เพิ่งไปฝึกมโนมยิทธิ มาวันนี้ครับ มีคำถามมากมายครับ รบกวนผู้รู้หน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Kungpow, 25 เมษายน 2008.

  1. Kungpow

    Kungpow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +448
    วันนี้ผมไปฝึกมโนมยิทธิมาเป็นครั้งแรกครับ ผมอาศัยอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย เลยไม่
    เคยได้ฝึกมโนที่เมืองไทยมาก่อนผมจึงไม่ทราบว่าครูฝึกเป็นทีมเดียวกันหรือป่าว หรือว่า วิธีการฝึกนั้นเหมือนหรือต่างกันเช่นไร

    แต่ที่ผมแปลกใจและสงสัยคือ ผมยังรู้สึกว่าไม่ได้ คือไม่รู้สึกว่าใจสัมผัสเลย ครูฝึกบอกว่า ตาเนื้อเรามองไม่เห็นผมก็พอเข้าใจ แต่นี่ใจผมก็ไม่รู้สึกตามนั้นเลย

    พอผมบอกไม่รู้สึก ก็เหมือนครูฝึกจะย้ำๆ จนผมก็เออ ออ ไปในบางอย่าง แต่โดนส่วนมากแล้ว ผมไม่ได้เลย แต่ครูเค้าพยายามจะพูดว่าได้

    พอฝึกเสร็จท่านพระครู ก็ถามครูฝึกว่าเปนยังไงได้กี่คน ตัวแทนครูท่านตอบว่า ได้ทุกคน สี่สิบกว่าคน คือตัวผมนั้นผมว่าผมไม่ได้แน่ ส่วนเพื่อนผม ซึ่งเจอกันอย่างบังเอิญอีกสองคนนั้นโดยไม่ได้นัดหมาย ก็บอกว่า ไม่ได้เช่นกัน เค้าบอกว่าเหมือน ครูฝึกอยากให้เห็น ทั้งที่เค้าก็ไม่รู้สึก ไม่เห็น เค้าก็ต้องเออ ออตามไปบ้างเช่นกัน เป็นอันว่า สามคนแล้วที่ไม่ได้

    ผมเชื่อครับว่าการฝึกมโนมยิทธินั้นมีผู้ทำสำเร็จ มากมาย แล้วผมก็อยากปฎิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อที่ผมเคารพรัก แต่ผมกำลังรู้สึกว่าจากที่ผมศึกษาอ่านในเวบพลังจิตมานาน บางอย่างทำไมไม่เหมือนที่หลวงพ่อ ท่านแนะนำไว้
    เช่นว่ามโนมยิทธิ ใช้กำลังของอุปจารสมาธิ แต่ผมยังไม่ทันจะจับอารมณ์เป็นสมาธิ ก็มีคำถามมากมายของครูฝึกเข้ามาแล้ว พอผมเงียบไม่ทันได้ตอบท่านก็สกิดอีก กดดันมากครับ อารมณ์ตอนนั้นผม นี่สมาธิยังไม่ได้เลยครับ

    ผมไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นครูฝึกทุกท่านนะครับ ผมแค่สงสัยแล้วก็สับสนว่าตกลงนี่ผมได้แล้วจิงๆหรือแล้วถ้านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกท่านผมก็จะได้เข้าใจว่ามัน เป็นเช่นนี้เอง ไม่ทราบว่าท่านที่ฝึกได้แล้วเป็นแบบผมหรือป่าวครับ

    รบกวนท่านผู้ที่มีประสบการณ์ทุกท่านชี้แนะด้วยครับ

    อนุโมทนาทุกท่านครับ
     
  2. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,516
    ค่าพลัง:
    +27,187
    คือต้องเข้าสมาธิก่อน แล้วคลายอารมณ์ออกมาเป็นอุปจารสมาธิ
    เวลาครูฝึกถาม ต้องตอบให้ไวๆ
    เพื่อไม่ให้จิตนิ่งเกินอุปจารสมาธิ
    เมื่อเกิดความมั่นใจถึงจะรู้สึก
    แล้วก็จับความรู้สึกเอา

    ไม่มีที่จะฝึกมโนมิยทธิก็ฝึกกรรมฐาน40หรือมหาสติปัฏฐาน4
    ฝึกอะไรก็ได้ หลวงพ่อไม่ว่าหรอก ขอให้ฝึกแล้วกัน
     
  3. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ตั้งใจมากเกินไป เหมือน ตรึงเกินไป หรือเปล่าครับ
     
  4. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    ไม่ได้เป็นที่ตัวคนฝึกหรอกครับ อันนี้มันเป็นที่ตัวอาจารย์ที่มาสอนแล้ว เขาไม่ได้ทำไมต้องไปบังคับว่าได้ แล้วไปรายงานหลวงพ่อได้ยังไงว่าได้หมดทุกคน จรรยาบรรณหายไปไหน ขอโทษที่พูดแรง
     
  5. theexcaribur

    theexcaribur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +3,907
    ที่จริงถ้าผู้ที่รับการฝึกมีอารมณ์ไม่เข้าที่ ท่านให้นำตัดขันธ์5 แล้วแนะนำให้มีความมั่นใจใน
    อารมณ์ของพระโสดาบัน แล้วค่อยให้ครูฝึกสอบถามใหม่ หากทำเช่นนี้แล้ว 2 รอบ ผู้ฝึก
    ยังไม่ได้ ก็ปล่อยให้ภาวนาสบายๆไปเรื่อยๆ แล้วไปฝึกผู้อื่นต่อ ไม่ใช่ยิงคำถามรัวๆ ผู้ฝึกจะ
    มีอารมณ์กลุ้มมากๆ ส่งผลให้การปฏิบัติเสียผล เพราะมุ่งที่มีจิตสบายและไปพระนิพพาน
     
  6. ไอ้โจ๋ย

    ไอ้โจ๋ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +712
    การฝึกที่บ้านสายลมอันดับแรกครูเค้าจะบอกให้เราวางความคิดทุกอย่าง แล้วน้อมจิตเราให้เคารพพระรัตนตรัย หายใจเข้าภาวนานะมะ หายใจออกภาวนาพะธะ ประมาณ 10 นาที จากนั้นครูก็จะพูดให้เราน้อมจิตคิดตามเกี่ยวกับการปลงอสุภะ ขั้นตอนนี้สำคัญจะเป็นการลดอัตตาตัวตนของเรา แล้วครูก็จะเริ่มถามในขณะที่ถามให้เรารีบตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ถ้าไม่รีบตอบหรือนั่งนึก ความคิดที่ไม่ใช่ของจริงจะเข้ามาแทรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2008
  7. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    คุณ Berm_KT ครับ การฝึกมโนฯแบบเป็นหมู่คณะนั้นมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างครับ ครูฝึกท่านก็มีภาระหน้าที่ต้องดูแลคนหมู่มากและต้องทำงานแข่งกับเวลา อีกทั้งวาสนาบารมีพื้นฐานของผู้มาเรียนแต่ละคนก็มีมาต่างกัน ครูฝึกต้องคำนึงถึงเป้าหมายหลักคือเน้นไปช่วยให้ท่านที่มีแววจะฝึกได้ในหมู่คณะนั้นๆ ได้ก่อน ผู้ฝึกใหม่บางท่านจึงอาจไม่ได้รับผลสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ความผิดพลาดใดๆที่ครูฝึกท่านอาจจะมี จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจท่านนะครับ

    แนะนำให้คุณ Berm_KT มองในแง่ดีว่า ในขณะที่ฝึกไปนั้น คงจะมีบางขณะจิตที่คุณเองก็คงจะสัมผัสอะไรได้บ้าง ซึ่งเป็นเสี้ยวเวลาที่เร็วมาก แต่ด้วยความลังเลสงสัยในกำลังสมาธิว่ายังไม่น่าจะอยู่ในอุปจาระ คุณจึงละเลยหรือขาดความมั่นใจในจิตสัมผัสนั้น ดังนั้นพอคุณมองภาพรวมสรุปผลการฝึกของตัวเองก็เลยสรุปว่าฝึกไม่ได้เลยไปเสียทั้งหมด ผมขอให้กำลังใจให้คุณฝึกต่อเองที่บ้านนะครับ ที่ฝึกมาให้ถือว่าอย่างน้อยเราได้รู้แนวทางบ้างแล้ว ฝึกที่บ้านก็ดีเพราะไม่ต้องเผชิญภาวะกดดันอะไร เลือกเวลาฝึกที่ใจคุณสบายๆ ปลอดกังวลจะดีครับ ตัวผมเองก็ใช้วิธีการนี้เช่นกัน :)

    อีกอย่างเรื่องกำลังอุปจารสมาธิที่จะทำให้จิตเริ่มเป็นทิพย์จนสามารถเริ่มสัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านได้นั้น ไม่จำเป็นเสมอไปว่าเราจะต้องใช้เวลานั่นภาวนา5นาที 10 นาทีนะครับ หลังจากภาวนาไปแล้วจนจิตคลายจากนิวรณ์5ชั่วขณะคือ ไม่มีความต้องการเสพกาม ไม่มีความผูกโกรธ ไม่ง่วง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ลังเลสงสัย ก็ถือว่าจิตเข้าเขตอุปจารสมาธิแล้ว (อาการ: ขณะจิตที่จิตเริ่มรู้ชัดในคำภาวนา รู้ควบกับลมหายใจเข้าออก รู้อย่างชัดเจน อารมณ์เบาสบาย ไม่เพ่ง ไม่หนัก ) บางท่านที่มีพื้นฐานสมาธิมาดี บางทีรู้ลมหายใจเข้าออกควบคำภาวนาไม่ถึง10 คู่ลมหายใจก็เข้าอุปจารแล้ว ไม่ถึง1นาทีด้วย เรื่องเวลาเข้าอุปจารสมาธินี่อย่า strict ว่าจะต้องนานครับ พยายามฝึกให้คล่อง ให้เข้าได้เร็วจะดีที่สุดครับ

    ตอนฝึกเอง ให้สมาทานพระกรรมฐานตามแบบวัดท่าซุง แล้วภาวนา พอคุณBerm_KT เข้าเขตอารมณ์อุปจารสมาธินี้ได้แล้ว อย่าเพิ่งปล่อยให้จิตดิ่งเป็นฌานลึก ให้ใช้จังหวะนี้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านโปรดปรากฏกายให้เห็นตรงหน้า แวบขณะจิตนั้นจะสัมผัสได้ว่าท่านมาแล้ว ให้รีบตัดสินใจน้อมจิตก้มกราบพระบาทท่าน ขณะกราบนั้นให้อธิษฐานขอให้พุทธองค์ทรงสงเคราะห์ให้เราได้เห็นพระพักตร์พระองค์อย่างชัดเจนแจ่มใส ยิ้มให้เราด้วยเถิด แล้วรีบตัดสินใจน้อมจิตเงยหน้ามองพระพักตร์ท่าน ลองทำแบบนี้ดูจิตคุณจะสัมผัสพระองค์ท่านได้ชัดเจนมากขึ้น ท่านใจดีมากครับ แล้วอธิษฐานขอเกาะจีวรพระท่านพาไปพระจุฬามณีเจดีย์สถานเลย
     
  8. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,998
    ค่าพลัง:
    +5,064
    ขอแนะนำให้ฝึกเองจากเทปดีกว่าค่ะ


    พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธรูปนะคะ ถ้าเห็นท่านแล้ว
    ท่านจะตรัสได้ค่ะ ไม่ใช่เห็นแค่ภาพนะคะ
     
  9. อกนิษฐกา

    อกนิษฐกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +117
    ผมฝึกมโนมยิทธิ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ตอนนั้นมีคนฝึกไม่มากครับ หลวงพ่อลงแนะนำเองที่ศาลานวราช เริ่ม ประมาณ ๑๘.๓๐ น. หลวงพ่อแนะนำเบื้องต้น และก็บอกว่า ไม่ต้องการสมาธิสูงแค่อุปจาระสมาธิก็พอ และ ท่านก็อธิบายต่อว่า ถ้าเราภาวนา หายใจเข้านะมะ หายใจออกพะทะ แล้วจิตก็ฟุ้งไป รู้สึกตัวก็เริ่มใหม่ หายใจเข้า นะมะ หายใจออก พะทะ แล้วก็ฟุ้งอีก เราก็เริ่มใหม่อีก อย่างนี้ใช้ได้
    หลังจากภาวนาไปได้ ๑๐ นาที่เศษๆ จะมีคนมานั่งข้างหน้าให้เข้าใจว่าเขาจะเข้าไปสอน ให้หยุดคิด หยุดภาวนา ตั้งใจฟังคำแนะนำของครูฝึก แล้วเราก็พิจารณาตาม ครูท่านก็จะสอน ให้พิจารณาความเป็นจริงของร่างกาย ให้เห็นว่า เกิดมามีความทุกข์อย่างไรบ้าง ฯลฯ จนจิตเราคิดตามเห็นตาม เกิดอารมย์เบื่อในร่างกาย มีความรุ้สึกปล่อยวางในร่างกาย ไม่อยากเกิดอีก มีความรู้สึกต้องการความพ้นทุกข์ ได้แก่พระนิพพาน พอครูฝึกเห็นว่าเรามีอารมย์สบายพอสมควร ครูฝึกท่านจะเห็นว่าจิตสบาย สะอาด สว่างพอที่จะสัมผัสสภาวะที่เป็นทิพย์ได้ ท่านก็จะนำเราน้อมจิตขอบาระมี พระตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา ขั้นตอนนี้เราต้องนึกขอบาระมีไปพร้อมๆกับคำพูดของครูฝึก หลังจากนั้นครูฝึกจะถามว่ามีความรู้สึกว่าใครมายืนอยู่ข้างหน้าบ้าง ถ้าเราสัมผัสได้ ท่านก็จะนำต่อไป ถ้าเราสัมผัสยังไม่ได้ ท่านก็จะนำเราพิจารณา ร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำขอบารมีใหม่อึกครั้ง บังเอิญผมเป็นคนได้ยาก เพราะผมรู้มาก ศึกษาทฤษฏีมามาก ความฟุ้งซ่านมากกว่าปกติ กว่าจะตั้งความรุ้สึกได้ก็ใช้เวลา ๒ วัน ไม่ชัดเจนอะไร พยายามค่อยๆฝึกฝน อย่างต่อเนื่อง เอาแบบสุขวิปัสสโกมาช่วยเช่น หัดนับลมหายใจ คราวละ ๑๐ คู่ อย่างไม่ย่อท้อ ฝึกจับอารมย์พระโสดาบัน ฝึกพิจารณาร่างกายทีละเล็กละน้อย พอเริ่มปล่อยวางได้มากเท่าไหร่ มโนมยิทธิก็ชัดขึ้นเท่านั้น พระนิพพานก็สว่างมากขึ้น เห็นไห้กว้างขึ้น ชัดขึ้นไปตามลำดับ
    ปัจจุปปันนังสญาณ ก็ถูกต้อง ไม่ผิดพลาด คาดการณ์อะไรก็แม่นมากถ้าเราอยู่ในสภาวะจิต ที่ปล่อยวาง เบาสบาย แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญคือ เรามีความรู้สึกว่าการเกิดเป็นทุกข์อย่างแท้จริง เทวโลก และพรหมโลกก็ไม่ได้พ้นทุกข์ได้จริง เราสัมผัสพระนิพพานได้ชัด ใจเราต้องการที่จะเข้าพระนิพพานอย่างเดียว เพราะไม่มีความทุกข์แม้แต่เพียงนิดหนึ่ง
    ปัญหาของคุณBerm_KT ผมรู้สึกหนักใจมากๆเลยครับ เพราะหลวงพ่อไม่เคยให้ครูฝึกรับรองการได้ของผู้ฝึกแบบนี้เลย เขามีวิธีพิสูจน์อย่างอื่นครับ อย่างเช่น ผู้ฝึกเข้าสู่พระนิพพานได้แล้ว แต่ไม่ชัด ไม่มั่นใจ เราคิดไปเองหรือเปล่า ครูฝึกก็หาวิธีที่ทำให้เรามั่นใจด้วยการให้คนฝึกร่วมกันดูว่าเห็นเราขึ้นมาหรือเปล่า แล้วก็ให้เรานึกนั่งท่าไหนก็ได้ แล้วก็ให้คนอื่นดูว่าเรานั่งอยู่ท่าไหน ซึ่งเรารู้ด้วยใจเรา คนอื่นเขาก็จะบอกว่าเรากำลังนั้งคุกเข่า หรือ นั่งท่าไหนก็แล้วแต่ มันตรงกับที่เราตั้งใจไว้ พอเราเปลี่ยนอิริยาบท เขาก็รู้ตรงอีก ความคิดที่ว่าเราคิดไปเองก็หายไป
    สำหรับผมนั้น ตอนขึ้นพระจุฬามณี ผมขึ้นไม่ได้ ขึ้นบันไดไม่ไหว ครูบอกให้ตัดสินใจขึ้นไปข้างบน ผมก็ขึ้นไม่ไหว ผมรู้อยู่คนเดียว คนที่ฝึกด้วยกันเขาก็บอกว่าเห็นผมตะเกียก ตะกายอยู่ตรงตีนบันได ครูฝึกก็จะรู้ได้ทันที่ว่า ศึล๕ เราไม่ครบ เราตัดสินใจรักษาตลอดชีวิตยังไม่ได้ ท่านก็นำให้ตัดสินใจใหม่ ผมก็ตัดสินใจถือตลอดชีวิตไม่ได้อยู่ดี ปากก็ว่าตามครู แต่ใจมันคิดว่าเราถือไม่ได้แน่นอน ตลอดชีวิต จนแล้วจนรอดผมก็เข้าพระจุฬามณีไม่ได้ ครูฝึกเขาก็ทิ้งผม นำคนอื่นต่อไป แต่ความมั่นใจของผมไม่โดนทำลายแบบของคุณBerm ผมยังสามารถนำมาพัฒนาปรับปรุงให้ยิ่งๆขึ้นไปได้ เข้าใจวิชามโนมยิทธิอย่างุถูกต้อง เข้าใจว่าสภาวะที่เราจะสัมผัสสภาวะที่เป็นทิพย์นั้นเป็นอย่างไร ความมืด ความไม่ชัดเพราะอะไร ผิดเพราะตั้งกำลังใจอย่างไร ถูกเพราะตั้งกำลังใจอย่างไร
    สรุป ผมก็ขออนุโมทนาในกำลังของคุณด้วยนะครับ เป็นคนอื่นคงทิ้งไปเลย บางคนอาจจะปรามาสวิชามโนมยิทธิไปเลยก็ได้ แต่คุณไม่เป็นอย่างนั้น ผมดีใจ ถ้าคุณไม่ท้อที่จะฝึกมโนมยิทธิต่อละก็ ขอให้คุณฝึก ภาวนา นะมะ พะทะ ให้ใจสบายอยู่เป็นประจำ ใช้คำสอนด้านสุขวิปัสโกขององค์หลวงพ่อมาช่วย จับอารมย์พระโสดาบันไว้ให้ได้ พิจารณาตัดร่างกาย ตามจริตของเรา ทำให้ใจสบายๆ แต่ให้ทำให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ พออารมย์เบาสบายดี ปล่อยวางร่างกายได้ดีพอสมควร ทิพยจักขุยานก็จะเกิดขึ้นกับคุณได้ เริ่มต้นมันจะเป็นความรู้สึกก่อน รู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น น่าจะเป็นอย่างนี้ คาดการณ์อะไรได้แม่นยำ ถ้าทำไปเรื่อยๆ มันจะไม่รู้สึกอย่างเดียว มันจะมีภาพพร้อมความรู้สึกไปด้วย เช่น รู้สึกว่าวันนี้เราจะประสบอุบัติเหตุ เราก็จะเห็นภาพจุดที่เราจะประสบ อาการณ์ที่เราประสบอย่างนี้เป็นต้น แต่ผมไม่สนใจเรื่องรู้เรื่องเห็น เรื่องญาณ๘ เท่าไหร่ ผมสนใจแต่จะทำจิตให้ผ่องใส จับพระนิพพานให้ใจเป็นสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นหลัก แต่ญาณทั้งหลายนี้มีจริง ต้องทำให้ได้จริงจึงจะพิสูจน์ความจริงได้ ได้ไม่จริงก็ยังไม่ต้องรีบร้อนสรุป เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร เราไม่ได้ฝึกเพื่อหลอกตัวเอง เราฝึกเพื่อพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่า นรกมีจริงหรือไม่อย่างไร สวรรค์มีจริงหรือไม่อย่างไร ใครทำอะไรไปตกนรก ได้รับการลงโทษอย่างไร ใครทำอะไรไปขึ้นสวรรค์ เสวยสุขอย่างไร ใครตัดสินใจอย่างไรไปพระนิพพานได้ สภาวะพระนิพพานนั้นเป็นอย่างไร มีความสุขนั้น สุขอย่างไร อันนี้คือจุดมุ่งหมายของการฝึก ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราก็ฝึกสุขวิปัสสโกก็สามารถเข้าถึงซึ่งความพ้นทุกข์ได้ หลวงพ่อเราสอนไว้ครบ ถ้ายังไม่แน่ใจก็ไม่เป็นไร เราก็ฝึกฝนของเราไปถ้าเราพอมีกำลังใจที่จะฝึกต่อ
    ขออนุโมทนาในกำลังใจของคุณอีกครั้ง คุณมีกำลังใจเข้มแข็งจริงๆ
     
  10. ไอ้โจ๋ย

    ไอ้โจ๋ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +712
    ดีจังครับคุณคอนสวรรค์มีโอกาสได้ฝึกกับหลวงพ่อโดยตรง
    ตอนนั้นผมยังตัวกะเปี๊ยกอยู่เลยครับ อนุโมทนาด้วยครับ
     
  11. Kungpow

    Kungpow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +448
    ขอบคุณ คุณคอนสวรรค์ คุณเด็กอนุบาลและท่านอื่นๆที่มาร่วมชี้แนะมากๆครับ ผมก็จะรับเอาคำแนะนำนี้มาฝึกฝนต่อครับ คิดว่าถ้าเราตั้งใจจริงก็น่าจะเกิดผลสักวัน ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ
     
  12. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    จะบอกว่าอย่างไรดี ไม่ใช่เห็นแบบดูโทรทัศน์ครับ แต่เป็นการผุดรู้เวลาครูถามจะรู้คำตอบขึ้นในใจแวบหนึ่งแล้วตอบไปตามนั้นบางครั้งจะไม่ตรงกับคนที่อยู่ข้างๆ หากช้าหรือลังเลครูฝึกจะรู้ครับแล้วจะบอกถูกด้วยเพราะผมหลงเข้าไปฝึกในห้องที่เขาฝึกฌานแปดทั้งๆที่ขาดความชำนาญในการฝึกฝน พอผมลังเลปุ๊ปครูฝึกบอกทันทีเลยว่าผมตามเขาไม่ทันเพราะอยากเห็นด้วยตาชัดๆแบบลืมตาดู ผมเองก็แปลกใจที่ครูฝึกบอกได้ถูกต้องว่าผมตามเขาไม่ทัน ปัจจุบันมืดเหมือนเดิม
     
  13. killer_q13

    killer_q13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +103
    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
    ผมชอบที่คุณ คอนสวรรค์ ตอบไว้มากครับ
     
  14. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    1. การฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกๆนั้น เราชอบไม่มั่นใจเองว่าเราไปไม่ได้ แต่กายทิพย์เรานั้นได้ไปถึงที่เราฝึกแล้ว แต่เราไม่เห็นเอง สติเบาบาง
    ...เพราะกำลังสมาธิแค่น้อยนิดที่ครูฝึกพานั่ง ก็ไปได้แล้ว ให้เราศรัทธาไว้ก่อน แล้วจะมั่นใจเอง ...

    ผมก็เป็นเหมือนกัน ฝึกครั้งแรกไม่ได้

    พอฝึกครั้งที่สองก็ได้..แล้วก็ลองมาใช้ญาณย้อนดูตอนฝึกครั้งแรกที่ว่าฝึกไม่ได้

    ปรากฏว่า..ฝึกได้แล้วครับ แต่ว่าแทบไม่รู้อะไรเลย ครูฝึกว่าอย่างไร ก็ทำตามนั้น ทั้งๆที่จิตที่กายเนี่ย ไม่รู้เรื่องด้วยเลย และไม่รู้ตัวว่าฝึกได้

    ก็เป็นซะแบบนี้แหละครับ ..บางทีก็เห็นนะครับ แต่เหมือนว่าคิดนึกไปเอง หรือให้คิดนึกตามครูฝึก ..จริงๆไม่ใช่ครับ

    อารมณ์จิตมันไวมาก เราอย่าเพิ่งสงสัยครับ ว่าไงว่ากัน แต่ถ้าถามเพื่อความชัวร์ แบบนี้ไม่ควรคิดครับ .. คิดปุ๊ป จิตหล่นทันที แถมปรามาสด้วย

    เรามีสมาธิเล็กน้อย เคารพพระรัตนตรัยก็ใช้ได้แล้วครับ
     
  15. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    เชื่อก่อนเลยครับ ตัวเดียว ศรัทธาในพระรัตนตรัย อย่าไปเอ๊ะ อ๊ะ ได้จริงหรือ

    แรกๆ อาจจะต้องจินตนาการไปก่อน พอจิตเราเริ้มเป็นทิพย์ ต่อไปจะเริ่มเห็น

    ภาพอะไรเข้าในจิตเองครับ ตอนแรกผมก็ไม่รู้สึกอะไร ก็นึกไปก่อนเรื่อยๆ

    ใจเย็นๆ ครับ สำคัญคือต้องเชื่อในพระรัตนตรัยและหลวงปู่ปานและ

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เมื่อจิตเราน้อมเคารพครูบาอาจารย์แล้ว เดี๋ยวท่านก็จะ

    สงเคราะห์เราเองครับ สำหรับฝึกเองที่บ้าน ก็แนะนำให้จับภาพพระพุทธเจ้า

    หรือพระพุทธรูปปางไหนก็ได้ที่เราชอบ จำให้ขึ้นใจในดวงจิต นึกเมื่อไหร่เห็น

    ลืมตาหลับตา เห็นได้ทันที ซักพักก็จะเริ่มเห็นชัดแจ่มขึ้นเรื่อยๆ เองครับ
     
  16. อกนิษฐกา

    อกนิษฐกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +117
    สาธุกับคำแนะนำนี้เป็นอย่างมากครับ คุณ Berm_Kt ครับ คำแนะนำของคุณnuttadet เป็นคำแนะนำที่เข้าใจง่าย นำมาปฏิบัติได้เลยครับ ส่วนของผมจับใจความได้ยากหน่อยครับ
     
  17. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    มีเพื่อนฝึกอยู่เหมือนกันไม่รู้ปฏิบัติไปถึงไหน แต่ตอนนี้ติดต่อไม่ได้ ถ้ายังไงติดต่อกลับด้วยนะ เพื่อนชื่อ นพดล (ท.ว.อ.)
     
  18. อดีตโก

    อดีตโก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมพึ่งโพสวันนี้แต่ตรงไหนจำไม่ได้มาเจอตรงนี้อีกขออีกแรงนะครับ คือผมฝึกเองไม่มีครูผึกเวลาออกมาจากกายแล้วไม่เจอใครนะครับลอยอยู่บนเพดานแต่เห็นเหตูการที่เป็นปัจจุบันทุกอย่างพอพอเห็นแสงข้างนอกสว่างคิดว่าไปข้างนอกไหมนี่ไปเลยครับทะลุกระจกหน้าต่างออกมาเลยมาอย่างไรไม่ได้เห็นเพราะมือกุมหัวตัวเองอยู่ ตอนนี้เอาแค่สงบนะครับไม่ลงลึกเพราะกลัวครับที่นี่ตะวันออกกลางและเรื่องจิตเรื่องวิญญานนี่ไม่เข้าใจครับ ขอรบกวนผู้รู้ด้วยครับ ควรทำอย่างไร ทำต่อได้ไหมหมายถึงกลับมาดูตัวเองให้ได้หรืออย่างไร ขนาดนอนอยู่นี่มีคนตัวเล็กๆมาถามว่าเป็นลูกศิษย์ท่านใช่ไหมแล้วมานอนทับเหมือนจะสิงร่างนะครับแต่เวลาผมพลิกตัวนี่นอนคู่กันเลยไม่อยู่ในร่างผมผมชอบท่องคาถาท่านวันละหลายๆรอบและแขวนพระท่านไว้ด้วย ไม่เห็นหน้าเห็นตาแต่รู้ว่าขนเหมือนลิงตัวเล็กเท่ากับลิงครับ อยากฝึกต่อชอบทางนี้ ใครมีความรู้ทางนี้ช่วยชี้แนะด้วยครับอันตรายไหมหากผมทำต่อไม่ทำก็เสียดายเวลานะครับ
     
  19. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    อธิษฐานขอให้ท่านมารับแล้วพาไปครับ ที่สัมผัสได้เหมือนลิงนั้นอาจเป็นนิมิตที่ดีเพราะสมญานามของหลวงพ่อที่หลวงปู่ปานเรียกคือ ฤาษีลิงดำ ที่สัมผัสได้อาจเป็นเทวดาแสดงนิมิตทดสอบคุณก็ได้ครับ ต้องรอผู้รู้มาอธิบายต่อ
     
  20. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ท่านนับถือหลวงพ่อ องค์ไหนอยู่บ้างครับ ถ้ามีสายบุญ สายสัมพันธ์ กับท่าน
    เวลาท่านออกจากร่าง เต็มกำลัง ผมแนะนำให้ออกไปหา ครูบาอาจารย์ก่อน
    เลยครับ เพื่อป้องกันมาร และมิจฉาทิฎฐิ มาแทรกครับ ส่วนที่บอกว่ามีตัวอะไร
    มาอยู่ข้างๆ ถ้ากลัวอยากป้องกันโดนครอบร่างตอนที่เราออกมาจากร่าง
    ก่อนจะออกครั้งต่อไปให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า และอัญเชิญท่านท้าวจตุ
    ทั้ง ๔ มาครอบร่างเราไว้เป็นเกราะ ถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้ pm มาหาผมครับ
    ผมจะถามอาจารย์ผมให้ แล้วจะ pm ตอบกลับไปเป็นการส่วนตัวครับ ^-^


    ขออนุญาตินำข้อความพี่คณานันมาโพสต์ให้ทุกคนได้นำไปอธิฐานกันครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...