เรื่องดีๆที่อยากเล่าให้ชาวพุทธฟัง

(กระทู้นี้เคยลงไว้เมื่อ 19-7-2014)

แต่กระทู้ได้หายไป อาจเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค
หรือเพราะความผิดพลาดของผมเองวันนี้ผมจึงขออนุญาตนำมาลงอีกครั้ง
เพราะเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
และเป็นเรื่องแรก(ภาค 1)ที่ผมเขียนลงในเวปบอร์ดแห่งนี้
ที่สำคัญทั้ง 3 กระทู้เชื่อมโยงกันโดยไม่ได้ตั้งใจ(เหมือนเป็นภาค 1-2-3 ) ดังนี้คือ
ภาค 1 "เรื่องดีๆที่อยากเล่าให้ชาวพุทธฟัง"
ภาค2 "ภาพชัดๆปาฎิหาริย์ลป.ทวดปรากฏบนท้องฟ้ากลางงานยกหน้าตักวันแรก"
ภาค3 "ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ ณ อาณาจักรหลวงปู่ทวด"


*ขอบคุณครับ*

-------------------------------------


เช้าวันหนึ่งเมื่อเดือนมีนาคม 2557
ขณะที่ผมไหว้พระสวดมนต์ตามปกติได้เกิดเรื่องไม่คาดคิด
เพราะจู่ๆมีบทคาถา “มหาโชค มหาลาภ”
ที่ผมไม่เคยท่องมาก่อนสอดแทรกเข้ามาในบทสวดมนต์
และผมได้ท่องไปโดยไม่รู้ตัว......
ตอนนั่นผมได้แต่ฉงนใจและคิดเล่นๆว่า
“สงสัยเทพเทวดาประทานบทคาถาพิเศษนี้มาให้”

เวลาผ่านไปแรมเดือน
วันหนึ่งขณะที่ผมเข้ากูเกิลเพื่อค้นหาสาระความรู้ต่างๆ...
ได้พบว่ามีการสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่บริเวณเขาใหญ่ อ.ปากช่อง
และปัจจุบันได้สร้างหลวงปู่ทวดนาคปรกเสร็จแล้ว 1 องค์
ส่วนองค์ใหญ่ที่สูงที่สุดในโลกหน้าตักกว้าง 39 เมตร สูง 111 เมตร
ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างฐานที่ตั้ง
คาดว่าประมาณเดือนพฤศจิกายนปีนี้
จะทยอยอัญเชิญส่วนต่างๆขององค์หลวงปู่ทวดขึ้นสู่ฐาน
...เมื่อคลิ้กดูภาพไปเรื่อยๆผมต้องตะลึง
เพราะมีอยู่ภาพหนึ่ง มีบทคาถา


>พุทโธสำเร็จ ธัมโมสำเร็จ สังโฆสำเร็จ
“มหาโชคมหาลาภ“ มหาเศรษฐี<


อยู่บนด้านหลังนาคปรก...
ถ้าเป็นคนอื่นอาจเฉยๆ แต่สำหรับผมกลับรู้สึกตื่นเต้น
เพราะตัวผมศรัทธาหลวงปู่ทวดมากอาจบอกได้ว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่หลวงปู่ทวดเมตตามาตลอด ซึ่งเป็นความเมตตาที่ผมสัมผัสได้ในหลายครั้ง(จะเล่าให้ฟังในตอนท้าย)

การค้นเจอครั้งนี้ทำให้ผมมั่นใจว่า
บทคาถาที่สอดแทรกเข้ามาขณะที่ผมสวดมนต์ในเช้าวันนั่น
ต้องมาจากบุญญาภินิหารของหลวงปู่ทวดที่ดลใจให้ผมมีแรงบันดาลใจในการค้นหา
จนในที่สุดถึงได้รู้ว่าจะมีการสร้างหลวงปู่ทวด
องค์ใหญ่ที่สุดในโลกที่บริเวณเขาใหญ่
เมื่อสืบค้นเข้าไปอย่างละเอียดจึงทราบว่า

...พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างคือพระอาจารย์เพชรหรือครูบาเพชร
วัดประยงค์กิตติวนาราม หนองจอก กทม.
ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม มีญาณหยั่งรู้ แต่เดิมวัดประยงค์ เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ท่านธุดงมาปักกลด
ต่อมาเจ้าของที่ดินถวายที่ดินส่วนหนึ่งให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ แล้วเปลี่ยนมาเป็นวัดโดยใช้ระยะเวลาสั้นๆเพียง 4-5 ปีท่านสามารถพัฒนาวัดแห่งนี้ได้ราวเทพนิมิต
(ยังมีต่อ)

 

ในที่สุดโอกาสดีก็มาถึง
ผมเลือกเอาวันสำคัญทางศาสนา
คือวันอาสาฬหบูชาที่ 11 กรกฏาคม 2557
พร้อมสมาชิกครอบครัวรวม 5 คน
เดินทางมาปากช่อง เขาใหญ่
ออกจากบ้านเวลาประมาณ 08.00 น
..กว่าจะมาถึงก็บ่ายโมง เพราะเป็นวันหยุดยาว
ซึ่งตามปกติผมจะไม่นิยมมาวันที่ผู้คนแห่กันมา
รถติดยาวเหยียดบางช่วง
กว่าจะหาที่พักได้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมง
แต่ยังโชคดีที่ได้ที่พักใหม่วิวสวย
ราคาไม่แพงเว่อร์จนเกินไป
เจ้าของใจดี ลดราคาพิเศษให้เกือบ 30%
แถมเดินเข้าใกล้กระซิบเบาๆว่า “ราคานี้อย่าบอกใครเชียวนะ”
...Happy จริงๆงานนี้ประหยัดไปตั้งเกือบพันบาท

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเข้าพรรษา ประมาณเที่ยงวัน
เราจึงขับรถมุ่งหน้าไปที่อาณาจักรหลวงปู่ทวด
ช่วงนั่นแดดร้อนจัดมาก
ผมนั่งอยู่ในรถจึงได้ภาวนาในใจ
ขอปู่ทวดเมตตาให้แดดร่มลงสักครึ่งชั่วโมง หรือ 15-20 นาทีเถิด
เมื่อเข้าไปใกล้บริเวณอาณาจักรหลวงปู่ทวด
ผมสัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ทันที
ตั้งแต่สถานที่ตั้งสภาพแวดล้อมโดยรอบ
พอขับรถผ่านประตูเข้าไปจิตใจรู้สึกปิติขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในใจจึงบอกเป็นนัยๆว่า....
ในอนาคตสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
จะมีผู้คนมาสักการะบูชาองค์หลวงปู่ทวดไม่ขาดสาย
และจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง
ในบริเวณเขาใหญ่ปากช่อง ซึ่งจะเพิ่มพลังดีด้านจิตใจ
พลังดีด้านธรรมชาติ พลังดีด้านเศรษฐกิจต่อชาวโคราช
และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ นานัปการ

(ยังมีต่อ)

 

(ทดสอบการส่ง)

 

พวกเราขับรถไปจอดที่หน้าอาคารทำบุญ
รวบรวมปัจจัยทำบุญเช่าวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ
เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าช่วงที่ทำพิธีปลุกเสก
ได้เกิดฟ้าผ่าลงมาบริเวณใกล้เคียงถึง 3 ครั้ง
จากนั่นเจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้นำวัตถุมงคลทั้งหมด
ไปอธิษฐานขอพรต่อหน้าองค์หลวงปู่ทวดนาคปรก
ช่วงที่ออกจากอาคารเพื่อขึ้นรถ แดดร้อนจัดมาก
เราจึงขับรถไปจอดใกล้ๆองค์หลวงปู่ทวดห่างประมาณ 100 เมตร
ขณะที่ผมลงจากรถคนแรก
ผมได้บอกทุกคนว่าแดดร้อนนะ ให้ถือร่มไปด้วย แต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจ
พอพวกเราเดินไปได้เพียง 4-5 ก้าว ปรากฏว่าแดดได้ร่มลง
โดยได้เกิดเมฆเทาดำจางๆปกคลุมบริเวณรอบๆพระอาทิตย์
...จากนั่นเดินไปอีกประมาณ 10 เมตร
จู่ๆได้เกิดลมพัดมาแรงแบบไม่มีวี่แววมาก่อน
แล้วกลายเป็นลมหมุนหอบเอาฝุ่นดินลูกรังหมุนติ้วเป็นลำหนาสีอิฐ
...ดูคล้ายทรงเจดีย์หรือทรงอะไรก็สุดแท้แต่ใครจะมอง
สูงขึ้นไปเหนือเสาไฟฟ้า ทุกคนตกตะลึงหลบเข้าที่กำบัง
ส่วนผมค่อยๆเดินไป ในใจกลับนึกว่า "เออสวยดี"
...จากนั่นฝุ่นฟุ้งกระจายพัดไปด้านหน้าองค์หลวงปู่ทวด
ห่างกันราวๆ 5-6 เมตรแล้วหมุนติ้วเป็นลำบางๆ
สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วค่อยๆจางหายไปพร้อมลมที่สงบลง
(ยังเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะไม่ทันตั้งตัว)
หลังจากกราบไหว้อธิษฐานขอพรหลวงปู่เสร็จ..ผมยืนถ่ายทิวทัศน์รอบๆ
จากนั่นยกกล้องสูงเงยหน้าเพื่อถ่ายเศียรนาคปรก 4-5 รูป
ก่อนกดชัตเตอร์ผมได้ภาวนาในใจว่า
“ถ้ามีแดดสักนิดน่าจะดี อยากเห็นพระอาทิตย์ทรงกลดเหนือนาคปรกหลวงปู่”
เมื่อได้เวลาพอสมควรพวกเราก็กราบลาหลวงปู่เดินไปขึ้นรถ
จะเพราะเหตุบังเอิญหรืออะไรก็สุดแท้แต่
เพราะตั้งแต่เดินลงจากรถจนถึงขึ้นรถเป็นเวลานานกว่า 20 นาที
ดวงอาทิตย์ถูกบดบังด้วยก้อนเมฆสีเทา ทำให้แดดร่มสบายๆ
แตกต่างกับตอนออกจากอาคารทำบุญ ช่วงนั่นแดดร้อนจัดมาก

 

พอกลับถึงบ้าน ได้เปิดคอมเพื่อดูรูปที่ถ่ายไว้
สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดได้เกิดขึ้น ผมตื่นเต้นขนลุก
เพราะมีอยู่ภาพหนึ่งปรากฏพระอาทิตย์ทรงกลดเหนือนาคปรกหลวงปู่
เป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ทั้งๆที่ตอนเงยหน้ากดถ่ายไปหลายรูป
ไม่เห็นมีพระอาทิตย์ทรงกลดเลย
เพียงแต่ในใจภาวนาอยากได้ภาพทรงกลด
สรุปการเดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ทวด
“ด้วยใจมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในครั้งนี้”
หลวงปู่ได้ทรงเมตตาแสดงบุญญาภินิหารให้ครอบครัวเรา 5 คน
ได้ประจักษ์ด้วยสายตาในเวลาครึ่งชั่วโมงถึง 4 เรื่องด้วยกันคือ

1.แดดเปรี้ยงร้อนจัดกลายเป็นแดดร่มสบายเป็นเวลากว่า 20-30 นาที
2.จากที่ลมเงียบ จู่ๆเกิดลมหมุนสูงขึ้นเหนือเสาไฟฟ้าถึง 2 ครั้งติดต่อกัน
3.ตัวเลขทำบุญ 9200 ตรงกับเลขท้ายรถ 92 ของเรา
และไปตรงกับเบอร์เลข 92 ของรถตักดินที่กำลังทำงานอยู่
4.พระอาทิตย์ทรงกลดทั้งๆที่ตอนเงยหน้าถ่ายนาคปรก 4-5 รูปไม่เห็นมี

….ขณะนั่นไม่มีกลุ่มคนอื่นอยู่เลย
เพราะการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์นัก
จึงไม่มีการประชาสัมพันธ์ แม้แต่ป้ายชี้นำทางแถวปากช่องยังไม่มีเห็น
พวกเราต้องจอดรถถามชาวบ้านถึง 2-3 ครั้ง
วันนี้จึงเป็นโอกาสดีของผมที่จะทำหน้าที่บอกเส้นทางง่ายๆดังนี้...
ถ้ามาจากกรุงเทพเข้าถนนธนะรัชต์ พอขับรถถึง กม.12
ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 2 กม.
....จะถึงอาณาจักรหลวงปู่ทวด

(ยังมีต่อ)

 

**ตามที่เกริ่นนำตอนต้นว่า**

ตัวผมนับถือศรัทธาองค์หลวงปู่ทวดมาก
อาจพูดได้ว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่ท่านทรงเมตตาผมมาตลอด
ซึ่งเป็นความเมตตาที่ผมสัมผัสได้ในหลายครั้ง...
ฉะนั้นก่อนจบเรื่องราวทั้งหมดผมจะเล่าให้ทุกท่านฟังในตอนท้ายดังนี้

ช่วงที่ผมอายุประมาณ 30 ปี
ได้เช่าพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านมา 1 องค์ด้วยราคา 1,500 บาท
จากคนรู้จักกันโดยที่ตัวเองไม่ใช่นักเล่นพระ
ที่สำคัญขณะนั่นไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่องและดูพระไม่เป็น
รู้แต่เพียงว่าถ้าพระหลวงปู่ทวดต้องเป็นรูปทรงลักษณะประมาณนี้
แต่ก็ได้ตัดสินใจเช่าไปโดยไม่ลังเลไม่ต่อรอง หรือสงสัยอะไร
(ภายหลังปรากฏว่าพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านองค์นี้
เป็นพิมพ์พระรอดรุ่น 1 ปี 2497 พระแท้ 100%)

....หลังจากเช่าพระไปได้ไม่กี่เดือน
คืนหนึ่งได้ฝันถึงพระหลวงปู่ทวดองค์นี้ลอยอยู่กลางอากาศใกล้ๆตัวผม
ข้างจีวรฐานบัวบนปรากฏเลข 39 ไว้ชัดเจนมาก
ตื่นขึ้นมาผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปทำงานตามปกติ
ก่อนหวยออกไม่กี่วันได้ไปซื้อล๊อตเตอร์รี่เลข 39 ไว้
...ปรากฏว่างวดนั่นเลขท้ายสองตัวออก 39 พอดี
“ที่สำคัญคือเป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่ถูกล๊อตเตอร์รี่”

ต่อมาปี พ.ศ.2540 ผมพร้อมด้วยครอบครัว
ได้เดินทางไปใต้และได้แวะไปที่วัดช้างไห้จังหวัดปัตตานี
ได้เช่าพระบูชาหลวงปู่ทวดปี 39 ไว้ 1 องค์
โดยไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเป็นปี 39
หลังจากไหว้พระออกมาหน้าวัด ได้ซื้อล็อตเตอร์รี่เลข39
ปรากฏว่าเลขท้าย 2 ตัวงวดนั่นออก 39 พอดี...
ล่าสุดคือก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม2557
อาจเป็นเพราะช่วงนั่นจิตใจผมจดจ่อและมีความมุ่งมั่นสูงมาก
ในการหาเวลาเดินทางมาร่วมบุญร่วมสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
...เหมือนมีสิ่งดลใจให้ผมคิดซื้อเลขท้ายสองตัว 39...
ซึ่งนับได้ว่าหลวงปู่ทวดท่านทรงเมตตา มอบค่าใช้จ่ายมาให้ก่อนเดินทาง
(หมายเหตุ-ปกติผมไม่ใช่คนบ้าหวยเพราะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้))


*ที่น่าทึ่งและประหลาดใจที่สุด**

คือเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางกทม.ได้จัดทำสำมะโนครัวประชากร
โดยจัดวางเลขที่บ้านใหม่ให้ทุกครัวเรือน...
เมื่อเปิดสมุดออกมาผมถึงกับตะลึงที่เห็นเลขที่บ้านเปลี่ยนมาเป็นเลขที่ 39
มันคงเป็นอะไรที่สุดที่สุดแห่งความบังเอิญจริงๆ
น่าจะเป็นความบังเอิญ 1 ในหมื่นหรือแสน
เพราะบ้านเลขที่ มีตั้งแต่ 1 หลักไปยันหลายหลัก
แถมมีทับ(/)สลับไขว้ไปมาอีกหลายรอบ....ลองคูณดู

**ในที่สุดปริศนาเลข 39 ก็ถูกเฉลยออกมาในเย็นวันหนึ่ง**

โดยเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา
บังเอิญผมได้ดูทีวีรายการของคุณริวจิตสัมผัส
มีผู้ชมท่านหนึ่งได้สายตรงปรึกษาปัญหาชีวิตกับคุณริว
ทราบว่าเป็นคนเกิดวันเสาร์เหมือนผม
คุณริวจึงแนะนำให้ไปหาหลวงปู่ทวดมาเป็นพระประธานบูชาไว้ที่บ้าน
และบอกว่าคนที่เกิดวันเสาร์บางคนจะมีบุญสัมพันธ์กับหลวงปู่ทวด

*ส่วนเลข 39 คือ เลขรหัสประจำตัวขององค์หลวงปู่ทวด*

วันนั่นผมถึงกับบางอ้อว่า...
“ทำไมชีวิตผมถึงผูกพันกับเลข 39 มาโดยตลอด

สุดท้ายนี้ ขออนุโมทนา
แด่ทุกท่านที่ “บังเอิญ”ได้เข้ามาอ่าน