เมื่อคณะธุดงค์ของหลวงพ่อพบยักษ์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 16 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]

    เมื่อเวลา 24 . ผ่านไป ต่างก็เข้ามุ้งนอนตามปกติ แต่ไม่มีใครหลับ เพราะธรรมปีติเบิกลูกตา พอเวลาผ่านไปประมาณ 2 . ดวงจันทร์ปรากฏบนท้องฟ้าเริ่มจะหาย เพราะท่าน ไม่อยากอยู่ตลอดคืน มีแสงดาวค่อยสว่างเต็มที่ ต่างก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อปานพูดในกลดของท่านว่า นั่นใครมายืนอยู่ข้างกลดพระเขียน ทุกองค์มองไปก็ไม่เห็นมีใคร เห็นแต่ต้นไม้สูงมาก สูงขนาดยอดยางเห็นจะได้ ต้นยางขนาดสูงนะ ไม่ใช่ต้นยางขนาดฟุตเดียว ต่างก็แปลกใจที่ตรงนั้นขณะปักกลดไม่มีต้นไม้แล้ว ต้นไม้นี้มามีขึ้นได้อย่งไร มองไปด้านบนเห็นกิ่งไม้สองกิ่งแกว่งไปแกว่งมา ดูท่อนล่างเห็นเป็นต้นไม้แฝด มีลำต้นสองต้นเบื้องล่าง แต่พอสูงขึ้นไปต้นไม้กลับรวมเป็นต้นเดียว มีกิ่งสองกิ่งแต่ก็ห้อยลงมา ขาดพับตามต้นแกว่งไปแกว่งมา ปลายกิ่งมีก้านสั้น ๆ กิ่งละ 5 ก้าน มองสูงขึ้นไปบนยอดเห็นมีไฟแดง 2 ดวง ทุกองค์มองดูอยู่ในกลด เมื่อเห็นทั่วตัวต่างก็ทราบว่าไม่ใช่ต้นไม้ เป็นยักษ์ ไม่มีใครสะดุ้ง เสียงหลวงพ่อปานถามต่อไปว่ามายืนอยู่ทำไม เจ้าหมอนั่นนิ่งสักครู่หนึ่งแล้วมันพูดว่าผมขอพระองค์นี้ได้ไหมครับ พระองค์นั้นคือพระเขียนที่ร่วมทางไปด้วย เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกัน เสียงหลวงพ่อตอบว่าไม่ได้ ญาติโยมเขาฝากมา จะเอาไปไม่ได้ เจ้าตาแดงสูงเหมือนต้นตาลมันยืนนิ่งสักครู่หนึ่ง มันก้มลงมองที่กลด พระเขียน เสียงมันพูดว่าไม่ให้ก็ไม่เอา ลาล่ะ มันพูดแล้วมันก็เดินหายไปทางทิศตะวันตก
    เมื่อเจ้าต้นไม้ประหลาดหายไปแล้ว ได้ยินเสียงหลวงพ่อปานร้องถามว่า ใครไม่หลับบ้าง นิมนต์มาหาฉัน ทุกองค์ปรากฏว่าไม่มีใครหลับเลยและต่างก็ได้ยินหลวงพ่อปานพูดกับเจ้ายักษ์ดำ เห็น เหตุการณ์ตลอดเหมือนกันทุกองค์ เมื่อพระมาประชุมพร้อมกัน ท่านก็บอกให้พระทุกองค์ทราบว่า พระเขียนเข้าสู่เขตกาลมรณะ จะต้องตายตามวาระของอายุขัย แต่ทว่าอาศัยความดีที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ทรงสมาธิและวิปัสสนาญาณ ประกอบกับมาธุดงค์ เป็นการที่ท่านพอจะขอร้องเขาไว้ได้ชั่วขณะเดียว เมื่อกลับถึงวัดแล้วท่านบอกว่า อาจจะประวิงเวลาไม่ได้อีกนานนัก ขอให้พระเขียนและทุกองค์เตรียมตัวพร้อมที่จะตายได้ อะไรที่ไม่เกินวิสัยที่จะทำ นั้นคือวิปัสสนาญาณ ให้ขยันหมั่นเพียรให้มาก ชำระจิตใจให้สะอาดเป็นปกติ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ จงวางภาระว่าเราของเราเสียให้สิ้น ด้วยไม่มีอะไรเลยเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายก็มีเจ้าของคือมรณภัยมันมาทวงคืน ทุกองค์รับคำสอนด้วยดี มีท่านหนึ่งในจำนวน 4 ท่านถามท่านว่า หลวงพ่อทราบหรือไม่วาพระเขียนจะต้องเข้าระยะมรณะในวันนี้ ท่านบอกว่าท่านทราบมาก่อน ท่านทราบมาจากนายบัญชี ท่านรู้จักกับเขาดี ที่ชวนมาธุดงค์ด้วยและคุณเขียนก็เต็มใจมา ไม่ใช่ชวนมาประวิงเพื่อให้ตายช้า ชวนมาเพื่อให้ทำความดีให้สมควรแก่วาสนาบารมี ถ้าอยู่ที่วัดจะทำความดีไม่เท่ามาธุดงค์ แล้วท่านก็สอนอารมณ์วิปัสสนาย่อ ๆ เพียงให้คิดว่า เราไม่มีอะไรเป็นของเรา เราไม่ต้องการมนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก เรามีพระนิพพานเป็นที่ไป ท่านให้พระเขียนเจริญอุปสมานุสสติ คือการคิดถึงพระนิพพานเป็นปกติที่เขาให้ภาวนาว่านิพพานังนั่นแหละ

    เมื่อสนทนากันไม่นาน มันอาจจะนาน แต่คณะธุดงค์อาจจะชุ่มชื่นในพระพุทธานุภาพและประสบกับสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบมาก่อน มองไปดูท้องฟ้า เห็นใกล้สว่าง มีท่านหนึ่งถามหลวงพ่อว่าที่มาทวงชีวิตพระเขียนเป็นใคร ท่านบอกว่ายักษ์ ถามเขามาทวงเพราะเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือ ท่านบอกว่าไม่ใช่ เขามาตามหน้าที่ เมื่อเขามีหน้าที่มารับเขาก็ต้องมา ถามท่านว่าถ้าพระเขียนตายเวลานี้จะไปทางไหน นรกหรือสวรรค์ หรือพรหมโลกหรือนิพพาน ท่านบอกว่าสุดแล้วแต่พระเขียนจะชอบใจ ชอบใจอย่างไหนก็ไปได้ตามชอบใจ เมื่อตายแล้วจะไปทางไหนก็ไปได้ตามใจชอบ ท่านโคธิกะท่านเชือดคอตายเพราะเบื่อสังขาร มันป่วยเสมอท่านไปนิพพาน พระเขียนจะชอบใจอะไรก็เป็นเรื่องของเธอ ท่านเล่นใบ้หวยแบบนี้ ไม่มีใครแทงถูก เมื่อถามพระเขียนเอง ท่านบอกว่าท่านเบื่อขันธ์ 5 เบื่อชีวิต เบื่อหมดทุกอย่าง เมื่อท่านเบื่ออย่างนี้แล้วท่านจะลงนรกก็ตามใจท่าน
    พอรุ่งสางท้องฟ้ามีสีทองปรากฏ คณะธุดงค์ก็ออกบิณฑบาตตามปกติ ไม่ได้ไปไกลเพราะเห็นมีต้นไม้ใหญ่มีสาขางามสะพรั่งไว้ตั้งแต่ตอนมาถึง ต่างก็มั่นหมายไว้แล้วว่าต้นนี้แหละเป็นโรงผลิตอาหารในวันพรุ่งนี้ อยู่ห่างจากที่ปักกลดไม่ถึง 20 วา ต่างก็เอาบาตรไปแขวนตามเคย เมื่อได้อาหารมาแล้วก็ฉันกันหมดบาตร ความจริงได้มาประมาณ 3 ทัพพีเท่านั้นเอง เมื่อฉันเสร็จทุกองค์ก็เข้าที่พักเพราะตลอดคืนไม่ได้หลับเลย เมื่อทุกองค์พักพอเหยียดกายเรียบร้อยก็เห็นพระเขียนเดินเข้าป่า เมื่อกลับมาไม่ถึง 5 นาทีก็เดินไปอีก ต่างสงสัยถามว่าไปไหนมา ท่านบอกว่าไปถ่ายอุจจาระ ตอนนี้หลวงพ่อลุกขึ้นจากที่พัก เรียกพระเขียนเข้าไปใกล้ พระเขียนดูท่าทางเพลียมาก ท่านถามว่าท้องถ่ายกี่ครั้งแล้ว พระเขียนบอกว่า 2 ครั้งแล้วครับ ท่านบอกว่าอีกครั้งเดียวก็หยุด ยังไม่ตาย มาเอายาหมู่ไปฉันเสีย เห็นท่านฝนกิ่งไม้กับฝาละมีหม้อดินที่ท่านเตรียมติดตัวไปด้วย เมื่อพระเขียนฉันแล้วก็ไปถ่ายอุจจาระอีกครั้งหนึ่งแล้วก็หยุดถ่าย ท่านบอกว่ายังไม่ตายเตรียมตัวไว้ กลับไปวัดแกก็สบายก่อนฉัน ฉันต้องใช้หนี้กรรมอีกหลายปี แกดีกว่าฉัน สบายกว่าฉัน แล้วท่านก็สั่งให้พักผ่อนต่อไป เรื่องพระฉายก็เห็นจะจบกันเท่านี้ วันต่อไปฟังเรื่องพระได้อภิญญาถูกวัวเขาอ่อนขวิด เล่นเอาสบงจีวรหลุด เรื่องจะเป็นอย่างไรฟังวันหน้า วันนี้ฉันชักเหนื่อย ขอยุติเพียงเท่านี้
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...