เรือในอาหรับ ตำนานน้ำท่วมโลก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 28 กรกฎาคม 2005.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บันทึก Gilgamesh เมื่อ 2,232-1933 ปีก่อนคริสตกาล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คัมภีร์ไบเบิลของคริสต์ศาสนากล่าวถึง สวนสวรรค์ Eden หอคอย Babel และเรือที่ Noah สร้างเมื่อพระเจ้าทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลก ฯลฯ เรื่องเล่านี้ได้จุดประกายความคิดให้นักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นนักโบราณคดี นักมานุษยวิทยา นักประวัติศาสตร์ นักเทววิทยา หรือนักวิทยาศาสตร์ มุ่งค้นหาว่าสถานที่หรือสถาปัตย์วัตถุที่ปรากฏในคัมภีร์มีจริงหรือไม่ และถ้ามีขณะนี้มันอยู่ที่ใด เพราะทุกคนรู้ว่า ถ้าวัตถุดึกดำบรรพ์ที่เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ที่ระบุไว้ในคัมภีร์ไบเบิลยังมีอยู่ วิทยาศาสตร์จะช่วยวิเคราะห์ให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ที่สาบสูญไปดียิ่งขึ้น

    เรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเป็น "นิทาน" หนึ่งที่ได้มีมานาน เทพนิยายกรีกเล่าว่า เมื่อองค์เทพ Zeus ทรงเห็นว่า มนุษย์กำลังทำบาปหนักหนาสาหัสเช่น ทำโจรกรรม ต่อสู้ ก่อจลาจล ทำสงคราม ขโมย ฆาตกรรม ฯลฯ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยจะกำจัดความชั่วร้ายให้หมดสิ้น โดยจะบันดาลให้น้ำท่วมโลก ยกเว้นกษัตริย์ Deucalion และมเหสี Pyrrha ผู้ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม เมื่อเทพ Prometheus รู้ข่าวร้าย จึงได้บอกให้ Deucalion สร้างเรือขนาดใหญ่สำหรับตนและภรรยา ดังนั้นเมื่อฝนตกหนักเป็นเวลานาน 9 วัน 9 คืน คนทั้งโลกจึงจมน้ำตายหมด และเรือของคนทั้งสองก็ได้ลงจอดบนยอดเขา Parnassus ที่สูงที่สุดในกรีซเมื่อน้ำลด จากนั้น Deucalion ก็ได้โยนก้อนหินข้ามไหล่ และก้อนหินดังกล่าวได้กลายเป็นมนุษย์ผู้ชาย ส่วนภรรยาก็ได้โยนก้อนหินเช่นกัน เป็นมนุษย์ผู้หญิง และนี่ก็คือกำเนิดมนุษยชาติตามเรื่องเล่าในเทพนิยายกรีก

    ชนชาว Sumerian เมื่อ 4,000 ปีก่อนนี้ ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเช่นกัน ใน Gilgamesh ซึ่งเป็นวรรณคดีที่โบราณที่สุดในโลกว่า มีชายคนหนึ่งชื่อ Ziusudra ซึ่งอาศัยอยู่ในเมือง Shurrupak (ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในทะเลทรายระหว่างเมือง Basra กับ Baghdad ในอิรัก) ว่าได้เห็นเหตุการณ์น้ำท่วมโลก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพวาดเรือ Noah กับเหตุการณ์น้ำท่วมโลก โดย von Holzstich ในปี 2408</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คัมภีร์ Genesis ก็ได้กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเช่นกันว่า เมื่อพระเจ้าทรงเห็นมนุษย์ที่พระองค์สร้างประพฤติตัวชั่วช้า พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยกำจัด โดยจะเหลือไว้แต่ Noah และครอบครัวผู้มีคุณธรรม จึงทรงบัญชาให้ Noah จัดรวบรวมนก และสัตว์ทุกชนิดอย่างละ 1 คู่ เพศเมีย-ผู้เพื่อนำมาหลบภัยในเรือลำใหญ่ที่มีขนาดยาว 300 cubits (1 cubit = 1 เมตร) และกว้าง 50 cubits เรือนี้ทำด้วยไม้ gopher และตัวเรือเคลือบด้วยยางน้ำมันดิบ ทั้งด้านนอกและด้านใน เพื่อไม่ให้น้ำเข้า เมื่อ Noah สร้างเรือเสร็จพระเจ้าได้บันดาลให้ฝนตกหนัก 40 วัน 40 คืน จนถึงวันที่ 17 เดือน 7 ฝนก็หยุดตก และน้ำเริ่มลด คัมภีร์ Genesis กล่าวถึงเทือกเขา Urartu ใน Armenia ว่าเป็นสถานที่ที่เรือ Noah ลงจอด แต่นักวิชาการปัจจุบันหลายคนคิดว่า ยอดเขา Ararat ในตุรกีเป็นสถานที่ที่น่าจะพบเรือ Noah มากกว่า เพราะ Ararat คือยอดเขาที่สูงที่สุดในตุรกี ดังนั้นขณะน้ำลดภูเขาลูกแรกที่จะโผล่เหนือน้ำต้องเป็นภูเขา Ararat ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี และมีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นว่า Aghri Dagh ซึ่งแปลว่า ภูเขาแห่งความเจ็บปวด

    ปัจจุบัน Ararat มียอดเขา 2 ยอดคือ Great Ararat ที่สูง 5,137 เมตร กับ Little Ararat ที่สูง 3,896 เมตร และช่วงบนของยอดเขาทั้งสองไม่มีต้นไม้ปกคลุม เมื่อถึงหน้าร้อนหิมะบนยอดเขาจะละลายนำความสมบูรณ์สู่ที่ราบ Anatolia ให้เกษตรกรชาวตุรกีได้ทำมาหาเลี้ยงชีพตราบจนทุกวันนี้

    ในความพยายามค้นหาตำแหน่งของเรือ Noah ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้มีการอ้างหลักฐานการเห็นซากเรือหลายครั้งเช่น เมื่อ 700 ปีก่อนนี้ หนังสือชื่อ Travels of Sir John Mandeville ที่เล่าว่ามีนักบวชคนหนึ่งเก็บเศษไม้ได้จากยอดเขา Ararat แต่ก็ไม่มีใคร ณ วันนี้รู้ว่า Sir John ในหนังสือนั้นคือใคร และมีตัวตนหรือไม่ และเมื่อ 200 ปีก่อนนี้ ความสนใจเกี่ยวกับเรือ Noah ได้บังเกิดอีกเมื่อวารสาร The New Eden รายงานว่า นักบินชาวรัสเซียคนหนึ่งชื่อ Vladimir Roskovitsky ขณะบินสำรวจผ่านยอดเขา Ararat เขาได้เห็นซากเรือขนาดใหญ่บนเขาลูกนั้น แต่ก็ไม่มีการติดตามไปดู จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2460 แม่ทัพรัสเซียท่านหนึ่งได้ส่งทหาร 150 คน ขึ้นไปดูซากเรือเพื่อนำรายงานไปบังคมทูลให้จักรพรรดิซาร์ (czar) ทรงทราบ แต่ได้เกิดรัฐประหาร คณะปฏิวัติ Bolshevik จึงได้ทำลายเอกสารรายงานหมด เพื่อไม่ให้ใครเชื่อคัมภีร์ไบเบิลอีกต่อไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ยอดเขา Ararat ในตุรกี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในปี พ.ศ. 2498 F. Navarra นักผจญภัยชาวฝรั่งเศสกับลูกชายได้เดินทางขึ้นยอดเขา Ararat และได้นำไม้โอ๊กแผ่นหนึ่งกลับลงมา ในหนังสือชื่อ Noah 's Ark : I Touched It เขาเล่าว่า เขาต้องหลบซ่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจของตุรกีเพื่อนำซากไม้ที่ยาว 2 เมตรออกนอกประเทศ ถึงแม้หนังสือเล่มนั้นจะมีภาพของสองพ่อลูกบนภูเขา แต่ก็หามีภาพของเรือไม่ และเมื่อ Navarra ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุของวัตถุโบราณวัดอายุของไม้เขาได้ข้อสรุปว่า ไม้นั้นมีอายุตั้งแต่ 4,000-6,000 ปี ซึ่งก็ตรงกับคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า โลกถือกำเนิดเมื่อ 6,008 ปีก่อนนี้ และเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเกิดขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อนจริง

    แต่การวัดอายุของไม้ในเวลาต่อมา 7 ครั้ง โดยใช้เทคโนโลยีคาร์บอน-14 ได้ข้อมูลว่า ไม้ของ Navarra มีอายุเพียง 1,214-1,384 ปีเท่านั้นเอง

    ตราบเท่าทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นแม่นมั่นว่า เรือ Noah มีจริง ความโกลาหล การแอบอ้างต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่คนหลายคนเชื่อว่า ไบเบิลเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่บันทึกเหตุการณ์จริง แต่จริงไบเบิลเป็นเอกสารศีลธรรมที่พยายามสื่อสารให้คนอ่านรู้ว่า พระเจ้ามีจริง และทุกคนควรมีจริยธรรม และอยู่ในศีลในธรรม มิฉะนั้นก็จะถูกพระเจ้าลงโทษ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เรือโนอาห์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถึงแม้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรือจะยุติลงในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ แต่ประเด็นเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ก็ยังมีบุคคลสนใจมากมาย เมื่อ 4 ปีก่อนนี้ ในหนังสือชื่อ Noah 's Flood : The New Scientific Discoveries About the Event That Changed History. William Ryan แห่ง Lamont-Doherty Earth Observatory ที่เมือง Palisades ใน New York สหรัฐอเมริกาได้เสนอความเห็นว่า ในอดีตเมื่อ 8,000 ปีก่อนนี้ ได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งมโหฬารในบริเวณที่ราบรอบทะเลดำ (Black Sea) ซึ่งอยู่ระหว่างยุโรปกับเอเชีย และเป็นทะเลสาบน้ำจืด น้ำทะเลได้ไหลทะลักผ่านเข้ามาทางช่องแคบ Bosphoues จนถึงทะเลดำทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบเพิ่มสูงขึ้น 100 เมตร ในเวลา 3 ปี แต่ Ryan มิได้ระบุชัดว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เกิดจากสาเหตุใด

    ในวารสาร Paleoceanography ฉบับที่ 19 ปีนี้ Mark Siddall แห่งมหาวิทยาลัย Bern ในสวิตเซอร์แลนด์กับคณะได้รายงานการใช้คอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์น้ำท่วมในทะเลดำ และพบว่า เหตุการณ์น้ำท่วมโลกสามารถเกิดขึ้นได้

    โดยคณะผู้วิจัยได้สมมติว่าในอดีตเมื่อ 10,000 ปีก่อนนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่โลกกำลังตกอยู่ในยุคน้ำแข็ง Holocene ทะเล Mediteranean ทะเล Marmara และทะเลดำมีแผ่นดินคั่นอยู่ ณ เวลานั้นระดับน้ำในทะเลดำอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำในทะเล Marmara ประมาณ 100 เมตร และเมื่อน้ำแข็งละลายระดับน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเล Marmara ได้เพิ่มสูงขึ้นๆ จนกระทั่งเมื่อ 8,400 ปีก่อนนี้ น้ำจากทะเล Marmara ก็ได้ไหลข้ามพื้นแผ่นดินที่คั่นระหว่างทะเล Marmara กับทะเลดำเข้าสู่ทะเลดำ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เหตุการณ์น้ำทะเลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไหลผ่านช่องแคบ Dardanelle เข้าสู่ทะเลมามาราแล้วผ่านช่องแคบ Bosphoues เข้าสู่ทะเลดำ ทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในการศึกษารายละเอียดของเหตุการณ์น้ำท่วมว่ารุนแรง หรือราบเรียบเพียงใด Siddall กับคณะได้กำหนดให้กระแสน้ำท่วมมีความเร็วต่างๆ กัน แล้วศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นตามบริเวณขอบทะเลดำ และเขาก็ได้พบว่า ถ้ากระแสน้ำไหลช้าๆ แรง Coriolis ซึ่งเกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก จะทำให้น้ำไหลขึ้นทางเหนือจะพุ่งเฉียงไปทางตะวันออก แต่ถ้ากระแสน้ำไหลเชี่ยว เพราะขณะนั้นได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวด้วย พลังไหลของน้ำจะมหาศาล จนมันสามารถไหลได้ทุกทิศทาง ปริมาณน้ำที่มากถึง 60,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เท่ากับ 20 เท่าของน้ำตก Niagara จะไหลพุ่งเข้าทะเลดำเป็นเวลานาน 33 ปี จนระดับน้ำในทะเล Marmara และทะเลดำเท่ากันน้ำจึงหยุดท่วม

    งานค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไม่ยุติ เพราะนักวิชาการหลายคนคิดว่า นี่เป็นเพียงแบบจำลองทางจินตนาการ ที่ยังต้องการหลักฐานเชิงประจักษ์เช่น ตะกอนบริเวณท้องน้ำของทะเลดำว่า แสดงการเพิ่มของระดับน้ำในทะเลดำตามกาลเวลาอย่างไร และตรงกับผลการคำนวณหรือไม่ ซึ่งถ้าตรงก็แสดงให้เห็นว่า วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์เหตุการณ์ที่กล่าวถึงในศาสนาได้ครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...