เรื่องเล่าจากศิษย์รุ่นเก่า"หลวงพ่อวัดปากน้ำ"(12สิงหาคม -ปฏิบัติให้แม่ทุกภพชาติ)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 21 พฤษภาคม 2013.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    เป็นเรื่องราวของบุคคล ที่เจริญวิชชาตั้งแต่หลวงปู่สดยังทรงกายเนื้อ
    มีทั้งผู้เจริญวิชชาโดยตรงร่วมกับท่าน จำนวนมากหลายท่านยังมีชีวิตอยู่

    พยานบุคคลสำคัญ ที่ไม่ใช่แต่งเติม และไม่ใช่ตีความเอาใจ(เอากิเลสส่วนตัว)เป็นที่ตั้ง



    ........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2014
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]





    อานุภาพหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนแปลงร่างเป็นยักษ์ กับเรียนวิชชาแปลงเพศ





    เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับญาณทัสสนะ ที่หลวงปู่สามารถหยั่งรู้ ได้อย่างเหลือเชื่อว่า ลูกศิษย์ของท่านไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
    อย่างเรื่องของ คุณยายทองสุข สำแดงปั้น ซึ่งท่านเป็นแม่ชี ที่ทำวิชชาปราบมารกับหลวงปู่ อีกทั้ง ยังเป็นมือเผยแผ่ วิชชาธรรมกาย มือหนึ่งของหลวงปู่ อีกด้วย


    เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องเกิดขึ้น หลังจากที่ คุณยายทองสุขเข้าถึงธรรมแล้ว และเริ่มเรียนวิชชา ธรรมกาย กับหลวงปู่ใหม่ ๆ ซึ่งคุณยายทองสุข พูดว่า “ช่วงนั้น มันช่างอยากรู้อยากเห็น ไปเสียทั้งนั้น”
    ด้วยความอยากรู้อยากลอง ของคุณยายทองสุข นี้เอง ท่านจึงมักแอบหลวงปู่ ไปเที่ยวของท่าน ก็ไม่ได้ใช้ กายมนุษย์หยาบไปหรอก แต่ท่านไปด้วย สมาธิญาณของท่าน และปกปิดไม่ให้หลวงปู่รู้ เพราะกลัวหลวงปู่ดุ..หาว่าไม่ตั้งใจแก้ทุกข์ภัยมนุษย์ ในขณะที่อยู่เวร ในโรงงานทำวิชชา

    แต่ที่ไหนได้ แม้คุณยายทองสุขจะแอบไป อย่างแนบเนียน มากขนาดไหน หลวงปู่ก็จับได้ทุกที เพราะหลวงปู่สามารถรู้ ได้ด้วยญาณทัสสนะของท่าน

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นหลวงปู่ท่านกำลังคิด จะสร้างโรงเรียนพระปริยัติ ซึ่งต้องใช้เงิน จำนวนมหาศาล ทำให้คุณยายทองสุขเป็นกังวล แทนหลวงปู่ว่า จะไปหาเงินมาจากไหน

    แต่หลวงปู่ท่านก็บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกไอ้สุข โคตรทองยังมีทอง เอ็งยังไม่เคยเห็น” พอหลวงปู่ พูดประโยคนี้ ออกมาเท่านั้นเอง คุณยายทองสุข อยากรู้อยากเห็นอย่างแรงว่า โคตรทองอยู่ไหน หน้าตาเป็นยังไง
    จากนั้นท่านก็ไม่รอช้า แอบไปตามหาโคตรทอง ในสมาธิญาณของท่าน อยู่หลายครั้ง แต่หาเท่าไร ก็หาไม่พบ จนสุดท้าย ท่านหมดปัญญา จึงแอบไปถาม ม้าแก้ว ถึงได้รู้ว่า โคตรทองอยู่ในถ้ำ ทางทิศตะวันออก


    จากนั้นคุณยายทองสุข ก็ให้ม้าแก้วช่วยไปหา ถ้ำของยักษ์ แต่หาเท่าไร ก็หาไม่เจอสักที แต่สิ่งที่เจอ ก็คือ พระภูมิเจ้าที่ขี่เสือ คุณยายทองสุขท่านก็เลย ถามพระภูมิว่า “ถ้ำที่มีโคตรทองอยู่ตรงไหน” ซึ่งพอพระภูมิเจ้าที่ชี้ทางให้ คุณยายทองสุขก็ไม่รอช้า รีบขี่ม้าแก้วเหาะไปตามทางนั้น
    และทันใดนั้นเอง ท่านก็ได้มาเจอ ปากถ้ำยักษ์จนได้ จากนั้นท่านก็รอ ให้ยักษ์หน้าโฉด 2 ตน เดินออกไป ที่อื่นก่อน และพอยักษ์ออกไปแล้ว ท่านก็ฉวยโอกาส เข้าไปผลักประตู เพื่อจะบุกเข้าไปในถ้ำทันที

    แต่อนิจจา โชคไม่เข้าข้าง เนื่องจากประตูล็อค แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเจ้าลิงจ๋อ โผล่มาจากไหนก็ไม่ทราบ คุณยายทองสุข ก็เลยถามเจ้าลิงจ๋อตัวนั้นว่า “กุญแจอยู่ที่ไหน ช่วยหยิบให้หน่อยเถอะพ่อลิง” และพอเจ้าลิงเอากุญแจมาให้ ท่านก็เลยไข บุกเข้าไปในถ้ำนั้นได้ โดยเดินเข้าไปถึงถ้ำ ในชั้นที่ 3
    ทันใดนั้นเอง ท่านก็ไปเจอ ที่เก็บโคตรทองจริงๆ ซึ่งโคตรทองก้อนนี้ ใหญ่โคตร ๆ เลย ใหญ่ขนาดเท่า สุ่มไก่ และรอบๆ โคตรทองนั้น ก็รายล้อมไปด้วย ทองก้อน ขนาดเท่าบาตรบ้าง ขนาดเท่าขันบ้าง ขนาดเท่ากำปั้นบ้าง เรียงรายกันอย่างมากมาย โดยแข่งกันเปล่งประกาย วาววับจับตา จนสร้างความ ตื่นตาตื่นใจ ให้กับคุณยายทองสุข แบบสุด ๆ


    และเป็นที่น่าสังเกต อยู่อย่างหนึ่งคือ แต่ละก้อน จะมีชื่อติดอยู่ทั้งหมด แต่เนื่องจากคุณยายทองสุข ท่านอ่านหนังสือไม่ออก ท่านจึงไม่รู้ว่าเขาเขียนว่าอะไร แต่ท่านก็ไม่สนใจ หยิบทองขึ้นมาพิจารณา พร้อมกับปิ๊ง ไอเดียขึ้นมา แบบฉุกละหุกว่า “ทองนี้ อยู่ที่นี่เฉยๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ควรจะเอาไปขาย เพื่อเอามาช่วย หลวงพ่อวัดปากน้ำ สร้างโรงเรียน”
    และเมื่อคิดดังนั้น คุณยายทองสุขก็ไม่รอช้า ตะโกนถามมาทันทีว่า “ทองของใคร” ซึ่งท่านก็ตะโกน ถามถึง 3 ครั้ง เมื่อไม่มีเสียงตอบ ท่านจึงทำการอุกอาจ หยิบทองก้อนที่พอเหมาะ ขนาดเท่าขันล้างหน้า ที่ท่านคิดว่า หากขายแล้ว จะพอเอามาสร้างโรงเรียน
    จากนั้นก็ออกมาจากถ้ำ เพื่อขี่ม้าแก้วเหาะกลับไป แต่เรื่องมันไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง อย่างนั้นหรอก เพราะจู่ๆ ก็มีเสียงยักษ์ ตะโกนโวยวายไล่หลังมาว่า “ขโมย ๆ หยุดก่อน”


    จากนั้น ก็เกิดการถกเถียงกันยกใหญ่ โดยคุณยายทองสุข ท่านก็ตอบปฏิเสธไปว่า “ฉันไม่ได้ขโมยนะ เพราะฉันตะโกนถามแล้ว ไม่เห็นมีใครเป็นเจ้าของ ก็เลยจะเอาไปขาย เพื่อเอาเงิน มาสร้างโรงเรียน กับหลวงพ่อวัดปากน้ำ”
    ซึ่งยักษ์ก็ตอบว่า “ก้อนนี้ มันไม่ใช่ก้อน ที่จะเอาไปทำบุญ กับหลวงพ่อ เค้ามีชื่อติดไว้ ไม่เห็นรึ” คุณยายทองสุข ท่านจึงบอกว่า “ก็ฉันอ่านไม่ออกนี่” ยักษ์ได้ยินดังนั้น จึงตอบกลับว่า “ฉันต้องรักษาทอง พวกนี้ไว้ เพื่อรอเจ้าของ เพราะทองเหล่านี้ เป็นทอง ที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ใจบุญ เขาทำบุญสั่งสมเอาไว้ ทีละเล็กละน้อย"
    ขณะที่กำลังเถียงกันนั่นเอง จู่ๆ ก็มียักษ์ตัวใหญ่ หน้าโฉดรุ่นเดอะ ที่เป็นหัวหน้ายักษ์ วิ่งไล่ตามมา แล้วก็ตะโกนลั่นว่า “เอาให้ตายเลยๆ” จากนั้นก็วิ่ง เอาตะบองไล่ฟาด ก็มีเสียงดังลั่น ที่ทรงพลานุภาพ แบบสุดๆ จากไหนก็ไม่ทราบ ตะโกนขึ้นมาว่า “หยุด” และด้วยเสียงนี้ ทำให้ยักษ์หยุดฟาดทันที
    จากนั้น คุณยายทองสุข ก็รีบขี่ม้าแก้ว กลับเข้าร่าง ที่อยู่ในท่าสมาธิอย่างบัดดล
    ทันใดนั่นเอง อยู่ๆ หลวงปู่ท่านก็ดุขึ้น ขณะที่นั่ง ทำวิชชาว่า “ไอสุข เอ็งไปไหนมา” เอ็งชักจะเหลวไหล มากไปแล้วนะ ไปลักทองเค้ามา เอ็งคิดว่าพ่อไม่รู้รึ เจ้าของเค้ามาฟ้อง นี่ถ้าพ่อไม่ช่วยไว้ ป่านนี้เอ็ง หัวบี้แบนไปแล้ว ซุกซนไม่เข้าเรื่อง"
    และจากการที่ คุณยายทองสุข โดนหลวงปู่ดุ เสียยกใหญ่ บวกกับรู้สึกเจ็บใจ ที่ยักษ์มาฟ้อง หนำซ้ำยังพลาดท่า โดนยักษ์ไล่ฟาด มาเสียสะบัก สะบอม ถีงเพียงนี้ ท่านจึงคิดว่า จะแอบหลวงปู่ กลับไปจัดการกับยักษ์ใหม่
    แต่คราวนี้ คุณยายทองสุขท่านไป โดยไม่ใช้ กายละเอียดที่เป็นร่างมนุษย์ เหมือนครั้งก่อน เพราะม้าแก้วนำเสนอท่านว่า ให้แปลงเป็นยักษ์ จะได้ดูโหดๆ หรือดูน่ากลัว ๆ หน่อย จะได้สู้กับเขาได้
    จากนั้น ท่านก็นึกแปลงร่าง อยู่หลายครั้ง แต่ก็ยัง ไม่น่ากลัวสักที เพราะก่อนแปลง ท่านไปนึกมโนภาพ เป็นยักษ์ ที่อยู่ในหนังสือพรหมชาติ จนกระทั่ง ครั้งสุดท้าย ท่านก็เปลี่ยนมานึกถึง ยักษ์จอมโหด ตัวที่ไล่ตะเพิด เอาตะบองฟาดท่าน พอนึกเสร็จ
    ทันใดนั้น กายละเอียดของคุณยายทองสุข เปลี่ยนเป็นยักษ์ผู้ชาย หน้าตาโหด - โฉด - เหี้ยม ทีนที
    จากนั้นท่านก็ขี่ม้าแก้ว เหาะไปยังปากถ้ำ ที่เป็น เป้าหมาย เมื่อไปถึงก็ไม่รอช้า รีบยกตะบอง เคาะประตูถ้ำดังตูมๆ โดยคิดในใจว่า ถ้าเจ้ายักษ์ ตัวที่ไล่ฟาดเรา เปิดประตูออกมา เราจะเอาตะบอง ที่ถืออยู่ในมือฟาด เพื่อแก้แค้นทันที
    แต่ก็ผิดคาด เพราะผู้ที่เปิดประตู กลับเป็นภรรยา แสนสวยของยักษ์ ที่กำลังอุ้มลูกยักษ์ ผู้น่ารักน่าเอ็นดู ออกมาพร้อมกับ แสดงอาการดีใจ แล้วบอกลูกที่อุ้มอยู่ ว่า “ลูกจ๊ะ พ่อหนูกลับมาแล้วๆ”
    และเพื่อให้แนบเนียน คุณยายทองสุขจึงสวมรอย ทำตัวประดุจเป็นสามีของนางยักษ์ นางยักษ์ ได้ปรนนิบัติเอาอกเอาใจ คุณยายทองสุขเป็นอย่างดี ก็เลยทำให้ท่าน เกิดรู้สึกหวั่นไหว นึกหลงรักนางยักษ์ ขึ้นมานิดๆ
    แต่เนื่องด้วยภารกิจ ที่เป็นเป้าหมายหลัก ที่อยู่ในใจ ท่านก็เลยใช้กุศโลบาย พูดให้นางยักษ์ พาไปดูที่เก็บ โคตรทอง และถามถึงความเป็นมา ของทองทั้งหมด ซึ่งสรุปได้ว่า โคตรทองอันใหญ่สุดนั้น เป็นของหลวงปู่ วัดปากน้ำ
    คือ เมื่อชาติก่อน ๆ ท่านเคยทำบุญเป็นจำนวนมาก ไว้กับลูกศิษย์ ซึ่งพอรวมๆ กันเข้า ก็กลายเป็นทอง ก้อนใหญ่ คือเมื่อท่านทำบุญแล้ว สายสมบัติเก่า ก็จะไปเชื่อม กับสายสมบัติใหม่ ซึ่งคนที่ช่วยหลวงปู่ ท่านทำบุญ ก็จะรวยขึ้น มีเงินทำบุญต่อไปอีก
    ขณะที่กำลังถาม ถึงความเป็นมา เรื่องทอง อย่างเพลิดเพลินอยู่ นั่นเอง ก็มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้น อีกจนได้ เพราะอยู่ ๆ ม้าแก้วที่รออยู่หน้าถ้ำ ก็ร้องดังขึ้น และด้วยเสียงนี้ คุณยายทองสุข จึงรีบขอนางยักษ์ ออกไปดูเพียงลำพัง
    ซึ่งก็ปรากฏว่า ยักษ์ผู้เป็นสามีตัวจริง และเพื่อนยักษ์ 3 -4 ตน ได้แห่กันกลับมาแล้ว เมื่อคุณยายทองสุข เห็นดังนั้น ก็ตกใจ รีบกระโดดขี่ม้าแก้ว และเหาะกลับ ด่วนที่สุด พร้อมกับยังรู้สึกผูกพัน อาลัยอาวรณ์นางยักษ์ และลูกน้อย ประดุจการจาก ภรรยาของตัวเองมาจริง ๆ
    ซึ่งพอกลับมาถึง หลวงปู่ท่านก็รู้ในที่ จึงรีบดุขึ้น ทันทีว่า “ไอ้สุข เอาอีกแล้ว เอ็งไปเป็นชู้เมียเขามารึ” คุณยายทองสุขจึงรีบแก้ตัว ด้วยเสียงอ้ำอึ้งว่า “เปล่าเจ้าค่ะ ลูกเปล่าจริงๆ”
    จากนั้นหลวงปู่ท่านก็หัวเราะ และนึกสนุก ถามขึ้นใหม่ว่า “ไอ้สุข เอ็งเป็นผู้ชายไหมล่ะ” คุณยายทองสุขรีบตอบ ด้วยความดีใจว่า “อยากเจ้าค่ะ ลูกอยากเป็นผู้ชายเจ้าค่ะ”
    จากนั้นหลวงปู่ ท่านก็ให้เข้าที่ สาวไปหาเหตุ จนเจอเครื่อง ที่ทำให้กลายเป็นผู้หญิง แล้วท่านก็บอก วิธีการในการแปลงเพศว่า “งั้น เอ็งเดินเครื่องเข้าสิ ไอ้สุข เก็บให้หมดเลย” (คือ ถ้าเข้าถึงพระธรรมกาย แล้วได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย จะเห็นว่า เครื่องที่ทำให้ เป็นผู้หญิงอย่างหนึ่ง เครื่องที่ทำให้เป็นผู้ชาย อย่างหนึ่ง เครื่องจะหมุนไปคนละอย่าง โดยรอบ ของการหมุนจะไม่เท่ากัน)


    จากนั้น คุณยายทองสุข ก็เดินเครื่องกลับ ให้กลายเป็นผู้ชาย ซึ่งท่านทำอยู่นานถึง 3 เดือน ในระหว่างนั้น หลวงปู่ก็คอยถามอยู่เสมอว่า “ไอ้สุข เปลี่ยนรึยังวะ” และพอใกล้ ๆ จะสำเร็จ คุณยายทองสุข ก็บอกว่าหลวงปู่ว่า “เกือบแล้วเจ้าค่ะ”


    จนในที่สุด รุ่งเช้าวันหนึ่ง คุณยายทองสุขก็รีบมาเล่า ให้คุณยายจันทร์ ฟังว่า “อีก้างเอ้ย กูเป็นอยู่คืนหนึ่งว่ะ เป็นจริงๆ แต่กูไม่คุ้น กูเลยทำกลับมาเหมือนเดิม”



    นี่แหละ คือ ความมหัศจรรย์ ของวิชชาธรรมกาย ที่หลวงปู่ท่านสอนคุณยายทองสุข อีกทั้งวิชชาอื่น ๆ ที่คุณยายทองสุข เรียนมาจากหลวงปู่นั้น ไม่ว่าจะเป็น การทำวิชชาปราบมาร การไปนรกสวรรค์ วิชชาแปลงเพศ การแปลงร่างเป็นยักษ์ ดับดาว ทำจันทรคราส
    ก็เลยทำให้คุณยายทองสุข ถึงกับพูดเอาไว้ว่า “เกิดมาชาตินี้ จะหาครูบาอาจารย์ ได้อย่างเจ้าคุณหลวงพ่อ ไม่มีอีกแล้ว
    ท่านเป็นสงฆ์ที่เหนือธรรมดา เพราะท่านสามารถ นับเม็ดทรายได้ สามารถเดินฌานสมาบัติในเม็ดทราย เดินฌานสมาบัติในกระจก เดินฌานสมาบัติในหิน เข้านิโรธแทรกในหินได้ นับเม็ดฝน ที่ตกลงมาในอากาศ ได้

    ซึ่งครูบาอาจารย์ ที่สอนวิชชาเหล่านี้ได้ ก็เห็นจะ ไม่มีอีกแล้ว ในทั่วราชอาณาจักรไทย คงไม่มีพระสงฆ์ องค์ใด ที่จะสั่งสอนวิชชาเหล่านี้ได้ จะให้ไปเรียน ที่อินเดีย พม่า หรือ เขมร ก็ไม่มี”
    อีกทั้งคุณยายทองสุข ยังเล่าอีกว่า ท่านได้เห็น ปาฏิหาริย์หลวงปู่ ด้วยตาเนื้อ แบบจะ ๆ ในครั้งที่ฝนตก ซึ่งท่านเล่าว่า
    “ในวันที่ฝนตก เจ้าคุณพ่อท่านยืนกวาดเม็ดฝนอยู่กุฏิ โดยเท้าของท่าน ยืนอยู่บนดอกบัวข้างละดอก อีกทั้งยังมีความสว่าง ลุกโชติช่วงน่าอัศจรรย์มาก”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 พฤษภาคม 2013
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • gol.jpg
      gol.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.4 KB
      เปิดดู:
      918
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    คุณยายทองสุก สำแดงปั้น



    [​IMG]
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    อนุโมทนาสาธุในธรรมทานค่ะ

    สมถ-วิปัสสนากรรมฐาน หลวงพ่อสด
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lWtIHWsV9JU]สมถ-วิปัสสนากรรมฐาน หลวงพ่อสด - YouTube[/ame]
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/lWtIHWsV9JU?hl=th_TH&amp;version=3&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/lWtIHWsV9JU?hl=th_TH&amp;version=3&autoplay=1&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ..................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2014
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    บันทึกของศิษย์ฆราวาสหญิงคนหนึ่ง ของหลวงพ่อสด .....

    คำนำ -ปก





    ยี่สิบเก้าปีที่ล่วงผ่าน
    คือช่วงกาลหลวงพ่อป้องรักษา
    ให้ลูกนี้มีชีพยืนยาวมา
    งามสง่าด้วยธรรมน่านิยม

    ความศรัทธาอันลึกล้ำ
    เป็นสายน้ำช่วยพร่างพรม
    ลูกจึงอยู่สู้แดดลม
    แข็งแกร่งสมเป็นลูกหลวงพ่อเรา

    จากวันนั้นถึงวันนี้หลายปีแล้ว
    เจ้าไม้แก้วเติบใหญ่กิ่งใบหนา
    ผลไม้ดกนกชุมได้พึ่งพา
    ให้สมค่าที่หลวงพ่อเฝ้าขัดเกลา





    เครดิต นวกาพรหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2013
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    หน้าที่สอง






    In you my life become pure gift.





    มกราคม 2519

    ความเจ็บปวดแผ่ขยายจากหัวใจไปถึงไหล่และไปทั่วทั้งตัว
    จนกระทั่งศีรษะก็รู้สึกว่าเส้นผมจะร่วงหลุดออกมาทุกเส้น

    "ทนไม่ไหวแล้ว"

    ข้าพเจ้าเจ็บจนขาดใจทันที

    พลันร่างหนึ่งก็หลุดกระเด็นออกจากกายที่เจ็บปวดนั้น
    อาการทุกข์เวทนาทรมานหายสิ้นเป็นปลิดทิ้ง
    เห็นพระสงฆ์ 1 รูปและแม่ชี 1 รูป ยืนอยู่ที่ปลายเตียงคนไข้
    ความรู้สึกว่าข้าพเจ้าจะต้องเดินตามเขาไป
    จึงเดินตามไปได้สักระยะหนึ่ง เสียงร่ำไห้ปิ่มว่าใจจะขาด
    ของคุณแม่ลอยมา ข้าพเจ้าจึงหันหลังกลับไปมอง
    เห็นคุณแม่ร้องไห้อย่างหนักจนตาบวม สงสารแม่มาก!!!

    "ท่านเจ้าคะ...หนูไม่ไปด้วย หนูขอกลับไปหาแม่ก่อน"

    ว่าแล้วข้าพเจ้าก็หันหลังเดินกลับมา ปรากฏกายข้างเตียงคนไข้
    ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนอนซ้อนร่างลงกับร่างของตนเอง
    รู้สึกตัวเห็นหมอและพยาบาลกำลังช่วยชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ชุลมุน
    นี่ !!! ข้าพเจ้าขาดใจเพราะหัวใจวายอีกครั้งเหมือนเมื่อวาน
    และเหตุการณ์ก็เป็นเช่นนี้ซ้ำอีก ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
    อย่างมาก

    "แม่จ๋า.....อย่าร้องไห้เลย ลูกไปไม่ได้ ลูกทรมานมาก
    ให้ลูกไปเถอะ"

    นี่เองที่โบราณว่า อย่าร้องไห้น้ำตาถูกผู้ตาย
    จะเป็นห่วง เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

    กุมภาพันธ์ 2519

    อาการโรคหัวใจกำเริบหนัก ข้าพเจ้ารอการผ่าตัดในเดือน
    พฤกษภาคมที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถจะรอ
    ได้ อาการทรุดลง ๆขณะที่ข้าพเจ้าและครอบครัวเริ่มหมดหวัง
    นายแพทย์ชลิต........ศัลย์แพทย์ผ่าตัดหัวใจระดับทอปเทน
    ของโลกกลับมาเยี่ยมบ้านความมีชื่อเสียงของท่าน ทำให้
    หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์นำเกียรติประวัติและผลงานออกสู่
    มวลชน

    คุณพ่อข้าพเจ้าจึงรีบไปติดต่อขอความช่วยเหลือ
    ท่านและคณะจะผ่าตัดหัวใจให้ที่โรงพยาบาลวชิระ
    เพราะท่านมาเปิดแผนกผ่าตัดหัวใจให้กับคณะที่โรงพยาบาลแห่งนี้

    หนึ่งวันก่อนผ่าตัด.......รุ่นพี่ธรรมศาสตร์มาเยี่ยมและอาสา
    จะพาไปรักษาโรคด้วยวิชชาธรรมกายโดยไม่ต้องผ่าตัด
    ข้าพเจ้าหัวเราะเพราะไม่เชื่อเรื่องศาสนา ได้แต่รับ
    พระผงวัดปากน้ำรุ่นหนึ่ง ที่เพื่อนรุ่นพี่มอบให้
    ข้าพเจ้าสอดไว้ใต้หมอนคนไข้อย่างคนไม่รู้คุณค่า

    หลังการผ่าตัดข้าพเจ้ายังไม่ได้สติสามวันสามคืน ในความรู้สึกเห็น
    ร่างหนึ่งของตนลอยซ้อนร่างจริงที่นอนต่อสายระโยงระยาง

    อยู่ในเตียงคนไข้หนัก ร่างนั้นเบาบางมาก พนมมือ
    มีเสียงสวดมนต์ห่อหุ้มร่างกาย
    กระแสพุทธานุภาพไหลหลั่งไปทั่ว
    เย็นชุ่มฉ่ำ สบายกาย สบายใจ
    และมีหลวงพ่อแก่ ๆ รูปหนึ่ง ยืนมองด้วยสายตาที่เมตตายิ่ง
    ในใจข้าพเจ้าสวดมนต์ตามเสียงมนต์เหล่านั้น
    ทั้ง ๆ ที่ตัวจริงของข้าพเจ้าไม่เคยสวดมนต์
    และสวดมนต์ไม่เป็น
    ช่างสุขกาย สุขใจจริงหนอ

    และยังเห็นคุณแม่แอบมองอยู่ที่ช่องกระจกหน้าประตูห้อง

    (กรณีเสียงมนต์ที่มีคุณานุภาพดับทุกข์เวทนาและโรคภัยไข้เจ็บ
    ขณะที่ข้าพเจ้านอนพักฟื้นในห้องคนไข้ จะสามารถรับมนต์
    ที่ผู้คนสวดทำวัตรเช้า วัตรเย็น ทั้งมนต์จีน และมนต์ไทย
    ทำให้ข้าพเจ้าประจักษ์ถึง ผู้ใดต้องกระแสมนต์ กระแสบุญที่บุคคล
    กระทำและอุทิศแผ่เมตตา สามารถโปรดสิ้นสรรพสัตว์ทุกตัวตน
    ดังนั้นเมื่อภายหลังข้าพเจ้ามีสำนักของตนเอง จึงจัดการปฏิบัติ
    มีการสวดมนต์ทั้งมนต์จีนและมนต์ไทย ปล่อยชีวิตสัตว์เป็นทาน
    และบำเพ็ญภาวนา และขาดเสียไม่ได้ คือการแผ่เมตตาว่า...
    ผู้ใดต้องกระแสมนต์ กระแสบุญ โปรดสิ้นสรรพสัตว์ทุกตัวตน)

    วันที่สี่หลังการผ่าตัด ข้าพเจ้ารู้สึกตัวตื่นอยู่ในห้องพักคนไข้
    ห้องพิเศษมองไปทั่วห้องไม่เห็นใครสักคนเพราะยังเช้าตรู่อยู่
    จึงลุกขึ้นกายเบาดุจนุ่น ออกจากห้องพักลงลิฟท์ไปเดินเล่นที่
    สวนของโรงพยาบาลสักครู่ได้ยินเสียงคุณหมอที่ผ่าตัดข้าพเจ้า
    ขับรถเข้ามาเห็นข้าพเจ้าเดินเล่นตามลำพัง จึงเอะอะร้องเรียก
    พยาบาลเอารถเข็นมาบังคับข้าพเจ้ากลับเข้าห้องพัก จึงทราบ
    ว่า......เขายังไม่อนุญาตให้ลุกเดินไกล ๆ เพราะกระดูกซี่โครง
    หน้าอกทั้งแผงที่เลาะออกเวลาผ่าตัด บัดนี้ถูกเย็บด้วยลวด
    กระดูกยังไม่ประสานกัน ต้องระมัดระวังอย่าไปกระเทือนถูก
    ข้าพเจ้ารู้สึกสบายดี ไม่เจ็บแผลผ่าตัดที่ยาวร้อยกว่าเข็ม
    ไม่ต้องฉีดยา กินยาอย่างไร สุขกาย สุขใจ

    ไม่รู้หลวงพ่อที่ไหนมามองข้าพเจ้าทุกครั้งที่หลับตาลง !!!

    เมื่อเพื่อนรุ่นพี่มาเยี่ยม จึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
    เขารีบกลับบ้านไปเอาหนังสือพระมามากมายให้ข้าพเจ้าดู
    โอ..พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    (สด จนทฺสโร)ข้าพเจ้าปีติจนน้ำตาไหล หลวงพ่อมาโปรด
    มารักษา มาต่อชีวิตให้

    ใครหนอ.......ที่ส่งนายแพทย์ฝีมือเยี่ยมมาผ่าตัดหัวใจให้โดยเฉพาะ
    แล้วเขาก็เดินทางกลับสู่สหรัฐอเมริกา

    ใครหนอ.......ที่เฝ้ามองด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นด้วยความ
    เมตตาปราณี

    เสียงเหล่าใดเล่า....ที่เฝ้าสวดมนต์ห่อหุ้มกายให้เย็นสบาย
    และแข็งแรงไม่เจ็บ ไม่ปวด และกลับบ้านได้ในหนึ่งสัปดาห์
    หลังผ่าตัด

    ลูกคนนี้มากราบอยู่หน้าหีบทองของหลวงพ่อ.......แล้ว

    ลูกขออาราธนาหลวงพ่อโปรดคุ้มครองปกปักรักษาลูกตลอด
    กาลนาน

    ข้าพเจ้าบูชาบัดนี้ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    (ภาษีเจริญ) (สด จนทฺสโร)
    ซึ่งข้าพเจ้าถึงว่า..เป็นที่พึ่งกำจัดโรคได้จริง ด้วยสักการะนี้





    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2013
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2013
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    บทที่สอง



    Guide me along the darkness of the night.2520




    อีกสองวันแล้วสินะที่จะถึงวันแต่งงาน ขณะที่นั่งอ่านหนังสือ
    อยู่ที่โต๊ะพลันรู้สึกตกเข้าไปอยู่ในภวังค์ เห็นพระภิกษุสงฆ์
    3 รูปเหาะผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน มายืนอยู่
    เบื้องหน้าข้าพเจ้าแล้วโบกมือไปมา ว่า........

    "อย่าแต่งงาน เรือถึงฝั่งแล้วพายกลับทำไม ? "

    ข้าพเจ้าโต้กลับไปว่า "จะแต่ง"

    "ห้ามไม่เชื่อ จงจำไว้ !! เมื่อมีทุกข์จงนึกถึงพระ"

    "ทำไม ท่านเป็นใคร?" ข้าพเจ้าถามอย่างงุนงง

    "เราคือพี่น้องกัน พระจะมาช่วย
    จงรักษาความดี ดุจเกลือรักษาความเค็ม
    ความดีจะเอาชนะทุกสิ่ง จำไว้ให้ดี"

    เสียงสำทับก้องกังวานจนข้าพเจ้าสะดุ้งรู้สึกตัวทันที
    เอ๊ะ!! ข้าพเจ้าไม่ได้หลับ ทำไมจึงเห็นเช่นนี้ แปลกมาก
    ตลอดทั้งเดือนก่อนแต่งงาน ทุกคืนข้าพเจ้าจะนิมิตฝันเห็นแต่
    พระมาโบกมือห้ามข้าพเจ้าแต่งงาน ไม่เข้าใจจริง ๆ
    ข้าพเจ้าจะแต่งงานเกี่ยวอะไรกับพระด้วย

    "เรือถึงฝั่งแล้ว พายกลับทำไม" หมายความว่าอย่างไร!!!!


    ความคิดแล่นกลับไปยังวัยเยาว์อายุ 10 ขวบ
    ขณะที่ยืนเล่นอยู่หน้าบ้านคุณป้า(พี่สาวของคุณแม่)
    เห็นแม่ชีเหาะลงมายืนต่อหน้า แม่ชีเอามือเชยคางข้าพเจ้าขึ้น
    แล้วพูดว่า.....

    "หนูเป็นคนมีบุญ แต่เสียดายอายุสั้น
    ให้หมั่น "สัมมาอรหัง" จะช่วยให้อายุยืนยาว"

    พูดจบแม่ชีก็หายวับไป ข้าพเจ้าตกใจยิ่งไม่เข้าใจคำว่า
    "สัมมาอรหัง" คืออะไร ไต่ถามผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่มีใครให้
    คำตอบได้ (มีแต่แนะนำให้ข้าพเจ้าปล่อยชีวิตสัตว์เป็นทานจะ
    ได้อายุยืนยาวแต่นั้นมาข้าพเจ้าจึงให้แม่บ้านไปตลาดซื้อปลา
    และเต่ามาปล่อยเป็นประจำทั้งปล่อยชีวิตโคกระบือก็อีกมาก
    เพราะทางบ้านเป็นคนมีฐานะเฉพาะเต่าปล่อยเป็นร้อย ๆ ตัว
    ก่อนปล่อยก็มีการเอาแผ่นทองมาแปะกระดองเต่าตามประสา
    เด็ก ๆและบอกว่า

    "จำไว้นะ !!! ฉันเป็นคนปล่อยเธอ"

    (จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังปล่อยชีวิตสัตว์เป็นทานทุกวันพฤหัสบดี
    จำนวนชีวิตสัตว์ที่ถูกปล่อยตั้งแต่เด็กมาถึงปัจจุบันนับไม่ถ้วนทีเดียว)

    จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ)
    มาต่อชีวิตให้ จึงทราบว่าเป็นคำภาวนาของท่านในการเจริญสมาธิ
    "สัมมาอรหัง" "นึกถึงพระ" "หลวงพ่อ" อะไรกันนี่

    เช้าวันแต่งงาน ขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถเจ้าสาวเพื่อออกเรือนไป
    ความรู้สึกเหมือนมีอะไรเลื่อนหลุดตกลงมาจากกายภายใน
    (ทราบภายหลังคือ การถอยธาตุธรรมลงเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน)
    ใจหายบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ทราบว่าคืออะไร

    นับแต่นั้นมาความทุกข์ยากลำบากในชีวิตการครองเรือนแสนสาหัส
    จากชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องทำอะไร กิน นอน เที่ยว เรียนหนังสือ
    ต้องมาทำงานทุกอย่าง ไม่ว่างานบ้าน การงานหาเลี้ยงชีพ
    และการปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวใหม่ แต่ทิฐิมานะในตัวว่า
    ชีวิตคู่นี้ข้าพเจ้าเลือกเอง ไม่ว่าจะลำบากเพียงไร สุขหรือทุกข์
    ข้าพเจ้าจะสู้ไม่ถอย แต่ความทุกข์ยากลำบากในชีวิตครองเรือน
    กลับมีคุณค่าช่วยแปรเปลี่ยนตัวข้าพเจ้าจากนกน้อยในกรงทอง
    เอาแต่ใจตัวเอง มาเป็นคนแข็งแกร่งและเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า...

    การเรียนรู้ด้วยตนเองจากประสพการณ์ชีวิต
    เป็นวิถีทางที่ดีกว่าการเรียนรู้จากการสอน การฟัง และการอ่าน
    ความลำบากสอนให้ข้าพเจ้า..........

    เรียนรู้ในการรับผิดชอบตนเองและครอบครัว
    เรียนรู้ในการสังเกตุเหตุ ประกอบผล
    และเรียนรู้ในการอดทนและทนอด
    ความลำบากถ้าเราคิดว่าทุกข์ มันก็ทุกข์
    แต่ถ้าคิดว่ามันมีคุณค่า ช่วยสร้างความเป็นคนที่สมบูรณ์
    และรู้แก่นแท้ของชีวิตว่า ทุกสิ่งสำคัญที่ใจ

    และรู้จักตัวตน กิเลสตัณหาว่า เราติดโน่นติดนี่ อยากโน่นอยากนี่
    เมื่อไม่มี ไม่ได้ ก็ไม่เห็นตาย
    จับเจ้าตัวกิเลสเหล่านี้มาฆ่าเสีย จิตก็เป็นสุข
    เสื่อผืนหมอนใบ มีที่ซุกหัวนอน กระเป๋าไม่มีสตางค์ ก็สุขได้

    อุปสรรคชีวิตมีไว้ให้เราก้าวพ้น
    เมื่อล้มก็ลุกขึ้นยืนใหม่ได้
    หลังพายุเมฆฝนกระหน่ำ ก็ย่อมมีท้องฟ้าผ่องอำไพ
    นี่คือสัจจธรรมของโลก

    ท่ามกลางความยากลำบาก มีสิ่งหนึ่งที่คอยปลุกปลอบให้
    ข้าพเจ้าสู้และอดทน และเป็นเพื่อนอยู่ทุกขณะจิต คือรูปถ่าย
    ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) ที่ข้าพเจ้าซื้อมาจาก
    สนามหลวงแล้วนำไปใส่กรอบไม้แขวนบูชา ไม่ว่าจะโยกย้าย
    ไปไหนต้องหอบหิ้วไปด้วยกันเสมอ เพราะข้าพเจ้าเหลือหลวง
    พ่อท่านเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งทางใจ ที่ระหกระเหินไปใช้ชีวิตตาม
    จังหวัดต่าง ๆ



    เช้า.......ธุ 1 ที หลวงพ่อลูกไปทำงานนะ
    เย็น.......ธุ 1 ที หลวงพ่อลูกกลับบ้านแล้ว

    ลำบากกาย ลำบากใจ ก็บ่นกับรูปหลวงพ่อ
    เหงา ก็คุยกับรูปหลวงพ่อ
    เศร้าใจ ก็นั่งมองรูปหลวงพ่อ
    ดีใจ ก็เอารูปหลวงพ่อมากอด ชื่นใจ ๆ

    มีรูปหลวงพ่อที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวติดตัวไป รักรูปหลวงพ่อมาก
    ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ไม่มีใครคุยด้วย ก็มีแต่รูปหลวงพ่อ
    ยึดมั่นหลวงพ่อไว้เป็นที่พึ่งกำจัดทุกข์ จนเสมือนรูปนั้นมีชีวิต
    ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน เห็นสายตาของหลวงพ่อมองอยู่
    ด้วยความเมตตา ปราณี อบอุ่นใจ

    ข้าพเจ้าบูชาบัดนี้ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    ภาษีเจริญ (สด จนทฺสโร) ซึ่งข้าพเจ้าถึงว่าเป็นที่พึ่ง
    กำจัดทุกข์ได้จริง ด้วยสักการะนี้
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    บทที่สาม


    Your compassion is great.





    ตุลาคม 2524

    วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่ธนาคารเอเซีย จำกัด
    สาขาสระบุรี เวลานั้นกำลังพักเที่ยง เพื่อนร่วมงานต่างทยอย
    ออกไปรับประทานอาหารกลางวันกัน ข้าพเจ้ากับเพื่อนอีกหนึ่ง
    คนอยู่เวรที่เคาน์เตอร์รับเงิน ระยะสองเดือนนี้เกิดมีธนบัตรฉบับ
    ละ 500 บาทปลอมระบาดไปทั่วประเทศ และธนาคารอื่นใน
    อำเภอเมืองนี้ก็ได้รับมาบ้าง ผู้จัดการได้สั่งกวดขันการรับเงิน
    จากลูกค้า โดยเฉพาะฉบับละ 500 บาทให้ตรวจนับอย่าง
    ละเอียดว่าปลอมหรือไม่ ผู้ใดรับไว้จะต้องรับผิดชอบ

    เที่ยงวันนั้นมีลูกค้าเข้ามาฝากเงินหลายคน ข้าพเจ้ารับ
    เงินฝากเหล่านั้น ยังไม่ทันที่จะเก็บเข้าลิ้นชักเก็บเงิน ก็มีลูกค้า
    คนหนึ่ง เห็นข้าพเจ้าตรวจนับเงินอย่างละเอียด จึงไต่ถามและ
    ให้ข้าพเจ้าสอนวิธีดูแบงค์ปลอม ข้าพเจ้าจึงหยิบธนบัตรฉบับ
    ละ 500 บาท ขึ้นมา 2 ใบ ให้เขาดูเป็นตัวอย่าง 1 ใบ
    ข้าพเจ้าอธิบาย 1 ใบ เสร็จแล้วจึงเก็บเงินเข้าลิ้นชักให้เรียบ
    ร้อย

    ถึงเวลาเลิกงาน ข้าพเจ้าทำบัญชีและจัดเงินสดเพื่อส่ง
    แคชเชียร์ ผู้รักษาเงิน ปรากฏว่าเงินหายไปหนึ่งพันบาท
    ข้าพเจ้าตรวจนับใหม่จนแน่ใจว่าเงินหายแน่นอน จึงรายงาน
    แคชเชียร์ทราบ แคชเชียร์ให้ข้าพเจ้าพยายามคิดว่าทำผิด
    พลาดที่จุดใด นับเงินผิด หรือลงบัญชีผิด ข้าพเจ้ามั่นใจว่าไม่
    ผิดทั้งสองอย่าง ต้องเงินหายแน่นอน และสงสัยว่าจะเกิดขึ้น
    ในขณะพักเที่ยง บุคคลที่สงสัยที่สุดคือ ลูกค้าที่ได้อธิบายวิธี
    ดูธนบัตรปลอมให้

    แคชเชียร์พาข้าพเจ้าไปหาที่อยู่ลูกค้าคนนั้นจนพบเข้า
    ไปเจรจาสอบถาม ทั้งบอกถึงความเดือดร้อนของตนที่จะต้อง
    ถูกตัดเงินเดือนชดใช้ และยังเสียประวัติการทำงาน ซึ่งมีผล
    ต่อการปรับเงินเดือนและโบนัส (เงินเดือนสมัยนั้น จบปริญญา
    ตรี 1,250.- บาทเท่านั้น) เขาปฏิเสธและยืนยันความบริสุทธิ์
    ของตน ข้าพเจ้าได้แต่กลับบ้านด้วยความผิดหวัง

    เมื่อถึงบ้านก็รี่เข้าหารูปหลวงพ่อ จุดธูปขออาราธนา
    บารมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อช่วยที หลวงพ่อ
    ช่วยดลใจให้

    "ผู้ใดก็ตามที่หยิบเงินไป กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ฝันร้าย
    จนกว่าจะยอมเอาเงินมาคืนลูก"

    เมื่อครบกำหนดหนึ่งสัปดาห์ที่ข้าพเจ้าขอเวลาผู้จัดการไว้
    หากไม่ได้เงินคืนวันนี้ จะยอมให้ตัดเงินเดือนจ่ายคืนธนาคาร
    แทนเวลาบ่ายคล้อย ข้าพเจ้ากำลังจัดเงินอยู่ ลูกค้าที่ข้าพเจ้า
    สงสัย คนนั้นก็เดินหน้าดำหมองเข้ามาที่เคาน์เตอร์ พร้อมทั้ง
    ยื่นเงิน 1,000 บาท ให้ข้าพเจ้า และพูดว่า

    "ขอคืนนะ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ฝันร้ายทุกคืนเลย
    ขอโทษด้วย"

    แล้วเขาก็เดินออกจากธนาคารไป ข้าพเจ้าดีใจมาก แต่ก็ไม่ได้
    เอะอะโพทนาเรื่องนี้ให้ใครทราบ เพราะเห็นแก่ลูกค้าจะเสียชื่อ
    เสียง ได้เงินคืน ไม่โดนตัดเงินเดือน ก็บุญโข........

    ต่อไปข้าพเจ้าจะระมัดระวังการงานให้มากกว่านี้ หากไม่ได้
    หลวงพ่อของลูกช่วยที ข้าพเจ้าคงแย่

    พระคุณหลวงพ่อยิ่งใหญ่สุดพรรณาจริง ๆ
     
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    บทที่สี่



    Left and right , avoid all.







    2525

    วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้ากลับมาเยี่ยมกรุงเทพฯ
    เพื่อนก็มาชวนไปทำบุญที่วัดอาวุธวิกสิตารามกับหลวงปู่บุดดา
    ข้าพเจ้างง!!ที่ทุกคนต่างพกแป้งหอมกระป๋องไปให้
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร เสกแป้งหอมให้ ข้าพเจ้าสงสัยมาก
    เลยกราบถามหลวงปู่บุดดา ว่า เสกแป้งไปทำอะไร?



    [​IMG]



    หลวงปู่บุดดา มีเมตตามาก ยิ้มตอบข้าพเจ้าว่า
    เหตุที่เกิดมีการนิยมเอาแป้งมาให้ท่านเสกเพราะ คราหนึ่ง
    ท่านเป็นโรคผิวหนัง ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายต่างก็ซื้อแป้งมาให้โรย
    ทำให้ท่านมีแป้งมาก ใช้ไม่หมด หลวงปู่ท่านเลยแจกแป้ง
    เหล่านั้นให้แก่ผู้คนที่ไปกราบสักการะท่าน พร้อมให้ศีลให้พร
    จึงเกิดเป็นแบบอย่างนิยมกันขึ้นมาว่า ใครมากราบก็พกแป้ง
    มาให้หลวงปู่เสก ว่า เมตตามหานิยมดีนักแล
    พูดเสร็จ หลวงปู่ท่านก็เอาแป้งมาโรยใส่ตัวข้าพเจ้า
    พร้อมให้ศีลให้พร และว่า

    "อุบาสก อุบาสิกาที่ดีเขาพ้นไปแล้ว
    ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายแล้ว รู้หรือเปล่า?

    ซ้ายไม่ไป ขวาไม่ไป หลังไม่มอง
    เดินหน้าสู่ทางสายกลาง เข้าใจหรือเปล่า?"


    ข้าพเจ้าพยักหน้าไม่ตอบอะไร พร้อมกับกราบลาออกมา
    แปลกมาก !!! คำพูดของหลวงปู่ท่านกระแทกใจเข้าอย่างจัง
    ทำให้ข้าพเจ้าจำความหลังยังวัยเยาว์ขึ้นมาได้ว่า

    ตั้งแต่เกิดมาคุณย่าข้าพเจ้าเป็นคนเลี้ยงดู และไปไหนก็ไปด้วยกัน
    คุณย่าเป็นอุบาสิกาใส่ชุดขาว(กุยอี)ปฏิบัติธรรมที่วัดเกาะ
    (สัมพันธวงศ์) ความเป็นเด็กข้าพเจ้าก็จะเดินเล่นไปมาอยู่หน้าโบสถ์
    กระโดดขึ้นลงหน้าบันใดตรงกลางหน้าตึก จนกระทั่งวันหนึ่ง
    เพื่อนของคุณย่า(ซึ่งข้าพเจ้าเรียกว่าเจอี๊)มรณะทำพิธีฌาปนกิจศพ
    รุ่งขึ้นข้าพเจ้าไปกับคุณย่าไปงานเก็บอัฐิของเจอี๊ ปรากฏว่า
    อัฐิของเจอี๊เป็นพระธาตุสวยงามมาก ข้าพเจ้าเกาะโต๊ะมองดู
    และถามคุณย่าอย่างแปลกใจว่า "นั้นคืออะไร?"

    คุณย่าข้าพเจ้าจึงอธิบายว่า คือพระธาตุ เพราะเจอี๊บรรลุธรรมแล้ว
    พร้อมกับเล่าเรื่องให้ฟังว่า..........

    ที่วัดเกาะแห่งนี้มีผู้นิยมมาปฏิบัติธรรมกันมาก อุบาสก อุบาสิกา
    ที่ปฏิบัติธรรม บรรลุธรรมก็มี เมื่อเผาแล้วอัฐิเป็นพระธาตุกัน
    และอุบาสิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้นคือ

    [​IMG]

    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

    คุณแม่บุญเรือนได้มาฟังธรรมหลวงปู่บุดดาที่วัดแห่งนี้
    มีคนมาฟังกันแน่นคุณแม่บุญเรือนถึงกับเลื่อมใส กลับบ้านไป
    โกนผม นุ่งขาวห่มขาวบอกลาทางบ้านไปบวชเป็นชี ปฏิบัติ
    ธรรมด้วยความเพียรจนบรรลุธรรมและเป็นผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงใน
    ด้านการปฏิบัติธรรมยุคนั้นนำพาผู้คน อุบาสก อุบาสิกา นุ่ง
    ขาวห่มขาวปฏิบัติธรรมกันอย่างมาก

    ข้าพเจ้าจึงถามคุณย่าว่า "บรรลุธรรมคืออะไร?
    บรรลุแล้วตายเป็นพระธาตุหรือ?"

    คุณย่าไม่ตอบได้แต่ยิ้ม ๆ และว่า

    "ย่าได้แต่หวังให้เจ้าบรรลุธรรมเช่นกันตอนเจ้าเกิด ย่า
    นั่งสมาธิเห็นขบวนสวรรค์แห่แหน มาเข้าบ้านขณะที่เจ้าคลอด
    ออกมาพอดี ย่าจึงรักและเลี้ยงดูเจ้าเอง จำไว้นะ จงประพฤติ
    ธรรม และหาคำตอบเอาเองเมื่อเจ้าโตแล้ว"

    ในยามนั้นข้าพเจ้าไม่เข้าใจคำพูดนั้นแต่อย่างไร ได้
    แต่ไปวิ่งเล่นต่อ แต่คำพูดของหลวงปู่บุดดาทำไมข้าพเจ้าจึง
    เข้าใจทันที

    ซ้ายไม่ไป ขวาไม่ไป หลังไม่มอง เดินหน้าสู่ทางสายกลาง
    หลังคืออดีตที่ผ่านมา อย่าไปเก็บมาคิด มาใส่ใจ
    ปัจจุบันและอนาคต ให้เดินทางตรงสู่ทางสายกลาง
    อย่าไปหลงมัวเมา ซ้าย-ขวา นอกลู่นอกทาง

    คือให้มีปัญญาระลึกรู้สภาวธรรมทั้งหลายที่กำลังปรากฏ
    เป็นปัจจุบันเท่านั้นไม่ใช่ตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
    หรือคิดล้ำไปถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

    บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว
    ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
    สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
    และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง
    ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน
    ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้น ๆ ได้
    บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนือง ๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
    พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ
    ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง
    เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น
    ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย
    พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้
    มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน
    นั้นแลว่า ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ (ภัทเทกรัตตสูตร)

    "เอ!!! ทางสายกลางมันอยู่ที่ไหนหนอ แล้วเราจะหาเจอไหมนี่"
     
  15. Ta WHK

    Ta WHK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,133
    ค่าพลัง:
    +6,078
    รอภาคต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    บทที่ ห้า





    A gift from Quan-Im





    2524 - 2525






    [​IMG]







    วันนี้เป็นวันอาทิตย์พิเศษคุณพ่อชวนข้าพเจ้าไปกราบ
    หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ(พระราชสังวราภิมณฑ์) แห่ง
    วัดประดู่ฉิมพลี ท่าพระ บางกอกน้อย กทม. พระผู้ทรง
    คุณธรรม เป็นที่สักการะนับถือของชาวพุทธ เพราะคุณ
    พ่อได้ซื้อพระแม่กวนอิมหยกเขียวองค์หนึ่งมาจากเมืองจีนที่
    ท่านเพิ่งไปเที่ยวกลับมา คุณพ่อจะนำองค์พระแม่ไปให้หลวงปู่
    เบิกเนตร

    เมื่อไปกราบหลวงปู่โต๊ะที่ห้องที่พักของหลวงปู่
    ข้าพเจ้าแปลกใจว่า ทำไมท่านจึงใส่กางเกงเหมือนพระจีน
    ด้วยความสงสัยจึงกราบเรียนถามหลวงปู่ ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า
    ..........................

    ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงปู่นั่งเจริญกรรมฐานอยู่ในโบสถ์
    พลันก็เห็นเซียน 8 องค์เข้ามาพูดกับท่านว่า

    "พระแม่กวนอิมมารับท่านเป็นสาวกและให้ท่านปฏิบัติ
    แบบมหายานคือไม่ฉันเนื้อวัว เนื้อควาย
    และให้ฉันเจทุกเทศกาลกินเจ"

    หลวงปู่ก็ไม่ยอม เถียงไปว่า.........

    "พระแม่เป็นคนจีน หลวงปู่เป็นคนไทย
    และนับถือพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ไม่ตกลงด้วย"

    นับแต่นั้นมาเซียน 8 องค์ก็มาเฝ้าอ้อนวอนให้หลวงปู่
    เปลี่ยนใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเซียนทั้ง 8 องค์ก็มาหาอีกและบอกว่า

    "วันนี้พระแม่กวนอิมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง พักรออยู่ข้างนอก"

    หลวงปู่ไม่สนใจได้แต่หลับตาเสีย เซียนองค์หนึ่งจึงไปเชิญเสด็จ
    พระแม่กวนอิมเข้ามาในโบสถ์ และบอกให้หลวงปู่ลืมตาขึ้น
    หลวงปู่ลืมตาเห็นพระรัศมีสว่างไสวและพระลักษณ์สวยงามมาก
    พระแม่เจ้าให้หลวงปู่เข้าเป็นสาวกทางพุทธศาสนามหายาน
    และประทานเสื้อกางเกงชุดพระจีนให้ใส่แทน

    หลวงปู่เผลอรับเสื้อกางเกงมาสวมใส่ พอกางเกงสวมมาถึงเข่า
    ก็รู้สึกตัวได้สติ รีบดึงกางเกงออกทิ้งไป พระแม่กลับบอกว่า

    "ท่านเป็นสาวกของพระแม่แล้ว ต่อไปนี้ท่านจะต้องฉันเจทุกปี
    ตามเทศกาลเจของชาวจีน"

    แล้วพระแม่กวนอิมและเซียนทั้ง 8 องค์ ก็หายวับไปกับตา

    พอถึงเทศกาลเจครั้งแรก หลวงปู่ไม่ยอมฉันเจ หลวงปู่ก็
    อาพาธหนักพอหมดเทศกาลเจก็หาย ในปีต่อ ๆ มา ก็เป็น
    เช่นนี้อีกหลวงปู่ทดสอบอยู่หลายปี จนต้องหันมาฉันเจใน
    เทศกาลเจอาการอาพาธต่าง ๆ ก็หายสิ้น ท่านจึงฉันเจตาม
    เทศกาลแต่นั้นมาทุกปีของเทศกาลเจ หลวงปู่จะแต่งชุดพระจีน
    ในเวลากลางคืนและเมื่อหลวงปู่นั่งสมาธิ พระแม่เจ้าก็ได้
    พาหลวงปู่ไปเที่ยวดินแดนสุขาวดีพุทธเกษตร พร้อมทั้งสอน
    วิชชาให้จึงเป็นสาเหตุว่าชาวจีนทำไมจึงขึ้นกับหลวงปู่โต๊ะมาก
    เป็นพิเศษ



    และหนึ่งในชาวจีนที่นับถือหลวงปู่โต๊ะมากคือ คุณพ่อของ
    ข้าพเจ้าเองคุณพ่อและคณะศรัทธาธรรมได้ร่วมกันสร้าง
    รูปหล่อพระแม่เจ้าร่วมกับหลวงปู่โต๊ะที่ หน้าถ้ำสิงโตทอง
    จังหวัดราชบุรีเป็นพระรูปกะไหล่ทองให้ศิษย์ที่นับถือ
    พระแม่กวนอิมสักการะบูชา

    ครั้นหลังเมื่อหลวงปู่กลับจากการเยือนพุทธคยาที่ประเทศอินเดีย
    หลวงปู่ก็เริ่มฉันภัตตาหารมังสวิรัติ คือ การเว้นเนื้อสัตว์
    และมันสัตว์ทั้งปวงโดยเด็ดขาดอย่างจริงจัง ตราบถึงกาลมรณภาพ

    เรื่องราวของหลวงปู่โต๊ะเป็นการแสดงถึง ความสมานสามัคคี
    ของผู้มุ่งหวังสร้างบารมี ไม่ว่าพุทธนิกายใด หรือศาสนาใด
    ย่อมอนุเคราะห์ค้ำจุนกันได้เสมอ ทั้งนี้เพื่อขจัดทุกข์บำรุงสุข
    ให้เกิดขึ้น มีขึ้น แก่ผู้ศรัทธาที่เคารพบูชาเสมอ

    และเมื่อหลวงปู่เบิกเนตรองค์พระแม่หยกเขียวนั้นให้แล้ว
    คุณพ่อนำไปวางกับโต๊ะหมู่บูชาที่บ้านในคืนนั้น ครั้นเช้าตรู่รุ่ง
    อรุณ ทุกคนต่างตกใจที่ได้ยินแสงระฆังแก้วดังกังวานไปทั่ว
    บ้าน ต่างวิ่งตรูกันออกมาจากห้องนอนมาดู จึงทราบว่าทั่วทั้ง
    โต๊ะบูชามีแสงสว่างไสว เสียงระฆังเพราะมาก ทุกคนเลยลง
    ไปกราบและว่า "ศักดิ์สิทธิ์ ๆ " และคุณแม่ยังได้รับโชคลาภ
    จากเลขของพระแม่เจ้าในงวดนั้นเอง

    ครอบครัวข้าพเจ้าเคารพนับถือพระแม่กวนอิมมาแต่บรรพบุรุษ
    โดยเฉพาะคุณย่าผู้ปฏิบัติธรรม และคุณแม่จะสวดมนต์จีนก่อนนอน
    ข้าพเจ้าจึงจำบทสวดมนต์ของพระแม่ได้ตั้งแต่เด็ก ๆ และใน
    ชีวิตก็สวดเป็นแค่บทเดียวคือ "กวนอิมแกมึ้งเผ่งอังเกง"
    คุณแม่จึงให้พระแม่กวนอิมแก่ข้าพเจ้าองค์หนึ่งซึ่งเป็นของคุณย่า
    ข้าพเจ้าดีใจมากเอากลับบ้านพักที่ต่างจังหวัดบูชา

    และข้าพเจ้าก็เริ่มสวดมนต์กวนอิมแกมึ้งเผ่งอังเกงก่อนนอน
    พร้อมทั้งอธิษฐานขอบุตรสาวมาเกิดสักคน อยากได้ลูกสาวมาก

    จำคำพูดคุณย่าได้ว่า......

    "ให้บูชาพระแม่ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ปรารถนาสิ่งใด
    จงอธิษฐานเอา จะสมปรารถนา"

    ข้าพเจ้าสวดมนต์ขอบุตรอยู่ 1 ปี และฝันเห็นแต่เพชร
    เม็ดงามส่องรัศมีสดใสสว่างไปทั่ว แล้วข้าพเจ้าก็ได้บุตรสาว
    มาเกิด เป็นเด็กอ้วนท้วมสมบูรณ์ น่ารักและเลี้ยงง่าย ไม่เคย
    ป่วยไข้ และมีแววเป็นยอดคนแต่เยาว์วัย

    กราบสักการะบูชาในพระมหาเมตตากรุณา
    แห่งองค์พระแม่กวนอิมที่ประทานบุตรน้อยมาเกิดสมใจ





    观 世 音 菩 萨 家 门 平 安 经


    佛 赐 观 音 家 门 经 保 我 家 门 万 事 兴

    保 我 家 内 大 富 贵 保 我 家 门 添 财 丁

    日 日 诵 经 有 七 遍 神 佛 听 知 不 甘 嫌

    前 日 有 罪 今 日 解 今 日 解 罪 有 万 遍

    每 日 诵 经 有 千 般 靠 神 靠 佛 做 泰 山

    一 来 保 男 二 保 女 保 我 合 家 都 平 安

    拜 神 拜 佛 拜 慈 悲 求 神 求 佛 来 保 为

    家 中 大 细 佛 来 保 家 内 有 事 佛 抹 开

    拜 到 炉 底 香 又 香 拜 到 灯 光 烛 又 红

    拜 到 家 内 大 富 贵 拜 到 子 孙 都 平 安

    观 音 住 在 普 陀 山 家 内 敬 奉 都 一 般

    有 人 诵 得 观 音 经 千 灾 百 难 尽 消 清

    观 音 娘 娘 在 家 边 早 早 晚 晚 娘 扶 持

    摩 诃 佛 祖 来 赐 福 赐 我 家 内 福 禄 全

    摩 诃 菩 萨 摩 诃 萨 摩 诃 诸 佛 保 平 安

    喃 无 阿 弥 陀 佛 喃 妙 阿
    灵 牙 乔
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    ยิ่งกว่าตาเห็น
    (จากสมเด็จป๋าเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากนํ้า)
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(ปุ่น ปุณณสิริมหาเถระ)สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่๑๗หรือที่เรียกกันว่า"สมเด็จป๋า"ทรงบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ไว้ สรุปใจความได้ว่า ครั้งหนึ่งสมเด็จป๋าไปฉันเพลที่วัดปากนํ้า วันนั้นมีพ่อค้าคนหนึ่งถามหลวงปู่ต่อหน้าคนจํานวนมากว่า"วันนี้จะมีผู้บริจาคสร้างกุฎิเพื่อเจริญพระกัมมัฏฐานบ้างไหมขอรับ" ขณะนั้นสมเด็จป๋ารู้สึกโกรธผู้ถามและหนักใจแทนหลวงปู่มาก แต่หลวงปู่ท่านยิ้มแย้ม หลับตาสัก๕นาฑีแล้วตอบว่า"มี" ผู้ถามยังถามยํ้าอีกว่ากี่หลัง หลวงปู่ตอบว่า"๒-๓หลัง"สมเด็จป๋าท่านหนักใจมาก ท่านคิดว่าทําไมหลวงปู่ถึงได้ตอบคําถามแบบหมิ่นเหม่ต่ออันตรายเช่นนั้น ถ้าไม่มีใครบริจาคจะทําอย่างไร
    ต่อมามีอุบาสกอุบาสิกากลุ่มหนึ่งเข้าไปกราบหลวงปู่ และบอกว่ามีศรัทธาจะสร้างกุฏิเล็กๆ สัก๒-๓หลัง เมื่อพ่อค้าผู้ถามเห็นเหตุการณ์นี้ก็กระโดดเข้าไปกราบที่ตักหลวงปู่เลย แล้วพูดว่า"ยิ่งกว่าตาเห็น" หลังจากนั้นสมเด็จป๋ายังได้ไปสนทนาสอบถามผู้บริจาคกลุ่มนั้นว่า"นัดกับหลวงพ่อไว้หรือเปล่า" คนกลุ่มนั้นบอกว่า"ไม่ได้นัด"และบอกต่อไปว่า ขณะที่พวกเขาเดินมาในวัด เห็นกุฏิเล็กๆสวยดี ก็เลยอยากจะสร้างบ้าง จึงปรึกษากับพวกพ้องที่เพิ่งมาพบกันในวันนั้นว่าจะถวายปัจจัยให้หลวงปู่สร้างกุฏิ

    จากหนังสือ"ยิ่งรู้จัก ยิ่งเคารพรักท่าน"ฉบับพิเศษ๒๕๕๕
    ***************************************
    กราบหลวงปู่เจ้าค่ะ
    ***************************************
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    บทที่ หก




    O ! Lord , I found ye.

    สิงหาคม 2527

    ตื่นแต่เช้ามืดขึ้นมาเพื่อทำกับข้าวไปเลี้ยงพระ วันเกิดปี
    นี้นึกอยากทำอะไรเป็นพิเศษ จึงนัดแนะเพื่อน ๆ ไปทำบุญ
    เลี้ยงพระที่วัดปากน้ำ(ภาษีเจริญ) ตกลงกันว่าจะทำอาหารไปเอง
    เพื่อนแนะนำและพาไปยังกุฏิท่านพระครูภาวนา(บำเรอ)
    ตึกคณะเนกขัมมะ ข้าพเจ้าดีใจด้วยไม่ได้ไปวัดหลายปีแล้ว
    วันนี้จึงจัดอาหารคาวหวานอย่างดีไปถวายพระภิกษุสงฆ์
    พร้อมทั้งชวนเพื่อน ๆ ไปกันตั้งหลายคน

    เมื่อพระภิกษุสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลเสร็จแล้ว ข้าพเจ้า
    รีบเก็บเข้าของภาชนะจะกลับบ้าน พระครูภาวนา ฯ ลุกขึ้นไป
    ชั้นสอง บนกุฏิพร้อมเรียกพวกข้าพเจ้าขึ้นไป และกล่าวว่า

    "วันนี้เป็นวันเกิด เมื่อทำบุญเลี้ยงเพลเสร็จแล้ว ต้องเอา
    บุญละเอียดเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
    จะนำพวกเรานั่งสมาธิไปเฝ้าพระพุทธองค์กัน"

    พวกข้าพเจ้ามองหน้ากันอย่างงง ๆ แต่ไม่ทราบว่าจะ
    ปฏิเสธอย่างไร ได้แต่นั่งเรียงแถวหน้ากระดาน พระครูภาวนา
    บำเรอได้ตั้งฉายาพวกเรา เพราะท่านไม่รู้จักชื่อแต่ละคน ว่า
    เบอร์ 1 - เบอร์ 5 ข้าพเจ้าเป็นเบอร์ 3 เมื่อท่านพระครูนำนั่ง
    สมาธิลำดับ ไปตามขั้นตอนตั้งแต่ 7 ฐาน เรื่อยไปจนถึงการ
    เดินดวงเดินกายไปจนสุดละเอียด ข้าพเจ้าฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้
    เรื่องบ้าง ได้แต่ส่งจิตไปตามคำบอกลุ่มลึกไปตามลำดับที่
    ท่านบอกวิชชา เหมือนเด็กอนุบาลที่ไม่เคยเรียนหนังสือและ
    คิดอะไรก็ไม่เป็น

    มารู้สึกตัวเห็นภาพเหมือนตกเข้าไปอยู่ในความฝัน
    เห็นพระครูท่าน เดินนำหน้าพวกเราไปศาลาแห่งหนึ่ง พอเงย
    หน้าขึ้นมองเห็น พระพุทธรูปมีชีวิตนั่งตระหง่านอยู่กลางศาลา เสียงพระครูบอกให้กราบพระพุทธองค์ พวกเราก็พากัน
    ก้มลงกราบ องค์พระท่านใหญ่มากตัวเราเท่ามดแดงตัวน้อย
    เสียงพระครู ฯ ถามแต่ละเบอร์ ว่าเห็นองค์พระท่านชัดไหม
    เบอร์ 1 - 2 ไม่เห็นเลย เบอร์ 3 , 4 และ 5 เห็นชัด เสียง
    พระครู ฯ ท่านบอกว่า ระดับจิตพวกเรายังไม่สามารถจะได้ยิน
    เสียงพระพุทธองค์ ฉะนั้นให้พวกเราทูลถามพระองค์ท่าน และ
    ให้พระพุทธองค์ ประทานคำตอบโดยการยกพระหัตถ์แทน

    "ทุกคนเคยเกิดสมัยพระพุทธองค์ไหม"

    พระองค์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้น พระครูท่านก็บอกว่าพวกเราเคย
    เกิด สมัยพระพุทธองค์ พระครู ฯ ก็บอกให้ถามอีกว่า

    "พวกเราเกิดเป็นหญิงหรือชายสมัยนั้น
    ขอพระพุทธองค์ประทานชูนิ้วก้อย ให้ถ้าเป็นหญิง
    และนิ้วหัวแม่มือให้ ถ้าเป็นชาย"

    พลันข้าพเจ้าเห็นนิ้วหัวแม่มือขนาดใหญ่
    มากส่องแสงเป็นประกาย ของเบอร์ 4 , 5 เป็นนิ้วก้อย

    "พวกเราอยู่ในพระพุทธศาสนาหรือไม่
    เบอร์ 3 ถามก่อน และได้บวชเรียนหรือไม่"

    พระพุทธองค์ประทานยกพระหัตถ์ให้

    "ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ เบอร์ 3 ขอพบพระอุปัชฌาย์"

    ทันทีที่ขาดคำข้าพเจ้าเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
    วัดปากน้ำ(ภาษีเจริญ)เดินออกมา ตัวข้าพเจ้ากลายเป็นเณร
    น้อย วิ่งถลาเข้าไปซบกอดเท้าท่าน ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่าง
    ชนิด ที่ว่าไม่ได้พบพ่อของตนมานานแสนนานและคิดถึงมาก


    "เบอร์ 3 คุมอารมณ์ไว้ อ้าว ! ไม่ทันแล้ว"

    เสียงพระครูแทรกเข้ามา ข้าพเจ้าร้องไห้จนรู้สึก
    เหมือนถูกเครื่องดูดถอยหลังถอนกายออกมาทีละกาย จนรู้สึก
    ตัวนั่งเอามือเช็ดน้ำตาไปมา เพื่อนเบอร์ 1 - 2 รีบเข้ามาจับ
    ตัวข้าพเจ้าอย่างเป็นห่วง ข้าพเจ้านั่งงง ๆ

    "เอ๊ะ ! นี่เราเป็นอะไร ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรจนเปียกตัก"

    เสียงพระครู ฯ นำเบอร์ 4 และ 5 ต่อไป ทั้งสองเคยเกิด
    เป็นหญิง ในสมัยพุทธกาลนับถือศาสนาพราหมณ์ และได้
    เปลี่ยนมาเป็นศาสนาพุทธโดยพระภิกษุณีรูปหนึ่งให้เป็น
    อุบาสิกาชาวพุทธ

    ก่อนเลิกนั่งสมาธิ เบอร์ 4 ได้เข้าไปกราบขอพรกับพระ
    พุทธองค์ด้วยประสบปัญหาธุรกิจ พระพุทธองค์ทรงประทาน
    สายบุญจากพระหัตถ์ให้ เบอร์ 4 นั่งรับบุญอยู่เป็นนาน
    จนพระครู ฯ แซวว่า ต้องไปเอารถบรรทุกมาขนบุญกลับบ้าน

    (อย่างอัศจรรย์เมื่อกลับจากการทำบุญครั้งนี้
    เบอร์ 4 พลิกชตาชีวิตที่ขัดข้องมาเป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ
    และทำบุญกับวัดปากน้ำภาษีเจริญตลอดมา)

    หลังจากเลิกนั่งสมาธิพระครู ฯ บอกว่าพระเดชพระคุณ
    หลวงพ่อวัดปากน้ำ ฯ เคยเป็นพระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าในสมัย
    พุทธกาล เสียดายที่ชาตินี้เกิดไม่ทันกัน พระครู ฯ ให้พวกเรา
    เบอร์ 3 , 4 และ 5 ลงชื่อในทะเบียนสมุดว่าเป็นผู้ที่ได้
    ธรรมกาย ข้าพเจ้าไม่ยอมเพราะคิดว่า การได้ธรรมกายต้องนั่ง
    สมาธิ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดจะปฏิบัติเลย แต่เพื่อน ๆ ไม่ฟังได้ลง
    ชื่อให้แทน (มาทราบภายหลังว่า.........

    บุคคลใดบำเพ็ญทานเป็นนิจ กายทิพย์จะบังเกิด
    ถึงพร้อมด้วย พรหมวิหาร 4 คือ
    เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา กายพรหมจะบังเกิด
    และปฏิบัติอยู่ในมรรค 8 กายธรรมจะบังเกิด
    ฉะนั้นกายละเอียดแต่ละกาย บังเกิดขึ้นตามคุณธรรม
    ของแต่ละบุคคลนั่นเอง ไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตาม)

    วันเกิดปีนี้จึงทราบว่าหลวงพ่อ ฯ ท่านเคยเป็นพระ
    อุปัชฌาย์ในสมัยพุทธกาล และข้าพเจ้าเคยบวชเรียนในศาสนา
    ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศากยมุนีพุทธโคดม นี่หรือคือ
    เหตุผลที่สงสัยมานานว่า ทำไมหลวงพ่อท่านจึงเมตตากรุณา
    สงสารคอยปกปักรักษา
     
  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]


    [​IMG]
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    รักษาโรค
    นอกจากเรื่องความมหัศจรรย์ต่างๆแล้ว หลวงปู่ยังใช้วิชชาธรรมกายรักษาโรคอีกด้วย ท่านทดลองให้เห็นว่าวิชชาธรรมกายสามารถเป็นที่พึ่งของมนุษย์ได้จริงๆ โดยนําผู้ป่วยหนัก๒คน คนหนึ่งเป็นโรคเรื้อน อีกคนเป็นวัณโรค ท่านให้๒คนนี้นั่งสมาธิ แล้วท่านก็ใช้วิชชาธรรมกายช่วยแก้โรคให้ จนกระทั่งผู้ป่วยหายจากโรคร้ายและยังเข้าถึงธรรมกายอีกด้วย ผู้ป่วยที่ไปรักษาโรคที่วัดปากนํ้า จะต้องเขียนอาการของโรค ชื่อ ที่อยู่ อายุ วัน เดือน ปีเกิด ใส่ไว้ในกล่อง จากนั้นหลวงปู่ก็สั่งให้ผู้ที่ได้ธรรมกายช่วยกันแก้โรคให้ คนที่มารักษาต้องนั่งสมาธิด้วย เพื่อให้กระแสจิตเชื่อมถึงกัน การรักษาจึงจะได้ผล ซึ่งปรากฎว่ามีผู้ป่วยที่หายจากโรคเป็นจํานวนมาก ที่บรรเทาเพียงครั้งคราวก็มี ซึ่งหลวงปู่ท่านบอกว่า"ไม่หายก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคนเจ็บก็มีโอกาสรู้วิธีปฎิบัติธรรม"
    กิตติศัพท์ที่หลวงปู่สามารถรักษาโรคหายแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทําให้มีคนสนใจวิชชาธรรมกายและเดินทางไปขอพึ่งบารมีท่านมากขึ้นเรื่อยๆ
    ความทุกข์ของผู้คนที่ไปขอพึ่งบารมีหลวงปู่นั้น มีตั้งแต่เรื่องเกิดจนไปถึงเรื่องตาย เช่น ใครยังไม่มีบุตร ก็ไปขอความเมตตาจากท่าน ให้ช่วยใช้วิชชาธรรมกายเลือกคนดีๆมาเกิด ใครมีลูกหลานขี้โรค ก็มายกให้เป็นลูกท่าน ใครมีลูกหลานไม่ฉลาด ก็มาขอบารมีให้ท่านช่วย ใครมีญาติตาย ก็มาขอให้ดูว่าไปอยู่ที่ไหน จะต้องทําบุญอะไรให้จึงจะสมควร หลวงปู่ท่านเมตตาช่วยเหลือผู้ตกยากโดยไม่เลือกหน้าและไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ อีกทั้งยังสอนให้ผู้ที่ได้วิชชาธรรมกายช่วยเหลือคนโดยไม่หวังลาภสักการะเพราะท่านถือว่า เป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้ธรรมกายทุกคน ที่จะต้องช่วยแก้ไขความทุกข์ยากเดือดร้อนของคนที่มาขอความช่วยเหลือ และให้ต้อนรับพวกเขาด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ให้แสดงอาการเบื่อหน่าย


    จากหนังสือ "ยิ่งรู้จัก ยิ่งเคารพรักท่าน"(ฉบับพิเศษ)๒๕๕๕
    *****************************************
    ขอบพระคุณท่านดาบหักค่ะ อนุโมทนาสาธุในธรรมทานค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...