เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ต้นกำเนิดรักยมเครื่องรางมหานิยม

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 13 พฤษภาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน ต้นกำเนิดรักยมเครื่องรางมหานิยม
    18301357_10213003446950558_4007380184369684740_n.jpg
    ตำนานเล่ากันมาว่า ในกาลครั้งหนึ่งในราวป่าหิมวันต์อันเป็นที่เงียบสงบวิเวก เป็นที่พำนักของเหล่าฤๅษีชีไพร และในบรรดาฤๅษีเหล่านั้นมีพหลปิติฤๅษีอยู่องค์หนึ่งผู้เป็นใหญ่กว่าฤๅษีทั้งปวง วันหนึ่งพหลปิติฤๅษีได้ออกจากอาศรม ขณะเดินผ่านสระน้ำแห่งหนึ่งที่มีดอกบัวชูช่อดารดาษ ได้เหลือบเห็นกุมารน้อยคู่หนึ่งนอนอยู่ในรัตนอุบล จึงได้นำเอามาเลี้ยงไว้ยังอาศรม และให้ชื่อว่า

    "รัตตะกุมาร" กับ "ยมกะกุมาร" ครั้นกุมารทั้งสองเจริญเติบโต พหลปิติฤๅษีได้ถ่ายทอดสรรพวิทยาคมให้จนหมดสิ้น สำหรับรัตตะกุมารนั้นกล่าวกันว่าเป็นมานพน้อยมีรูปโฉมงดงามเป็นยิ่งนัก ส่วนยมกะกุมารเล่าแม้จะด้อยในรูปสมบัติไปบ้างแต่ก็มีความเชี่ยวชาญในเชิง กระบวนยุทธ์ และเวทมนตร์คาถายิ่งนัก อยู่มาวันหนึ่งกุมารทั้งสองก็ขอลาพระอาจารย์เข้าไปในบ้านในเมือง ด้วยความปรีชาสามารถของกุมารทั้งสองจึงได้รับราชการอยู่กับพระราชา ด้วยเหตุที่รัตตะกุมารเป็นมานพน้อยรูปงาม จึงเป็นที่เสน่หาแก่ราชธิดาเป็นอย่างยิ่ง แต่ความรักของรัตตะกุมารกับพระราชธิดาต้องมีอุปสรรค ด้วยชาติตระกูลไม่คู่ควร พระราชาจึงขัดขวางความรักของทั้งสองคน ฝ่ายรัตตะกุมารพอทราบเรื่องเข้าก็เกิดความโกรธแค้น จึงก็ละเมิดคำสอนของพหลปิติฤๅษีลอบปลงพระชนม์พระราชาจนสิ้นพระชนม์ เมื่อล้างแค้นได้สำเร็จ จึงได้สำนึกผิดกลับมาสารภาพกับพระอาจารย์ พหลปิติฤๅษีจึงให้รัตตะกุมารสละเพศฆราวาสออกบวชบำเพ็ญเพียรจนสิ้นอายุขัย รัตตะกุมารก็บำเพ็ญเพียรตลอดมา ครั้นกาลก่อนจะสิ้นอายุขัยของพหลปิติฤๅษี ท่านได้ถามรัตตะฤๅษีว่า "ปรารถนาพรอันใด" รัตตะฤๅษีจึงขอพรว่า "แม้นไปเกิดในชาติปางใดก็ดีขอให้มีเสน่ห์เป็นที่รักแก่คนทั้งปวง ขออย่าให้มีศัตรูด้วยประการใดๆ เลย" พหลปิติฤๅษีจึงว่า "ท่านเป็นผู้ฆ่าผู้เบียดเบียนอยู่ จักยังไม่ไปเกิดในมนุษย์โลกได้ทันทีหรอก แต่ด้วย บุญบารมีที่ท่านได้สร้างสมไว้แต่ปัจจุบันชาติในบั้นปลายแห่งชีวิต กรรมจะมีปัจจัยให้ท่านเป็นวัตถุสิ่งหนึ่งมีชีวิตแต่หามีจิตใจไม่ วัตถุสิ่งนั้นจงมีคุณดังคำขอนั้นเถิด"

    กาลต่อมาเมื่อรัตตะฤๅษีสิ้น อายุขัย มีหลุมฝังศพรัตตะฤๅษีนั้นต่อมาได้บังเกิดพืชชนิดหนึ่งมีดอกซ้อน มีสรรพคุณเป็นที่รักที่ชอบแก่คนทั้งหลาย สมดังพรของพหลปิติฤๅษี คนทั้งหลายพากันเรียกว่า "ต้นรักซ้อน" ส่วนยมกะกุมาร ต่อมาก็มาออกบวชจำศีลภาวนาอยู่ที่อาศรมของรัตตะฤๅษีผู้เป็นสหายจวบจนสิ้น อายุขัย และ ณ ตรงที่ฝังศพยมกะฤๅษีก็เกิดพันธุ์ไม้ชูช่อส่งผลอยู่เคียงคู่กันกับต้นรักซ้อน คนทั้งหลายพากันเรียกว่า "ต้นยมมะ" แล้วต่อมาภายหลังได้เพี้ยนเป็น "ต้นมะยม" ด้วยมูลเหตุเหล่านี้จึงมีการคิดประดิษฐ์แกะรูปเด็กจากต้นรักซ้อนและต้นมะยม คนหนึ่งขาว คนหนึ่งดำ อันหมายถึงรัตตะกุมารและยมกะกุมาร แล้วลงอักขระเลขยันต์ตามตำราวิชาไสยศาสตร์แล้วให้ชื่อว่า "รักยม" ด้วยประการฉะนี้แล รักยม คืออะไร เช่ารักยม วิธีเลี้ยงรักยม คาถาบูชารักยม
    ถ้าจะพูดถึงรักยมเครื่องรางของขลังที่เป็นที่นิยมกันในบ้านเรานั้น รักยมเป็นเครื่องรางของขลังที่เป็นที่นิยมกันมากชนิดหนึ่ง จะเห็นได้จากมีการสืบทอดตำราการสร้างตกทอดต่อเนื่องกันมานาน และปัจจุบันก็มีวัดที่มีวิชาอาคมทางด้านนี้สร้างให้สำหรับผู้ที่ต้องการเช่าบูชาได้บูชาไว้ติดบ้านเรือน ติดร้านค้ากัน
    รัก-ยม จะมีลักษณะเป็นตุ๊กตาเด็กตัวเล็กๆสองตัวอยู่ติดกันอยู่ในขวดแก้วใส่น้ำมันจันหรือน้ำมันพรายโดยสมัยโบราณนิยมแกะตุ๊กตาเด็กจากไม้รักตายพรายกับไม้มะยมตายพรายที่มาจากป่าเพราะเชื่อกันว่าไม้ที่ตายพรายเหล่านี้มีวิญญาณหรือเทวดาดูแลอยู่ ( คำว่าตายพรายหมายถึงไม้ที่ยืนต้นตายไปเองโดยธรรมชาติ ) แต่ปัจจุบันไม้รักตายพรายกับไม้มะยมตายพรายหายากมากจึงใช้ไม้มะยมป่ากับไม้รักธรรมดาแทน สมัยก่อนเชื่อกันว่าถ้าได้ไม้ตายพรายทั้งสองมาแกะเป็น รัก-ยม จริงๆจะมีอิทธิฤทธิ์แก่กล้าโดยที่แทบจะไม่ต้องนำมาปลุกเสกเลยก็ย่อมได้ แต่เนื่องจากไม้ตายพรายหายากแล้วในปัจจุบันจึงต้องนำมาปลุกเสกกันกับครูบาอาจารย์วิชาอาคมจะต่างๆกันไปเมื่อได้ไม้มาแล้วครูบาอาจารย์ที่มีวิชาอาคมก็จะนำมาแกะในลักษณะพนมมือหันหน้าเข้าหากันหรือบางทีก็เป็นลักษณะยืนกำหมัดก็มี แล้วนำมาแช่ในขวดโดยใช้น้ำมันอาถรรพ์ต่างๆหรือ น้ำมันว่านมงคล หรือน้ำมันจันทน์ น้ำมันพรายก็ได้ โดยครูบาอาจารย์ก็จะทำการปลุกเสกตามตำราของตัวเอง ว่ากันว่าถ้าจะให้ขลังผู้ปลุกเสกต้องทำพิธีปลุกเสกจนกว่า รัก-ยม จะขยับเนื้อตัวให้เห็นถึงจะถือว่าใช้ได้ จะเห็นได้สำหรับผู้ปลุกเสกเท่านั้น รัก-ยมที่ผ่านการปลุกเสกแล้วจะคุ้มครอง ช่วยเหลือผู้เลี้ยง เป็นของขลังค้าขาย เรียกลูกค้า ให้โชคให้ลาภ เมตตามหานิยม ตามแต่ผู้เลี้ยงบนบอกขอตามความต้องการเช่ารักยม วิธีเลือกเช่ารักยม ขลังๆ
    รักยม เครื่องรางโชคลาภ ค้าขาย เมตตามหานิยม
    รักยมหากท่านอยากได้ที่มีคุณภาพขลังๆขอสำเร็จผลไวทันใจนั้นควรเป็นรักยมที่สร้างจากทางวัด ไม้รัก ไม้ยมตายพรายที่นำมาแกะเป็นรักยม ทางวัดควรจะทำการแกะเอง มีการใส่น้ำมันอาถรรพ์เช่นน้ำมันจัน ผสมรวมกับน้ำมันพรายผงเถ้ากระดูกต่างๆเพราะจิตวิญญาณจะมีอยู่ในรักยมจริงๆจึงทำให้เวลาเลี้ยงบูชาจะมีความขลังมากเมื่อท่านบนบอกขอจะประสบผลสำเร็จกว่ารักยมประเภทอื่นๆ รักยมสร้างเข้าตามตำหรับตำราตอนนี้ก็เห็นจะมีรักยมของพระอาจารย์ตี๋ กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หลายๆท่านที่ได้บูชามักจะมีโชคลาภ ค้าขายดี ประสบความสำเร็จกันหลายท่านแล้ว

    วิธีเลี้ยงรักยม
    เมื่อท่านมีเช่ารักยมมาแล้วควรบูชาเก็บไว้ในบ้านให้ช่วยดูแลทรัพย์สินตอนไม่อยู่บ้าน หรือจะพกติดตัวไปด้วยก็ได้ตามความสะดวกของแต่ละท่าน แต่ก่อนที่จะนำเข้าบ้านเราต้องจุดธูป 16 ดอก บอกกล่าวกับเจ้าที่เจ้าทางในบ้านว่าขออนุญาติเลี้ยงรักยม ขอให้เจ้าที่ เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เปิดทางให้รักยม จากนั้นก็จุดธูป 5 ดอกบอกเรียกรักยมให้เข้าบ้านอาศัยอยู่ด้วยกันมีใครในบ้านก็แนะนำให้รักยมโดยการบอกชื่อว่ามีใครบ้าง การเลี้ยงดู รักยม ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากมากนักโดยเลี้ยงด้วยข้าวไข่ต้ม ขนมหวาน หรืออาหารหยาบแบบที่เราทานทุกวันก็ได้ แต่อย่าให้เหล้าหรือของที่สุกๆดิบๆที่ไม่ผ่านไฟมาก่อน การดูแลส่วนอื่นๆก็ให้น้ำสะอาดทุกวันหรือจะเปลี่ยนให้ทุกวันพระก็ได้ เวลาจะไปไหนมาไหนก็ให้จับขวดรักยม ท่องคาถาบูชารักยม แล้วบอกให้ รักยม ไปด้วยกันทุกครั้งจะดีมากๆ
    สรรพคุณของรักยมนั้นก็ตรงตามชื่อคือ รัก+นิยม มีผลทางเมตตามหานิยม มีโชคลาภด้านการเงิน ทำให้ผู้เลี้ยงดูเป็นคนมีเสน่ห์ ใครเห็นใครรัก เสน่หาทันตา เวลามีปัญหาเดือดร้อนแบกหน้าไปพึ่งใครมักจะไม่ผิดหวัง

    คาถาบูชารักยม
    "จิเจรุนิ จิตตัง เจตตะสิกกัง รูปัง กุมาโรวา นิมิตตัง เจ้ารัก เจ้ายม
    อาคัจฉาหิ จิตติ เอหิ เอหิ นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ"

    คาถาบูชารักยมนี้ใช้ปลุกรักยม หากปลุกเสกประจำทุกๆวันอย่าให้ขาดก็จะเพิ่มฤทธิ์ให้แก่รักยม และมีชีวิตชีวาอยู่กับเราตลอดไป ช่วยให้ผู้บูชา ค้าขายดี มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น มีโชคลาภมากมีตลอดไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...