เมื่อท่านพ่อลีโดนท่านเจ้าคุณฯถาม.....

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เพชรฉลูกัน, 14 ตุลาคม 2018.

  1. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,163
    FB_IMG_1539519191605.jpg
    เคยมีท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งถามท่านพ่อลีว่า

    "ในเมื่อเป็นพระกรรมฐาน ดำเนินในปฏิปทาของ "ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" แล้ว ทำไมท่านจึงชอบนำพาเหล่าบรรดาญาติโยม จัดงานบุญงานกุศลสร้างพระอยู่เป็นประจำ ไม่มุ่งเน้นพาเหล่าบรรดาญาติโยมให้ปฏิบัติภาวนาล่ะ?"
    ท่านพ่อลีท่านก็ตอบท่านเจ้าคุณรูปนั้นว่า

    เกล้ากระผม ทำนาไม่ได้เอา
    "ข้าว" อย่างเดียว (มรรคผล)
    "แกลบ" ผมก็เอา (เนกขัมมบารมี)
    "รำ" ผมก็เอา (บุญกุศล)
    "ฟาง" ผมก็เอาขอรับ (นิสัยวาสนา)
    หมายเหตุ : เพราะในบุคคลทั้งหลายย่อมมีนิสัยวาสนาและบุญบารมีธรรมที่สั่งสมอบรมมามากน้อย ต่างกันไม่เท่าเทียมกัน ครั้นถ้าท่านพ่อลีจะมุ่งเน้นสอนแต่ "การภาวนา" ก็คงจะได้ผลเพียงบางคนเท่านั้น
    ท่านจึงเล็งเห็นว่า คนที่ "บารมียังอ่อน" ยังไม่ถึงพระนิพพานในชาตินี้ ก็คงต้องได้อาศัยยึดเกาะ "บุญกุศล" ให้จิตใจมีศีลมีธรรม เพื่อไม่ตกลงในอบายภูมิ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ท่านจึงมีดำริสร้างพระพุทธรูปและมีงานบุญอยู่เป็นประจำ อันเป็นความปรารถนาดีที่ท่านมีต่อลูกศิษย์ทุกๆคน เพียงแต่ใครจะมีสายตามองเห็น "ความเมตตา"ขององค์ท่านได้มากน้อย ตามแต่ภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละบุคคลเป็นรายๆไป
    กรรมเป็นผู้จำแนกสัตว์

    สมบัติของเรา คือ กาย วาจา ใจ เป็นสิ่งที่ได้ด้วยยาก เพราะคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ต้องประพฤติศีล ๕ มีกรรมบถ ๑๐ จึงจะเล็ดลอดมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ ทีนี้เรามาพิจารณาดูสิ การจะมาปฏิบัติศีล ๕ หรือมาปฏิบัติกรรมบถ ๑๐ นี่มันยากง่ายเพียงใด แค่ไหน ถ้าเราคิดว่าการรักษาศีล ๕ เป็นของยาก การรักษากรรมบถ ๑๐ เป็นของยาก เราก็จะรู้ว่าการมาเป็นมนุษย์นี้เป็นของยาก

    การได้ความเป็นมนุษย์มาก็ได้มาด้วยกฎของกรรม คนเราทุกๆ คนอยากจะไปเกิดในสถานที่ดีๆ ทีสมบูรณ์พูนสุข แต่เราก็เลือกเกิดเองไม่ได้ ทั้งนี้เพราะกฎของกรรมมันจำแนก กัมมัง สัตเต วิภะชะติ กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เป็นต่างๆ กัน

    บางคนถูกกรรมจำแนกในตระกูลต่ำ บางคนถูกกรรมจำแนกให้เกิดในตระกูลปานกลาง ลางคนก็ถูกจำแนกให้เกิดมาแล้วเป็นผู้มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะกฏของกรรมและอำนาจของกรรมเป็นผู้จำแนก

    ใครจะเชื่อก็ตาม ไม่เชื่อก็ตาม คนเรามีความสามารถพอๆ กันเกือบทุกคนนั่นแหละ สมมุติว่าใครก็ตามที่เรียนจบปริญญามาด้วยกัน มาทำงานร่วมกัน ในสถาบันเดียวกัน คนหนึ่งมีความก้าวหน้า ก้าวหน้าทั้งยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สมบัติ อีกคนหนึ่งก้าวไปไม่ได้ถึงไหน ยังแถมยากจนด้วย เงินเดือนก็ไม่พอใช้ ทั้งที่คน ๒ คนนี้มีความรู้เท่ากัน มีกำลังกายแข็งแรงเท่ากัน แต่ทำไมจึงประสบผลสำเร็จไม่เหมือนกัน ก็เพราะผลของกรรมนั่นเอง

    ดังนั้น หลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ทรงรู้แจ้งเห็นจริง คนที่ทำกรรมดีได้ดี ทำกรรมชั่วได้ชั่ว พระองค์จึงสั่งสอนให้ทำแต่กรรมดี ฉะนั้น ที่ท่านทั้งหลายตั้งใจร่วมกันจัดให้มีการฟังเทศน์เป็นประจำ จะว่าทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ก็ว่าได้นั้น ก็เพราะเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าการฟังเทศน์เป็นบุญอย่างหนึ่ง และถ้าฟังแล้วนำเอาไปปฏิบัติตามด้วยก็ยิ่งได้บุญมาก

    เทศนาธรรมท่านเจ้าคุณพระราชสังวรญาณ
    (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

    วัดคลองนา(วัดป่าชินรังสี) อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
    FB : วิมุตติธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    Cr.พี' เขอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...