เรื่องเด่น เผยตำนาน "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เล่ากันว่ากรุงศรีอยุธยามีขุมทรัพย์โบราณ ถึง 303 แห่ง..แต่!!มีนักรบโบราณคอยเฝ้ารักษาไว้ อย่า..แม้แต่จะคิด.

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 11 กรกฎาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    ตำนานปู่โสม เฝ้าทรัพย์


    99179591_5585.jpg

    กรุงศรีอยุธยาอดีตราชธานีอันยิ่งใหญ่ของไทย ครั้งที่บ้านเมืองยังสงบอาณาประชาราษฎร์ล้วนมีชีวิตที่สุขสบาย ขุนนาง ขุนศึก พ่อค้าและชาวบ้านทั้งหลายยิ้มย่องผ่องใสมีชีวิตรุ่งเรืองถึงขีดสุด จึงต่างเก็บหอมรอมริบ สะสมแก้วแหวนเงินทองมีค่าไว้มากมาย

    จนกระทั่ง เกิดสงครามถึงคราวพ่ายแพ้แก่พม่า กรุงศรีอยุธยาต้องล่มสลาย ผู้คนและเหล่าทหาร ช้าง ม้า วัว ถูกฆ่าตายกลาดเกลื่อน สมบัติมากมายที่สะสมกันไว้จึงถูกซุกซ่อนฝังไว้ตามจุดต่างๆ

    ขุนนาง คหบดีและเจ้านายบางพระองค์ นอกจากจะฝังสมบัติไว้แล้ว ยังถึงกับฆ่าบริวารหรือทหารของตนให้ตายโหงอยู่ตรงที่ฝังสมบัติ เพราะหวังจะให้วิญญาณของผู้ตายกลายเป็นผี "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เฝ้าสมบัติของตนก็มี

    เมืองกรุงเก่าอยุธยานับแต่อดีตถึงปัจจุบันจึง ขึ้นชื่อลือชานักในเรื่องของวิญญาณ ที่มักมาปรากฏตามสถานที่โบราณต่างๆ หลายเรื่องน่ากลัว หลายเรื่องฟังแล้วน่าตื่นเต้นดีและทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้...

    เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้น จริงในอดีตเกี่ยวกับลายแทงสมบัติอันบ่งบอกจุดที่ซ่อนของขุมทรัพย์มากมาย ภายในอาณาบริเวณอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ลายแทงนั้นบอกว่า พระนครศรีอยุธยามีสมบัติโบราณถูกฝังเอาไว้ถึง 303 แห่ง โดยเฉพาะที่ "วัดกุฏิดาว" มีขุมทรัพย์ฝังอยู่ถึง 16 แห่ง

    ลายแทงขุมทรัพย์มีค่า มหาศาลนี้ผู้ที่ได้ครอบครองไว้เป็นเจ้านายระดับพระองค์เจ้า พระองค์หนึ่ง การได้มาของลายแทงนี้ไม่ทราบชัดว่าท่านได้มาอย่างไร...จากใคร...แต่พิสูจน์ ได้แน่ชัดว่า ต้องมีทรัพย์มีค่าฝังอยู่ใต้ดินจริงๆ

    เพราะพระองค์ เจ้าพระองค์นี้ กับพระสหายชาวต่างประเทศได้นำเอาเครื่อง "ไมน์ดีเทคเตอร์" ซึ่งเป็นเครื่องสำรวจหาวัตถุธาตุมาสำรวจตรวจดูแล้ว และปรากฏว่าเครื่องมือดังกล่าวนี้ระบุว่าจุดที่ตรวจค้นมีสมบัติล้ำค่าถูกฝัง อยู่ใต้ดินจริงๆ

    วัดกุฏิดาวเป็นวัดร้าง มีร่องรอยว่าเคยเป็นวัดที่ใหญ่โตสวยงามในสมัยอยุธยาในลายแทงขุมทรัพย์บอกว่า ที่วัดแห่งนี้มีสมบัติล้ำค่าถูกฝังไว้รอบอุโบสถถึง 16 แห่ง ดังนั้นพระองค์เจ้าพระองค์นี้และพระสหายหลายคน

    จึงได้ทำเรื่องเสนอ ต่อกรมศิลปากร ขออนุมัติดำเนินการขุดค้นหาขุมทรัพย์ดังกล่าว โดยขอแบ่งทรัพย์ที่ขุดขึ้นได้เพียง 10% และอีก 90% จะมอบให้เป็นสิทธิ์ของกรมศิลปากร เมื่อกรมศิลปากรอนุมัติ ท่านจึงเริ่มดำเนินการขุดค้นที่วัดกุฏิดาวเป็นแห่งแรกในปี พ.ศ.2503




    images(33).jpg


    น่า ประหลาดที่การขุดสมบัติที่วัดกุฏิดาว เมื่อขุดลงไปตรงจุดที่ลายแทงระบุว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ กลับไม่พบสิ่งใดเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งที่ก่อนลงมือขุดได้ใช้เครื่องไมน์ดีเทคเตอร์ตรวจสอบดูก่อนแล้ว เครื่องก็ส่งสัญญาณว่ามีสิ่งมีค่าฝังอยู่แน่นอน แต่พอขุดลงไปกลับไม่มีอะไรเลย

    การขุดค้นหาสมบัติโบราณที่วัดกุฏิดาว ในครั้งนั้น นอกจากจะพบความผิดหวังแล้ว พระองค์เจ้าฯ และพระสหายยังพบกับเหตุการณ์อัศจรรย์ที่น่ากลัวอีกหลายอย่าง

    นั่นก็ คือท่านและพระสหายเห็น "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" มาปรากฏต่อหน้าต่อตากลางวันแสกๆ เป็นร่างของนักรบไทยโบราณ ร่างใหญ่โต แต่ไร้หัว นอกจากนี้ภายในวังของท่านก็ยังมีเสียงคล้ายคนขุดดินตลอดเวลา เสียงนั้นดังชัดเจนได้ยินกันหลายคน

    เหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้น ทำให้พระองค์ต้องเชิญอาจารย์ที่นั่งทางในเก่งๆ มาช่วยดู อาจารย์ที่ท่านนั้นก็บอกว่า วิญญาณที่ปรากฏเป็น "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เขาเป็นเจ้าของสมบัตินั้น และโกรธแค้นมากที่เจ้านายพระองค์นี้ มาทำการขุดค้นสมบัติของเขา จึงมาสำแดงกายให้เห็นทั้งยังสาปแช่งพวกที่มาขุดสมบัติของเขาทุกคน

    คำ สาปแช่งนั้นต่อมาก็เป็นจริง เพราะพระสหายคนหนึ่งที่ร่วมทีมขุดสมบัติกับท่านได้เสียชีวิตกระทันหัน ทั้งๆ ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงทุกอย่าง ส่วนประสหายอีกคนก็หายสาบสูญไป โดยไม่ทราบชะตากรรม ส่วนตัวท่านเองทำธุรกิจอะไรก็ขาดทุน

    ขุมทรัพย์ โบราณที่วัดกุฏิดาว ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ที่เดิม เพราะยังไม่มีใครกล้าหาญไปขุดค้น เพราะเกรงว่าวิญญาณที่ยังคงวนเวียนเฝ้าสมบัติ จะมาหลอกหลอนและสาปแช่ง

    วัด กุฏิดาวเป็นวัดเล็กๆ ป้ายชื่อวัดไม่มีบอก ต้องอาศัยถามจากชาวบ้าน แถวใกล้วัดกุฏิดาวยังมีวัดใกล้เคียงหลายวัด รวมถึงวัดมเหยงค์ซึ่งขึ้นชื่อว่า "ผีดุ" อีกวัดหนึ่ง

    %B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C.jpg


    "วัดมเหยงค์" นี้เคยเป็นวัดร้าง ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพังของอุโบสถซึ่งกระเทาะหลุดร่อนเหลือแต่อิฐ แดงๆ แต่ก็ยังมีเค้าโครงให้เห็นว่าเคยเป็นศาสนาสาถนที่สวยงามในอดีต

    วัดมเหยงค์แห่งนี้เคยมีผู้เล่าให้ฟังว่า มีคนเคยได้ยินเสียงสวดมนต์ในท่วงทำนองอันไพเราะ ดังแว่วมาจากอุโบสถ เสียงสวดนั้นดังพร้อมเพรียงเป็นหมู่คณะ สวดช้า และเยือกเย็น ทำนองสวดไม่เหมือนปัจจุบัน และจะดังขึ้นในเวลาเช้าตรู่ ซึ่งพอเดินไปดูที่ต้นเสียงกลับไม่มีใครเลย แล้วเสียงนั้นมาจากไหน ยังเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้...


    คำว่าปู่โสมนี้ ได้ยินมาบ่อยๆ ที่เรียกว่าปู่นี้คงเพราะมักมาเป็นรูปอย่างคนเฒ่าคนแก่ คงเป็นชายเสียส่วนมากจึงได้เรียกว่าปู่ ไม่เคยได้ยินว่ามีย่าโสมที่ไหน ส่วนคำว่าโสมนั้นคงเป็นคำโบราณ แปลว่าอะไรไม่แน่ใจ โดยรวมปู่โสมก็เป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อว่ามีหน้าที่คอยเฝ้าสมบัติต่างๆที่คนโบราณแอบเอาไว้ตามถ้ำหรือกรุ สมบัติ ที่จริงเรื่องปู่โสมนี้เป็นเรื่องที่ดูยังคาบเกี่ยวกับวิชามารยาศาตร์(ฝังอาถรรพ์)อยู่มากในที่นี้เป็นการกล่าวถึงแต่คติเรื่องผีจึงขอคัด เอาแต่คติที่ดูจะเกี่ยวกับผีๆสางๆสักหน่อย

    การอุบัติของปู่โสมนี้อาจ แยกเป็นสองอย่างหลักคือ เกิดจากอำนาจทางมารยาศาสตร์ ผูกขึ้นมาให้เป็นตัวตน คงคล้ายๆกับการผูกหุ่นพยนต์ กับอีกอย่างหนึ่งคือเกิดจากคนตายคือผีตามความเข้าใจของคนทั่วไป ซึ่งอย่างหลังนี้ดูจะเกี่ยวกับปู่โสมที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่หน่อย ปู่โสมที่เกิดจากอำนาจคนตายนี้ ก็ยังแยกออกเป็นแบบอีกคือ เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติกับเขาทำให้เกิด

    อย่างแรกที่ว่าเกิดกันตาม ธรรมชาตินี้คือเกิดจากคนที่เป็นจ้าวสมบัติเมื่อตาย ลงจิตยังคงหลงยึดมั่นในสมบัตินั้นเลยทำให้ไม่ได้ไปเกิด กลายเป็นผีเฝ้าสมบัติ เรื่องอย่างนี้ได้ยินกันบ่อยไป เช่นเคยได้ยินว่ามีนักเล่นของเก่าไปหาซื้อเตียงโบราณมาพอจะเอาเตียงมานอน เข้าจริงๆก็โดนเจ้าของเตียง(ผี)มาเล่นงานตั้งแต่คืนแรก อย่างนี้คงเป็นเพราะวิญญาณยังคงหวงเตียงนั้นอยู่เลยไม่อยากให้ใครมาเกาะแกะ ฟังดูอาจตลกดีแค่เตียงเก่าๆยังหวงอะไรหนักหนา แต่มาคิดดูเรื่องการหวงข้าวของนี้เป็นอัตตาที่เข้มข้นอย่างหนึ่ง เช่นของของเราๆก็ไม่อยากให้ใครมาแอบใช้ คนรักของเราๆก็ไม่อยากให้ใครมาเกาะแกะ แต่อย่างนี้ยังดูไกลจากผีปู่โสมของเราอยู่สักหน่อย

    การเกิดผีปู่โสม อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นการกระทำให้เกิดคือเจ้าตัวก็ไม่ได้ อยากเกิดเป็นผีปู่โสมแต่มีใครบางคนทำให้เป็น ไม่ว่าเจ้าตัวจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม อย่างนี้เองจึงเป็นผีปู่โสมเฝ้าสมบัติของแท้ เรื่องเอาคนมาฆ่าแล้วตรึงวิญาณให้เฝ้าสมบัตินี้มักได้ยินบ่อยๆ เป็นความเชื่อของลัทธิมารยาศาสตร์

    8c(1).jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล http://thaimysterious.blogspot.com






    เรียบเรียงโดย

    ศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์

    --------------------------
    http://www.tnews.co.th/contents/333828



     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ประมานที่เล่ามาครับและ
    ถ้าไม่ใช่ดวงจิตเจ้าของกลับมาเกิดเอง
    ยังไงก็หาไม่เจอครับ
    ถึงจะรู้ตัวเองแม้เป็นเจ้าของจริงๆ
    เผลอๆไม่สนใจแล้ว

    และที่หายากกว่าคือกรณีเจ้าของเดิมมากบารมี
    คือมียศ มีบริวาร มีวิชา ยิ่งหายาก
    และไปยุ่งแล้วจะเดือดร้อนเอาง่ายๆ

    บางที่ ต่อให้อดีตจอมเวทย์มีชื่อในอดีต ก็ยังต้องเฉยๆ
    เหมือนกัน เพราะเจ้าของจริงก็หาใช่ย่อยครับ

    บางที่มีหลายเจ้าของก็
    ต้องรอมาพร้อมกันและทำพิธีเรียกขึ้นมาอีก
    คือ ของที่เจ้าของเดิมมีบารมี
    ต้องมีท่านที่ทำพิธีให้ของผุดขึ้นมาได้ด้วยครับ
    ถึงจะมองเห็นได้ครับ ไม่งั้นต่อให้ขุดยังไง
    ก็ไม่มีทางเจอครับ

    มีครูบาร์ทางภาคเหนือท่านหนึ่งทำได้
    ท่านที่เป็นเกลอกับ ครูบาร์ทางเหนือมากบารมีท่านหนึ่ง
    จีวรออกสีแดงเข้ม ยังมีชิวิตอยู่ รูปร่างผอมหน่อย

    จริงๆถ้าอยากรู้ว่ามีใหม่
    ต้องทำพิธีเรียกขึ้นมาดูก่อนครับ
    ถ้ามีก็จะเรียกกลับ
    แล้วค่อยย้อนสืบดวงจิตที่เป็นเจ้าของ
    ถ้าผลุกเจอ แล้วค่อยมาทำพิธีเรียกขึ้นอีกครั้งครับ
    และจะต้องนำสิ่งเหล่านั้นส่วนมากมาต่อยอดสืบพุทธศาสนา
    พวกดวงจิตที่เฝ้าทรัพย์เค้าถึงจะยอมครับ

    ส่วนพวกที่เชื่อว่ามีเหตุไม่ดีเกิดกับตน ประเด็นหลัก
    คือโลภอยากได้ทรัพย์มาเป็นของตน
    เพื่อประโยชน์ตน ถึงได้โดนจัดนั่นหละครับ

    ปล.ฟังเป็นนิทานนะครับ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ประมานที่เล่ามาครับและ
    ถ้าไม่ใช่ดวงจิตเจ้าของกลับมาเกิดเอง
    ยังไงก็หาไม่เจอครับ
    ถึงจะรู้ตัวเองแม้เป็นเจ้าของจริงๆ
    เผลอๆไม่สนใจแล้ว

    และที่หายากกว่าคือกรณีเจ้าของเดิมมากบารมี
    คือมียศ มีบริวาร มีวิชา ยิ่งหายาก
    และไปยุ่งแล้วจะเดือดร้อนเอาง่ายๆ

    บางที่ ต่อให้อดีตจอมเวทย์มีชื่อในอดีต ก็ยังต้องเฉยๆ
    เหมือนกัน เพราะเจ้าของจริงก็หาใช่ย่อยครับ

    บางที่มีหลายเจ้าของก็
    ต้องรอมาพร้อมกันและทำพิธีเรียกขึ้นมาอีก
    คือ ของที่เจ้าของเดิมมีบารมี
    ต้องมีท่านที่ทำพิธีให้ของผุดขึ้นมาได้ด้วยครับ
    ถึงจะมองเห็นได้ครับ ไม่งั้นต่อให้ขุดยังไง
    ก็ไม่มีทางเจอครับ

    มีครูบาร์ทางภาคเหนือท่านหนึ่งทำได้
    ท่านที่เป็นเกลอกับ ครูบาร์ทางเหนือมากบารมีท่านหนึ่ง
    จีวรออกสีแดงเข้ม ยังมีชิวิตอยู่ รูปร่างผอมหน่อย

    จริงๆถ้าอยากรู้ว่ามีใหม่
    ต้องทำพิธีเรียกขึ้นมาดูก่อนครับ
    ถ้ามีก็จะเรียกกลับ
    แล้วค่อยย้อนสืบดวงจิตที่เป็นเจ้าของ
    ถ้าผลุกเจอ แล้วค่อยมาทำพิธีเรียกขึ้นอีกครั้งครับ
    และจะต้องนำสิ่งเหล่านั้นส่วนมากมาต่อยอดสืบพุทธศาสนา
    พวกดวงจิตที่เฝ้าทรัพย์เค้าถึงจะยอมครับ

    ส่วนพวกที่เชื่อว่ามีเหตุไม่ดีเกิดกับตน ประเด็นหลัก
    คือโลภอยากได้ทรัพย์มาเป็นของตน
    เพื่อประโยชน์ตน ถึงได้โดนจัดนั่นหละครับ

    ปล.ฟังเป็นนิทานนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...