เมืองผลึก อีกมุมหนึ่งในโลก ที่คุณไม่เคยเห็น

วานนี้ได้รับหนังสือ National Geographic ฉบับใหม่ ตื่นตาตื่นใจตั้งกะเห็นหน้าปก

และอดคิดถึงภาพในหนังเรื่อง Armageddon ตอนที่ ทีมฮีโร่ นำโดยบรูซ วิลลิซ และสมาชิก ออกจากยานลงไปยืนบนดาวหางเพื่อฝังหัวรบนิวเคลียร์ คิดไม่ถึงว่า ใต้ผืนโลกจะมีสถานที่ ที่มีหน้าตาคล้ายกันยังกะแกะ



สวยงามสุด ๆ ข้าพเจ้าเลยเข้าไปค้นภาพในอินเทอร์เน็ตมาฝากให้ชมกันค่ะ






ผลึกแร่ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ถูกค้นพบในถ้ำภายในเหมืองเงินและสังกะสีใกลักับเมือง Naica รัฐ <STATE w:st="on">
Chihuahua</PLACE></STATE> ประเทศเม็กซิโก มีความยาวผลึกมากถึง 11 เมตร ประกอบไปด้วยเซเลไนต์ (selenite) ซึ่งเป็นรูปผลึกหนึ่งของแร่ยิปซัม (gypsum) ที่มีลักษณะโปร่งใส








The Naica Mine of <STATE w:st="on">Chihuahua</STATE> ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก (130 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ <STATE w:st="on">
Chihuahua</PLACE></STATE>) คือ เหมืองตะกั่ว สังกะสี และเงิน ซึ่งรู้จักกันดี เนื่องจากการค้นพบผลึกแร่เซเลไนต์ (ยิปซัม) ขนาดใหญ่ อยู่ในโพรงถ้ำที่เรียกกันว่า ถ้ำผลึกยักษ์ (Crystal Cave of Giants) ซึ่งมีความลึกตั้งแต่ 180 ถึง <METRICCONVERTER w:st="on" productid="300 เมตร">300 เมตร</METRICCONVERTER> ลึกลงไปในหินปูน (limestone) โดยผลึกแร่เซเลไนต์นี้เกิดจากของไหลเนื่องจากน้ำร้อน (hydrothermal fluids) ที่มาจากกระเปาะหินหนืด (magma chamber) ที่อยู่ข้างใต้












เมื่อเดือนเมษายน ปี 2000 สองพี่น้อง Floy และ Javier Delgado ได้พบผลึกแร่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่เขากำลังระเบิดอุโมงค์เพื่อหาสายแร่ ลึก <METRICCONVERTER w:st="on" productid="300 เมตร">300 เมตร</METRICCONVERTER> ในเหมืองเงินและตะกั่ว ทางตอนใต้ของ <STATE w:st="on">
Chihuahua</PLACE></STATE> Floy วัย 40 ปีได้ปีนผ่านช่องเปิดเล็กๆ ลงไปในถ้ำขนาด 9x18 เมตร ซึ่งมีผลึกแร่ขนาดใหญ่อยู่อย่างหนาแน่น




หนึ่งเดือนต่อมา ทีมงานเหมืองก็ได้พบกับถ้ำขนาดใหญ่กว่าและขนาดเล็กๆ อีกหลายถ้ำ ในบริเวณใกล้กับที่แรก ถ้ำหนึ่งที่สำคัญคือ “La Cueva de las Espadas” (The Swords Cave) และ “La Cueva de Los Cristales” (The Crystals Cave) ซึ่งเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดและมีความสวยงามมาก และยังคงมีการรักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี




ผลึกแร่เหล่านี้ค่อนข้างเสถียร เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงเกินกว่า <METRICCONVERTER w:st="on" productid="50 องศาเซลเซียส">50 องศาเซลเซียส</METRICCONVERTER> พร้อมกับความชื้น 100% หรือพูดง่ายๆ ก็คือว่าโครงสร้างผลึกเหล่านี้เติบโตมาในสภาพแบบไอน้ำร้อน และด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้สามารถที่จะฆ่าใครก็ได้ โดยคนทั่วไปสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมนี้ได้เพียง 6 ถึง 10 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะสูญเสียสภาพทางจิตอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้




ภูเขาในบริเวณนี้เป็นหินปูนเนื้อแน่นอายุ 200 ล้านปีที่มีถ้ำอยู่ภายในจำนวนมาก มีความร้อนสูงในที่ลึก และมีสายแร่น้ำร้อนไหลผ่าน เมื่อน้ำร้อนไหลมายังบริเวณที่อุณหภูมิต่ำและมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับบนพื้นผิวโลก ก็จะเกิดการตกสะสมของเกลือที่มีส่วนประกอบของตะกั่ว สังกะสี และเงินจำนวนมาก










น้ำใต้ดินในถ้ำที่มีปริมาณกำมะถัน (sulfer) สูงที่มาจากบริเวณที่ใกล้กับแหล่งที่มีการตกสะสมของโลหะ จะเริ่มละลายผนังของหินปูน ซึ่งจะให้สารละลายแร่แคลเซียม (calcium) ออกมาในปริมาณมาก สารละลายแคลเซียมนี้ก็จะรวมตัวกับกำมะถันก่อตัวเป็นผลึกแร่ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาหลายปี ซึ่งผลึกแร่นี้เป็นรูปแบบหนึ่งที่สวยงามของแร่ยิปซัมที่เรียกว่าเซเลไนต์ (selenite) ที่ตั้งมาจากชื่อ Selene ในภาษากรีกที่แปลว่า เทพธิดาแห่งพระจันทร์ (Goddess of the moon) ประกอบไปด้วยแคลเซียมซัลเฟท ไฮเดรท (calcium sulfate hydrate :CaSO4•2H2O)




ป่าแห่งผลึกแร่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โลกที่อยู่เหนือความฝันและจินตนาการ ถ้ำที่มีอุณหภูมิ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="50 องศาเซลเซียส">50 องศาเซลเซียส</METRICCONVERTER> และความชื้น 100% สถานที่แห่งนรก ที่มนุษย์สามารถอยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่นาทีแห่งนี้ ยังคงรอการสำรวจและศึกษาต่อไป




ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ ใน National Geographic ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2551

และสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.GeoThai.net

 

*-*..สวยจังเลย..*-*

 

คล้ายๆกับ ถ้ำแก้วโกมล ที่แม่ฮ่องสอนเลย แต่ขนาดต่างกันมาก

 

ว้าว สวยจิงๆ

 

น่าจะเอามาทำเป็นพระแก้วคงจะดีเนอะ ............. ว่าม๊ะ