เรื่องเล่าของ กาลีนะ ( Matadavee Parawaty.)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย Kalina, 7 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    :cool::cool::cool::cool:

    .... ก่อนอื่นนะคะขอทำความเข้าใจกับทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไว้ตรงนี้เลยนะคะว่า ... จุดประสงค์ทำขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวของมหาเทวีที่ กาลีนะ รัก และ ศรัทธาตามความคิดส่วนตัวที่ได้ศึกษามา ... บวกกับความอินในหนังแขกเรื่องหนึ่งที่กำลังออกอากาศอยู่ตอนนี้ในอินเดียเป็นภาษาฮินดี้ เรื่อง " มหาเทพ " ด้วยความฟินส่วนตัวถึงจะแปลไม่ออกแต่ก็ดูทุกตอนที่ลง และ ใฝ่ฝันให้มีภาคไทยในอนาคต .. เล่าเรื่องได้น่าสนใจได้ความรู้มากมาย .. บางอย่างนี้เหมือนพี่ไทยเราเอามาผิด ๆ ก็มี ด้วยมีหลายตำรานั้นเอง ....


    .... เพราะฉะนั้นกรุณา " อย่ามาโลกสวย " .. เพราะตำรานี้ กาลีนะ แต่งเอง ... ไม่ชอบไม่พอใจไม่ต้องอ่านคะ ..
     
  2. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .............. กำเนิด ..............

    ..... เมื่อย้อนเวลากลับไปครั้งกำเนิดทุกสรรพสิ่ง .. ในความมืดมิดได้กำเนิดกองไฟขึ้นกองหนึ่งลุกโชติช่วงอยู่นานหลายพันปี .. จนวันหนึ่งได้กำเนิดบุรุษรูปงามตนหนึ่งขึ้นพร้อมเปล่งวาจาว่า " โอม " ลักษณะใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา มีดวงตาที่อ่อนโยนแลดูอบอุ่น สูง ผิวสี ร่างกายกำยำ นุ่งห่มหนังสัตว์ มีสิบกร อาวุธครบมือ ... เขาได้แต่นั้งสมาธิอยู่เงียบ ๆ คนเดียวท่ามกลางความมืดนั้น ..

    .... เวลาผ่านไปเนินนานเท่าใดไม่อาจหยั่งได้ .. บุรุษผู้นั้นจึงบังเกิดความรู้สึกประหลาด ความเดียวดาย อ้างว้าง .. เขาจึงมีความคิดจะสร้างสรรสิ่งที่มาเป็นเพื่อนเขาได้ขึ้นมา .. จากหัวใจด้านซ้ายของเขาเอง ...

    ... และก็ได้บังเกิด " อิสตรี " นางหนึ่งขึ้นมานางผู้มีความงาม อ่อนหวาน ใบหน้ากลมเล็กได้รูป คิ้วโก่งดั่งคันศร จมูกโด่งเล็ก ปากรูปกระจับ ทรวดทรงองค์เอวเย้ายวญใจเป็นที่สุด มีสิบกรอาวุธครบเช่นกัน.. นางนั้งอยู่บนหลังราชสี .. ทั้งสองได้ถุกเรียกภายหลังว่า " พระศิวะมหาเทพ และ พระแม่ศักติ " ด้วยทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกัน และ กันนั้นเอง เหมือนของที่ถูกกำเนิดมาเพื่อคู่กัน .. ทั้งสองแลกเปลี่ยนพูดคุยกันอยู่นานจนนับไม่ได้ .. เหมือนเป็นความผูกพันธ์เกิดขึ้น ... ดังที่ว่า " ชาย คือ เบื้องขวา หญิง คือ เบื้องซ้าย " .. เพราะชายต้องคอยทำหน้าที่ต่าง ๆ นอกบ้านดูแลความปลอดภัยปกป้องให้ครอบครัว หญิงมีหน้าที่คอยช่วยเหลือ ดูแล งานในบ้าน ดูแลบุตร และ สามี นั้นเอง ..

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2015
  3. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ในกาลครั้งนั้นมหาเทพทั้งสองตกลงจะสร้างจักวาลทรงได้ช่วยกันสร้างสรรค์สรรพสิ่งด้วย "การร่ายรำคู่กัน " เรียกภายหลังว่า " ศิวนาฏราช " .. บังเกิดธาตุต่าง ๆ ดวงดาวต่าง ๆ ท้องฟ้า น้ำ ไฟ ก่อกำเนิดเป็นจักวาลในที่สุด .. มหาเทพทั้งสองจึงเปรียบเสมือน " บิดา และ มารดา " ของทุกสรรพสิ่งนั้นเอง
    ( เหมือนเป็นการเปรียบเทียบของคนสมัยก่อนว่า การที่คนเราจะกำเนิดมาได้นั้นจะต้องมี พ่อแม่ เป็นผู้ให้กำเนิดนั้นเอง พระศิวะ กับ พระแม่ศักติ จึงเป็นพ่อ และ แม่ ของทุกสรรพสิ่งในความเชื่อของชาวฮินดูโบราณ )

    ... เมื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ แล้วนั้นทั้งสองมีความคิดว่ามันเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากเมื่อทรงสร้างมหาสมุทรเสร็จแล้วทรงบันดาลให้เกิดหนุ่มรูปงามนาม " นารายณ์ " มีสี่กรทรงบรรทมอยู่เหนือหลังพญานาคราชกลางเศรียรมหาสมุทร เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมาประโยคแรกที่เขากล่าวด้วยเสียงดังกังวาล " โอมนมัสศิวะ " ได้บังเกิดสายบัวจากสะดือของเขายื่นยาวขึ้นไปบนฟ้ากลายเป็นดอกบัวสัตบงกชดอกใหญ่ เมื่อดอกบัวนั้นบานใจกลางดอกบัวได้บังเกิดบุรุษหนุ่มมอีกตนหนึ่งขึ้นมา เขาคนนี้มีสี่หน้าสี่กรมีรัสมีเปล่งประกายสุกสว่างนาม " พระพรหม " ทั้งสองได้ทำความเคารพกัน และ มีการสอบถามถึงสิ่งที่บังเกิดตรงเบื้องหน้าว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนสร้าง และ พวกเขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร .



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2015
  4. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ชอบ ชอบ ชอบ ต่อเลยครับ
     
  5. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ปูเสื่อ รอฟังต่อค่ะ
     
  6. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ขออภัยคะ ช่วงนี้ปัญหาทางโลกเยอะไปหน่อยเลยไม่ได้เข้ามา และ กำลังรวบ ๆ ข้อมูลให้มากที่สุดก่อนคะ
     
  7. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    อธิบาย

    .......... ศิวนาฏราช ... เป็นปางหนึ่งของพระศิวะ เป็นบรมครูของศิลปะการร่ายรำ หรือ นาฏยศาสตร์ของอินเดีย ความเชื่อว่าการเต้นรำของพระศิวะก่อให้เกิดปฏิกิริยาของการสร้างโลกและมนุษย์ ศิวนาฏราชจะปรากฏในท่าย่างสามขุม (ตรีวิกรม) ซึ่งเป็น 1 ใน 108 ท่าที่ออกแบบโดยพระศิวะ โดยมีสัญลักษณ์ที่พระกรขวาถือกลองคือการสร้างโลก พระกรซ้ายมีเปลวเพลิงล้อมเป็นกรอบคือการสิ้นสุดที่ไฟจะเผาผลาญโลก ( วิกิพีเดีย )

    .... แต่หากเราดูหนังแขกจะเห็นเป็นการร่ายรำคู่กันมากกว่า .. เพราะท่ารำนี้ถูกใช้ตอนพระศิวะ กับ พระแม่ศักติสร้างจักรวาลขึ้นมา จึงจัดเป็นศิลปะชั้นสูงใช้ในพิธีที่สำคัญ ๆ เป็นเหมือนการรวมสองเป็นหนึ่งเดียวก่อกำเนิดชีวิต

    .... นอกจากนั้นเวลาที่พระศิวะทรงพิโรธมาก ๆ ก็จะแสดงท่าร่ายรำนี้แต่เป็นลักษณะดุดัน น่ากลัว เชื่อว่าสามารถทำลายล้างทุกสรรพสิ่งได้ ..
     
  8. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .. ในขณะที่ทั้งสองกำลังพุดคุยกันถึงการกำเนิดของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นเอง ได้บังเกิดเสาหินที่ทั้งสูงใหญ่ และ มีไฟลุกท่วมบังเกิดขึ้นเบื้องหน้าทั้งสองด้วยความสงสัยว่าสิ่งนี้คืออะไรทั้งสองจึงได้ตกลงกันว่าแบ่งกันไปสำรวจเจ้าสิ่งนี้ดู ถ้าจะเปรียบไปแล้วก็เปรียบเสมอเด็กน้อยเกิดใหม่ที่ยังไม่มีความรู้อะไรมาก ยังติดสงสัยอยู่นั้นเอง ... บางคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่า โอปาติกะ มักกำเนิดขึ้นมาแบบโตเต็มที่เลยนะคะ .. เทวดาก็ไม่ต่างกันคะ ทุกอย่างย่อมมีจุดเริ่มต้นกันทั้งนั้น ... คณคิดเหมือนกันไหม๊คะ

    ... เมื่อตกลงกันได้ว่าใครจะเริ่มสำรวจจุดไหนบ้างก็แยกย้ายกันไป .. พระนารายณ์ก็ทรงลงไปทางด้านล่างของเสายักษ์นี้ ส่วนพระพรหมก็ทรงลอยลิ่วขึ้นไปได้บนของเสาเพื่อค้นหาจุดสิ้นสุดของเสาตามที่ตกลงกันไว้

    ... เวลาผ่านเนิ่นนานไปจนไม่รู้ว่าเท่าใดจนทั้งสองถอดใจกลับมายังจุดนัดหมายเพราะหาจุดสิ้นสุดของเสายักษ์นี้ไม่เจอสักที ... หากให้เปรียบก็เสมือนความอยากของมนุษย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด อยากได้ อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง ฯ พูดง่าย ๆ ก็คือ " ตัณหา " นั้นเอง หากเราสามารถลดตัณหาความอยากลงได้ก็ไม่ต้องเหนื่อยในการสนองตัณหานั้นเอง ..

     
  9. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ชอบดูเหมือนกัน หนังย๊าวยาวค่ะ พระแม่ งามมากทุกปางเลย

    แต่ตอนเป็นพระนางปาราวตี สวยที่สุดเลย

    ส่วนพระศิวะ หล่อมากๆ นมใหญ่ดีด้วย ชอบค่ะ
     
  10. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... อิอิ รู้คะว่า พายุ ชอบแนวนี้เหมือนกัน .. และ รุ่นใหม่ที่ฉายอยู่ตอนนี้ กาลีนะ ชอบมากเป็นปลื่มมาก ดูแล้วดูอีก .. เขาทำได้พิถีพิถันละเอียด สมเหตุสมผล มีการอ้างอิงชัดเจนกว่าทุกเรื่องที่เคยดูมาเลยคะ การคัดตัวนักแสดงนี้ยิ่งชัดเจนมากคะวางตัวได้เหมาะสม นักแสดงตั้งใจอย่างสุด ๆ สื่ออารมณ์ได้ดี กาลีนะ นี้อินมากคะถึงฟังไม่เข้าใจในภาษาแต่ก้เข้าใจในการสื่อ อารมณืตัวละคร เหมือนพวกเขาทุ่มสุดชีวิตเพื่อสิ่งที่พวกเขาเคารพรักบูชามันออกมาจากใจพวกเขาจริง ๆ

    ... เพราะเคยดูมาหลายอันแล้วไม่ประทับใจเท่าไหร่ บางอย่างมันดูเฟคโอเว่อร์ ดูแล้วไม่เข้าใจ บุคลิคตัวละครไม่เด่นชัด การสื่ออารมณ์ก็ไม่ทำให้คนดูเข้าถึง ไม่ตรึงใจ .. ( วิจารณ์มากเขาจะมาตีหัวเราไหม๊ 555 )

    ... น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้กล่าวถึงตอนเริ่มต้น .. แต่มาเริ่มกล่าวถึงชาติแรกของพระแม่ศักติที่กำเนิดเป็น พระนางสตี พระราชธิดาองค์เล็กของจอมกษัตริย์พระเจ้าทักษะมหาประชาบดีบุตรแห่งพระพรหมผู้ทรนงเย่อหยิ่ง และ รักเกียรติยศของตนยิ่งกว่าสิ่งใด ...

    .. ยังไงก้จะพยายามเข้ามาเล่าบ่อย ๆ นะคะ ^^
     
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    กลับหลุมได้แล้วจ้า...มาเล่าต่อๆๆ
    ตั้งใจว่าจะหามหากาพย์รามยณ
    อรรนพ อรชุน ฯลฯมาอ่านก็ยังไม่ได้หามาอ่านซักที
    จริงไหมที่ว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นเพราะแย่งผู้หญิงคนนึง
     
  12. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... อันนี้ก้ไม่ทราบคะพี่เพราะหนูแค่พอรู้แต่ไม่แตกฉานคะไม่กล้ายืนยัน ..

    ... ช่วงนี้มันไม่มีฟิวในการเขียนคะ .. มันต้องใช้ฟินลิ่งพอสมควร .. ช่วงนี้มีแต่ฟินลิ่งหนังสงคราม กับ หนังผีคะ
     
  13. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    อยากจะทราบว่า เทพ พรหม มีการทรมาณ สังขารคนที่เลือก ให้ ยอมรับ ด้วยเหรอครับ ผมละงง จริงๆ
     
  14. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .. ไปตอบให้แล้วนะคะ ในกระทู้ประสบการณ์ร่างทรง .. เอ .. พี่มิงค์ไปตอบด้ยน่าจะละเอียดกว่านะคะ ..
     
  15. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... เมื่อทั้งสองพระองค์กลับมาเจอกันที่จุดนัดพบก็ได้สนทนาแลกเปลี่ยนกันว่าไปเจออะไรมาบ้าง .. ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเป็นเสียงที่ดังกังวาลและมีอำนาจ .. แต่ที่น่าประหลาดคือเสียงนั้นมีทั้งความทุ่มนุ่มลึกดูอบอุ่น และ เสียงอันใสกังวาลดังระฆังแก้วฟังแล้วรู้สึกแช่มชื่นใจยิ่งนักดังมาจากเสาต้นนั้น .. " โอมมม .. ดูก่อนเถิดท่านทั้งสอง ข้า คือ ศักติ - ศิวะ .. ทุกสิ่งที่ท่านเห็นเรา คือ ผู้สร้างขึ้นมาเอง นาราย์ท่านจงเป็นผู้รักษาทุกสรรพสิ่ง พรหมมาน ท่านจงเป็นผู้สร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่งต่อจากเรา เราสร้างท่านสองตนด้วยการนี้ ท่านจงช่วยเราสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้บังเกิดต่อไป ก่อกำเนิดสรรพสิ่งที่มีชีวิต สร้างความสมดุลของธรรมชาติ ทุกสรรพสิ่งย่อมมีคู่ของมันเสมอ จงจรรโลงสร้างสรรค์จักรวาลนี้ให้น่าอยู่ต่อไปเถิด " ( อันนี้เดาเอาว่าน่าจะพูดประมาณนี้นะ )

    ... ทั้งสองน้อมรับมาปฏิบัติด้วยความเต็มใจ พระพรหมเกิดข้อสงสัยว่าจะสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นคู่กันได้อย่างไร แบบไหนจึงเรียกว่าคู่กัน พระพรหมจึงได้เอ่ยถามองค์ศักติ - ศิวะ ที่เป็นเสาหินเพื่อคลายข้อสงสัยขอให้พระองค์สำแดงให้เห็นเป็นแบบอย่างเพื่อความชัดเจน ... ทันใดนั้นเองเสาหินขนาดยักษ์ก็กลายเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ขึ้นมา ต่อมาเรียกว่า " ปางอรรถนารีศวร " เป็นลักษณะครึ่งชายครึ่งหญิงในคนเดียวกัน ซ้ายเป็นอิสตรีผู้งดงามอ่อนช้อยชวนหลงไหล ด้านขวาเป็นมานพหนุ่มรูปงาม กำยำ ใส่หนังสัตว์ ถือสามง่าม .. ทั้งพระพรหม และ พระนารายณ์ ต่างประนพน้อมสักการะ องค์อรรถนารีศวร ..
     
  16. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... เสริมประสบการณ์ส่วนตัว และ ความเชื่อ ..

    ..... โดยส่วนตัวได้เคยไปเจอรุปปั้นสมัยขอมโบราณที่อุบลอายุเป็นพันปี ภาพนี้ถ่ายเองกับมือ สิ่งที่เกิดตอนที่ไปที่นั้น ไม่มีคนเข้าชมเลยมีแค่เรากับเพื่อนเท่านั้น

    ... พอเดินเข้าไปใกล้ถึงห้องเก้บรูปปั้นเรารู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองเราอยู่ด้วยความยินดี พอเราเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องนั้นเราสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านดีเป็นมิตร และเหมือนเวลารอบตัวมันหมุนช้าลงทั้งห้องมองไม่เห็นอะไรมองเห็นแค่รูปปั้นนี้อันเดียวเท่านั้น อารมณ์ " เหมือนรักแรกพบ " มองไม่เห็นแม้กระทั้งป้ายห้ามถ่ายรูปที่ตั้งอยู่ใต้ฐานวางรูปปั้น มีเพียงรูปปั้นเท่านั้นที่มองเห็นเหมือนต้องมนต์สะกด ( อารมณ์นี้จริง ๆ นะคะ ) เราไม่สนใจแม้เพื่อนที่เดินตามมาจะพูดอะไรหูอื้อไม่ได้ยิน

    ... เรารู้สึกดีและมีความสุขมากที่ได้อยู่ในห้องนี้มันปลอดโปร่งโล่งเบาสบายมาก ๆ ไม่อึดอัดเหมือนทุกครั้งเวลาเข้าไปอยู่ในที่มีของอาถรรพ์ .. ห้องนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงน้อยครั้งที่จะรู้สึกแบบนี้ ดีใจคะ ... แต่ห้องอื่นนี้กลัวฉี่จะราดเลยคะ .. แตกต่างจากเพื่อนเราอีกคน ( ไอ้คนที่ทำเสน่ห์ใส่ตัวเองจนเราเลิกคบนั้นแหละ ) ที่รู้สึกกลัวมากจนต้องเดินมาเกาะแขนเราไว้บอกว่าห้องนี้ทำไมมันดูน่ากลัวจังมันอึดอัดหายใจไม่ออก .. เหมือนมีคนคอยจับจ้องมันด้วยความไม่เป็นมิตร .. มันกลัวจนตัวสั่นเลย .. แล้วก็บอกว่าเราทำไมกล้าถ่ายรูปนี้ไม่กลัวโดนด่าเหรอ .. เราบอกกลัวทำไมมันถึงชี้ให้ดูป้ายว่า " ห้ามถ่ายรูป " ... แต่ยอมรับว่าไม่เห็นจริง ๆ คะ .. ไม่อยากเดินออกจากห้องนั้นเลยจริง ๆ

    ... และแฟนก็มาเล่าให้ฟังตอนหลังว่าเขามองเห็น " คนครึ่งชายหญิงใส่ชุดโบราณ " ตามพวกเรากลับมาด้วย ตอนแรกเราคิดว่ามาไม่ดีใช่ไหม๊ .. แต่แฟนบอกว่าไม่ใช่ .. เขาตามมาส่งแบบเป็นมิตร .. ถ้าเขาไม่ตามมาส่งคิดเหรอว่าวันนั้นพวกเราจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย .. เพราะมีอีกพวกจ้องจะทำร้ายพวกเราให้ตายด้วยอุบัติเหตุตลอดทาง .. ถ้าไม่มีคน ๆ นี้พวกเราอาจไม่รอด ..

    ... นี้ก็เป็นประสบการณ์ตรงที่เจอมากับตัวเองคะ .. เทวรูปนี้มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และ เป็นของแท้ด้วย .. แต่กลับถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของอุบลราชธานีแบบที่ไม่มีการกลัวว่าจะถูกขโมยแต่อย่างใด คนดูแลบอกว่าเทวรูปนี้ถูกส่งกลับมาจากต่างประเทศโดยพวกที่ซื้อไปจากไทยแล้วแจ้งความประสงค์ขอคืนให้แบบไม่เรียกร้องอะไร .. ทั้งที่เป็นของโบราณที่น่าจะราคาสูงมาก ๆ เพราะอายุพันกว่าปี .. หรือมากกว่านั้น .. น่าคิดนะคะ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC12696.JPG
      SDC12696.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      110
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2015
  17. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... หลังจากที่พระพรหมเทพ และ พระนารายณ์วิษณุได้ปฏิบัติฌาณตบะสมาธิจนรู้แจ้งแล้วนั้นหาใช่เวลาเพียงน้อยไม่ .. ท่านทั้งสองใช้เวลาในการปฏิบัติภาวนานานนับหลายพันปีกว่าจะปรากฏรูปของ พระศักติ - ศิวะ ในรูปของ พระอรรถนารีศวร .. อันเป็นรูปหนึ่งของมหาเทพ และ มหาเทวี ที่มิอาจแยกออกจากกันได้ ผูกพันธ์เป็นหนึ่งเดียว " ศิวะอยู่ในศักติ ศักติอยู่ในศิวะ " เสมือนจะบ่งบอกว่าหากขาดใครคนหนึ่งไปจะทรงความสมดุลมิได้ .. เปรียบเหมือนการจะให้กำเนิดมนุษย์สักคนต้องอาศัย ชาย - หญิง ร่วมกันจึงก่อกำเนิดเป็นชีวิตใหม่ขึ้นมานั้นเอง

    ... เมื่อทรงปรากฏรูปกายในแบบอรรถนารีศวรแล้วนั้นก็ทรงแจ้งความประสงค์ทั้งหมดในการสร้างจักวาล และ โลกมนุษย์ของพระองค์ให้ทราบ หลังจากที่พระศักติ - ศิวะ ได้สร้างองค์ประกอบทั้งหลาย และ ธาตุต่าง ๆ ขึ้นมาแล้ว ก็ทรงแบ่งหน้าที่โดยให้พระพรหมเป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตทั้งมวลขึ้นมา และ พระนารายณ์จะเป็นผู้พิทักษ์รักษาสมดุลทั้งมวลไว้ให้คงอยู่ต่อไป

    ... รูปอรรถนารีศวรนั้นถือเป็นรูปทิพยะมงคลของ พระศิวะ และ พระแม่ศักติ .. ต่อเมื่อสร้างโลกเสร็จแล้วพระศิวะจะทรงไปสถิตย์ ณ ยอดหุบเขาไกรลาศ ( เทือกเขาหิมาลัย ( เนปาล ) ) ส่วนพระแม่ศักติจะปรากฏรูปขึ้นเมื่อสร้างทุกสรรพสิ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ..

    ... หลังจากนั้นพระพรหมก็ได้ขึ้นไปสถิตย์ ณ พรหมโลก เพื่อสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตต่อไป ..
     
  18. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .................... ภาระกิจสร้างภพภูมิมิติต่าง ๆ และ สิ่งมีชีวิต ..............

    .... หลังจากที่พระพรหมได้ทรงเสร็จขึ้นมาพำนักอยู่ยังพรหมโลกแล้วก้ได้เข้าฌาณสมาบัติฝึกตบะตนเพิ่มเพื่อให้สามารถสร้างสรรค์สรรพสิ่งได้ดังใจปรารถนา ... ด้วยคำภาวนาว่า " โอม นมัส ศิวะ "

    .... สิ่งแรกที่ท่านได้สร้างขึ้นบนอวกาศอันเวิ้งว้างนั้นคือ " สวรรค์ " สร้างสิงหบัลลังค์โดยมี พระอินทราเทวราช และ อินทรานีสัจจี และ คณะเทพต่าง ๆ เพื่อช่วยงานในการสร้างสรรค์ และ ดูแลสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งหมู่นางอักษรที่มีความงดงามหาที่เปรียบมิได้ขึ้นมา .. เทวดาทุกตนล้วนแต่งกายด้วอาภรณ์สวยงาม ระยิบระยับจับตา ..

    ... สิ่งต่อมาพระพรหมท่านก็ได้สร้าง " โลกมนุษย์ " ขึ้นมา และ สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ขึ้น ทั้งทะเล แผ่นดิน ภูเขา ต้นไม้ แหล่งน้ำ และ สรรพสัตว์ต่าง ๆ

    ... ต่อมาก็ได้สร้าง " บาดาลโลก " อันเป็นที่อยู่ของ อสูร และ อมนุษย์ทั้งหลาย ส่วน " นรก " ก้เป็นที่อยู่ของพวกสัตว์นรกทั้งหลาย นั้นเอง

    .... ต่อมาก็ได้สร้าง ฤษีทั้ง 7 อันได้แก่

    1. วาศิษท์
    2. มารีจ
    3. อตริ
    4. อังกีระ
    5. ปุลาห์
    6. กระตุ
    7. ปุลัตสะยะ

    ... โดยทั้ง 7 ท่านมีหน้าที่เปิดเผยบทสวด พระวจนะ การรจนาบทสวด และ สั่งสอนธรรม แก่มวลมนุษย์ที่จะกำเนิดมาในภายหลังจากนี้ และ ได้ให้พรแกฤษีทั้ง 7 ว่าต่อไปขอให้เป็นผู้มีความแตกฉาน เป้นผู้เจริญ และ อายุยืนนาน ทรงคุณสมบัติเพียบพร้อม

    ... ทรงสร้าง " พระกามเทพ " ขึ้นมาเพื่อบรรดาลอารมณ์รัก ความปรารถนา ความต้องใจ ฯ และ พระวสันต์ ผู้ที่สามารถบรรดาลความงดงามตามธรรมชาติ เพราะถือเป้นสิ่งสำคัญมากสำหรับจักวาล

    ... ต่อด้วย พระฤษีนารัท .. ผู้ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้ที่มีศรัทธาต่อองค์นารายณ์หาผู้ใดเทียบมิได้ เป็นผู้เผยธรรมขจัดปัญหาทุกอย่างในโลก และ สร้างปัญญา ฤษีนารัทได้รับพรให้เป็นผู้มีอายุยืนนาน

    ... พระมนูมหาราช และ พระนางศะตรูปา บุรุษ และ สตรีคู่แรกผู้ถือกำเนิดเกิดมาเพื่อเป็นต้นตละกูลของมนุษย์ทุกคน มีหน้าที่ก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์บนโลกสืบต่อไป

    ... ทรงสร้างพระนางสนธยา ผู้ที่จะกลายเป็นผู้นำในการบูชาเทวะ และ สร้างศรัทธาให้กำเนิดขึ้น นางถือเป้น โยนีคนแรกของโลกด้วย

    ... จากนั้นพระพรหทได้กล่าวคำสรรเสริฐองค์พระศิวะ และ พระแม่ศักติเพื่อให้ทรงประทานผู้ที่จะมาเป็น ผู้ประทานความรู้ ศิลปศาสตร และ วิทยาการทั้งหลาย แก่มวลมนุษย์ทำให้ก่อเกิด " พระแม่สุรัสวดี " และ ได้ถือเป็นพระชายาของพระพรหม ..

    ... เวลาล่วงเลยไปนานพอควรหลังจาการที่ต้องทำงานอย่างหนักในการสร้างสรรค์สรรพสิ่งบนโลกทำให้พระพรหมทรงเปลี่ยนรูปกายไปจากมานพหนุ่มกลายเป็นชายสูงวัย เพราะความเพลิดเพลินในการสร้างสรรค์ทำให้พระองค์ทรงลืมบุตรอีกตนหนึ่งที่เฝ้ารอคอยการกำเนิดด้วยใจที่ร้อนรนเป็นที่สุด บุตรตนนี้เฝ้าวนเวียนอยู่ภายในเพื่อหาทางออกไปกำเนิดบ้างจนล่วงเลยไปอยู่ที่ปลายเท้าของพระพรหมบริเวณนิ้วหัวแม่เท้านั้นเอง

    ... จอมกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลกผู้จะกลายเป็นจอมราชาของโลก ผู้ที่ความจริงควรได้สิทธิ์กำเนิดเป็นมนุษย์ก่อนใคร " พระเจ้าทักษะปชาบดี " กำลังรอถือกำเนิดอยู่นั้นเอง และ ด้วยการรอคอยที่แสนยาวนานนี้เองทำให้เขาเกิดบรรดาลโทสะขึ้นมา และ ได้ร้องขอต่อพระพรหมเพื่อให้ตนได้กำเนิดด้วยเสียงที่เกรี้ยวกราดมาก หลังจากที่ได้กำเนิดแล้วก้ได้ตัดพ้อต่อว่าถึงวามไม่เป็นธรรมที่ตนเองได้รับ ..พระพรหมจึงให้พรไปว่าเขาจะสมปรารถนาก็ต่อเมื่อเขาแต่งงานกับบุตรตรีของประชาวดีวีรันนาม " วิรณี " จึงจะได้เป็นราชา .. เพราะการกำเนิดที่มาพร้อมด้วยดวงจิตที่ไม่บริสุทธ์มีความดำมืดครอบงำทำให้ทักษะปชาบดีเป็นผู้ที่มีจิตใจ อหังการ โอ้อ้วด ถือดี ทิฐิสูง ความมืดครอบงำจิตใจของเขาไปแล้ว ...

    ... หลังจากนั้นทุกคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนตามที่ได้รับพรมา .. เมื่อกำเนิดมนุษย์ขึ้นมา ก็ทำให้เกิดอารมณ์หลากหลายตามมาทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ความอยาก ฯ ก่อให้เกิดปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆ ตามมา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2015
  19. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... จากการทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ขึ้น และ กฏเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อควบคุมระบบต่าง ๆ ให้ดำเนินไปด้วยตัวของมันเองตามที่พระพรหมท่านรังสรรค์ไว้จึงได้บังเกิด " กฏแห่งกรรม " ขึ้นมา เปรียบเสมือนกฏหมายที่มีไว้เพื่อคอยควบคุมดูแลทุกอย่างให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นนั้นเอง .. การแบ่งสัดส่วนสำหรับทั้งเทพ เทวดา มนุษย์ อสูรย์ อมนุษย์ สัตว์ สัตว์นรก ออกเป็นสัดส่วนแล้ว หรือ ที่เรียกกันว่า " มิติ หรือ ภพภูมิ " เพื่อง่ายต่อการดูแล พระพรหมก็ทรงมีรูปพรรณเปลี่ยนจากมานพหนุ่มกลายเป็นชายชราที่มีหนวดเคราครึ่มสีดอกเลา

    .... เมื่อทุกอย่างได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างลงตัวแล้วก็บังเกิดภูเขาที่แปลกประหลาดขึ้น .. เป็นภูเขาที่สูงใหญ่ซับซ้อนที่ประกอบด้วยภูเขาหลายลูกขึ้นทับซ้อนกันจนมีขนาดที่ใหญ่มาก ๆ มันสูงจนเสียดฟ้าไปหลายเท่านักบังเกิดภูมิทัศน์แปลกตาขึ้นมากมาย และ ที่นี้เองที่ถูกเรียกขานจนเป้นที่รู้จักทั้งโลกว่า " เทือกเขาหิมาลัย " ที่ก่อกำเนิดทุกสรรพสิ่งมากมายในโลก ที่ ๆ ให้ชีวิต กำเนิดต้นน้ำใหญ่ ๆ สำคัญหลายสายที่หล่อเลี้ยงมวลมนุษย์ และ สรรพสัตว์น้อยใหญ่มานานจนมิอาจนับได้ ไม่รวมถ้ำน้อยใหญ่ที่บังเกิดขึ้นทั้งที่เคยมีคนพานพบ และ ยังไม่มีเคยมีใครได้เหยียบย่างเข้าไปสักครั้ง .. แลยังมียอดเขาหนึ่งที่ถูกแอบซ้อนไว้จากสายตาคนธรรมดาที่มิอาจไปถึงได้ " เขาไกรลาศ " ที่อันถูกสร้างขึ้นเพื่อที่พำนักของ " มหาเทพผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง " มีแท่นหินคล้ายบัลลังค์ตั้งตระหง่านปูด้วยหนังสัตว์ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ ร่มรื่น อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีบนยอดเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วย " หิมะ " พระพรหมทรงสร้างที่นี้ไว้เป็นที่สำหรับเพื่อรอคนพิเศษ .. และ เวลานี้ก็ได้ถึงเวลาที่มหาเทพองค์นั้นจะจุติในจักวาลที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว ... ป่าหิมพานต์ .. หากจะให้เอ่ยอีกชื่อหนึ่ง .. ที่ ๆ หลายคนใฝ่ฝันดั้นด้นไปให้ถึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต .. ที่ ๆ มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายบังเกิดขึ้น .. ทั้งสวยงาม และ น่ากลัว ..

    ... " เอก โอม " ได้ปรากฏเสียงชายหนุ่มที่ฟังดูทุ่ม นุ่ม อบอุ่น ปรากกกายบนบัลลังค์หนังสัตว์นั้น เป็นบุรุษรูปงามที่สุด มีสองมือ นุ่งห่มแบบฤษี เส้นผมยาวมุ่นอย่างฤาษี มีตรีเนตร (ดวงตาที่สาม) บนหน้าผาก มีงูพันคอซึ่งป็นสีดำ ห้อยประคำ มือขวาถืออาวุธตรีศูล ที่คล้องไว้ด้วยกลองบัณเฑาะว์ มือซ้ายยกเหมือนประทายพร นั้งหลับตาเหมือนทำสมาธิอยู่ .. " พระศิวะได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว " หลังจากนั้นก็ได้ปรากฏอมนุษย์ขึ้นหลายตน รูปร่างประหลาดคนก็ไม่ใช่สัตว์ก็ไม่เชิงกำเนิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ยิ่งทำให้ที่นี้มีความสวยแปลกตากว่าที่ใดในโลก .. หนึ่งในนั้นมีพาหนะผู้ภักดีของพระศิวะกำเนิดขึ้นด้วยนั้น คือ " โคนนทิ หรือ โคอุศุภราช " ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่รัก และ ศัทธาต่อพระศิวะยิ่งกว่าชีวิตของตน .. เขาเป็นคนที่มีจิตใจซื่อสัตว์ บริสุทธิ์ดีงาม และ ภักดี คอยปรนนิบัติรับใช้พระศิวะด้วยความปิติมิเคยห่าง ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2015
  20. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... แลเมื่อพระศิวะได้มาสถิตย์อยู่ที่เขาไกลาศแล้วนั้นก้เกิดความปิติมากมายแก่บรรดาเหล่า เทพ มนุษย์ อสูรย์ ฯ ต่างพากันแวะเวียนมาเฝ้าเพื่อชมบารมีพระผู้สร้างพระองค์นี้มากมาย .. ด้วยสมัยกาลนั้นภพภูมิต่าง ๆ ยังคงสามารถไปมาหาสู่กันได้แบบปกติไม่มีการกีดกั้น .. ด้วยเพราะเป็นการเริ่มต้นของยุคสมัยจึงทำให้ " จิตใจยังบริสุทธิ์อยู่มาก " ความสกปรกโสมมมต่าง ๆ ยังไม่ได้อุบัติขึ้นนั้นเอง ..

    ... ระยะเวลาสร้างโลกกินเวลาไปนานเป็นหลายพันปีกว่าจะสำเร็จ .. ด้วยเหตุที่ว่าเวลาของแต่ละภพภูมิต่างกันนั้นเอง .. จะมีเพียงบางคนที่ได้พรให้มีอายุยืนนานเพราะได้รับพรเมื่อตอนกำเนิดใหม่ ๆ นั้นเอง

    ... เมื่อคณะทวยเทพมาเยี่ยมเยียนยังเขาไกรลาศเพื่อชมบารมี พระศิวะ และ พระแม่ศักติ .. ต่างก็มาด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น ... แต่เมื่อมาถึงกลับพบกับความผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ ... บนบัลลังค์นั้นหาได้มีพระแม่ศักตินั้งคู่กับพระศิวะแต่ประการใด .. มีเพียงพระศิวะองค์เดียวที่ประทับในท่าสมาธิ .. เกิดสิ่งใดขึ้นหนอใยจึงเป็นเช่นนี้ .. เพราะทั้งหมดต่างรู้ดีว่า " ศักติ - ศิวะ " จะแยกจากกันมิได้ ทั้งสองต้องอยู่เสมือนหนึ่งเดียวกัน เพื่อความสมดุลของจักวาล .. ทุกคนต่างเริ่มรู้สึกหวาดกลัวว่าจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้น หรือ เปล่ากับเหตุอันน่าตกใจนี้ ...

    ... พระพรหมจึงเป็นผู้ได้ไต่ถามเพื่อให้ทุกคนได้รู้ถึงความหมายในเหตุการณ์นี้ " โอม นมัส ศิวะ .. ข้าแต่พระศิวะศังกร พระผู้เป็นใหญ่ในจักวาล เหตุใดพระแม่ศักติจึงมิได้จุติมายังเขาไกรลาสพร้อมพระองค์เล่า " พระศิวะได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมาช่างเป็นแววตาที่ดูอบอุ่น อ่อนโยนเสียนี้กระไรพระศิวะได้กล่าวตอบพระพรหมว่า .. " ด้วยเหตุนี้นั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้วในเบื้องต้น ศิวะกำเนิดยังเขาไกรลาศ ส่วนพระแม่ศักตินั้นจะกำเนิดหลังจากนี้อีกสักระยะหนึ่งเมื่อทุกอย่างถึงพร้อม .. พระแม่จะจุติในโลกมนุษย์มีร่างกาย เลือดเนื้อ มีจิตใจ เช่นมนุษย์ทั่วไป และ จากนั้นต่อไปเราทั้งสองจึงจะได้กลับมาอยู่คู่กัน "

    ... ยังความประหลาดใจให้แก่ทวยเทพ และ ผู้มาเฝ้ามากขึ้นไปอีก .. เหตุใดพระแม่ศักติจะต้องมากำเนิดเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ทั้งที่พระองค์เป็นพระแม่ผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง มากมีไปด้วย อำนาจ บารมี เทียบเท่าพระศิวะศังกรทุกประการ .. พระศิวะหาได้ตอบสิ่งใด และ ได้หลับตาเพื่อเข้าฌาณสมาธิของพระองค์ต่อไป ...

     

แชร์หน้านี้

Loading...