เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 กรกฎาคม 2022.

  1. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ความจริงแล้วกระผม/อาตมภาพต้องไปงานปลุกเสกวัตถุมงคลที่สำนักปฏิบัติธรรมอนันต์บูรพาราม ตำบลมาบฟักทอง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แต่เนื่องจากว่าท่านพระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ ฐิตสีโล เจ้าสำนักท่านติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แล้วพาให้พระภิกษุรอบด้านติดไปด้วย จึงได้ยกเลิกงาน ทำให้กระผม/อาตภมภาพเปลี่ยนจากงานที่ชลบุรี ไปที่สระบุรีแทน

    กระนั้นก็ตาม ถ้าหากว่าไม่มีงานที่สระบุรี กระผม/อาตมภาพก็ยังต้องไปทำงานทำบุญ ๑๐๐ วัน ของพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (หลวงพ่อพยุง ฐิตสีโล) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า

    แต่เนื่องจากว่าได้บอกกล่าวกับทางพระครูกาญจนกิจโสภณ, ดร. เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอกไปแล้วว่างานนี้ไปไม่ได้ เพราะว่าติดงานที่อื่น จึงได้เดินทางไปร่วมงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๘๐ ปี ของพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ซึ่งเป็นพระพี่ชายที่บวชมาจากโบสถ์เดียวกัน คือบวชจากวัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี

    เมื่อไปถึงก็เจอหลวงพ่อโอ (ท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) ซึ่งถ้าหากว่านับพระในสายหลวงพ่อวัดท่าซุงในปัจจุบันแล้ว ถือว่าท่านอาวุโสสูงสุด แต่เนื่องจากว่าอายุท่านน้อยกว่าท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยอยู่หลายปี ปัจจุบันนี้น่าจะอยู่ที่ ๗๗ ปี แต่ว่าพระเดชพระคุณหลวงตาท่าน ๘๐ ปีไปแล้ว ต้องบอกว่าลูกศิษย์อายุมากกว่าอาจารย์ แล้วก็เป็นบุญของท่านเจ้าคุณหลวงตาที่ว่า พระอาจารย์คู่สวดของท่านยังมีเหลืออยู่

    เหตุที่พูดเช่นนี้ก็เพราะว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงตานั้นท่านมีคู่สวด ก็คือหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล วิ.) อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) แล้วก็หลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) เมื่อหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์มรณภาพไปก่อนอายุ ๗๐ พระเดชพระคุณหลวงตาท่านก็ยังมีครูบาอาจารย์เหลืออยู่

    แต่กระผม/อาตมภาพนั้นไม่มีเหลือเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพระอุปัชฌาย์ ก็คือหลวงพ่อตี๋ (พระเดชพระคุณท่านพระครูอุทัยธรรมโกศล) อดีตเจ้าคณะตำบลน้ำซึม อดีตเจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี ก็มรณภาพไปแล้ว หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล วิ.ก็มรณภาพไปแล้ว
     
  3. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    ส่วนอีกท่านหนึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ก็คือทิดบัญชา ธไนยสวรรย์ (อดีตพระสมุห์บัญชา สุขปญฺโญ) คู่หูของหลวงพ่อพระปลัดวิรัช โอภาโส ทำงานร่วมกันตลอด ท่านก็สึกหาลาเพศไปก่อนเสียอีก กระผม/อาตมภาพ นอกจากไม่มีพ่อแม่เหลือไว้สั่งสอนแล้ว ก็ยังไม่มีครูบาอาจารย์เหลือไว้สั่งสอนอีกด้วย..! จำเป็นต้องอาศัยครูบาอาจารย์ที่ไม่เห็นตัว

    งานนี้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยก็ได้ปรารภว่า "อยู่มาจนป่านนี้แล้ว อายุก็เกินหลวงพ่อ อายุก็เกินครูบาอาจารย์แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดปีนี้หรือเปล่า ? เพราะว่าสภาพร่างกายแย่มาก"

    กระผม/อาตมภาพจึงกราบเรียนไปว่า "ปีนี้รอดครับ แต่ ๘๓ นี่ ถ้าหากว่าพลาดท่าพลาดทางก็คงจะไม่รอด เตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ ก็แล้วกัน ถ้าหากว่าจะอยู่ช่วยงานพระพุทธศาสนา จะอยู่เป็นกำลังใจให้กับญาติโยม ก็หมั่นปล่อยชีวิตสัตว์ทุกเดือนไปเรื่อย ๆ เบื่อเมื่อไรก็เลิกปล่อย แล้วแต่เจ้าคุณหลวงตาจะพิจารณาเอา"

    ในระหว่างพระพี่พระน้อง ก็ต้องบอกว่า พูดคุยแบบเปิดอกมาตลอด ไม่มีอะไรจะกั๊ก อย่างวันก่อนที่อยู่วัดโพธิ์ลังกา ศาลาพระอินทมุนี นั่งคุยกันอยู่ มีท่านอาจารย์บ๊ะ คือท่านพระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโมอยู่ด้วย หลวงตาท่านเล่าให้ฟังว่าท่านลื่นล้มในห้องน้ำ แต่ว่าโดยปกติแล้ว "เจ้าสายฟ้า" หมาที่รักท่านมากที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ วันนั้น อยู่ ๆ แตกตื่นวิ่งหนีไปหาที่ซุกหลบภัยอย่างชนิดหัวซุกหัวซุน กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายเจ้าคุณหลวงตาไปว่า "มันเห็น ๔ ท่านที่จะมารับครับ..!"

    ปรากฏว่าพออีกสักพักหนึ่ง ท่านอาจารย์บ๊ะมาถึง เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยท่านก็ปรารภอีกครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์บ๊ะท่านหัวเราะ ท่านบอกว่า "มันเห็นคนมารับครับหลวงตา แล้วคนมารับไม่ได้แต่งตัวประเภทนุ่งหยักรั้ง ผ้าโพกหัวมาเหมือนสมัยก่อนนะ ไอ้คนมารับมันใส่ชุดสูทสากลมาอย่างเท่เลย" พวกเราก็หัวเราะกันเฮฮา หลวงตาจึงประกาศบอกลูกศิษย์ว่า "เฮ้ย..สองคนยืนยันตรงกันนะ หลวงตาไม่รู้จะอยู่รอดปีนี้หรือเปล่า ?!"

    กระผม/อาตมภาพเมื่อปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จ ถึงได้เรียนถวายหลวงตาบอกว่า "๘๓ ครับหลวงตา แค่นั้นก็มากมายเกินครูบาอาจารย์ไปแล้ว" พระพี่พระน้องคุยกันในลักษณะอย่างนี้ ไม่มีการกั๊กกัน มีอะไรก็บอกกันตรง ๆ เพื่อที่จะได้ยืนยันผลของการปฏิบัติต่อกัน
     
  4. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ญาติโยมทั้งหลายก็ต้องร่วมใจกัน ทำอย่างไรจะให้เจ้าคุณหลวงตาท่านมีความชื่นใจ อยากจะอยู่สงเคราะห์พวกเรา ? ก็มีอย่างเดียวก็คือ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ที่เจ้าคุณหลวงตาท่านนำมาถ่ายทอดให้พวกเรานำไปประพฤติปฏิบัติกัน ถ้าหากว่าทำได้แบบชนิดที่เรียกว่าเป็นที่ยินดีและพอใจ เจ้าคุณหลวงตาท่านก็จะมีกำลังใจอยู่ต่อไป

    เพราะว่าวันนี้ระหว่างที่รอฉันเพลอยู่ หลวงตาท่านชวนไปเข้าห้องน้ำ แล้วท่านก็ปรารภว่า "เล็กเว้ย..คนข้างนอกมันดูถูกมโนมยิทธิของหลวงพ่อเรามากเลย พวกเราพาเหรดเข้ากรุงเทพฯ ทางอากาศสักครั้งหนึ่งดีไหม ?" ได้กราบเรียนเจ้าคุณหลวงตาว่า "จะไปเมื่อไรบอกมาเลยครับ พร้อมทุกเมื่อ" ญาติโยมที่ได้ยินก็หัวเราะกันเฮฮา ไม่รู้ว่าสองพี่น้องพูดกันจริงหรือพูดกันเล่น แต่ขอให้ทราบว่าพระระดับนี้ ถ้าพูดแล้วก็คงจะไม่พูดเล่นหรอก เพียงแต่ว่าต้องรอระยะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

    เนื่องจากว่าสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่นั้น ท่านปรารภในเรื่องของการฝึกกสิณ เพราะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพที่บ้าเลือดที่สุด กว่าจะฝึกกสิณแต่ละกองได้ก็แทบจะเลือดตากระเด็น เพราะว่าไม่มีความเข้าใจ อย่างเช่นว่าการกำหนดภาพกสิณ ก็ใช้วิธีนั่งจ้อง พอจ้องนาน ๆ ไปก็แสบตา น้ำตาไหล เป็นต้น กว่าที่จะทำได้ถูกก็แทบที่จะต้องจ้องกันจนตาทะลัก..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคำว่า "เพ่ง" ในที่นี้นั้น เป็นการเอาใจกำหนดจดจำภาพกสิณ ลืมตามองภาพ ตั้งใจจำไว้แล้วหลับตานึกถึง พร้อมกับคำภาวนา เมื่อภาพนั้นเลือนหายไป ก็ลืมตามอง ตั้งใจจำใหม่ หลับตาลง นึกถึง ทำอย่างนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง จนกระทั่งลืมตาก็เห็น หลับตาก็เห็น แล้วทำการประคับประคองภาพกสิณนั้นเอาไว้ ให้อยู่กับเราทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งยืน ทั้งนั่ง

    ช่วงนั้นกิเลสรัก โลภ โกรธ หลงอะไรจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะว่าถ้าพลาดเมื่อไรภาพกสิณก็หายไป กระผม/อาตมภาพเคยปรารภกับพระพี่พระน้องในยามที่มาคุยกันถึงการปฏิบัติว่า ยิ่งกว่าเลี้ยงลูกแก้วบนปลายเข็มอีก พลาดเมื่อไรก็ตกแตกเป๊ะ..! ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่
     
  5. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเห็นวิธียากขนาดนั้น จึงกราบขออนุญาตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนำมาเอาพระคาถาสัมปะจิตฉามิมาให้พวกเราได้ภาวนากัน โดยที่ท่านกำหนดว่า

    อันดับแรกเลย ห้ขึ้นนะโมฯ ๓ จบ เป็นการบูชาพระรัตนตรัย แล้วสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ อย่างน้อย ๑ จบ จากนั้นถึงได้เริ่มกำหนดคำว่า สัมปะจิตฉามิ พร้อมกับลมหายใจเข้าออกไปเรื่อย ๆ

    ท่านยืนยันว่าพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ถ้าใครตั้งใจทำจริง ถ้ากำลังถึงที่สุด สามารถแสดงฤทธิ์ได้เหมือนกับการฝึกกสิณ ๑๐ โดยตรง แล้วก็สั่งพระวัดท่าซุงเอาไว้ว่าให้ภาวนาอย่างน้อยเช้า ๑ ชั่วโมง เย็น ๑ ชั่วโมง


    "ระยะนี้บรรดาเดียรถีย์คุกคามพระพุทธศาสนาหนักมาก ถ้าหากว่าเขาจาบจ้วงถึงขนาดกล่าวไว้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องหลอกลวงกัน เรื่องของอภิญญาสมาบัติเป็นการกล่าวถึงเพื่ออวดอ้างฤทธิ์ของครูบาอาจารย์ให้น่าสนใจเท่านั้นเอง ไม่ได้มีจริง พวกแกก็จะได้ไปแสดงให้เขาดู"

    ดังนั้น...เมื่อเจ้าคุณหลวงตาท่านปรารภขึ้นมา กระผม/อาตมภาพจึงได้สนองรับ และขออาศัยเสียงนี้บอกกล่าวกับพระพี่พระน้องด้วยกันว่า ถ้าหากว่าหลวงตาท่านให้สัญญาณเมื่อไร ใครที่ตุนกำลังเอาไว้เต็มที่ ก็ให้มาร่วมขบวนพาเหรดด้วยกัน..!

    ต้องบอกว่า เดินทางไปเพื่อการปฏิวัติ แต่ว่าไม่ได้ปฏิวัติยึดอำนาจ เป็นการปฏิวัติความเชื่อของบุคคลว่า สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอภิญญาสมาบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เทวดา นางฟ้า พรหม หรือว่าพระนิพพาน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นของจริงที่ท้าพิสูจน์ได้
     
  6. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สอนสิ่งที่เหลวไหล โดยไม่อาจที่จะกระทำตามได้ หากแต่ว่าท่านทั้งหลายต้องทำให้จริง ทำให้ถูก มีความพากเพียรพยายาม มีความอดทนไม่ท้อถอย ชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก

    ก็ขอให้ทำในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเอาไว้ให้สำเร็จ ถ้าท่านทั้งหลายทุ่มเทกำลังใจในลักษณะแบบนี้ได้ ในเรื่องของอภิญญา เรื่องของสมาบัติ เรื่องของกสิณ ก็ไม่ได้เกินวิสัยที่ท่านทั้งหลายจะประพฤติปฏิบัติกัน

    โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงของการเข้าพรรษา ท่านทั้งหลายก็ตั้งใจไปเลยว่า ระยะเวลาตลอดพรรษานี้ เราจะทุ่มเทให้กับการประพฤติปฏิบัติโดยเฉพาะ ใครจะภาวนาคาถาอภิญญาก็ดี ภาวนาคาถาอภิญญาใหญ่คือโสตัตตะภิญญาก็ตาม ก็ให้ทำต่อเนื่องกัน อย่างน้อย เช้า ๑ ชั่วโมง เย็น ๑ ชั่วโมง

    ถ้าหากว่าออกพรรษาแล้ว เกิดใครประสบความสำเร็จ ก็ช่วยแจ้งให้กระผม/อาตมภาพทราบด้วย จะได้เตรียมชื่อเอาไว้ในบัญชีของการเดินพาเหรดเข้ากรุงเทพฯ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงตาท่านได้ชักชวนเอาไว้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     

แชร์หน้านี้