เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    #ทำบุญวันเกิด
    ผู้ถาม :- “หลวงพ่อคะ การทำบุญวันเกิด เราจะทำหลังวันเกิดดี หรือก่อนวันเกิดดีคะ…?”

    หลวงพ่อ :- “ตอนไหนก็ได้ การทำบุญวันเกิด เราถือว่าปีหนึ่งเรามีโอกาสทำบุญครั้งหนึ่ง ที่เราทำบุญวันเกิดนี่เป็นนโยบายของพระ ท่านให้เรามีจิตเป็นกุศลไว้ ถ้าถึงวันเกิดเราตั้งใจจะทำบุญ เราจะทำอะไรบ้าง มีการเตรียมการไว้ในใจ ถ้าจิตมันนึกอย่างนี้ เวลาจะตาย อานิสงส์ได้ทันที

    อย่างสาตกีเทพธิดา เธอจะเอาดอกบวบขมไปบูชาเจดีย์ที่เขาบรรจุกระดูกของพระอรหันต์แต่พอจัดดอกไม้ยังไม่ทันพ้นบ้าน ถูกวัวขวิดตาย อาศัยที่เธอจะตั้งใจบูชาพระด้วยดอกไม้ดอกนั้น ยังไปไม่ถึง พอตายแล้วก็เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า ๑, ๐๐๐ เป็นบริวาร

    อย่างนี้เขาถือว่าเป็นอนุสสติ ถ้าเรานึกจะถวายเป็นสิ่งของก็เป็นจาคานุสสติ คิดว่าเราจะทำบุญกับพระองค์นั้นองค์นี้ นึกถึงพระสงฆ์ ก็เป็นสังฆานุสสติ ถ้าเราคิดจะทำบุญกับพระสงฆ์ แต่ให้มีพระพุทธรูปตั้งอยู่ด้วย นึกถึงพระพุทธก็เป็นพุทธานุสสติ ถือว่าเป็นการเจริญพระกรรมฐานไปในตัว แต่พระท่านไม่ได้บอกตรงๆ เท่านั้นเอง”

    #วิธีต่ออายุอย่างง่ายๆ
    การต่ออายุก็ต้องทำให้มันถูก ถ้าทำไม่ถูกแล้วก็เสียเงินเปล่า ถ้าบังเอิญเป็น อายุขัยต่อเท่าไรไม่สำเร็จผล เพราะเชื้อไฟเดิมดับ หมดบุญบารมีที่ทำมา การหมดบุญบารมีนั้นแม้อายุขัยก็ไม่แน่ บางคนเป็นเด็กก็หมดอายุขัย บางคนก็เป็นหนุ่ม เป็นสาว บางคนวัยกลางคน บางคนก็ถึงวัยแก่ อายุขัยนี่ไม่แน่นอนนัก

    คำว่า อายุขัย นี่หมายความว่าก่อนที่จะเกิด กฎของกรรมดีหรือกรรมชั่วกำหนดชีวิตให้มาเท่าไรถ้ากำหนดชีวิตมา ๒๐ ปี ก็ต้องแค่ ๒๐ ปี ๑๐ ปีก็ต้อง ๑๐ ปี ๓ วัน ก็ต้องแค่ ๓ วัน นี่เป็นอายุขัยต่อไม่ได้ ถ้าตายก่อนนั้นเขาเรียกว่า “อุปฆาตกกรรม” หรือว่า “อกาลมรณะ” อย่างนี้ต่อได้ และถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะต่ออายุแบบนี้ ก็ต่อเสียทุกวันก็หมดเรื่องกัน

    วิธีต่อทุกวัน ก็หมายความว่า ให้ทุกท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ อย่างจริงจัง และก็ต้องเว้นจากกรรมที่ เป็น ปาณาติบาต และถ้ามีเวลาเดินผ่านไป มีใครเขาหาปลาหาเต่า ที่เขาจะฆ่ามันให้ตายก็ออกสตางค์ซื้อ พอกำลังที่เราจะซื้อได้ แล้วก็นำไปปล่อยในที่ปลอดภัย ไม่ใช่ปล่อยในหม้อข้าวหม้อแกงของเรานะไปปล่อยในสถานที่ ๆ เธอจะมีความสุขในแม่น้ำก็ได้ หนอง คลอง บึงก็ได้ปล่อยให้เธอรอดชีวิต

    ตามวิธีโบราณาจารย์ท่านสอนไว้อย่างนี้นะว่า

    วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิด หรือเป็นวันสำคัญของเรา วันไหนก็ได้ทำกับข้าว ทำอาหารพิเศษตามที่เราพอใจ เท่าที่ทุนจะพึงมี จัดการใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีสตางค์ก็สร้างพระพุทธรูปสัก ๑ องค์

    พระพุทธรูปนี่จะเป็นพระดินเหนียวก็ได้ เป็นพระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนปลาสเตอร์ก็ได้ หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้ว มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายไว้เป็นสมบัติของสงฆ์

    หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จพึงถูกฆ่าตาย อย่างที่เขานำเอามาขายเพื่อแกงหรือที่เขาทอดแหสุ่มปลาได้ ถ้ามีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสักตัว ๒ ตัว ตามกำลัง แล้วปล่อยไป และก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาผู้รักษาชีวิต ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนี้เป็นนิจ คำว่า อุปฆาตกกรรม คือกรรมที่เข้ามาริดรอนก่อนอายุขัยก็ดี และ อกาลมรณะ การที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มีสำหรับผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ทว่าถ้ากรรมอย่างนี้เข้ามาถึงแค่ป่วยไม่มากก็เป็นของธรรมดา

    เรื่องการต่ออายุนี่ มีในพระพุทธศาสนา

    แต่ว่าวิธีการต่ออายุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเดี๋ยวนี้ที่ทำกันก็จ่ายหนักอยู่เหมือนกันนะ เอาพระไปสวดตั้ง ๗ วันนี่ เสียทั้งข้าว ทั้งน้ำ นี่บางทีก็ต้องจ่ายสตางค์ด้วย แย่เหมือนกันนะพระเองก็จะทนไม่ไหว ก็เลยใช้สายสิญจน์ก็แล้วกัน แต่ว่าสายสิญจน์ที่ทำกันนั้น ก็อย่าลืมพระรัตนตรัย แต่ทางที่ดีญาติโยมพุทธบริษัทถ้าจะทำอย่างนั้นนะ ถ้าคนป่วยจริง ๆ อย่าปล่อยให้ไม่มีความรู้สึกตอนที่สติยังอยู่ดี ๆ อยู่ ให้นิมนต์พระไปสวดสักครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่สวด อภิธรรม หากเป็นสวด พระปริตร วงสายสิญจน์ล้อมรอบ ถ้าผู้ป่วยจะต้องตายเพราะสิ้นอายุขัยก็ต้องตายแน่ สายสิญจน์ป้องกันไม่ได้

    แต่ว่าถ้าท่านผู้นั้นจะตาย อย่าลืมว่าคนป่วยก็เหมือนกับคนที่ตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นเราส่งอะไรให้เกาะเขาก็จะเกาะ ส่งไม้ให้เกาะเธอก็เกาะ ส่งสุนัขเน่าให้เกาะ เธอก็เกาะ เพราะต้องการทรงชีวิตอยู่ ก็เช่นกันถ้าคนป่วย เห็นพระสวด พระปริตร จิตของคนป่วยในตอนนั้น ได้รับสมาทานศีลก่อน เวลานั้นก็จะรับการสมาทานศีลอยู่ด้วย สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ทำให้เป็นคนที่มีศีลเวลาที่มีการสวด พระปริตร จิตก็จะฟังพระสวดด้วยความเคารพ จิตจะยึดอยู่กับพระหลังจากพระกลับแล้ว จิตจะจับอารมณ์นั้นตลอด เพราะในขณะป่วยไม่มีโอกาสทำลายศีลต่อไปอีกเพราะกำลังป่วยอยู่ก็ไม่สามารถที่จะไปฆ่าใคร หรือลักขโมยใคร ถือว่าเป็นคนป่วยที่มีศีลบริสุทธิ์

    ถ้ามีการถวายทานด้วย ไม่ว่าทานนั้นจะเป็น ธูป เทียน ดอกไม้ หรือปัจจัยโภชนาหารก็ตามถือว่าเป็นการถวายทานแก่พระสงฆ์ กำลังของทานจะช่วยคนป่วยได้อีกแรงหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ด้านอนุสสติ ถ้ามีพระพุทธรูปด้วย จิตของเธอจะจับพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสสติ จำเสียงสวดเป็น ธัมมานุสสติ การนึกถึงพระสงฆ์ ไปสวดก็เป็น สังฆานุสสติ ถ้าเป็นอายุขัยที่จะพึงตายบาปกรรมใด ๆ ที่ทำมาแล้วในกาลก่อนจะไม่มีโอกาสให้ผลในเวลานั้น เหลือแต่บุญอย่างเดียวที่จะประคับประคองคนนั้นไปสวรรค์ ไปพรหมโลกหรือไปนิพพาน

    หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    39736419_1605396252905445_3247499577950994432_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 4 หน้า 4
    กัปนี้ มีพระพุทธเจ้า ๑๐ องค์

    การปฏิบัติพระกรรมฐานนี่มีความสำคัญมาก เพราะว่าคนเราทุกคนถ้าก่อนจะตาย
    ถ้าจิตจับอารมณ์ที่เป็นบาปอย่างใดอย่างหนึ่งในขณะนั้นแล้วก็ตาย อย่างนี้ตายไปอบายภูมิแน่
    ถึงแม้จะทำบุญไว้มากสักเพียงไรก็ตาม ต้องไปนรกก่อน
    แต่หากว่าถ้าเราทำบาปไว้มากบังเอิญขณะเราจะตายจิตนึกถึง
    บุญก่อนเราจะไปสวรรค์ก่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้ามีความฉลาดถึงแม้ว่าเราจะบาปมาก
    จะมีบุญน้อยก็ควบคุมอารมณ์ที่เป็นบุญไว้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่าทุกคนตั้งใจไว้เฉพาะพระนิพพาน ถึงแม้เราจะมีบุญน้อย เราก็สามารถไปพระนิพพานได้
    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าในกัปนี้ยังมี พระพุทธเจ้ามาอีก ๖ องค์
    ชุดแรกมี พระศรีอาริย์ เป็นที่สุดองค์ที่ ๕
    ชุดที่ ๒ มี พระรามเป็นที่หนึ่ง มีช้างปาริไลยกะ เป็นที่ห้าเพราะว่า กัปนี้จริง ๆ มีพระพุทธเจ้า ๑๐ องค์
    แต่กัปบางกัปก็ไม่มีพระพุทธเจ้าเลย

    40225466_1615120155266388_9122996722706939904_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f607.png ยอดล่าสุดวันนี้ 3,932 บาทค่ะ
    1f607.png บุญสองเด้งค่ะ
    1f64f.png บอกบุญนะคะ
    1f607.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญถวายหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดท่าซุง หน้าตัก 9 นิ้ว เพื่อประดิษฐานที่สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่สุพรรณบุรีและเป็นต้นแบบในการเททองหล่อองค์ใหญ่ขนาดหน้าตัก 30 นิ้วในปีหน้า ของสวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ สุพรรณบุรีค่ะ
    งบประมาณ 7,500 บาท ปิดทองคำแท้ 2,000 บาท
    รวมเป็น 9,500 บาท
    ขอแบ่งเป็น 95 กองบุญๆละ 100 บาทหรือร่วมบุญได้ตามกำลังค่ะ
    1f4f2.png โอนที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2
    1f33a.png น้ำฝน บุญสิงห์
    1f64f.png ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับผู้ที่ร่วมบุญทุกท่านค่ะ

    40287632_1615180611927009_6588717227791351808_n.jpg
    40051395_1615180675260336_5864806640443719680_n.jpg
    40213609_1615180725260331_6803859917833764864_n.jpg
    40253743_1615180775260326_66531461481627648_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ประวัติหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์

    หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นที่เก่าแก่ อยู่ในวิหารหลวงปู่ใหญ่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (หลวงปู่ใหญ่มาบูรณะวัดนี้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ครองราชย์ได้ปีที่ ๙ หลวงปู่ใหญ่ท่านมาถึงวัดท่าซุงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๓๒)

    ในวิหารนี้มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ส่วนมากจะปั้นเป็นพระพุทธรูปทรงสมัยอยุธยาเป็นเกศหนามขนุนทั้งสิ้น

    ต่อมาพระพุทธรูปบางองค์รวมทั้งหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ถูกพวกมิจฉาชีพตัดเอาเศียรพระไป และมีคนมาปั้นเศียรพระต่อให้แต่ก็ไม่สวยงามเท่าไรนัก โดยปั้นเป็นหน้าคนฟันเหยิน ตาโปน หมุ่นมวยผม

    ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ผู้บูรณะได้กราบขออนุญาตจากพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงในสมัยนั้น) ซ่อมแซมพระพุทธรูปทั้งหมดที่ชำรุด รวมทั้งขอปั้นปูนทับอค์หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ด้วย

    หลวงพ่อท่านอนุญาต และได้กล่าวอีกว่า พระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อปั้นเสร็จให้ทำป้ายชื่อติดเอาไว้ พ่อให้ชื่อท่านว่า “หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์”ต่อไปในภายภาคหน้าจะมีคนขึ้นกับท่านมาก และนี่ก็คือประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ได้กล่าวมาจนถึงทุกวันนี้…

    สิ่งที่ผู้คนนิยมมาทำบุญแลขอพระกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์มากทีเห็นก็คงจะเป็นการถวายผ้าสไบห่มองค์พระ โดยจะมีหลวงพี่องค์หนึ่งท่านนำสวดถวายและขอพรให้ เรียกว่าแบบละเอียดเลยก็ว่าได้

    แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเยอะขนาดไหน ถ้าคนเยอะเกินไปท่านจะไม่อธิบายมาก แนะนำให้ไปวันธรรมดาคนน้อยๆ ท่านจะเล่าสาระดีๆ ให้เกี่ยวกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ให้ฟังอย่างละเอียด

    โดยทั่วไปที่วิหารหลวงพ่อใหญ่แห่งนี้ คนจะหนาแน่นเป็นพิเศษ ในช่วงงานฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง… เพราะเป็นช่วงที่บุคคลทั้งหลายต้องการกำลังใจกันสุดๆ

    เรียกว่าช่วงก่อนงานมโนยิทธิภายในวิหารนี้ แทบไม่มีที่จะให้นั่งเลยก็ว่าได้ ที่แน่นไม่ใช่เพราะอะไร ส่วนใหญ่คนจะมาขอพรให้สำเร็จ ในการได้มโนมิยทธเต็มกำลังกันทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก็สัมฤทธิ์ผลซะด้วย…

    ฉะนั้นถ้าใครได้อ่านและปรารถนาที่จะได้ชมบารมีของท่าน ก็ขอเชิญสักการะได้ที่วิหารหลวงปู่ใหญ่ อยู่คู่กับโบสถ์เก่า วัดท่าซุง

    ท่านเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก บางท่านได้อธิษฐานจิตขอพรจากท่าน และได้สมความปรารถนาก็มีหลายราย

    ดังนั้นท่านใดที่สนใจจะเข้าชมบารมีหรืออธิษฐานจิตขอพรจากท่านก็เชิญได้ตามที่ปรารถนา ถ้าไม่เกินวิสัยก็ขอให้โชคดี สมความปรารถนาทุกผู้คน

    คาถาบูชาหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์

    ตั้ง นะโม 3 จบ

    อิติ สุคะโต นะโมพุทธายะ พุทธบูชา วันทามิ

    ให้ว่าคาถานี้วันละ 9 จบ เป็นอย่างน้อย บูชาทุกวัน จัดเป็น “พุทธานุสสติ” และเป็นการเสริมบุญบารมี ความเป็นศิริมงคลแก่ตัวผู้สวดได้เป็นอย่างดี..

    ที่มา http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=417
    1f607.png ยอดล่าสุดวันนี้ 3,932 บาทค่ะ
    1f607.png 1f607.png 1f607.png บุญสองเด้งวันนี้..
    1f64f.png บอกบุญนะคะ
    1f607.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญถวายหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดท่าซุง หน้าตัก 9 นิ้ว เพื่อประดิษฐานที่สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่สุพรรณบุรีและเป็นต้นแบบในการเททองหล่อองค์ใหญ่ขนาดหน้าตัก 30 นิ้วในปีหน้า ของสวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ สุพรรณบุรีค่ะ
    งบประมาณ 7,500 บาท ปิดทองคำแท้ 2,000 บาท
    รวมเป็น 9,500 บาท
    ขอแบ่งเป็น 95 กองบุญๆละ 100 บาทหรือร่วมบุญได้ตามกำลังค่ะ
    1f4f2.png โอนที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2
    1f33a.png น้ำฝน บุญสิงห์
    1f64f.png ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับผู้ที่ร่วมบุญทุกท่านค่ะ

    40279297_1615226198589117_7341773059482714112_n.jpg
    40318664_1615226245255779_7687081068507168768_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ธรรมะก่อนนอน..๒๗-๐๘-๒๕๖๑
    จากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ

    ตายจากคนอาชีพจับปูทะเลขายแล้วไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

    “..ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ก่อนจะตายถ้าจิตใจผ่องใส นึกถึงบุญกุศลนิดหน่อยตายแล้วก็ไปสวรรค์ทันที เรื่องนี้ให้ชื่อเรื่องว่า “เทพธิดาปูทะเล” เรื่องมีอยู่ว่า
    วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๑ ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกนั่งอยู่กับ ท่านปัญจสิกขเทพบุตร ซึ่งทำหน้าที่เปรียบเหมือนเลขาของท่านพระอินทร์ เห็นนางฟ้า ๘ องค์ รูปร่างหน้าตาสวยสดงดงามมาก ผิวพรรณผ่องใส เครื่องประดับก็สวย แต่มีองค์หนึ่งนั่งใกล้มากที่สุด ท่านมองหน้าไม่ละสายตา เบื้องหลังนางฟ้า ๘ องค์ไกลออกไปประมาณ ๒ เส้น เป็นภาพผู้หญิงอ้วนใหญ่ ผิวเนื้อดำแดงค่อนข้างดำ หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ในความรู้สึกของอาตมาเป็นภาพนางยักษิณี จึงหันไปถามท่านปัญจสิกขเทพบุตรว่า “บนสวรรค์มีภาพประเภทไม่สวยอย่างนี้เหมือนกันรึ” ท่านตอบว่า “ปกติไม่มี แต่นางฟ้า ๘ องค์นี้เป็นคนมีบาปอยู่เบื้องหลัง” หมายความว่าในระยะต้นสร้างบาปไว้มากแต่ว่าไม่ถึงอนันตริยกรรม อนันตริยกรรมได้แก่ ฆ่าพ่อฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต ยุยงให้สงฆ์แตกกัน ตอนช่วงหลังของชีวิตและตอนใกล้จะตายได้ทำกำลังใจเป็น สัมมาทิฐิ รู้จักการให้ทาน รู้จักการรักษาศีล รู้จักการเจริญภาวนา เวลาจะตายจิตใจก็เกาะความดี เมื่อตายแล้วก็มาเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกก่อน แต่ทว่าบาปยังติดตามอยู่ ถ้าไม่สร้างความดีต่อเป็นการป้องกัน เมื่อจุติไปจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อไรบาปจะดึงเธอทั้งหมดลงอบายภูมิทันที
    ท่านพุทธบริษัทเมื่ออ่านหรือฟังแล้ว จงคิดตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
    “จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา” เวลาก่อนจะตาย จิตใจเป็นอกุศลหรือเศร้าหมองนิดหน่อย ก็จะไปอบายภูมิทันที
    “จิตเต ปาริสุทเธ สุคติ ปาฏิกังขา” ก่อนจะตาย แม้แต่จิตใจผ่องใสในด้านของบุญกุศลนิดหน่อย ก็จะไปสวรรค์ทันที
    อาตมาหันไปถามนางฟ้าที่อยู่ใกล้มากที่สุด และมองหน้าไม่ยอมละ ถามเธอว่า “สมัยเป็นมนุษย์อยู่ที่ไหน” เธอตอบทันทีว่า “จำฉันไม่ได้รึ” อาตมาบอก “ถ้าอย่างนั้นขอดูภาพเดิม” ให้เห็นภาพเธอเป็นคนแก่อายุประมาณใกล้ ๖๐ ปี รูปร่างใหญ่เทอะทะ ผิวเนื้อดำแดงค่อนข้างดำ ถามเธอว่า “รูปร่างของเธอเป็นอย่างนี้ เธอมีสามีหรือเปล่า” เธอตอบว่า “มี” เธอแสดงภาพให้เห็นตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแล้วก็เป็นสาววัยรุ่นถึงสาวใหญ่ ตอนสาวรุ่นรูปร่างทรวดทรงดี หน้าตาดี ผิวพรรณไม่ดำ ผิวเนื้อดำแดงและเกลี้ยง ร่างกายมาเปลี่ยนแปลงตอนอายุใกล้ ๔๐ เธอเป็นคนจน
    เวลานั้นอาชีพจริงๆ ก็คือ จับปูทะเลมาขาย ปูทะเลจับมาได้ก็ต้องมัด จับปั๊บมัดปุ๊บ ทำมาแต่เด็กก็ทำได้คล่องรวดเร็วแล้วก็เอามาขาย พอเป็นสาวขึ้นมาก็จับปูทะเลขายเหมือนเดิม แต่งงานแล้วก็ยังทำอยู่เหมือนเดิม มาเปลี่ยนแปลงเอาจริงๆ เมื่อตอนอายุ ๓๐ ปีเศษ ขายปูได้กำไรพอสมควรมีทุนอยู่บ้าง ไม่จับปูเองแล้วแต่เป็นคนซื้อปูมาขายและคุมการขาย
    ให้นึกดูว่า สภาพปูถูกมัดกระดิกกระเดี้ยไม่ได้แบบนั้น มันทรมานขนาดไหน มีการเจ็บปวด มีการเมื่อยขนาดไหน สรุปแล้วเธอทำบาปมาอย่างหนัก เป็นบาปที่ติดตามมา ที่เห็นเป็นภาพนางยักษิณีอยู่ข้างหลังตอนที่มาเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว
    ความจริงในตอนระยะต้นๆ ตั้งแต่เด็กมาจนถึงสาวใหญ่ แต่งงานแล้วก็ตาม บุญเธอก็ทำบ้างแต่ก็ทำบุญแบบผิวเผิน หมายความว่าใส่บาตรบ้างแต่ก็นานๆ ใส่ครั้ง นานๆ ก็ไปฟังเทศน์บ้างแต่ก็ไม่ตั้งใจนัก เขาทำบุญเรี่ยไรก็ทำบ้างแต่ไม่ได้ตั้งใจมาก ทำประเภทปัดสวะให้ผ่านพ้นไป ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่แจกฎีกาพึงทราบว่า คนที่เขาทำบุญตามฎีกาเขาจำใจทำกันมา แต่ก็ได้บุญถึงแม้จะได้บุญไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ตาม เปรียบเหมือนชาวบ้านเขามีข้าว ๑ กะละมังได้บุญเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่เราได้บุญไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีข้าวแค่ ๑ จาน ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
    ต่อมาเมื่อเธอมีอายุ ๔๐ ปีเศษๆ ก็มีความรู้สึกว่าอาชีพเดิมมันบาปทั้งหมด ก็เพราะบังเอิญมีพระหลวงตาที่น่าเคารพท่านหนึ่ง ท่านเป็นพระอยู่ใกล้บ้านไปรับบาตรเป็นประจำ ผ่านอยู่เสมอ ท่านอธิบายให้ฟังว่า “การทำแบบนี้มันบาป” ในที่สุดเธอก็ละจากอาชีพขายปูทะเลมาเป็นอาชีพรับจ้างอย่างอื่นที่ไม่เป็นบาป ความจริงน่าขอบคุณหลวงตาองค์นั้นที่ท่านแนะนำ ตอนหลังเธอตั้งหน้าตั้งตาทำบุญ บุญใหญ่เธอทำมาเป็นปกติ ใส่บาตร ฟังเทศน์ ใครไปเรี่ยไรก็ให้ ทำบุญมาเรื่อยๆ จิตใจเป็นบุญกุศล
    ต่อมาระยะใกล้จะตาย ๔ เดือน เธอก็มีโอกาสมาที่วัดท่าซุง ในงานเป่ายันต์เกราะเพชร เห็นวัดเข้าก็ชอบใจ คิดในใจว่าวัดสวยๆ แบบนี้หายาก เธอสนใจมณฑปแก้วที่ปิดกระจกทั้งข้างนอกและข้างใน ก็ชอบใจมากเข้าไปนั่งไหว้พระดูภาพพระก็ชอบใจ มีจิตใจสดชื่น ไปนั่งนานจนกว่าจะถึงเวลาเป่ายันต์เกราะเพชร ก็ไปรับยันต์เกราะเพชรตอน ๔ โมงเช้า ปรากฏว่าเขาประกาศว่ารถจะออก ๔ โมงเย็น จึงไปนั่งป๋ออยู่ที่มณฑปแก้วใหม่ สดชื่นมากจิตใจจับอยู่ที่นั่น
    ต่อมาได้ทราบข่าวว่า ที่ซอยสายลมมีพระวัดท่าซุงไปสอนพระกรรมฐานที่นั่น เธอก็ไปกับเขาด้วย ไปเจริญพระกรรมฐานวันแรกเธอบอกว่า “ภาพพระที่มองเห็นเวลาลืมตา แต่เวลาหลับตาแล้วพระองค์นั้นไม่เห็น เห็นแต่ปูที่คลานยั้วเยี้ยที่เธอจับมาก็ดี ภาพที่เธอกำลังมัดปูก็ดี นั่งขายปูก็ดี”
    รวมความว่า ภาพปูปรากฏเต็มไปหมด จะมองเท่าไรก็ไม่เห็นภาพพระเห็นแต่ปูแทน ในที่สุดลืมตาดูพระใหม่ ทิ้งภาพปู พอเห็นภาพพระแจ่มใสดี สดชื่น นานๆ เข้าจึงหลับตาใหม่ ก็ปรากฏเห็นภาพปูอีก เป็นอันว่าวันแรกของการเจริญพระกรรมฐานคือวันเสาร์ ไม่มีผลเห็นพระแต่มีผลเห็นปูทะเลแทน เธอก็เศร้าสลดใจ พอถึงเวลาอุทิศส่วนกุศล พระท่านแนะนำว่า “ให้ขอท่านพระยายมราชและเทพเจ้าเป็นพยานในการบำเพ็ญกุศล”
    เผอิญท่านพระยายมราชท่านมาบอกกับอาตมาในวันนั้นว่า “ถ้าใครทำบุญไว้ เวลาอุทิศส่วนกุศลให้บอกท่านให้เป็นพยาน ถ้าบังเอิญต้องผ่านสำนักท่าน การสอบสวนเรื่องบาปก็ไม่มี ท่านจะเป็นพยานให้เพราะบุญมีอยู่แล้ว จะส่งไปสวรรค์ก่อน” เธอบอกว่า “ดีใจในถ้อยคำนี้” เวลาพระท่านนำอุทิศส่วนกุศลสดชื่นมาก ตั้งใจจริงๆ เพราะว่าปูเป็นเหตุ ถึงอย่างไรก็ไม่ขอลงนรกแน่ เธอคิดในใจว่า “ถ้าขืนลงนรกเสียท่าปูแน่ ปูนับเป็นพันเป็นหมื่นมันตามเล่นงานแน่นอน เธอไม่ได้คิดถึงไฟนรกคิดถึงแต่ปูอย่างเดียว พออุทิศส่วนกุศลเสร็จเธอก็รีบไปที่จุดสังฆทาน จะเอาชุดใหญ่ ๕๐๐, ๑,๐๐๐, ๒,๐๐๐ เงินก็ไม่มี ผสมผเสได้ ๑๐๐ บาท ก็ถวายสังฆทานชุดเล็ก ๑๐๐ บาททันที
    วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่สองไปใหม่ตอนกลางวัน ตั้งใจไปถวายสังฆทานชุดเล็ก ๑๐๐ บาททันทีและก็ฟังพระท่านคุยไป นั่งดูพระพุทธรูปไป ตัดสินใจว่าวันนี้จะไม่ยอมให้ภาพปูเข้ามากวนใจ จะขออยู่กับพระพุทธรูป หลับตาบ้างลืมตาบ้าง ใครจะคุยอย่างไรก็ช่าง สนใจพระพุทธรูปอย่างเดียว พอตอนกลางคืนเจริญพระกรรมฐาน เวลาหลับตาปรากฏว่า ภาพปูกับภาพพระแย่งกัน ภาพพระเกิดขึ้นบ้าง เห็นภาพปูบ้างสลับกัน เธอก็ดีใจว่าวันนี้พระสู้กับปูแล้วปูแพ้ เพราะภาพปูเกิดขึ้นมาน้อย เห็นภาพพระมากกว่า พอเจริญพระกรรมฐานเสร็จก็ถวายสังฆทานชุดเล็ก ๑๐๐ บาทอีก
    ต่อมาวันที่สาม ก็ทำอย่างนั้นอีก พอไปถึงปุ๊บไม่ต้องการอะไรทั้งหมด ตั้งหน้าตั้งตาจ้องพระพุทธรูปกับพระสงฆ์ที่พูด มองลีลาพระสงฆ์ที่นั่งพูดบ้างและจำภาพพระพุทธรูปบ้าง ดูสองอย่าง อย่างไหนเลือนก็จับอีกอย่างหนึ่งเข้ามาแทน ตั้งใจจับพระพุทธรูปกับพระสงฆ์ช่วยกันขับปู วันนี้ชนะเด็ดขาดภาพปูไม่ปรากฏเห็นแต่ภาพพระอย่างเดียว เห็นชัดทั้งภาพพระพุทธรูปกับพระสงฆ์ ภาพปูไม่เกิด เธอดีใจมาก
    ก็รวมความว่าเธอทำอย่างนี้มาได้ ๓ ครั้ง วาระที่สุดของชีวิตของเธอก็มาถึง เวลาที่จะตายจริงๆ เธอมีอาการป่วยกระเสาะกระแสะมาหลายวัน ปวดศีรษะบ้าง แน่นหน้าอกบ้าง เสียดท้องบ้างเป็นปกติ แต่ในเวลานั้นก็ตั้งใจภาวนาว่า “พุทโธ” นึกถึงภาพพระกับพระสงฆ์ที่เคยเห็น ภาพก็ชัดเจนแจ่มใสเป็นบางครั้ง บางทีมันปวดมากภาพก็หายไป พอคลายหน่อยจิตก็เห็นภาพ แต่ใจไม่ยอมปลด มันจะปวดอย่างไรก็ตาม ก็ตั้งใจภาวนา “พุทโธ” บ้าง “นะมะพะธะ” บ้าง จับภาพพระพุทธเจ้าบ้าง จับภาพพระสงฆ์บ้างสลับกันไปในที่สุดก็ตาย
    เวลาจะตายเธอบอกว่าไม่มีความรู้สึกว่ามันจะตาย มันเป็นแต่มีความรู้สึกวูบไป อาการปรากฏทีแรกมันอืดเสียดมาก เมื่ออาการอืดเสียดหายไป มีนงงหายไป จิตมีอารมณ์เป็นสุขมาก มีความเยือกเย็น มีความสบาย จิตก็จับภาพพระพุทธรูปภาวนาว่า “พุทโธ” เดี๋ยวก็ “นะมะพะธะ” สลับกับทั้ง ๒ อย่าง ภาพพระก็เกิดมีสภาพแจ่มใส สดใสขึ้น สวยขึ้นๆ ตามลำดับ เป็นทองอร่ามขึ้น ในที่สุดพระท่านยิ้ม เมื่อเห็นภาพพระพุทธรูปยิ้ม เธอก็มีอาการสดชื่น ตอนนี้เองเธอบอกว่า “มีความรู้สึกว่าวูบเหมือนกับตกจากที่สูง และมีความรู้สึกอีกทีหนึ่งก็มาอยู่ที่วิมานบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก วิมานสวยสดงดงามมากแพรวพราวเป็นระยับ เป็นเพชรสีน้ำมันก๊าด จะขาวก็ไม่ใช่แต่ใส
    ถามเธอว่า “ที่ได้วิมานสวยอย่างนี้เพราะอะไร” เธอตอบทันทีว่า “เพราะสนใจในมณฑปแก้วและพระพุทธรูปในมณฑปแก้ว” ถามว่า “ไปในมณฑปแก้วนั้นกี่ครั้ง” เธอตอบว่า “ไป ๓ ครั้งติดใจ เวลามีงานก็ไป ยามปกติก็ไป เวลาไปต้องเข้าไปในมณฑปแก้วก่อน ไปนั่งหน้าพระพุทธรูป ภาวนาให้สบาย ตัดภาพปูทิ้งไปเห็นพระแทน ดูภาพมณฑปแก้วก็ชอบใจ อันนี้เป็นปัจจัยให้วิมานแก้วใสมาก สว่างมาก” ถามว่า “เธอมีเทพบุตรหรือนางฟ้าเป็นบริวารเท่าไร” เธอยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่มีเทวดาเป็นบริวาร มีแต่นางฟ้าเป็นบริวาร ๔,๐๐๐ องค์ เครื่องประดับประดาก็มีมาก” บอกเธอว่า “อยากจะเห็นวิมาน”
    ก็ปรากฏว่าเวลานั้นวิมานก็ลอยมา บ้านเราในเมืองมนุษย์ยกไปไหนไม่ได้ แต่ในเมืองสวรรค์วิมานลอยมาทันที นางฟ้าทั้งหมดหน้าตาแจ่มใสมาก วิมานของเธอใหญ่มากและมีความสว่างไสวมาก ถามเธอว่า “เธอมีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องบาปเก่า” เวลานี้ภาพนางยักษิณียังปรากฏอยู่ เธอบอกว่า “ภาพนางยักษิณีนี่ความจริงไม่ใช่นางยักษิณีจริง เป็นภาพที่แสดงออกเมื่อท่านปรากฏนี่เอง ตามปกติฉันไม่เห็น แต่ว่าภาพนั้นคงเป็นพยานให้ท่านทราบว่า ฉันยังเป็นคนมีบาป” ถามเธอว่า “เธอทราบไหม ถ้าหมดบุญจากสวรรค์ที่ดาวดึงส์เธอจะไปไหน” เธอก็ตอบว่า “ทราบ เขาจะนำฉันไปไว้นรกขุมที่ ๕”
    ถามเธอว่า “จะไปไหม” เธอก็ตอบว่า “ที่ไปซอยสายลมพระท่านสอนว่า ให้หนีไปพระนิพพาน เวลานี้ฉันตั้งใจไปพระนิพพาน ฉันไปฟังเทศน์ที่พระจุฬามณีเจดียสถานเสมอ ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์และที่ประชุมเทวสภา ก็มีหลายวาระที่บรรดาพระโพธิสัตว์ท่านมาเทศน์ วันไหนพระโพธิสัตว์ท่านไม่ว่างมา ท่านพระอินทร์ก็เทศน์แทน ท่านเทศน์สงเคราะห์ให้เทวดาทุกองค์บำเพ็ญกุศลต่อ ให้ทุกคนมองดูกรรมดั้งเดิมของตัวเองก่อนที่จะตาย ว่ามีกรรมที่เป็นอกุศลไหมและกรรมที่เป็นอกุศลนั้นทิ้งเราหรือยัง เทวดาและนางฟ้าทุกองค์ก็ปฏิบัติตามท่าน รวมความว่าไม่มีเทวดา ไม่มีนางฟ้าองค์ไหนที่ไม่มีบาปกรรมต่อท้ายอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นเทวดาและนางฟ้าทุกองค์ก็ตั้งใจบำเพ็ญกุศลหวังไปพระนิพพาน
    เมื่ออาตมาคุยกับเธอจบก็ถามเธอว่า “มีอะไรสั่งไปถึงทางบ้านบ้างไหม” เธอก็ตอบว่า “ฉันขอสั่งเมื่อท่านเขียนหนังสือแล้วก็บอกเขาด้วยว่า ฉันคนชื่อ ป อยู่หน้า ตายเมื่ออายุ ๕๗ ปี อาชีพเดิมจับปูทะเลและก็ขายปู ต่อมาเมื่ออายุ ๔๐ ปีเศษก็กลายเป็นนักบุญ เวลานี้มีความสุขมาก ขอบรรดาลูกหลานทุกคนที่อยู่ในเมืองมนุษย์ที่คิดว่า การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นปัจจัยให้เกิดความสุขแก่ตัวเองนั้น ความจริงไม่จริงมันจะลากไปสู่อบายภูมิ จะมีความทุกข์หนัก มันไม่คุ้มกันกับความสุขนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอิ่ม ฉะนั้นขอบรรดาลูกหลานและพี่น้องทุกคนจงละบาปอกุศล ทำงานรับจ้างเขาที่ไม่เป็นบาปดีกว่า..”

    40326748_1615765585201845_8151959622727499776_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ … ทำบุญสร้างเจดีย์มีอานิสงส์เท่า ๆ กับสร้างพระพุทธรูป!!
    เมื่อครั้งที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านคิดจะสร้างเจดีย์พุดตานที่วัดท่าซุงมีลูกศิษย์ท่านหนึ่งได้ถามหลวงพ่อว่า “ได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อจะสร้างเจดีย์พุดตานที่วัดท่าซุงเพื่อจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลูกได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อไปบ้างเล็กๆ น้อยๆ อยากทราบว่าการบริจาคเพื่อสร้างเจดีย์นี้มีอานิสงส์เป็นประการใดบ้างเจ้าคะ…?”
    หลวงพ่อท่านจึงบอกว่า”เหมือนกับสร้างพระ”

    ลูกศิษย์ว่า”เจดีย์นี่หรือครับ”
    หลวงพ่อ”ใช่… เขาเรียกพระเจดีย์ สร้างพระบรรจุของไม่ได้ แต่สร้างพระเจดีย์บรรจุของได้ มีทั้งพระพุทธรูป มีทั้งพระบรมธาตุ ได้หมด ที่ใส่เขาสวยมาก คือว่าคุณอภิชาติเขาสั่งมาจากฝรั่งเศส”
    ที่มา :ตอบปัญหาธรรมโดยหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง (ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๓๑ หน้า ๗๗)
    1f607.png บอกบุญกฐินวัดที่5ของปีนี้ค่ะ..
    1f64f.png ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญกฐินสร้างพระธาตุหนุนดวง
    “พระมหาเจดีย์ุทธาคมรตนญาณมุนีศรีนครลำดวน”ณ วัดนาโนน ต.หนองไฮ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ในวันเสาร์ที่17พฤศจิกายน 2561 ค่ะ
    1f607.png ร่วมบุญซองละ100บาทรับพระผงท้าวเวสสุวรรณ1องค์(ท่านใดรับมีค่าจัดส่ง50บาทหรือร่วมบุญได้ตามกำลังค่ะ)งานนี้ฝนรับมา30ซอง
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย023-3-52102-7
    น้ำฝน บุญสิงห์ค่ะ

    40493971_1617959091649161_5051514622570397696_n.jpg
    40474626_1617961091648961_5202159406476689408_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    พระคาถากันฟ้าผ่า…..

    ” อากาเสจะ พุทธทีปังกะโร นะโมพุทธายะ ”

    … คาถากันไฟไหม้ และคาถากันฟ้าผ่านี้ ท่านพิมพ์เป็นใบปลิวแจกในขณะที่อยู่วัดสะพาน ท่านพิมพ์ไว้ว่า คาถานี้ของหลวงพ่อปาน ท่านให้บูชาไว้ทุกวันๆ ละ ๓-๕-๗-๙ จบ ท่องทุกเช้าค่ำ จะปลอดภัยจากไฟไหม้และฟ้าผ่า

    … ต่อมาเมื่อหลวงพ่อมาอยู่ที่วัดท่าซุงแล้ว ท่านให้ใช้เฉพาะ

    “ โส นามะ ยักโข”

    ….เท่านั้น โดยกล่าวว่า “ ให้เขียนเป็นภาษาไทยไว้บนหัวนอน สวดมนต์กราบไหว้อยู่เสมอ ไฟไม่ไหม้ ฟ้าไม่ผ่า และกันนิวเคลียร์นิวตรอนได้ด้วย….”
    .
    .
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี
    ——————————–
    ที่มาจาก..หนังสือ สมบัติพ่อให้ เล่ม๑ พิมพ์ครั้งที่ ๒ หน้า ๒๑๐ – ๒๑๑.

    40684155_1622072781237792_5554980309734260736_o.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี เล่าโดย หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง

    วันนั้น ก่อนที่จะไปเทศน์ให้เขาฟัง ก็เลยไปจังหวัดสุพรรณก่อน ไปหาหลวงพ่อเรื่อง โอ๊ะ…ท่านเก่งมาก เก่งรองจากหลวงพ่อปาน ท่านเป็นรุ่นน้องหลวงพ่อปาน สำหรับหลวงพ่อเรื่องนี้ ท่านมีอภินิหารแปลกๆเยอะ
    อย่างคราวหนึ่งจะไปสร้างโบสถ์ที่ราชบุรี ก็มีงานวางศิลาฤกษ์ ของคนอื่นเขาจะต้องมีละคร มีลิเกกัน ส่วนของเรามีแต่หนังตะลุง ไอ้หนังตะลุงนี่ก็ไม่ได้ไปหงไปหาที่ไหนมาหรอก มันมาเล่นหาข้าวสารน่ะ เราจึงบอกว่า
    “เออ…ดีล่ะ ! เอ็งมาเล่นที่นี่ก็แล้วกันวะ ข้าให้เอ็งคืนละ ๒๐ บาท แถมข้าวสารหนึ่งถัง”
    “เอาอย่างนี้ก็แล้วกันครับหลวงพ่อ ผมขอแค่ข้าวสารคืนละถังก็พอ”
    ข้าวสารตอนนั้นถังละ ๒๐ บาท ก็เป็นอันว่าตกลง หลวงพ่อเรื่องกับหลวงพ่อเล็กก็มาร่วมงานด้วย ก็ไม่มีอะไรกันมาก ท่านไปหาเสามาปักเล็กๆเข้า เป็นเขตสำหรับเป็นที่สร้างโบสถ์เท่านั้น
    พอถึงกลางคืน ตามธรรมดาแล้ว เราจะมองเห็นดาวอยู่สูงและไกลมาก แต่ที่นั่นไม่เป็นอย่างนั้น ใครเข้ามาในเขตวัดจะมองเห็นดาวสูงแค่เสาที่ปักเป็นเขตสร้างโบสถ์เท่านั้น มองดูสุกสว่างมาก ถ้าเดินเข้าไปใกล้ๆเสา ดาวจะหายไปเลย ต้องถอยหลังออกไปประมาณสัก ๒ เมตร จึงจะมองเห็นได้เหมือนเดิม
    ทีนี้แหละ…มึงก็มา กูก็มา ดูมั่งทำบุญมั่ง กลางวันคนมาเรื่อยๆ พอถึงกลางคืนคนเต็มเลย ดีกว่ามีลิเก ละคร เสียอีก เพราะเราไม่ต้องเหนื่อยเที่ยววิ่งเต้นเลี้ยงดูปูเสื่อให้เขา ค่าจ้างก็ไม่ต้องเสีย สู้มาดูดาวหยั่งงี้ไม่ได้ เรานอนสบายเลย
    ปรากฏว่า มีงาน ๑๕ วัน ได้เงินสร้างโบสถ์ตั้ง ๕ แสนกว่า เป็นไง ? ไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย เสียค่าข้าวสารคืนละถังกับไม้ปักเป็นเขตอีก ๔ อัน ได้เงินมา ๕ แสนกว่า ในระหว่างที่มีงานก็มีการแจกพระด้วย
    ทีนี้ ก็มีเจ้าพวกคริสเตียน มันเอาพระที่แจกไปลองกันหลังวัด ลองกันไปลองกันมา ยิงไม่ติดสักที ไอ้เราชักรำคาญ มันลองกันได้ทุกวัน เย็นวันหนึ่งจึงบอกกับหลวงพ่อเรื่องว่า
    “หลวงพ่อครับ บรรจุอีกหน่อยเถอะครับ”
    “ทำไมวะ…แค่นี้ก็พอแล้ว”
    “ยังไม่พอครับหลวงพ่อ”
    “ว๊ะ ! แล้วมึงจะเอายังไง”
    “เอาให้มันยิงกระบอกแตกครับ”
    ฮึ่ย…อย่าเลย”
    “เอาเถอะครับ มันลองกันแบบนี้ต้องเอา”
    “เอ้า งั้นคืนนี้มึงขนมาให้กู”
    คืนนั้น เราก็ขนของไปให้ท่านปลุกเสกหมดเลย พอตอนเช้าจึงถามท่านว่า
    “เสร็จหรือยังครับหลวงพ่อ”
    ฮึ่ย…เสร็จแล้ว ขนออกไปแจกได้เลย”
    มีเจ้าคริสเตียน ๒ คนพี่น้อง มันมาแต่เช้ายังไมได้กินข้าวกันเลยมั้ง พอมาถึงก็ถามว่า
    “อย่างไหนที่ยิงไม่ออก”
    มีนายแพทย์คนหนึ่งมาช่วยงานและนั่งอยู่ที่รับทำบุญด้วย จึงพูดว่า
    “ทุกอย่างยิงไม่ออกหมด ยกเว้นอั๊ว” แกคงกลัวเจ้าสองตัวนั่นจะลองมั้ง จึงรีบบอกเสียก่อน
    เจ้าสองคนนั่นก็เลยเอาพระไปองค์หนึ่ง พอไปถึงหลังวัดเอาปืนเล็กยิงไป ๒ ที ไม่ติด
    เฮ้ย ! ไอ้ปืนเล็กนี่มันลูกเก่า ลองอีกที…ลูกซองดีกว่าลูกใหม่”
    หนึ่งในสองคนนั่นบอก พอลั่นไกเช๊ะ เสียงดัง “โป้ง” สนั่นหวั่นไหวเลย เลือดแดง หน้าตาฉีกไปตามๆกัน
    พอเสียงปืนลั่นโป้งหลังวัด หมอที่นั่งอยู่ด้วย ขยับตัวลุกขึ้นทันที
    “ถ้ามันมาตามหาผม ก็บอกมันว่า ไม่รู้ผมไปไหนนะครับ” หมอไม่ยอมคัดเลือด ไม่ยอมอยู่รักษาแผล รีบเผ่นหายไปเลย มันจะได้เข็ด แต่ก่อนนั้นมันลองไปหมดไม่ว่าอะไร แม้แต่ใบเซียมซีมันก็ลอง เพราะเวลาทำพิธีพุทธาภิเษก ของทุกอย่างแม้แต่ใบเซียมซีก็ต้องนำเอาเข้าในพิธีหมดทุกอย่าง ที่หลวงพ่อเรื่องบรรจุใหม่นี้ ยิงนัดแรก นัดที่สองไม่ติด ถ้าลองนัดที่สามเป็นไม่ได้ จะเปลี่ยนปืนเป็นกระบอกใหม่ก็ตาม นัดที่สามกระบอกปืนจะแตกทันที ปรากฏว่า ได้ผล ตั้งแต่นั้นมาไม่มีใครกล้าลองกันอีกเลย
    แหม…ท่านเก่งหลายอย่าง ที่วัดท่านมีดาบกับหัวลิงใหญ่ เราเห็นเข้าจึงถามท่านว่า
    “หลวงพ่อไปเอามาจากไหนครับ”
    ข้าขุดได้น่ะ”
    ก่อนที่ท่านจะไปขุด มีเทวดามาบอกว่า เป็นของเก่าของท่านสมัยที่เป็นนักรบ แล้วดาบนั้น มองดูเห็นเนื้อเหล็กเขียวปัด
    “หลวงพ่อครับ แล้วมีดดาบ กับหัวลิงใหญ่นี่ มีความหมายอย่างไร”
    “มึงอยากดูเรอะ ?…จะดูอะไรล่ะ”
    “อยากดูฝนตกครับ”
    ท่านบอกได้ๆ ลุกออกไปกลางแจ้งแกว่งดาบสองสามทีเท่านั้นเอง ฝนตั้งเค้ามามืดแล้วตกทันทีเลย
    “เฮ้อ ! …ไม่ใช่แค่ฝนตกอย่างเดียวนะ ให้ไฟไหม้ยังได้เลย จะทำอะไรได้ทุกอย่าง” ท่านว่ายังงั้น
    “แล้วหัวลิงล่ะ หลวงพ่อ”
    เฮ้ย ! หัวลิงนี่ต้องเอาไว้กลางคืน ใช้เฝ้าวัดได้”
    พอมืด…ท่านก็เอาหัวลิงไปวางไว้กลางลานวัด ใช้ไม้เคาะที่หัวลิงดัง “โป๊กๆ” สามที
    “ถ้าใครมา มึงกวดเขาเลยนะ แต่อย่าฆ่าเขานะ ไม่ว่าใครทั้งหมดแหละ เอาแค่กวดอย่างเดียวพอ”
    ประมาณสัก ๒ ทุ่มกว่าๆ มีคนเดินผ่านเข้ามาในลานวัด มันเป็นลิงตัวใหญ่ๆนะ ขาวโพลนเลย มันวิ่งไล่กวดคนเขาจริงๆ เสียงคนวิ่งหนีกันเจี๊ยวจ๊าวๆ ไอ้เราก็นั่งดูอยู่ มองเห็นอย่างนั้นจริงๆ ไอ้คนนั้นไม่มีละ วิ่งพรวดพราดๆ เข้ากุฏิพระหายเงียบไปเลย
    อีกอย่างหนึ่ง เวลามีงานมีการหรือวัดท่านทำท่าจะอด ท่านจะว่าคาถาบทหนึ่งทันที ได้ยินเสียงด่าโขมงโฉงเฉงๆ ด่าเหมือนชาวบ้านเขาด่ากันนั่นแหละ เอะอะมะเทิ่งอยู่คนเดียว
    พอด่าแบบนั้นเดี๋ยวเดียวเท่านั้น โน่น ! มากันเป็นแถวเลย ทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ มากันเป็นหาบๆเลย ข้าวสงข้าวสารมาหมด หาบเอามาให้เยอแยะ แต่ละรายก็มาจากบ้านไกลๆทั้งนั้น
    “หลวงพ่อครับ ทำไมถึงต้องด่าอย่างนั้นด้วยครับ”
    “อ้าว ก็คาถาเขาเป็นหยั่งงี้นี่”
    เฮอะ ! คาถาแปลกๆ แบบนี้ก็มีด้วย ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของคาถา
    “แล้วหลวงพ่อเรียนมาจากไหนครับ”
    ฮึ ! ข้าเดินๆไปในป่าช้า มีคนเขาบอกข้า”
    เสร็จกัน…แค่นี้ ! ไม่ต้องถามอะไรกันมาก

    41172658_1626021517509585_1438159688712585216_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f33b.png 1f339.png หลวงพ่อเล่าให้ฟังเรื่อง เทวดาทั่วสากลพิภพท่านรักษาคนที่เจริญพระกรรมฐาน 1f339.png 1f33b.png

    1f33b.png หลวงพ่อ : “. 1f337.png 1f33b.png .ท่านสหัมบดีพรหมท่านเป็นอริยเจ้าขั้นอรหัตมรรค ท่านสหัมบดีพรหมท่านเป็นอรหัตมรรคโดยตำแหน่งนะ ตำแหน่งนี้ต้องเป็นพระอรหันต์แต่ยังไม่ถึงผล แต่ก็ไม่นานนักเป็นผลไปนิพพาน ท่านรองก็ขึ้นไปแต่ว่าท่านว่าอย่างนี้ คือว่าอีตอนที่เรานึกถึงเทวดาที่รักษาข้าพเจ้าก็ดีนะ เทพเจ้าทั่วสากลพิภพก็ดี..

    1f337.png .ท่านสหัมบดีพรหมท่านบอกว่า เทวดาทั่วสากลพิภพเขารักษาคนเจริญกรรมฐานทุกคน ไม่มีการแยก หมายความว่า เทวดาประจำที่เป็นญาติเรา ที่เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นปู่ เป็นย่า เป็นตา เป็นยาย เป็นสามีภรรยา ลูกเต้ากันมาก่อนนะ ท่านเป็นเทวดาท่านเป็นพรหมท่านจำเราได้ นี่ท่านรักษาอยู่แล้ว..

    1f337.png .ทุกคนนะมีแล้วนะ ประจำอยู่แล้ว ทีนี้เทวดาทั่วไปอื่นๆท่านบอก ถ้าเจริญกรรมฐานอย่างนี้ทั้งสากลพิภพรักษาหมด ช่วยกันหมด ที่มันเป็นไปได้บางอย่าง เพราะว่ากฎของกรรมมันแรง แต่ทำให้เบาหน่อยได้ แค่นั้นนะ ถ้ากฎของกรรมแรงไป ท่านปะทะไม่อยู่ เอาบรรเทาได้นะ เมื่อกี้เห็นแพรวเต็มระยับ ท่านบอกทั้งหมดนี่ละครับ เขารักษาทั้งนั้นแหละ. 1f33b.png 1f337.png

    1f333.png ลูกศิษย์ “หลวงพ่อน่าจะบอกตั้งนานแล้ว จะได้เกิดกำลังใจ”

    1f33b.png หลวงพ่อ :”. 1f337.png 1f33b.png .ฉันเพิ่งรู้วันนี้ โอเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เหมือนกันนะ คำอุทิศส่วนกุศลนำไปพอถึงเทวดา เราก็นึกถึงเทวดาใช่ไหม ฉันก็นึกว่าเทวดาที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า เทวดาทั่วสากลพิภพนะ พอนึกถึงตรงนี้ท่านสหัมบดีพรหมท่านบอกว่า คุณ ดูซิ เทวดาทั้งหมดเขายกมือโมทนาทั้งหมด ทั้งหมดทั่วทั้งสากลพิภพทั้งหมด แหมเยอะจริงๆ เต็มจักรวาลนะ..

    . 1f337.png . บอกนี่บอกคนที่เจริญกรรมฐานทุกคนทุกองค์รักษา คือไม่เฉพาะเทวดารักษาตัวเป็นญาติหรอกนะ. 1f33b.png 1f337.png
    . 1f333.png .
    . 1f333.png .
    1f337.png หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี 1f337.png
    1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png 1f333.png
    1f337.png กราบขอบพระคุณที่มาจาก : นิตยสารธรรมปฏิบัติรายเดือนธัมมวิโมกข์ ฉบับประจำเดือน มิถุนายน 2533 หน้า 132 โดยคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี., รวบรวมจัดพิมพ์โดย คณะเจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์วัดท่าซุง 1f33b.png

    1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png 1f337.png

    41203505_1626740297437707_1513143216336011264_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f607.png อานิสงส์การเป็นเจ้าภาพถวายหน้าต่าง อาคารพระพุทธสิริสัตตราช (หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์) สูงรวม19เมตร

    – ท่านที่สร้างหน้าต่าง ได้อานิสงส์ ช่วยเรื่อง ทางออกในปัญหาชีวิต การเห็นทางออกของชีวิต การปิดกั้นสิ่งชั่วร้าย และช่วยระบายความทุกข์ออกจากชีวิต
    – ท่านที่สร้างประตู ได้อานิสงส์ มีโอกาส ดีๆ สู่ชีวิต ทุกครั้งที่มีคนผ่านประตู เข้าไปไหว้พระ หรือไปปฏิบัติธรรม เราจะได้อานิสงส์ ทั้งทางโลกและทางธรรม

    ท่านที่ได้ร่วมบุญนี้ถือว่าได้ร่วมบุญในกองบุญใหญ่ ถือว่าได้มีส่วนร่วมเติมเต็มความสมบูรณ์ในส่วนฐานขององค์พระเเละสร้างวิหารทานไปในตัว กล่าวคือ อาคารด้านล่างขององค์พระเป็นห้องโถง สำหรับประดิษฐานหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์หน้าตัก32นิ้ว19เนื้อทองเหลืองรวม 3 องค์เเละรูปหล่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ บูรพาจารย์ต่างๆ อันมีองค์หลวงปู่สอ พันธุโลเป็นประธาน และ เป็นที่สวดมนต์ภาวนาได้อีกด้วย

    อานิสงส์การสร้างฐานพระ

    “การสร้างแท่นพระ ก็เหมือนกับการสร้างพระพุทธรูป คือแท่นพระพุทธรูปเขาบกพร่องอยู่ เราทำให้เต็ม อย่างนางวิสาขา หรือพระสิวลี อานิสงส์ไม่ใช่เล็กน้อยนะ อานิสงส์ใหญ่มาก คนจะรวยแล้วนะ วาสนาบารมีจะสูง สร้างแท่นพระ หนุนพระให้สูงนะ แล้วพระพุทธเจ้าด้วยนะ เราฐานะก็จะดีขึ้น”

    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    41581852_1631817530263317_674681165394739200_n.jpg
    41576890_1631817583596645_2557126324338556928_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 3 หน้า 8
    จิตสงบวันละนิด

    บุคคลใดสามารถทำจิตว่างจากกิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง จะเป็นฆราวาสก็ตาม ผู้หญิงก็ตาม ผู้ชายก็ตาม
    อันนี้หมายถึงฆราวาสนะ ท่านบอกว่า ถ้าทำได้อย่างนี้
    ทุกวัน วันหนึ่งสงบนิดเดียว สงบจริง ๆ ไม่นึกถึงอย่างอื่น รู้แค่ลมหายใจเข้าออกหรือคำภาวนา ท่านบอกว่าทำได้อย่างนี้ทุกวัน
    มีอานิสงส์ดีกว่าพระสงฆ์ที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา
    เฉพาะเวลาบวชถึง ๑๐๐ พรรษานะ ไม่ใช่เกิด ๑๐๐ ปี บวชนะ ๑๐๐ ปี มีศีลบริสุทธิ์ทุกสิกขาบท แต่ไม่เคยเจริญสมาธิ
    แล้วบุคคลที่มีจิตว่างจากกิเลสทำสมาธิ มีจิตว่างจาก
    กิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง มีอานิสงส์ดีกว่าพระบวชที่มีศีลบริสุทธิ์มาตั้ง ๑๐๐ ปี ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะศีลจะมีอานุภาพแค่กามาวจรสวรรค์ไปพรหมไม่ได้ นี่เฉพาะศีลนะ
    ไปนิพพานก็ยังไม่ได้เป็นพื้นฐานแรก ถ้าการฝึกสมาธิได้วันหนึ่งชั่วขณะจิตเดียว จิตจะรวบรวมกำลังอยู่เสมอ
    เวลาใกล้จะตายจิตอาจจะเกิดเป็นฌาน พอจิตเป็นฌานสมาบัติ
    ก็ไปพรหมโลกได้ ถ้ากำลังจิตเป็นฌานเวลานั้นเกิดมีอารมณ์เบื่อหน่ายร่างกายขึ้นมาตายวันนั้นไปนิพพานทันที

    41739432_1631820253596378_8443289547927715840_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    รับสมัคร…ผู้อุปสมบท(หมู่)เพื่อปฎิบัติธุดงค์ ในวาระครบรอบ มรณภาพ 26 ปี หลวงพ่อฯตั้งแต่ 1–31 ต.ค.61

    ระเบียบการรับสมัคร

    ผู้อุปสมบท (หมู่) และบวชพราหมณ์ เพื่อปฏิบัติธุดงค์

    ครบรอบมรณภาพ ปีที่ ๒๖ หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ

    ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๑

    ทางวัดขอประกาศระเบียบการรับสมัคร “บวชธุดงค์” ในปีนี้

    สำหรับผู้มีความประสงค์ที่จะร่วมอุปสมบท (หมู่) ทางวัดวางระเบียบไว้ ดังนี้

    ๑. เปิดรับสมัครตั้งแต่ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ( รับใบสมัครบวช จนถึงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จำนวน ๒๐๐ คน สำรอง ๒๐ คน )

    ๒. ต้องมาเขียนใบสมัครด้วยตนเอง ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่ศาลานวราช วัดท่าซุง พร้อมรับเอกสาร “คำขอบรรพชาอุปสมบท” จากพระเจ้าหน้าที่

    ๓. ผู้ที่มาสมัคร ต้องมีหลักฐาน ดังนี้
    ……….ก. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ
    ………..ข.สำเนาทะเบียนบ้าน

    ๔. เมื่อสมัครบวช แล้ว ต้องมาฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง เพื่อให้ครูฝึกรับรองการฝึก ( ผู้ที่บวชธุดงค์ติดต่อกัน ๒ ครั้งล่าสุด ฝึกมโนมยิทธิ ๒ ขั้น แต่ผู้ที่ไม่เคยบวชธุดงค์ หรือเคยบวชธุดงค์ แต่เว้นไปไม่ติดต่อกัน ๒ ครั้งล่าสุด ฝึกมโนมยิทธิ ๓ ขั้น มีขั้นต้น ท่องเที่ยว ญาณแปด)

    ๕.ให้นำเอกสาร มาส่งกับพระเจ้าหน้าที่ มี
    …..๑)”ใบสมัครบวช”
    …..๒) “สำเนาบัตรประชาชนหรือ สำเนาบัตรข้าราชการ ”
    …..๓) “สำเนาทะเบียนบ้าน”
    …..๔) “ผลการฝึกมโนมยิทธิ”

    ส่งไม่เกิน วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่ พระเจ้าหน้าที่ ( โทร ๐๙๘-๒๕๔-๕๖๙๘ ) วิหารหลัง อุโบสถวัดท่าซุง และรับหนังสือ “โทษละเมิดพระวินัย”

    ๖. ต้องท่องขานนาคให้ได้ และต้องเข้าใจศีลของพระ(โทษละเมิดพระวินัย) ก่อนเดินทางมารายงานตัว พร้อมกันที่วัด เวลา ๑๘.๐๐ น. วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ ศาลาพระพินิจอักษรฯ ขอย้ำเตือนอีกสักครั้งว่า ถ้าใครมาไม่ทันการเรียกชื่อในตอนนี้ ทางวัดจะถือว่าสละสิทธิ์ในการบวช

    แต่ก่อนอื่นขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อปีที่แล้วมีผู้สมัครบวชกันหลายคน แต่พอถึงเวลาที่ปิดรับสมัคร มีบางคนส่งใบสมัครแล้ว แต่ไม่เดินทางมาบวชตามเวลานัด จึงขอย้ำเตือนผู้สมัครบวชทั้งหลายว่า

    หากส่งใบสมัครบวชเรียบร้อยแล้ว ถ้าขัดข้องไม่สามารถจะบวชได้ ขอให้ติดต่อกับพระเจ้าหน้าที่รับสมัคร จะแจ้งทางโทรศัพท์ก็ได้ ก่อนวันกำหนดบวชประมาณ ๗ วัน ส่วนการฝึก มโนมยิทธิ จะต้องมาฝึกที่วัดเท่านั้น คือผู้ที่บวชธุดงค์ติดต่อกัน ๒ ครั้งล่าสุด ต้องมาฝึกมโนมยิทธิ ๒ ขั้น แต่ผู้ไม่เคยบวชธุดงค์หรือเคยบวชธุดงค์มาแล้ว แต่เว้นไปเกินกว่าที่กำหนดไว้ ต้องมาฝึกมโนมยิทธิถึง ๓ ครั้ง จึงจะได้รับการพิจารณา เพื่อการอุปสมบทต่อไป

    แล้วก็มีอีกประเภทหนึ่งที่เคยมีปัญหามาแล้ว นั่นก็คือผู้อุปสมบทมักจะไม่รู้ระเบียบการบวชของวัด เนื่องจากได้รับการติดต่อจากเจ้าภาพให้มาบวช แต่คนที่ดีก็มีนะ ที่ไม่รู้เรื่องเลยก็มีเยอะ จึงขอร้องให้เจ้าภาพกรุณาคัดเลือกผู้ที่จะมาบวชสักหน่อย ยิ่งถ้าคนบวชเขามีศรัทธาด้วยจะดีมาก

    สำหรับในปีนี้ ผู้ที่ยื่นใบสมัครไว้แล้ว จะต้องเดินทางมาวัดท่าซุง วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ ศาลาพระพินิจอักษรฯ ถ้าใครไม่มาถึงวัดตามกำหนดเวลาที่นัดไว้นี้ ถือว่าผู้นั้นสละสิทธิ์ในการบวชทันที

    @@@ สำหรับ “พระอาคันตุกะ” ที่จะร่วมปฏิบัติธุดงค์ ขอให้มาแจ้งความจำนงได้ที่ ศาลานวราช ระหว่าง วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน – ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น. เบิกของที่ ๒๕ ไร่ เข้าพักที่ศาลา ๒ ไร่ หากมาไม่ทันตามกำหนดนี้ ทางวัดจะไม่รับเป็นเด็ดขาด

    ให้นำหลักฐานมาด้วยดังนี้
    …..ก. ใบสุทธิ
    …..ข. หนังสือรับรอง จากเจ้าอาวาสหรือประธานสงฆ์ที่ตนเองสังกัดอยู่

    ในขณะปฏิบัติธุดงค์ จะต้องปฏิบัติตามระเบียบที่ทางวัดกำหนดไว้ เช่น…
    …- ห้ามรับเงินทองมาเป็นส่วนของตน
    …- ห้ามนำวิทยุ, เครื่องเทป, หนังสือพิมพ์ ฯลฯ เข้ามาในเขตธุดงค์
    …- ห้ามนำอาหาร ผลไม้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ เข้ามาฉันในกลดของตน ให้ฉันได้เฉพาะที่ศาลา ๑๒ ไร่เท่านั้น

    …- ห้ามเข้าไปในเขตของผู้อื่น และอย่านำบุคคลภายนอกเข้ามาในเขตธุดงค์
    …- ห้ามพูดคุยเสียงดังรบกวนผู้อื่น
    …- ห้ามเรี่ยไร ดูหมอ ดูดวง และแจกเอกสารใดๆ หรือนำวัตถุมงคลต่างๆ มาจำหน่ายจากภายนอกวัด ซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง

    (ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ทางวัดไม่รับสามเณรเข้าปฏิบัติธุดงค์ เพราะที่ผ่านมามักฝ่าฝืนระเบียบวินัยอยู่เสมอ)

    @@@ผู้ที่จะ บวชพราหมณ์ ทั้งชายและหญิง เพื่อร่วมปฏิบัติธุดงค์ในห้องพักก็ดี หรือต้องการที่จะออกไปปักกลดภายนอกก็ดี ขอให้แจ้งความประสงค์ด้วยตนเอง วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน – ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่อาคาร ๒๕ ไร่ โดยเฉพาะ “ผู้ที่จะออกไปปักกลดในป่า” จะต้องมาให้ทัน

    สำหรับฆราวาสมีข้อห้ามดังนี้
    … – ห้ามนำวิทยุ โทรทัศน์ เตารีด กระทะไฟฟ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้า หรือวัตถุอื่นๆ เพื่อประกอบอาหารภายในบริเวณธุดงค์อย่างเด็ดขาด
    … – ห้ามนำผู้อื่น เช่น ญาติหรือเพื่อนของตน มาพักปะปนในสถานที่ธุดงค์ ถ้าจะพบกัน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วไปพบปะสนทนากันภายนอกสถานที่ และอย่าพูดคุยเสียงดังจนเกินไป
    … – ห้ามเข้าทรง
    …- ห้ามเรี่ยไร
    … – ห้ามแจกเอกสารใดๆ หรือจำหน่ายสิ่งของโดยมิได้รับอนุญาตจากทางวัดเสียก่อน ถ้าหากมีผู้ฝ่าฝืนหรือแอบอ้าง จะเป็นทางตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม โปรดแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทันที

    สถานที่ปฏิบัติธุดงค์

    ๑. พระภิกษุ ภายในบริเวณป่าใหม่
    ๒.พราหมณ์ชาย พักที่ศาลา ๓ ไร่ หรือผู้ที่ชอบความวิเวก จะจัดที่ให้บริเวณป่าใหม่
    ๓. พราหมณ์หญิง (ศีล ๘ ควบกรรมบถ ๑๐ ) พักที่อาคาร ๒๕ ไร่ หรือใครอยากจะหาที่สงัด ทางวัดจะจัดให้ปฏิบัติภายในบริเวณป่า ศรีไพร ซึ่งได้ปรับปรุงพื้นที่ไว้แล้ว ส่วนผู้ที่ถือศีล ๕ จะจัดที่พักให้ต่างหาก ตามที่เห็นสมควร และไม่ควรกังวลเรื่องที่พักจนเกินไป หมายถึงได้ที่ตรงไหนควรพอใจที่ตรงนั้น

    41669254_1632859463492457_1876716531564412928_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ☆ หลวงพ่อแตกฉานทุกภาษา ☆

    ครั้งหนึ่งมีผู้เอาสีกระป่องหลายกระป๋องอยู่มาถวายท่าน ท่านก็ให้ช่างเอาไปทา ช่างก็ใช้ไม่เป็น ฉลากก็เป็นภาษาต่างประเทศ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เข้าไปถามหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านนั่งอยู่ในกุฎิริมน้ำองค์เดียว ท่านก็หยิบกระป๋องขึ้นมาอ่านฉลากข้างกระป๋อง
    แล้วก็บอกวิธีใช้ให้ช่าง พอผู้เขียนไปที่วัด น้าน้อยกานดา ก็รีบมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
    อีกครั้งหนึ่งผู้เขียนตามท่านไปเชียงราย ไปพักอยู่ที่วัดเม็งราย หลวงพ่อท่านนอนอยู่บนกุฎิ ผู้เขียนก็นอนเฝ้าท่านอยู่ที่ใต้ถุน พอตกดึกก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อเปิดวิทยุฟังภาษาต่างประเทศ ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นภาษาพม่า ภาษาแม้ว หรือภาษาอะไร
    ท่านก็ฟังของท่าน พอผู้เขียนเล่าเรื่องนี้ให้หลวงพี่ที่ไปด้วยฟัง ท่านก็บอกว่า หลวงพ่อฟังบ่อยแต่จะไม่ทำให้ใครรู้
    ตอนไปที่ชิคาโก พวกเราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ฟิลด์มิวเซียม ก็มีเจ้าหน้าที่ที่รู้ภาษาอียิปต์โบราณมารับจ้างเขียนชื่อใครก็ได้เป็น ภาษาอียิปต์โบราณอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ผู้เขียนก็เข้าไปจ้างให้เขาเขียนชื่อ “พระมหาวีระ ถาวโร” เขาก็เขียนมาให้ พอกลับมาถึงที่พัก ก็เอาไปถวายท่านแล้วกราบเรียนถามท่านว่า หลวงพ่อทราบไหมว่าอะไร ท่านบอกว่า “มันเขียนผิดนี่หว่า ชื่อข้าต้องมีตัว ……” แล้วท่านก็ทำท่าเขียนในอากาศให้ดู ผู้เขียนก็กราบเรียนถามท่านว่า ท่านทราบได้อย่างไร ท่านก็บอกว่า “ปุโรหิตเขามาบอก”
    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อลงมาสอนกรรมฐานที่กรุงเทพฯ พอกลับไปถึงกุฎิที่วัด คนเลี้ยงแมวก็มารายงานว่า “พอหลวงพ่อไปกรุงเทพฯ แมวก็ไม่กินข้าว” หลวงพ่อก็ย้อนทันทีว่า “แกเรียกมันว่าอีใช่ไหมล่ะ” คนเลี้ยงแมวก็ถามว่า “หลวงพ่อรู้ได้ยังไง” ท่านตอบว่า “ก็มันฟ้องข้าอยู่นี่ไง”

    จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑

    41750538_1633224103455993_2400899899718631424_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...