เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 กันยายน 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,703
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,263
    ค่าพลัง:
    +25,984
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,703
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,263
    ค่าพลัง:
    +25,984
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ขอแจ้งให้กับญาติโยมที่ฟังอยู่ทางบ้าน ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศว่า อาตมภาพมีงานข้างนอกหลายวันติดกัน เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอาจจะหายไป

    แต่ว่าตอนนี้กำลังให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการบันทึกเสียงสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบของอาตมภาพ ถ้าเสร็จทันคืนนี้ ก็ให้เขาโหลดขึ้นยูทูบในวันที่ ๙ เดือน ๙ พอดี ช่วงที่อาตมภาพไม่อยู่ ญาติโยมทั้งหลายก็สวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบไปพลาง ๆ ก่อน แล้วกรุณาอย่าลืมกดไลค์ให้ด้วย ซึ่งเท่ากับเป็นการทำบุญ เนื่องจากว่า ๑,๐๐๐ ไลค์ได้เงินประมาณ ๕ ดอลลาร์

    สำหรับเรื่องนี้ ต้องบอกว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องของโลก เราปฏิเสธความเจริญของโลกไม่ได้ แต่ต้องอยู่อย่างมีสติ อย่าให้เทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา แต่ให้เป็นเครื่องหนุนเสริมในการประพฤติปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราให้ก้าวหน้าขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีการใช้ผิด ๆ อย่างที่ทุกท่านได้เห็นกันอยู่

    ระยะนี้ต้องบอกว่า เป็นระยะที่คนเราพยายามจะทำความผิดให้ถูก โดยที่อ้างว่าไม่เป็นไรบ้าง มีคนชื่นชมมากกว่าตำหนิบ้าง ถ้าลักษณะอย่างนี้ แสดงว่าสภาพจิตใจของผู้ทำนั้นหยาบมาก ไม่เห็นโทษในการกระทำของตนเองยังไม่พอ ยังไม่เห็นด้วยว่าสิ่งที่ตนเองกระทำนั้น ทำลายพระพุทธศาสนาอย่างไรอีกด้วย..!

    ท่านทั้งหลายลองนึกถึงว่า ระยะนี้มีพระภิกษุสามเณรขับรถด้วยตนเองมากขึ้น แม้ว่าทางมหาเถรสมาคมจะมีคำสั่งห้ามออกมาแล้วก็ตาม ก็อ้างถึงความจำเป็น ซึ่งตรงจุดนี้ ถ้าหากว่านับในช่วงที่อาตมภาพยังเด็กอยู่ หลวงพ่ออินทร์ วัดสระพัง ซึ่งถือว่าเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด โดยเฉพาะ "บ้านสระ" ต้องบอกว่าเป็นถิ่นหากินของโยมแม่ของอาตมภาพเอง

    หลวงพ่ออินทร์ท่านปฏิบัติตนเคร่งครัดในพระวินัยมาก ถ้ามีกิจนิมนต์ในที่ไกล ๆ ซึ่งเจ้าภาพเกรงว่าท่านอาจจะเดินไปไม่ทัน ก็เอารถมอเตอร์ไซค์มารับบ้าง เอาม้ามารับบ้าง เอาเกวียนมารับบ้าง ท่านก็จะจดจำไว้ว่าไปไกลเท่าไร เมื่อกลับวัดมา ท่านจะมาเดินจงกรมใช้หนี้..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,703
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,263
    ค่าพลัง:
    +25,984
    กระผม/อาตมภาพจดจำได้อย่างชัดเจน เพราะว่าท่านให้พวกเราช่วยกันทำทางเดินจงกรมยาว ๒๕ วา ก็คือ ๕๐ เมตร เดินไปกลับได้ ๑๐๐ เมตร ไปกลับ ๑๐ เที่ยวได้ ๑ กิโลเมตรตายตัว แล้วหลักการสร้างทางจงกรม ท่านก็บอกไว้ชัดเจนว่า ทำได้แค่ ๓ แนวเท่านั้น ก็คือแนวเหนือใต้ แนวตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ แนวตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ จะไม่มีแนวตรง ตะวันออกตะวันตก มารู้เหตุผลทีหลังว่าแนวตรงตะวันออกตะวันตก ถ้าเราเดินจงกรม ไม่ว่าช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย แสงแดดจะส่องหน้าพอดี

    เราลองมานึกดูว่าครูบาอาจารย์สมัยก่อน เหตุที่ท่านมีชื่อเสียงเกียรติคุณเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ก็เพราะว่าท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ถ้าหากว่าดูรูปครูบาอาจารย์สมัยก่อน อย่างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมดคือความผอม เพราะว่าฉันมื้อเดียว ท่านทำเช่นนั้นเพราะว่าท่านเห็นคุณประโยชน์ ท่านทำเพราะท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย โดยเฉพาะเคร่งในธุดงควัตร ถือการฉันอาสนะเดียว ก็คือฉันมื้อเดียวเป็นวัตร

    ทำให้ท่านทั้งหลายกลายเป็นอมตะเถราจารย์ในความรู้สึกของชาวบ้าน ไม่ว่าจะมรณภาพไปแล้วเนิ่นนานเท่าไร ก็ยังระลึกถึงท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่เสมอ ท่านจะไม่อ้างว่าเป็นความต้องการของญาติโยม ท่านจะไม่อ้างว่าญาติโยมไม่ตำหนิ แล้วไปละเมิดพระธรรมวินัย

    มีรูปหนึ่งที่อยากจะยกตัวอย่างให้ชัด ๆ ก็คือหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ใครเห็นรูปถ่ายหลวงพ่อทองศุข จะเห็นว่าท่านหลับตาทุกรูป ครูบาอาจารย์อื่นจะมีการทอดสายตาลงต่ำ เป็นการแสดงออกซึ่งความสำรวม แต่หลวงพ่อทองศุขตัดปัญหา..หลับตาไปเลย เพราะฉะนั้น..ใครถ่ายรูปหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง จะได้แต่รูปหลับตาทั้งนั้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,703
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,263
    ค่าพลัง:
    +25,984
    ถ้าหากว่าพระเณรของเราที่ศึกษาในธรรมวิภาค จะมีในส่วนของอปัณณกปฏิปทา คือ การปฏิบัติอย่างไรที่จะไม่ผิดไปจากพระธรรมวินัย ก็ประกอบไปด้วยอินทรียสังวร การสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้เตลิดเปิดเปิงไปกับสิ่งเร้าต่าง ๆ พูดง่าย ๆ คือป้องกันการฟุ้งซ่านทุกกรณี

    ในส่วนของการสำรวมอินทรีย์แล้ว ยังมีโภชเนมัตตัญญุตา รู้จักประมาณในการบริโภค อย่างที่เราพิจารณากันอยู่ทุกวัน ก็คือต้องรู้จักฉันแต่พอยังสังขารนี้ไว้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น ไม่มีการกินล้นกินเกินเหมือนคนทั่วไป และชาคริยานุโยค การปฏิบัติธรรมของผู้ตื่นอยู่ ก็คือรักษาสติเอาไว้อยู่เสมอ โดยเฉพาะสติที่อยู่กับลมหายใจเข้าออก คืออานาปานสติ ไม่เห็นพระพุทธเจ้าท่านจะบอกให้ไปไลฟ์สดเฟซบุ๊กเฮฮากัน..!

    แต่ว่าหลายท่าน ทั้ง ๆ ที่เรียนมาสูงเสียเปล่า แต่กลับเอาตนเองเป็นสำคัญ ไม่เอาพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ จึงมีการกระทำที่อยู่ในลักษณะของการปรามาสพระรัตนตรัย โดยเฉพาะการที่บอกว่าแสดงธรรม แต่ไม่เห็นว่าเนื้อหาธรรมะที่ชัดเจนอยู่ตรงไหน มีแต่เฮฮากัน จนกระทั่งญาติโยมก็อาจจะลืมไปแล้ว
    ว่าข้อธรรมะนั้นอยู่ตรงไหน


    นี่คือสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันว่า มีผู้ที่พยายามจะทำสิ่งผิดให้เป็นถูก แล้วถ้านาน ๆ ไป ผิดจะกลายเป็นถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วพุทธศาสนานี้จะตั้งอยู่ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งอุบาสก อุบาสิกา คือญาติโยมทั้งหลายต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า สิ่งใดที่สมควร สิ่งใดไม่สมควร
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,703
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,263
    ค่าพลัง:
    +25,984
    อย่าลืมว่าในมหาปเทส ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีข้อตัดสินพระวินัยไว้ว่า สิ่งใดสมควร แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร จะไปอ้างว่าคนส่วนใหญ่พอใจ คนส่วนน้อยไม่พอใจก็ช่างมัน จะไปอ้างว่าคนอื่นอยากด่าว่าก็ปล่อยมันทุกข์ใจของมันไปเอง เราสบายใจก็แล้วกัน ถ้าลักษณะนั้นอาตมภาพตัดสินให้แทนว่า ท่านกำลังอ้างเพื่อหานรกใส่ตัว...!

    วันนี้จึงชี้แจงแสดงเหตุให้เห็นว่า แนวโน้มของพระพุทธศาสนาของเรานั้นเป็นอย่างไร พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายที่เป็นพุทธบริษัท ๔ เราจะดูแลปกป้องพระพุทธศาสนานี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะอาตมภาพมั่นใจว่าพระพุทธศาสนานี้เป็นของจริง เป็นของแท้ ทนทานต่อการพิสูจน์ ไม่มีสิ่งภายนอกใด ๆ มาทำลายได้ ยกเว้นสนิมเหล็กที่เกิดขึ้นภายในเอง ก็คือถูกทำลายโดยพุทธบริษัททั้ง ๔ ของเราที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเอง..!

    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...