เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 กรกฎาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,722
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,268
    ค่าพลัง:
    +25,987
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,722
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,268
    ค่าพลัง:
    +25,987
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ก่อนอื่นก็ต้องแสดงความยินดีกับหลวงตาวัชรชัย ที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระราชภาวนาพัชรญาณ วิปัสสนาวิธานธุราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี ต้องบอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ที่เกิดจากโบสถ์วัดท่าซุงรูปแรกที่ได้เป็นพระราชาคณะ เพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล วิ.) ท่านบวชมาจากที่อื่น แล้วหลวงพ่อพระครูสุรินทร์ส่งมาจำพรรษาและช่วยงานหลวงพ่อวัดท่าซุง

    ส่วนวันนี้ กระผม/อาตมภาพไปประชุม ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ก็คือเป็นการประชุมสัมมนาในโครงการขยายช่องทางการจราจรถนนสาย ๓๒๓ ช่วงอำเภอทองผาภูมิ-สังขละบุรี เป็น ๔ ช่องทางการจราจร ต้นทางก็คือบ้านท่าขนุน ปลายทางก็คือสะพานรันตี ซึ่งตรงจุดนี้เมื่อฟังทางผู้รับผิดชอบได้แจ้งเหตุผลและเนื้อหาต่าง ๆ คร่าว ๆ แล้ว ก็ได้ทำหน้าที่ของผู้เข้าร่วมประชุม ด้วยการให้คำแนะนำไปหลายอย่างด้วยกัน

    ประการแรกเลยก็คือ ทางผู้รับผิดชอบโครงการมาเก็บข้อมูลการจราจรช่วงระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งอาตมภาพยืนยันว่าเป็นการเก็บข้อมูลที่ผิดพลาด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์..! เพราะว่าเป็นช่วงที่ไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาด การจราจรลดน้อยถอยลงไปมหาศาล แล้วทางโครงการยังต้องทำเผื่ออีก ๒๐ ปีข้างหน้า ซึ่งถ้าหากว่าตัวเลขผิดขนาดนี้ ก็ลำบากแน่ จึงแจ้งเขาไปว่าอย่างน้อยต้องคูณด้วย ๑๐ ถึงจะเป็นจำนวนจราจรที่เคยใช้งานจริง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,722
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,268
    ค่าพลัง:
    +25,987
    ประการที่สอง การทำโครงการไม่ครอบคลุมพอ ก็คือทำแค่สามแยกทองผาภูมิไปถึงแค่จุดพักรถสะพานรันตี ระยะทาง ๖๔ กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือเนินช้างร้อง ซึ่งเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก

    และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเนินช้างร้องก็คือ เวลาวันหยุดหรือวันนักขัตฤกษ์ รถจำนวนมหาศาลจะต้องวิ่งไปวัดหลวงพ่ออุตตะมะ ถ้าหากว่าด้านหน้าเป็น ๒๒ ล้อสักคันหนึ่ง รถข้างหลังก็ติดยาวหลายกิโลเมตร เพราะว่าเป็นการจราจรที่ขึ้น ๑ ช่องทาง ลง ๑ ช่องทางเท่านั้น

    ถ้าจะทำเพื่อการขนส่งหรือว่าการท่องเที่ยว ทางด้านสายตรงควรจะทำให้ถึงวัดหลวงพ่ออุตตะมะ ทางด้านข้างก็คือทำไปถึงด่านพระเจดีย์สามองค์ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องเสียเวลามาศึกษาอีกกัน ๑ รอบ ซึ่งจะเป็นการผลาญงบประมาณเสียเปล่า ๆ หรือว่าเขาตั้งใจเช่นนั้นก็ไม่รู้ ? เพราะว่าส่วนที่สำคัญที่สุดที่ชาวบ้านเดือดร้อนกันอยู่ กลับทำโครงการไปไม่ถึง

    ข้อต่อไปที่ได้ให้คำแนะนำไปก็คือ เส้นทางช่วงตั้งแต่น้ำตกเกริงกระเวียไปจนถึงเนินช้างร้อง มีดินสไลด์เป็นประจำทุกปี ซึ่งบางทีก็ลงมาปิดกั้นการจราจรไปทั้งเส้นทางเลย ต้องเสียเวลาหลาย ๆ วันเพื่อมานำออกกัน

    ประการต่อไปก็คือ ช่วงหน้าฝนลำห้วยอู่ล่องรองรับน้ำไม่ไหว จะมีน้ำล้นผ่านถนนช่วงบ้านวังเกียงอยู่เสมอ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เขาไม่สามารถที่จะมีได้ ถ้าไม่เข้ามาประชุมชาวบ้านในพื้นที่

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ อาตมาได้ขอทางเขาว่า โครงการของคุณเป็นโครงการขยายช่องทางการจราจรเป็น ๔ ช่องทาง แต่จากการที่คุณบรรยายมา บอกว่าขยายแค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งตรงนี้อาตมาก็เข้าใจ เพราะว่าบางช่วงนั้นเป็นถนนเลียบขอบเหว ถ้าต้องขยายเป็น ๔ ช่องทางนี่ลำบากหนักหนาสาหัส และต้องใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว

    แต่จากสามแยกทองผาภูมิผ่านหน้าวัดท่าขนุน ไปจนถึงหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลท่าขนุน เป็นส่วนที่เป็นหน้าเป็นตาของถนนสายนี้ ขอให้ทำช่วงนี้ให้เป็น ๔ ช่องทาง ถ้าหากว่าติดขัดด้วยอะไร ทางด้านหน้าวัด อาตมภาพพร้อมที่จะทุบ จะรื้อ จะทำใหม่ให้..!

    ทางด้านผู้จัดการโครงการยืนยันว่า ตรงจุดนี้เขามีโครงการที่จะขยายเป็น ๔ ช่องทางอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นโชคดีของวัดท่าขนุน เพราะว่าไม่อย่างนั้นก็ต้องมาระแวงว่าเมื่อไรเขาจะขยายถนน แล้วมากระทบกับทางวัดอีก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,722
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,268
    ค่าพลัง:
    +25,987
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนหนึ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเกิดผลกระทบแน่นอน อย่างที่อาทิตย์ก่อนที่เขามาขอติดตั้งเครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนที่พระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ของวัดท่าขนุน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตรงนี้ไม่ใช่แค่มลพิษทางเสียง และฝุ่นควันจากการก่อสร้างเท่านั้น ยังมีผลกระทบต่อแหล่งน้ำ ป่าไม้ สัตว์ป่า และประชาชนตลอดเส้นทาง

    ยังโชคดีที่ฝ่ายวิศวกรออกแบบบอกว่า ได้คำนึงเผื่อถึงรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่ยังมีพลังอยู่ ถ้าเขาไม่ได้พูดถึงตรงนี้ ก็จะบอกกับเขาเหมือนกันว่า ไม่ว่ารอยเลื่อนเหมืองสองท่อ หรือว่ารอยเลื่อนด่านพระเจดีย์สามองค์ ต้องมีผลกระทบต่อการออกแบบแน่นอน จะต้องออกแบบเผื่อเอาไว้ด้วย

    ตรงจุดนี้ พวกเราทั้งหลาย ถ้าหากว่าได้เข้าไปร่วมอยู่ในลักษณะของประชาพิจารณ์ หรือว่าในส่วนของการประชุมสัมมนาก็ตาม จำไว้เลยว่า ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือสติสัมปชัญญะ ถ้าขาดสติเมื่อไร เราจะโดนเขาลากไปตามเกมทันที


    อย่างเช่นอาตมภาพ เคยไปฟังเขื่อนแห่งหนึ่งบอกว่า ตนเองกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นมา ๔,๐๐๐ ล้านบาทเพื่อสร้างเขื่อน เพราะว่าต้องการที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตร ๒ ล้าน ๕ แสนไร่ทางด้านล่าง กระผม/อาตมภาพยกมือขัดคอเดี๋ยวนั้นเลย บอกว่า


    "คุณไม่จริงใจแล้วแบบนี้ การกู้เงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท ดอกเบี้ยปีละเท่าไร ? เงินต้นต้องคืนปีละเท่าไร ? สิ่งเดียวที่คุณจะคืนเขาได้คือต้องขายไฟ..! เพราะฉะนั้น..การที่คุณยกเอาประโยชน์ต่อการเกษตร ๒ ล้าน ๕ แสนไร่มา นั่นเป็นการบังหน้า แต่เจตนาคือคุณจะขายไฟ อาตมาไม่ได้กินหญ้า เพราะฉะนั้น..ช่วยเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ด้วย..!"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,722
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,268
    ค่าพลัง:
    +25,987
    แต่ว่าในเรื่องพวกนี้ บางทีถ้าหากว่าเรารู้มากไป ก็ไม่เป็นที่ชอบใจของคนอื่น แต่ขอยืนยันกับท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณรหรือฆราวาสก็ตาม

    ถ้าหากว่าเราฟังด้วยสติสัมปชัญญะที่มั่นคง การแยกแยะเนื้อเรื่องและเหตุผลจะเร็วมาก ท่านที่ทำไม่ถึงตรงนี้ก็ยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้าถึงเมื่อไร จะเห็นว่านอกจากประโยชน์ทางธรรม ซึ่งเราต้องการความรู้เท่าทัน รัก โลภ โกรธ หลง แล้ว ประโยชน์ทางโลกคือ ช่วยให้เรารู้เท่าทันเรื่องราวต่าง ๆ และมีการตัดสินใจที่เร็วขึ้นมาก ซึ่งเป็นของแถมที่ควรจะมีด้วย เพราะถ้าหากว่าการฝึกปฏิบัติธรรมของเราไม่สามารถใช้งานในทางโลกได้ ก็ถือว่าไม่สมบูรณ์


    ดังนั้น...ถ้าหากว่าพวกเราเป็นผู้ที่มี สติ สมาธิและปัญญา ที่มั่นคง แหลมคม ว่องไว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือว่าทางธรรม เราสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะประโยชน์ที่เราพึงหวัง ก็คือการที่สามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน

    เรื่องราววันนี้ แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับในพื้นที่ ก็คือทางวัดท่าขนุนก็ตาม แต่ว่าหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เราจะใช้ในการพินิจพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็ดี ในการที่จะใช้ สติ สมาธิ ปัญญา ในการระงับยับยั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ตลอดจนกระทั่ง ลด ละ เลิก จากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำไปใช้งานจริงได้ในชีวิตประจำวัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ถือว่าเราทั้งหลายปฏิบัติธรรมแล้วก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง


    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งเจริญพรบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลาย ทั้งที่นี่และที่บ้านไว้แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...