เรื่องแปลกๆ ของฉัน

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กะปิหวาน, 26 มกราคม 2015.

  1. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    สวัสดีค่ะ ญาติธรรมทุกท่าน
    ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี....T_T ก้าวแรกยากเสมอ... ตัวเราในตอนนี้อายุก็ใช่น้อย ผ่านร้อน-หนาว ผ่านสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ทั้งดี – เลว โดยความคิด ณ ขณะนั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก ตายไปก็คงไม่พ้นตกนรก แต่ความรู้สึกผิดหลาย ๆ อย่าง มันก็ติดอยู่ในใจ เมื่อตอนยังเด็ก เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า “สวรรค์อยู่ที่อก นรกอยู่ที่ใจ” ในตอนนั้นไม่เข้าใจหรอกค่ะ แต่ ณ ตอนนี้ ซึ้งค่ะ ไม่ต้องรอให้ตายก็ตกนรกได้ ตกนรกทั้งที่ยังหายใจ เมื่อทุกข์มากก็เริ่มหาที่พึ่งทางใจ หนังสือมาอ่าน อ่านแล้วก็ทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต และเริ่มปลงว่าทุกๆ สิ่งที่เกิดล้วนเกิดจากกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมที่เกิดจากชาติที่ผ่าน ๆ มา รวมทั้งกรรมที่เกิดจากการกระทำในชาตินี้ เราเริ่มหาโอกาสทำบุญ ทำทานมากขึ้นตามกำลังทรัพย์ที่มี การทำบุญนั้นก็หวังแต่เพียงให้เจ้ากรรมนายเวรได้อโหสิกรรมแก่ตัวเรา เราอยากให้สิ้นสุดแต่เพียงชาตินี้ ยิ่งได้อ่านเรื่องของการฝึกกรรมฐานของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ก็ยิ่งอยากไปฝึกกรรมฐานกับท่านเหลือเกิน แต่ติดที่ยังมีห่วง คือการดูแลบุพการีและสิ่งมีค่าที่สุดที่ต้องประคับประคองให้เขาไปถึงฝั่งเสียก่อน เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เรามีหน้าที่และต้องรับผิดชอบอะไร จึงตัดใจพักเรื่องฝึกกรรมฐานไปก่อนเพราะไม่งั้นจิตใจก็จะคิดแต่อยากไป อยากทำ อยากหยุด ไม่อยากบอกเลยค่ะว่าแม้เรื่องกิจกรรมของชีวิตคู่ก็เกิดการเบื่อหน่ายไปด้วย
    จากการตัดใจคราวนั้น เราก็ยังคงดำเนินชีวิตตามหน้าที่เรื่อยมาจนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้ เราเริ่มรู้สึกขนลุกบ่อย ๆ แบบ บ่อยมากๆ คือมันแทบจะตลอดเวลา มันผิดปกติ ถามว่ามีเซ้นต์เรื่องอย่างนี้ไหม คิดว่าตัวเองมี รับความรู้สึกได้ว่ามีอะไรมาใกล้ๆ แต่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้ออย่างน้องอ้อน หรือหลาย ๆ ท่านในเวปนี้ อาการขนลุกวูบวาบ บางครั้งวูบเหมือนตัวอะไรไต่ตามตัว เง้อ!! อธิบายไม่ถูกรู้แค่ว่า ไม่ใช่อาการขนลุกเพราะหนาว และช่วงก่อนปีใหม่ประมาณ 25 ธันวาคม จนถึง ประมาณวัน 8 มกราคม ที่ผ่านมา ลูกชายชอบตื่นกลางดึกและไม่ยอมนอน กว่าจะหลักอีกทีก็ปาไป ตี 4-5 ในช่วงวันหยุดก็พอทนได้ แต่วันที่ 5-8 มกราคมนี่ไปทำงานแล้ว และเราก็แทบไม่ได้นอนเลยถึงขั้นมีอาการวิงเวียน จากที่ไม่คิดอะไรก็ลองประมวลเหตุการณ์ว่ามันจะเกี่ยวเนื่องกันไหม คือช่วงนั้นเราฝันบ่อย ๆ ถึงผู้ชายคนหนึ่ง แต่สภาพ ณ ตอนนั้นคือเรากับเขาไม่ได้นุ่งผ้าเลยแต่ก็ไม่ได้ฝันว่าจะทำ X%$#XCVC กันเลยนะคะ แค่จะอยู่ใกล้บ้าง กอดบ้าง เท่านั้น ทุกครั้งที่ฝันไม่เคยเห็นหน้าเขา แล้วไม่รู้บังเอิญอีกไหม ที่หวยปลายปีที่แล้วที่ออก 44 นั้นแหละค่ะ และจะมี 4 ติดเรื่อยมา ซึ่งตอนนั้นเรามักจะบอกเพื่อนในสำนักงานว่าหวยคงติด 4 แน่เลย (ตีกันไปสนุก ๆ นะคะ) จากเหตุที่ฝันถึงชายนิรนามคนนี้บ่อย ๆ รวมอาการขนลุกแบบไร้เหตุผลและลูกไม่ยอมนอน เลยบอกตัวเองว่า ไม่ไหวละเลยไปกราบเรียนถามพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านก็ช่วยดูให้แล้วถามว่าไปกินอะไรมา เราก็บอกไม่ได้ว่าไปกินอะไรมา คือเราไม่ได้ไปไหนอ่ะ อยู่แค่ที่ทำงานและก็บ้านแค่นี้ ท่านก็บอกเราอีกว่า โยมอาจไม่คิดแค่เขาคิด แต่ของทำอะไรเราไม่ได้ ได้แต่วนเวียนอยู่รอบตัวเราว่างั้น ท่านว่าของแรงเป็นของเขมร ท่านให้เราทำกระทง และพระอีกองค์สวดถอนเป็นภาษาเขมรให้ แล้วท่านก็ผูกแขนและให้เหรียญหลวงปูสรวงมาห้อยบอกว่าใน 7 วันนี้อย่าให้ห่างตัว แล้วถึงบ้านก็ให้จุดธูป 5 ดอก ท่านจะไปดูให้ที่บ้าน แล้วเราก็ลากลับ ถามว่า ณ ตอนนั้นใจเรายังไม่อยากเชื่อเลยนะว่าโดนของ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร แล้วคืนนั้นลูกชายนอนตั้งแต่ 21.00 น. และแทบไม่ตื่นเลยทั้งคืน และหมาไม่หอน อ้อ ลืมเล่าค่ะ ช่วงนั้นอีกแหละไม่รู้เป็นยังไง เรามักตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก และ ร้อยละ 80 เวลาที่เรานั่งโถปุ๊บ หมามันจะหอนที่ด้านหลังแทบทุกครั้ง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นช่วงหมาจะติดสัตว์ป่าว ก็ประมาณว่าหมาเดือนเก้าอ่ะ แต่มันแทบจะทุกครั้งอ่ะ คือเข้าใจไหมคะว่า ตี1 ออกมานั่งปุ๊บหอนอยู่ด้านหลัง บางคืนออกมา ตี3 ก็เงียบๆ อยู่ดี ๆ นั่งโถปุ๊บหอนด้านหลัง (เล่าวกวนไหมคะ...555) แต่หลังจากวันที่ไปหาพระอาจารย์ท่านนั้น (ไปวันที่ 9 มกราคม) คืนนั้นลูกนอน อาการขนลุกไม่มี หมาไม่หอน แปลกไหมคะ แต่เรื่องยังไม่จบเท่านั้นค่ะ (ยาวจริงๆ T_T เดี๋ยวมาต่อนะคะ)
     
  2. ดาวพุธ

    ดาวพุธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +483
    โปรดมาต่อด้วยนะครับคุณกะปิหวาน...กำลังรอฟังนะคับ :cool:
     
  3. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ขอขอบพระคุณญาติธรรมทุกท่านที่มีน้ำใจที่เข้ามาอ่าน คิดอยู่นานเหมือนกันค่ะว่าจะเล่าเรื่องของตัวเองไหมหรือจะแค่แอบอ่านกระทู้ของญาติธรรมไปเรื่อย ๆ แบบนี้...แต่หลังได้ติดตามกระทู้ของญาติธรรมแล้วและได้เห็นน้ำจิตน้ำใจญาติธรรมผู้รู้ได้ตอบปัญหาข้อที่ติดขัดให้กับญาติธรรม ซึ่งในหลายๆ เรื่องที่ตัวเราได้อ่านแล้วก็เริ่มเข้าใจในหนทางที่ตัวเองพยายามค้นหาจึงเป็นที่มาของการเข้าเป็นสมาชิกในที่แห่งนี้เพื่อค้นหาทางที่จะนำพาตัวของเราไปสู่ทางสว่างในอนาคตค่ะ

    ปล. ขอตัวพิมพ์สักครู่ค่ะ ไม่สะดวกพิมพ์ในมือถือ ^^
     
  4. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ในช่วงเวลา 3 คืน หลังจากไปพบพระอาจารย์ท่านนั้นแล้ว เหตุการณ์แปลก ๆ ก็เงียบหายไป ตัวเราเองก็แปลกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเราจะโดนเขาทำของใส่จริงหรือ?

    มานั่งนึก นั่งทวบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่าน ๆ มา เราได้แต่นึกๆ กับตัวเองว่า “นี่เราไปทำร้ายใครเขาให้เจ็บแค้นจนถึงขนาดต้องมาทำร้ายเราขนาดนี้เชียวหรือ” แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจมาก ๆ หลังจากพระอาจารย์ท่านนั้นทักว่าเราไปกินอะไรของใครมานั้น

    เราเชื่อว่าคงไม่ใช่จากการกินแน่นอน เราจำได้ว่าช่วง ตุลาคม หลังออกพรรษาแล้ว เวลาประมาณเที่ยงคืน เราและสามียังไม่นอนทั้งคู่ เราน่าจะกำลังอ่านบทความอะไรสักอย่างอยู่ ระหว่างนั้นก็มีเสียงเหมือนของหนัก ๆ ตกมาที่หลังคาตรงกับที่เรานอนพอดี เสียงดังมาก ๆ จนลูกชายที่นอนหลับสะดุ้งแต่ก็หลับไป เราก็ได้แต่มองขึ้นไปบนเพดานห้องด้วยความสงสัย คิดแค่ว่าอะไรตกลงมาบนหลังคา เพราะในบริเวณใกล้ๆ หลังคาบ้าน ยิ่งตรงห้องนอนของเราไม่มีต้นไม้อยู่ใกล้ ๆ แน่นอน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเข้านอนปกติ...

    ในเรื่องนี้เราโดนสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่า ในเวลากลางคืนถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงลมพัด เสียงเหมือนอะไรหล่นใส่หลังคา ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านตัวเองหรือในสถานที่อื่น ๆ ไม่ให้ทัก ไม่ให้พูด ให้นิ่งเฉยเสีย ถึงตอนนั้นจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรแต่ก็ทำมาเป็นนิสัยแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ อ่ะ!!มาต่อ....นอกเรื่องเรื่อยเลย

    ในช่วงเวลา 3 วันนั้น เราก็พยายามทบทวนเรื่องราวหลาย ๆ เรื่อง แต่ก็ยังหาถึงเหตุที่จะโยงมาหาเรื่องนี้ไม่ได้...(ชั่วจนเป็นนิสัยหรือป่าวหนอ...เลยหาไม่เจอ) ในเช้าวันที่ 12 มกราคม เราก็ไปทำงานตามปกติ แม่บ้านที่สำนักงานชื่อว่า พี่แดง ก็พูดขึ้นมาว่า “ยาย....มีเรื่องจะพูดให้ฟัง” (คือจะชอบเรียกกันว่ายายนำหน้าแล้วตามด้วยชื่อค่ะ เพราะเราก็เรียกพี่แดงว่า ยายแดงเหมือนกัน) ลืมเล่าในตอนต้นว่า พี่แดงหรือยายแดงคนนี้ ตอนที่เราไปพบพระอาจารย์ได้ไปกับเราด้วยค่ะ (นี่แหละน้อ....เล่าแบบไม่มีสติ กลับไป-กลับมา ลำดับไม่ถูก ต้องขออภัยญาติธรรมด้วยนะคะ)

    ก่อนเล่าพี่แดงก็ออกตัวว่า “ไม่รู้ตัวเองคิดมากไปจนเอาเก็บเอาไปฝันหรือเปล่า” (ส่วนตัวเราคิดว่าพี่แดงฝันค่อนข้างแม่นในหลาย ๆ เรื่อง แต่ในตอนนั้นก็คือรับฟังเฉย) ในคืนวันหลังจากกลับจากวัด พี่แดงฝันว่า มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาแกที่บ้าน แล้วก็ถามแกว่า เจอเราไหม ไม่รู้ว่าเราหายไปไหน ตามหายังไงก็ไม่เจอ พี่แดงก็ตอบไปว่า ไม่เห็นเรา เราไม่ได้อยู่ที่นี่ คิดว่าเราคงอยู่ที่บ้าน หลังจากตอบกลับ ชายคนนั้นก็ถามกลับว่า แล้วบ้านเราอยู่ที่ไหน ในฝันพี่แดงตอบกลับว่า ก็อยู่ที่เดิมนั้นแหละ นั่นคือเรื่องที่พี่แดงเล่าให้เราฟังในช่วงสาย ๆ ของวันจันทร์

    เราเลยถามพี่แดงกลับไปว่า พี่เห็นหน้าเขาไหม จำหน้าเขาได้หรือเปล่า พี่แดงตอบว่า ไม่เห็น รู้แค่ว่าในฝันนั้นเป็นผู้ชายแต่ไม่เห็นหน้า แล้วในช่วงที่พูดคุยกันก็เหมือนได้ยินที่หัวไม่ใช่เสียงที่พูดด้วยปาก (ตัวเราเองก็ไม่เคยฝันว่าเห็นหน้าชายคนนั้นสักที ในฝันจำได้ว่าเห็นแค่ช่วงคางลงมา) เดี๋ยวมาต่อนะคะ....พอดีงานเข้ามาค่ะ...เสร็จงานแล้วจะมาต่อนะคะ ^^
     
  5. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    หลังจากพี่แดงเล่าความฝันให้ฟัง เรานั่งคิด (ฟุ้งซ่านเอง...T_T ) เหมาไปเองว่า “เพราะทำพิธีวันนั้นหรือเปล่าหนอ เลยทำให้เขามองไม่เห็นเรา หาเราไม่เจอ แต่เห็นว่าพี่แดงไปกับเราเลยไปตามหาเรากับพี่แกซะเลย” ในตอนนั้นก็นึกคิดแค่เท่านั้นจริง ๆค่ะ แต่ที่แน่ๆ ในตอนนั้นรู้สึกโล่งใจค่ะ คิดว่าเราคงทำถูกทางแล้ว เขาหาเราไม่เจอ

    แล้วเรื่องแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นอีกในคืนนั้น น้องหมา ๆ ที่แยกย้ายกันไปหลายวัน คือ ที่บ้านเราไม่ได้เลี้ยงหมานะคะ ตอนนั้นน่าจะประมาณ เกือบ 23.00 น. แล้ว ลูก ๆ หลับกันหมดแล้ว เรานั่งเล่นเกมส์เศรษฐีกับสามีอยู่ (ขานั้นชอบเล่นมาก เหมือนบังคับกลาย ๆ ว่าให้เราเล่นด้วย ตอนนั้นว่าง ๆ เลยเล่นเป็นเพื่อน) ช่วงนั้นแบตใกล้หมดเลยมานั่งเล่นติด ๆ กับหน้าต่างแล้วชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย จู่ ๆ หมาข้างบ้านที่ชื่อปีโป้ ก็วิ่งมานั่งนั่งหอนหน้าบ้านเรา หอนเสียงดังมาก ๆ แล้วก็หอนอยู่ตัวเดียว

    เราก็ประมาณว่านั่งเงียบตาจับที่เกมส์ แต่ใจคิดว่า “อะไรหว่า!! เกิดอะไรขึ้น เงียบมาตั้งหลายวัน จะบังเอิญไปไหม” สักพักได้ยินเสียงตัวอะไรสักอย่าง วิ่งมาด้านข้างห้องนอน (ห้องนอนเราอยู่ใกล้ ๆ รั้ว ) แล้วหอน เรารู้แล้วจำเสียงได้ คิดในใจว่า “ไอ้บ้าโป้ จะมาหอนใกล้ ๆ ทำไมฟะ” หอน ๆ สักพัก ก็วิ่งมาหน้าบ้านแล้วก็หอน ๆ จู่ๆ แฟนเราก็พูดขึ้นมาลอย ๆ “บักนี่ (หมายถึงไอ้โป้) มันเห็นผีบ้อนี่” (แปลเป็นภาษากลางประมาณว่า...ไอ้นี่..มันเห็นผีหรือเปล่าหว่า ) สามีคงเห็นว่าเราเงี่ยหูฟัง แล้วหันหน้าหันหลัง เลยอยากแกล้งเราหรือเปล่า อันนี่เราคิดเองนะ แต่ว่าเราก็เงียบไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่ไอ้เจ้าโป้มันก็วิ่งไปวิ่งมาระหว่างหน้าบ้านกะรั้วข้างบ้านด้านที่อยู่ใกล้กับห้องนอนของเรา หอนอยู่นานสองนาน สงสัยมันเหนื่อย...แล้วมันก็วิ่งกลับบ้านมันไป (เหอะๆ คิดแทนหมา) เที่ยงคืนเราก็เข้านอนจบสำหรับคืนนี้....

    คืนต่อมา (คืนวันอังคาร) ประมาณเวลาเดิม อีเจ้าโป้ก็เห่านำมาก่อนแล้วก็หอน ๆ ตอนนั้นเรายังไม่หลับ คิดในใจว่าทำไมไม่ไปเห่าไปหอนบ้านแกฟะ..” เราเลยเดินไปแง้มผ้าม่านมองไปหน้าบ้านดูว่ามันเห่าอะไร เห็นมันนั่งหันหน้าเข้ามาในบ้าน (บังเอิญไปไหมอ่ะ) แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตา หอน ๆ เมื่อเห็นแล้วเราก็กลับมาล้มตัวนอนตรงที่นอนตัวเองแล้วก็คิด (ปลอบใจตัวเอง) “มันก็แค่เรื่องบังเอิญ” นอนฟังไปสักระยะนึง ก็ได้ยินสียงมันวิ่งไปหอนไปตามถนนแล้วไปหยุดหน้าที่บ้านตรงมุมถนนถัดจากบ้านเราไป แล้วก็ได้ยินเสียงหมาตัวอื่นหอนประสานเสียงกับมัน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่จนเราหลับไป....

    ในคืนถัดจากวันนั้น(วันพุธ) ก็ได้ยินเสียงหมาหอนบ้านถัดจากบ้านเราไปอีก 3-4 หลัง ในคืนถัดไปอีก(วันพฤหัส) ก็หอนในซอยที่แยกเลยบ้านเราเข้าไป ก็ได้ยินเสียงหอนเบา ๆ ในซอย นั้น

    และในช่วงหัวค่ำวันศุกร์ที่ 16 มกราคม (เลขท้ายสองตัวออก 74 ...หุหุ) ผ่านมา 7 วันแล้วนับจากวันที่เราไปพบพระอาจารย์มา วันนั้นพอตะวันตกดินปุ๊บ หมาแถว ๆ นั้น พร้อมใจกันหอนจากมุมโน้นของหมู่บ้านหอนไล่มาอีกด้านของหมู่บ้าน แล้วก็หอนไล่มาจนถึงบ้านเรา แล้วเลยไป ทิ้งสักระยะก็หอนไล่ย้อนกลับผ่านบ้านเราไป หอนย้อนกลับทิศทางเดิมที่มันมา อืม…แปลกไหมคะ แล้วนับตั้งแต่วันที่ไปหาพระอาจารย์ท่านนั้นจนถึงวันนี้ เรายังไม่เคยฝันถึงผู้ชายนิรนามคนนั้นอีกเลย....จบแล้วมั๊งคะ 555

    ณ ขณะนี้เราเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเราโดนของจริง ๆ แล้วถ้าเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิด มันเป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญ แต่ทำไมอาการขนลุกแบบไร้เหตุผลมันหายไป เง้อ!! ...คำตอบที่ดีที่สุดที่เราตอบตัวเองคือ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ขอบพระคุณญาติธรรมทุกท่านที่กรุณาเข้ามาอ่านเรื่องแปลกๆ ของเรา ซึ่งก็มีอยู่หลายเรื่องจะค่อยๆ ลงให้อ่านนะคะ

    ปล. จากเรื่องที่เล่านี้ เราไม่ได้เล่าให้สามีฟังนะคะ เพราะเค้าไม่เชื่อเรื่องทำนองนี้ จะคุยแต่กับแม่ของเรา แล้วก็พูดถึงเสียงดังเหมือนมีของตกใส่หลังคาบ้านคืนนั้น แม่ก็พูดออกมาว่า อืม! เสียงดังมาก ๆ เง้อ!! สรุปคืนนั้นแม่ก็ได้ยิน แล้วมันคืออะไรยังไงน้อ!! “มันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
     
  6. ดาวพุธ

    ดาวพุธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +483
    ผ่านทุกอย่างมาได้ถือว่าดีแล้วครับ...

    คราวหน้าระมัดระวังเรื่องอาหารการกินไว้นิดนึงก็ดีคับ....
    สำหรับคำแนะนำด้านอื่น รอสมาชิกท่านอื่นมาช่วยนะครับ

    ปล. พิมพ์เป็นย่อหน้า แล้วเคาะบรรทัดแบบนี้ คนแก่แบบผมอ่านง่ายดีครับ ชอบมาก
     
  7. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ขอบพระคุณมากค่ะที่ได้ติดตามอ่านและคำแนะนำค่ะ ด้วยความที่ตัวเองไม่ได้คิดร้ายอะไรกับใครเลย และมองคนอื่นเป็นมิตรจึงไม่ระมัดระวังตัวค่ะ และที่สำคัญก็คนกันเองกันทั้งนั้นเลยค่ะ บอกตามตรงนะคะไม่กล้าคิดสงสัยใครเลยค่ะ T^T ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้วค่ะ พยายามฝึกควบคุมอารมณ์ ปล่อยวาง ตามคำแนะนำของญาติธรรมที่ได้ให้คำแนะนำในกระทู้ที่ได้อ่านมาค่ะ ช่วงนี้พยายามเตรียมตัวเพื่อนำไปสู่การฝึกกรรมฐานค่ะ

    ปล. เรื่องที่เล่ายาวมาก ๆ เลยพยายามแบ่ง ให้อ่านง่าย ๆ ค่ะ เพราะตัวเองอ่านยังลำบากเลย อิอิ
     
  8. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    “เมื่อมีคนมาทักว่าฉันมีองค์”

    ขออนุญาตแทนตัวเองว่า หวาน นะคะ แบบรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องแทนตัวเองว่าเรา แบบรู้สึกว่ามันไม่สมควรยังไงบอกไม่ถูกค่ะ เคยสงสัยแบบเจ้าหนูจำไมน่ะค่ะ เป็นเรื่องที่สงสัยมานานนนนนนมากกกกก เผื่อจะมีญาติธรรมผู้รู้แวะมาสงเคราะห์ตอบเจ้าหนูคนนั้นหน่อย หวานจะได้ไล่ๆ เค้ากลับไป 555 คืออย่างพ่อ-แม่ และพี่สาวของหวาน มีประสบการณ์วิญญาณ ยิ่งพี่สาวของหวานด้วยแล้วสามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ แต่ตัวหวานเองไม่เห็นแบบจัง ๆ อาจจะแค่แว๊บ ๆ และรับรู้ได้บ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นพันธุ์กรรม มันถ่ายทอดทางสายเลือดไหมคะ กรณีคนเห็นผีเนี่ย ...555 ว่าจะเลิกนิสัยเจ้าหนูจำไมแล้วเชียว...

    มาเข้าเรื่องดีกว่านะคะ คิดซะว่าหวานไร้สาระให้ฟัง เปรยๆ เรื่องไร้สาระหรืออะไรก็ได้ค่ะ.....เคยมีหลายคนทักว่าหวานมีองค์ ...หวานไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าคืออะไร ทักทีก็กลับมาคิดที มีหลาย ๆ ท่านก็ให้หวานรับขันธ์ แต่หวานก็ไม่เคยรับสักที เพราะกลัวค่ะ หลังจากที่เข้ามาเจอกระทู้ของคุณ kalinaในเรื่ององค์ แบบยาวมากๆ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง อ่านไปมึนไป 555 ถ้าเทียบประสบการณ์ต่าง ๆ ที่คุณ kalina ได้อนุเคราะห์เล่าให้ฟัง สรุปได้เลยว่า หวานไม่มีองค์แน่นอน 555 ถ้ามีก็อย่างที่คุณ kalina บอก ไม่ปฎิบัติ ไม่สวดมนต์ จนป่านนี้ท่านคงทิ้งหวานไปนานแล้ว ดีอย่างที่หวานไม่คิดไปรับอะไรของใครมา และคราวหน้าถ้ามีมาทัก บอกได้คำเดียวว่า ม่ายยยเชื่อออ 555

    ปล. โม้ก่อนกลับบ้านพรุ่งนี้จะหาเรื่องมาเล่าให้ฟังใหม่ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2015
  9. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    พระท่านรักษาหายก็ถามท่านสิ
    มาถามอะไรแถวนี้

    ไม่เชื่อว่าไม่กินอะไร
    คนธรรมดาไม่กินอะไรก็ตายไปนานแล้ว
     
  10. sattayaa

    sattayaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2015
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ครอบครัว คุณ กะปิ เอ้ย! คุณ หวาน
    กระแสจิตมาแนวๆเดียวกันนั่นหละครับ..
    เรื่องสัมผัสพิเศษมี ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ คุณพี่สาว
    ส่วนของคุณมันยังแกว่งๆเป๋ๆอยู่ครับ

    (หมายถึงกระแสนะครับไม่ใช่คน)
    จะพูดให้ฟังหูไว้หูนะครับ..
    กระแสจิตพี่สาวคุณจะเหมือนคุณพ่อของคุณครับ..
    คือมีการเชื่อมกับข้างบนแบบนิ่งๆและยังมี
    ในเรื่องของภพภูมิที่ป้องคอยป้องกันตัว
    ในระดับที่ดีร่วมด้วยครับ..
    ส่วนของคุณจะเหมือนคุณแม่ครับ..
    และกระแสที่เชื่อมข้างบน
    ของคุณแม่คุณจะเร็วกว่าทุกคนในบ้านครับ..
    แต่เรื่องภพภูมิป้องกันตัวของคุณและคุณแม่
    จะสู้คุณพ่อและพี่สาวไม่ได้ครับ...

    ถ้าว่าใครแหล๋มผุดๆก็ คุณแม่ ตามด้วยคุณพ่อ
    ตามด้วยพี่สาว..ของคุณนะความจริงก็เชื่อมข้างบน
    แต่ต้องตัดเรื่องความลังเลสงสัย
    .ชอบคิดหาเหตุผลในเรื่องนามธรรมให้ได้เด็ดขาดก่อนครับ
    คุณก็จะเหมือนคุณแม่ได้เองในอนาคตครับ..
    ตอนนี้มันผุดๆขึ้น เหมือนมีฟองอากาศแทรก
    ไม่ตรงและเร็วเหมือนของคุณแม่คุณครับ..

    ปล.เล่าให้เฉยๆนะครับ รอติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ..
     
  12. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ดีใจมากค่ะ..ที่คุณนพมาตอบให้ค่ะ (จริงๆ ดีใจสุดๆ เลยค่ะ) อยากตอบและเล่าอะไรต่อนะคะแต่พิมพ์ในมือถือไม่ค่อยถนัดค่ะ
     
  13. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    นั่งอ่านซ้ำไปซ้ำมา พยายามทำความเข้าใจที่คุณนพอนุเคราะห์ตอบมาด้วยปัญญาความรู้แค่หางอึ่ง..."ตัดความลังเลสงสัย ชอบคิดหาเหตุผลในเรื่องนามธรรม" พอจะอนุเคราะห์ยกตัวอย่างหรือขยายความอีกซักนิดให้ผู้ด้อยปัญญาคนนี้อีกสักนิดใหญ่ๆ ได้ไหมคะ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เรื่องสัมผัสต่างๆ ไม่ว่าจะในฝัน ในนิมิตร รวมของตกใส่หลังคา
    พวกเรื่องต่างๆ ที่สัมผัสรับรู้ ทางตาหู จมูก ลิ้น การรู้สึกทางกาย
    และทางจิต. จำเอาไว้ว่า ถ้าจะพัฒนาไปสู่การรู้วัตถุประสงค์ได้
    ในอนาคต. ถ้าไม่ทราบได้ตั้งที่พบ. หรือลืมตาขึ้นมาแล้วไม่ทราบ
    แนะนำว่าให้ลืมไปเลยครับ เสมือนว่าไม่เคยมีในจักรวาลนี้
    และอย่าไปพยายามคิดหาคำตอบครับ. ไม่งั้นนอกจากจะขวาง
    ความก้าวในทางปฏิบัติเราแล้วจะยังไม่ได้ในเรื่องของกำลังสติทางธรรมครับ
    โดยเฉพาะความเข้าใจของเราทางด้านนามธรรมครับ
    ให้มาเจริญสติต่อให้มันต่อเนื่องครับ เด่วถึงจุดที่กำลังสติมากพอ
    มันจะมีเครื่องย้อนรู้เหตุรู้ผลรู้วัตถุประสงค์ได้อัตโนมัติครับ
    เด่วเราจะอ่ออออ. ได้เองครับ. ไอ้อ่อๆ. แค่เสี้ยววินาที
    บางครั้งเขียนเป็นหน้ากระดาษยังไม่พอนะครับ
    และคือถ้าพูดง่ายๆถ้าไม่ลืม ไม่ดับ บางทีเป็นสิบๆปีก็จะไม่รู้และสงสัย
    อยู่อย่างนั้นครับ. อืมเล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ.
    แต่ส่วนใหญ่มักจะถามครับ เพราะง่ายดี ๕๕๕
    ตรงจุดพอจะเข้าใจคับ ๕๕
    แต่ถ้าเราทำได้การปฎิบัติของเรามันถึงไปได้เร็วครับ
    เพราะยังไงมันก็จะต้องเกี่ยวข้องกับนามธรรมทั้งนั้นไงคับ
    กำลังสติจึงมีความสำคัญมากคับ. อย่าลืมนะครับ
    ความคิด. อารยม์. กิเลส ความยึดหมั่นถือมั่นต่างๆ
    รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ว่าจะกุศล หรือ อกุศล. มันเป็น
    ฝ่ายอารมย์ เป็นนามธรรมทั้งนั้น. เราจึงจำเป็นที่จะต้อง
    สร้างเครื่องมือตัวนี้ เพื่อที่จะเข้าใจกับนามธรรมต่างที่ได้เล่าให้ฟัง
    มายังไงคับ.
    ปล.ในโลกนี้มีผู้เป็นเลิศทั้งสามภพท่านเดียวที่จะมีสติตลอดเวลาครับ
    เพราะฉนั้นค่อยๆเป็น ค่อยๆไป แบบสบายๆ แต่ต้องไม่ประมาท
    การปฏิบัติธรรมอยู่คนเดียวก็สนุกครับ. อยู่หลายคนก็สนุกนะครับ
    เพื่อให้เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติรอบๆตัวได้อย่างสมดุลย์และแยบยลครับ
    ปลายทางก็เพื่อกลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมของจิตที่ไม่ต้องกลับมาเวียนว่าย
    ตายเกิดเหมือนท่านๆที่พ้นแล้วทั้งหลายในอดีตที่รอเราอยู่อีกฝั่งนั่นหละครับ

    ปล.ประมาณนี้คับ. คุณน้องหวาน
     
  15. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ขอบพระคุณ คุณนพอย่างสูงที่ได้อนุเคราะห์ผู้ด้อยปัญญาคนนี้ค่ะ หวานจะพยายามฝึกเจริญสติ กำหนดจิตตามการฝึกกรรมฐานขั้นต้นค่ะ หยุดคิด หยุดหาคำอธิบายในสิ่งที่เห็นค่ะ ปล่อยวาง เห็นคือเห็นไม่จำเป็นต้องรู้

    ปล. พูดเหมือนง่าย..แต่จะพยายามค่ะ
     
  16. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ขออนุญาตเรียกคุณนพว่า พี่นพ ด้วยความนับถือ จากที่พี่นพได้อนุเคราะห์ตอบในเรื่องที่ติดใจสงสัยนั้น ทำให้ระลึกถึงเรื่องราวหลายๆ เรื่อง ที่ได้ยิน ได้ฟังเมื่อยังเด็ก และมีเรื่องหนึ่งที่พี่สาวเล่าประสบการณ์ตอนไปปฏิบัติธรรมค่ะ

    หวานกับพี่สาวห่างกัน 3 ปี ตอนพี่สาวเข้าเรียนในระดับ ม.4 และในช่วงฤดูร้อนก่อนเข้าเรียนนั้น โรงเรียนได้จัดกิจกรรมให้นักเรียนที่จะเริ่มเรียนในปีการศึกษานี้ ไปปฏิบัติธรรมกันที่วัดราษฎร์บำรุง (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง) จำไม่ได้เหมือนกันค่ะว่ากี่วัน น่าจะอยู่ที่ 3-5 วัน นะคะไม่ค่อยแน่ใจเพราะนานมากๆ แล้ว ^^

    หลังกลับมาพี่สาวยังบ่นน้อยใจหวาน ที่หวานไม่ไปเยี่ยมพี่บ้างเลย ก็ใช่ว่าหวานจะไม่อยากไปหาพี่สาวนะคะ เพราะด้วยความที่เรามีกันแค่สองคน เลยทำให้เราสองคนมักจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรด้วยกันเสมอ แต่ด้วยบ้านห่างจากวัดพอสมควร (ในความรู้สึกของเด็กจะรู้สึกว่าไกลมาก) และถนน A2 คือถนนที่ผ่านหน้าวัด จึงมีรถสารพัดชนิดวิ่งผ่าน หวานในตอนนั้นอายุเพียง 13 และพึ่งหัดขับรถจักรยานยนต์ได้ไม่นานเลยไม่กล้าเสี่ยง กลัวอุบัติเหตุ และในการไปปฏิบัตินั้น

    พี่สาวก็เล่าว่า พระท่านให้ไปนั่งกันในป่าช้า ในตอนที่นั่งนั้นพี่สาวก็บอกว่า มองเห็นตัวเองพองขึ้น ๆ บวมฉุ เมื่อเห็นตัวเองเป็นเช่นนั้น พี่สาวก็ร้องไห้กลัวตัวแกระเบิด และตาย จนเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ไปจับเขย่าให้รู้สึกตัว เพราะเพื่อนเห็นพี่สาวนั่งสมาธิแต่ร้องไห้สะอื้นเบาๆ หลังออกจากสมาธิแกบอกเหนื่อยมาก ๆ และรู้สึกกลัว

    นั่นคือสิ่งที่พี่สาวเล่าให้หวานฟัง หวานก็รับฟังแต่ไม่เข้าใจ แต่ก็อยากทำแบบพี่บ้าง อยากเห็นแบบพี่บ้าง 555 คืออารมณ์ตอนนั้นพี่คือฮีโร่ของฉัน พี่ฉันทำอะไร ฉันก็อยากทำมั่ง ตามประสาเด็กติดพี่ และเมื่อพี่นพได้อนุเคราะห์บอกเล่าให้ฟังแล้วก็ทำให้รู้ ได้เข้าใจมากขึ้น และได้รับคำตอบในหลาย ๆ เรื่องค่ะ
     
  17. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    “การกลับชาติมาเกิด”

    เรื่องทุกเรื่องที่หวานเล่านั้น....มาจากที่สิ่งประสบกับตัวเองและครอบครัว...เชื่อหรือไม่นั้น...หวานเชื่อว่าญาติธรรมทุกท่านเป็นผู้ตัดสินได้เอง...หรือถือว่าหวานโม้ให้ฟังก็ได้ค่ะ ^^
    ตอนยังเด็กหวานกับพี่มาอาศัยอยู่บ้านยาย เพราะพ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพ ทำให้ในบ้านจะมีเด็ก ๆ อยู่แค่ 3 คนเท่านั้น หวานชอบให้ผู้ใหญ่เล่าเรื่องผี เรื่องลึกลับ ให้ฟัง ทั้ง ๆ ที่ตอนเด็กๆ จะกลัวผี กลัวความมืดมาก แต่ก็ยังชอบฟัง ชอบดูหนังผี แล้วก็เอามาหลอนตัวเอง กลางคืนเวลาวิ่งขึ้นวิ่งลงบันไดบ้าน ขาขึ้นแทบจะวิ่งปรู๊ด (ขึ้นแบบสาวเท้าก้าวอย่างรวดเร็ว) ส่วนขาลง ก้าวไม่กี่ขั้นก็กระโดดลงพื้น แล้วรีบวิ่งอ้าวขึ้นบันไดบ้านอีกหลัง จนยายดุไล่หลังประจำ

    แถวบ้านยายสมัยนั้นเป็นเหมือนบ้านสวน เพราะมีต้นไม้เยอะมาก ส่วนมากจะเป็นต้นลำไย ต้นมะม่วงแก้ว ต้นมะม่วงไข่ (ที่บ้านเรียกอย่างนั้นแล้วไม่รู้ภาษากลางเรียกมะม่วงอะไรค่ะ) ต้นมะปรางหวาน มะปรางเปรี้ยว และต้นมะไฟ ในบริเวณบ้านจะมีบ้านยายทวดอยู่ใกล้กันค่ะ แล้วทุก ๆ คืนวันศุกร์จะรอดูรายการภาพยนตร์ไทยที่รัก ทางช่อง 7 ถ้าคืนนั้นมีหนังผีมาฉาย หวานก็ต้องรีบปิดหน้าต่างห้องนอนก่อนจะมืด ถ้าลืมปิดวันไหน ก็ไม่พ้นที่จะต้องเป็นหวานเป็นคนไปปิดเพราะอายุน้อยที่สุด ...T^T ตอนเด็ก ๆ มักจะหลอนตัวเองกลัวว่าตอนเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างแล้วจะมีผีมาจับที่แขน 555 นอกเรื่องยาว....อิอิ
     
  18. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    เข้าเรื่องจ้า....ตอนเด็ก ๆ สัก 7-8 ปี หวานมักสงสัยว่า ทำไมย่าอ่อนของหวาน ที่หวานมักเรียกว่ายายนั้น ชอบบอกใคร ๆ ว่าหวานเป็นน้องของย่า และได้ยินย่าพูดบ่อยมาก ๆ ตั้งแต่จำความได้ ช่วงที่แม่กลับมาเยี่ยมจะกินเวลา 2-4 อาทิตย์ นั้น แม่ก็พาไปเยี่ยมย่า ซึ่งบ้านยายกับบ้านย่าจะอยู่กันคนละมุมเมือง น่าจะห่างกันประมาณ 7-8 กิโลเมตร บ้านยายจะเรียกบ้านเหนือ ส่วนบ้านย่าจะเรียกบ้านใต้ ถ้าเวลาคุยกันแล้วบอกแล้วบอกว่าไปบ้านใต้ จะรู้ทันทีว่าไปบ้านย่า

    บริเวณบ้านย่าจะเรียกว่าเขตวัดธาตุ (พระธาตุหล้าหนอง)แต่บ้านย่าจะอยู่ซอยใต้ธาตุลงมา (นอกเรื่องอีกแล้ว ^^) ตอนนั้นน่าจะได้ยินย่าพูดทำนองว่า หวานเป็นน้องอีกครั้ง ขากลับหวานก็เลยถามแม่แนวๆ ว่าทำไมย่าชอบพูดว่าหวานเป็นน้อง แม่เลยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่หวานยังเด็กนั้นหวานพูดช้ามาก 1 ปีกะ 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ยอมพูดเป็นสักที ทั้งย่าทั้งยายก็เลยชอบเอาเขียดมาตีที่ปาก ตามความเชื่อว่าจะทำให้เด็กพูด หลังจากเขียดตายไปหลายตัวหวานก็เริ่มพูด

    หลังจากที่พูดสื่อสารกันได้ หวานมักพูดกับย่าด้วยประโยคคำถามแปลก ๆ ตามที่แม่เล่า ประมาณว่า มีงสบายดีไหม ถามหาคนโน้นคนนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเห็นอาหารการกินบางครั้ง ก็จะพูดขึ้นมาว่า มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกินไอ้โน่นไอ้นี่ สำหรับแม่ ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของหวานในตอนนั้น เพราะกับแม่หวานก็พูดกับแม่ปกติ แต่จะมีพูดแทนตัวว่ากูบ้าง แต่เพราะแม่ต้องไปทำไร่ ย่าจะเป็นคนเลี้ยงหวาน แม่ก็เลยเหมาว่าหวานคงติดคำพูดมาจากย่า นานวันเข้าหวานก็ยังพูด ยังถามหาคนโน้นคนนี้กับย่าเหมือนเดิม

    จนวันหนึ่งหวานบ่นว่าคิดถึงลูก (ในช่วงนี้เป็นเรื่องที่ย่าเอามาเล่าให้แม่ฟังนะคะ) ย่าสงสัยและถามว่า แล้วลูกชื่ออะไร หวานก็ตอบว่า เอ๊า!! อยู่ด้วยกันตั้งนานยังจำกูไม่ได้อีกเหรอ ย่าเลยพูดตอบว่า จำไม่ได้แล้วมึงเป็นใคร หวานตอบย่าว่า ชื่อ..... (หวานจำไม่ได้ว่าแม่บอกว่าชื่ออะไร แต่เป็นชื่อของน้องสาวย่าที่ตายไปก่อนหน้าที่หวานจะเกิดยี่สิบกว่าปี) พอย่าได้ยินที่หวานตอบ ย่าก็ถามต่อว่าถ้าใช่แล้วเป็นอะไรตาย หวานก็บอกว่า ป่วยตาย ย่าถาม ผัวมึงชื่ออะไร หวานก็ตอบว่า ชื่อแผง (แม่บอก หวานจำไม่ค่อยได้แล้ว ^^) มีลูก 2 คน ย่าก็เลยเชื่อว่าหวานเป็นน้องสาวของย่าจริง

    แล้วก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ว่าก็ฟังแต่ยังไงๆ หวานก็ยังเป็นลูกแม่ ถึงจะเชื่อว่าหวานเป็นน้องของย่าจริง แต่หลังจากนั้น แม่บอกว่าก็มีการทดสอบอีกโดยย่าให้หวานพาไปบ้านที่เคยเป็นที่อยู่ของน้องย่า(นั่งรถสามล้อไปกัน) หวานก็บอกทางและบ้านได้ถูก ตาแผงและลูก ๆ ก็รับรู้การกลับชาติมาเกิดเป็นหวานค่ะ นั่นคือเรื่องที่แม่ได้เล่าให้หวานฟัง เพราะหวานในตอนนั้นไม่ได้มีความทรงจำของน้องสาวย่าอีกแล้ว “เพราะอะไรน๊า” นั่นคือความสัยในวัยเด็ก จนเมื่อได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการระลึกชาติ การกลับชาติมาเกิดเลยทำให้เข้าใจว่าในกรณีของหวาน ความทรงของปัจจุบันที่เกิดจะเข้ามาแทนทีความทรงจำเดิมและหายไปในที่สุด....

    ปล. เล่ายาวเพราะนอกเรื่องเยอะ ^^ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
     
  19. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,218
    ขอบคุณมากค่ะที่เล่าให้ฟัง ชอบอ่านเรื่องแบบนี้มากค่ะ
     
  20. kungzaza88

    kungzaza88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +536
    มาติดตามชมด้วยคนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...