เล่าขานนิทานตัดกรรม (เรื่องจริงตาสว่างผ่าน www.skytemple.org)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sippa_Pawat, 9 พฤษภาคม 2011.

  1. Sippa_Pawat

    Sippa_Pawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +228
    เล่าขานนิทานตัดกรรม_Base On True Story
    "นิทานเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องตรงจริงอย่างไม่จำกัดกาล"

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานจนแทบจำอะไรไม่ได้ จำได้แต่ว่ามีแม่มดตนหนึ่งเคยอาศัยอยู่ตามบ้านร้างหรือในป่าเปลี่ยวเพื่อเก็บตัวใช้เวลาสะสมเวทย์มนต์คาถาตั้งแต่วัยสาวถึงวัยกลางคน ครั้นนางได้ข่าวว่าเมืองสนธยากำลังวิกฤต ข้าวยากปาล์มแพง ไข่ขาดตลาด ผู้คนรบราฆ่าฟันกันเป็นผักปลา บ้างก็ตั้งวงก่นด่าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นอย่างไม่เกรงกลัวความผิดกฎหมายหรือศีลธรรมแต่อย่างใด ผู้มีอำนาจก็ตั้งหน้าตั้งตากอบโกย โกงกิน ขายแผ่นดินขายชาติอย่างไร้ยางอาย สังคมระส่ำระสาย ผู้คนไร้ที่พึ่งทางใจไม่มีความหวัง จึงหันเข้าหาไสยศาตร์ โหราศาสตร์เวทย์มนต์คาถา เพื่อผ่อนคลายความเครียดให้ทุเลาเบาบาง

    แม่มดตนนี้ได้ทราบข่าวจากบรรดาลูกมดและญาติมดจมูกไวว่า แม้วัดวาอารามที่เคยสอนศาสนาพุทธที่สอนให้คนพึ่งตนเองก็เงียบเหงาวังเวง ไม่มีผู้คนจะเข้าไปศึกษาเล่าเรียนกันมากนัก พระสงฆ์องคเจ้าที่เคยสอนธรรมะนำพาคนปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่อหาทางออกจากทุกข์ก็เปลี่ยนวิถีมาเอาดีทางด้านไสยศาตร์ โหราศาสตร์และพิธีกรรมที่ทำให้คนไร้ที่พึ่งได้ยึดเหนี่ยวไว้บ้าง การอาบน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ขายวัตถุมงคลและการขายความเชื่อประเภทต่างๆ ได้ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน
    แม่มดจึงตัดสินใจทำศัลกรรมผ่าตัดจมูกที่ยาวเฟื้อยให้สั้นลงจนกลมกลึงคล้ายชมพู่เพื่อทำลายหลักฐานการเป็นแม่มดให้หมดสิ้นไป รูปร่างที่เคยปราดเปรียวเบาบางไปไหนมาไหนด้วยการขี่ไม้กวาดก็ เนรมิตให้อ้วนฉุขึ้นมาร่วมสองร้อยห้าสิบกิโลกรัม เมื่อใช้อาคมอันศักดิ์สิทธิ์แปลงโฉมจนไม่เหลือร่องรอยแม่มดแล้ว เพื่อให้การเดินทางเข้าเมืองสนธยาสะดวกแนบเนียนจนไม่มีใครจับพิรุทธได้ จึงเข้าไปยังวัดหนึ่งขอบวชเป็นชีและอยู่ประจำไม่ต่ำกว่าหนึ่งปีเพื่อให้ชีวิตใหม่เข้าร่องเข้ารอยแล้วจึงเดินทางเข้าเมืองสนธยา คนเมืองสนธยามีทั้งฉลาดลึกล้ำและฉลาดแบบผิวเผิน แม่มดในร่างแม่ชีอ้วนฉุเชื่อว่า ไม่ว่าสังคมแม่มดหมอผี พระสงฆ์ ชี พราหมณ์ ทหารตำรวจ นักการเมือง ข้าราชการ หมู หมา กา ไก่ ล้วนมีทั้งคนโง่และคนฉลาด แม่ชีขอเพียงให้เจอคนโง่ปัญญาอ่อนบ้างก็จะทำธุรกิจความเชื่อและความกลัวได้[​IMG]
    แม่ชีจึงเดินทางเข้าเมืองสนธยา ขอเข้าพักอาศัยที่วัดแห่งหนึ่ง ใกล้ๆ กับสถานรักษาคนวิกลจริต แม่ชีมีคาถาอาคมมาก มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์เป็นเยี่ยม เมื่อเห็นว่าเมืองสนธยามีคนบ้ามากมายขนาดนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจว่าการทำมาหากินที่เมืองสนธยาแห่งนี้ต้องเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ ขอแค่ให้มีคนเพี้ยนๆ ปัญญาอ่อนและเชื่อง่ายๆ สักสามสิบเปอร์เซ็นต์ก็อยู่ได้สบายแล้ว ยิ่งมีโรงพยาบาลบ้าใหญ่โตขนาดนี้จะต้องมีลูกค้าประเภทบ้าๆ บอๆ มาอุดหนุนอย่างเนืองแน่น
    ครั้งแรกที่เธอเข้าไปพักที่วัดนั้น เจ้าสำนักไม่ได้ให้ความสำคัญแก่เธอมากนัก คุณค่าของเธอเป็นเพียงแม่ชีอ้วนตุ๊ฉุๆปลายแถวคนหนึ่งเท่านั้น แต่เธอยังเชื่อมั่นว่าตราบใด หมายังกินขี้ ผียังมีคนกลัว คนชั่วก็ยังต้องเป็นทาสน้ำเงินตราบนั้น เธอเริ่มใช้คาถาอาคมที่เธอเรียนมาทำนายทายทักคนใกล้ตัวอย่างแม่ยำจนเป็นที่เล่าลือกันในหมู่แม่ชีที่อยู่ด้วยกัน เธอทำนายทายทักไปเรื่อยๆ ได้เงินค่าทำนายทายทักมาบ้างก็นำไปมอบให้เจ้าสำนักแบบไม่หวังสิ่งใดตอบแทน บางทีเธอก็หาโอกาสเหมาะๆ เวลาที่เจ้าสำนักมีแขกมาเยี่ยม เธอมักจะเข้าไปสังเกตการณ์และจับเหยื่ออย่างเหมาะเจาะ เธอทำให้เหยื่อเชื่อว่าคำทำนายของเธอแม่นยำและลงท้ายด้วยการทำตามที่เธอสั่งอย่างว่าง่าย เช่น คราวหนึ่งดาราคนหนึ่งมาหาเจ้าสำนัก เธอนำน้ำเข้าไปถวายเจ้าสำนัก ฟังการสนทนาระหว่างเจ้าสำนักกับดาราว่า แม้เธอจะร่ำรวยแต่เธอก็ต้องย้ายบ้านบ่อย เพราะอาชีพเสริมของเธอคือเป็นเมียน้อยอาเสี่ย หากอยู่ติดที่เมียหลวงของอาเสี่ยตามจับได้จะทำให้เธอลำบากเรื่อยไป เธอถามเจ้าสำนักว่าทำไมต้องย้ายบ้านบ่อย
    เจ้าสำนักไม่รู้จะตอบปัญหานี้อย่างไรเพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องคาวโลกีย์แบบนี้ไม่เหมาะที่พระจะตอบ เจ้าสำนักจึงพูดเป็นเชิงขอคำปรึกษาว่า ถามแม่ชีดูซิ
    ดาราคนนั้นหันหน้าไปหาแม่ชีแล้วยกมือขึ้นสวัสดี แม่ชีก็บอกว่าขอเวลาแม่นั่งดูกรรมเก่าของหนูก่อนนะ ห้านาทีต่อมาแม่ชีก็ลืมตาขึ้นมาแล้วบอกกับดาราคนนั้นว่า ชาติก่อนหนูตักน้ำใส่รูมดคันบ่อยๆ ชาตินี้หนูจึงต้องเร่ร่อนไปบ่อยๆ อยู่ไม่เป็นสุข
    ดาราคนนั้นรู้สึกพอใจกับคำตอบที่แม่ชีให้ เลยถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป แม่ชีตอบอย่างรวดเร็วว่าต้องทำบุญกรวดน้ำให้มดคัน ทำไปเรื่อยๆ สักเก้าครั้งน่าจะหมดกรรม
    ดาราคนนั้นถามต่อไปว่า เมื่อไรหนูจะมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนเสียที แม่ชีพอทราบประวัติดาราคนนี้อยู่บ้างจากข้อความที่สนทนา จึงขอเวลานั่งทางในก่อน ตอนนี้แม่ชีเงียบไปสิบนาที แล้วค่อยๆ ลืมตาหยีๆ ของแม่ชีขึ้นมา ดาราหญิงคนนั้นถามว่าเป็นอย่างไรค๊ะ
    แม่ชีตอบว่านั่งดูกรรมชาติปางก่อนของหนูแล้ว หนูต้องรับผลกรรมจากการที่สามีนอกใจหนูในหลายชาติจนหมดก่อน
    เธอถามต่อไปว่า หมายความว่าอย่างไร
    แม่ชีตอบว่า เธอจะต้องเป็นเมียน้อยของเจ้าสัวหรือลูกเจ้าสัวอีกเจ็ดคนจึงจะได้รับผลกรรมจนครบ สุดท้ายเนื้อคู่ของเธอไม่รวยนักแต่จะอยู่กินกันจนบั้นปลายชีวิต
    ดาราคนนั้นยิ้มออกมาอย่างพอใจพร้อมกับถามว่า แม่ชีรู้ได้อย่างไร
    แม่ชีบอกว่า แม่รู้กรรมของหนูและคนอื่นๆ ที่มาหาทั้งหมด
    ดาราหญิงทบทวนเรื่องที่ผ่านมาล้วนใกล้เคียงความจริง จึงถวายปัจจัยทำบุญกับแม่ชีถึงสามหมื่นบาท แม่ชีรับเงินแล้วให้ศีลให้พรดาราคนนั้นแล้วถวายเงินทั้งหมดให้เจ้าสำนักเดี๋ยวนั้น
    ไม่นานนักคนมีปัญหาชีวิตต้องการคำตอบและต้องการออกจากปัญหาชีวิตก็มุ่งมาหาแม่ชีแทบหัวกระไดไม่แห้ง วันนี้สถานะของแม่มดป่ากลายเป็นแม่ชีคนโปรดของเจ้าสำนักที่มีอิทธิพลกว้างขวางในสังฆมณฑลแห่งเมืองสนธยา เธอมีชื่อเสียงด้านการทำนายทายทักและแก้กรรมพร้อมตัดกรรมขจรขจายไปทั่ว มีคนจากดินแดนไกลโพ้นที่อยู่เมืองนางฟ้านำเธอเข้าไปยังเมืองสวรรค์โดยไม่ถูกตรวจสอบว่าเป็นแม่มดหรือแม่ชีกันแน่ นางฟ้าที่เมืองนางฟ้ามากมายต้อนรับและอยู่ในโอวาทของเธออย่างดี เพราะนางฟ้าเหล่านั้นต่างเชื่อว่าเธอระลึกชาติได้ยิ่งกว่าผู้หยั่งรู้ดินฟ้า ไม่มีใครจะตั้งข้อสงสัยในความเก่งฉกาจของเธอ ใครไม่เชื่อว่าเธอระลึกชาติได้จะต้องถูกกำหราบด้วยข้อหาที่ว่า ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ ตอนนี้เธอจึงกลายเป็นเจ้าแม่ธุรกิจตัดกรรม แก้กรรม ตรวจสอบกรรมที่ไม่มีใครเทียบ ทีวีแทบทุกช่องหมายปองให้เธอได้ไปออกรายการเพื่อพบกับลูกค้าที่มีรสนิยมสูงและปัญญาอ่อนจำนวนมาก สถานะของเธอจากแม่มดป่า แม่ชีและกำลังเป็นดาราทีวี
    วันหนึ่งคลิปวีดีโอแก้กรรมของเธอถูกนำไปเสนอทางช่องทีวีที่โด่งดังที่สุดแห่งเมืองสนธยา ในรายการทีวีนั้นเสนอเรื่องการแก้กรรมที่เธอทำนายทายทักอย่างรวดเร็วและแก้กรรมแบบฉับพลันโดยมีเค้าโครงเรื่องว่า ผู้หญิงคนหนึ่งยังโสด รูปร่างหน้าตาสะสวยอายุสี่สิบแปดปีแล้ว เวลาเดินผ่านผู้ชายสูงอายุมักจะถูกลวนลาม และแทะโลมเสมอ
    ถามแม่ชีว่า เพราะผลของกรรมอันใด
    แม่ชีเดี๋ยวนี้เก่งขึ้นมากทำนายโดยไม่ต้องหลับตาว่า เพราะชาติก่อนผู้หญิงคนนี้เคยเกิดเป็นเฒ่าหัวงูชอบลวนลามเด็กเป็นประจำ เกิดชาตินี้จึงต้องถูกเขาลวนลามคืน
    ผู้หญิงคนนั้นก็ถามว่า จะทำอย่างไรดีจึงจะแก้กรรมได้
    แม่ชีตอบว่า จะต้องให้เด็กผู้ชายที่อ่อนกว่าลวนลามหรือให้เอาด้วยสองที
    ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของเธอปฏิเสธว่าไม่อยากทำ ไม่กล้าทำ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเข้าข่ายลามกอนาจารสำหรับคนที่มีศีลธรรมโดยทั่วไป
    [​IMG]แต่แม่ชีก็ขยั้นขยอจนผู้หญิงคนนั้นต้องจำยอม แล้วแม่ชีจึงเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาช่วยลวนลามผู้หญิงคนนี้เพื่อให้พิธีตัดกรรมลุล่วงไป แต่เด็กหนุ่มคนนั้นปฏิเสธ แม่ชีพูดภาษาวัยรุ่นว่าคงไม่ตรงสเปก ทำให้คนจำนวนมากหัวเราะและตบมือในภาษาวัยรุ่นของแม่ชี
    แม่ชีจึงเรียกหนุ่มอีกคนหนึ่งว่ามาช่วยลวนลามหน่อยจะได้ช่วยแก้กรรม แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องเสียค่าลวนลามสองร้อยบาท พอเรื่องนี้ถูกกระจายออกไป คนเริ่มสงสัยกันว่าแม่ชีไม่น่าจะระลึกชาติไปตรวจกรรมเก่าของคนนั้นคนนี้ได้เสียแล้ว เพราะอย่าว่าแต่แม่ชีจะมีฌานหรือมีญาณหยั่งรู้อดีตเลย แม้แต่ความรู้สึกละอายชั่วกลัวบาปขั้นต่ำๆ ที่คนทั่วไปเขามีอยู่ตามธรรมดาสามัญแม่ชีก็ยังไม่มี หรือเรียกว่าพูดออกมาได้ ไม่มียางอาย
    การพูดจาที่ไม่สุภาพ เช่น การบอกให้ผู้หญิงคนนั้นไปแก้กรรมด้วยคำว่าให้เด็กเอาสักสองทีเป็นการพูดคำหยาบที่คนมีศีลธรรมทั่วๆ ไปล้วนกระดากปากไม่กล้าพูด
    เมื่อนักการเมืองใหญ่ในเมืองสนธยาทักท้วงว่าทำไมต้องพูดคำนี้ฟังแล้วไม่สุภาพ เธอย้อนว่าพูดมาตั้งเป็นสิบปีแล้ว ไม่เห็นเป็นอะไร แม่ชีพูดอย่างนี้จะเอาแม่ชีตายเชียวหรือ
    คงไม่มีใครจะทำร้ายแม่ชีด้วยคำพูดเพียงแค่นี้ เพียงแต่พุทธบริษัททั่วไปล้วนคาดหวังว่า วาจาของแม่ชีวิเศษที่พูดกับพุทธบริษัท จะต้องแตกต่างจากวาจาที่แม่เล้าพูดกับลูกค้าที่เที่ยวสถานโสเภณีเป็นแน่แท้
    แม่ชีมัวแต่นั่งดูกรรมของคนอื่นแล้วสั่งให้แก้กรรมแบบวิตถารต่างๆ นานา สร้างความอับอายขายหน้าให้ลูกค้ามาไม่รู้สักเท่าไร ไม่เคยเห็นใจความทุกข์ยากของคนอื่นที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ตนได้พูดไปเพราะอาศัยความเชื่ออย่างมืดบอด จากนี้ไปเห็นทีแม่ชีจะต้องถูกไล่ต้อนจากคนส่วนใหญ่ของคนในสังคมที่ตื่นแล้วให้แม่ชีได้กลับไปแก้กรรมของตนเองบ้าง
    บั้นปลายชีวิตแม่ชีได้รับผลกรรมที่กระทำไว้ด้วยความประมาทอย่างไรบ้าง นิทานไม่ได้บอกไว้เพราะเนิ่นนานเกินกว่าที่จะจำได้ หากใครต้องการจะลองสะแกนกรรมของแม่ชีที่เนื้อหาของนิทานหายสาบสูญให้จบลงอย่างสมบูรณ์ ก็ต้องใช้หลักกรรมของพระพุทธเจ้าที่ว่า หว่านพืชเช่นใด ได้ผลเช่นนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม ทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ล้วนได้รับผลของกรรมนั้น
    พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่า กรรมแก้กันได้ กรรมตัดได้ แต่ ตรัสไว้อย่างแน่นอน "กรรมชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า" เพราะกรรมชั่ว ทำแล้วเดือดร้อนในภายหลัง เมื่อไม่ทำกรรมชั่วแล้วต้องทำความดีให้ถึงพร้อมและหมั่นชำระจิตให้บริสุทธิ์ เพราะจิตที่บริสุทธิ์จะนำให้กาย วาจาและใจมุ่งกระทำแต่ความดี
    หากได้พบใครอ้างตนว่าเป็นพุทธบริษัท โฆษณาอวดอ้างคุณวิเศษของตนเองว่าสามารถล่วงรู้กรรมในอดีตของใครๆ และทำพิธีตัดกรรมหรือแก้กรรมได้ พึงทราบโดยทั่วกันว่าผู้นั้นไม่ใช่ศิษย์ตถาคต แต่เป็นคนลวงโลกประเภทหนึ่งที่พึงหลีกเลี่ยงเท่านั้น

    29 เมษายน 2554

    เวลา 4.36 น.

    วัดลอยฟ้า (Sky temple no boundary)
    www.skytemple.org
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...