"...เราบอกตรงๆ ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา..."

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 9 มกราคม 2007.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ประกาศกระทู้นี้ไม่ได้ปรามาสอะไรทั้งนั้นแต่จากจะประกาศความจริง
    หลวงตาบอกว่า "พูดไปเลย ความจริงคือความจริงธรรมคือธรรมเราไมสงสัยในธรรม คนหนูหนาตาบอดจะพูดอไรช่างมัน จึงให้โลกรู้โดยทั่วกัน"



    "...เราบอกตรงๆ ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา..."


    [​IMG]

    <!--MsgIDBody=0-->
    พระธรรมเทศนาโดยพระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๙


    หัวหน้าที่เป็นอรรถเป็นธรรมให้ฟัง


    สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ทองคำที่หลอมแล้วได้ ๓๓๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๒๗ แท่ง แท่งหนึ่งน้ำหนัก ๑๒ กิโลครึ่ง ๒๗ แท่ง ทองคำที่ยังไม่ได้หลอม ๑๘ กิโล ๕๔ บาท ๔๗ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมได้ ๓๕๖ กิโล ๒๑ บาท ๕๘ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบแล้วเข้าด้วยกันก็เป็นจำนวนทองคำ ๓๙๓ กิโล ๕๔ บาท ๔๗ สตางค์

    เราพยายามทุกวิถีทาง ตั้งแต่ได้ประกาศออกช่วยชาติกับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้เราไม่ได้ลดหย่อนนะ พยายามทุกวิถีทางที่สมบัติจะเข้าสู่คลังหลวงอันเป็นหัวใจของชาติเรา เราได้พยายามทุกวิถีทางแล้ว ทองคำก็ได้ตั้ง ๑๑ ตันกับ ๓๙๓ กิโล ๕๔ บาท ๔๗ สตางค์ นี่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเครื่องหมายของการช่วยชาติเราได้เป็นอย่างดีนะ ทองคำ ๑๑ ตันเป็นของเล่นเมื่อไร ฟังซิว่าทองคำได้น้ำหนัก ๑๑ ตันกับ ๓๙๓ กิโล ๕๔ บาท ๔๗ สตางค์ และดอลลาร์เข้า ๑๐ ล้านกว่า นี่ที่เข้าเป็นชิ้นเป็นอันในคลังหลวงของเรานะ

    นอกจากนั้นแตกกระจายออก ล้วนแล้วตั้งแต่เกิดขึ้นในเวลาเราช่วยชาติคราวนี้แหละ เงินสดนี้ออกทั่วประเทศไทยออกช่วย หลวงตานี้ไม่เอา บอกแล้ว บอกว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอื่น..หลวงตา พูดจริงพูดจังทุกอย่าง เวลาจริง จริงๆๆ ถ้าเวลาเล่นซัดกับหมานี่ใครมายุ่งไม่ได้นะ นี่ละภาษาคำพูดนี้ เราพูดนอกโลก เราพูดให้สมมุติฟัง ออกจากธรรมนอกสมมุติมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง พูดแล้วจึงไม่มีอารมณ์ จะพูดหนักพูดเบาอะไรๆ ก็พูดนอกโลกๆ นอกสมมุติไปหมด เราจึงพูดได้อย่างสบายๆ

    พอเด็กๆ เขามาด้อมแด้มๆ เข้ามานี้สองตัวสามตัว พอเขามาเสร็จแล้ว เอาของแล้วไปเข้ากรง ไล่เข้ากรง อย่างนั้นก็ทำได้พูดได้ทุกอย่างเรา เป็นอย่างนั้นละอำนาจเมตตาธรรม ที่พูดเหล่านี้ไม่ปราศจากเมตตานะ เมตตาติดแนบตลอดเลย ไม่ว่าจะพูดแบบไหน นี่เมื่อมันเป็นหลักธรรมชาติ จิตนี่เมื่อเป็นหลักธรรมชาติแล้วอ่อนนิ่มไปหมดเลย ไม่มีคำว่าเป็นกรรมเป็นเวรกับผู้ใด ใครจะมาฆ่าตายก็ตายไปเฉยๆ ที่จะให้มีก่อกรรมก่อเวรกับผู้หนึ่งผู้ใดเท่าเม็ดหินเม็ดทรายไม่มี นั่นละธรรมชาติธรรมแท้เป็นอย่างนั้น

    เราช่วยชาติของเราคราวนี้ก็รู้สึกว่าเป็นชิ้นเป็นอัน เห็นได้ชัดเจนมากทีเดียว เช่นอย่างทองคำตั้ง ๑๑ ตัน ๓๙๓ กิโล เศษไปอีก ๕๔ บาท ๔๗ สตางค์ ยังจะเพิ่มเข้าเรื่อย เป็นประเภทน้ำไหลซึมเข้าไปเรื่อยๆ เราพยายามทุกอย่างกับพี่น้องชาวไทยเรา เราช่วยนี้เราพิจารณาเรียบร้อยแล้วเราถึงออกนะ ไม่ใช่ออกสุ่มสี่สุ่มห้านะ ทุกอย่างเราได้พิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยออกๆ ปรากฏว่าบริสุทธิ์เต็มที่ตลอดมา ไม่มีด่างพร้อยเลย เราก็ตำหนิตัวเราเองไม่ได้ที่ช่วยพี่น้องทั้งหลายว่ามลทินที่ตรงไหนไม่มีเลย เราช่วยอย่างสุดหัวใจทุกอย่าง

    เพราะงั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายรักชาติและพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ให้ฟังหัวหน้า หัวหน้าที่เป็นอรรถเป็นธรรมเอาให้ฟัง ไอ้หัวหน้าโกโรโกโสอย่าไปฟังนะ มันจะเอาตับเอาปอดชาวไทยของเราไปกินหมด ไม่มีเหลือละ ยกใครขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นยักษ์ใหญ่ๆกินบ้านกินเมือง ศาสนาเป็นผู้ใหญ่เป็นอย่างไรกินไหมกินบ้านกินเมือง ท่านทั้งหลายดูเอา ยกเป็นตัวอย่างขึ้นมาก็หลวงตาบัวนี้แหละ ไม่เคยแตะแม้เม็ดหินเม็ดทราย เข้าหมดเลยเชียว นี่ต่างกันไหม ธรรมนำโลกกับโลกนำโลกมันต่างกันอย่างไรบ้าง พิจารณาซิ

    โลกนำโลกตับปอดพี่น้องชาวไทยจะไม่มีเหลือ เอาใครมาเป็นใหญ่ก็เอายักษ์ใหญ่ขึ้นมากินบ้านกินเมืองจนไม่มีตับปอดเหลือแล้วในชาติไทยเรา ให้ศาสนานำนี้เพิ่มตับเพิ่มปอดตลอดเวลา ไม่มีคำว่าเอาออก มีแต่เอาเข้าเรื่อยๆๆ ทุกชิ้นทุกอัน เราพยายามเสาะแสวงหา เพราะเรานี้..ก็เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วว่าเราพอทุกอย่างแล้ว พออย่างเลิศเลอในหัวใจด้วยนะ เพราะฉะนั้นจึงไม่เอาอะไรมาเพิ่มเติมได้ คำว่าเพิ่มเติมไม่ได้เลิศเลอเท่ากับคำว่าพอใจหัวใจนี้ <!--MsgFile=0-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->รักคนชื่อจี๊ด [​IMG][​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->21 ธ.ค. 49 11:51:57 <!--MsgIP=0-->]

    -----------------------------------------------------------
    ต่อ............

    เราจึงช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มกำลังความสามารถเวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วย เปิดออกให้เต็มยันสำหรับธรรมเป็นธรรมชาติที่เปิดเผย ไม่มีลี้ลับ ไม่คดไม่โกง ไม่รีดไม่ไถใคร ธรรมตรงไปตรงมา จึงเป็นที่ยอมรับของโลกทั่วๆ ไปได้ เป็นอย่างนั้น เราพูดตามหลักความจริง เราช่วยโลกเราช่วยจริงๆ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ดีดดิ้นอยู่เวลานี้ก็เพื่อพี่น้องทั้งหลาย เราเองไม่เอา เราพอแล้ว พออย่างเลิศเลอเสียด้วยในหัวใจ สิ่งที่จะมาเพิ่มเติมอีกไม่ได้เลิศเลอพอที่เราจะเอามาเพิ่มของเลิศเลออยู่แล้ว เพราะงั้นเราจึงไม่เอา

    การช่วยช่วยเต็มกำลังความสามารถ ในชีวิตนี้เราช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มกำลัง ด้วยความเมตตานะไม่ใช่อะไรนะ ความเมตตานี้สำคัญมากทีเดียว ไม่มีอะไรละติดเนื้อติดตัว ความเมตตากวาดออกๆ หมด ไม่มีอะไรติดตัว เหลือตั้งแต่ใจอันเดียวกับธรรมเป็นอันเดียวกันนี้เท่านั้นละ ขอให้พี่น้องทั้งหลายมีความรักชาติและมีความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน แล้วฟังหัวหน้า

    หัวหน้าที่เป็นอรรถเป็นธรรมเอายอมตายด้วยกันเลย ถ้าไม่เป็นอรรถเป็นธรรมท่านทั้งหลายก็ทราบแล้ว ที่เป็นอรรถเป็นธรรมเอาทุ่มลงไปเลย หัวหน้าที่เป็นอรรถเป็นธรรมจะพาพี่น้องทั้งหลายจมให้เห็นสักทีหนึ่ง อย่างที่หลวงตาบัวนำพี่น้องทั้งหลายอยู่เวลานี้เอาให้เห็น ว่าหลวงตาบัวพาพี่น้องทั้งหลายจมด้วยความทุจริตนี่ไม่มี เม็ดหินเม็ดทรายก็ไม่มีในหัวใจของเรา นอกจากช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มอรรถเต็มธรรมเท่านั้น เต็มหัวใจเรา เราช่วยสุดขีดของเรา

    ตายเรานี้ก็ดีดเลย เราบอกตรงๆ ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา ประกาศป้างขึ้นมา สนฺทิฏฺฐิโก ขึ้นสุดยอด ขั้นสุดท้าย ระหว่างสมมุติกับวิมุตติตัดสินขาดสะบั้นไปจากกันคนละฝั่งแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ หลังวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลา ๕ ทุ่มเป๋ง นี่ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ นี้คือธรรม ไม่ได้โอ้ได้อวด เอาความจริงมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง

    ผลแห่งการอุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายมาเป็นเวลา ๙ ปีเต็ม ตั้งแต่พรรษา ๗ หยุดจากการเรียนแล้วเข้าหาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ท่านเทศนาว่าการให้เหมือนฟ้าดินถล่ม ฟังอย่างฟ้าดินถล่มเหมือนกัน ตั้งแต่บัดนั้นมาเอาชีวิตเข้าแลกเลย เรื่องความเพียรเอาเป็นก็เป็นตายก็ตาย ซัดกันเลย เป็นเวลา ๙ ปีเต็ม ตัดสินใจลงได้ที่หลังวัดดอยธรรมเจดีย์ จึงได้มาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ธรรมเป็นของจริงหรือไม่จริง หลอกโลกเหรอ บุญมีหรือไม่มี บาปมีหรือไม่มี ให้ฟังให้ดีนะ

    พระพุทธเจ้าสอนโลกไม่มีคำโกหกแม้เม็ดหินเม็ดทราย แต่กิเลสสอนโลกสอนหัวใจเราทุกหัวใจมีแต่เรื่องต้มตุ๋นๆ และเชื่อมัน ไม่มีการเข็ดหลาบอิ่มพอตลอดไปเลยละ เรื่องธรรมมันไม่อยากเชื่อนะ เพราะฉะนั้นมันจึงมีแต่ความล่มจมๆ ให้เชื่อธรรมซิ จอมปราชญ์คือใคร คือองค์ศาสดาไม่มีคำว่าโกหกโลกแม้เม็ดหินเม็ดทราย แต่กิเลสไม่ว่าโคตรว่าแซ่อะไรมันเป็นจอมโกหกของมัน โคตรแซ่จอมโกหก อยู่ที่หัวใจเรานั่นแหละ กิเลสอย่าเชื่อมันเกินไปนะ ให้เชื่ออรรถเชื่อธรรมแล้วจะมีหลักมีเกณฑ์

    การประพฤติเนื้อประพฤติตัว การอยู่การกิน การใช้การสอย อย่าฟุ่มเฟือย อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม อย่าลืมเนื้อลืมตัว เห็นเขามีก็อยากมี ตะเกียกตะกาย ตะกละตะกลาม ใช้ไม่ได้นะ เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธให้รู้จักความพอดีฐานะของตน อัตตัญญุตา ให้รู้จักกำลังวังชาของตน ชาติของตน อย่าดีดอย่าดิ้นกับเขาจนเกินไป ให้อยู่ในความพอดิบพอดี เรียกว่าธรรม อัตตัญญุตา คือรู้จักฐานะของตน เมืองของตน ชาติของตน อยู่ในขั้นใดให้ยินดีในขั้นนั้น อย่าตะเกียกตะกายจนทำชาติของเราให้เสีย ถ้าตะเกียกตะกายหามาเพิ่มถูก แต่ตะเกียกตะกายเป็นบ้าไปเฉยๆ แล้วทำบ้านเมืองให้ล่มจมไปด้วยกันนั้น มันเป็นยักษ์เป็นผีกินบ้านกินเมืองของตัวเองใช้ไม่ได้ ไม่สมชื่อสมนามว่าเราเป็นลูกชาวพุทธนะ ให้พากันจำให้ดี เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ละพอ



    รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

    www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

    และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

    -----------------------------------------------------------


    ๕. จตุตถปาราชิกกัณฑ์(ว่าด้วยปาราชิกสิกขาบทที่ ๔)

    เริ่มเรื่องว่า พระพุทธเจ้าประทับ ณ เรือนยอดในป่ามหาวัน ใกล้กรุงเวสาลี สมัยนั้นมีภิกษุหลายรูป ที่ชอบพอเป็นมิตรสหายกัน จำพรรษาอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา. สมัยนั้น เกิดทุพภิกขภัย๑ ในแคว้นวัชชี (ราชธานี ชื่อกรุงเวสาลี) ภิกษุทั้งหลายลำบากด้วยเรื่องอาหารบิณฑบาต จึงปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรดี.๒

    บางรูปเห็นว่า ควรช่วยแนะนำกิจการงานของคฤหัสถ์ บางรูปเห็นว่า ควรทำหน้าที่ทูต (คือนำความข้างนี้ไปบอกข้างนั้น นำความข้างนั้นมาบอกข้างนี้ (คล้ายบุรุษไปรษณีย์) บางรูปเห็นว่า ควรใช้วิธีสรรเสริญกันและกันให้คฤหัสถ์ฟังว่า ภิกษุรูปนั้นรูปนี้ มีคุณวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น ได้ฌานที่ ๑ ฌานที่ ๒ เป็นต้น จนถึงว่าได้เป็นพระโสดาบัน เป็นพระสกทาคามี เป็นพระอนาคามี เป็นพระอรหันต์ มีวิชชา ๓ มีอภิญญา ๖. เมื่อเห็นว่าวิธีหลังนี้ดี จึงเที่ยวสรรเสริญกันและกันให้คฤหัสถ์ฟัง จึงได้รับเลี้ยงดูจากคฤหัสถ์ชาวริมน้ำวัคคุมุทาเป็นอย่างดี มีผิวพรรณผ่องใส เอิบอิ่ม. เมื่อออกพรรษาแล้ว จึงเก็บเสนาสนะ เดินทางไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ณ กรุงเวสาลี.

    ปรากฏว่าภิกษุที่มาแต่ทิศทางอื่นล้วนซูบผอม ผิวพรรณทราม มีเส้นเอ็นขึ้นเห็นได้ชัด ส่วนภิกษุที่มาจากฝั่งน้ำวัคคุมุทา กลับอิ่มเอิบ อ้วนพี พระผู้มีพระภาคจึงตรัสถามทุกข์สุข และทรงทราบเรื่องนั้น จึงตรัสติเตียนและตรัสเรียกประชุมภิกษุทั้งหลาย ตรัสเรื่องมหาโจร ๕ ประเภท เปรียบเทียบกับภิกษุ คือ


    มหาโจร ๕ ประเภท
    ๑. มหาโจรพวกหนึ่งคิดรวบรวมพวกตั้งร้อยตั้งพัน เพื่อจะเข้าไปฆ่า, ปล้น, เอาไฟเผาในคามนิคมราชธานี. ต่อมาก็รวบรวมพวกตั้งร้อยตั้งพันเข้าไปฆ่าปล้น เอาไฟเผาในคามนิคม ราชธานี เทียบด้วยภิกษุบางรูปคิดรวบรวมพวกตั้งร้อยตั้งพัน เพื่อจะจาริกไปในคามนิคม ราชธานี ให้คฤหัสถ์และบรรพชิตสักการะ เคารพ นับถือ บูชา อ่อนน้อม และได้จีวร บิณฑบาต ที่อยู่อาศัย ตลอดจนยารักษาโรค ต่อมาก็รวบรวมพวกตั้งร้อยตั้งพันจากริกไปในคามนิคม ราชธานี มีคฤหัสถ์บรรพชิตสักการะ เคารพ นับถือ บูชา อ่อนน้อม และได้จีวร บิณฑบาต ที่อยู่อาศัย ตลอดจนยารักษาโรค. นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ ๑ (ซึ่งมีความปรารถนาลาภสักการะ แล้วก็ทำอุบายต่าง ๆ จนได้สมประสงค์).

    ๒. ภิกษุชั่วบางรูปเรียนพระธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ก็โกงเป็นของตนเอง (แสดงว่าตนคิดได้เอง ไม่ได้เรียนหรือศึกษาจากใคร). นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ ๒.

    ๓. ภิกษุชั่วบางรูปใส่ความเพื่อนพรหมจารีผู้บริสุทธิ์ ผู้ประพฤติพรหมจรรย์บริสุทธิ์ ด้วยข้อหาว่า ประพฤติผิดพรหมจรรย์ อันไม่มีมล. นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ ๓.

    ๔. ภิกษุชั่วบางรูปเอาของสงฆ์ที่เป็นครุภัณฑ์ ครุบริขาร (ที่ห้ามแจกห้ามแบ่ง) เช่น อาราม ที่ตั้งอาราม วิหาร ที่ตั้งวิหาร เตียง ตั่ง เป็นต้น ไปสงเคราะห์คฤหัสถ์ ประจบคฤหัสถ์ (พราะเห็นแก่ลาภ). นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ ๔.

    ๕. ภิกษุผู้อวดคุณพิเศษที่ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง ชื่อว่าเป็นยอดมหาโจรในโลก เพราะบริโภคก้อนข้าวของราษฎรด้วยอาการแห่งขโมย.

    ครั้นแล้วทรงติเตียนภิกษุชาวริมฝั่งน้ำวัดคุมุทาด้วยประการต่าง ๆ พร้อมทั้งทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน เมื่ออวดไปแล้ว แม้จะออกตัวสารภาพผิดทีหลัง ก็ต้องอาบัติปาราชิก.


    อนุบัญญัติ (ข้อบัญญัติเพิ่มเติม)
    สมัยนั้น ภิกษุหลายรูปสำคัญผิดว่าตนได้บรรลุคุณพิเศษ จึงประกาศตนว่าเป็นพระอรหันต์ (พยากรณ์อรหัตตผล) สมัยต่อมา จิตของเธอน้อมไปเพื่อราคะ โทสะ โมหะ ก็เกิดความรังเกียจ สงสัยว่า การประกาศตนว่าได้บรรลุคุณวิเศษ ด้วยความสำคัญผิด จะทำให้ต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่ ความทราบถึงพระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติเพิ่มเติม ยกเว้นให้สำหรับภิกษุผู้สำคัญผิดว่าได้บรรลุ.

    ต่อจากนั้น เป็นคำอธิบายตัวสิกขาบทโดยละเอียดแล้วแสดงอนาบัติ (การไม่ต้องอาบัติ) ๖ ประการ คือ ๑. เพราะสำคัญผิดว่าได้บรรลุ ๒. ภิกษุมิได้มีความประสงค์โอ้อวด (เช่น บอกเล่าแก่เพื่อพรหมจารี) โดยมิได้มีความปราถนาจะได้ลาภ) ๓. ภิกษุเป็นบ้า ๔. ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน (เป็นบ้าไปชั่วคราวเพราะเหตุใด ๆ) ๕. ภิกษุมีเวทนากล้า (ไม่รู้สึกตัว) และ ๖. ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ.


    วินีตวัตถุ (เรื่องที่ทรงวินิจฉัยชี้ขาด)
    ต่อจากนั้น แสดงตัวอย่างต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวด้วยการกระทำของภิกษุที่เนื่องด้วยสิกขาบทนี้ ประมาณ ๗๕ ราย ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงไต่สวนเอง ทรงวินิจฉัยชี้ขาดว่า ต้องอาบัติปาราชิกบ้าง ไม่ต้องอาบัติปาราชิกบ้าง ต้องอาบัติถุลลัจจัยบ้าง อาบัติทุกกฏบ้าง ตามควรแก่กรณี.

    (สรุปความว่า อาบัติปาราชิกมี ๔ สิกขาบท ต้องเข้าแล้ว ต้องขาดจากความเป็นภิกษุ แม้สึกไปแล้ว จะมาบวชใหม่อีก ก็ไม่ได้).


    ที่มา
    http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prawinai/1.5.html
    -----------------------------------------------------------

    ลองอ่านให้เข้าใจดูนะครับ โดยเฉพาะตรงตัวหนา การไม่ต้องอาบัติ
    สรุปว่า หลวงตามหาบัว ท่านไม่ได้กระทำผิดธรรมวินัย และไม่ต้องอาบัติแต่อย่างใดครับ <!--MsgFile=6-->
    ] <!--pda content="end"--><!--MsgFile=1-->
    จากคุณ : <!--MsgFrom=6-->McLeod
    [​IMG] - [ <!--MsgTime=6-->21 ธ.ค. 49 19:17:29


    -------------------------------------------------------------

    ที่มา

    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4982547/Y4982547.html<!--MsgIP=6-->


     
  2. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    น้ำหมากหลวงตา ที่แปรเป็นพระธาตุ
    และเกศาหลวงตาที่เก็บไว้ก็แปรเป็นพระธาตุแล้ว
    ภายหลังที่ฟันหลวงตาร่วง ก็แปรเป็นทันตธาตุแล้ว


    <!-- / message -->
     
  3. johot

    johot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +673
    สาธุๆ มหาอนุโมทนา สาธุ กับคนที่เขียน
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านเป็นพระที่ผมเคารพจริง ๆ
    เวลาท่านเทศน์ที่ซาบซึ้งกินใจมาก
    (ศิษย์พระป่ากรรมฐานสายพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
     
  4. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,212
    ค่าพลัง:
    +23,196
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...