เรื่องเล่าและประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมของผม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อวทม45, 3 กันยายน 2011.

  1. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ผมตอนนี้อายุ 34 แล้ว ได้เริ่มปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่อาจจะไม่รู้ตัวว่าได้ปฏิบัติอยู่ เพราะตอนเด็กไม่สบายบ่อยเป็นไข้ชัก จึงได้แต่นอนทั้งวัน เมื่อมันว่างก็เลยดูจิตได้โดยอัตโนมัติเพราะชอบคิดถึงความตาย หลายครั้งชอบนึกถึงสภาพตายว่ามีสภาพอย่างไรและลองทำดูบ่อย ๆ ซึ่งที่แท้มันก็คือสภาวะสมาธิระดับหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นจะเลียนแบบความรู้สึกตายโดยทำความว่างไร้ตัวตนโน้มจิตให้มันเป็นอย่างนี้ จนมีประสบการณ์กายทิพย์ออกจากร่างได้ (แต่ตอนนั้นไม่ทราบ)เรื่องมีอยู่ว่า ขณะนอนทำสมาธิจิตเป็นกลางวางเฉยเบา ๆ ตัวเองก็ได้ลุกขึ้นมาแบบไม่ยากลำบาก เสร็จแล้วก็มีฟ้าผ่าดังโครม ที่ปลายเตียงจากนั้นความรู้สึกตัวมาปรากฏที่กายเนื้อ ผมก็งงก็ลุกขึ้นไปดูที่พื้นทันทีว่ามีรอยไหม้หรือเปล่า มันก็ไม่มีอะไรก็เลยคิดว่าแปลกดี ทั้ง ๆ ที่ความรู้สึกต่อเนื่องกันไม่ได้หลับฝันแน่นอน จนมาเข้าใจเอาตอนที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมตอนหนุ่ม ๆ เมื่อระลึกดูก็คิดว่าใช่แน่ ๆ

    (แล้วจะมาพิมพ์ต่อ)
     
  2. tools&die

    tools&die สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    พอจะบอกได้มั้ยคับว่าพี่ปฏิบัติอย่างไรคือผมหมายถึงพี่ทำให้จิตมันว่างได้อย่างไรผมก็คิดอย่างนั้นแต่ผมทำให้มันว่างไม่ได้ช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยคับหากเราช่วยกันจนทำได้โดยง่ายจะช่วยคนได้มากเลยทีเดียวผมทำได้เพียงเหมือนจะหลุดแต่ก็ไม่ได้เพราะตกใจพี่ช่วยหน่อยนะคับผมจะได้ทดลองแบบพี่บ้างคับ
     
  3. tools&die

    tools&die สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับ
     
  4. tools&die

    tools&die สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    พี่ช่วย@ที่อยู่ผมไว้ด้วยนะคับผมจะได้ติดต่อพี่สะดวก por_td@hotmail.comช่วยกรุณาผมหน่อยนะครับหากทำได้จะช่วยคนทั้งโลกได้เลย
     
  5. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    หลังจากเป็นเด็กโตขึ้นมาก็เริ่มหายจากไข้ชัก ร่างกายแข็งแรงขึ้น จึงไม่ค่อยได้ปฏิบัติธรรมอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แล้วก็เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นก็เหมือนวันรุ่นทั่วไปคบเพื่อนเที่ยวเล่นกีฬาพอให้สนุก ส่วนการปฏิบัติก็เป็นงานอดิเรกเล็ก ๆ แต่ก็มีคบเพื่อนที่พากันนั่งสมาธิด้วยเหมือนกันก็เลยยังไม่ตัดขาดจากการปฏิบัติเสียที่เดียว แต่อุปสรรคก็คือ ความรู้สึกทางเพศที่เป็นอุปสรรค ซึ่งตอนนั้นก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ก็ไม่ได้มีอะไรกับใครแต่ก็ติดกามดูหนัง อ่านหนังสือ เสพกาม ตามประสา จนเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญก็อยู่ตรงนี้เองที่ทำให้ได้เข้ามาสู่การปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้นจริงจัง กว่าการปฏิบัติแบบทำไปวัน ๆ
     
  6. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ถ้ามีสติมาก ๆ ความคิดก็จะน้อยอารมณ์ต่าง ๆ ก็จะรู้ทันแล้วดับไปเร็วจิตก็จะอยู่กับความว่างจนเป็นธรรมชาติ(มีความคิดเมื่ออยากคิด ,ไม่อยากคิดก็ว่าง ,แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่คิดอะไร) เพิ่มสติโดยการเดินจงกรมและมีสติต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน ที่ว่าเหมือนจะหลุดแต่ตกใจ นี่ยังห่างจากจุดมุ่งหมายและสภาวะสงบของการปฏิบัติธรรมอยู่ครับ และการถอดจิตไม่ใช่เป้าหมายของการปฏิบัติธรรมด้วย
     
  7. Junejuly

    Junejuly Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +38
    อยากทราบว่าเวลาที่รู้สึกตัวว่าเราไม่มีความรู้สึกถึงร่างกายเรา(เช่นไม่รู้สึกถึงเท้าที่สัมผัสกับพื้นหรือมือที่ซ้อนทับกันอยู่บนหน้าตัก--ไม่เหมือนอาการชานะคะ)เวลานั่งสมาธิ รู้แต่ว่าตัวเบาๆ วูบๆ วาบๆ แต่เราก็กำหนดจิตรู้และยังคงภาวนาพุท โธต่อไปเพราะไม่อยากยึดติดกับอาการ ดิฉันก็อยากทราบว่ามันคืออาการเข้าสู่สมาธิหรืออาการของจิตหลุดคะ
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    สาธุครับ..อนุโมทนาด้วย มีเหตุที่มาที่ไป..ที่เกิด:cool:
     
  9. tools&die

    tools&die สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับ
     
  10. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ให้สังเกตุดูครับ หากจิตหลุดการรับรู้จะไม่มีครับ หรือ จะเรียกตกภวังค์ก็ได้ครับ

    จิตที่เป็นสมาธิจริงๆต้องรับรู้อยู่ตลอดเวลาครับ รับรู้ที่จิตครับ ไม่ใช่ที่กายครับ

    ส่วนใหญ่ครั้งแรกที่เกิดอาการไม่รับรู้ร่างกายนั้น จะเห็นแต่จิตชัดเจนมากครับ

    คือเห็นแต่เราไม่เห็นอย่างอื่น ให้เฝ้าดูเรา หรือ จิต เฝ้าดูให้หยุด ให้นิ่งครับ

    แต่จะทำยากครับในช่วงแรกๆ เพราะส่วนใหญ่พอนึกคิดไปก็เห็นที่นึกคิดเลย

    และสิ่งที่ไปเห็นก็จะเป็นจริงด้วย จนทำให้บางคนเสียเวลาไปกับตรงนี้มาก

    แต่ก็จะวางลงเองครับ เพราะจะเห็นความเสื่อมไปของสิ่งที่เห็น กล่าวคือเห็นโทษครับ
     
  11. Junejuly

    Junejuly Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +38
    ขอบคุณค่ะคุณOatthidet ที่กรุณาให้ความกระจ่าง ดิฉันไม่รู้ว่าดิฉันปฏิบัติถูกต้องไหม พอดิฉันประสบเหตุการณ์เช่นนั้นดิฉัน ยังรู้ ยังมีสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง และก็ท่องพุท โธไปเรื่อยๆ ดิฉันไม่เห็นอะไรหรอกค่ะ(ไม่ปรารถนาจะเห็นด้วย) เห็นแต่ความมืดจากการหลับตา ได้ยินแต่พุท โธที่ดิฉันท่องไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง ถึงขั้นนี้ ดิฉันควรทำอย่างไรคะ แค่สังเกตุให้นิ่งไปเรื่อยๆเหรอคะ
     
  12. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 3 อายุ20 ได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่จุดประกายให้ปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจังขึ้นมา ไม่ใช่หนังสือวิปัสนาของหลวงพ่ออะไรหรอกครับ เป็นหนังสือ ชื่อ .สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต ของ แสง อรุณกุศล(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ช่วงนั้นหลังเลิกเรียนทุกวันก็จะใช้เวลาว่างนั่งสมาธิซึ่งต่างจากทุกครั้งที่ต้องไปเที่ยวที่หอเพื่อน ไปเล่นกีต้า ดูทีวี เที่ยวเล่นเกม ฯ ประสบการณ์ที่ได้จากการปฏิบัติครั้งนี้มันไม่มากมายอะไร แต่มันเปลี่ยนวิถี ทำให้ผมอยากบวชเป็นพระดูสักครั้ง ขอเล่ารายละเอียดของสภาวะกันลืมหน่อยแล้วกัน

    หนังสือเล่มนี้ เน้นไปที่การถอดจิต แม้จะมีเรื่อง สมถะ วิปัสนาด้วยแต่ผมเองก็โง่ไม่ได้ให้ความสำคัญ(มาอ่านเจอทีหลังตอนแรกไม่ได้สนใจเลยอ่านผ่าน ๆ คงจะอ่านไม่เข้าใจด้วย ข้อนี้ถือเป็นข้อควรระลึกของนักปฏิบัติหน้าใหม่ ที่ไม่ได้ศึกษาปริยัติก่อนปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอน ว่าควรเฉลียวใจตรวจสอบความรู้ตัวเองให้ดีก่อนว่ารู้แนวทางการปฏิบัติเบื้องต้นพอหรือเปล่า)
    เบื้องต้นก็ใช้การดูลมหายใจ จิตใจก็เบาสบายสงบดี จากที่เมื่อก่อนชอบมานึกสร้างเรื่องราวขึ้นแล้วก็นอนดูมันเป็นละครเป็นเรื่องราวให้เราดู ทำให้เรามีความสุข ตอนนี้เรื่องราวเหล่านั้นไม่สามารถคิดได้อีก มันคิดมาแล้วมันก็ดับไปของมันเองพยายามคิด คิดได้นิดเดียวมันก็ดับเอง ซึ่งไม่เข้าใจหรอกและไม่ได้สนใจด้วย การภาวนาก็ทำไปเรื่อย ๆ ไปนั่งคนเดียวบนดาดฟ้าคอนโด ช่วงนี้เริ่มสัมผัสอะไรแปลก ๆ ด้วยเช่น รู้ว่ามีคนอยู่บนดาดฟ้าตึก(คนตายแล้ว หรือวิญญาณ หรือผี)ผีมีอารมณ์เช่นไร กำลังทำอะไร แต่ไม่สามารถเห็นได้ ส่วนการภาวนาตามตำราที่ให้หมุนที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว ก็ทำได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตอนนอนอยู่ แล้วก็หมุนแรงมากบางครั้งเหมือนตัวเองหลุดออกมาได้ แต่ทุกครั้งที่ตรวจสอบมันเป็นเพียงนิมิตเสมือนจริงเท่านั้น แต่ความสามารถด้านตาทิพย์ในขณะทำสมาธิจะสามารถลืมตาได้แต่ตาจะหนักมากลืมได้นิดเดียวแล้วตัวก็จะขยับไม่ได้ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ตามแต่ก็มีสภาวะนี้ไม่บ่อยแต่จะนับก็นับไม่ได้
    ตาที่ลืมได้นี้จะเห็นทุกอย่างตามจริงแต่สิ่งที่เห็นเพิ่มขึ้นมาก็คือ เพื่อนต่างภพ แล้วช่วงนี้นี่เองที่ชีวิตได้เพื่อนคนสำคัญที่ติดตามตัวผมตั้งแต่นั้นมา เป็นนักศึกษาเสื้อขาว(พูดแล้วขนลุกเลย)ที่มีบทบาทในชีวิตผมหลายปี โดยที่ผมไม่ได้รู้ตัวกว่าจะรู้ตัวก็ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ว่าเขามีบทบาทอย่างไร ติดตามมาจากที่ไหน เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งนั่งสมาธิอย่างไร ก็จะเห็นแต่สถานที่ป่าช้าข้างสถาบันอยู่เสมอ พร้อมกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ฉายให้ดู กำหนดเท่าไหร่ถ้าเผลอสติ ภาพก็จะเกิดขึ้นทันทีและหนักหน่วงมาก แต่ตอนนี้เพื่อนผมคนนี้ได้อันตรธานไปแล้ว หลังจากที่ไปหาพระท่านหนึ่ง มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านให้เราไปยกพระพุทธรูปองค์ขนาดพอยกได้องค์หนึ่งในกุฏิ หลังจากนั้นจิตใจก็สบายขึ้นเยอะ(เรื่องเพื่อนต่างภพนี้ อาจจะขยายความอีกทีในตอนหลัง) ทีนี้ขอเข้าเรื่องการภาวนาต่อ หลังจากจบการศึกษาผมก็ได้จับใบแดงเป็นทหารเกณฑ์ ไปเป็นอยู่ 1 ปี หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเข้าบวชเพราะว่างพอดีและตรงกับใจคิดไว้ตั้งแต่เริ่มฝึกสมาธิถอดจิต ช่วงนั้นเป็นเดือนตุลาหลังจากปลดประจำการ(เนื่องจากเป็นผลัด 2) บวชวันที่ 5 ธันวา 2542 (1998)ถวายในหลวง...

    หลังจากบวชก็ได้อยู่วัดในเมืองใกล้บ้านเดือนหนึ่งแต่ก็ได้เริ่มปฏิบัติไปด้วยไม่ได้สนใจพระที่อยู่ในวัดซึ่งไม่เน้นการปฏิบัติเท่าไหร่ เรื่องราวหลังจากนี้มีมากมาย...มีทั้งสมถะ วิปัสนา เรื่องราวแปลก ๆ ซึ่งถูกดำเนินเรื่องไปบนความไม่รู้ปริยัติเพราะหวังแต่ปฏิบัติเป็นหลักด้วยความที่เป็นนักพิสูจน์ ....จะเป็นยังไง...โปรดติดตามตอนต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2011
  13. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    เริ่มการปฏิบัติเข้ากรรมครั้งแรก
    เข้ากรรมฐาน 10 วัน ตอนแรกพระอาจารย์ท่านก็ให้ทำอานาปานสติก่อน โดยให้นั่งสลับกับเดิน อย่างละ 1 ชั่วโมงแล้วก็สลับกับพักผ่อนเป็นบางช่วง นอนประมาณ 5 ชั่วโมง ก็ทำได้ตามนั้นจิตก็สงบดี เริ่มมีแสงสว่างให้เห็นเป็นแสงกระพริบที่เปลือกตา อาจารย์บอกให้เลื่อนจุดมาที่ไหปลาร้าด้านซ้ายลองเลื่อนดูก็ปรากฏว่ามีความสงบเพิ่มมากขึ้นแสงสว่างก็เพิ่มขึ้น จากนั้นประมาณ3-5 วัน(จำไม่ได้นานแล้ว)ก็ได้ให้หนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านแล้วปฏิบัติตาม หนังสือนั้นชื่ออะไรไม่ทราบแต่จำได้ว่าเป็น ปฏิบัติธรรม 10 วันโกเอ็นก้า ก็อ่านแล้วก็ทำตามหนังสือไป ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นตามลำดับเหมือนในหนังสือ ซึ่งตอนนี้อาจารย์เริ่มให้นั่ง 2 ชั่วโมงเดิน 1ชั่วโมง
    สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นโดยย่อมีดังนี้คือ นั่งแล้วจะมีความเจ็บปวดเกิดขึ้นแล้วเราก็ดูความเจ็บนั้น ความเจ็บนั้นก็จะเล็กลงกลายเป็นจุดเล็ก ๆ ที่เจ็บ จากที่หนาทึบ จากนั้นความเจ็บนั้นก็ละเอียดขึ้น กลายเป็นการเกิดดับรวดเร็วต่อเนื่องกันอุปมาเหมือนไฟที่กระพริบรัว ๆ เมื่อเห็นอย่างนี้ก็ไล่ดูตั้งแต่ศรีษะจนถึงปลายเท้า การเกิดดับนี้ก็ละเอียดไปทั่วร่างกายดูที่ไหนก็จะ มีอาการอย่างเดียวกันคือ ยิบยับยุบยับเป็นจุดยิบยับทุกที่ยกเว้นลำคอ พอดูไปทั่วร่างก็คล่องขึ้นดูร่างกายก็ไล่ได้เร็วขึ้น จากนี้ก็เอาความรู้สึกดึงจากปลายเท้าไปศรีษะปรากฏว่า เกิดกระแสเหมือนไฟฟ้าและมีแสงสว่างไหลไปทั่วร่างกายบนล่าง ๆ ต่อกันไปหลายเที่ยวอย่างรุนแรงพอสมควร ซึ่งถึงตอนนี้ก็ทำได้ตามหนังสือทุกอย่างแต่ก็ยังปวดอยู่เมื่อเวทนาแรงกล้าเมื่อนั่งไปนาน ๆ เมื่อเสร็จ 10 วัน ก็ทำได้เท่าที่เล่าแต่ไม่ได้ปัญญาอะไรก็คิดไปว่า ไม่ค่อยชอบวิธีนี้เพราะมันเจ็บ หลังจากนั้นก็ไม่ได้นั่งดูเวทนานานจน 2 ชั่วโมงอีก แต่ได้อานาปนสติเป็นกรรมฐานหลักปฏิบัติเป็นประจำเรื่อยมา ซึ่งสภาวะหลังจากนี้ก็มีหลายอย่าง มีการอึดอัดที่หัวใจ มีการเสียววาบที่หัวใจ มีการเฝ้าดูอยู่ตรงกลางระหว่างใจกับความเจ็บปวด มีแสงสว่าง รับรู้ว่ามีอะไรสักอย่างเดินรอบกุฏิจนสะเทือน ระหว่างคิ้วหมุนบ่อยขึ้นเมื่อตอนไม่มีสติ(ตอนนอนสมาธิ) มีนิมิตเห็นตัวเองนั่ง แล้วก็โยก มีนิมิต ลอยไปผ่านฝาผนังไปเมืองยักษ์ โดนยักษ์ไล่ตามแล้วเสียบมีดลงกลางหลัง(ถ้าหนีพ้น จะเป็นนิมิตที่ดี ว่าจะได้บรรลุธรรมขั้นสูง)
    อยู่ปฏิบัติได้ประมาณ 3 เดือนแต่สภาวะธรรมก็ไม่ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ได้แต่วนเวียนสูง ๆ ต่ำ ๆ จนมีพระสายหลวงพ่อเทียนมาเยี่ยมวัด พระอาจารย์จึงฝากให้ผมติดสอยห้อยตามไปพร้อมกับพระอีกรูปหนึ่งที่บวชใหม่เหมือนกันไปด้วย ประกอบกับตอนนั้นอาจารย์คงกลัวติดวิปลาสด้วยเพราะจะนั่งจะนอนจะเห็นผีเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้กลัวเพราะคิดว่าเราคิดไปเอง แต่อาจารย์บอกว่าให้ท่านไปแก้ไปกับพระสายนี้นะจะแก้ได้ ภาพต่าง ๆ ก็จะไม่ปรากฏให้เห็นก็ได้ติดสอยห้อยตามหลวงพ่อไปต่างจังหวัดเรียกได้ว่าเป็นพระใหม่ธุดงค์รถตู้...
    โปรดติดตามการปฏิบัติสาย หลวงพ่อเทียนต่อไป สายนี้ปฏิบัติแบบ กายานุสติปัฏฐาน ให้ดูความเคลื่อนไหวของร่างกาย ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม...
     
  14. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    เริ่มการปฏิบัติแบบเคลื่อนไหว

    ก็ไม่มีอะไรมากจากที่เคยติดภาพนิมิตลืมตาก็เห็นหลับตาก็ไม่หาย แต่ก็เห็นเล่าให้พระที่ปฏิบัติสายหลวงพ่อเทียนฟังเขาก็ทำท่าตกใจ ทำเหมือนมันเป็นเรื่องวิเศษอย่างนั้นแหล่ะ จากนิมิตที่เคยเกิดขึ้นอย่างง่าย ๆ ก็ค่อย ๆ หายไป การเคลื่อนไหวมือก็เบาอย่างมาก และจะทำเร็วมากกว่าคนอื่นพอสมควร ช่วงนั้นฟังเทศน์พระองค์ไหนก็เหมือนท่านมาเทศน์ให้เราฟังเป็นการเฉพาะเลยเพราะสภาวะเหมือนกับเราเป็นอยู่ การทำสายนี้ทำให้มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา ตอนเข้ากรรมฐานที่ได้อารมณ์ ก็จะมีสติกับกายตลอดเวลาแต่นิมิตก็ยังเห็นอยู่เนื่อง ๆ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เหมือนเก่า ปฏิบัติสายนี้ความคิดของผมมันเร็วมากคิดปุ๊บก็ดับปั๊บ มีแต่ความดับไป มันปรุงไม่เป็นจนบางทีในการเข้ากรรมฐานเข้มรู้เลยว่าวันทั้งวันไม่ได้ปรุงแต่เป็นเรื่องเป็นราวเลยตลอดตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับไป และไม่ฝันด้วยหลับแล้วก็ตื่นเลยความรู้สึกเป็นอย่างนี้ และจับได้ว่าภาพที่เข้ามาเกือบหมดเป็นภาพการ์ตูนขาวดำ(ต้องย้อนดูเพราะมันดับไปเลยในขณะที่เกิด) แต่ก็ไม่ได้หลุดพ้นอะไร ส่วนรายละเอียดสภาวะมีมากมายเล่าไม่หมดแต่ที่สำคัญคือได้ความรู้เรื่องของ ปริยัติมาก เพราะหลวงพ่อท่านออกสั่งสอน นำฆาราวาสและพระปฎิบัติธรรม ท่านเทศน์เกือบทุกวัน อยู่กับการปฏิบัติสายนี้มานานแต่ก็มีปัญหามากเมื่อถึงช่วงหนึ่งซึ่ง เพื่อนของผมเขาสามารถอ่านความคิดของผมได้และชาวบ้านทั่วไปก็อ่านได้ดูเหมือนว่าผมจะไม่ปกติเหมือนคนอื่นเพราะ จะคิดดัง ซึ่งผมก็น่าจะเป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่ชาวบ้านคนทั่วไปพึ่งจะจิตเปลี่ยนก็ตอนนี้ แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่จะรู้ว่าคิดอยู่เท่านั้น แล้วมักจะมีปฏิกิริยาทำให้จิตผมสดุ้งไม่สงบไปด้วย จึงมีปัญหาในการวางตัวพอสมควร ซึ่งมันก็นำมาซึ่งการลาสิกขาเพศสมณะของผมที่ผมก็กะไว้แล้วเหมือนกัน ว่าจะบวชประมาณ 1 ปีถ้าไม่ได้เห็นธรรมก็จะสึก แล้วมันก็ถึงเวลาพอดีกับที่มีปัญหา ในการปฏิบัติตลอดเกือบ 1 ปีของสายนี้ต้องบอกว่าน่าผิดหวัง ส่วนหนึ่งที่สำคัญเลยก็เพราะผมอาจจะมีความอยากมากเกินไปในการบรรลุธรรมเพราะได้กำหนดระยะเวลาในการบวชไว้และเมื่อมันใกล้หมดทำให้ความกดดันเพิ่มขึ้น ซึ่งมีเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ มีพระท่านทำนายเอาไว้ ว่าผมจะได้เห็นธรรมในวันนั้น ๆ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นแถมผมยังนึกถึงคำทำนายว่าจะได้บรรลุธรรมได้ในวันที่ใกล้วันที่พระท่านทำนายไว้ด้วยเหมือนมารดลใจให้เกิดอุปสรรคจริง ๆ แม้มันจะเป็นคำทำนายของผมหรือไม่ก็ตามแต่มันก็นึกขึ้นมาให้ติดอารมณ์ (พระท่านไม่ได้เจาะจง แต่ท่านพูด สภาวะ และ วันเวลาออกมาลอย ๆ ตอนเทศน์เหมือนให้ผมฟังเหมือนกันหลายท่านต่างกรรมต่างวาระ ) ในที่สุดผมก็สึกออกมาแล้วก็เรียนต่อ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้
     
  15. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ได้สมัครปฏิบัติธรรม ทำแบบพองยุบ 7 วัน ในการปฏิบัติรวม ซึ่งได้ผลคืออารมณ์จากหยาบ สู่ละเอียด จากคิดเป็นไม่คิด จากง่วงมากเป็นไม่ง่วง จากกายสู่จิต จิตสงบดี สว่าง มีเสียงก้องในหู สามารถเห็นจิตคนอื่นหมดเป็นดวง ๆ ที่มานั่งอยู่ในห้อง สัมผัสกับภพภูมิอื่นที่แทรกเข้ามา มีก้อนอยู่บนหัว ส่องแสงสว่างแห่งปิติมาคลุมร่างกายเหมือนรูปกรวย จิตเป็นอุเบกขาชัดเจน ไม่มีความคิดฟุ้งซ่าน นั่งปุ๊บก็เข้าถึงความสงบปั๊บ แต่มันมาช้าไปเพราะกว่าจะเป็นอย่างนี้ก็ใกล้หมด 7 วันแล้ว แต่ที่ยากอย่างหนึ่งก็คือ ตอนที่อารมณ์จากกายสู่จิต ตรงนี้อารมณ์มันจะออกตื้อ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเหมือนรู้บ้างไม่รู้บ้าง จะชัดก็ไม่ใช่จะไม่ชัดก็ไม่ใช่ จนทำให้หงุดหงิดได้ถ้ารักษาจิตไม่สามารถรักษาความเป็นกลางได้ พระท่าน เขาเรียกกันว่า ญานม้วนเสื่อ แต่ก็ผ่านมาได้ไม่ยากไม่นาน ถ้านักปฏิบัติผ่านตรงนี้ได้ ก็จะเข้าสู่อุปจาระสมาธิ พอหมด 7 วัน หลังจากออกคอร์สมาอารมณ์ก็ค่อย ๆ ถอยลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กันยายน 2011
  16. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ประสบการณ์ถอดจิตนิด ๆ หน่อย ๆ เห็นในเวปนี้บางคนยังยึดติดเรื่องประมาณนี้อยู่มาก เลยขอเล่าเพื่อเพิ่มอรรถรส
    หลังจากที่ถอดได้ตั้งแต่เด็ก ๆ แบบบังเอิญและไม่รู้เรื่อง พอได้มาปฏิบัติกรรมฐานก็ถอดได้จริง ๆ ไม่นับที่ถอดในรูปของนิมิตที่ไปเที่ยวนู่นนี่แบบความฝันแบบหลงนิมิต ไม่มีสติกำหนดรู้ปัจจุบัน พอสรุปได้ดังนี้...
    มีการถอดจิตขณะนอนสมาธิอยู่โดยกายทิพย์ไหลออกทางเท้าเป็นเส้นใยม้วน วน ขึ้นไปบน ฝ้าเพดาน แล้วเมื่อจิตไม่เป็นกลางมันก็ม้วนหดเข้ามาในกายพอเป็นกลางมันก็ม้วนออกไป ความรู้สึกตัวอยู่กับกายเนื้อ...
    มีการถอดจิตแบบไม่ได้ตั้งหลัก คือ อยู่ ๆ ความรู้สึกก็ซ้อนขึ้นมาบนกายเนื้อเป็นอีกกาย ...
    มีการถอดโดยทำสมาธิอยู่แล้วจิตไปจับกับกายทิพย์ แล้วกำหนดที่กายทิพย์ให้เคลื่อนออกมา วิธีนี้ทำได้บ่อยและง่าย ความรู้สึกตัวจะสลับกันระหว่างกายทิพย์และกายเนื้อ บางทีนอนอยู่มีสมาธิก็กำหนดกายทิพย์นั่งก็นั่งแบบลุกขึ้นมาตรง ๆ
    กายทิพย์ไม่เคยออกจากร่างไปไหรเพราะเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ไม่สามารถออกไปได้ เช่นจะออกไปก็จะมีเสียงไม้ลั่น หรือ เสียงดัง เสียงกระทืบเท้า ทำให้กายทิพย์หดเข้าร่าง อย่างที่นานที่สุดที่ออกไปได้ก็นอนอยู่ข้าง ๆ กายเนื้อนอนอยู่อย่างนั้นลุกไม่ได้แต่ได้ยินเสียงคนคุยกันมากมาย เสียงแหลม ๆ กายทิพย์ทาบเข้ากับกายเนื้อซ้อนกันอยู่นานพอสมควร รวม ๆ แล้วถอดจิตนี่จะทำแบบไม่ได้กะเกณฑ์ไว้ล่วงหน้า แต่อารมณ์มันพอดีความละเอียดมันพอดีกับกายทิพย์(มันจะซ่า ๆ เหมือนขนลุกทั้งตัว แล้วก็เฝ้าดูธรรมดาจนจิตละเอียดพอดีกับกายทิพย์ ก็เลื่อนได้) แต่ประสบการณ์ถอดกายทิพย์ น่าจะประมาณ 5 ครั้ง และผมก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจมาก ส่วนใหญ่ถ้านั่งมันก็จะเลยสภาวะตรงนี้ไป แต่ถ้าตั้งใจไว้ก่อนมันก็จะไม่พอดีคือมันพอดีของมันเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กันยายน 2011
  17. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    การดูความเกิดดับของกายจนละเอียดยิบเกิดดับแตกซ่านเป็นเม็ด ๆ ไปทั้งกาย สามารถดูบรรยากาศ ดูวิญญาณรอบตัว แตกเป็นเม็ดเล็ก ๆ เป็นอณู ก็สามารถกำหนดกายทิพย์ของเราได้ การเห็นอย่างนี้ถือว่า แปลกกว่าการเห็นแบบทั่วไปคือ อะไร ๆ ก็เป็นอณูหมด และที่น่าแปลกอีกอย่างคือ เห็นวิญญานมีลักษณะต่างไปจากเดิม คือมันจะมีลักษณะเหมือน ลูกไฟมีก้อน กลม ๆ แต่เป็นกลมแบน ๆ ไม่ใช่ก้อนเดียว อยู่แล้วก็มีเปลวปลิวสไวแบน ๆ เหมือนธงโดนลม
     
  18. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    มนุษย์ต่างดาวก็มีจริงแต่มีในรูปแบบของโอปปาติกะ เคยไปสถานที่หนึ่งนั่งยังไงนิมิตจานบินก็เกิดขึ้นตลอด ...เคยเห็นที่พิสดารที่สุดก็อธิฐานไว้ก่อนนั่งว่าอยากเจอ ปรากฏว่ามาหาจริง ๆ มียานสว่างมากมาจอดข้างบ้านแล้วคนที่ลงมาแต่งตัวเหมือนพระเยซู มีผ้าคลุมสีขาว แต่ก็ไม่ได้สนใจไม่ได้คุยด้วย สมาธิคงไม่ถึงด้วยแหล่ะ มันทรงอารมณ์ไม่ได้และคงไม่อยากคุยด้วย
     
  19. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ภาควิปัสนาเห็นจิต
    เห็นเมื่อไปปฏิบัติสายหลวงพ่อเทียน 2 วัน ตอนนั้นไปส่งแม่ปฏิบัติก็เลยได้ทำด้วย ทำได้วันแรกก็ง่วง วันที่สองก็ดูความง่วงได้เพราะสติมากกว่า ดูไปความง่วงก็ดับ ทีนี้ก็ทันจิตก็ดูไปจิตก็เร็วขึ้นเรื่อย ๆ เบาสบายขึ้นเรื่อย ๆ ก็เห็นจิตดับเป็นขณะ ๆ แล้วก็เห็นจิตเกิดดับ 7 ขณะแต่จิตทัน 2 ขณะแรก(เหมือน.......ติดกัน) แล้วก็ว่าง แล้วก็เกิดขึ้นมาอีก 7 ขณะ(ทุก ๆ 1 ชีพจรเกิดดับ 1 ครั้งแบ่งย่อยเป็น 7 ดวง) ก็เลยรู้เลยว่าคนที่ฟังธรรมแล้วบรรลุธรรมเป็นอย่างไร จิตตอนนั้นเบาสบายดีมากกิเลสไม่สามารถรบกวนได้เลย จิตมันไวคล่องแก่การงาน พระอาจารย์เจ้าของสำนักเทศน์ตอนเย็นบอกใครได้อารมณ์ไม่ต้องหลับให้ยันรุ่งเลยอาจมีอะไรดี ๆ แต่ผมก็หลับ แล้วเช้ามาก็กลับบ้าน แต่สิ่งที่ได้คือ เราดูจิตเป็นตั้งแต่วันนั้นจะดูเมื่อไหร่ก็จำอารมณ์อย่างนั้นไว้ แต่ไม่เคยทำได้ไวเหมือนเดิมอีก เพราะไม่ค่อยได้เข้ากรรมฐานสายนี้อีก แต่จะมีเห็นจิตละเอียดอีกแบบหนึ่ง ที่ละเอียดกว่านี้จะเล่าให้ฟังต่อไป
     
  20. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    เรื่องเห็นผีประสบการณ์ทางจิตนี่ก็เห็นเกือบทุกวัน หรือไม่ก็ทุกวัน แต่ไ่ม่รู้ว่าเห็นของจริงหรือเปล่า แต่จะตรวจสอบได้ก็ต่อเมื่ออยู่วัด ก็คิดว่าเห็นตรงกันกับพระอาจารย์ บางทีเห็นแล้วท่านก็ยิ้มให้เรา บางทีท่านก็จะเสริมไปโดยที่เราไม่ต้องถาม และจะรู้ได้ว่าพระหรือคนบางคนเห็นเหมือนเราก็มีมาก ฉะนั้นเราไม่ควรประมาทที่จะปรามาสใครเข้าแม้จะเป็นพระเจ้าอาวาสวัดในเมืองใหญ่ ๆ ก็ตาม แต่ตรงกันข้ามพระธุดงค์ บางคณะบางคน อาจไม่มีอะไรเลย แต่บางคณะก็ของแท้บางทีที่ยืนโบกรถอยู่อาจออกจากกรรมฐาน รอโปรดสัตว์ให้สัตว์ที่มีบุญได้เพิ่มบารมียิ่ง ๆ ขึ้นไปก็ได้ (มีจิตเป็นทิพย์นิด ๆ หน่อย ๆ มีประโยชน์ก็ตรงนี้แหล่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...