เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖
ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 มีนาคม 2023.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางออกจากวัดท่าขนุนตั้งแต่ตี ๓ เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปร่วมทำวัตรเช้ากับบรรดาเจ้าคณะตำบล เลขานุการเจ้าคณะตำบล และพระวินยาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งเข้าโครงการอบรมเพิ่มศักยภาพอยู่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยมีพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ และพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ.๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ ทั้งสองท่านเป็นผู้นำทำวัตรทั้ง ๓ วันของการอบรม
เมื่อเดินทางไปถึงก็เห็นว่าพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. หรือที่พวกเราเรียกกันว่า หลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม ท่านกำลังนำทำวัตรสวดมนต์อยู่ ซึ่งการทำวัตรสวดมนต์นั้น ท่านก็ว่ายาวไปเป็นชั่วโมง ความจริงการทำวัตรสวดมนต์จะให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ถ้าไม่ใช่บุคคลที่มีความคล่องตัวในการทรงฌานทรงสมาบัติอยู่แล้ว ถ้าสวดมนต์ยาวสักหน่อยจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะว่าสามารถสร้างสมาธิให้เกิดได้ง่ายขึ้น การสวดมนต์สั้น ๆ บางทีท่านที่ไม่มีความคล่องตัวในเรื่องของสมาธิสมาบัติ ก็อาจจะยังไม่ได้อะไรเลย
เมื่อถึงเวลา ๗ โมงเช้า ก็มีการปล่อยให้ไปฉันเช้าเสียก่อน หลังจากนั้นแล้วก็รีบมาเข้าห้องอบรม เพื่อรับฟังการอบรมจากพระมหาเถระผู้มีประสบการณ์ในการปกครองมาก่อน ที่จะมาถ่ายทอดวิทยายุทธต่าง ๆ ให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมไปตามลำดับ ซึ่งเรื่องนี้นั้นต้องบอกว่า ถ้าไม่ใช่การลงทุนของทางคณะสงฆ์ภาค ๑๔ แล้ว ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่บรรดาเจ้าคณะตำบลต่าง ๆ นั้น จะได้รับฟังประสบการณ์และแนวทางการปกครอง จากบรรดาเจ้าคณะปกครองชั้นสูงแบบนี้
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เจ้าคณะปกครองระดับเจ้าคณะภาคก็ดี หรือว่ากรรมการมหาเถรสมาคมก็ตาม มีระยะห่างจากเจ้าคณะตำบลค่อนข้างมาก เพราะว่าจากเจ้าคณะตำบลขึ้นไปก็ยังเป็นเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าคณะภาค เป็นเจ้าคณะใหญ่ แล้วจึงเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
ในชั่วโมงแรกมีพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๗ เป็นผู้บรรยายในหัวข้อ "อำนาจและหน้าที่ของเจ้าคณะตำบล" เป็นการตอกย้ำให้ท่านที่ทราบแล้ว ได้มีความแม่นยำมากขึ้น ส่วนท่านที่เป็นเจ้าคณะตำบลใหม่ ยังไม่ได้ศึกษาอำนาจและหน้าที่ของตนให้ชัดเจน ก็จะได้ทราบให้ชัดในตอนนี้เอง -
ในชั่วโมงถัดไปนั้นเป็นพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, ศ.ดร. รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารดี บรรยายในหัวข้อ "การขับเคลื่อนงานสาธารณสงเคราะห์ในระดับตำบล" ซึ่งพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, ศ.ดร. นั้น ท่านเป็นทั้งครูบาอาจารย์และเป็นเพื่อนร่วมงานของกระผม/อาตมภาพมานานแล้ว จากท่านที่เคยเป็นผู้บริหารหน่วยวิทยบริการคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แล้วปั้นพวกกระผม/อาตมภาพให้จบปริญญาโทรุ่นแรกของวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เป็นต้นมา ก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาตลอด
แล้วท่านยังเป็นศาสตราจารย์รูปที่ ๓ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แต่ว่าเป็นศาสตราจารย์ที่มีอายุน้อยที่สุด ซึ่งมาบอกกล่าวหลักการขับเคลื่อนงานสาธารณสงเคราะห์ในระดับตำบลอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและชัดเจนมาก บรรดาเจ้าคณะตำบลสามารถนำไปปฏิบัติได้เลย
ลำดับต่อไปก็คือท่านเจ้าคุณพระสุธีวชิรปฏิภาณ (วีรพล วีรญาโณ ป.ธ.๓) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่แล้วรู้จักกันฐานะท่านเจ้าคุณวีรพล ธรรมะอารมณ์ดี ท่านมาบรรยายในหัวข้อการขับเคลื่อนหน่วย อ.ป.ต.ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ
คำว่า อ.ป.ต. ในที่นี้ก็คือหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ซึ่งเป็นการตั้งตามตำบลบ้านเมือง ไม่ใช่ตำบลคณะสงฆ์ วัดท่าขนุนนั้นเป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลมาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๑ จนถึงปีปัจจุบันนี้ รับรางวัลหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่น มาหลายต่อหลายครั้งด้วยกันแล้ว
คราวนี้มีการกำหนดเอาไว้ว่า บรรดาประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลนั้น ไม่ควรที่จะเป็นเจ้าคณะปกครอง ควรที่จะให้เป็นวัดในระดับเจ้าอาวาส แล้วมีเจ้าคณะปกครองเป็นผู้สนับสนุนและเป็นที่ปรึกษา เพียงแต่ว่าการที่จะยกเลิกและแต่งตั้งใหม่นั้นค่อนข้างที่จะลำบาก เพราะว่าต้องยื่นเรื่องกันไปตามขั้นตอน จึงทำให้วัดท่าขนุน แม้ว่ากระผม/อาตมภาพจะขึ้นมาถึงระดับรองเจ้าคณะอำเภอแล้ว ก็ยังต้องรับภาระหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลไปก่อน
คาดว่าน่าจะเป็นไปจนถึงสิ้นปีนี้ จึงจะมีการขยับขยายให้ทางด้านวัดเสาหงษ์ซึ่งอยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลเดียวกัน รับภาระหน้าที่นี้ไป หรือว่าถ้าในที่ประชุมคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เห็นว่าวัดใดในเขตตำบลท่าขนุนของทางบ้านเมืองมีความเหมาะสม แล้วจะมอบให้วัดนั้นทำหน้าที่ไป ก็ต้องแล้วแต่มติในที่ประชุม -
เมื่อท่านเจ้าคุณวีรพลขึ้นบรรยาย กระผม/อาตมภาพก็กราบขออนุญาตพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าคณะภาค ๑๔ พระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี รองเจ้าคณะภาค ๑๔ และพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีว่า กระผม/อาตมภาพมีภารกิจ จะต้องเข้ารับการปฏิบัติธรรมอีก ๒ วันที่มหาจุฬาอาศรม ซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมหลังจากผ่านการอบรมตามโครงการ Upskill การสอนวิชาพระพุทธศาสนามาเป็นเวลา ๔ เดือน โดยที่ผู้ที่ผ่านการอบรมโดยได้คะแนนไม่ต่ำกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์จึงจะมีสิทธิ์ได้รับประกาศนียบัตร แต่ว่าก่อนที่จะรับประกาศนียบัตรนั้น ต้องไปปฏิบัติธรรมส่งท้ายอีก ๒ วัน
กระผม/อาตมภาพเองได้คะแนนเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็จริง แต่เนื่องจากว่ากำหนดการปฏิบัติธรรมนั้น มาหลังจากที่ได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดสกุณาราม จังหวัดชัยนาทเสียก่อน จึงได้แจ้งไปทางเจ้าหน้าที่ประสานงานว่า ขออนุญาตเข้าปฏิบัติธรรมช้ากว่าคณะสักนิดหนึ่ง เพราะว่าต้องไปทำหน้าที่ซึ่งไม่มีใครทดแทนได้ให้เสร็จก่อน
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางเข้าไปยังที่พักวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี แล้วก็ได้ทำการถ่ายรูปวัตถุมงคล ซึ่งวัตถุมงคลชุดนี้ต้องบอกว่า เป็นล็อตสุดท้ายของวัตถุมงคลหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ที่กระผม/อาตมภาพใช้เวลาสะสมมานานหลายสิบปี
ก่อนหน้านี้นั้น จากวัดท่าซุงไปยังวัดโฆสิตารามหรือว่าวัดบ้านแคนั้น ก็ไม่ได้ห่างกัน โดยเฉพาะพระสงฆ์ของวัดท่าซุงนั้น มักจะเดินทางไปกราบขอความรู้จากหลวงปู่บุดดา ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข เมื่อเดินทางต่อไปยังวัดบ้านแค ก็เป็นระยะทางที่ใกล้มากแล้ว จึงมีการแวะเวียนไปบูชาวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่หลวงพ่อกวยท่านเมตตาสร้างไว้ให้กับลูกศิษย์อยู่เสมอ
แล้ววัตถุมงคลบางอย่าง อย่างเช่นว่ามีดหมอ ซึ่งหลวงพ่อท่านทำได้เข้มขลังเป็นนักหนานั้น ช่วงนั้นก็ยังราคาไม่แพง และสามารถที่จะหาได้ง่าย โดยที่ไปอ้อนจากบรรดาลูกศิษย์เก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นลุงทรงก็ดี หรือว่าจะเป็นทางด้านลุงเฒ่าก็ตาม -
วัตถุมงคลทั้งหลายเหล่านี้ พวกเราเองนั้นเมื่อได้มาแล้วก็มักจะโดนปล้นต่อ เพราะว่าทางด้านทหารตำรวจที่ดูแลวัดท่าซุงอยู่ เมื่อเห็นกระผม/อาตมภาพได้วัตถุมงคลมา ก็มักจะมารุมล้อมขอเอาไปฟรี ๆ ดังนั้น..ชิ้นไหนถ้าหากต้องการที่จะเก็บเอาไว้บูชาเอง ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซุกซ่อนให้มิดชิด ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะโดนคนอื่นคว้าเอาไปเสียก่อน
วัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยนั้น จะว่าไปแล้วต่อให้ไม่ผ่านพิธีการปลุกเสก แต่ถ้าใครก็ตามระลึกถึงท่านด้วยความเคารพ ท่านก็จะมาช่วย แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ท่านปลุกเสกแล้วเราใช้ติดตัว หลวงพ่อกวยท่านต้องไปช่วยเหลือตามหน้าที่อยู่แล้ว เพราะว่าท่านเองติดสัญญาที่ได้บอกกล่าวแก่บรรดาลูกศิษย์ว่า "ถ้าใครนึกถึงกูด้วยความเคารพ กูก็จะไปช่วย" โดยเฉพาะหลวงพ่อท่านตั้งใจที่จะ "เดินทางไกล" คำว่าเดินทางไกลในที่นี้ ก็คือมาในสายพระโพธิญาณ ซึ่งบรรดาพระโพธิสัตว์นั้น เป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยเมตตาที่เป็นอัปปมัญญาเสมอ
โดยเฉพาะหลวงพ่อกวย ท่านรักลูกศิษย์แบบไม่มีเงื่อนไข ไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง จึงทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของท่าน มีแต่จะโด่งดังขึ้นไปทุกวัน เนื่องเพราะว่าใครระลึกถึงท่าน ยิ่งถ้ามีวัตถุมงคลที่ท่านสร้างเองกับมืออยู่ด้วย ท่านก็ไปช่วยเขาด้วยความเต็มอกเต็มใจ ไม่ได้สนใจว่าคุณจะยากดีมีจน จะเป็นคนชั่วหรือว่าคนดี ท่านรู้อยู่อย่างเดียวว่า ถ้ารักท่านเคารพท่าน ขอให้ท่านช่วยเหลือท่านก็จะช่วย ซึ่งจะว่าไปแล้ว ครูบาอาจารย์แบบนี้นั้น หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกระผม/อาตมภาพขุดกรุออกมา บางทีก็รู้สึกเสียดายว่า ของบางอย่างในช่วงที่ยังหาง่าย ตนเองพยายามสะสมเอาไว้ จนเพื่อนพระบางรูปก็บอกว่า "จะบ้าไปถึงไหน ?" แต่พอถึงเวลาสิ้นหลวงพ่อท่านไป ข้าวของทุกอย่างก็ขึ้นราคาและหายากขึ้นไปทุกที
เมื่อถึงเวลาจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน กระผม/อาตมภาพนำมาให้ไอ้ตัวเล็กลงในกระทู้ ก็กลายเป็นว่าท่านทั้งหลายไม่ต้องเสียเวลาไปหา เพราะว่ามีมารออยู่ในกระทู้เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้สิ่งนี้บางทีก็รู้สึกว่า "เราเสียเวลาไปเสาะหาอยู่เนิ่นนาน ทำไมเขาทั้งหลายเหล่าถึงได้บุญดีขนาดนี้ ? แค่แวะเข้ามาดูแล้วมีเงินเพียงพอ ก็สามารถที่จะได้ของชิ้นนั้นไปแล้ว"
แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ต้องแล้วแต่บุญสัมพันธ์ เพราะว่าวัตถุมงคลแต่ละชิ้นนั้น มักจะเลือกเจ้าของด้วยตนเอง เมื่อถึงเวลา ถ้าหากว่าเห็นว่าไม่สมควร บางทีก็หนีกลับมาหากระผม/อาตมภาพเอาดื้อ ๆ ก็มี จนกระทั่งต้องเสียเวลาเกลี้ยกล่อม เสียเวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ กว่าที่จะยอมไปหาเจ้าของใหม่ ก็ต้องเล่นเอาต่อรองกันหลายยก..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)