหลวงพ่อองอาจ วันที่ 25 เมษายน 2556
1.หวังซื่อ ชาเย็น รส เย็นชา 20 บาท
2.คุณภีรียศ เมฆม่วงแก้ว จากจ.นราธิวาส 500 บาท
3.วัดกัน ที่ใจ 400 บาท
4.เฮียปอ ตำมะลัง 600 บาท
รวม 1,520 บาท

 

ถวายค่าสาธารณูปโภคในวัด (ค่าน้ำ-ค่าไฟ) ทำให้เกิดแสงสว่างสำเร็จซึ่งทิพยจักษุในชีวิตสว่างไสวและร่มเย็นเป็นสุข มีกินมีใช้อุดมสมบูรณ์ทุกๆ ประการ

ที่มา อานิสงส์ของการทำบุญ |

 

สรุปยอดทำบุญผ้าป่าวันละ 1 บาท ช่วยค่าไฟฟ้าหลวงพ่อองอาจ
วันที่ 29 เมษายน 2556

1. หวังซื่อ ชาเย็น รส เย็นชา 20 บาท
2. คุณภีรียศ เมฆม่วงแก้ว จากจ.นราธิวาส 500 บาท
3. วัดกัน ที่ใจ 400 บาท
4. เฮียปอ ตำมะลัง 600 บาท
5. 08159898xx ร่วมบุญกองทุนไฟฟ้า 1,000 บาท 28 เม.ย. 56 เวลา 19.40 น.
6. 08288989xx ร่วมบุญกองทุนไฟฟ้า 500 บาท 28 เม.ย. 56 เวลา 21.40 น.
7. พลกฤต พวงวลัยสิน โอนแล้ว ค่าไฟ 365 บาท ค่าน้ำ 365 บาท รวม 730 บาท 29/04/2556 เวลา 10.48 น.

รวม 3,750 บาท

 

เป็นเจ้าภาพทำบุญกองทุนค่าไฟฟ้าวัดวีระโชติธรรมาราม
กองทุนละ 1,499 บาท รับเจ้าสัวน้อย ตะกรุดยันต์เกราะเพชร สร้อยคริสตรัล(โมด้า)
พิธีพุทธาภิเษก
1.วัดวีระโชติฯ วันเสาร์ 5 วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2556
2.วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) สระบุรี วันที่ 1 พฤษภาคม 2556
ครูบาอาจารย์ในสายพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีฯ ​

 

เป็นเจ้าภาพทำบุญกองทุนค่าไฟฟ้าวัดวีระโชติธรรมาราม

1.กองทุนละ 1,499 บาท รับเจ้าสัวน้อย ตะกรุดยันต์เกราะเพชร สร้อยคริสตรัล(โมด้า)
2.กองทุนละ 799 บาท รับเจ้าสัวน้อย รวยทรัพย์ สร้อยคริสตรัล(โมด้า) หลากสี

พิธีพุทธาภิเษก
1.วัดวีระโชติฯ วันเสาร์ 5 วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2556
2.วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) สระบุรี วันที่ 1 พฤษภาคม 2556
ครูบาอาจารย์ในสายพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีฯ

 

สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ
หลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุง เนื้อดินเผา+มวลสาร

อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวข้ามปี 56 โดยหลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร

จัดสร้างโดยคุณลัก...ยิ้มเเละคณะเพื่องานพระพุทธศาสนา
โดยนำถวายครูบาอาจารย์ในสายของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

พระผงรูปทรงไข่ ขนาดกว้าง 2.4 ซม. สูง 2.9 ซม.

โดยครั้งเเรกได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกเสาร์ ๕
ท่านพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญโญ(หลวงพี่เล็ก) วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
ในวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

หลังจากนั้นได้นำถวายครูบาอาจารย์ดังนี้

1. ท่านพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญโญ(หลวงพี่เล็ก) วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
2. (หลวงพี่สมปอง) บ้านสบายใจ
3. ท่านพระครูปลัดวิรัช วัดธรรมยาน จ.เพชรบูรณ์
4. (หลวงตาชลอ) วัดศาลพันท้าย จ.สมุทรสาคร
5. ตุ๊พ่อมหาสิงห์ วัดถ้ำป่าไผ่ จ. ลำพูน..นำถวายโดยคุณวุฒิพงษ์
6. หลวงตาวัชรชัย วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) จ.สระบุรี
7. ( หลวงพี่องอาจ) สำนักปฏิบัติธรรมวีระธรรมโชติ จ.ฉะเชิงเทรา
8. ท่านพระสมุห์ปรินทร์ ธัมมสรโณ วัดเขาแร่ จ. สุโขทัย

รายการมวลสาร
1. น้ำมันสังคโลกและนำมันชาตรี..ได้รับเมตตาจากท่าน ดร.ปทัต นาถจำนง
2. น้ำมนต์ น้ำมัน น้ำหมากแช่สมเด็จองค์ปฐมทันใจ วัดเขากะจี..ของพี่มหาหิน
3. ผงไตรรัตนาธิคุณ ... ได้รับเมตตาจากหลวงพี่เอก วัดเขาแร่
4. น้ำพุทธมนต์ 500 บ่อ... "------------------------------------"
5. ดอกไม้แห้งและแผ่นทองคำเปลว ผ่านพิธีเสาร์ 5 (12/1/51) หลวงพี่เล็ก
6. ดอกไม้แห้ง เทียนชัยและแผ่นทองคำเปลว ผ่านพุทธาภิเษาววัดมงคลธรรม กายาราม ...โดยการนำพิธีของท่าน ดร.ปทัต นาถจำนงและคณะทั้งหก
7. แป้งเสกหลวงปู่บุดดา (คิดว่าจำไม่ผิด ยิ้มเช่ามาจากกระทู้ในพลังจิต)
8. ยานัตถ์ หมอมี ... เมตตาจากท่าน ดร.ปทัต นาถจำนง
9.เทียนกรรมฐานและชานหมากบูชา ... ได้รับเมตตาจากหลวงพี่สมปอง
10.แผ่นทองคำเปลว อธิฐานจิตโดย หลวงปู่ครูบาครอง วัดท่ามะเกว๋น จ.ลำปาง ,ตุ๊พ่อมหาสิงห์(กำลังเดินทาง) และหลวงตาวัชรชัย
11.ข้าวสารเสก วัดพระบรมมหาธาตุวิชิรมงคล วันที่ 27/5/50 จตุคามรามเทพรุ่นพุทธธรรมบันลือ...ได้รับเมตตาจากคุณอภิชาติมอบให้
12.ข้าวสารเสก สำนักปฏิบัติธรรมทิพยสถานธรรม เกาะยอ สงขลา 31/5/50
...ได้รับเมตตาจากคุณอภิชาติมอบให้
13.ผงธูปวัดหลวงพ่อพัฒน์...ได้รับเมตตาจากคุณอภิชาติมอบให้
14.ผงข้าวสารเสกวัดท่าขนุนพิธีเสาร์๕หลายครั้ง
วัดท่าซุงและวัดพระมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ ผงธูปวัดใหม่พัฒนาราม จ.สุราษฎร์ธานี..........ได้รับเมตตาจากคุณอภิชาติมอบให้
16. เทียนเสกน้ำมนต์ หลวงพ่อสิริ สิริวฒฺโน...ได้รับเมตตาจากคุณนิว
17. มวลสารบดของคณะสหธรรมมิกราช....ได้รับเมตตาจากคุณนิว
18. ดอกไม้ที่ผู้ศรัทธานำมากราบและหลวงพี่เล็กนำถวายบูชาพระ..รับเมตตาจากพี่อภิชาติ
19. ข้าวที่ถวายเพลหลวงพี่เล็ก นำมาตากแห้ง...ได้รับเมตตาจากพี่อภิชาติ
20. รวมมวลสารทั้งหมดไม่ตำกว่า 4000 ชนิด ได้รับเมตตาจากพี่วุฒิพงษ์

by http://palungjit.org/threads/%E0%B...81.361592/

http://palungjit.org/attachments/a.2592889/​

 

กิจกรรมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าตลอดปี 56 ตั้งธนาคารบุญกองทุน ค่าน้ำ-ค่าไฟวัดวีระโชติ วันละ 1 บาท 1 ปีเท่ากับ 365 บาท​

https://www.facebook.com/events/139367482913500/

 

อานิสงส์การทำบุญด้วยแสงไฟ
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
อัตตา หิ อัตตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อัตตา หิ สุทันเตนะ นาถัง ลภติ ทุลลภัง ตีติ

ณ โอกาสบัดนี้ อาตมาจะแสดงพระสัทธรรมเทศนา ในความเป็นมาของพระอนุรุทธ เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองค์ศรัทธาบารมี แก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่มาบำเพ็ญกุศลในวันนี้
สำหรับวันนี้ ตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคม 2535 เป็นวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เราก็เรียกกันว่าวันจะเข้าพรรษา บางวัดก็เข้าพรรษาวันนี้ บางวัดก็เข้าพรรษาวันพรุ่งนี้ แต่สำหรับวัดท่าซุงเข้าพรรษาวันนี้ เป็นอันว่าวันนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทำบุญมีอานิสงส์ 2 ประการด้วยกัน คือ
1. ถวายเทียนเข้าพรรษา
2. ถวายผ้าไตร หรือผ้าวัสสิกสา แก่บรรดาพระสงฆ์
ทั้งสองอย่างนี้มีอานิสงส์ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างแรก ถวายเทียนเข้าพรรษาจะเทศน์วันนี้ สำหรับอานิสงส์ถวายผ้าไตรจะเทศน์วันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้ไม่จบ

พระอนุรุทธ
เป็นอันว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงปรารภพระอนุรุทธ ความจริงพระอนุรุทธนี่เป็นพระอนุชาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุชานะไม่ใช่อาชานะ อนุชานี่เขาแปลว่าน้อง อาชาแปลว่าม้า เป็นน้องพระพุทธเจ้า คือว่าเป็นลูกของอา ในตระกูลมีอยู่ 2 คน คือ ท่านมหานาม 1 สอง พระอนุรุทธ
ในสมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ท่านท้าวมหานามก็ปรารภกับน้องชายว่า เวลานั้นท้าวมหานามเป็นพระมหากษัตริย์ ตระกูลอื่นเขาก็มีคนบวชกันหมดแล้ว ตระกูลของเรายังไม่มีใครบวช ถ้ายังงั้นขอให้น้องเป็นพระราชาต่อไป พี่จะบวช พระอนุรุทธก็บอกว่า การเป็นพระราชาทำยังไง เวลานั้นพระราชาต้องทำนาเหมือนกัน ก็ต้องเลี้ยงทหาร เขาบอกว่า ตอนต้นปีก็ไถนาแล้วก็หว่าน พอปลายปีก็เกี่ยวข้าวเอาเข้าฉาง ต้นปีไถนาแล้วก็หว่าน ปลายปีเกี่ยวข้าวเข้าฉาง แบบนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต พระอนุรุทธถามว่า ไอ้การทำนานี่ไม่มีการเลิกรึ ท่านมหานามบอก เลิกไม่ได้ พระอนุรุทธก็บอกว่า ถ้ายังงั้นพี่อยู่เถอะฉันบวชเอง ก็ไปชวนเพื่อนอีก 4 คนบวช

เป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ
เมื่อบวชเข้ามาแล้วก็ปรากฎว่า พระอนุรุทธเจริญพระกรรมฐานไม่ช้าไม่นานนัก วันเข้าพรรษาวันนี้ก็ได้บรรลุอรหัตถผลพร้อมไปด้วยทิพจักขุญาณ เป็นพระวิชชาสาม ต่อมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งพระอนุรุทธเป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ นั่นหมายความว่า พระอรหันต์นี่มี 4 ขั้น ตัดกิเลสได้เหมือนกัน แต่ความสามารถไม่เท่ากัน คือ
1. สุกขวิปัสสโก ตัดกิเลสได้ แต่ไม่มีจิตเป็นทิพย์ ไม่สามารถเห็นผี นรก สวรรค์ ได้
2. เตวิชโช อย่างนี้สามารถมีจิตเป็นทิพย์ เห็นสวรรค์ได้ นรกได้ เปรตได้ อสุรกายได้ เห็นอะไรก็ได้ และสามารถระลึกชาติได้
3. ฉฬภิญโญ สำหรับหมวดนี้เหาะเหินเดินอากาศได้ แปลงได้ เนรมิตได้
4. ปฏิสัมภิทัปปัตโต ปฏิสัมภิทาญาณ มีความฉลาดมาก
ฉะนั้น สำหรับพระอนุรุทธเป็นพระอรหันต์ขั้นวิชชาสาม แต่ความจริงพระอรหันต์ขั้นวิชชาสามนี่ความจริงต้องอ่อนกว่าทุกอย่าง อ่อนกว่าฉฬภิญโญ ฉฬภิญโญก็คืออภิญญาหก แต่ว่านี่ท่านเข้มแข็งในด้านทิพจักขุญาณ จะพิสูจน์ในสมัยองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านิพพานเวลานั้น เวลาที่พระพุทธเจ้านิพพาน พระอนุรุทธเข้าฌานตาม พระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์ ไม่สามารถจะเข้าฌานตามได้ ไม่รู้จิตใจของพระพุทธเจ้าว่าเวลานี้อยู่ที่ไหน แต่สำหรับพระอนุรุทธติดตามได้
พระอานนท์เข้าไปสะกิดถาม หลวงพี่ เวลานี้พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ไปนิพพานหรือยัง ในขณะที่ท่านจะเข้านิพพานท่านเข้าสมาธิเต็มที่ ไอ้การเข้าสมาธิเต็มที่นี่ บรรดาพุทธบริษัทบางทีเขานึกว่าหัวใจหยุดเต้น ความจริงไม่หยุด มันเต้นเบาลมหายใจน้อย บางคนคิดว่าไม่มีลมหายใจ ท่านก็บอกว่า เวลาที่พระพุทธเจ้าอยู่ที่ฌาน 1 บ้าง ฌาน 2 บ้าง ฌาน 3 บ้าง ฌาน 4 บ้าง ในอรูปฌานบ้าง แล้วเลื่อนมาในฌาน 4 ของรูปฌาน นิพพานตอนนั้น
นี่จะเห็นว่าพระอนุรุทธชื่อว่าเป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ เลิศจริง ๆ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า กล่าวถึงประวัตินะ ตอนนี้ยังไม่นิพพาน ท่านบอกว่า พระอนุรุทธนี่ในสมัยชาติก่อนชอบทำบุญด้วยแสงไฟ
ก็อย่างที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย บูชาเทียนเข้าพรรษานี่แหละ บูชาเทียนเข้าพรรษาบ้าง ช่วยค่ากระแสไฟฟ้าบ้าง ช่วยน้ำมันตะเกียงบ้าง อย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องให้เกิดแสงไฟ ให้เกิดแสงสว่างขึ้น พระอนุรุทธชอบทำอย่างนี้ ทุกวาระถึงปีถึงเวลาเข้าพรรษาก็นำเทียนเข้าพรรษาถวายตามวัด วันละหลาย ๆ วัด เป็นการบูชาให้แสงสว่าง ฉะนั้น มาชาติหลังสุด อานิสงส์ถวายเทียนเข้าพรรษา แสงไฟ จึงได้ทิพจักขุญาณเป็นเลิศกว่าพระอรหันต์ทุกองค์ นี่เป็นประวัติตอนท้ายนะ ประวัติของพระอนุรุทธนี่มีหลายตอน จะขอตัดเป็นตอน ๆ
*****************

 

อานิสงส์ติดไฟฟ้าห้องส้วม
โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญญาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 4

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=562768177101148&set=oa.580422918645739&type=1&theater

 

เชิญเข้าร่วมกิจกรรม เป็นเจ้าภาพผ้าป่าตลอดปี 56 ตั้งธนาคารบุญกองทุน ค่าน้ำ-ค่าไฟวัดวีระโชติ วันละ 1 บาท 1 ปีเท่ากับ 365 บาท

https://www.facebook.com/events/139367482913500/​

 

ตั้งธนาคารบุญกองทุน ค่าน้ำ-ค่าไฟวัดวีระโชติ วันละ 1 บาท ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ

โครงการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา
*เข้าวัดทุกวันพระ วัดวีระโชติ*
ธรรมะ วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง
ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราชที่ ๒๕๕๖

๑ ถูกใจ ๑ แชร์ ๑ อานิสงส์แห่งธรรมทาน (กดถูกใจหรือแชร์ก็ถือว่าได้บุญแล้ว)

วันอัฏฐมีบูชา คือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง
เป็นวันที่ชาวพุทธต้องมีความเสียใจและสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูง จึงเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวชและระลึกถึงพระพุทธคุณ ให้สำเร็จเป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย)

นอกจากนั้น วันนี้เป็นวันคล้ายวันที่พระนางสิริมหามายา องค์พระพุทธมารดาสิ้นพระชนม์ (หลังประสูติ)
และเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน (หลังตรัสรู้) อีกด้วย

สุจริต 3 หมายถึง ความประพฤติดี ปฏิบัติชอบ
ซึ่งส่งผลให้ผู้กระทำประสบแต่ความสงบสุข
แสดงออก 3 ทางคือ
1. ทางกาย เรียกว่า กายสุจริต หมายถึง ความประพฤติดีที่แสดงออกทางกาย ได้แก่ การเว้นจากการฆ่าสัตว์
2. ทางวาจา เรียกว่า วจีสุจริต หมายถึง ความประพฤติที่เกิดทางวาจา ได้แก่ การเว้นจากการพูดโกหก การเว้นจากการพูดส่อเสียด
3. ทางใจ เรียก ว่า มโนสุจริต หมายถึง ความประพฤติดีทีเกิดทางใจ ได้แก่ การไม่เพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น และเห็นถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม

 

อานิสงส์การทำบุญด้วยแสงไฟ
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
อัตตา หิ อัตตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อัตตา หิ สุทันเตนะ นาถัง ลภติ ทุลลภัง ตีติ

ณ โอกาสบัดนี้ อาตมาจะแสดงพระสัทธรรมเทศนา ในความเป็นมาของพระอนุรุทธ เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองค์ศรัทธาบารมี แก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่มาบำเพ็ญกุศลในวันนี้
สำหรับวันนี้ ตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคม 2535 เป็นวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เราก็เรียกกันว่าวันจะเข้าพรรษา บางวัดก็เข้าพรรษาวันนี้ บางวัดก็เข้าพรรษาวันพรุ่งนี้ แต่สำหรับวัดท่าซุงเข้าพรรษาวันนี้ เป็นอันว่าวันนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทำบุญมีอานิสงส์ 2 ประการด้วยกัน คือ
1. ถวายเทียนเข้าพรรษา
2. ถวายผ้าไตร หรือผ้าวัสสิกสา แก่บรรดาพระสงฆ์
ทั้งสองอย่างนี้มีอานิสงส์ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างแรก ถวายเทียนเข้าพรรษาจะเทศน์วันนี้ สำหรับอานิสงส์ถวายผ้าไตรจะเทศน์วันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้ไม่จบ

พระอนุรุทธ
เป็นอันว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงปรารภพระอนุรุทธ ความจริงพระอนุรุทธนี่เป็นพระอนุชาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุชานะไม่ใช่อาชานะ อนุชานี่เขาแปลว่าน้อง อาชาแปลว่าม้า เป็นน้องพระพุทธเจ้า คือว่าเป็นลูกของอา ในตระกูลมีอยู่ 2 คน คือ ท่านมหานาม 1 สอง พระอนุรุทธ
ในสมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ท่านท้าวมหานามก็ปรารภกับน้องชายว่า เวลานั้นท้าวมหานามเป็นพระมหากษัตริย์ ตระกูลอื่นเขาก็มีคนบวชกันหมดแล้ว ตระกูลของเรายังไม่มีใครบวช ถ้ายังงั้นขอให้น้องเป็นพระราชาต่อไป พี่จะบวช พระอนุรุทธก็บอกว่า การเป็นพระราชาทำยังไง เวลานั้นพระราชาต้องทำนาเหมือนกัน ก็ต้องเลี้ยงทหาร เขาบอกว่า ตอนต้นปีก็ไถนาแล้วก็หว่าน พอปลายปีก็เกี่ยวข้าวเอาเข้าฉาง ต้นปีไถนาแล้วก็หว่าน ปลายปีเกี่ยวข้าวเข้าฉาง แบบนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต พระอนุรุทธถามว่า ไอ้การทำนานี่ไม่มีการเลิกรึ ท่านมหานามบอก เลิกไม่ได้ พระอนุรุทธก็บอกว่า ถ้ายังงั้นพี่อยู่เถอะฉันบวชเอง ก็ไปชวนเพื่อนอีก 4 คนบวช

เป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ
เมื่อบวชเข้ามาแล้วก็ปรากฎว่า พระอนุรุทธเจริญพระกรรมฐานไม่ช้าไม่นานนัก วันเข้าพรรษาวันนี้ก็ได้บรรลุอรหัตถผลพร้อมไปด้วยทิพจักขุญาณ เป็นพระวิชชาสาม ต่อมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งพระอนุรุทธเป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ นั่นหมายความว่า พระอรหันต์นี่มี 4 ขั้น ตัดกิเลสได้เหมือนกัน แต่ความสามารถไม่เท่ากัน คือ
1. สุกขวิปัสสโก ตัดกิเลสได้ แต่ไม่มีจิตเป็นทิพย์ ไม่สามารถเห็นผี นรก สวรรค์ ได้
2. เตวิชโช อย่างนี้สามารถมีจิตเป็นทิพย์ เห็นสวรรค์ได้ นรกได้ เปรตได้ อสุรกายได้ เห็นอะไรก็ได้ และสามารถระลึกชาติได้
3. ฉฬภิญโญ สำหรับหมวดนี้เหาะเหินเดินอากาศได้ แปลงได้ เนรมิตได้
4. ปฏิสัมภิทัปปัตโต ปฏิสัมภิทาญาณ มีความฉลาดมาก
ฉะนั้น สำหรับพระอนุรุทธเป็นพระอรหันต์ขั้นวิชชาสาม แต่ความจริงพระอรหันต์ขั้นวิชชาสามนี่ความจริงต้องอ่อนกว่าทุกอย่าง อ่อนกว่าฉฬภิญโญ ฉฬภิญโญก็คืออภิญญาหก แต่ว่านี่ท่านเข้มแข็งในด้านทิพจักขุญาณ จะพิสูจน์ในสมัยองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านิพพานเวลานั้น เวลาที่พระพุทธเจ้านิพพาน พระอนุรุทธเข้าฌานตาม พระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์ ไม่สามารถจะเข้าฌานตามได้ ไม่รู้จิตใจของพระพุทธเจ้าว่าเวลานี้อยู่ที่ไหน แต่สำหรับพระอนุรุทธติดตามได้
พระอานนท์เข้าไปสะกิดถาม หลวงพี่ เวลานี้พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ไปนิพพานหรือยัง ในขณะที่ท่านจะเข้านิพพานท่านเข้าสมาธิเต็มที่ ไอ้การเข้าสมาธิเต็มที่นี่ บรรดาพุทธบริษัทบางทีเขานึกว่าหัวใจหยุดเต้น ความจริงไม่หยุด มันเต้นเบาลมหายใจน้อย บางคนคิดว่าไม่มีลมหายใจ ท่านก็บอกว่า เวลาที่พระพุทธเจ้าอยู่ที่ฌาน 1 บ้าง ฌาน 2 บ้าง ฌาน 3 บ้าง ฌาน 4 บ้าง ในอรูปฌานบ้าง แล้วเลื่อนมาในฌาน 4 ของรูปฌาน นิพพานตอนนั้น
นี่จะเห็นว่าพระอนุรุทธชื่อว่าเป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ เลิศจริง ๆ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า กล่าวถึงประวัตินะ ตอนนี้ยังไม่นิพพาน ท่านบอกว่า พระอนุรุทธนี่ในสมัยชาติก่อนชอบทำบุญด้วยแสงไฟ
ก็อย่างที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย บูชาเทียนเข้าพรรษานี่แหละ บูชาเทียนเข้าพรรษาบ้าง ช่วยค่ากระแสไฟฟ้าบ้าง ช่วยน้ำมันตะเกียงบ้าง อย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องให้เกิดแสงไฟ ให้เกิดแสงสว่างขึ้น พระอนุรุทธชอบทำอย่างนี้ ทุกวาระถึงปีถึงเวลาเข้าพรรษาก็นำเทียนเข้าพรรษาถวายตามวัด วันละหลาย ๆ วัด เป็นการบูชาให้แสงสว่าง ฉะนั้น มาชาติหลังสุด อานิสงส์ถวายเทียนเข้าพรรษา แสงไฟ จึงได้ทิพจักขุญาณเป็นเลิศกว่าพระอรหันต์ทุกองค์ นี่เป็นประวัติตอนท้ายนะ ประวัติของพระอนุรุทธนี่มีหลายตอน จะขอตัดเป็นตอน ๆ
*****************

 

เป็นเจ้าภาพผ้าป่าตลอดปี56 ตั้งธนาคารบุญกองทุนช่วยค่าน้ำ-ไฟวัดวีระโชติ วันละ 1 บาท

 

ทำบุญทุกวัน ได้บุญทุกวัน วันละ 1 บาท​

ขอเชิญสร้างความคล่องตัว ชำระหนี้วัด ชำระหนี่สงฆ์ ชำระหนี้ตัวเอง
ร่วมทำบุญซื้อเครื่องปั่นไฟ ขนาดกำลัง 200 กิโลวัตต์ (งบประมาณ 500,000 บาท)
ถวายวัดวีระโชติธรรมาราม ฉะเชิงเทรา
สามารถร่วมบุญได้ที่วัดวีระโชติ พระครูปลัดกิตติวัฒน์(พระอาจารย์องอาจ)เจ้าอาวาส

หรือโอนผ่านบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี " กองทุนเครื่องปั่นไฟฟ้า วัดวีระโชติ"
ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวินทวงศ์ เลขที่บัญชี 3868015029

ร่วมทำบุญ 2,500 บาท รับหลวงปู่ทวดแร่เหล็กไหลเกาะล้าน 1 องค์

ติดต่อสอบถามได้ที่
โทร. 087 946 5492 ครูอู๋ วัดเขาว
ที่ facebook : https://www.facebook.com/thananchanoke.rattanathada
โทร. 084 695 3594 หญิง
ที่ facebook : https://www.facebook.com/ratchaneewan.phopaphaporn?hc_location=timeline
โทร. 087 835 6373
ที่ facebook : https://www.facebook.com/soyu.she (ทายาท ขัตติยา)

โอนแล้วแจ้ง sms ที่เบอร์ 084 695 3594 หญิง

 

ทำบุญทุกวัน ได้บุญทุกวัน วันละ 1 บาท​