เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย aprin, 19 มีนาคม 2008.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    พระธรรมเทศนา โดยหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก

    คำสอนของพระพุทธเจ้า ท่าค้นคว้าเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนพบที่ในกาย ในใจ พวกญาติโยมต้องทำเอาจริง ๆ จึงจะเข้าถึงพระอริยเจ้าได้ อย่างอื่นไม่มี นอกจากมีศีล และมีการฝึกสมาธิ ศีล ๕ ทำให้บริสุทธิ์เมื่อรักษาบริสุทธิ์แล้ว คือ ย่อมให้ผล ผลย่อมให้ผู้นั้นอยู่ในภูมิของพระโสดาบัน เพียงมีสมาธิอ่อนๆ ก็จะบรรลุพระโสดาบันได้แล้ว ขอให้มีศีล ๕ ให้มั่นคง ในกาย ในใจของเรา

    เมื่อญาติโยม สมาทานศีล ๕ ดีแล้ว ทีนี้เราจะทำการอบรมด้านสมาธิทางใจ ในธรรมของพระพุทธเจ้า อย่างอื่นไม่มีที่พึ่งเลยจะมีที่พึ่งก็คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้น ที่จะฝึกสมาธินั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ตั้งกายให้ตรงระลึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ที่ใจ พระธรรมเจ้าอยู่ที่ใจ พระสงฆ์เจ้าอยู่ที่ใจ ระลึกว่าพระอยู่ที่ใจแล้ว ไม่ต้องส่งจิตไปที่อื่นแล้ว เราก็พยายามทำความรู้สึกที่กาย ที่ใจของเรา หรือว่านั่งแบบไหนก็ให้รู้ว่าเราอยู่ในอิริยาบถนั้น ๆ จะหลับตาหรือลืมตาก็ตาม ก็ให้รู้อยู่ไม่ให้เปลี่ยนไปที่อื่น แล้วทำใจให้สบาย ๆ เมื่อใจสบาย ๆ นั่งอยู่เฉย ๆ ก็ดูว่า หายใจเข้าก็กำหนดว่า
     
  2. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    วาทธรรม
    <O:p</O:p
     
  3. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๒๑


    วันอธิษฐานเข้าพรรษา<O:p


    <O:p

    การที่พวกเราเข้าสู่พระพุทธศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ เพื่ออะไร เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อเสียงสรรเสริญหรือ เปล่าเลยท่านทั้งหลาย การที่พวกเราเข้ามาสู่พระพุทธศาสนานี้
     
  4. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๑


    การเจริญกรรมฐานนี้ ขอให้พวกเราพยายามใช้ญาณให้เที่ยวไปในกายของเรา หรือตรวจอาการสามสิบสอง เพื่อยังอสุภกรรมให้เกิดขึ้น จะได้เห็นความเป็นจริงของสังขารว่า มันเป็นอย่างไร
     
  5. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๑ (เช้า)

    การเจริญกรรมฐานนี้ ขอให้พวกเราระลึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ที่ใจ พระธรรมเจ้าอยู่ที่ใจ พระสงฆ์เจ้าอยู่ที่ใจ หายใจเข้าว่า
     
  6. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๑ (เย็น)


    ผู้รู้ธรรมน่าเบื่อหน่ายสลดสังเวชใจในความเกิด ความแก่ ความจ็บ ความตาย ผู้ที่ยังไม่รู้ธรรมไม่เห็นธรรม ก็ระเริงอยู่อย่างนั้นเมื่อไหร่ล่ะจึงจะพ้นทุกข์กันเสียที
     
  7. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๑


    ตัวสมุทัยสัจเกิดขึ้นอีกแล้ว จึงต้องทำให้พรรคพวกเราออกไปโปรดสัตว์ เพื่อนำมาบรรเทาตัวสมุทัย ที่ทะเลาะวิวาทกันเพราะเรื่องกินก็มีเยอะไป การปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าขาดอาหารสัปปายะก็ทำให้การปฏิบัติธรรมไม่สะดวกและต้องมี เสนาสนะสัปปายะ บุคคลสัปปายะ ธัมมะสัปปายะอีกด้วย จึงจะมีครบทุกอย่างในของสัปปายะ แต่การที่จะมีสัปปายะพร้อมหมดทุกอย่างไม่ใช่ของหาได้ง่ายนัก บางแห่งมีทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยังทะเลาะกันอีก

    ขอให้พวกเราอย่าได้เป็นอย่างนั้น การไปบิณฑบาตท่านเรียกเป็นศาสนโวหารว่า
     
  8. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๒๑


    การเจริญกรรมฐานนี้ ต้องหมั่นวิตก คือยกจิตใจของเราที่มันหดหู่ ท้อถอย ให้มีปีติปราโมทย์ พร้อมกับให้มีวิจารณ์ การพิจารณาอารมณ์ขณะนี้ อารมณ์อะไรดับลงไปบ้าง อารมณือะไรเกิดขึ้นมาบ้าง
     
  9. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๑


    กุญแจที่จะไขประตูพระนิพพานนี้มีอยู่ ๓ ดอก คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ขอให้พวกเราพยายามทำให้เกิด ให้มีขึ้นในจิตใจ
     
  10. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๑


    การที่พวกเรามาอยู่รวมกันนี้อีกไม่เท่าไรพวกเราก็จะตายจากกันแล้ว
     
  11. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๒๑


    การที่พวกเราสวดมนต์ทำวัตรแล้วแผ่ส่วนบุญกุศลไปให้ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พรหมมารและอินทราช ผู้ทรงคุณหรือสูงชาตินี้ พวกเขาเหล่านี้ย่อมปกปักรักษาพวกเราให้มีความเจริญ ความสุขกายสุขใจ ผู้ที่เป็นมารเป็นศัตรูก็กลับเป็นมิตรเป็นสหายของเรา แล้วพวกสามเณรน้อยๆ ก็พลอยได้บุญกุศลไปด้วย เพราะสามเณรเป็นผู้มีสติปัญญาอ่อน ยังไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องของพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้ บางครั้งอาจพลั้งเผลอขาดสติกล่าวติเตียน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็เป็นบาปเป็นอกุศลกรรม เมื่อมีการทำวัตรเย็นสามเณรก็ได้โอกาสขอขมาโทษแก่พระรัตนตรัยที่ได้ว่ากล่าวล่วงเกินท่าน เพราะท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ บางองค์ท่านมีฌาน มีสมาธิ มีสมาบัติ ถ้าสามเณรไม่รู้ไปกล่าวติเตียนท่านเข้า ก็เป็นอริยุปาวาทตัดมรรคผลของตน จึงขอให้สามเณรพยายามระมัดระวังการพูดการจาให้มาก สิ่งใดเห็นว่าไม่สมควรพูดก็อย่าพูดบาปมันเกิดขึ้นที่ปากที่ใจได้ง่าย สิ่งใดที่ท่านต้องการเห็นว่าไม่ผิดธรรมวินัย ควรขวนขวายหาให้ท่าน เราอยู่กับพระให้รู้จักเอาบุญกุศลจากพระบ้าง

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
     
  12. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๑



    การเจริญกรรมฐานทุกครั้ง ต้องระลึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ที่ใจ พระธรรมเจ้าอยู่ที่ใจ พระสงฆ์เจ้าอยู่ที่ใจอย่างนี้เสมอ ลมหายใจเข้ายาวก็ให้กำหนดรู้ ลมหายใจออกสั้นก็ให้กำหนดรู ตามดูลมที่เราหายใจเข้าออกอยู่อย่างนี้ นิวรณ์ธรรมสมุทัยสัจมันจะได้ดับเนื้อนิวรณ์ธรรมสมทัยสัจจ์ดับแล้ว กายเบา (กายลหุตา) จิตเบา (จิตตลหุตา) ก็ให้กำหนดรู้ กายสงบ (กายปัสธิ) จิตสงบ (จิตปัสธิ) ก็ให้กำหนดรู้ เมื่อกายสงบ จิตสงบมากขึ้นจนเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2008
  13. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๑

    เรื่องยถาปัจจะยังที่เราสวดกันอยู่นี้ พระองค์ท่านสั่งสอนให้พิจารณา (ปัจเวกจณะณาน) อาหารที่เราสำรวมปะปนกันลงในบาตรเพื่อให้เห็นว่าเป็นของปฏิกูล ทำไว้ในใจซึ่งเป็นปฏิกูลสัญญา
     
  14. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๒๑


    การที่เราจะเข้าถึงธรรมะจริงๆ ไม่ใช่ของง่าย ต้องอบรมชีวิตจิตใจให้มีสมถภาวนา วิปัสสนาภาวนา จึงจะรู้จึงจะเข้าใจในเรื่องของธรรมะที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายได้ (อมตะภาวนาและพุทธภาวะ)
     
  15. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๒๑


    ควรเพ่งมองดูผม ขน เล็บ ฟัน หนัง อันเป็นมูลกรรมฐาน ที่ครูอุปัชฌาอาจารย์ให้พวกเรามาแต่วันบวช เมื่อพวกเราพยายามหมั่นตรวจดูตจปัญจกรรมฐานอยู่เสมอ จิตใจมันก็ค่อยๆคลายออกละออกจากอารมณ์ภายนอก ตัวสมุทัยที่เรียกว่านิวรณ์ก็ดับลงแล้วพระอริยมรรคก็เกิดขึ้นเจริญขึ้น
     
  16. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๒๑


    สามเณรพยายามเชื่อฟังพระท่านว่ากล่าวสั่งสอนน่ะ เพราะสามเณรน้อยๆนี้เป็นผู้มีปัญญาอ่อน ท่านว่าสั่งสอนอย่าดื้อรั้น ที่พวกเราพากันเข้ามาบวชเรียนนี้ก็เพื่อหวังสร้างความดี สร้างกองบุญกองกุศล ถ้าพวกเราเป็นสามเณรที่ดื้อรั้นเสียแล้ว เราจะเอาความดีที่ไหนล่ะ จะเอามรรคผลที่ไหนล่ะ ความขี้เกียจขี้คร้านนี้มันซ่อนอยู่ในกายของพวกเรานี้แหละ ชาวนาไม่พยายามเอาหญ้าออกจานา หญ้ามันก็ข่มขี่ข้าวในนาฉันใด นักปฏิบัติถ้าไม่หมั่นพยายามเอากิเลสออกจาก กาย วาจา ใจ กิเลสมันก็ข่มขี่จิตใจให้เกียจคร้านให้หดหู่ท้อถอยได้ฉันนั้น ถ้าหากว่าพระท่านว่าเตือนแล้วยังดื้อรั้นอยู่ไม่เชื่อกันก็ให้กางเกงตัวเสื้อกล้ามตัว สึกออกไปหาพ่อแม่ที่บ้านโน้น เพราะอยู่ก็ไม่ได้มรรคผลอะไร เขาลือกันว่า
     
  17. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๑


    การเจริญกรรมฐานทุกครั้งพยายามระลึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ที่ใจ พระธรรมเจ้าอยู่ที่ใจ พระสงฆ์เจ้าอยู่ที่ใจ เมื่อพระท่านอยู่เกิดขึ้นอยู่ที่ใจแล้วให้หมั่นวิตกยกขึ้นสู่อารมณ์ของกรรมฐาน ประกอบด้วยวิจารณ์พิจารณาอารมณ์ของกรรมฐาน ให้มีความร่าเริงบันเทิงใจในลมหายใจเข้า ร่าเริงบันเทิงใจในลมหายใจออก เมื่อเราพยายามทำอยู่อย่างนี้แล้ว จิตก็จะค่อยๆรวมตัวเป็น เอกัคคตารมณ์ แล้วให้พิจารณาดูจิตใจในขณะนั้น เราจะเห็นชัดเลยว่า
     
  18. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๒๑


     
  19. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๒๑


    การเจริญกรรมฐานพยายามเพ่งดู ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เพื่อเป็นอุบายทำให้จิตใจให้เข้าถึงความสงบ แล้วยังสามารถทำฌานให้เกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีฌานก็ไม่มีสมถะ นักปฏิบัติเขารู้เรื่องของกิเลสได้ดี จึงพยายามเจริญสมถะภาวนาวิปัสสนาภาวนา มีความเพียรในการถอนกิเลสออกจากจิตใจ ท่านเรียกว่า
     
  20. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    แสดง ณ วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๒๑


    บรรดาหมู่ญาติทั้งหลาย วันนี้เป็นวันพระกลางเดือนเก้า คืนนี้อาตมาจะได้นำภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายเวียนเทียนบูชาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ เพราะพวกเราเป็นพุทธศาสนิกชน ต้องอาศัยพระรัตนตรัยนี้แหละ จึงจะทำให้พวกเราถึงความพ้นทุกข์ พ้นจากความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายกันได้ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายนี้ไม่มีใครอยากได้ ไม่มีใครอยากต้องการเลยแต่ธรรมชาติเขาก็โยนมาให้เรา เราไม่รับก็จำใจรับ ดูอย่างคนตายซิโยม เขานิมนต์พระไปจูงหน้าศพมาวัด ก็เพื่อจะให้คนที่มีชีวิตอยู่ได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจว่า คนตายเข้ามาวัดมันก็หมดโอกาสที่จะสร้างความดี สร้างกองบุญกองกุศลเสียแล้วอาตมาเองก็จูงญาติโยมให้มีทาน มีศีล มีภาวนาเท่านั้น ขออย่าให้เป็นเหมือนเศรษฐีสองผัวเมียมีทรัพย์สมบัติตั้งแปดสิบโกฏิ แต่ต้องถือกระเบื้องเที่ยวขอทานคนอื่นกิน เปรียบประดุจดังว่า นกกระเรียนแก่ที่มีปีกและขนหลุดหมดแล้วอยู่ในโคลนตมถอนตนเองช่วยตนเองให้ขึ้นจากเปลือกตมไม่ได้ เพราะตนเองและเมียไปหลงเล่นกับอบายมุข

    พระอานนท์จึงได้ทูลแก่พระพุทธเจ้าว่า ทำไมพระองค์ไม่ทรงช่วยเศรษฐีสองสามีภรรยานี้ละพระเจ้าขา พระองค์ตรัสว่าอย่าเลยอานนท์ เราตถาคตช่วยเขาไม่ได้แล้ว ในกาลก่อนนี้ถ้าว่าเขาทั้งสองจักออกบวชในครั้งที่หนึ่ง สามีจักได้เป็นพระอรหันต์ ภรรยาจักได้เป็นอนาคามี ในครั้งที่สองสามีจักได้เป็นอนาคามี ภรรยาจักได้เป็นสกทาคามี ในครั้งที่สามสามีจักได้เป็นพระสกทาคามี ภรรยาจักได้เป็นพระโสดาบัน ถ้าหากว่าสามีภรรยาทั้งสองจักประกอบการงานในปฐมวัย จักได้เป็นเศรษฐีที่หนึ่งในนครนี้ ในมัชฌิมวัยจักได้เป็นเศรษฐีที่สองในนครนี้ ในปัจฉิมวัยจักได้เป็นเศรษฐีที่สามในนครนี้ ดูก่อนอานนท์แต่บัดนี้เขาทั้งสองได้เสื่อมจากมรรคผล และความเป็นเศรษฐี แม้ในกาลทั้งสามเราตถาคตก็ช่วยเขาทั้งสองไม่ได้เสียแล้ว อาตมาก็เหมือนกันพยายามช่วยหมู่ญาติให้ถอนคนออกจากหล่มโลกีย์ ที่มีแต่ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายครอบงำอยู่ ทาน ศีล ภาวนา นี่แหละญาติโยมทั้งหลายทำมนุษย์ให้เป็นเทวดา ทำเทวดาให้เป็นพรหม ทำพรหมให้เป็นนิพพาน ไม่ต้องกลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตายอีกต่อไป ต่อจากนั้นท่านก็ยถาสัพพีให้พรแก่หมู่ญาติ

    หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก
     

แชร์หน้านี้

Loading...