เสด็จพ่อ ร.๕ บันดาลความสำเร็จ ม.ล.ชัยวัฒน์ ชยางกูร

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 1 ตุลาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เสด็จพ่อ ร.๕ บันดาลความสำเร็จ ม.ล.ชัยวัฒน์ ชยางกูร</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] ม.ล.ชัยวัฒน์ ชยางกูร ประธานบริหารบริษัท C.E. Enterprise Consulting Co.,Ltd ในแวดวงธุรกิจชื่อนี้น้อยคนที่ไม่รู้จัก เนื่องจากได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาธุรกิจทางด้านการขายและการตลาด และที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจ E-Commerce ในหลายบริษัท

    จึงถือเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จในระดับแถวหน้าของประเทศ มีรางวัลการันตีความเป็นหนึ่งมากมาย อาทิ รางวัลนักธุรกิจดีเด่น จาก Promotion Headway Business ในปี ๒๕๓๘ รางวัลบุคคลแห่งความสำเร็จ จาก มูลนิธิเพื่อสังคมไทย ในปี ๒๕๔๐
    นอกจากการเป็นนักธุรกิจแล้ว ม.ล.ชัยวัฒน์ ยังมีผลงานเขียนอีกหลายเล่ม อาทิ นวตกรรมสู่วิสัยทัศน์ : การบริหารธุรกิจ นวตกรรมสู่วิสัยทัศน์ :ทุนมนุษย์ และล่าสุดได้เขียนหนังสือ จอมยุทธ์การตลาด ให้กับนักบริหารรุ่นใหม่ได้ศึกษา ที่จะนำไปปรับใช้กับการบริหารงาน
    แม้ว่าจะใช้กลยุทธทุกๆ ด้านในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ ม.ล.ชัยวัฒน์ บอกว่า มีความสำคัญไม่น้อยยิ่งกว่ากัน คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ความเคารพนั่นเอง โดยส่วนตัวเป็นคนเชื่อในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ความเคารพ เนื่องจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สอนให้เชื่อในตัวเอง เชื่อในสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังให้ในเรื่องของปาฏิหาริย์กับชีวิตที่ผ่านมาด้วย
    ประกอบเราเป็นชาวพุทธ ก็พยายามรักษาศีล ๕ ในฐานะเป็นชาวพุทธที่ดี แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายสอนให้เรารู้ว่า ถ้าทำดีย่อมได้ดี แล้วให้ทุกคนทำแต่ความดี เช่นเดียวกับกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ไม่ดี วันหนึ่งสิ่งไม่ดีก็จะตอบสนองในที่สุด
    ตลอดระยะที่ผ่านมา จะเป็นคนแขวนเหรียญ เสด็จพ่อ ร.๕ ติดตัวเป็นประจำ เรียกได้ว่าองค์ท่านทรงมีอิทธิพลต่อตนเองอย่างมาก ชีวิตหลายครั้งที่มีประสบการณ์กับเสด็จพ่อ ร.๕ มาก็หลายครั้ง เสมือนเป็นที่สร้างความบันดาลใจหลายอย่างให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมไปถึงเรื่องอภินิหารอีกหลายอย่าง ที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับองค์ท่าน ระหว่างที่ตนเองยังเชื่อหรือไม่เชื่ออยู่นั้น ได้มีการเอ่ยถึงท่านว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีจริง ขอให้ท่านแสดงออกมา แล้วท่านก็แสดงให้เห็น แต่ตรงนี้ไม่สามารถเปิดเผยให้ทุกคนรับรู้ได้
    "จริงๆ ผมเคยขอพรจากองค์เสด็จพ่อ ร.๕ อยู่เหมือนกัน แต่การขอพรนั้นเราเองจะต้องทำความดี ท่านถึงจะให้อะไรเราในการตอบแทนความดีที่เราทำ เช่น เราขยัน มีความมุ่งมั่นเราจะต้องประสบความสำเร็จเป็นสูตรของมันอยู่แล้ว ถ้าเราทำดีก็ต้องได้ความดีตอบแทน มาวันนี้ผมจึงเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง บางคนที่ไม่เชื่อก็แล้วแต่ว่า จะเคยเจอหรือไม่เจอ ผมเชื่อเพราะว่าผมได้ประสบมากับตัวเองแล้ว แต่บอกไม่ได้ว่า พรที่ขอนั้นคืออะไร คนที่เคยมีประสบการณ์แบบผมก็คงมีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน" นี่คือวิธีการขอพรของ ม.ล.ชัยวัฒน์
    พร้อมกันนี้ เขาได้เล่าอดีตให้ฟังว่า ท่านพ่อ (ม.ร.ว.ทวีชัย ชยางกูร) เป็นทหารที่เข้มงวดกับระเบียบวินัยอย่างมาก ทำให้ในสมัยเป็นเด็กต้องทำตามกฎเหล็ก อยู่ในกรอบของพ่อตลอดเวลา ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ที่ได้ไปเที่ยวเล่นกัน เช่น กิจวัตรก่อนนอนทุกคืน จะต้องสวดมนต์ คืนละครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่สองทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง ทำแบบนี้มาจนโต จนวันนี้ก็ยังคงสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนทุกคืน
    ตรงนี้คิดว่า การสวดมนต์ทำให้จิตใจเราสงบ มีสมาธิแล้ว ยังสอนให้เชื่อในสิ่งที่ส่งเสริมเรา สิ่งสำคัญผลดีที่ได้จากการสวดมนต์ตั้งแต่เด็กนั้น ยังทำให้เรากลายเป็นคนที่มีระเบียบวินัยและเป็นคนตรงต่อเวลา
    ส่วนเรื่องการทำบุญนั้น ม.ล.ชัยวัฒน์ บอกว่า ปัจจุบันไม่ค่อยได้ทำบุญกับวัดมากนัก เนื่องจากเห็นว่า ชาวพุทธส่วนใหญ่ต่างได้เข้าไปช่วยกันทำบุญให้วัด หรือบูรณะวัดกันมากแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงได้หันมาช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสทางสังคม โดยตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ รายได้จากงานเขียนหนังสือ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ได้นำมอบให้กับ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ เพราะมีความรู้สึกว่า เรามีเราก็ควรต้องตอบแทนสังคม
    การทำบุญให้กับมูลนิธิที่มีคนด้อยโอกาสทางสังคมอยู่มากนั้น ก็เป็นการช่วยเหลือให้เขาอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นกำลังที่จะต่อสู้ชีวิตกันต่อไป
    "ผมคิดว่า การบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเหล่านี้ถือว่า เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง เราเป็นผู้ให้ วันหนึ่งคนเหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตัวเอง ก็เชื่อว่า วันหนึ่งเขาก็จะเป็นผู้ให้เช่นเดียวกับเรา แล้วจริงๆ ผมก็เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อหลายท่าน จึงได้นำมาปรับใช้กับการบริหารงาน คือต้องให้ความยุติธรรม ให้รู้ว่า อยู่บนโลกนี้แบบธรรมดา ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำง่ายๆ ชีวิตก็มีความสุขแล้ว" ม.ล.ชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย 0 เรื่อง / ภาพ สุทธิคุณ กองทอง 0

    -->[​IMG]
    ม.ล.ชัยวัฒน์ ชยางกูร ประธานบริหารบริษัท C.E. Enterprise Consulting Co.,Ltd ในแวดวงธุรกิจชื่อนี้น้อยคนที่ไม่รู้จัก เนื่องจากได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาธุรกิจทางด้านการขายและการตลาด และที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจ E-Commerce ในหลายบริษัท
    จึงถือเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จในระดับแถวหน้าของประเทศ มีรางวัลการันตีความเป็นหนึ่งมากมาย อาทิ รางวัลนักธุรกิจดีเด่น จาก Promotion Headway Business ในปี ๒๕๓๘ รางวัลบุคคลแห่งความสำเร็จ จาก มูลนิธิเพื่อสังคมไทย ในปี ๒๕๔๐
    นอกจากการเป็นนักธุรกิจแล้ว ม.ล.ชัยวัฒน์ ยังมีผลงานเขียนอีกหลายเล่ม อาทิ นวตกรรมสู่วิสัยทัศน์ : การบริหารธุรกิจ นวตกรรมสู่วิสัยทัศน์ :ทุนมนุษย์ และล่าสุดได้เขียนหนังสือ จอมยุทธ์การตลาด ให้กับนักบริหารรุ่นใหม่ได้ศึกษา ที่จะนำไปปรับใช้กับการบริหารงาน
    แม้ว่าจะใช้กลยุทธทุกๆ ด้านในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ ม.ล.ชัยวัฒน์ บอกว่า มีความสำคัญไม่น้อยยิ่งกว่ากัน คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ความเคารพนั่นเอง โดยส่วนตัวเป็นคนเชื่อในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ความเคารพ เนื่องจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สอนให้เชื่อในตัวเอง เชื่อในสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังให้ในเรื่องของปาฏิหาริย์กับชีวิตที่ผ่านมาด้วย
    ประกอบเราเป็นชาวพุทธ ก็พยายามรักษาศีล ๕ ในฐานะเป็นชาวพุทธที่ดี แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายสอนให้เรารู้ว่า ถ้าทำดีย่อมได้ดี แล้วให้ทุกคนทำแต่ความดี เช่นเดียวกับกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ไม่ดี วันหนึ่งสิ่งไม่ดีก็จะตอบสนองในที่สุด
    ตลอดระยะที่ผ่านมา จะเป็นคนแขวนเหรียญ เสด็จพ่อ ร.๕ ติดตัวเป็นประจำ เรียกได้ว่าองค์ท่านทรงมีอิทธิพลต่อตนเองอย่างมาก ชีวิตหลายครั้งที่มีประสบการณ์กับเสด็จพ่อ ร.๕ มาก็หลายครั้ง เสมือนเป็นที่สร้างความบันดาลใจหลายอย่างให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมไปถึงเรื่องอภินิหารอีกหลายอย่าง ที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับองค์ท่าน ระหว่างที่ตนเองยังเชื่อหรือไม่เชื่ออยู่นั้น ได้มีการเอ่ยถึงท่านว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีจริง ขอให้ท่านแสดงออกมา แล้วท่านก็แสดงให้เห็น แต่ตรงนี้ไม่สามารถเปิดเผยให้ทุกคนรับรู้ได้
    "จริงๆ ผมเคยขอพรจากองค์เสด็จพ่อ ร.๕ อยู่เหมือนกัน แต่การขอพรนั้นเราเองจะต้องทำความดี ท่านถึงจะให้อะไรเราในการตอบแทนความดีที่เราทำ เช่น เราขยัน มีความมุ่งมั่นเราจะต้องประสบความสำเร็จเป็นสูตรของมันอยู่แล้ว ถ้าเราทำดีก็ต้องได้ความดีตอบแทน มาวันนี้ผมจึงเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง บางคนที่ไม่เชื่อก็แล้วแต่ว่า จะเคยเจอหรือไม่เจอ ผมเชื่อเพราะว่าผมได้ประสบมากับตัวเองแล้ว แต่บอกไม่ได้ว่า พรที่ขอนั้นคืออะไร คนที่เคยมีประสบการณ์แบบผมก็คงมีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน" นี่คือวิธีการขอพรของ ม.ล.ชัยวัฒน์
    พร้อมกันนี้ เขาได้เล่าอดีตให้ฟังว่า ท่านพ่อ (ม.ร.ว.ทวีชัย ชยางกูร) เป็นทหารที่เข้มงวดกับระเบียบวินัยอย่างมาก ทำให้ในสมัยเป็นเด็กต้องทำตามกฎเหล็ก อยู่ในกรอบของพ่อตลอดเวลา ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ที่ได้ไปเที่ยวเล่นกัน เช่น กิจวัตรก่อนนอนทุกคืน จะต้องสวดมนต์ คืนละครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่สองทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง ทำแบบนี้มาจนโต จนวันนี้ก็ยังคงสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนทุกคืน
    ตรงนี้คิดว่า การสวดมนต์ทำให้จิตใจเราสงบ มีสมาธิแล้ว ยังสอนให้เชื่อในสิ่งที่ส่งเสริมเรา สิ่งสำคัญผลดีที่ได้จากการสวดมนต์ตั้งแต่เด็กนั้น ยังทำให้เรากลายเป็นคนที่มีระเบียบวินัยและเป็นคนตรงต่อเวลา
    ส่วนเรื่องการทำบุญนั้น ม.ล.ชัยวัฒน์ บอกว่า ปัจจุบันไม่ค่อยได้ทำบุญกับวัดมากนัก เนื่องจากเห็นว่า ชาวพุทธส่วนใหญ่ต่างได้เข้าไปช่วยกันทำบุญให้วัด หรือบูรณะวัดกันมากแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงได้หันมาช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสทางสังคม โดยตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ รายได้จากงานเขียนหนังสือ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ได้นำมอบให้กับ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ เพราะมีความรู้สึกว่า เรามีเราก็ควรต้องตอบแทนสังคม
    การทำบุญให้กับมูลนิธิที่มีคนด้อยโอกาสทางสังคมอยู่มากนั้น ก็เป็นการช่วยเหลือให้เขาอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นกำลังที่จะต่อสู้ชีวิตกันต่อไป
    "ผมคิดว่า การบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเหล่านี้ถือว่า เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง เราเป็นผู้ให้ วันหนึ่งคนเหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตัวเอง ก็เชื่อว่า วันหนึ่งเขาก็จะเป็นผู้ให้เช่นเดียวกับเรา แล้วจริงๆ ผมก็เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อหลายท่าน จึงได้นำมาปรับใช้กับการบริหารงาน คือต้องให้ความยุติธรรม ให้รู้ว่า อยู่บนโลกนี้แบบธรรมดา ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำง่ายๆ ชีวิตก็มีความสุขแล้ว" ม.ล.ชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย 0 เรื่อง / ภาพ สุทธิคุณ กองทอง 0
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มา: คมชัดลึก
    http://www.komchadluek.net/2006/10/01/j001_51861.php?news_id=51861
     

แชร์หน้านี้

Loading...