*~ เรียนแพทย์แผนไทย ใครว่าเชย ~*

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ~:*พนมวัน*:~, 30 มกราคม 2013.

  1. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    http://blog.eduzones.com/futurecareerexpo/95758

    [​IMG]

    การแพทย์แผนไทย หรือ Thai Traditional Medicine เป็นศาสตร์ที่อธิบายภาวะต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งสภาวะปกติ และสภาวะที่ผิดปกติ หรือเป็นโรค โดยใช้ทฤษฎีความสมดุลของธาตุต่างๆ ในร่างกาย มาอธิบาย โดยผสมผสานภูมิปัญญาจากอินเดีย พุทธศาสนา และองค์ความรู้ที่พัฒนาขึ้นค่ะ

    บรมครูการแพทย์แผนไทย คือ ท่านชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์ประจำตัวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    กระบวนการของแพทย์แผนไทย จะเกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บำบัด หรือป้องกันโรค รวมถึง การส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์ หรือสัตว์ การผดุงครรภ์ การนวดไทย

    [​IMG]

    ตลอดจน การเตรียมการผลิตยาแผนไทย ประดิษฐ์อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ โดยอาศัยความรู้ หรือตำราที่ได้ถ่ายทอดและสืบต่อกันมาค่ะ

    นอกจากนี้ การแพทย์แผนไทย ยังอาศัยองค์ความรู้ด้านกลวิธีทางคลินิก เช่น การซักประวัติ และการรักษาด้วยยา ในปัจจุบัน สาขาวิชาชีพนี้ เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นทุกปี เพราะเอกลักษณ์และความน่าสนใจในตัวศาสตร์ค่ะ

    ที่ไหนบ้าง ที่มีการสอนสาขาการแพทย์แผนไทย ?

    เช่นที่ โรงเรียนภัทรเวชสยาม การแพทย์แผนไทย

    โรงเรียนภัทรเวชสยาม ::: การแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับการรับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ

    [​IMG]

    และยังมีอีกหลายแห่ง เนื่องจาก ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการผลิตบัณฑิต ในสาขาการแพทย์แผนไทยมากขึ้น มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการแพทย์แผนไทย มีดังต่อไปนี้ค่ะ

    - คณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    (หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการแพทย์แผนตะวันออก)

    - คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
    (หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการแพทย์แผนไทย)

    - คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี วิทยาเขตปทุมธานี
    (หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการแพทย์แผนไทย)

    - โครงการจัดตั้งคณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
    (หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการแพทย์แผนไทย)

    - วิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
    (หลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต สาขาการแพทย์แผนไทย)

    [​IMG]
     
  2. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    KKCC Gold ศูนย์ขุมทองเพื่อการลงทุน หอการค้าจังหวัดขอนแก่น: ยุโรปสนใจสมุนไพรไทยโกอินเตอร์

    [​IMG]

    กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ให้คนไทย หันมาใช้ยาแผนไทย ช่วงกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่อาเซียน โดยกลุ่มทางเอเชีย จะได้เปรียบดุลการค้า ซึ่งทางสหภาพยุโรป นำเข้าสมุนไพร เป็นอุตสาหกรรมหลักเพื่อสุขภาพ

    ด้านเวชศาสตร์ จึงเน้น อุตสาหกรรมสายหลักดังกล่าว โดยเฉพาะ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางยุโรปด้านวิทยาศาสตร์ เริ่มหันมาใช้สมุนไพรแถบเอเชีย หรือนิยมชอบอาหารเอเชียมากขึ้น

    ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ยาสมุนไพรไทย รวมถึงยาแผนโบราณ เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ทั้งรูปแบบยาเดียว และที่เป็นสูตรตำรับยาแผนไทย ให้ใช้ในทุกระดับ อีกทั้ง สหภาพยุโรป อุตสาหกรรมหลักเวชศาสตร์

    ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ เริ่มหันมาใช้สมุนไพรแถบเอเชีย เนื่องจาก มีคุณภาพการรักษาไม่แพ้การรักษาแผนอื่น ๆ สามารถรักษาได้ผลดีเช่นกัน โดยมีการนำเข้าสมุนไพรจากอินเดีย จีน และไทย ปีละประมาณ 1,100 ล้านเหรียญยูโร


    ที่มา : เดลินิวส์
     
  3. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    สมุนไพรไทย ขึ้นแท่น โก อินเตอร์ ประเทศอาเซียน

    ขายสมุนไพรไทยดีกว่าขายข้าวจริงหรือ? ขึ้นแท่นโกอินเตอร์ประเทศอาเซียน | กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน

    [​IMG]

    ประเทศไทยมีสมุนไพร นับพันชนิด แต่ที่เราวิจัยจริง ๆ มีไม่กี่ชนิด ในพืชสมุนไพรนับว่าเป็นยาบริสุทธิ์ตามธรรมชาติที่มนุษย์นำมารักษาโรคภัยไข้เจ็บมาหลายพันปี ด้วยวิวัฒนาการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้กระบวนการผลิตสมุนไพร มีการพัฒนาขึ้นจากเดิม ที่ใช้การต้มหรือการดองด้วยแอลกอฮอล์ ในต่างประเทศให้การยอมรับสมุนไพรไทยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาปฏิชีวนะหรือ "ยาฝรั่ง" เพียงแต่ที่ผ่านมา

    กระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานของยาสมุนไพร ทำให้บางครั้ง เหมือนการกินขี้เลื่อย หรือใบไม้สับอัดแคปซูล ซึ่งในบางชนิดก็ยอมรับว่าได้ผล แต่ในบางตัวก็ไม่ออกฤทธิ์ จำเป็นจะต้องใช้วิธีการสกัดแบบเข้มข้นออกมาในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ ทั้งชนิดน้ำ เม็ด และผง

    ศ.ดร.น.พ.สมศักดิ์ วรคามิน อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญในพืชสมุนไพรแถวหน้าของเมืองไทย ทุ่มเทกับการศึกษาวิจัยด้านสมุนไพรมาหลายสิบปี

    ในฐานะประธานประธานมูลนิธิอโรคยา ค้นพบว่า สมุนไพรไทยนอกจากจะเป็นยารักษาโรคได้แล้ว ยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่เสื่อมให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงได้อีกด้วย

    ศ.ดร.น.พ.สมศักดิ์ วรคามิน นำสิ่งที่ได้จากการค้นคว้าวิจัยดูแลสุขภาพตัวเอง จนนำมาสู่สมุนไพรรักษาโรค และเสริมสุขภาพ มีการยอมรับอย่างกว้างขวาง จากทางสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศอาเซียน

    อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย มีการนำไปกลุ่มสมุนไพรสกัดเข้มข้นสูง และกลุ่มฮอร์โมนทดแทนสำหรับสตรี ไปใช้กับผู้ป่วยในประเทศอินโดนีเซีย ติดตามมาด้วย ประเทศมาเลเซีย กัมพูชา รวมไปถึงประเทศพม่าด้วย

    นับว่าเป็นก้าวสำคัญ ที่พืชสมุนไพร จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ ไม่แพ้ตัวยานำเข้าเลยทีเดียว อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า สมุนไพรมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ยกตัวอย่าง "คาวตอง" ที่มีน้ำมันหอมระเหย สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มีคุณภาพเท่ากับยาปฏิชีวนะของฝรั่ง


    ดังนั้น หากจะให้สมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับได้ ทั้งในและต่างประเทศ จะต้องมีการสร้างแบรนด์ที่เข้มแข็ง เพื่อการันตีว่า สมุนไพรไทยไม่ใช่แค่ขี้เลื่อย หรือยาหม้อ ซึ่งสมุนไพรตัวเดียวไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ทั้งหมด ต้องมีการผสมที่ลงตัว ถึงจะได้ผลในการนำสมุนไพรไปรักษาโรค
     
  4. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    อภัยภูเบศร เนื้อหอม อังกฤษ-จีนทาบ ร่วมมือส่งสมุนไพรไทย โก อินเตอร์

    "อภัยภูเบศร"เนื้อหอมตปท.รุมตอม "อังกฤษ-จีน"ทาบร่วมมือส่งสมุนไพรไทยโกอินเตอร์ | แผนงานความมั่นคงทางอาหาร

    [​IMG]

    นายแพทย์เปรม ชินวันทนานนท์ ประธานฝ่ายพัฒนาภูมิปัญญาไทย มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผว่า ปัจจุบันตลาดสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จาก สมุนไพรมีแนวโน้มการขยายตัวดี เพราะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น

    เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าวและให้สอดรับกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ต้องการส่งเสริม การใช้ยาสมุนไพรในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 10% ของยาทั้งหมด จึงได้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิต ด้วยการลงทุนขยายโรงงานแห่งใหม่ ตั้งอยู่พื้นที่เดิมและซื้อที่ดินใกล้เคียงเพิ่ม โดยการลงทุน 100 ล้านบาท ขณะนี้เปิดใช้งานได้ 2 เดือนแล้ว พร้อมทั้งซื้อเครื่องจักรใหม่อีกกว่า 60 ล้านบาท
    ควบคู่กันนี้ ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาและวิจัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรทั้งในกลุ่มยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง อาหารและของใช้สำหรับสัตว์ โดยจะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร อาทิ ยาแต้มสิว ยาระบายแบบผงชง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบน้ำ ยาสามัญประจำบ้าน คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ตามช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อ

    นายแพทย์เปรมกล่าวว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยต่าง ๆ โรงพยาบาลมีกระบานการผลิตที่ครบวงจร ตั้งแต่การส่งเสริมเกษตรปลูกสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ ซึ่งปัจจุบันมีหลายจังหวัด ที่สำคัญการได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตจีเอ็มพี (Good Manufacturing Practice หรือ GMP) ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้า ต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น อเมริกา จีน ฮ่องกง จอร์แดน อินเดีย

    ซึ่งที่ผ่านมา มีการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ในลักษณะลูกค้าซื้อเพื่อนำไปจำหน่าย เช่น ญี่ปุ่น ที่มีลูกค้าเปิดร้านจำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์อภัยภูเบศร ขณะเดียวกัน ก็มีการโรดโชว์ ร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออกและการขยายเข้า ช่องทางสปา เพื่อทำให้ลูกค้าต่างชาติมีประสบการณ์ทดลองใช้

    นายแพทย์เปรมกล่าวว่า จากแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว บวกกับกระแสความนิยมของสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่มีมากขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์อภัยภูเบศร ในสิ้นปีนี้ เพิ่มเป็น 260 ล้านบาท จาก 200 กว่าล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา
     
  5. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ประเด็นของการรักษาด้วยแผนปัจจุบันและแผนไทย

    การรักษาด้วยแผนปัจจุบันและแผนไทย

    ปัจจุบัน ยาสมุนไพรทั้งแผนโบราณรูปแบบยาตำรับ และรูปแบบสมุนไพรเดี่ยว ได้รับการคัดเลือกเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติเป็นจำนวน 71 รายการ โดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกใช้ยาแผนไทยมากขึ้น

    ประเด็นที่มีข้อสงสัยหรือคำถามที่เกิดขึ้นมีดังนี้

    ยาสมุนไพรไทย มีประสิทธิภาพในการรักษาเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบันหรือไม่ อย่างไร ?

    ยาสมุนไพร หากเป็นยาไทยหรือยาประกอบ ไม่ใช่ยาเดี่ยว จะมีองค์ประกอบของยาหลายอย่าง การรักษา จะเป็นการรักษาให้เกิดความสมดุล ไม่ได้รักษาเฉพาะส่วน หรืออวัยวะเหมือนยาแผนปัจจุบัน จึงเปรียบเทียบกันไม่ได้

    อย่างยาลมเขียวประธานพิษ อาจนำมาใช้รักษาอาการโรคลมชัก แต่เนื่องจากการใช้ยาดังกล่าว อยู่ที่ประสบการณ์และขึ้นกับผู้ป่วยเฉพาะราย การศึกษาทางด้านนี้ ไม่มีการบันทึกประวัติ เหมือนการแพทย์แผนปัจจุบัน การเปรียบเทียบจึงทำได้ยาก

    หากเป็นการรักษาอาการพื้นฐาน ได้แก่ ท้องเสีย ท้องร่วง ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ โรคผิวหนัง ที่มีประกาศเป็นสมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน 67 ชนิด สามารถใช้รักษาอาการได้เทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีประกาศยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 71 รายการ สามารถใช้ในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้

    กรณีโรคเรื้อรัง เช่นมะเร็ง อัมพาต อัมพฤกษ์ โรคลม กล้ามเนื้ออักเสบ หรือโรคกระดูกและข้อ สมัยก่อนมีการเข้าเฝือก โดยหมอแผนโบราณ เนื่องจาก รพ มาทีหลัง การรักษาแบบพื้นบ้าน ปัจจุบันนี้ การใช้วิธีประคบ การบำบัดด้วยสมุนไพร สามารถลดค่าใช้จ่าย การใช้ยาแผนผัจจุบัน ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะได้

    นอกจากนี้ การถอนพิษ สารเคมี การได้รับสารพิษ สามารถบำบัด ด้วยการอบไอน้ำ การใช้ยารางจืด และเถาย่านาง บำบัดได้ แต่ยาแผนปัจจุบัน อาจยังไม่มีการรักษาแบบยาแผนโบราณ

    อาการและโรคที่ยังต้องอาศัยการแพทย์แผนไทย เพื่อเป็นการรักษา เพิ่มกำลังใจแก่ผู้ป่วยได้ดีกว่าเช่น การรักษาฟื้นฟูผู้ป่วยติดยาเสพติด โรคมะเร็ง

    นอกจากนี้ อาการที่ไม่อาจเยียวยาด้วยยาฝรั่งได้แก่ โรคลม จำพวกที่ใช้ยาหอม ยาลม การอยู่ไฟ แบบดั้งเดิม ช่วยให้ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น และแข็งแรง

    เปรียบเทียบ ข้อดี ข้อเสียระหว่างการใช้ยาแผนปัจจุบัน ในการรักษาโรค

    [​IMG]

    ข้อดีของการใช้ การแพทย์แผนไทย

    1.เป็นการดูแลโดยองค์รวม ยกตัวอย่างการใช้สมุนไพร ใน สถานพยาบาลที่ภาคอีสาน เป็นการดูแลโดยพระและอาสาสมัคร พยาบาลและแพทย์ ร่วมกับการใช้สมุนไพร โดยใช้กำลังใจและจิตใจที่ดีเข้าร่วมการให้บริการแก่ผู้ป่วย

    2.เป็นการรักษาที่เสียค่าใช้จ่ายน้อย ประหยัดงบประมาณ การเสียดุลของรัฐในการนำเข้ายา

    3.สมุนไพรหาได้ในท้องถิ่น ไม่จำเป็นต้องหาซื้อ

    4.เป็นการรักษาตามธาตุมากกว่าตามระบบอวัยวะ

    [​IMG]

    ข้อด้อย

    1.โรคบางชนิด ต้องใช้การแพทย์แผนปัจจุบัน เช่นโรคหัวใจ โรคที่ต้องผ่าตัด เช่น ไส้ติ่ง หรืออุบัติเหตุ ฉุกเฉิน

    2.โรคเรื้อรัง ร้ายแรง ที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าใช้สมุนไพรรักษาได้ โรคสุนัขบ้ากัด บาดทะยัก

    3.การนำมาใช้ ต้องถูกต้อง คือถูกต้น ถูกส่วน ถูกวิธี ถูกขนาด และถูกโรค บางชนิดเป็นยาที่มีอันตราย

    4.ประชาชนที่ด้อยโอกาสเข้าถึงความรู้ มักถูกหลอกลวงง่าย ในเรื่องสรรพคุณของยาแผนโบราณ ที่โฆษณาเกินความจริง

    โรคประเภทใด ที่เหมาะกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน และโรคประเภทใดที่เหมาะกับยาสมุนไพร

    1.โรคที่เหมาะกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ได้แก่โรคที่ใช้การผ่าตัด โรคอุบัติเหตุร้ายแรง

    2.โรคที่เหมาะกับยาแผนโบราณ คือ โรคที่ยาแผนปัจจุบันรักษาไม่ได้ เช่นมะเร็ง หรือรักษาไม่หาย และอาการไม่สมดุลต่างๆ เช่น ร้อนภายใน หนาวสั่น โรคจากภูมิคุ้มกันต่างๆ ที่ต้องอาศัยอาหารสมุนไพรรักษา

    แนวโน้มของการแพทย์แผนไทยและยาสมุนไพร จะมีโอกาสเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน และมีประสิทธิภาพในการรักษาโรค จนเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกได้หรือไม่อย่างไร

    ปัจจุบันทั่วโลกหันมาใช้สมุนไพร ดูแลสุขภาพก่อนเกิดอาการ องค์การอนามัยโลก ได้แนะนำให้ใช้ การแพทย์ทั้งสองแผนคู่ขนานกันไปในการแพทย์แห่งชาติของแต่ละประเทศ การดูแลก่อนเกิดอาการย่อมดีกว่าเกิดอาการแล้ว

    ทั่วโลกได้ส่งเสริมให้มีการแพทย์ดั้งเดิมของแต่ละประเทศ โดยมีการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐ ประการหนึ่งการแพทย์แผนโบราณเป็นการแพทย์ที่ไม่แพง จึงเหมาะกับสถานการณ์สำหรับประเทศเรา

    โอกาสข้างหน้า จะมีการตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศในอาเซี่ยน คือสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ระหว่างแผนพื้นบ้าน/ทางเลือกกับแผนปัจจุบัน เริ่มจากสิ่งดีดีที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ ผ่านทางเวทีต่างๆทั้งด้านสถาบันการศึกษา ภาคประชาชน ท้องถิ่น ด้านการเกษตร เน้นเป้าหมายร่วมของ 2 แผน

    คือการทำให้สุขภาพดี เน้นการส่งเสริมสุขภาพมากกว่าการมุ่งรักษาเท่านั้น จัดสิทธิประโยชน์ด้านหลักประกันสุขภาพของประเทศให้ครอบคลุมทั้ง 2 แผน แสดงสาธารณชนให้เห็นความคุ้มค่าของแผนไทย/พื้นบ้าน/ทางเลือก

    รัฐบาลลลดภาระงบประมาณประเทศจากอิทธิพลของธุรกิจข้ามชาติด้านยา โดยการส่งเสริมแผนไทย/พื้นบ้าน/ทางเลือกมากขึ้น

    [​IMG]

    : บทความ : รศ.ดร.ภญ.พาณี ศิริสะอาด
     
  6. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,269
    ค่าพลัง:
    +2,136
    เชยจัง ^_^
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    อยากเรียนนะคะ
    จริงๆแล้ว สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเราล้วนเป็นยา ถ้าเราใช้เป็นค่ะ
     
  8. cmdeveloper

    cmdeveloper Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +61
    น่าสนใจมาก ขอบคุณสำหรับบทความแนะนำดี ๆ
    ผมก็อยากเรียนเหมือนกัน แต่ติดเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย
    จริง ๆ ใครได้เรียนไว้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์มาก น่าสนับสนุนครับ
     
  9. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ><

    กระทรวงสนับสนุนดีออกค่ะ แพทย์แผนไทยจะได้ดังเหมือนแผนจีนไงคะ


    สธ.เพิ่มบริการแพทย์แผนไทย ใน 10,580 รพ.ใช้ยาสมุนไพร 20 รายการ แทนยาปัจจุบัน



    http://region4.prd.go.th/ewt_news.php?nid=14055

    กระทรวงสาธารณสุข หนุนให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ 10,580 แห่ง จัดบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และใช้ยาสมุนไพรไม่ต่ำกว่า 20 รายการ เพื่อลดการใช้ยาแผนปัจจุบันซึ่งล่าสุดมีมูลค่าสูงกว่า 130,000 ล้านบาทต่อปี ตั้งเป้าในปีนี้ จะเพิ่มการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกให้ได้ร้อยละ 10 ส่งแพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลชุมชน 588 แห่ง

    นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งดำเนินการสนองนโยบายนายกรัฐมนตรี ในการลดค่าใช้จ่ายด้านยารักษาโรค ข้อมูลล่าสุดพบคนไทยใช้ยาแผนปัจจุบันอยู่ในขั้นฟุ่มเฟือย ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งเคลื่อน ส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาติ มาใช้ทดแทนการนำเข้ายาแผนปัจจุบัน

    ที่มีมูลค่าสูงปีละกว่า 130,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 35 ของค่าใช้จ่ายสุขภาพ ซึ่งสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ที่ใช้เพียงร้อยละ 20 ในปีนี้ มีนโยบายส่งเสริมให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศที่มี 10,580 แห่ง เพิ่มการบริการตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์ทางเลือกที่แผนกผู้ป่วยนอก

    และใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการเจ็บป่วย เพื่อลดการใช้ยาแผนปัจจุบันให้ลดลง โดยให้โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติอย่างน้อย 20 รายการจากที่มี 71 รายการ เป็นยาสมุนไพรเดี่ยว 21 รายการ ที่เหลือเป็นตำรับยาสมุนไพรแบบดั้งเดิม โดยให้ รพ.สต. ใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคมีมูลค่าร้อยละ 10 ของแผนปัจจุบัน ส่วนโรงพยาบาลชุมชนมูลค่าร้อยละ 5

    รวมทั้ง จัดแพทย์แผนไทย สาขาเวชกรรมไทยหรือสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ อย่างน้อย 1 คน ประจำโรงพยาบาลชุมชนให้ได้ 588 แห่งหรือร้อยละ 80 ของโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ และจะอบรมถ่ายทอดความรู้การใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้ผู้บริหารโรงพยาบาลชุมชนเพื่อให้เกิดการนำไปใช้รักษาผู้ป่วยอย่างจริงจัง

    นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดูแลคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพรที่จะนำมาผลิตเป็นยา และควบคุมมาตรฐานจีเอ็มพี ตามเกณฑ์ที่ อย.กำหนด ซึ่งจะเป็นการรับรองการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทยในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วย

    ทั้งนี้ ผลสำรวจการจัดบริการการแพทย์แผนไทยในปี 2552 ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 3,478 แห่ง พบร้อยละ 72 หรือ 2,521 แห่ง มีเจ้าหน้าที่ให้บริการการแพทย์แผนไทย ส่วนใหญ่ให้บริการมากกว่า 1 ประเภท ที่นิยมมากที่สุดคือ การรักษาด้วยยาสมุนไพร ร้อยละ 59 รองลงมาคือการนวดไทยเพื่อรักษา ร้อยละ 35 นวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ร้อยละ 35 อบประคบ ร้อยละ 33 และดูแลหลังคลอด ร้อยละ 14 มีผู้บริการทั้งหมดเกือบ 3 ล้านคน โดยใช้ผู้บริการ 1 ใน 3 อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กุมภาพันธ์ 2013
  10. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ธาตุเจ้าเรือน

    ในทฤษฎีการแพทย์แผนไทย เชื่อว่า การเกิดชีวิตใหม่จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีพ่อมีแม่ที่มีลักษณะของหญิง-ชาย ครบถ้วน หมายถึง พ่อมีลักษณะของชายครบ และแม่มีลักษณะของหญิงครบ โดยให้ความหมายของชีวิตไว้ว่า ชีวิตคือขันธ์ 5 อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ

    รูป หมายถึง รูปร่าง ร่างกาย หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรม ซึ่งในพระไตรปิฎกได้อธิบายไว้ว่า รูปมีมหาภูตรูป 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และรูปที่เกิดจากมหาภูตรูป เรียกว่าอุปทายรูป ได้แก่ อากาศ ประสาททั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดรูป รส กลิ่น เสียง เป็นอาภรณ์ 4

    เวทนา ได้แก่ ความรู้สึกต่างๆ ซึ่งเกิดจากประสาททั้ง 5 เป็นต้น

    สัญญา ได้แก่ ความจำต่างๆ การกำหนดรู้อาการ จำได้หมายรู้

    สังขาร หมายถึง การปรุงแต่งของจิต ความคิดที่ผูกเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าสังขารคือร่างกาย แท้จริงสังขารเป็นความนึกคิดก่อ หรือผูกเป็นเรื่องราวนั่นเอง

    วิญญาณ คือ ความรู้แจ้งของอารมณ์ เช่น วิญญาณนักต่อสู้ หมายถึง เป็นผู้มีอารมณ์บากบั่นตั้งมั่น ต้องสู้สุดใจ ผู้มีวิญญาณเป็นนักประชาธิปไตย หมายถึง การมีอารมณ์ลึกซึ้ง ชัดแจ้ง จะทำอะไรก็อยู่ในอารมณ์ของนักประชาธิปไตย มีใจตั้งมั่นในสิทธิเสรีภาพ เป็นต้น คนทั่วไปคิดว่าวิญญาณคือผี เชื่อว่าเมื่อตายไปแล้ววิญญาณออกจากร่างไปเป็นผี แท้จริงแล้วเมื่อตายไปแล้วก็หมดความรู้สึก ไม่มีอารมณ์อีกแล้วนั่นเอง

    จะเห็นได้ว่าชีวิตคือขันธ์ 5 ซึ่งคือร่างกายและจิตใจนั่นเอง มนุษย์ที่เกิดมาต่างก็มีชีวิตแตกต่างกันไป มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกัน มีความรู้สึกนึกคิดและจิตสำนึก ความรู้แจ้งทางอารมณ์ หรือที่เรียกว่าวิญญาณที่แตกต่างกันไป

    ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน เชื่อว่า การที่มีความแตกต่างและความเหมือนกัน ถูกกำหนดโดยสารพันธุกรรมที่เรียกว่า "ดีเอ็นเอ" เป็นรหัสของชีวิตที่มนุษย์ได้รับการถ่ายทอดจากมารดาและบิดา เป็นลักษณะทั่วๆ ไปของมนุษย์
     
  11. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ทางการแพทย์แผนไทยมีความเชื่อในเรื่องธรรมชาติว่า การเกิดรูปครั้งแรกในครรภ์มารดา มีขนาดเล็กมาก ขนาดเท่ากับหยดน้ำมันงา ที่ติดอยู่ปลายขนจามรี หลังจากถูกสะบัด ถึง 7 ครั้ง และด้วยอิทธิพลของธาตุไฟก่อน จึงเกิดธาตุอื่นตามมา จนครบธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ แล้วจึงเกิดเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณจนครบขันธ์ 5 เมื่อครรภ์ครบ 5 เดือน นั่นคือชีวิตได้เกิดแล้ว

    และด้วยอิทธิพลธรรมชาติ ได้แก่ ความร้อน ความเย็นของภูมิอากาศตามฤดูกาล ได้ทำให้ธาตุทั้ง 4 ของแต่ละคนแตกต่างกันไปและเริ่มมีอิทธิพลแล้วในครรภ์มารดา ดังพระคัมภีร์ปฐมจินดากล่าวไว้ว่า เมื่อตั้งครรภ์ในฤดูอันใด ธาตุอันใด ให้เอาธาตุของฤดูนั้นเป็นที่ตั้งแห่งธาตุกำเนิดของกุมารกุมารีนั้นๆ เช่น

    ตั้งครรภ์ในเดือน 5, 6, 7 เป็นลักษณะแห่งไฟ

    ตั้งครรภ์ในเดือน 8, 9, 10 เป็นลักษณะแห่งลม

    ตั้งครรภ์ในเดือน 11, 12, 1 เป็นลักษณะแห่งน้ำ

    ตั้งครรภ์ในเดือน 2, 3, 4 เป็นลักษณะแห่งดิน

    นั่นคือ ธาตุเจ้าเรือนนั่นเอง แต่คนส่วนใหญ่มักจำได้เพียงแต่วันเกิด คำว่าตั้งครรภ์ในเดือนใดหมายถึง การเริ่มมีครรภ์ หรือมีการปฏิสนธิ ดังนั้น จากข้อสังเกตของคนโบราณดังกล่าว ถ้านำอายุการตั้งครรภ์มาพิจารณาแล้วสามารถประมาณการได้ว่า

    ผู้ที่เกิดเดือน 5, 6, 7 จะมีธาตุลมเป็นเจ้าเรือน

    ผู้ที่เกิดเดือน 8, 9, 10 จะมีธาตุน้ำเป็นเจ้าเรือน

    ผู้ที่เกิดเดือน 11, 12, 1 จะมีธาตุดินเป็นเจ้าเรือน

    ผู้ที่เกิดเดือน 2, 3, 4 จะมีธาตุไฟเป็นเจ้าเรือน

    การแบ่งแบบนี้ เป็นการแบ่งอย่างหยาบ คือ แบ่งบุคลิกหรือลักษณะจำเพาะของคนออกเป็น 4 แบบ แต่ละแบบจะมีจุดอ่อน หรือลักษณะของธาตุเสียสมดุลแตกต่างกันตามธาตุเจ้าเรือนนั้นๆ
     
  12. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ลักษณะของธาตุเจ้าเรือน เป็นอย่างไร

    องค์ประกอบของธาตุที่รวมกันอยู่อย่างปกตินั้น จะมีธาตุอย่างใดอย่างหนึ่งเด่น หรือมากกว่าอย่างหนึ่ง เรียกว่า เจ้าเรือน ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยแต่ละธาตุหลักทั้ง 4 จะมีลักษณะที่แสดงออกเป็นเจ้าเรือน ดังนี้

    ธาตุดินเจ้าเรือน จะมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวค่อนข้างคล้ำ ผมดกดำ เสียงดังฟังชัด ข้อกระดูกแข็งแรง กระดูกใหญ่ น้ำหนักตัวมาก ล่ำสัน อวัยวะสมบูรณ์

    ธาตุน้ำเจ้าเรือน จะมีรูปร่างสมบูรณ์ อวัยวะสมบูรณ์ สมส่วน ผิวพรรณสดใสเต่งตึง ตาหวาน น้ำในตามาก ท่าทางเดินมั่นคง ผมดกดำงาม กินช้า ทำอะไรชักช้า ทนหิว ทนร้อน ทนเย็นได้ดี เสียงโปร่ง มีลูกดกหรือมีความรู้สึกทางเพศดี แต่มักเฉื่อยและค่อนข้างเกียจคร้าน

    ธาตุไฟเจ้าเรือน มักขี้ร้อน ทนร้อนไม่ค่อยได้ หิวบ่อย กินเก่ง ผมหงอกเร็ว มักหัวล้าน หนังย่น ผม ขนหนวดค่อนข้างนิ่ม ไม่ค่อยอดทน ใจร้อน ข้อกระดูกหลวม มีกลิ่นปาก กลิ่นตัวแรง ความต้องการทางเพศปานกลาง

    ธาตุลมเจ้าเรือน จะมีผิวหนังหยาบแห้ง รูปร่างโปร่ง ผอม ผมบาง ข้อกระดูกลั่นเมื่อเคลื่อนไหว ขี้อิจฉา ขี้ขลาด รักง่ายหน่ายเร็ว ทนหนาวไม่ค่อยได้ นอนไม่คอยหลับ ช่างพูด เสียงต่ำ ออกเสียงไม่ชัด มีลูกไม่ดก คือความรู้สึกทางเพศไม่ค่อยดี
     
  13. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    สถานที่ ถิ่นที่อยู่อาศัย แยกตามธาตุเจ้าเรือน

    ที่อยู่อาศัย หรือสิ่งแวดล้อม เรียกว่า "ประเทศสมุฏฐาน" ย่อมมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพ ได้แก่

    ประเทศร้อน สถานที่ที่เป็นภูเขาสูง เนินผา มักเจ็บป่วยด้วยธาตุไฟ เช่น คนภาคเหนือ จะเจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับไข้ต่างๆ

    ประเทศเย็น สถานที่ที่เป็นน้ำฝน โคลนตม มีฝนตกชุก มักเจ็บป่วยด้วยธาตุลม เช่น คนภาคกลาง จะเจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับลมต่างๆ

    ประเทศอุ่น สถานที่ที่เป็นน้ำฝนกรวดทราย เป็นที่เก็บน้ำไม่อยู่ มักเจ็บป่วยด้วยธาตุน้ำ เช่น คนภาคอีสาน จะเจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับนิ่ว

    ประเทศหนาว สถานที่ที่เป็นน้ำเค็ม มีโคลนตมชื้นแฉะ ได้แก่ ชายทะเล มักเจ็บป่วยด้วยธาตุดิน เช่น ภาคใต้ จะเจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับฝี
     
  14. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    การวินิจฉัยธาตุเจ้าเรือน

    การนำอาการที่ได้จากการบอกเล่า และตรวจพบมาประมวล จะสามารถบอกถึงสภาวะสุขภาพของผู้ป่วย โดยยึดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับตัวสุขภาพ หรือตัวควบคุมธาตุทั้งสี่ ได้แก่

    ธาตุดิน มีสิ่งสำคัญในการควบคุมสุขภาพอยู่ 3 อย่าง คือ

    - หทัยวัตถุ มีที่ตั้งที่หัวใจ ควบคุมความสมบูรณ์ของหัวใจ เช่น ลักษณะ ขนาด การทำงาน การเต้น ความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อหัวใจ บางตำรากล่าวว่าหทัยวัตถุเป็นที่ตั้งของจิต

    - อุทริยะ หมายถึง อาหารใหม่ คืออาหารที่รับประทานเข้าไปใหม่ๆ นั่นเอง การซักประวัติการกินอาหารก่อนป่วย มีความจำเป็นมาก เพราะอาหาร คือธาตุภายนอกที่เรานำเข้าไปบำรุง หรือปรับธาตุภายใน

    เรื่องอาหารจึง สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนใด โรคทางแผนโบราณจึงมีเรื่องเกี่ยวกับการกินที่เรียกว่า "กินผิด" คือ กินไม่ถูกกับธาตุจะเจ็บป่วย กินไม่ถูกกับโรคทำให้อาการแย่ลง

    ดังนั้น การแพทย์แผนไทยใช้วิธีการกินสมุนไพร อาหารสมุนไพร มาแก้ไขการเสียสมดุลนี้ เป็นการลองผิดลองถูกมายาวนาน จนสรุปเป็นหลักการและเหตุผล

    - กรีสัง หมายถึง อาหารเก่า คือ กากอาหารในลำไส้ใหญ่ที่จะออกมาเป็นอุจจาระนั่นเอง ลักษณะของอุจจาระเป็นตัวบ่งบอกสุขภาพ อุจจาระหยาบ ละเอียด ก้อนแข็งหรือเหลว กลิ่นอุจจาระเป็นเช่นไร

    เช่น กลิ่นเหมือนปลาเน่าธาตุน้ำเป็นเหตุ กลิ่นเหมือนหญ้าเน่าธาตุไฟเป็นเหตุ กลิ่นเหมือนข้าวบูดธาตุลมเป็นเหตุ กลิ่นเหมือนศพเน่าธาตุดินเป็นเหตุ เป็นต้น โบราณว่าไว้ สุขภาพจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับกรีสะ (อุจจาระหรืออาหารเก่า) เป็นตัวควบคุม

    ธาตุน้ำ มีสิ่งสำคัญในการควบคุมสุขภาพอยู่ 3 อย่าง คือ

    - ศอเสมหะ ควบคุมน้ำบริเวณคอขึ้นไปเกี่ยวกับเสมหะ น้ำมูกมีหรือไม่อย่างไร มีมากเวลาใด อาจหมายถึงการทำงานของต่อมต่างๆ ที่ผลิตน้ำเมือก น้ำมูกบริเวณดังกล่าว

    - อุระเสมหะ ควบคุมน้ำบริเวณอกเหนือกลาง ตัวจากคอมาถึงบริเวณลิ้นปี่ เหนือสะดือ การซักถามจะต้องถามถึงการไอ เสมหะเป็นอย่างไร การหอบ การอาเจียน น้ำที่ออกมาเป็นอย่างไร การปวดท้องเกี่ยวกับน้ำย่อยในกระเพาะ อาจจะหมายถึง การทำงานของต่อมน้ำมูก เมือกในปอด หลอดลม น้ำในกระเพาะอาหาร น้ำดี น้ำย่อยในลำไส้เล็ก

    - คูถเสมหะ ควบคุมน้ำช่วงล่างจากสะดือลงไป อาจเป็นน้ำมูกเมือก น้ำในลำไส้ น้ำในอุจจาระ น้ำปัสสาวะ น้ำในมดลูก ช่องคลอด (ถ้าเป็นหญิง) และน้ำอสุจิ (ถ้าเป็นชาย) จึงต้องซักประวัติเกี่ยวกับอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น การถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ ลักษณะเหลว หรือแข็ง มีน้ำมากน้อยเพียงใด ผิดปกติอย่างไร

    ธาตุลม มีสิ่งสำคัญในการควบคุมสุขภาพอยู่ 3 อย่าง คือ

    - หทัยวาตะ ลมที่ควบคุมอารมณ์ จิตใจ การเต้นของหัวใจ ความหวั่นไหว ความกังวล

    - สัตถกะวาตะ ลมที่คมเหมือนอาวุธ หมายถึง เมื่อเกิดอาการจะมีอาการฉับพลัน เจ็บปวดลึกๆ เหมือนดังอาวุธเสียบแทง จากลักษณะดังกล่าว อาการคล้ายกับภาวะขาดเลือด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรืออวัยวะใดๆ ขาดเลือด จะมีอาการเจ็บปวดรุนแรง

    - สุมนาวาตะ ลมที่ควบคุมพลังที่อยู่เส้นกลางลำตัวตามแนวดิ่ง ในตำราการนวดไทยเส้นสุมนาถูกจัดเป็นเส้นสำคัญในเส้นสิบ เส้นนี้จะวิ่งกลางลำตัวจรดปลายลิ้น จึงน่าจะเป็นตัวควบคุมระบบประสาท การไหลเวียนโลหิต สมอง ไขสันหลัง ระบบอัตโนมัติต่างๆ

    การซักถามอาการ ควรถามเกี่ยวกับการทำงานของแขนขา การปวดเจ็บหลัง การชัก การกระตุก ตำราโบราณกล่าวว่าอาการลิ้นกระด้างคางแข็งเกิดจากสุมนา แสดงว่าน่าจะเกี่ยวกับสมอง ประสาท

    ธาตุไฟ มีสิ่งสำคัญในการควบคุมสุขภาพอยู่ 3 อย่าง คือ

    - พัทธปิตตะ คือดีในฝัก บางท่านอาจสับสนว่าน้ำดีคือธาตุน้ำ เหตุใดจึงจัดเป็นไฟ ผู้เขียนเข้าใจว่าพัทธปิตตะในที่นี้ คือการควบคุมการทำงานของน้ำดี และการย่อยสลายจากการทำงานของน้ำดี

    ส่วนน้ำดีจัดเป็นธาตุน้ำ อาการบ่งบอกการทำงานที่ผิดปกติไป จึงน่าจะหมายถึงการปวดท้อง น้ำดีอุดตัน ภาวะการผลิตน้ำดีของตับผิดปกติ ตับอักเสบ เกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เกิดน้ำดีอักเสบเป็นนิ่ว เป็นต้น

    เป็นเรื่องที่ควบคุมการทำงานของธาตุน้ำเป็นอาการบ่งบอกถึงการทำงานที่ผิดปกติไป จึงน่าจะหมายถึงการปวดท้อง น้ำดีอุดตัน เป็นเรื่องที่ควบคุมการทำงานของน้ำดีในตับ และถุงน้ำดีที่เรียกว่าในฝักนั่นเอง

    - อพัทธะปิตตะ ดีนอกฝัก หมายถึง การทำงานของน้ำดีในลำไส้ การย่อยอาหาร อาการคือจุกเสียด อืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ดีนอกฝักพิการ จะทำให้เหลืองทั้งตัว ดีในฝักพิการจะมีอาการคลุ้มคลั่งเหมือนผีเข้า ถ่ายเป็นสีเขียว

    - กำเดา องค์แห่งความร้อน เป็นตัวควบคุมความร้อนในร่างกาย น่าจะหมายถึงศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายนั่นเอง การตรวจสามารถดูที่อาการไข้ ว่าตัวร้อนจัดหรือไม่เพียงใด
     
  15. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    การรับประทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน หรือการรับประทานตามเดือนเกิด เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทย ที่สืบทอดกันมายาวนาน กระทั่ง กลายเป็นศาสตร์และศิลป์แห่งการรักษาสุขภาพ ผ่านการปรุงและรับประทานอาหาร ด้วยพืชสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่น

    ในอดีต เมื่อมีอาการเจ็บป่วยและไปหาหมอ แพทย์แผนโบราณ มักจะถามถึงวัน เดือน ปีเกิด เพื่อนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการค้นหาสมมติฐานของโรค เพื่อที่จะได้วินิจฉัยโรคและรักษาโรคได้ถูกต้องตามธาตุเจ้าเรือนที่แตกต่างกัน

    บางคน อาจจะมี ๑-๒ ธาตุก็ได้ ซึ่งเจ้าตัวจะรู้ดีที่สุดว่า ตัวเองโน้มเอียงไปทางธาตุไหนมากกว่ากัน โดยทั่วไปธาตุเจ้าเรือน จะดูจากเดือนเกิดเป็นสำคัญ หากต้องการวินิจฉัยโดยละเอียด จะต้องเทียบทั้งวัน เดือน ปีเกิด และเวลาตกฟาก ข้างขึ้น-ข้างแรมควบคู่กันไป

    การใช้สมุนไพรในการปรุงอาหาร ให้สอดคล้องกับธาตุ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการรักษาสุขภาพตามแนวแพทย์แผนไทย เมนูสมุนไพรแนะนำสำหรับธาตุเจ้าเรือนต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้ค่ะ

    ธาตุไฟ คือ คนที่เกิดเดือน ๑, ๓, ๔ หรือเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม


    ควรทานอาหารรส : ขม เย็น และจืด

    ผลไม้ : แตงโม มันแกว พุทรา แอปเปิ้ล

    ผักพื้นบ้าน : ผักบุ้ง ตำลึง ผักกระเฉด ผักกระสัง สายบัว ผักกาดจีน ผักกาดนา ผักกาดนกเขา มะระ ผักปรัง มะรุม มะเขือยาว ผักหนาม ยอดมันเทศ กระเจี๊ยบมอญ สะเดา ยอดฝักทอง หยวกกล้วย หม่อน มะเขือขาว กุยช่าย

    ตัวอย่างเมนูอาหาร : ผัดผักบุ้ง แกงจืดตำลึง ผัดสายบัวใส่พริก แกงส้มมะรุม แกงคูน แกงจืดมะระ แกงส้มหยวกกล้วยใส่ปลาช่อน ยำผักกระเฉด ผักหนามผัดน้ำมันหอย

    ตัวอย่างอาหารว่าง : ซ่าหริ่ม ไอศกรีม น้ำแข็งใส

    ตัวอย่างเครื่องดื่ม : น้ำแตงโมปั่น น้ำใบบัวบก น้ำใบเตย น้ำเก็กฮวย
     
  16. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ธาตุลม คือ คนที่เกิดเดือน ๕, ๖, ๗ หรือเดือนเมษายน พฤษภาคม มิถุนายน


    ควรทานอาหารรส : เผ็ดร้อน

    ผักพื้นบ้าน : ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย พริกไทย โหระพา กระทือ ดอกกระเจียว ขมิ้นชัน ผักคราด ชะพลู ผักไผ่ พริกขี้หนู สะระแหน่ หูเสือ ผักแขยง ผักชีลาว ผักชีล้อม ยี่หร่า สมอไทย กานพลู

    ตัวอย่างเมนูอาหาร : แกงปลาดุกใส่กระทือ ต้มข่าไก่ ต้มยำกุ้ง แกงหอยขมใส่ใบชะพลู สมอไทยทุบผัดน้ำมันพืช สมอไทย จิ้มน้ำพริก

    ตัวอย่างอาหารว่าง : บัวลอยน้ำขิง เต้าฮวย เต้าทึง มันต้มขิง ถั่วเขียวต้มขิง เมี่ยงคำ

    ตัวอย่างเครื่องดื่ม : น้ำขิง น้ำตะไคร้ น้ำข่า น้ำกานพลู
     
  17. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ธาตุน้ำ คือ คนที่เกิดเดือน ๘, ๙, ๑๐ หรือเดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน


    ควรทานอาหารรส : เปรี้ยวและขม

    ผลไม้ : มะนาว ส้ม สับปะรด มะเขือเทศ มะยม มะกอก มะดัน กระท้อน

    ผักพื้นบ้าน : ขี้เหล็ก แคบ้าน ชะมวง ผักติ้ว ยอดมะกอก ยอดมะขาม มะอึก มะเขือเครือ สะเดาบ้าน มะระขี้นก มะระจีน มะแว้ง ใบยอ

    ตัวอย่างเมนูอาหาร : แกงขี้เหล็กปลาย่าง แกงส้มดอกแค แกงอ่อม มะระขี้นก ผัดมะระไส่ไข่ ห่อหมกใบยอ แกงป่าสะเดาใส่ปลาหมอ แกงป่าสะเดาปิ้ง ต้มโคล้งยอดมะขาม ใบยอผัดน้ำมันหอยใส่หมูบด

    ตัวอย่างอาหารว่าง : มะยมเชื่อม สับปะรดกวน กระท้อนลอยแก้ว มะม่วงน้ำปลาหวาน มะม่วงกวน

    ตัวอย่างเครื่องดื่ม : น้ำมะนาว น้ำใบบัวบก น้ำมะเขือเทศ น้ำมะขาม น้ำสับปะรด น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะเฟือง
     
  18. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ธาตุดิน คือ คนที่เกิดเดือน ๑๑, ๑๒, ๑ หรือเดือนตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม


    ควรทานอาหารรส : ฝาด หวาน มัน และเค็ม

    ผลไม้ : มังคุด ฝรั่ง เผือก ถั่วต่าง ๆ เงาะ หัวมันเทศ

    ผักพื้นบ้าน : ผักกระโดน กล้วยดิบ ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดมะยม สมอไทย กระถินไทย กระโดนบก กระโดนน้ำ ผักหวาน ขนุนอ่อน สะตะ ผักโขม โสน ขจร ผักเชียงคา ลูกเนียงนก บวบเหลี่ยม บวบงู บวบหอม

    ตัวอย่างเมนูอาหาร : ผักกูดผัดน้ำมันงา ดอกงิ้วทอดไข่ ผัดบวบงู แกงเลียงผักหวานใส่ปลาย่าง ถั่วลิสงต้มเค็ม ดอกขจรผัดไข่ แกงป่ากล้วยดิบ คั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง สมอไทยผัดน้ำมันหอย

    ตัวอย่างอาหารว่าง : เต้าส่วน วุ้นกะทิ กล้วยบวชชี ตะโก้เฝือก

    ตัวอย่างเครื่องดื่ม : น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว น้ำตาลสด น้ำมะตูม นมถั่วเหลือง น้ำแคนตาลูป น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำลูกเดือย น้ำข้าวโพด น้ำแห้ว
     
  19. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    สมุนไพรไทยนี่สุดยอดเลยค่ะ สมัยเด็ก ๆ จะกินน้ำบรเพ็ดคั้นสด ๆ ขมชื่นใจดีแท้ ที่บ้านปลูกต้นเหงือกปลาหมอ ก็จะนำมาหั่นตากให้แห้ง บดละเอียดผสมกับพริกไทยปั้นเป็นลูกกลอนผสมน้ำผึ้ง กินแล้วรักษาโรคดีนักแล กินแล้วไม่อ้วน ชะลอชราด้วยนะคะ
     
  20. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    เป็นสูตรยาอายุวัฒนะหรือเปล่าคะ ได้ยินว่าบางครอบครัวจะมียาประจำตระกูลด้วยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...