เมื่อเข้าถึงความไม่มีเรา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย bigtoo, 18 กันยายน 2014.

  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    เมื่อเขาถึงสภาวะดับกายสังขาร ความว่างนั้นก็ไม่ใช่เราเป็นเพียงสภาวะความว่าง รู้ว่าว่างก็ไม่ใช่เรารู้ เป็นเพียงธาตุรู้ ตัวเราก็ไม่มี ของเราก็ไม่มี มีแต่เพียงธรรมทั้งหลายเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป ไม่มีตัวตน บุคคลเราเขา อุปทานในสิ่งทั้งหลายก็จะค่อยๆหมดไป นี่คือปัญญา ปัญญาญานเท่านั้นที่จะดับกิเลสได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  2. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เพียงเห็นคนว่าไม่ใช่คน เท่านี้แหละต้องถึงความบรรลุได้อย่างแน่นอนอย่างไม่ต้องสัย
     
  3. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    กายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร(หรือจิตสังขาร)
    กายสังขาร คือ กายสัญเจตนา 20 ดวง (จิตที่ทำงานร่วมกับกาย)
    ได้แก่ กามาวจรกุศล 8 ดวง และอกุศล 12 ดวง ที่เป็นไปในกายทวาร
    วจีสังขาร คือ วจีสัญเจตนา 20 ดวง
    ได้แก่ กามาวจรกุศล 8 ดวง และอกุศล 12 ดวง ที่เป็นไปในวจีทวาร
    จิตตสังขาร คือ มโนสัญเจตนา 29 ดวง
    ได้แก่ โลกียกุศลเจตนา 17 ดวงและโลกียอกุศลเจตนา 12 ดวงที่เป็นไปแล้ว (เกิดขึ้น)

    แล้วก็ดับวิญญาณไปด้วยล่ะมั๊ง... และดับสังขารขันธ์ไปทั้งหมดทั้งสิ้นเลย
    ถึงจะดับตัวเราไปได้.. ไม่งั้นมีฤทธิ์นะ ไม่ชอบไม่ใช่เหรอฤทธิ์อ่ะ ไม่ชอบก็ต้องดับตัวรู้ไปด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  4. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    3ตัวนี้ อันไหนดับก่อนกันเหรอ
     
  5. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    เรียงกันลงมาแหละ

    ..
    ดับกายแล้วดับจิตไม่ได้ เดี๋ยวเขาเอากายละเอียดไปเที่ยวได้
    เพราะวิญญาณาหาร พร้อมทำงาน สามารถเกิดนามรูปอีก ไม่หมดเหตุปัจจัย

    อาหาร มี 4 ประเภท ดังนี้
    1.กพฬิงการาหาร อาหารคำๆ
    2.ผัสสาหาร หมายถึง ผัสสเจตสิก ซึ่งเป็นปัจจัยให้สัมปยุตธรรมเกิดขึ้น นำมาซึ่งเวทนา
    3..มโนสัญเจตนาหาร หมายถึง กรรม ทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม นำมาซึ่งปฏิสนธิวิญญาณ
    4.วิญญาณาหาร หมายถึง ปฏิสนธิวิญญาณ ย่อมนำมาซึ่งนามรูป และจิตอื่นๆที่นำมาซึ่งผล คือ นาม รูป หรือว่า นาม หรือ รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  6. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านดับอะไรบ้างได้มั้ยครับช่วยเล่าให้ฟังหน่อยซิ รูสึกว่าวจีสังขารจะดับก่อนนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  7. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    เล่นบอร์ดมาหลายปีแล้วนี่นา
    คุยกันก็มากเนอะ
    คลุกคลีกันมานาน ดูไม่ออก บอกไปแค่คำพูดในครานี้
    จะมีประโยชน์อะไร คำถามซ้ำซากๆ ถามอยู่ได้
     
  8. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่าเรียงผิดอ่ะ วจีดับก่อนนะ
     
  9. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ก็ชอบมาถามซ้ำๆ ว่าดับอะไรมาบ้าง.. เป็นพระอริยะหรือ?
    ทีหลังก็ถามให้ครบซิ


    ในกรณี สัญญาเวทยิตนิโรธ..
    เออ.. คุ้นอยู่ ว่าวจีดับ กายดับ สัญญาเวทนา(จิตสังขาร)ดับ..

    ขอเวลาค้น เรี่องสมาธิทั่วไปอะไรดับก่อน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  10. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    [๕๖๔] จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ดีละ ท่านผู้เจริญ ดังนี้แล้ว ได้ถามปัญหา
    ยิ่งขึ้นไปอีกว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ธรรม
    เหล่าไหนดับก่อน คือ กายสังขาร วจีสังขาร หรือจิตตสังขารดับก่อน ฯ
    กา. ดูกรคฤหบดี เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ วจีสังขารดับก่อน
    ต่อจากนั้นกายสังขารดับ ต่อจากนั้นจิตตสังขารจึงดับ ฯ
     
  11. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ในสัญญาเวทยิตนิโรธ กายจะดับเหมือนตาย เหมือนคนตาย
    ใช้เวลาตามจิตอธิษฐาน
    ทำได้เฉพาะพระอริยะระดับพระอนาคามี(คล่องฌาน) ขึ้นไป

    ..
    ในสมาธิทั่วไป ..จะเหมือนหรือต่างแค่ไหน ขอเวลาค้น
    ถ้ายังออกท่องเที่ยวได้ วจีจะดับได้อย่างไร..?
    น่าจะเป็น กายหยาบดับ แต่คงคิดไม่หยุดล่ะ

    แล้วกายสังขาร เจตสิกของของกายหยาบ กายละเอียด
    ต่างไหม ถ้าไม่ต่าง อาจจะพูดแค่ว่า กายดับแล้วจิตดับ
    ส่วนในรายละเอียด ก็ยังเป็น วจีดับ กายดับ จิตดับ. ??ในขั้นตอนดับขันธ์??
    ซึ่ง แน่นอน โลกียฌาน ยังหยุดคิดไม่ได้แน่ วจีทำงานแน่
    แล้วเจตสิกของกายสังขารตัวนี้ เหมือนหรือต่างในกายหยาบ กายละเอียด
    ก็ไม่น่าจะเป็นคนละตัว อย่างนั้น กายสังขารทางจิต ก็อาจใช้ในกายละเอียดต่อ..
    แสดงว่า กายไม่ได้ดับ... ??

    ต้องไปคิดก่อนนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  12. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    วจีสังขารให้คำกำจัดความว่า วิตกวิจาร วิตกวิจารน่าจะดับตั้งแต่ฌาน2นะ
     
  13. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    เพราะการเข้าไปเห็นธรรมชาติหนึ่ง อาศัยธรรมชาติหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งธรรมชาติที่อาศัยเกิดนั้นมีสภาพไม่เสถียร ดิ้นรน พยายามเติมเต็ม ธรรมชาติหนึ่งนั้นก็ย่อมมีสภาพเดียวกัน มีความไหลเรื่อยไป ไม่จบสิ้น ธรรมชาติเหล่านี้ที่มนุษย์ทุกคนมีความรู้สึกว่าเป็นตัวตน ตัวกู ของกู ขึ้นมา(อวิชชา) จนกว่าจะเข้าไปเห็นธรรมชาตินี้ อย่างเดียวกับพระพุทธเจ้า จึงจะละความเห็นจากความรู้สึกว่าเป็นตัวตนได้ครับ
     
  14. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ถ้าเห็นตัวเองว่าไม่ไช่คนแล้วตัวเองเป็นอะไรกันนะ
     
  15. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ทุกคนเป็นคน
    ทุกคนเป็นมนุษย์
    เราเป็นคนคนอื่นเป็นมนุษย์
    เราเป็นมนุษย์คนอื่นเป็นคน
    เราเป็นทั้งคนทั้งมนุษย์คนอื่นก็เป็นทั้งคนทั้งมนุษย์
    เราและคนอื่นเป็นคน
    เราและคนอื่นเป็นมนุษย์
    อย่างไหนคือความจริง
     
  16. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    นั่นนะซิ!...

    ผู้ที่ปฏิบัติเข้าถึงธรรม คือความเป็นอนัตตา ย่อมเห็นคน ไม่ใช่คน
    เห็นเป็นเพียง ธาตุ ๔ มาประชุมพร้อมกันเกิดขึ้นหาคนมีไม่ ธาตุ ๔ มาประชุมพร้อมกัน
    ที่เราเรียกว่าสัตว์บุคคล เรา เขา นั้นเป็นเรียกบัญญัติขึ้นให้รู้ว่า ธาตุ ๔ นี้คน
    ธาตุ ๔ นี้คือสัตว์ ธาตุ ๔ นี้คือผู้หญิง ธาตุ ๔ นี้คือผู้ชาย เป็นต้น ล้วนแล้วเป็นสิ่งสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น

    เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔ ย่อมคลายความยึดมั่นถือมั่นจากตัวตนคือ ตัณหาทิฎฐิ
    ย่อมก้าวเข้าสู่ความเบื่อหน่ายใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นที่อาศัยเกิดของตัวอุปาทาน
    นั่นแหละย่อมเห็นความว่างจากตัวตนก้าวเข้าสูความเป็นอนัตตา...ดังนี้
     
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ..ไม่ได้ว่า จขกท แสดงความเห็นผิดนะครับ แต่ สัมมาทิฎฐินั้น ย่อมยาก และ ต้องโยนิโสมนสิการ ด้วย ตนเอง...................อริยมรรค มีองค์แปด อันเริ่มด้วยสัมมาทิฎฐิ นั้นแหละ ถึงจะเป็นไปได้.....................สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา...สิ่งใดเกิดแต่เหตุ พระสอนเหตุเกิดและเหตุดับของสิ่งนั้น.....สิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี เพราะความเกิดขึ้นของสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น สิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ เพราะความดับลงของสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับลง.........สังเกตุใหมครับทำไม สิ่งนี้ จึงเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา...เพราะสิ่งนี้คือ สัมมาทิฎฐิในนัย หนึ่ง ความเข้าใจในอิทัปปัจจัยตา ปฎิจสมุปบาท .....:cool:หมายเหตุ เคยมี ลัทธิหนึ่งร่วมสมัยกับพระพุทธศาสนา ในสมัย นั้น เชื่อว่า ร่างกายเป็นเพียงธาตุ ที่สามารถ ทิ่มแทงศาสตราผ่านร่างใครก็ได้โดยไม่ผิด!!! น่ากลัวใหมล่ะ!!! เพราะฉนั้น ทำความเข้าใจ คาถา เยธัมมาเหตุปัพวา หรือ อิทัปปัจัยตา ให้ เข้าใจ นั้นแหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2014
  18. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
    (คือเป็นข้อสันนิษฐาน ไม่ได้ยืนยัน..)

    ต้องขออภัย ที่ยังสับสนระหว่างกายหยาบกายทิพย์(กายละเอียด)

    อย่างนั้น แม้นในสมาธิทั่วไป
    ก็น่าจะเป็น วจีสังขารดับ กายสังขารดับ จิตสังขารดับ
    ซึ่งเป็นขบวนการทางจิต จิตที่ทำงานกับวจี กับกาย และกับจิตเอง ค่อยดับไป
    ในรูปฌาน ที่คิดว่าถอดจิต ที่จริงเป็นการถอดกายละเอียด มีกายออกไปด้วย(กายทิพย์) กายยังไม่ดับ กายละเอียดยังทำงาน คือกายกับจิตจะทำงานร่วมกัน ที่ว่าท่องเที่ยวไป จึงยังมีอายตนะและผัสสะที่กายกับจิตทำงานร่วมกัน(ภวังคะจลนะ) สร้างภพชาติไม่หยุดหย่อน ..ซึ่งฌานนี้จะขึ้นลงระหว่างฌาน 1-4 อย่างรวดเร็ว ทำให้ยังมีวจีและกายอยู่(ยกเว้นพวกไต่ขึ้นไปอย่างเดียวเรื่อยๆเป็นลำดับ..) และหากกำลังตก ก็จะหลุดออกมาจากฌานได้ (ส่วนมโนมยิทธิครึ่งกำลังใช้เพียงอุปจาระ)
    แต่ถ้ามีกำลังฌานขึ้นไปจริง วจีดับ กายดับ ขึ้นไปในอรูปฌาน..
    กายดับ จึงเข้าสู่อรูป.. แต่สัญญาเวทนา ยังทำงาน คือยังมีจิตสังขาร
    ในอรูป4 ไม่น่าจะคิดอะไรได้เลย
    1 อากาสานัญจายตนะ
    2 วิญญาณัญจายตนะ
    3 อากิญจัญญายตนะ
    4 เนวสัญญานาสัญญายตนะ
    ...ถ้าคิดได้ก็คือฌานตกลงมา(ไม่แน่ใจ อาจขึ้งลงระหว่างฌานเหมือนในรูปฌาน แต่เขาว่าเข้าอรูปแล้วออกยาก..ไม่ทราบเหมือนกัน..? จิตจะมีกำลังดีปานนั้นเทียวหรือ?..)

    จนจิตสังขารดับ ก็ยังมีวิญญาณ
    ดับวิญญาณ ก็คือจิตดับด้วย อยู่เหนือรูปนาม ไม่มีอัตตา(ขันธ์ห้า) จึงเป็นความว่างไปจากขันธ์ห้า
    ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2014
  19. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    สี่ข้อนี้ คืออาหารที่หล่อเลี้ยง เรา
    ควรไม่มีอาหาร หรือ ควรไม่มีเรา
    ควรทำลายอาหาร หรือ ควรไม่เสวยอาหาร
    ควรไม่เสวยอาหาร หรือ ไม่ควรมีผู้เสวยอาหาร

    อ่านจบแล้วไม่ต้องคิดเองหรอกนะ อยู่เฉยๆ รู้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2014
  20. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    รู้ว่า นี่คือ อาหาร
    รู้ว่า นี่คือ ผู้เสวย

    รู้แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดต่อเติมให้เป็นเรื่องราว ให้อาหารแยกอยู่อย่างนั้น ให้ผู้เสวยแยกอยู่อย่างนั้น ......ตลอดไป พอไว้แค่นี้ นะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...