เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม 4 หน้า 9
    พรหมวิหาร ๔ ลงนรกไม่เป็น
    พรหมวิหาร ๔ นี่ ถ้ายืนลงในจิตของใคร คนนั้นลงนรกไม่เป็น ลงไม่ได้แน่นอน เขาไม่ให้ลงถ้าลงไปเขาขับขึ้นมา
    ลงไม่ได้ไม่มีสิทธิ์ คือว่าอารมณ์ ของเราให้ทราบอยู่ให้มี เมตตาจิตเราจะไม่เป็นศัตรูกับใครเลยในโลกทั้งคน
    และสัตว์ เราจะเป็นมิตรที่ดีของเขา แต่ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับเราน่ะเป็นเรื่องของเขา เราหวังดีแต่เขาหวังร้าย
    อย่างนี้เราต้องใช้ อุเบกขา วางเฉยไว้ถ้าเราพูดกับเขา เขาโกรธ เราก็หยุดพูดเราใช้ อุเบกขา ตัวท้าย แต่ว่าเราไม่ได้
    โกรธ กรุณา ความสงสาร จิตคิดไว้เสมอว่าใครเขาทุกข์ยากลำบาก ถ้าไม่เกินวิสัยของเราที่จะช่วยได้ เราพร้อมที่จะช่วย
    ถ้าเราช่วยได้ด้วยทรัพย์สิน เราจะ ให้ทรัพย์สิน ทรัพย์สินไม่มี
    เราจะให้กำลังกาย กำลังกายให้ไม่ได้ เราให้ด้วยปัญญา
    แต่ทั้งนี้ถ้าเขารับความช่วยเหลือจากเรา ถ้าเราให้การช่วยเหลือกับเขาเขาโกรธเรา เราต้องวางเฉยเราไม่โกรธตอบ
    เราไม่ช่วยเพราะช่วยไม่ได้ ต่อมามุทิตา
    เราไม่มีจิตคิดอิจฉาริษยาใครใครได้ดี เรายินดีด้วย
    ถ้าอารมณ์ ๔ ประเภทนี้ทรงตัวอยู่จริง ๆ ศีลก็บริสุทธิ์ศีลก็ไม่บกพร่องเลย ถ้าเราจะทำสมาธิ สมาธิก็ทรงตัว อารมณ์แจ่มใส
    ไม่มีมัวหมอง ถ้าสมาธิไม่มัวหมอง ปัญญาคือ วิปัสสนาก็เกิด
    เท่านี้เอง

    23472934_1303541639757576_5233301244462558304_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    *♥*ประชาสัมพันธ์ข่าวงานบวชพระ บวชพราหมณ์อยู่ธุดงค์ วัดท่าซุง อุทัยธานี ปี 2560 ครับ*♥*

    1f333.png 1f33b.png งานอุปสมบท(หมู่)ปฎิบัติธรรมและธุดงควัตร บวชพราหมณ์ถือกรรมบถ ๑๐ ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๐ วัดท่าซุง อุทัยธานี. 1f33b.png 1f333.png

    . 1f337.png 1f496.png ปีนี้ตรงกับวันพุธที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ถึง วันอังคารที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ (ฝึกมโนมยิทธิ แบบเต็มกำลัง วันเสาร์ที่ ๙ – วันอาทิตย์ที่ ๑๐ ธันวาคม)(ส่วนฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลังมีฝึกทุกๆวันที่ศาลา๑๒ไร่) 1f496.png 1f337.png .

    1f33b.png 1f496.png ระเบียบข้อปฏิบัติประจำวันนี้ ขอให้ผู้ร่วมปฏิบัติ”ธุดงค์” ทุกท่าน ถือเป็นระเบียบปฏิบัติโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะข้อห้ามอย่าได้ฝ่าฝืนเป็นอันขาด และโปรดถือเวลานัดหมายเป็นเรื่องสำคัญ อย่าให้ผู้อื่นต้องมานั่งรอคอย เพราะท่านเพียงคนเดียว ในงานครั้งนี้ จะมีจำนวนคนมากขึ้น จึงขอให้ทุกคนตรงเวลา คำว่า “ตรงเวลา” หมายถึงต้องมารอก่อนล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาจะได้เริ่มกันเลย ไม่ใช่มาถึงตรงเวลาพอดี อย่างนี้ใช้ไม่ได้. 1f496.png 1f33b.png

    1f337.png สำหรับ “พระอาคันตุกะ” ที่จะร่วมปฏิบัติธุดงค์ ขอให้มาแจ้งความจำนงได้ที่ ศาลานวราช ระหว่าง วันที่ ๒ – ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น. เบิกของที่ ๒๕ ไร่ เข้าพักที่ศาลา ๒ ไร่ หากมาไม่ทันตามกำหนดนี้ ทางวัดจะไม่รับเป็นเด็ดขาดพร้อมทั้งขอให้นำหลักฐานมาด้วยดังนี้

    1f33b.png ก. ใบสุทธิ
    1f33b.png ข. หนังสือรับรอง จากเจ้าอาวาสหรือประธานสงฆ์ที่ตนเองสังกัดอยู่
    ❌(ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ทางวัดไม่รับสามเณรเข้าปฏิบัติธุดงค์ เพราะที่ผ่านมามักฝ่าฝืนระเบียบวินัยอยู่เสมอ)❌

    . 1f337.png 1f33b.png ในขณะปฏิบัติธุดงค์ จะต้องปฏิบัติตามระเบียบที่ทางวัดกำหนดไว้ เช่น 1f33b.png 1f337.png .

    - 1f337.png ห้ามรับเงินทองมาเป็นส่วนของตน
    - 1f337.png ห้ามนำวิทยุ, เครื่องเทป, หนังสือพิมพ์ ฯลฯ เข้ามาในเขตธุดงค์
    - 1f337.png ห้ามนำอาหาร ผลไม้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ เข้ามาฉันในกลดของตน ให้ฉันได้เฉพาะที่ศาลา ๑๒ ไร่เท่านั้น
    - 1f337.png ห้ามเข้าไปในเขตของผู้อื่น และอย่านำบุคคลภายนอกเข้ามาในเขตธุดงค์
    - 1f337.png ห้ามพูดคุยเสียงดังรบกวนผู้อื่น
    - 1f337.png ห้ามเรี่ยไร ดูหมอ ดูดวง และแจกเอกสารใดๆ หรือนำวัตถุมงคลต่างๆ มาจำหน่ายจากภายนอกวัด ซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง

    . 1f337.png ผู้ที่จะบวชพราหมณ์ทั้งชายและหญิง เพื่อร่วมปฏิบัติธุดงค์ในห้องพักก็ดี หรือต้องการที่จะออกไปปักกลดภายนอกก็ดี ขอให้แจ้งความประสงค์ด้วยตนเอง วันที่ ๓ – ๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ที่อาคาร ๒๕ ไร่ โดยเฉพาะ “ผู้ที่จะออกไปปักกลดในป่า” จะต้องมาให้ทัน

    1f333.png 1f33b.png สำหรับฆราวาสมีข้อห้ามดังนี้ 1f33b.png 1f333.png

    - 1f33b.png ห้ามนำวิทยุ โทรทัศน์ เตารีด กระทะ ไฟฟ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้า หรือวัตถุอื่นๆ เพื่อประกอบอาหารภายในบริเวณธุดงค์ดอย่างเด็ดขาด
    - 1f33b.png ห้ามนำผู้อื่น เช่น ญาติหรือเพื่อนของตน มาพักปะปนในสถานที่ธุดงค์ ถ้าจะพบกันขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วไปพบปะสนทนากันภายนอกสถานที่ และอย่าพูดคุยเสียงดังจนเกินไป
    - 1f33b.png ห้ามเข้าทรง
    - 1f33b.png ห้ามเรี่ยไร
    - 1f33b.png ห้ามแจกเอกสารใดๆ หรือจำหน่ายสิ่งของโดยมิได้รับอนุญาตจากทางวัดเสียก่อน ถ้าหากมีผู้ฝ่าฝืนหรือแอบอ้าง จะเป็นทางตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม โปรดแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทันที

    1f333.png 1f33b.png 1f337.png สถานที่ปฏิบัติธุดงค์ 1f337.png 1f33b.png 1f333.png

    1f337.png ๑. พระภิกษุ ภายในบริเวณป่าใหม่
    1f337.png ๒.พราหมณ์ชาย พักที่ศาลา ๓ ไร่ หรือผู้ที่ชอบความวิเวก จะจัดที่ให้บริเวณป่าใหม่
    1f337.png ๓. พราหมณ์หญิง (ศีล ๘ ควบกรรมบถ ๑๐)พักที่อาคาร ๒๕ ไร่ หรือใครอยากจะหาที่สงัด ทางวัดจะจัดให้ปฏิบัติภายในบริเวณป่า ศรีไพร ซึ่งได้ปรับปรุงพื้นที่ไว้แล้ว ส่วนผู้ที่ถือศีล ๕ จะจัดที่พักให้ต่างหาก ตามที่เห็นสมควร และไม่ควรกังวลเรื่องที่พักจนเกินไป หมายถึงได้ที่ตรงไหนควรพอใจที่ตรงนั้น

    1f337.png กราบขอบพระคุณที่มาจากเว็ปไซต์วัดท่าซุงด็อทคอม
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2426
    1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png

    23518895_1305169116261495_7343467752485575677_n.jpg
    23434886_1305169186261488_5949040212835552653_n.jpg
    23518933_1305169249594815_3757611495057437985_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม 4 หน้า 16
    ” มโนมยิทธิ ”

    เมื่อไม่นานมานี้ ไม่เกิน ๒๐ วันมานี้ ก็มีคน ๆ หนึ่งไปหาที่วัด ไปถามว่า คุณพ่อตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ความจริงอาตมาก็ไม่ได้บอกท่านผู้นั้น เพราะว่า ถ้าขืนบอกก็ขี้เกียจ แต่ก็อยากจะรู้ ในเมื่อเขาบอกชื่อก็นึกถึง นึกถึงแกก็มา ยืนข้างหน้า ถามว่าเวลานี้คุณไปอยู่ที่ไหน เขาตอบว่าเวลานี้ผมไปอยู่ชั้นยามา ครับ ถามว่า อยู่ชั้นยามา ปกติคุณทำอะไรจึงไปอยู่ชั้นยามาได้ บอกปกติ ผมทำสมาธิ ก็ถามว่า สมาธิคุณทำเวลาไหน เวลาตอนเช้ากับตอนค่ำ ครับ ตอนเช้าผมตื่นนอนขึ้นมา ก็ผมห้อยสร้อยมีพระอยู่ที่สร้อย หยิบพระมา พนมมืออาราธนาบารมีพระ คือ ที่เขาเรียกว่า ปลุกพระ หรือ อาราธนา- บารมีพระก็ได้ ตอนค่ำก็เกรงอันตรายก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน อย่างนี้ชื่อว่า เป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ทั้งสองเวลา ทั้งตอนเช้าและ ตอนค่ำก็เป็นสมาธิ สมาธิไม่จำเป็นต้องไปนั่งขัดสมาธิเฉย ๆ จะทำแบบไหน ก็ได้ นั่งแบบไหนก็ได้ ถ้าอยู่ที่บ้านของเรา ถ้าจิตนึกถึงพระพุทธเจ้าก็ถือว่า เป็น พุทธานุสสติ จิตนึกถึงพระธรรมเป็น ธัมมานุสสติ จิตนึกถึงพระสงฆ์ เป็น สังฆานุสสติ นั่นเขาอยู่ชั้นยามาได้ แต่พอลูกชายถามว่า เวลานี้พ่อผม อยู่ที่ไหน ก็บอกว่าถ้าคุณ อยากรู้ก็ไปฝึกกรรมฐาน ก็แล้วกัน จะให้บอก คุณน่ะไม่บอกไม่เกิดประโยชน์ เพราะการบอกคุณ คุณก็ไม่หายสงสัย คุณก็ ถามเรื่อยไปและก็ไม่มีประโยชน์สำหรับคุณ ถ้าคุณอยากรู้ คุณไปฝึกกรรมฐาน กับเขาในวิหารไม่เกิน ๓ วัน คุณก็พบกับพ่อคุณได้ และในที่สุดท่านผู้นั้น ก็ตัดสินใจวันรุ่งขึ้นไปฝึกกรรมฐาน เพียงแค่วันแรกก็สามารถนั่งคุยกับพ่อได้

    23518979_1305199812925092_7398411611379602862_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ภาวนาคำว่า “พุทโธ”
    เรื่องที่ ยกทรง (ทายก) พูดเมื่อกี้นี้มันไป
    เกี่ยวกับเรื่อง หลวงพ่อปาน จะเทศน์เรื่องนี้โดย
    เฉพาะ หลวงพ่อปาน เวลาท่านอบรมกรรมฐาน
    ไอ้ตอนสอนฉันโดยเฉพาะอีกเรื่องต่าง
    หากนะ มาถึงวันพระกลางเดือนท่านมักจะเรียก
    พระมาอบรม ใครจะทำก็ทำ ไม่ทำก็แล้วไปไม่ว่า
    อะไร ไม่ขัดใจใครนะ
    แล้วท่านก็ลงท้ายว่า “นิพพานัสสะ
    สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คเหตวา”
    แปลว่า เรารับผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อทำให้
    แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถ้าใครไม่ทำก็ลงนรกไป
    คือ หลวงพ่อปาน ท่านเล่าให้ฟังยังงี้….
    เมื่อสมัยท่านเป็นเด็กๆ ยังเล็กอยู่นะ ก็ไป
    เล่นอยู่ใต้ถุนบ้านย่า บ้านย่ากับบ้านท่านน่ะติดกัน
    ทีนี้คุณย่าของท่านกำลังจะตาย
    ก็เสียงข้างบนเขาบอก
    “พุทโธ พุทโธ พุทโธ ไว้นะ”
    พุทโธ ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวคนนั้นมาก็ พุทโธ
    คนนี้มาก็ พุทโธ ใช่ไหม ท่านเป็นเด็ก ก็จำได้
    ก็วิ่งไปวิ่งมาก็ พุทโธๆ นะ
    อีตอนนั้นไม่เท่าไหร่
    อีตอนกินข้าวเย็นซิ กำลังกินข้าวเย็นอยู่
    ในวงใช่ไหม ท่านกินข้าวก็นึกขึ้นมาได้ก็ว่า
    “พุทโธๆ ๆ ๆ”
    แม่จับโยนปังไปกลางนอกชานบอก
    “มึงจะตายโหงตายห่าอย่ามาตายที่นี่เลย”
    (หัวเราะ) แบบเดียวกับเรื่องเมื่อกี้นี้
    ท่านบอกว่าคำว่า “พุทโธ” นี่ ฝอยท่วม
    หลังช้าง สมัยก่อนคำอธิบายนี่เขาเรียกว่าฝอยใช่
    ไหม เขียนๆ คำอธิบายใส่เศษกระดาษวางเลย
    หลังช้างยังไม่พอเลย คุณสมบัติเฉพาะคำว่า
    “พุทโธ” คำเดียว
    ทั้งนี้เพราะอะไร พุทโธ ถ้าเราอยาก
    จะเป็นคนมีเมตตามหานิยม ก็นึกถึงพระพุทธเจ้า
    ภาวนา “พุทโธ” ไว้ ไปที่ไหนก็มีคนเมตตา
    ทีนี้อยากจะเป็นคนแคล้วคลาดหนัง
    เหนียวก็ใช้ศัพท์คำว่า “พุทโธ” คำเดียวก็ใช้ได้
    “อันนี้เมตตา อันนี้แคล้วคลาด”
    ก็ใช้ได้ทุกอย่าง ฝอยท่วมหลังช้างนะ
    เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่ามีนักเลงคณะหนึ่งที่
    บางระมาด และ ตลิ่งชัน
    “อยู่ ธนบุรี นี่อีกแล้ว”
    ใช่ๆ ๆ บ้านยายอยู่ ธนบุรี
    ก็มี อาจารย์เทศน์ อาจารย์เทศน์ ท่านมี
    ชื่อเสียงมาก แล้วก็สอนลูกศิษย์ให้หนังเหนียว
    แคล้วคลาดโดยใช้ศัพท์คำว่า “พุทโธ” คำเดียว
    หนังเหนียว
    คือว่า “พุทโธ” หนังเหนียว ใช่ไหม
    มันมีอยู่ครั้งหนึ่ง นักเลงซึ่งเป็นรุ่นน้อง
    ของน้าท่านนะ ชื่อ “ปาน” เหมือนกัน ไม่ใช่
    หลวงพ่อปาน นะ ชื่อ “ปาน” เหมือนกัน เป็น
    นักเลงที่ ตลิ่งชัน นักเลงใหญ่คนกลัวมาก แต่
    ว่าคนนี้ไม่เกเรใครนะ เป็นนักเลง
    นักเลงสมัยก่อนเขาไม่ใช่อันธพาลนี่ เป็น
    บุคคลที่คนรัก ถ้าใครมีทุกข์ที่ไหนไปช่วยที่นั่น
    ของหายช่วยตามอะไรๆ พวกนี้นะ
    ใครถูกข่มเหงก็ไปช่วยแก้ไขให้ นี่เป็น
    บุคคลที่คนรัก แต่ก็เป็นคนหนังเหนียว แต่ว่า
    ถ้าใครมารวนกับคนตำบลนั้น นักเลงก็ออกหน้า
    ตี ต้องออกหน้าเขาทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัว แต่
    คนตำบลนั้นไม่ได้ ใครมาโกงไม่ได้
    ฉะนั้น นักเลงตลิ่งชัน กับ นักเลงบาง
    ระมาด ก็เป็นนักเลงประสานกัน
    นักเลงบางระมาด เป็นลูกพี่
    นักเลงตลิ่งชัน เป็นลูกน้อง
    ร่วมกันสองตำบลใช่ไหม
    มีวันหนึ่งนักเลงคือ พี่ปาน นี่ ฉันเรียก
    “พี่ปาน” นะ ฉันทันแก ก็มาหาน้าที่ บางระมาด
    มาคุยกัน กลับไปก็ดึกไปหน่อย
    เมื่อเดินไประหว่างทางก็อยากนํ้าเห็นไร่
    อ้อยของเจ๊ก เจ๊กเขาทำไร่อ้อยใช่ไหม แกก็อยาก
    จะกินนํ้า เอามีดเข้าไปตัดอ้อยลำเดียว เจ๊กกรูมา
    เป็นฝูงเลย จับมัด แกสู้ไม่ได้
    เอ้า ! มัดก็ยอมมัดกัน มันก็มัดแข้งมัด
    ขาฟันบ้างแทงบ้างไม่เข้า จนกระทั่งเอาภรรยาเอา
    ผู้หญิงเอาเมียเจ๊กน่ะ เอานั่งคร่อมหัวแล้วทั้งแทง
    ทั้งฟันก็ไม่เข้า
    ทีนี้เจ๊กคนหนึ่งบอก “เอาไฟเผา”
    ก็จุดไต้ขึ้นมา พอจุดไต้จะมาจิ้มหน้า ที่
    ไหนพอเห็นหน้า พี่ปาน เข้าไต้ร่วงเลย (หัวเราะ)
    ไต้หล่น เจอนักเลงใหญ่เข้า เจ๊กก็แก้
    แล้ว พี่ปาน เลยถามว่า
    “นี่เถ้าแก่ ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ ไอ้ฉัน
    น่ะกินอ้อยลำเดียวมันอยากนํ้า นี่ฉันไม่โกรธแก
    หรอกนะ มันของของแก มันทรัพย์สินของแก
    ฉันไม่พบแก มันดึกแล้ว”
    เจ๊กบอก “ไม่ใช่ยังงั้น ขโมยมันลักตัด
    หลายคืนแล้วลักตัดทีหลายๆ ลำ เอาไปมากๆ ใช่
    ไหม ทีนี้ก็นั่งดักขโมยก็บังเอิญ พี่ปาน ไปพอดี”
    (หัวเราะ)
    ก็เป็นอันว่า พุทโธ นี่ถ้านับถือจริงๆ หนัง
    เหนียว “แม้แต่นุ่งผ้าถุงของอะไรก็….”
    โอ๊ย ! ไม่มี พุทธคุณไม่มีคำว่าเสื่อม ไม่
    ใช่ไสยศาสตร์ นี่พุทธศาสตร์นะ เหลือเวลาอีก
    ๓ นาที
    สมัยเป็นฆราวาส
    ตอนนี้ก็จะพูดถึงเรื่อง พุทโธ อีกหน่อย
    หนึ่งนะ วันนี้ไงๆ แค่ พุทโธ พุทโธ สูงสุดใช่
    ไหม ในสมัยกบฏบวรเดช เวลานั้นนะ เขากำลัง
    ยิงกันที่ บางเขน ตูมตามๆ ๆ ฉันก็กลับจากที่
    ทำงาน ๓ คนในตอนเย็น จะลงเรือที่ ท่าพระจันทร์
    กลับบ้าน ก็มีพระองค์หนึ่งคือ ท่านอาจารย์เทศน์
    ท่านนั่งอยู่ ความจริงไม่รู้จักท่านเลย ไม่เคยไป
    หาท่านเลยนะ ท่านเห็นเข้าบอก “๓ คนนี่มานี่ซิ”
    เลยไปหาท่าน ท่านถามว่า
    “พรุ่งนี้จะออกแนวรบใช่ไหม”
    บอก “ใช่ครับ”
    ท่านฉีกจีวรขอดผ้าให้ ๓ ขอด ให้คนละ
    อัน บอก “อย่าให้พ้นตัวนะ พ้นตัวตาย ต้อง
    ติดตัวไว้” ก็เป็นความจริง
    เวลานั้นเขายิงกัน นํ้าแค่เอวใช่ไหม หมอบ
    ก็หมอบไม่ได้ หมอบมาก็จมูกจม จะนอนหงาย
    ก็ไม่รู้จะยิงใคร ไอ้ต้นข้าวก็สูงสังเกตกันไม่ได้
    ทีนี้เขายิงกันด้านนี้ ไอ้ด้านอื่นเงียบ เรา
    ก็ย่องไปอีด้านโน้น เห็นมันเงียบดี คิดว่าไม่มี
    อะไร ปลอดภัย จะหลบกระสุน ไปเจอะเอารัง
    ปืนกลหนักเข้าให้ มันยิงซะไม่มี
    โอ้โฮ ! เปรี้ยงๆ ๆ ยิงตัดเลียดนํ้าเลย เรา
    ทำไง วิ่งเอาปืนทำหางขึ้นทางรถไฟ ก็อาศัย
    พุทโธ นี่ แหม..กระสุนมันวิ่งฉุยๆ ๆ ไอ้ปืนกลมัน
    ไม่ยาก ยิงกวาดใช่ไหม กวาดเฉพาะจุด ไอ้จุด
    แค่คน ๓ คน ถ้าเอาจริงๆ แล้วก็ขาดกลางตัว
    ที่เขายิงมาน่ะ แต่บังเอิญไม่ถูก
    ธัมมวิโมกข์ ฉบับ ธรรมทานหน้าที่ ๕๐ – ๕๒

    23561398_1307587599352980_4778434851026996484_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ผลจากการรักษาโรคเอดส์
    ผู้ถาม :: “ลูกได้อ่านหนังสือธัมมวิโมกข์ เกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์
    ที่หลวงพ่อบอกไปนั้น บังเอิญลูกไปให้หมอตรวจว่าลูกเป็นหรือ
    เปล่า หมอบอกว่าเป็น แล้วลูกก็เอาตำราของหลวงพ่อเอายาเส้น
    จุด เอากะลาครอบรมควัน ๙ ครั้ง แผลที่เป็นก็หาย ลูกขอถาม
    ว่า จะทำต่อหรือไม่..หรือแค่นี้พอเจ้าคะ..?”
    หลวงพ่อ :: “ถ้ามันไม่เป็น ก็ไม่ทำต่อ”
    (หมายเหตุ..ตัวยาและวิธีรักษาหลวงพ่อแนะนำไว้ว่า ให้ใช้ยาตั้ง
    หรือที่เรียกกันว่ายาเส้น ที่ทางภาคเหนือเขาปลูกกัน ใช้จุดรม
    ควันภายในห้อง หรือถ้าจะสกัดเป็นน้ำ ให้ใช้ฉีดไม่เกิน ๓ เข็ม
    เข็มละ ๑ ซี.ซี ก็จะหาย ดังนี้)

    คัดลอกมาจากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ
    เล่ม ๑๑ หน้า ๖๖

    23621560_1308209402624133_3154669447764171801_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ⛄⛄⛄ยังจำบุญนี้ได้ไหมคะ บุญผ้าห่มมอบให้แก่เด็กนักเรียนด้อยโอกาสบนดอยสูง โรงเรียนขุนห้วยตากพัฒนาศึกษา จ.ตาก คณะศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง นำโดยคุณน้ำฝน คุณอุบลวรรณและคณะญาติธรรมเป็นเจ้าภาพด้วยกัน ที่ฝนบอกบุญทั้งในเฟสส่วนตัวและในเพจคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ยอดมาทั้งหมด30,400บาท{ได้ผ้าห่มจำนวน340ผืน}ปีนี้มีเด็กนักเรียน503คน รวมกับทางพระอาจารย์จึงทำให้นักเรียนได้รับผ้าห่มครบทุกคน…
    ⛄⛄⛄หน้าหนาวมาแล้วก็คิดถึงเด็กๆบนดอยและคิดถึงบุญที่เราทำมาแล้ว มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงเนอะ..ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมบุญนี้มานะคะ

    23658585_1308401422604931_7280695787050363866_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ขออนุญาตบอกบุญนะคะ
    ..บุญนี้เกี่ยวเนื่องมาจากการเดินทางไปทำบุญทางเหนือค่ะ
    1f607.png 1f607.png 1f607.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญถวายภัตตาหารพระสงฆ์จำนวน70-80รูปที่อยู่ปริวาสกรรมที่วัดหนองก๋าย จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสบอกว่า บุญนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะจำนวนพระเยอะมาก ต้องการปัจจัยหรืออาหารขอให้ช่วยกระจายบอกบุญให้หน่อยนะ
    ท่านใดจะร่วมบุญนี้
    โอนได้ที่ธ.กสิกรไทย025-1-92179-2น้ำฝน บุญสิงห์ค่ะ เปิดรับจนถึงวันที่24พฤศจิกายน2560ค่ะ

    23561511_1308610205917386_6074363793565820849_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ขออนุญาตลงงานบุญให้ผู้ที่ร่วมบุญอนุโมทนากันนะคะ
    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png วันนี้ฝนได้นำเงินงานบุญที่ญาติธรรมร่วมบุญมาถวายพระเดชพระคุณหลวงปู่องค์น้อยดังนี้ค่ะ
    ถวายงานบุญเจ้าภาพโคมไฟรอบอาคารหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์องค์ใหญ่ของสวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ สุพรรณบุรี จำนวน 48,000 บาท
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญทุกท่านอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ

    23621576_1309361602508913_201582125802185147_n.jpg
    23754715_1309361819175558_4777832876249204764_n.jpg
    23561444_1309362095842197_5676279390291967608_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “คนจะดีหรือเลวขึ้นกับกฏของกรรม”
    ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    ในสายตาของคนอื่นเขาอาจเห็นว่าลูกเลว แต่ขอลูกทั้งหลายจงคิดว่า นั่นเป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของบุคคลแต่ละคน แต่พ่อเองมีความรู้สึกว่า คนจะดีหรือคนจะเลวมันขึ้นกับกฏของกรรม ก่อนที่เราจะเกิดมานี่ เราทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว

    ขณะใดถ้ากรรมที่เป็นอกุศลมันให้ผล ขณะนั้นลูกของพ่อก็อาจจะมีความคิดผิด พูดผิด กระทำผิดไปได้เป็นของธรรมดา แต่ขณะใดกรรมที่เป็นกุศลให้ผล บรรดาลูกรักของพ่อก็จะทำถูก คิดถูก พูดถูกอยู่เสมอ

    เรื่องนี้ถึงแม้ว่าตัวของพ่อเองก็ประสบมามาก จึงไม่มีความรู้สึก เมื่อลูกรักบางท่าน บางคน คิดพลาด พูดพลาด กระทำพลาดไป ถือว่านั่นเป็นกฏของกรรมเดิมที่เราทำมาแล้วไม่ดี ในชาตินี้เรามาแก้ตัวกันใหม่ พยายามทำความดีเสียทุกอย่าง เพื่อการหักล้างความชั่วเดิม เพื่อผลที่เราจะพึงได้ต่อไป นั่นก็คือพระนิพพาน

    23795164_1310051969106543_8613955824279124778_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ปฏิบัติ ไปนิพพานชาตินี้ (แบบคนขี้เกียจ)

    .. การทำกรรมฐานจริง ๆ ถ้าทำเป็นล่ำ เป็นสัน มันอาจจะเกินพอดีไปก็ได้ เอากันแบบคนขี้เกียจ แต่ตายแล้วไม่ลงนรกดีกว่า ง่ายดีนะ คนขี้เกียจเขาทำแบบนี้

    ก่อนนอนหลับ ใจนึกถึงพระพุทธเจ้า หรือนึกถึงพระพุทธรูป องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะที่เราชอบ จิตก็จับที่ลมหายใจเข้า-ออก ภาวนา “พุทโธ” ก็ได้ อะไรก็ได้นะ เอาพุทโธเป็นเกณฑ์ ก็แล้วกัน หายใจเข้า นึกว่า “พุทธ” หายใจออก นึกว่า “โธ” เพียงแค่ 2-3 ครั้ง มันหลับไป ก็ใช้ได้

    ขณะที่ภาวนาอยู่ ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌาน มันจะไม่หลับ ถ้าจิตสงบถึงฌาน มันจะตัดหลับทันที เป็นฌานขั้นไหนก็ตามขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงก็ตาม ท่านถือว่าทรงฌานตลอดเวลา ถ้าตายเวลานั้น จะเป็นพรหมทันที เป็นอย่างน้อย

    ถ้าบังเอิญก่อนจะตาย ก่อนจะหลับ เรานึกถึงพระนิพพานไว้ก่อนด้วยแล้วก็หลับ จิตเป็นฌานก็หลับ เขาถือว่า จิตทรงฌานในด้านของ นิพพาน ที่เรียกว่า ” อุปสมานุสสติกรรมฐาน ” ถ้าตายเวลาหลับจะไปนิพพาน ทันที

    ถ้ามันไม่ตาย มันตื่น ก่อนจะขยับตัวไปไหน ก่อนจะหลับจิตเราเป็นฌาน เมื่อตื่นขึ้นแล้ว ฌานยังไม่คลายตัว ยังทรงอยู่ ก็เริ่มจับลมหายใจเข้า-ออก ใหม่ ภาวนาใหม่ แค่ 2-3 ครั้งก็ตาม เพียงแค่นี้ ทำทุกวัน ทุกคนเวลาจะตาย จะไม่นึกถึงอกุศล จะนึกถึงเฉพาะกุศล อย่างเดียว

    ถ้าทำอย่างนี้ทุกวัน ทำแบบคนขี้เกียจนะ “ฉันมันคนขี้เกียจ ก็เลยสอนให้ลูกศิษย์ เป็นคนขี้เกียจด้วย”

    ถ้าทำอย่างนี้ทุกวัน ถ้าเราป่วยหนัก ขนาดไหนก็ตาม ถ้ายังไม่เห็นเทวดา ไม่เห็นนางฟ้า ไม่เห็นพรหม ไม่เห็นพระอริยเจ้า ไม่เห็นพระพุทธเจ้า “ยังไม่ตาย”

    ถ้าขณะที่ป่วย ถึงแม้มันจะไม่หนัก เห็นเทวดา เห็นนางฟ้า เต็มจักรวาล เห็นพรหม เห็นพระอริยเจ้า เห็นพระพุทธเจ้า คราวนี้นตายแน่

    ถ้าก่อนจะตาย ทุกขเวทนาหนักปวดเสียด แต่ก่อนจะตายจริง สักอย่างน้อยสุด 20 นาที หรืออาจจะ 2-3 วันก็ได้นะ จิตที่มีทุกขเวทนา มันจะหายไป จิตจะไปจับที่เทวดา ที่ นางฟ้า ที่พรหม ที่พระอริยเจ้า มีความเพลิดเพลิน คุยกันท่านแบบสบาย ๆ และในที่สุดจิตก็ดับ ก็ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก ไปนิพพานได้ ตามชอบใจ

    ก่อนจะหลับ ให้ภาวนาว่า “พุทโธ” สัก 2-3 ครั้ง แล้วภาวนาว่า “นิพพานัง สุขัง” ไปจนกว่าจะหลับ เมื่อเวลาตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ ให้ภาวนาว่า “นิพพานนัง สุขัง” สัก 2-3 ครั้ง

    ..อย่างนี้ทุกคืน ” จะไปนิพพานได้ในชาตินี้ ”

    ใครภาวนา ” นิพพานนัง สุขัง ” ไม่ได้ ก็ให้ภาวนา “พุทโธ” อย่างน้อยที่สุด ตายจากชาตินี้แล้วไปสวรรค์ ..

    (จากหนังสือ พ่อสอนลูก เล่ม 1)

    23659684_1312873665491040_3293042325007446733_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ทำบาปมาก จะไปนิพพานอย่างไร
    ตามปกติคนที่เกิดมาแล้วทุกคนไม่มีใครไม่ทำบาป พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วเกือบทุกองค์ ชาติปัจจุบันท่านก็ทำบาปเหมือนกัน แต่วาระสุดท้ายของอารมณ์ไม่ใช่วาระสุดท้ายของชีวิต ท่านตัดสินใจเด็ดขาดว่า เราจะไม่ทำล่ะเรื่องบาปอกุศล เราจะทำความดีเปลื้องความทุกข์ และพ้นจากความเกิดต่อไป คือหวังพระนิพพาน การทำบาปอาจจะเป็นความจำเป็นเพราะเป็นการจองเวรจองกรรมกันก็ได้ เพราะเราเกิดทุกชาติก็มีการฆ่าสัตว์ทุกชาติ บางชาติเราอาจเกิดเป็นสัตว์ถูกเขาฆ่าและอาจจะจองเวรไว้ก็ได้ อย่าง ท่านองคุลิมาล ขอเล่าโดยย่อ ก่อนจะเกิดมาเป็นคน ท่านเกิดเป็นควายป่าที่มีความเก่งกล้าสามารถมาก ปราบสัตว์ป่าได้ทุกประเภท และควายที่ชาวบ้านได้เลี้ยงไว้ ได้ราบคาบ ชาวบ้านเขาก็โกรธก็รวมตัวกันทั้งหมด พันคนเศษร่วมมือกันตีราชสีห์ควายจนตาย คนที่ลงมือจริงๆไม่กี่คนนัก แต่เป็นคนที่ร่วมกันคิด ร่วมทุน ร่วมจัดทำคอกและร่วมใจว่าเจ้าควายตัวนี้ เราต้องฆ่าให้ตายขืนปล่อยไว้สัตว์เลี้ยงเราจะตายหมด ก่อนจะตายเจ้าควายราชสีห์ มันลืมตาดูคนที่รุมฆ่ามัน คิดว่า ชาติหน้ากูขอฆ่ามึงบ้าง ชาตินี้กูคนเดียว มึงรุมฆ่ากู ชาติหน้ากูคนเดียว จะรุมฆ่ามึงทั้งหมด เป็นการจองเวรกันชัดๆ คนที่รุมฆ่าควายตัวนั้น ในชาตินี้เกิดมาเป็นคนในเขตเมืองพาราณสี และในเมืองใกล้เคียง แม่ของท่านองคุลิมาลก้อยู่ในกลุ่มคนที่ฆ่าท่าน มาในชาติก่อน ที่นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง ก็เพื่อจะให้เข้าใจว่า การทำบาปอาจจะมีความจำเป็นเพราะการจองเวรจองกรรมกันก็ได้ เพื่อความมั่นใจของให้ทุกคนตั้งใจ เวลาทำบุญจงอย่านึกถึงบาป เมื่อเจริญภาวนาจงอย่านึกถึงบาป หลังจากทำบุญแล้ว ให้อุทิศส่วนกุศลถึงสัตว์ที่ฆ่ามาแล้ว ขอให้เธออโหสิกรรมจนกว่าจะเข้านิพพาน ทำอย่างนี้เสมอๆใจนึกถึงบุญจนชิน ที่ท่านเรียกว่า ญาณ จะเป็นบุญประเภทใดก็ได้ ทางที่ดีภาวนานึกถึง พระพุทธเจ้าไว้เป็นปกติ ท่านที่ไปสวรรค์ พรหม นิพพานได้ ใช้กำลังใจจับอยู่ที่สถานที่ที่เราชอบที่สุดไว้ ทุกเช้าเย็น และคิดว่าถ้าเราตายขอมาที่นี่แห่งเดียว ถ้าทำอย่างนี้เป็นปกติก่อนจะตายอารมณ์ก็จะจับกุศลก่อน จิตออกจากร่างเมื่อไหร่ก็จะไปตามที่เราต้องการทันที และถ้าหากขนาดที่ไปเป็นเทวดาหรือพรหม พบพระศรีอริยเมตไตรยเมื่อไหร่ฟังเทศน์จบเดียวก็จะบรรลุมรรคผล สามารถไปนิพพานพ้นจากการกลับมาเสวยทุกข์ต่อไปอีก
    จากหนังสือ พ่อสอนลูกเล่มสีทองหน้า369-372

    23755554_1314873208624419_4432209199632226169_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    : ปิดประตูนรก :
    โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    พระธรรมที่พระสงฆ์นำมาแนะนำแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท
    ถ้ายอมรับนับถือเป็นส่วนตัวก็สามารถจะพ้นนรกได้แน่นอน
    ในชาตินี้ แต่ชาติต่อไปเราก็ไม่แน่ แล้วการที่จะคิดว่าชาติ…
    ต่อไปเราอาจจะเกิดเป็นคน เราจะยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า
    หรือพระอริยสงฆ์ต่อไปนี่ไม่แน่นอนนักเพราะการเกิดแต่ละ
    ชาติเราไม่ได้รับแต่ผลของความดีฝ่ายเดียว เป็นการรับผลทั้ง
    ความดีและความชั่ว จะเห็นว่าคนที่เกิดมาแล้วนี้ไม่ใช่มีความสุข
    อย่างเดียว อารมณ์ที่ทำให้เกิดเป็นทุกข์ก็มีอยู่ หรือไม่ได้มีแต่
    ความทุกข์อย่างเดียว อารมณ์ที่เป็นสุขก็มีอยู่ ขณะใดที่อารมณ์
    ความเป็นสุขเกิดขึ้น ขณะนั้นถือว่ารับผลของกุศลเก่า คือบุญเก่าที่เราทำไว้แล้วในชาติก่อนๆ มา สนองเรา เราก็มีความสุข

    …..ผลของทานเป็นปัจจัยให้ได้ลาภสักการะ

    …..ผลของการรักษาศีลให้เกิดความสุขหลายๆ ประการ

    …..ผลของการเจริญภาวนาและศึกษาธรรม เป็นเหตุให้เกิดปัญญามีความฉลาด

    …..ถ้าผลของความทุกข์ ผลของปาณาติบาต ทำให้คน
    มีอายุสั้นพลันตาย

    …..ผลของอทินนาทาน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย

    …..ผลของกาเมสุมิจฉาจาร ทำให้ลูกหรือบุคคลในปกครอง
    ว่ายากสอนยาก ไม่อยู่ในโอวาท แนะนำอย่างไรก็ไม่เชื่อฟัง

    …..ผลของมุสาวาท เกิดมาชาตินี้ในระหว่างนั้นให้ผล พูดดีเท่าไรก็ไม่มีคนอยากรับฟัง

    …..ผลของการดื่มสุราเมรัย ทำให้เป็นโรคปวดศีรษะไม่หาย
    หรือเป็นโรคเส้นประสาทหรือว่าเป็นโรคบ้า

    …..ทั้งหมดตามที่กล่าวมาแล้วนี้เป็นผลจากความดี หรือความชั่วในชาติก่อน ที่ยังตามมาสนองเรา ถ้าบังเอิญเกิดในชาตินั้น
    ยามจะตาย ผลของอกุศลก็ครอบงำจิตพอดี เราก็ลืมพระพุทธเจ้า ลืมพระอริยสงฆ์ ทั้งนี้เพราะความมั่นคงของจิตไม่มี ถ้าความมั่นคงของจิตมีต้องปฏิบัติในธรรม ให้ธรรมทรงตัวทรงใจ หมายความว่า การจะพูดก็ดี การจะทำก็ดีการจะคิดก็ดี อยู่ในขอบเขตของพระธรรม เพราะว่า พระธรรมนั้นพระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราปฏิบัติในด้านของความดี และก็พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สอนก็ทรงสอนไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ หัวข้อ

    …..เราจะปฏิบัติกันอย่างไรได้หมด อันนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทอาจจะเป็นเครื่องอัดอั้นตันใจสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเพราะว่าถ้าพูดถึงพระธรรมแล้วไม่รู้จะเอาตรงไหนดีก็เอากันอย่างนี้ก็แล้วกัน

    …..พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระธรรมวินัยที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว
    หลายหมื่นหัวข้อ ถึง ๘๔,๐๐๐ หัวข้อ ท่านบอกว่าให้เลือก
    ปฏิบัติตามที่เราเห็นสมควรที่พอจะปฏิบัติได้ เพราะการที่
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้มากๆ ก็ทราบว่า อัธยาศัยของคน
    ไม่เสมอกัน กำลังใจของคนก็ไม่เสมอกัน อัธยาศัยต่างกัน
    อย่างหนึ่ง กำลังใจต่างกันอย่างหนึ่ง ก็มีความจำเป็นต้อง
    ตรัสไว้มาก เพื่อความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

    …..เวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายกำลังฟังเรื่องการ
    ปฏิบัติตนเพื่อให้พ้นนรกคำว่า “นรก” ก็หมายถึงเปรต
    อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ต้องการจะหนีนรกกันแล้วเรา
    ก็ปฏิบัติกันอยู่ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ
    ในเมื่อปฏิบัติอยู่ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ
    ก็เอาพระธรรมวินัยที่อยู่ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ
    มาปฏิบัติไม่ใช่ว่ากันดะไปทั้งหมด

    …..พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้า
    ตรัสไว้ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ ก็คือ “ศีลห้า และ
    กรรมบถ ๑๐ ” ถ้าการปฏิบัติศีลห้าครบถ้วน ก็ถือว่าได้ความดี
    หนีนรกได้แบบหยาบๆ ชาตินี้มีความสุขแต่ความสุขน้อยไป
    หน่อย ชาติหน้ามีความสุขแน่แต่ด้อยไปนิดหนึ่ง
    กาลเวลาที่จะถึงนิพพานยังไกลอยู่

    เอาสังโยชน์ ๑๐ เป็นเครื่องวัดอารมณ์

    นักปฏิบัติเพื่อมรรคผล ที่ท่านปฏิบัติกันมาและได้รับผลเป็นมรรคผลนั้น ท่านคอยเอาสังโยชน์เข้าวัดอารมณ์เป็นปกติ เทียบเคียงจิตกับสังโยชน์ ว่าเราตัดอะไรได้เพียงใด แล้วจะรู้ผลปฏิบัติตามอารมณ์ที่ละนั้นเอง ไม่ใช่คิดเอาเองว่าเราเป็นพระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหัต ตามแบบคิดแบบเข้าใจเอาเอง

    *** สังโยชน์ ๑๐ ***

    สังโยชน์ แปลว่า กิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมอยู่ในวัฏฏะ มี ๑๐ อย่าง คือ

    ๑.สักกายทิฏฐิ
    มีความเห็นว่า ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ เป็นเรา เป็นของเรา เรามีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ มีในเรา

    ๒.วิจิกิจฉา
    สงสัยในผลการปฏิบัติว่าจะไม่ได้ผลจริงตามที่ฟังมา

    ๓.สีลัพพตปรามาส
    ถือศีลไม่จริงไม่จัง สักแต่ถือตามๆเขาไปอย่างนั้นเอง

    ***สามข้อนี้ ถ้าตัดได้เด็ดขาด ท่านว่าได้บรรลุเป็น “พระโสดาบัน” กับ “พระสกิทาคามี”

    ๔.กามราคะ
    ความกำหนัดยินดีในกามคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และอาการถูกต้องสัมผัส

    ๕.ปฏิฆะ
    ความกระทบกระทั่งใจ ทำให้ไม่พอใจ อันนี้เป็นโทสะแบบเบาๆ

    ***ข้อ ๑ ถึง ๕ นี้ ถ้าละได้เด็ดขาด ท่านว่าบรรลุเป็น “พระอนาคามี”

    ๖.รูปราคะ
    พอใจในรูปธรรม คือความพอใจในวัตถุ หรือรูปฌาน

    ๗.รูปราคะ
    พอใจในอรูป คือเรื่องราวที่กล่าวถึง หรือในอรูปฌาน

    ๘.อุทธัจจะ
    อารมณ์ฟุ้งซ่าน คิดนอกลู่นอกทาง

    ๙.มานะ
    ความถือตนโดยความรู้สึกว่า เราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา

    ๑๐.อวิชชา
    ความโง่ คือ หลงพอใจในกามคุณ ๕ และกำหนัดยินดีในกามคุณ ๕ ที่ท่านเรียกว่า อุปาทาน เป็นคุณธรรมฝ่ายทรามที่ท่านเรียกว่า อวิชชา

    สังโยชน์ทั้ง ๑๐ ข้อนี้ ถ้าท่านพิจารณาวิปัสสนาญาณแล้ว จิตค่อย ๆ ปลดอารมณ์ที่ยึดถือได้ครบ ๑๐ อย่างโดยไม่กำเริบอีกแล้ว ท่านว่าท่านผู้นั้นบรรลุ “อรหัตผล” เป็น “พระอรหันต์”

    เครื่องวัดอารมณ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสจำกัดไว้อย่างนี้ ขอนักปฏิบัติจงศึกษาไว้ แล้วพิจารณาไปตามแบบท่านสอน เอาอารมณ์มาเปรียบกับสังโยชน์ ๑๐

    ทางที่ดีควรคิดเอาชนะกิเลสคราวละข้อ เอาชนะให้เด็ดขาด แล้วค่อยเลื่อนเข้าไปทีละข้อ ข้อต้น ๆ ถ้าเอาชนะไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งเลื่อนเข้าไปหาข้ออื่น ทำอย่างนี้ได้ผลเร็ว เพราะข้อต้นหมอบแล้ว ข้อต่อไปไม่ยากเลย

    จะชนะหรือไม่ชนะ ก็ข้อต้นนี้แหละ เพราะเป็นของใหม่ และมีกำลังครบถ้วนที่จะต่อต้านเรา ถ้าด่านหน้าแตก ด่านต่อไปง่ายเกินคิด ขอให้ข้อคิดไว้เพียงเท่านี้

    24058836_1315723078539432_6646755012186804377_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ท่านลุงพุฒิ(พระยายมราช)และท่านลุงใหญ่(นายบัญชี)
    ท่านมายืนอยู่ ท่านบอกให้ทุกคนกำหนดใจตามนี้นะ
    ให้ทุกคนเห็นว่า นึกว่าร่างกายมันไม่ดี และที่เรามีทุกข์ทุกอย่างเพราะอาศัยร่างกายอย่างเดียวนะ ทีนี้ท่านบอกให้นึกไว้เสมอๆถ้าเวลาจะตายให้สังเกตดู ถ้าใครยังเห็นว่าร่างกายดีจะปวดท้องจำไว้นะทั้งหมดเลยท่านบอกทั้งหมด เพราะว่าถ้าไม่ใช่พวกเก่าไม่มาพวกนี้จะเป็นพวกเก่าและมีบุญล้นแล้วควรจะไปนิพพานได้แล้ว เวลาจะตายก็ควรไปนิพพาน ลูกหลานก็สาธุ ถ้าบุคคลใด ยังมีความประมาทอยู่ยังคิดว่าร่างกายดี จะปวดท้องปวดมากด้วย ปวดจนกระทั่งเห็นว่าร่างกายไม่ดีจึงจะตาย ทำไมจึงปวดท่านทำให้ปวดท่านจะไล่นะ ไล่ไปนิพพานยืนยันบอก เล่าให้เขาฟังด้วย ถ้าไม่บอกให้พูดจะไม่พูดนี่เขาบอกให้พูดตั้งใจให้ดี คิดว่าร่างกายมันไม่ดีทุกๆอย่าง ความหิวก็ดี ความหนาวก็ดี ความร้อนก็ดี ความป่วยไข้ไม่สบายก็ดี ทุกอย่างนี้มีขึ้นเพราะอาศัยร่างกายอย่างเดียว เราไม่ต้องการมันอีก ต้องการชาตินี้ชาติเดียวเป็นชาติสุดท้าย ต่อไปเราขอไปนิพพาน คิดงี้ทุกคืนนะ คนที่มาทุกคนคณะศิษย์ทุกคนนี่นะ เขาเป็นคนมีบุญล้นแล้วเพราะว่าตามธรรมดาสาวกภูมิบำเพ็ญบารมีเพียง 1 อสงไขยกับแสนกัปแต่พวกนี้ย่องไป 10 กัปกว่าก็ตามมาใช่ไหม 16 กัปใช่ไหมล่ะเขาบอก บุญบารมีล้นแล้วแต่ว่ากำลังใจยังไม่พอ ท่านจึงบอกว่าพอขึ้นไปข้างบนนะ หลวงพ่อขึ้นไปหาท่านลุง ไปถามท่านบอกทำไมแนะให้เขาแบบนั้น ทำให้ปวดท้อง ท่านบอกฉันลำคาญ ท่านเป็นอนาคามีแล้ว ไม่ใช่เป็นพรหมนะ พระยายมนะทั้งสององค์แหละเป็นอนาคามีมานานแล้ว แต่จะไปนิพพานก็ไปไม่ได้ ห่วงไอ้พวกนี้มันลูกหลาน เลยตั้งใจจะกวาดมันเสียให้หมด ถ้าหากว่าใครก็ตามถ้าจะตายถ้ายังรักร่างกายอยู่ จะให้มันปวดท้อง ปวดท้องปวดหนักๆเข้าก็เบื่อร่างกายใช่ไหม พอจิตเบื่อร่างกายจนกระทั่งไปเลย ไปนิพพานได้ทันที ถ้าใครไม่รักร่างกาย คิดไว้เสมอว่า ร่างกายมันไม่ดี เราหิวเพราะร่างกาย เรารักเพราะร่างกาย เราหนาวเพราะร่างกาย เราเหน็ดเหนื่อยเพราะร่างกาย ร่างกายเลวๆอยา่างนี้จะมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย อย่างนี้มันก็ไม่ปวดท้อง ตายไปนิพพาน เป็นของไม่ยากนะ ดีใจที่ลุงท่านบอกเมื่อคืนนี้นะ เมื่อคืนดีใจมาก ท่านย้ำสามครั้งว่า บอกให้เขารู้นะ แต่ว่าตามธรรมดาเทวดาก็ดี พระก็ดี ท่านจะพูดแค่สามครั้ง ไม่เกินย้ำสามครั้ง นี่ต้องบอก
    จากเทปคำสอน ที่สายลมวันที่ 3 ตุลาคม 2535 ม้วนที่ 25 หน้าB นาทีที่ 00.05-04.35

    23843184_1315762085202198_1064656098802282631_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนของพระศรีอริยเมตไตรย
    นี่สำหรับคนมีบารมีอ่อนนะ คนมีบารมีเข้ม ให้ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้ ถ้าคนบารมีอ่อน ตั้งใจไปนิพพานชาติพระศรีอริย์หรือวางแผนไว้สองอย่างก็ว่าได้ ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้ถ้าพลาดชาตินี้ขอให้ได้นิพพานสมัยพระศรีอริย์ก้ได้ ท่านบอกว่าให้ทุกคนที่ต้องการเกิดทันสมัยผม ให้รักษาศีล5เป็นปกติ รักษากรรมบท10เป็นปกติทุกวัน ไม่คลาดเคลื่อนอย่างนี้เป็นอุคติตัญญูไปเกิดในสมัยผม ฟังเทศน์แค่หัวข้อเล็กๆสั้นๆก็บรรลุมรรคผลทันที ถ้าบางท่านปฏิบัติอ่อนกว่านั้น รักษาได้กรรมบท10เหมือนกัน ศีล5ก็ครบ แต่ว่าบางทีก็มีอาการเผลอเล็กน้อย อย่างนี้เป็นวิปติตัญญู หมายความไปเกิดสมัยผม เทศน์หัวข้อฟังไม่เข้าใจ ต้องอธิบายเล็กน้อย ถึงบรรลุอรหันต์ บางท่านที่มีบารมีอ่อนกว่านั้น วันธรรมดาๆอาจจะบกพร่องบ้าง เป็นของธรรมดา แต่สำหรับวันพระต้องรักษษให้ครบถ้วน ทั้งศีล5และกรรมบท10 หมายความตามธรรมดา คนเรามีอาชีพต่างกัน บางคนปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ต้องฉีดยา ฆ่าเพลี้ยฆ่าสัตว์ที่มารบกวนพืชพันธุ์ธัญญาหารบ้าง บางคนมีอาชีพไปในทางการประมง ต้องทำการประมง ฆ่าปลาฆ่าสัตว์บ้าง ถ้าอย่างนี้ถือว่าวันธรรมดาบกพร่องได้ และวันพระต้องครบถ้วนบริบูรณ์ อย่างนี้ถ้าเกิดในสมัยผม เขาเรียกสว่า เนยยะ เทศน์ครั้งเดียว สองครั้งยังไม่มีผล ต้องฟังเทศน์หลายๆหน สามารถเป็นพระอริยะได้ เอาล่ะ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ท่านทั้งหลายมานั่งอยู่กันที่ตรงนี้ และฟังเทศน์แล้ว เรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรยถ้าจะว่ากันไป ก็คงไม่แตกต่างกับเรื่องขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าทุกท่านรักษาศีล5ครบถ้วน กรรมบท10ครบถ้วน ที่มีบารมีเข้มข้น สามารถจะไปนิพพานได้ในชาตินี้ ถ้าบังเอิญชาตินี้พลาดไปนิพพาน ไปเกิดเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี หรือพรหมก็ตาม อีกไม่นานนักพระศรียริย์ก็ตรัส เราก็ฟังเทศน์จากพระศรีอริย์ในไม่ช้า ก็บรรลุอรหันต์ไปนิพพานได้
    จากหนังสือ ประวัติพระศรีอรยเมตไตรย

    23915711_1316646495113757_2019526537303948052_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    : เรื่องความหมายของคำว่า ” ผาติกรรม ” :

    ที่ภาษาพระเค้าเรียกว่า “ผาติกรรม” การทำผาติกรรม คือการนำของที่มีคนนำมาทำบุญแล้ว แล้วพระท่านได้นำออกมาให้คนอื่นๆ “เช่าหรือซื้อ” ในราคาถูกเพื่อทำบุญกุศลต่อ เพื่อความสะดวกสบายของท่านพุทธศาสนิกชน จะได้ไม่ต้องจัดเตรียมสิ่งของที่จะต้องนำมาทำบุญ เพราะทางวัดได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว การทำเช่นนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง เพราะอย่างน้อยของทำบุญก็ไม่ล้นวัด เพราะปริมาณของคนทำบุญมากกว่าคนใช้

    สมมุติว่า…มีคนถวายสังฆทาน ๑,๐๐๐ คน จะมีถังสังฆทาน ๑,๐๐๐ ใบ ย่อมเป็นภาระของวัดและพระที่ต้องหาที่เก็บ
    ในขณะที่พระในวัดก็มีใช้เกินพอ เกินความจำเป็น
    แต่ทางวัดยังมี โบสถ์ วิหาร ศาลา เสนาสนะ หรืออย่างอื่นที่ต้องปรับปรุงแก้ไขพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก

    แต่ไม่มีทรัพย์ที่จะปรับปรุงพัฒนา จึงให้มีการ “ผาติกรรม” เพื่อที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่วัดท่าซุง , บ้านสายลม หรือตามสาขาของวัดท่าซุงทั้งหมดทั้งหลายนั้น จึงจัดให้มีการ “ผาติกรรม” องค์พระพุทธรูป และ ชุดสังฆทาน ตลอดมา และเชื่อว่า หากทำไม่ได้หรือเป็นวิธีการที่ผิด หลวงพ่อฤาษีท่านคงห้าม ! ทำแล้วหล่ะครับ ส่วนที่เกรงว่าผู้ที่ได้รับจะได้รับไม่เต็มที่นั้น ลองมาอ่านโอวาทธรรมขององค์หลวงพ่อท่านดูครับ…

    : สังฆทานเวียนหรือการผาติกรรมสังฆทานมีอานิสงส์ไหม…? :
    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    ผู้ถาม : “ทีนี้ก็มีคนสงสัยเรื่องสังฆทานครับ ถามว่าสังฆทานที่มาถวายหลวงพ่อ แล้วก็ผาติกรรมไป แล้วก็กลับมาถวายหลวงพ่ออีกครั้งหนึ่ง อานิสงส์จะสมบูรณ์หรือไม่อย่างไรครับ …?”

    หลวงพ่อ : “เท่ากันแหละ เขาเอาแบงค์มาถวายก็เป็นสังฆทาน ถ้าอยากจะมีของไปรับเอามาก็เท่ากัน”

    ผู้ถาม : “ซื้อมาเองกับผาติกรรมหน่ะครับ…?”

    หลวงพ่อ : “แต่อย่าลืมว่าสตางค์ของใคร นั่นเป็นสัญลักษณ์เป็นนิมิตออกมา มีของสักหน่อยใจมันก็สบายกว่าไม่มีของใช่ไหม ถ้าเจตนาให้เงินมันเป็นอะไรมันก็เป็นตามนั้น และก็ตั้งใจเฉยๆ เกรงว่าไม่เป็นไปตามนั้นให้มันมีของตั้งอยู่ ถ้าต้องการจีวรต้องการพระพุทธรูป ก็เป็นนิมิตจับ..

    …อย่า ! ลืมว่าอานิสงส์ของสังฆทาน อะไรๆก็ต้องไปดาวดึงส์เป็นอย่างน้อย สังฆทาน กับวิหารทาน จุดแรกต่ำสุด คือดาวดึงส์ หลังจากนั้นจะไปเลวกว่านั้นก็ตามใจ แต่อย่าลืมนะดาวดึงส์นี่เข้ายาก ไม่ใช่เข้าง่ายๆเลย นอกจากทำบุญขั้นสังฆทานและวิหารทานแล้ว ถ้าเป็นบุญเล็กน้อย ก็ต้องเป็นการทำบุญตัดชีวิต”

    ถวายสังฆทาน ควรมีพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร และอาหาร เพราะ

    ผู้ถาม : ” ดิฉันเคยอ่านเจอในหนังสือที่หลวงพ่อเขียนบอกว่าการถวายสังฆทาน ควรมีพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร และอาหารอันนี้จำเป็นจะต้องมีครบตามนี้ไหมคะ ?”

    หลวงพ่อ : “ความจริง เราไม่ทำถึงขนาดนี้ก็ได้การถวายสังฆทานในที่บางแห่งใช้เครื่อง ๕ เครื่อง ๘ นี่เป็นการสร้างขึ้นเรามีข้าวเพียงช้อนหนึ่ง แกงเพียงช้อนหนึ่ง น้ำเพียงช้อนหนึ่ง แล้วถวายไปบอกว่าเป็นสังฆทาน เพียงเท่านี้ก็ใช้ได้
    แต่ว่าที่เขียนไว้ในหนังสือว่าควรทำแบบนี้เพราะว่าผีกี่ร้อยกี่พันรายก็ตาม มาขอกันแบบนี้เรื่อยคือขอเหมือนกับที่ฉันแนะนำเขา ก็ทำตามที่ผีเขาขอนะ เลยถามเขาว่า “ผลจะได้แก่พวกเอ็งเป็นยังไง ?” เขาบอกว่า…

    ๑.ถวายพระพุทธรูปเป็นของสงฆ์ อานิสงส์ก็คือ ถ้าเป็นเทวดาจะมีรัศมีกายสว่างไสวมากเพราะว่าเทวดาหรือพรหม เขาไม่ดูกันที่เครื่องแต่งตัว เขาดูแสงสว่างจากกาย

    ๒.ผ้าไตรจีวร หรือผ้าสักผืนหนึ่งเขาจะได้เครื่องประดับอันเป็นทิพย์ เครื่องแต่งตัวทิพย์

    ๓.อาหารหรือของกิน จะทำให้มีร่างกายเป็นทิพย์”

    ผู้ถาม : “ทีนี้ถ้าหากว่า ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจุติจากเทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี มาเกิดเป็นมนุษย์ อานิสงส์เหล่านี้จะติดตามมาอีกไหมครับ ? ”

    หลวงพ่อ : อานิสงส์ตามมาคือ

    ๑. จะมีรูปร่างหน้าตาสวย เพราะอานิสงส์ถวายพระพุทธรูปแล้วก็มีปัญญาทรงตัวนี่อำนาจ พุทธานุภาพนะ

    ๒.เครื่องประดับเครื่องแต่งตัวดี และไม่อดอยาก เพราะอาศัยทาน ตัวอย่าง นางวิสาขาเป็นคนสวยงามมาก เพราะในชาติก่อนได้เคยซ่อมแซมพระพุทธรูปและปลูกโรงทำหลังคาคลุมพระพุทธรูป จึงเป็นปัจจัยทำให้ได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม ๕ ประการ

    และนางวิสาขาก็เป็นคนรวยมาก มีเครื่องลดามหาปสาธน์ราคา ๑๖ โกฏิ เป็นเครื่องประดับเพราะอานิสงส์เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาทั้งนี้ด้วยอำนาจบุญบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญแล้วด้วยดี จึงเป็นปัจจัยให้นางวิสาขาเป็นทั้งคนสวย คนรวย และเป็นคนมีปัญญามาก ได้เป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ขวบ

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อุทัยธานี
    ———————————–
    ที่มาจาก…หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ
    เล่ม ๑ หน้า ๒๘-๓๑
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน .วัดจันทาราม(ท่าซุง)
    ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    จัดพิมพ์โดย..เจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง..

    24131051_1318372471607826_2746651207297812540_n.jpg
    23915753_1318372558274484_2166241430146191668_n.jpg
    24058761_1318372631607810_6878502661217329891_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...