เส้นทางแห่งการหลุดพ้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แสงต้นกำเนิด, 23 มิถุนายน 2017.

  1. แสงต้นกำเนิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    5
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. แสงต้นกำเนิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    5
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36
  3. แสงต้นกำเนิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    5
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36
    aa
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. แสงต้นกำเนิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    5
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36
  5. แสงต้นกำเนิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    5
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36
    a
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. แสงแห่งบารมี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    12
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +107
    ธรรมที่เกี่ยวข้อง

    “เอาชีวิตนี่แหละเป็นเดิมพัน เพื่อแลกกับความดี”
    “การนั่งสมาธิภาวนาอย่างขั้นอุกฤษฏ์ คือ นั่งภาวนา ๒๔ ชั่วโมง จะเปลี่ยนอิริยาบถเพียง ๒ ครั้งเท่านั้น เพื่อดูทุกขเวทนาในตนเอง โอ นรก ๘ ขุม มันเกิดยกกันมาที่นี่ทั้งหมด เออ มันยกทัพกันมา ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งร่างกาย เรานี่แหละสู้กับมันจนทุกขเวทนาปรากฏอย่างเด่นชัด และรู้เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสมารที่มารบเร้าจิตใจจนหมดสิ้น ขอให้มีสติดีเสียอย่างเดียวมันจบได้ คือ ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้น มันจะไม่เกิดอีกเลย นี่นักปฏิบัติต้องเอาชนะให้ได้ ถ้าไม่ได้ แพ้มันเด็ดขาด

    นักปฏิบัติธรรมต้องมีสติพร้อมเสมอ ถ้าสติอ่อน มันจะติดสัญญาภาพเก่า ๆ ที่เราจดจำมาแล้วทั้งสิ้น แล้วธรรมที่เกิดนั้น มันก็ยังเป็นของคนอื่น ยังมิใช่ของเราแท้นะ ระวังกิเลสมันจะหลอกล่อจิตใจเราให้ลุ่มหลงเพ้อพกไปได้ แม้อาตมาเอง มันยังหลอกให้หลงอยู่กับนิมิตเกือบ ๖ ปี เพราะนิมิตตัวเดียวแท้ ๆ สำหรับบทปฏิบัตินั้น ถ้าสติไปถึงจิตเมื่อไร เมื่อนั้นพวกกิเลสหรือนิวรณ์ทั้งหลายนี่มันจะถอยหนีไปหมดเลย”

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

    =======================================
    ธรรมะปฏิสันถาร
    เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมหลวงปู่เป็นการส่วนพระองค์ เมื่อทั้งสองพระองค์ทรงถามถึงสุขภาพอนามัยและการอยู่รำราญแห่งอิริยาบถของหลวงปู่ ตลอดถึงทรงสนทนาธรรมกับหลวงปู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปุจฉาว่า “หลวงปู่การละกิเลสนั้น ควรละกิเลสอะไรก่อน”
    หลวงปู่ถวายวิสัชนาว่า
    “กิเลสทั้งหมดเกิดรวมอยู่ที่จิต ให้เพ่งมองดูที่จิต อันไหนเกิดก่อน ให้ละอันนั้นก่อน”

    =======================================
    แก้เหตุต้องพิจารณากรรมฐาน ๕ คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ด้วยสามารถแห่งกำลังของสมาธิ เมื่อสมาธิชั้นต่ำ การพิจารณาก็เป็นญาณชั้นต่ำ เมื่อเป็นสมาธิชั้นสูง การพิจารณาเป็นญาณชั้นสูง แต่อยู่ในกรรมฐาน ๕ การสมเหตุสมผล คือ คันที่ไหนก็ต้องเกาที่นั้น จึงจะหายคัน คนติดกรรมฐาน ๕ หมายถึง หลงหนังเป็นที่สุด เรียกว่าหลงกันตรงนี้ ถ้าไม่มีหนัง คงจะวิ่งกันแทบตาย เมื่อหลงกันที่นี้ ก็ต้องแก้กันที่นี่ คือ เมื่อกำลังสมาธิพอแล้ว พิจารณาก็เห็นความจริง เกิดความเบื่อหน่ายเป็น วิปัสสนาญาณ

    หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ

    =======================================

    วิธีการบรรลุธรรมได้เร็วที่สุด

    โยม : หลวงปู่ครับผมทำอย่างไรจะบรรลุธรรมได้เร็วที่สุด
    หลวงปู่ : ก็ละความอยากบรรลุธรรมของคุณสิ ได้เร็วที่สุด คุณละได้เร็วเท่าไหร่คุณก็จะบรรลุธรรมได้เร็วเท่านั้น
    โยม : ไม่ใช่ครับผมหลวงปู่ ผมหมายถึงว่า ในการปฏิบัติธรรม วิธีการปฏิบัติของสายใดเป็นวิธีลัดให้เราบรรลุธรรมได้ง่ายๆและเร็วที่สุด
    หลวงปู่ : เออ ก็อย่างนั้น แล้วคุณจะรีบไปไหนหล่ะ หรือทุกวันนี้คุณรีบไม่พอ เดินทางก็รีบ ทำมาหากินก็รีบ รีบไปหมด การปฏิบัติธรรมก็รีบ คุณดูนี่ (แล้วท่านก็ยกมือข้างซ้ายท่านขึ้นมา กางนิ้วมือทั้ง ห้าน้ิวออก แล้วก็เริ่มโบกเร็วๆ) คุณว่าตอนนี้มีกี่นิ้ว
    โยม : เห็นไม่ชัดครับผม หลวงปู่ต้องโบกช้าๆครับผม ผมถึงจะเห็น
    หลวงปู่ : นั้นๆ นี่ไงหล่ะ ขนาดคุณยังอยากให้หลวงปู่โบกมือช้าๆเลย โบกมือเร็วๆไม่เห็นนิ้วมือใช่ไหม โบกช้าๆมันจึงจะเห็นชัด การปฏิบัติธรรมหน่ะคุณเอ้ย มันไม่มีอะไรเร็วได้ดอก รีบทำ รีบทำ มันไม่เห็นปัญญานะ ถึงเห็นมันก็ไม่แจ้ง ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่อย่าหยุด เดินทุกวัน ทำทุกวัน ภาวนาทุกวัน ขี้เกียจขี้คร้านก็ทำ ขยันหมั่นเพียรก็ต้องทำ อย่าหยุด ค่อยเป็นค่อยไป พวกคุณใช้ชีวิตแบบเร่งๆรีบๆจนเคยตัว เลยคิดว่าการพ้นทุกข์นั้นก็รีบได้ ยิ่งพวกคุณอยาก พวกคุณรีบ ยิ่งพวกคุณปฏิบัติสุกเอาเผากิน ธรรมมะก็ยิ่งจะหนีห่างพวกคุณออกไปไกลเรื่อยๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ สังเกตุไปทุกระยะ ตั้งสติอย่าขาด อย่าวาดอนาคต อย่าผูกอดีต อย่าอยาก “การปฏิบัติธรรมให้เหมือนการเอามือกำนกตัวน้อยๆ กำแรงนกก็ตาย กำเบานกก็บินหนี กำให้มันพอดี อย่าเบาอย่าแรง” อย่าเร่งอย่ารีบ อย่าอยากมุงหลังคาทั้งๆที่ยังไม่ตั้งเสายังไม่เทพื้นเทคาน ทานเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างหยาบมีศีลเป็นผล ศีลเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างกลางมีสมาธิเป็นผล สมาธิเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างละเอียดมีปัญญาเป็นผล ปัญญาเป็นเหตุรู้รอบในกองสังขารทั้งปวงมีวิมุติความหลุดพ้นเป็นผล ทำไปตามขั้นตามตอน อย่าอยากอย่าเร่งอย่ารีบ ถ้ามันบ่มให้สุกได้อย่างกล้วย อย่างมะม่วง มันก็ดีหน่ะสิแต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ไม่มีใครลัดได้ดอก ดูความยากของการปฏิบัตินะ มันจะได้ละอยาก ละความห่วงในโลก อันนั้นหล่ะคุณจะได้ไวไว เข้าใจนะ

    ___________________

    พระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร)
    วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
     

แชร์หน้านี้