เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ตราบใดที่เราทั้งหลาย ยังไม่หลุดพ้นจากอาสวะกิเลส นั่นย่อมแสดงว่า เราท่านทั้งหลาย ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น

    จิตดวงเดียวท่องไปในวงจรแห่งกรรม มีสามภพภูมิให้เวียนว่าย โลกเรามันก็แค่ภพหนึ่งภูมิหนึ่ง ที่เรามาเกิด การเกิดมาบนโลก มันก็แค่วงจรสั้นๆวงจรหนึ่งของจิตที่เวียนว่ายเพราะยังไม่หมดอาสวะกิเลส

    จิตดวงเดียวทุกดวงต่างก็มีวิถีแห่งการเวียนว่ายในวัฏจักร วัฏจักรแห่งกรรม ที่ให้ผลมีวิบากนับไม่ถ้วน จะเวี่ยนว่ายไปตามกระแสแห่งกรรมเสมอไม่เป็นอื่น

    จงตื่น จากอวิชา มีสติปัญญา รู้แจ้งในธรรมดาแห่งการเวียนว่าย เพื่อความเข้าถึงความหลุดพ้น จากทุกข์ที่เกิดดับ เราไม่อาจหลีกหนีได้พ้นทั้งหมดทั้งสิ้น เราทำได้ก็คือการเผชิญกับทุกข์กับสุข อย่างมีสติปัญญา จำแนกแยกอาสวะออกมา สร้างความสงบสุขแก่จิตใจ ไม่หลงไหลในอวิชา พึงระลึกเสมอว่า ก็แค่มายาที่เราเวียนว่าย วนเวียนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ก็เท่านั้นเอง จงใช้เวลาที่เหลืออยู่กับความจริง ทั้งปวง เพื่อความสงบสุขที่แท้จริงในชีวิตครับ สาธุ
     
  2. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณข้อเตือนใจจากครูก้องค่ะ นอกเหนือจากบุญที่ได้รับจากการอุทิศจากผู้อื่น เจ้าของดวงจิตที่จากร่างเก่าไปแล้วสามารถพัฒนาจิต สั่งสมบุญจนยกจิตขึ้นนิพพานได้ด้วยตนเองทุกภพภูมิหรือไม่คะ (นอกเหนือจากชั้นพรหมสุทธาวาสแล้ว) ดวงจิตที่เคลื่อนสู่ภพอื่นมีวิธีการบรรลุธรรมอย่างไรคะ ขอบพระคุณครูก้องมากค่ะ
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    เทศกาลกิจเจ กินมังสวัรัติ

    มีประโยชน์เกื้อกูลสรรพสัตว์ ท่านที่สะดวกก็ขอเชิญร่วมละบาป จากการฆ่า และการไม่ทานเนื้อสัตว์ครับ

    นอกจากการไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดแล้ว จิตที่เป็นกุศล อยู่ในสีล ในธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์

    เมื่อเราชำระกายให้สะอาด ด้วยอาหารที่สะอาดคือปราศจากกลิ่นคาวสัตว์ อย่าลืมชำระใจของเราด้วยให้สะอาดด้วยการไม่คิดเบียดเบียนพยาบาททำร้ายผู้อื่น

    การกินเจ หรือมังสวิรัติ จึงมีส่วนสำคัญที่ควรทำความเข่าใจคือ
    1 การไม่ทานเนื้อสัตว์
    2 การรักษาจิตไม่เบียดเบียนสัตว์หรือผู้อื่น
    3 การไม่ฆ่าสัตว์
    4 การเดินสายกลางในการกินดื่มแค่พอประมาณ
    5 การรักษาสีลห้าให้สมบูรณ์พร้อม
    6 ควรละการเสพกามหรือมีเพศสัมพันธ์
    7 ควรถือศีล8ควบคู่ไปด้วยจะดีมาก
    8 ควรสวดมนต์ภาวนาทุกวันเพื่อเจริญวิปัสสนา พร้อมทั้งการแผ่เมตตาไปด้วยจะดีมาก
    9 ควรทำบุญทานควบคู่ไปด้วยจะดีมาก
    10 ควรแผ่อุทิศบุญนี้ให้เจ้ากรรมนายเวร เทพพรหมครูอาจารย์ บิดามารดาญาติ ผู้มีคุณ ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่จำกัดทุกชั้นภพ ด้วยจะดีมากครับ

    เพื่อความเจริญยิ่งๆขึ้นไปของจิตท่าน เพื่อโปรดสัตว์ และเพื่อการช่วยเหลือสรรพสัตว์ครับ สาธุ
     
  4. Surasawadee

    Surasawadee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีคะ คุณ TJS ส่งข้อความทาง inbox ไป รบกวนคุณ TJS ช่วยตอบให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  5. Surasawadee

    Surasawadee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    รบกวนคุณ TJS ดูให้หน่อยค่ะ

    สวัสดีคะ คุณ TJS ส่งข้อความไปใน inbox รบกวนคุณ TJS ช่วยดูให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    สิ่งที่สอนกันไม่ได้คือ ความมีสติปัญญารู้เท่าทัน

    สติปัญญา เป็นสิ่งที่สอนกันไม่ได้ จิตทั้งหลายสั่งสมสติปัญญา ไว้ มากน้อยไม่เท่ากัน

    การจะสอนอะไร มันต้องเริ่มจาก วาสนาบารมีหรือบุญวาสนาของจิตนั้นที่สั่งสมมา พื้นฐานเป็นอย่างไร แล้วสภาวะในปัจจุบัน สภาวะจิตเป็นอย่างไร มีการเสวยวิบากกรรมอะไร ปัจจุบันจิตสั่งสมอะไรเอาไว้

    ให้ชำระจิตที่ครอบงำอยู่ด้วยสติสมาธิ อาศัยพื้นฐานคือศีล หลังจากนั้นให้เจริญวิปัสสนา เพื่อชำระอาสวะสิ่งสกปรกให้ขาวสะอาด เมื่อใดที่สติปัญญา ยกขึ้นสูงก้าวพ้นจากบาป จากการทำชั่วหรืออกุศล เมื่อนั้น สติปัญญาจะก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น

    การเจริญภาวนา ทุกอริยาบท จะมีอานุภาพมากส่งผลแก่กายและจิตพันตนาสูงขึ้น

    เมื่อทำอย่างต่อเนื่องและถูกทาง สติปัญญาที่รองรู้ก้าวหน้าย่อมชำระอบรมจิตได้เอง

    เมื่อนั้น ก็ไม่ต้องมีใครมาสอนใจเรา ใจเรานั่นแหละสอนใจเราเอง ด้วยสติปัญญาที่เราสั่งสมไว้ดีแล้วนั่นเองครับ

    ตนจงหมั่นเตือนใจตน ไม่หลงกลในกิเลสมายา
    ตนจงเตือนกายตน ไม่คละคนในกามมายา

    ที่สุดแล้วไม่มีใครจะเตือนตัวเราได้เท่ากับเราเตือนตัวเราเองครับ

    จงหมั่นตักเตือนตนเพื่อความไม่ประมาทครับ สาธุ
     
  7. Surasawadee

    Surasawadee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    รบกวนคุณTJS ดูให้หน่อยค่ะ

    ส่งข้อความไปใน inbox รบกวนคุณ TJS ดูให้หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าได้รับมั้ยคะ เพิ่งเคยส่งครั้งแรกค่ะ
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    โบราณกล่าวว่า การมาเกิดที่ดีที่สุดและประเสริฐที่สุดคือการได้มาเกิดใต้ร่มพระบารมีที่บังเกิดมีพระพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้ ได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธองค์

    แต่การมาเกิดที่ดีที่สุดและประเสริฐที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือการได้มาเกิดใต้ร่มพระบารมีของพระมหาโพธิสัตว์ เพราะด้วยคุณความดีด้วยบุญบารมีของพระมหาโพธิสัตว์ ย่อมยังประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์มากมายอเนกอนันต์เช่นกัน ดังนั้น เราท่านทั้งหลายที่ได้เกิดมาในสยามประเทศ ภายใต้ร่มบรมโพธิสมภารแห่งในหลวงรัชกาลที่๙ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดเช่นกัน เพราะการมาเกิดของพระมหาโพธิสัตว์ นั้นยาวนาน ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย หาได้ยาก เช่นนี้จึงถือว่าเราท่านทั้งหลายโชคดีมาก

    ดังนั้น จงระลึกไว้เสมอ และจงน้อมนำเอาหลักคำสอนของพระมหาโพธิสัตว์ จงเดินตามรอยพ่อหลวงสืบไป อันเป็นแนวทางและแบบอย่างในการดำเนินชีวิต สืบไป ซึ่งจะส่งผลให้ชีวิตของท่านประสพแต่ความสุข ความเจริญให้เกิดขึ้นแก่ตนเองแก่ผู้อื่นและสังคมสืบไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2016
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ขอนอบน้อมด้วยเศียรเกล้า แด่ท่านพ่อหลวง ผู้เป็นพระมหาโพธิสัตว์
    [ตรงตามพุทธทำนาย ในกึ่งพุทธกาล จะมีพระมหาโพธิสัตว์มาจุติถือกำเนิด เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่มหาชน แก่โลก และยังเป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดพระศาสนา]

    บัดนี้ พระองค์ได้จากไปแล้ว ข้าพระพุทธเจ้า ขอร่วมแรงใจ ส่งพระดวงจิตของพระองค์กลับคืนสู่ ดุสิตทิพยวิมาน เสวยทิพยสมบัติ สืบไปครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. tomoya_519

    tomoya_519 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    รบกวนเช็คกล่องข้อความส่วนตัวด้วยครับ...._/\_
     
  11. tomoya_519

    tomoya_519 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    รบกวนเช็คข้อความส่วนตัวหน่อยครับ.........
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    สัปดาห์นี้ผมมีงานตรวจต่ออายุของISOของโรงงาน และติดภาระหลายอย่าง

    จึงขออภัยในการตอบคำถามที่ต้องล่าช้า ชะลอไปก่อนครับ

    โดยจะว่างหรือสะดวกในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไปครับ สาธุ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    มีบางท่านอยากทราบว่า

    ท่านพ่อหลวงในหลวงของเราท่านไปเสวยทิพย์สมบัติชั้นดุสิต นั้น ท่านได้เสวยกายทิพย์แบบใดอย่างไร

    ในศุภนิมิตร ของกระผม จากที่ผมได้เห็นนั้น

    ในดุสิตชั้นภพ กว้างใหญ่ไพศาล สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน มีแสงสว่างระยิบระยับงดงาม

    ท่านพ่อหลวงในหลวง ท่านมีรัศมีออกจากกาย รูปร่างท่านเป็นชายหนุ่ม ไม่สวมแว่น พระวรกายดุจทองคำ รัศมีกายมีสีรุ้ง7สีสว่าง ท่านทรงชุดแบบกษัติย์ขัติยะราชแบบพระโพธิสัตว์ ทรงพระขรรค์พระหัตถ์ขวา พระหัตถ์ซ้ายทรงพระตรีจักร

    ถ้าหารูปที่ใกล้เคียงก็เห็นจะเป็นรูปนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2016
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    เหตุใด ปิติ ที่เกิดมีแก่พระพุทธเจ้าจึงมีมากมาย

    เหตุใด ปิติ ที่เกิดมีกับท่านพ่อหลวงในหลวง จึงมีมากมาย

    คำตอบคล้ายหรือเหมือนกันคือ

    เพราะอานุภาพแห่งพระมหากรุณาธิคุณ พระมหาเมตตาบารมีทรงแผ่ไพศาลแก่สรรพสัตว์

    จิตน้อยใหญ่ เมื่อเปิดรับกระแสจิตอันเป็นพลังจิต ที่เรียกว่าพลังมหาเมตตาบารมีนี้ ย่อมรับรู้และเกิดปิติมากมาย ส่งผลให้กายใจเกิดความตื้นตันใจ เป็นที่สุดอย่างยิ่ง

    นี่คือสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์ ทุกพระองค์ จะมีอานุภาพแห่งพลังบารมีเป็นเช่นนี้

    ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นความจริงปกติที่จะเกิดขึ้นได้ แต่เกิดขึ้นได้ยากเท่านั้นเอง

    เช่นนี้แล้ว เมื่อเราสัมผัสได้แล้วถึงแล้วรับรู้แล้ว จงระลึกในจิตเสมอว่า เราควรจะต้องสนองคุณความดีต่อท่านพ่อหลวงในหลวงอย่างไร

    การเดินตามรอยพ่อหลวง ในการดำรงค์ชีวิตอย่างพอเพียง เป็นหลักแห่งความไม่ประมาทในทางโลก แฝงด้วยธรรมอันลึกซึ้ง
    เพราะความพอเพียงแท้จริงคือทางสายกลาง มีความสันโดษ และไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต เพราะแท้จริง ชีวิตก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากนอกจากปัจจัยที่สำคัญเพื่อประโยชน์เท่านั้นเอง ทางสายกลางในความพอเพียง ยังเอาชนะโลกธรรม8ได้ด้วยเพราะเข้าใจในวิถีแห่งชีวิต

    เมื่อชีวิตอยู่บนความพอเพียงกิเลส อวิชาก็ถอนออกได้มากยิ่งขึ้น มันไม่ได้อยากมีอยากได้จนเกินวิสัยที่ควรเป็น ที่สุดย่อมมีดวงตาเห็นธรรม ปรับสภาพชีวิตเห็นทุกข์เห็นสุข มรรคในองค์8 ย่อมปรากกฏชัดเจน ในที่สุดย่อมเป็นผู้อยู่เพียงพอในรูปนามปล่อยวางตามสภาวะอย่างไม่ประมาท ย่อมพบสุขที่เป็นบรมสุข ได้ครับ สาธุ
     
  15. VisionPower

    VisionPower เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,168
    ค่าพลัง:
    +485
    ตรีจักร์ หมายถึง ราชวงศ์จักรี นั้นเอง ..
    ซึ่งการที่ท่านยังถืออยู่นั้น ก็มีความหมายบ่งบอกว่า ท่านยังดูแลราชวงศ์อยู่

     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    เทศกาลทอดกฐิน ขอทุกท่านจงขนขวายและหาทำบุญ


    เพราะเลย16 นี้ไปแล้วก็จะหมดเวลาของการทอดกฐิน รอปีหน้าถึงจะได้มีโอกาสทำ

    บุญกฐินยิ่งใหญ่ อย่าพลาด ต้องทำทุกปี ทำแล้วมีอานิสงค์มาก


    ทสำหรับผมร่วมทำไปหลายที่ และในปลายสัปดาห์นี้ ก็มีอีก2วัดต้องไปทำ

    จึงขอให้เราทุกท่าน ตั้งใจทำบุญด้วยจิตใจอันดีงามขาวสะอาด เพื่ออานิสงค์อันยิ่งใหญ่ที่จะเกิดตามมาให้ผลครับ สาธุ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    มีตำรา จากนักเขียนชื่อดังระดับประเทศท่านหนึ่ง เขียนตำราว่า


    อนัตตาทำไมยังมีกรรม ไหนว่าอนัตตาไม่มีตัวตน

    =================

    การเขียนหนังสือธรรม ว่าด้วยสัจธรรม และพระสัทธรรมคำสอนที่เป็นคำสอนชั้นสูงโลกุตระสภาวะ

    เมื่อก่อนผมเคยคิดจะเขียน แต่ก็ล้มเลิกไปเพราะไม่อยู่ในฐานะอันควร

    เพราะหากเราไม่รู้จริงจากการปฏิบัติได้จริงเข้าถึงจริงรักษาได้จริง ก็ไม่อาจแต่งหรือเขียนขึ้นมาสอนใคร เพราะธรรมวิปลาสนั้นเป็นบาปหนักอย่างหนึ่ง


    ดังนั้นสิ่งที่ควรทำความเข้าใจคือการศึกษาเรียนรู้ปฏิบัติธรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่เร่งงรีบ เพื่อเราจะได้เก็บตกรายละเอียดให้ได้มากที่สุดเพื่อการเก็บเกี่ยวประสพการณืไปแนะนำผู้อื่นในอนาคต

    ส่วนท่านที่มุ่งตรงต่อพระนิพพาน จงเลือกทางที่เหมาะกับตน แล้วอบรมตน้วยวิริยะ ย่อมสำเร็จได้ในที่สุดครับ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    กรรมเป็นส่วนของกรรม
    อนัตตาก็เป็นส่วนของอนัตตา อันแยกเป็นคนละส่วนกัน แม้อยู่รวมกันมันก็แยกส่วนกันชัดเจนภายในจิต
    อนัตตาไม่มีตัวตน ความไม่มีตัวตน ภาษาธรรมคือความไม่ยึดติด พูดง่ายๆคือความว่าง
    ความว่างมีหลายสภาวะ ทุกสภาวะแม้จะว่างแต่อาจจะว่างไม่เหมือนกัน ที่ไม่เหมือนกันคือสภาพของจิตที่ว่างต่างกัน สภาพของปัจจัยที่ทำให้ว่างต่างกัน
    ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดแยบคายมาก
    สุดท้าย ความเป็นอนัตตาของพระอรหันต์ย่อมมีที่สุดส่วนเดียวกันเหมือนกัน คือว่างจากทุกข์ และว่างจากกรรม ว่างจากวิบาก ทั้งปวงด้วยเช่นกันครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2016
  19. wan_winny

    wan_winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +216
    คุณก้องคะ มีเรื่องรบกวนถามคะ

    ถ้าเราอยู่กับพี่สาวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เราควรไป หรือเราควรบอกให้เขาไป (บ้านที่อยู่เราเป็นเจ้าของ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ความทุกข์ในชีวิตที่เกิดขึ้น

    หากมองหรือคิดให้ดีจะพบว่า

    สิ่งไหนสิ่งใดก็ตามที่เราทำลงไป ถ้ามันดีจริง มันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกลับคืนมาเสมอ

    แต่ถ้าทำแล้ว มันให้ผลที่ไม่ดี เป็นทุกข์ทั้งกายใจ มีอุปสรรคปัญหามากมายตามมาให้ผล
    แบบนี้แสดงว่า สิ่งที่เราทำไป ย่อมไม่ดีแน่นอน

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก่อนที่ทำ พูด คิด สิ่งใดลงไป ให้จงมีสติให้มาก สติที่ว่าคือการเอาสติและปัญญาเข้าไปพิจารณาที่ผลที่สิ่งเหล่านั้นด้วย ว่าหากทำอย่างนี้ไปแล้วจะได้รับผลอย่างไร เมื่อก่อนทำได้พิจารณาผลที่จะได้รับทุกครั้ง เมื่อนั้นจะเราก็จะไม่ทำอะไรที่ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีกับเรา เพราะเราเลือกแล้วที่จะทำเฉพาะสิ่งที่ทำแล้วให้ผลที่ดี นั้นคือเราเลือกทำแต่เหตุที่ดี เมื่อเลือกทำแต่เหตุที่ดีผลที่ได้รับก็จะต้องดี เพราะกรรมย่อมให้ผลซื่อต่รงเสมอไม่เป็นอื่นอันเป็นกฏแห่งกรรมครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...