เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 สิงหาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,262
    ค่าพลัง:
    +25,980
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,262
    ค่าพลัง:
    +25,980
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อาตมภาพในนามคณะศิษย์วัดท่าขนุน ขอถวายพระพร..ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    สำหรับเมื่อคืนที่ผ่านมา ญาติโยมทางบ้านอาจจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับทางวัดท่าขนุน แต่พระภิกษุสามเณร แม่ชี ฆราวาส ตื่นเต้นกับงูจงอางที่เลื้อยมาศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย แล้วก็ทำอะไรแบบฉลาด ๆ ด้วยการไปส่องไฟไล่งู ซึ่งช่วยอะไรไม่ได้ งูจงอางเป็นงูที่กินงูด้วยกันเป็นอาหาร ถ้าไม่มีงูก็จะกินพวกคางคกหรือตุ๊กแก ซึ่งตำราจีนบอกว่าเป็นการใช้ "พิษสร้างพิษ" จึงต้องกินสัตว์มีพิษเข้าไป

    คราวนี้พระเณรของเราเอะอะกันอยู่พักใหญ่ จนอาตมภาพรำคาญใจ จึงต้องออกไปจับให้ดู จากที่ญาติโยมหลายท่านอาจจะเคยอ่านเรื่องราวที่อาตมภาพเล่าเอาไว้ว่า จับงูจงอางบ้าง งูพิษอื่น ๆ บ้าง พระเณรของเราหลายรูปที่อยู่ไม่ทันรุ่นนั้นก็ไม่เคยเห็น งวดนี้จึงได้เห็นคาตา..!

    การที่เราจะจับงูหรือสัตว์อื่นใดก็ตาม อันดับแรกเลย...ต้องมีความเข้าใจในสัญชาตญาณของสัตว์เสียก่อน สัตว์นั้นจะทำอันตรายเราด้วยสาเหตุ ๒ ประการ ประการแรกคือเรากลัวเขา สัตว์นั้นก็จะขับไล่เราออกไปจากเขตหากินของเขา เพื่อที่จะได้ไม่ไปแย่งทรัพยากร โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยดำรงชีวิตของเขา ประการที่สองคือเขากลัวเรา ก็จะทำร้ายเรา เพื่อเป็นการป้องกันตัว


    คราวนี้ถ้าเราเข้าหาสัตว์เหล่านั้น โดยที่ไม่คิดร้ายต่อเขาและไม่กลัวเขา สัตว์เหล่านั้นจะทำอะไรไม่ถูก ซึ่งถ้าหากว่าเป็นนักปฏิบัติจะบอกว่า สัตว์สามารถรับรู้ถึงสภาพจิตของเราว่าไม่มีอันตรายกับเขา แต่ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์ จะบอกว่าในแต่ละอารมณ์ ร่างกายของเราหลั่งสารเคมีออกมาไม่เหมือนกัน สัตว์จะสัมผัสได้ว่า สารเคมีชนิดนี้เป็นอันตรายต่อเขาหรือเปล่า
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,262
    ค่าพลัง:
    +25,980
    ประการต่อไป ในเรื่องของการจับสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้นั้น ที่อาตมภาพสามารถทำได้ ขณะที่หลายท่านทำไม่ได้ ต้องบอกว่าเกิดจากสาเหตุหลายประการด้วยกัน

    ประการแรกก็คือ มั่นใจว่าตนเองรับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว และทดสอบกับงูพิษหลายชนิดมาแล้วว่า โดนกัดแล้วไม่เป็นอะไรจริง ๆ คำว่า "ไม่เป็นอะไร" ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าไม่เจ็บ...เจ็บปวดเป็นปกติ ปวดชนิดหูดับ..! ใครที่เคยโดนตะขาบกัดปวดขนาดไหน ? โดนแมงป่องต่อยปวดขนาดไหน ? ถ้าโดนงูพิษกัดก็คูณสิบเข้าไปได้เลย..! เพราะว่างูมีพิษมากกว่า ตรงจุดนี้ทำให้เกิดความมั่นใจว่า มีของดีคุ้มตัวได้ ถึงโดนกัดก็ไม่ตาย..!!


    ประการที่สองก็คือ ด้วยความที่แผ่เมตตาเป็นปกติ มั่นใจว่าสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้สามารถรับกระแสนี้ได้ เมื่อเขารับรู้ถึงกระแสนี้ว่าเราไม่มีอันตราย ในความรู้สึกของเขา ก็เหมือนกับกำลังเลื้อยผ่านต้นไม้ ผ่านก้อนหินอะไรตามปกติ


    ดังที่ท่านทั้งหลายเห็นแล้วว่า พองูเลื้อยขึ้นแขน ขึ้นหัว ขึ้นหู เขาก็เลื้อยเหมือนกับเลื้อยขึ้นต้นไม้ เพียงแต่พวกเราทำใจกันไม่ได้ พระเณรหลายรูปสยองขวัญแทน ถึงขนาดอุทานก็มี ประเภทใจเต้นระทึกจะหลุดจากอกก็มี ถ้าลักษณะอย่างนั้นไปลองจับงูพิษก็ตายเปล่า..! ยิ่งถ้าไปจินตนาการเพิ่มว่างูจงอางกัด มีเวลาประมาณ ๑๐ นาที ถ้ารักษาไม่ทัน...ตายแน่..! ก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ก็เลยมาเข้ากับสาเหตุสุดท้าย ก็คือ กระผม/อาตมภาพ เลิกกลัวตายมาหลายปีแล้ว


    สมัยที่อยู่วัดท่าซุง อาตมภาพพยายามพิจารณาว่า ความกลัวเกิดจากอะไร ? พิจารณาอยู่เป็นปี ๆ ท้ายสุดสรุปได้ว่า ความกลัวทั้งหมดเกิดจากความกลัวตายเท่านั้น


    กลัวเสือกัด เสือกัดแล้วเป็นอย่างไร ? ตาย
    กลัวงูกัด งูกัดแล้วเป็นอย่างไร ? ตาย
    กลัวผีหลอก เดี๋ยวผีมาบีบคอเรา ? ตาย
    กลัวจิ้งจก จิ้งจกกระโดดใส่ ขยะแขยงจนขาดใจตาย
    สรุปแล้วทุกอย่างลงตรงตายทั้งหมด
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,262
    ค่าพลัง:
    +25,980
    ในเมื่อเห็นชัดเจน ก็เลยเข้าใจสภาพจิตที่แท้จริงว่า ถ้าเรายังปรุงแต่งอยู่ เราจะกลัว จึงต้องหยุดการปรุงแต่ง ก็คือไม่เห็นเขาเป็นงูจงอาง แต่ว่าเห็นเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยเฉพาะเขาทุกข์เพราะหิว ออกมาหากินตั้งแต่หัวค่ำ แสดงว่าหิวไส้ขาดแล้ว แต่พวกท่านกลับจะไปจินตนาการต่อว่า งูออกหากินหัวค่ำ สะสมพิษมาเต็มที่ โดนกัดเมื่อไร อาการจะหนักกว่าเวลาใกล้รุ่งหรือสว่าง ก็ยิ่งกลัวเข้าไปอีก..!

    ประการที่สองก็คือ อย่าไปปรุงแต่งถึงความเป็นงูของเขา สักแต่ว่าเห็นเป็นรูป สักแต่ว่าเห็นเป็นธาตุ ก็สามารถจับได้ ต้องได้ สัมผัสได้ โดยไม่มีความกลัว ในเมื่อเราเห็นเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย สักแต่ว่าเป็นธาตุ ๔ เหมือนกัน งูกับท่อนไม้หรือก้อนหินเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..เราหยิบท่อนไม้ท่อนหนึ่งหรือก้อนหินก้อนหนึ่ง โดยไม่มีความกลัวแบบไหน จับงูพิษก็แบบเดียวกัน เพียงแต่ว่ากำลังใจของเราต้องมั่นคงจริง ๆ


    คราวนี้ในส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราปลอดภัย ก็คือตัวเมตตาบารมี ที่เวลาเจริญกรรมฐานทีไร กระผม/อาตมภาพจะนำท่านทั้งหลาย เน้นในเรื่องของการแผ่เมตตา เพราะว่าเมตตาเป็นกรรมฐานที่สำคัญมาก ช่วยให้สภาพจิตของเราชุ่มชื่น เยือกเย็น ไม่เบื่อหน่าย ไม่แห้งแล้งในการปฏิบัติ


    แล้วเมื่อเราแผ่เมตตาออกไป ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ จะเป็นผี เป็นเทวดาภพไหนภูมิไหน สัมผัสถึงความหวังดีปรารถนาดีของเรา เขาก็รับรู้ได้ โดยเฉพาะก็จะงดเว้นการเบียดเบียนเรา

    แต่คราวนี้ท่านที่ทำไม่ถึงจะทำอย่างไร ? เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เล็ก เดี๋ยวคนเขาบอกว่าช่วยไปจับงูให้ดูหน่อย ตรงนี้สามารถใช้คาถาได้ครับ คาถาแต่ละบท ถ้าทำถึงระดับอุปจารสมาธิ ผลก็เกิดแล้ว
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,262
    ค่าพลัง:
    +25,980
    คาถาบทนี้เรียกว่า คาถาเมตตา หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค บูรพาจารย์ของเรา เรียนมาจากหลวงปู่แช่ม วัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต ตอนที่ท่านธุดงค์ลงไปปักษ์ใต้ จนกลายเป็นสหธรรมิกกึ่ง ๆ ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง

    ถ้าใครเคยไปวัดบางนมโค จะเห็นว่ามีรูปปั้นหลวงปู่แช่ม วัดฉลองอยู่ด้วย ก็คือหลวงปู่ปานท่านทำรูปไว้เพื่อบูชาครูอาจารย์ หลายท่านก็คงไปปิดทองรูปปั้นหลวงปู่แช่ม วัดฉลอง ที่วัดบางนมโคมาแล้ว แล้วก็ไม่ได้สงสัยว่าทำไมรูปปั้นหลวงปู่แช่ม วัดฉลอง ถึงได้มาอยู่ที่วัดบางนมโค ??

    คาถาหลวงปู่แช่มว่า พระอะระหัง สุคะโต ภะคะวา นะ เมตตาจิต
    ภาวนาจนกำลังใจนิ่ง เลิกปรุงเลิกแต่ง แล้วก็ลองไปจับงูเล่นดู ถ้าเป่ายันต์เกราะเพชรไปก่อน ก็พอที่ประกันได้ว่าไม่ตาย..! ถ้ายังไม่เคยรับยันต์เกราะเพชรไป ก็ตั้งใจเอาไว้แล้วกันว่า นิพพานัง สุขัง..!

    ของพวกนี้ต้องทดสอบ ถึงจะได้รู้ว่าเราทำได้จริงหรือเปล่า ? แต่ว่าอย่าบ้าถึงขนาดผม เพราะว่าตัวกระผม/อาตมภาพทดสอบครั้งแรก ก็จับงูเขียวหางไหม้ตัวเบ้อเริ่มเลย..!

    คราวนี้การที่เราภาวนาคาถา ผลมีน้อยกว่าการแผ่เมตตา เพราะว่าการแผ่เมตตานั้น ต้องออกจากใจของเราอย่างแท้จริง ไม่ได้ใช้กำลังสมาธิคุมไว้แบบเดียวกับคาถา เรื่องของคาถา ถ้ากำลังสมาธิตก คาถาก็เสื่อม

    ดังนั้น...ท่านทั้งหลายต้องรักษากำลังใจให้มั่นคง และพยายามแผ่เมตตาให้เคยชิน โดยเฉพาะตัดความกลัวออกจากใจให้ได้ เห็นสัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน ถ้าทำได้อย่างนั้น ต่อให้เข้าป่าเจอสัตว์..สัตว์ก็ไม่หนี
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,262
    ค่าพลัง:
    +25,980
    กระผม/อาตมภาพเดินไปเจอวัวในป่าทั้งฝูง พวกเขายืนมองเฉย ๆ พอเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือให้ ตัวแรกเดินมาดมแล้วก็ร้องบอกเพื่อน เหมือนจะบอกว่า "ปลอดภัย ไม่เป็นอะไร" พอเดินผ่านไป ตัวอื่นก็เดินมาดมต่อ ดมกันทุกตัวจนครบทั้งฝูง แล้วก็ต่างคนต่างไป

    หรือไม่ก็สมัยที่มาบิณฑบาตที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ต้องเดินขึ้นเขาไป ๕ กิโลเมตรกว่า ไปกลับก็ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ระหว่างเดินบิณฑบาต เก้งแม่ลูกอ่อนเดินตามมาเป็นกิโล ๆ คงเห็นว่าไม่มีอันตรายกับเขา แล้วก็จะได้เป็นเพื่อนร่วมทางกัน

    เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายต้องการ มีวิธีบังคับตัวเองก็คือ ถ้าไม่ไปภาวนาในป่าช้า ก็ต้องออกธุดงค์ และให้ไปในป่าที่ค่อนข้างจะดุ จะช่วยกำลังใจเราได้เยอะมาก แต่อาจจะข้ามขั้นตอนไปเลย เหมือนที่กระผม/อาตมภาพตั้งใจออกธุดงค์ครั้งแรก ว่าจะไปหาตัวเมตตาบารมี ปรากฏว่าเลือกป่าที่ดุเกินไป ก็เลยกลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ เหลือแต่คำว่า "ตายแน่..! ตายแน่..!" คำเดียว

    ที่เล่าให้ฟัง อันดับแรกก็คือ เพื่อเป็นแนวทางว่าพระภิกษุ สามเณร แม่ชี หรือฆราวาสของเรา ถ้าตั้งใจจะฝึกฝน ก็ให้ฝึกตามนี้ และขณะเดียวกันก็เป็นตัวอย่างที่เห็นอย่างชัดเจน แต่เสียว่าท่านทั้งหลายตื่นเต้นเกินไป ไม่มีใครถ่ายคลิปหรือถ่ายรูปเอาไว้ดู ก็เลยกลายเป็นหลักฐานที่ตาเห็นแล้วเล่าต่อ โดยไม่มีรูปเป็นหลักฐานตอนที่ครูบาอาจารย์กำลังจับงูจงอางให้ดู แต่ไม่ต้องเสียดาย โอกาสหน้ามีจะจับให้ดูใหม่ ถ้าเป็นตัวใหญ่กว่านี้ ก็จะได้ตื่นเต้นมากกว่านี้...!

    รบกวนเวลาพวกเรามากแล้ว ก็ขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,262
    ค่าพลัง:
    +25,980
    S-8028164.jpg
    S-8028167.jpg
    S-8028174.jpg
    S-8028177.jpg
    รับชมบรรยากาศเพิ่มเติมได้ที่

    ขอบพระคุณคลิปบรรยากาศ จากหลวงตาตั้ม (พระวัดท่าขนุน)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...