เหตุที่คนจำนวนมากเชื่อ "พระศรีอารย์" จะปรากฏตัวในอีกไม่ช้า ข้อเท็จจริงจากพระไตรปิฏก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย 2499, 7 พฤษภาคม 2012.

  1. dragoona

    dragoona เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +129
    อ่อ เรื่องสับเปลี่ยนดอกบัว นี่ละ ที่โยเร ลัทธิทางศาสนาของญี่ปุ่น เคยเอามาอบรมกัน เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมละเสื่อมศรัทธา เขาเชื่อว่า มีพระอะไรสักอย่าง ที่เมื่อ คนในลัทธิ นี้ตายไปเป็นวิญญาณแล้ว จะโดนพระอะไรของเขาเนียะแหละ เทศน์ ให้ฟัง จนดวงวิญญาณผ่องใส ไม่ต้องไปนรก ซึ่งจากประสบการณ์จากคนรอบข้าง เขาเชื่อและ อ้างว่า เป็นพระศรีอริยเมตไตร ส่วนพระที่เขานับถือ อีกท่านหนึ่งก็ คือ ท่านเมชุซามะ อะไรนี่ละ

    ผมเหรอ ผมยึดมั่นในพระพุทธเจ้า เจ้าชายสิทธัตถะองค์เดียวเท่านั้น ไม่ศรัทธาอะไรใดๆ นอกเหนือจากนี้ ทั้งสิ้น ผมไม่เชื่อพวกคุณ จะเอาผมไปเข้าลัทธิให้ได้หรอก ไม่มีวันสักการะเด็ดขาด!
     
  2. manoflove

    manoflove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +146
    พระพุทธะองค์ ดั่งหนึ่งเดียวกัน ศรัทธาพระโคดม ก็ ประหนึ่งศรัทธาพระโกญธัญโญ ศรัทธาพระเมตตรัยก็เหมือนศรัทธาพระโคดม ถามว่า เข้าใจคำว่า พระพุทธะองค์ พระพุทธเจ้าเพียงใด การสับเปลี่ยนดอกบัว เป็นเรื่องเก่านำมาเล่าไหม่ ฟังหูไว้หู ตามหลักกาลามสูตร หากพระพุทธองค์ตรัส แล้วปรามาสเิกิดอะไรขึ้น หากพระพุทธองค์ไม่ได้ตรัส คนที่คิดตามจนไม่ประมาทอยู่ในศีลและธรรม จะดีกับใคร ดังนั้นเป็นพุทธศาสนิกชน ต้องฝึกจิต บำเพ็ญ ปวรณานะญาน จนรู้แจ้งด้วยตนจะดีกว่า โดยหมั่นฝึกสมาธิ ถือศีล ภาวนา ให้ทานตามกำลัง บำรุงบิดามารดา คนที่ท่านจำแนกโดยคำสำเหนียก อาจจะเคยเป็นบิดามารดามาก่อนจึงมีวาระกรรมให้มาเจอะกันเพื่อปลดกรรมต่อกัน ไม่ควรว่ากันด้วยถ้อยคำนานาประการเพราะเมื่อไม่มีญาณทิพย์ก้ไม่รู้แจ้ง ทางพิสูจน์มีทางเดียวคือ ค้นหาพระพุทธเจ้า แล้วถาม หากเห็นแล้วจงนำความที่ได้รับรู้มาแจ้งแก่โลก เพื่อความเจริญ ผู้ที่จะเห็นพระพุทธเจ้า คือผู้เห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมแล้วก็ตั้งองค์สมมุติเพื่อยังธาตุขันในโลก มาเริ่มกันใหม่ ปฎิบัติบูชา จนรู้ความเป็นมาเป็นไป ของนานาสรรพสิ่งเถิด จักดีกว่าเราเฝ้าเพียรพยายามพิสูจน์สิ่งที่เป็นตำรับตำราอักษรแอยู่ใย ดั่งพุทธพจที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา พิสูจคำนี้เถิดว่าจริงใหม ดีกว่าจะไปพิสูจน์ว่าใครลักดอกบัว แม้ท่านลักจริง และเกิดเหตุนี้จริง ถามว่า ท่านทั้งหลายผู้ประเสริฐจะเอาตัวเองไปเกี่ยวอย่างไร มีประโยชน์ใหมลองพิจารณาดูเถิด ว่าเราควร ได้ นิพพานดิบ หรือไม่
     
  3. manoflove

    manoflove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +146
    1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
    5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
    6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
    7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
    8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง
    เรื่องเหล่านี้เกิดครบหรือยัง ถ้าครบแล้วคำทำนายต่อไปคืออะไร ผมเห็นมีมาหมดแล้วทุกข้อ
     
  4. coool

    coool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    475
    ค่าพลัง:
    +455
    มั่วดี ..... (สั้นๆ)
     
  5. bhodhithas

    bhodhithas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +591
    เวรกรรม กรรมเวร ได้เกิดเป็นมนุษย์ในยุคพระพุทธเจ้าสมณโคดม ก็แสนประเสริฐบุญวาสนาอยู่แล้ว ยังจะดิ้นรนตามหาพระศรีอาริย์ในยุคหน้าที่ยังไม่ถึงเวลาในยุคโน้นอีก ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ก็ตรัสรู้ธรรม รู้แจ้งในอริยสัจสี่ และทรงสอนทางแห่งนิพพาน คือ มรรคมีองค์แปด เหมือนๆกันหมด หรือว่าท่านทั้งหลายที่ตามหาอยู่นี้ ได้รู้ซึ้ง ได้ปฏิบัติเข้าถึงในธรรมที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงตรัสสอนไว้โดยชัดแจ้งทุกประการแล้ว

    แล้วสมมุติ ถ้ามีบุญพอได้ไปเกิดในยุคหน้าของพระเมตตรัยพุทธเจ้าจริงๆ ยังจะดิ้นรนตามหาพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ในกัปหน้าอีกหรือไม่ จะหลงเป็นเหยื่อการติดกิเลสความไม่รู้จักพอของมนุษย์ไปอีกนานเท่าไหร่
     
  6. sazukia007

    sazukia007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +710

    เออ ไอ้หมอนี้ใช้ได้ กดไลท์ทีหนึ่ง
     
  7. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    อนาคตของชาติ คำทำนาย ๑๐ รัชกาล



    เรื่องมีอยู่ว่า... ท่านพลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระมหา วีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม ๖ รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาคที่ ๒ โดยนำ ผ้ายันต์พิชัยสงครามและเหรียญเอกราช ไปแจกให้แก่ทหาร ตามฐานปฏิบัติการ ชายแดน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ และในวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้ทำการแจกให้แก่ทหาร ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำ การแจกได้แสดงธรรมิกถาพิเศษ เรื่อง "อนาคตของชาติ" ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
    มูลเหตุที่มาแจกวัตถุมงคล




    "..เจริญสุข แก่บรรดาทหารของชาติทุกท่าน อาตมาได้ไปทำการจากจ่ายผ้ายันต์และเหรียญแก่ทหารทางภาคเหนือมาแล้ว ๓ ครั้ง ต่อมาได้ทราบจากข้าหลวงของสมเด็จพระบรมราชินีนาถว่า "...สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงปรารภว่า หลวงพ่อฤาษี ลิงดำท่านไม่ห่วงทหารภาคอีสานหรืออย่างไร จึงไม่ไปแจกของแก่ทหารทางภาคอีสานบ้าง.."
    ความจริง อาตมาห่วงทหารทางภาคอีสาน เช่นเดียวกับทหารทางภาคเหนือ เมื่อท่านผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ รับจะอำนวย ความสะดวกในการเดินทางมาแจกจ่าย จึงได้นำสิ่งของมาแจกให้ครั้งนี้
    ขั้นแรกอนุศาสนาจารย์ได้อาราธนาให้แสดงธรรม ต่อมาท่านผู้บัญชาการกองพล ได้อาราธนาให้เล่าเรื่องของที่นำมาแจกจ่าย ว่าทรง คุณค่าอย่างไรบ้าง ผู้ที่ได้รับแจกไปจะได้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น
    เพื่อสนองเจตนาของอนุศาสนาจารย์และท่านผู้บังคับบัญชากองพลที่ ๓ ได้อาราธนาจึงขอพูดเรื่องธรรมะก่อนสักเล็กน้อย จาก นั้นจึงจะพูดถึงเรื่องสิ่งของที่นำมาแจกจ่าย
    เราทุกคนอยากมีความดีด้วยกันทั้งนั้น แม้บางคนนึกว่า ตนเองอยากมั่งอยากมี อยากมียศมีอำนาจ แต่ความจริงแล้ว ก็คือ อยาก มีดีนั่นเอง
    แม้เราจะมียศสูง แต่ถ้าใครมาว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นใครจะอยากอะไรก็ตามเถอะ แต่ที่สุดของความอยาก นั้นก็คือความดีนั่นเอง
    รักษาศีล 5 ให้ได้



    ความดีนั้นมีกฏเกณฑ์ที่เราจะต้องทำเป็นเบื้องต้น 5 ประการ คือ

    1. เราไม่อยากให้ใครมาฆ่า รังแก ข่มเหงเรา เราก็อย่าไปฆ่า ไปรังแก ไม่ข่มเหงเขา
    2. เราไม่อยากให้ใครมาลักของๆ เรา เราก็อย่าไปลักของๆ เขา
    3. เราไม่อยากให้ใครมาผิดลูกผิดเมียเรา เราก็อย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา
    4. เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็อย่าไปโกหกเขา
    5. เราไม่อยากเป็นคนบ้า ก็อย่าไปดื่มสุราเมรัย เพราะถ้าเราดื่มสุรามากๆ เราจะกลายเป็นคนบ้า
    เจริญพรหมวิหาร ๔ ไว้
    ความดีที่สูงขึ้นไปอีกที่เราควรประพฤติเป็นหลักในการดำรงชีวิต เพื่อความสุขความเจริญแก่ตนเองคือ พรหมวิหาร มี ๔ ประการคือ
    1. เมตตา ความรัก เราต้องรักตัว รักครอบครัว รักญาติพี่น้องหมู่คณะ ตลอดจนถึงรักประเทศชาติ
    2. กรุณา ความสงสาร ที่มีต่อบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก อยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ทรมานที่เขารับอยู่
    3. มุทิตา ยินดีด้วยเมื่อบุคคลอื่นได้ดีมีความสุข ไม่ริษยาเขา เขาได้ดีก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย
    4. อุเบกขา วางเฉย เช่น เมื่อลูกของเรา ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกของเราไม่ทำผิด เราต้องวางตัวเป็นกลาง เมื่อเขาจะได้รับโทษก็ถือเป็นกรรมของเขา ไม่ช่วยเหลือเขาในทางที่ผิด
    เว้นจากความลำเอียงทั้ง ๔ ประการ
    ผู้ที่จะมีคุณธรรมในข้อที่ ๔ นี้จำเป็นจะต้องมีคุณธรรมข้ออื่นสนับสนุน คือเราต้องเว้นจาก อคติ คือ
    ๑. ความลำเอียงเพราะความรัก
    ๒. ความลำเอียงเพราะความชัง
    ๓. ความลำเอียงเพราะความหลง
    ๔. ความลำเอียงเพราะความกลัว
    ทหารแปลว่าคนหนุ่ม
    ทหารทุกคนต้องเป็นคนหนุ่ม แม้จะแก่อายุมากแล้วก็ต้องทำตัวเป็นคนหนุ่ม เพราะคำว่า ทหาร แปลว่า คนหนุ่ม
    คนหนุ่มนั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรง ว่องไว กล้าหาญ บึกบึน มีไหวพริบปฏิภาณดี มีความสามัคคีรักใคร่กัน ไม่ทอดทิ้งกันเมื่อ มีภัย ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท
    และข้อสำคัญที่สุดนั้นต้องยอมตายเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเมื่อถึงคราวจำเป็น นี้พูดอย่างทหาร เพราะอาตมาเคยเป็น ทหาร เรือมาแล้ว ย่อมรู้จักชีวิตวิญญาณของทหารดี
    ทหารไปรบถือว่าทำเพื่อชาติบ้านเมือง
    ทหารที่ไปราชการสงครามเพื่อป้องกันอริราชศัตรูนั้น หากไปฆ่าข้าศึกศัตรูก็ไม่ถือว่าเป็นความชั่ว แต่เป็นการทำดีต่างหาก เพราะเราทำหน้าที่ป้องกันสิ่งที่ดีงามเอาไว้ ความดีนั้นคือ ความอยู่รอดของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุข ของปวงชนในผืนแผ่นดินไทยทุกคน
    ความสงบสุขนั้นเป็นยอดของความดีทั้งมวล การที่เรายอมเสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตของเรา เพื่อรักษาความดี ทั้งหลาย ดัง กล่าว มาแล้วนั้นไว้ จึงได้ชื่อว่าเราทุกคนได้ทำความดี สมศักดิ์ศรีของทหารไทย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นบาปกรรม
    ภูอันธพาล (ภูพาน)



    อาตมาขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาล ไม่อยากเรียกว่า "ภูพาน" ดังที่เขาเรียกกัน เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพาลทั้งนั้น ได้พิจารณา ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองและการสู้รบของทหารเห็นว่า
    เราทุกคนจะไม่แพ้ จะไม่ต้องตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอยู่ในขณะนี้ แม้แต่ พระบาทสมเด็จ พระ เจ้าอยู่หัวก็ทรงปริวิตกและทรงมีความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่าง ยิ่ง ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังวัดของอาตมา (วัดท่าซุง) และได้ตรัสถาม ความเป็นไป ของบ้านเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
    อนาคตของชาติ
    อาตมาได้ถวายพระพรพระองค์ว่า "ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่ง สมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป"
    ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ
    คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์
    ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ
    โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า


    "กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติ ได้แล้ว จะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่"
    และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง
    ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล
    ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้
    รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
    รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
    รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
    รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
    รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
    รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
    รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
    รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
    รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล
    ความแม่นยำของคำทำนาย
    เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด
    รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ
    รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัย รวบรวมกัน เป็นการใหญ่
    รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้
    รัชกาลที่ ๔. ท่านสนิทธรรมก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่ง พระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน
    รัชกาลที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค ์ทรงยอมเสียแขนขา ดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้
    รัชกาลที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระ ปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะ ต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย" ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่าง ให้บุคคลอื่น เห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร
    ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงจำเป็น ต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก
    รัชกาลที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อนพระองค์ จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวน มาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ ต้องจำพระทัย สละราช สมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์
    รัชกาลที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้น แสนสา หัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น
    สำหรับรัชกาลต่อไปคือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้วจะได้ประสบความ เจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย
    ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?



    ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า
    ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?
    เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่าน เป็นสมาธิ เข้า ถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูป ที่อาตมาสอบ ถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า
    พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ ไว้เพียงแค่นั้น ก็เพราะว่า

    เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทย จะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลาน ดังที่ แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก"
    พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก
    ประการที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนาย นี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้
    "..อานันทะ ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕) จะมีฝน เหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศเหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และ สมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก
    แต่ว่า.. อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล

    หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หิน ที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาด สมณะชีพราหมณ์ จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน
    แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก"
    ความแม่นยำของพุทธทำนาย
    จากพระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิด ต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์
    หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบ กระเทือน มาจนกระทั่งบัดนี้
    มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง
    ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะ มีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะ เห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทย นี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงและเป็นประเทศสุดท้าย ที่พระพุทธศาสนา ยังเหลือ อยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้ ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว
    เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป
    พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์



    ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า

    พระเจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระ องค์ ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด
    พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่ง พระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทาง มา เผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน
    ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี
    ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์ เกี่ยวกับความเป็นไป ในอนาคต ของพระพุทธ ศาสนา ไว้ว่า




    "พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี"
    เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่น อยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทย ตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่า เมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาส ของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร
    จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็น หลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า
    "เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้
    แต่ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกันสามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลง ไปกับคำยุแหย่ของบุคคล ผู้มุ่ง ร้าย ต่อชาติบ้าน เมือง"
    ดวงทหารคู่กับดวงเมือง
    ขอให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า เราต้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อมที่จะยอมตาย เพื่อชาติ บ้านเมืองและพระบวรพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น
    เพราะบ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัย ก็เพราะทหารเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑. เมื่อพระองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่ ได้ทรงผูกดวงเมืองและวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหารโดยให้ ทหารเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด
    ที่พูดนี้มิใช่จะมายุยง ให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่... ขอให้เราทุกคน ช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้บ้านเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุม รักษาเมืองแล้ว
    ดวงชะตาของทหารนั้น เข้าเกณฑ์ราชาโชค ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๘ แล้ว และจะโคจรเข้าควบคู่กับดวงเมือง ตั้งแต่เดือน มกราคม ๒๕๑๙ เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอิทธิพลให้ประเทศชาติบ้านเมืองค่อยคลี่คลายไปในทางดีขึ้น ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ ในสภาพป่วยไข้ จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาหรืออาจจะต้องถึงกับผ่าตัดบ้าง อาการของบ้านเมืองจึงจะดีขึ้น



    เมืองไทยมีขุมทรัพย์มหาศาล
    สภาพการณ์ของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางดี เริ่มแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ประเทศชาติ และประชาชนจะเริ่มพบกับความสุขสบายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มากนัก แต่จะปรากฏเด่นชัดว่า ประเทศชาติและประชาชน จะร่ำ รวยขึ้นมีความสุขสมบูรณ์ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นไป
    เพราะเรามีทรัพยากรมากมายมหาศาลล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้นอาทิเช่น น้ำมัน แร่ทองคำ แร่ยูเรเนียม วัตถุธาตุต่างๆ เหล่านี้ มีอยู่พร้อมในเมืองไทย และเราก็ได้พบแล้ว แต่เรายังไม่สามารถจะนำเอาออกมาใช้ได้ เพราะเรามีขีดความสามารถอันจำกัด
    ทรัพยากรน้ำมันในประเทศไทย
    อย่างน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าที่สุดของคนทั้งโลกนั้น ในเมืองไทยเรามีมากมาย น้ำมันที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้มีไม่ถึงหนึ่ง ในสาม ที่มีในเมืองไทยเรา
    ที่อาตมาพูดเช่นนี้มิได้กล่าวเกินความจริง แต่เป็นการกล่าวที่เกิดจากประสบการณ์ที่พอเชื่อถือได้ กล่าวคือ
    เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ อาตมาพร้อมด้วย พล.อ.ต.มรว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมการสื่อสารทหารอากาศ ได้เดินทางไปยัง จังหวัดชุมพร พักอยู่ ณ บ้านพักหลังหนึ่ง หลังจากคุยกันประมาณห้าทุ่มเศษก็เข้านอน
    พอไฟดับลงเท่านั้น ก็มองเห็นภาพคนดำใหญ่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่เปิดประตู เขาเดินเข้าเดินออกโดยไม่ต้องเปิดประตู จึง ถามเขาไปว่า อยู่ที่ไหน เขาบอกว่า อยาในห้องนี้แหละ แล้วก็คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ เจ้าเทวดาดำใหญ่ได้เล่าให้ฟังว่า
    "เมืองไทยเรานี้มีน้ำมันมากมายมหาศาลเป็นลำธารกว้างขนาด ๑ กิโลเมตร และยาวหลายร้อยกิโลเมตร ไหลผ่านประเทศไทย ไปลงทะเล
    เมื่อใดที่ผู้บริหารดีทรัพยากรจะปรากฏขึ้น
    เขาบอกว่า น้ำมันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดนำมาใช้เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ หากปรากฏขึ้นในขณะนี้ พวกทุจริต ก็จะงุบงิบ เอาไป เป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด
    เมื่อใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย เช่น บ่อ น้ำมัน ก็จะค่อยผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ ไป ซึ่งจะนำผลรายได้อันมหาศาลมาให้เมืองไทย ทำให้เมืองไทย กลายเป็นเศรษฐี มีชื่อ เสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย"
    ไปพิสูจน์สถานที่มีน้ำมันอยู่
    เจ้าเทวดาดำใหญ่ให้หลักฐานยืนยันคำพูดของตนว่า หากอยากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมัน ให้ไป ดูบ่อน้ำมันที่เมืองมะริด ในเขต พม่า ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันสายเดียวกันอยู่ห่างจากผืนแผ่นดินไทยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร

    ณ. ที่นั้นจะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีน้ำมันลอยฟ่องเต็มไปหมด ถ้าอยากเห็นให้ไปดูด้วยตนเอง
    อาตมาอยากพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้เดินทางไปดูสถานที่แห่งนั้น เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี้เอง ปรากฏว่า เป็นความจริงทุกอย่าง
    บริเวณนั้นมีหนองน้ำซึ่งมีน้ำมันลอยเต็มไปหมด ชาวบ้านนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่า เทวดาดำองค์นั้น ไม่โกหก เมืองไทยเรามีน้ำมันแน่ๆ
    ต่อเมื่อใดผู้บริหารใจซื่อมือสะอาดมาบริหารชาติบ้านเมือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะปรากฏให้เห็น และนำมาใช้ ให้บ้านเมือง เรา มีความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว



    ธงมหาพิชัยสงคราม
    สำหรับ ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ที่นำมาแจกจ่ายครั้งนี้ ได้ทำขึ้นครั้งแรก ๑๐๐,๐๐๐ ผืน นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๙๐,๐๐๐ ผืน มีเหลือนำมาแจกจ่ายคราวนี้เพียง ๑๐,๐๐๐ ผืน
    การทำผ้ายันต์นี้ ก็ทำจากตำราของ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเคยทำเพื่อมอบให้เป็นธงนำทัพเข้าตีข้าศึก
    ได้ตำราทำยันต์พิชัยสงคราม
    ตามตำราบอกว่าใครอยากเรียนตำรานี้ไปทำต่อต้องนำดาบสองเล่มออกไปรำกลางแจ้ง หากเกิดฟ้าผ่าในขณะรำดาบจึงจะเรียน ตำรานี้ได้
    อาตมาเป็นพระไม่สามารถจะนำดาบออกไปรำได้ แต่ก็อยากเรียนตำรา จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากตนมีบุญบารมี ที่จะเรียน ตำรา นี้ได้แล้ว เวลาถือดาบออกพ้นจากชายคาขอให้เกิดฟ้าผ่า
    เมื่อตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ถือดาบ ๒ เล่ม ออกนอกชายคา พอพ้นจากชายคาเท่านั้นแหละฟ้าก็ผ่าขึ้น ๒-๓ ครั้ง จึงมั่นใจได้ว่า ครู ได้อนุญาตให้เรียนตำรานี้ได้แล้ว จึงได้เรียนตำรามาทำผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามขึ้น
    มีพระเถระทางเหนือช่วยปลุกเสกด้วย
    และเมื่อทำด้วยตัวเองแล้ว ก็ได้อาราธนาพระเถระผู้ทรงวิทยาคมในภาคเหนือหลายรูปมาช่วยปลุกเสกให้เมื่อ เดือนสิงหาคม จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ทหารทางภาคเหนือ ปรากฏว่าได้ผลดี
    มีฐานปฏิบัติการบางแห่งที่ทหารรับผ้ายันต์ไปแล้ว ถูกถล่มด้วยปืน ค. และจรวดฐานแหลกหมด แต่ทหารในฐาน ปลอดภัยทุก คน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
    อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อถึงกำหนดจะต้องอสัญกรรมแล้วก็หนีความตายไม่พ้น แม้แต่ผู้บรรยายหรือผู้ทำผ้ายันต์นี้ก็ต้องตาย
    อานุภาพของผ้ายันต์
    ผ้ายันต์นี้จะช่วยได้ก็เพียงแต่ว่า หากเรามีเคราะห์กรรมจากอดีต เช่น เคยทำปาณาติบาต แรงอุปฆาตกรรม จะมาตัดรอน ชีวิต เราให้หมดไปในเวลาอันไม่สมควร หากเรามีเคราะห์ถึงฆาตอย่างนี้ ผ้ายันต์จะช่วยให้เคราะห์เบาบางลง เพียงแค่ให้เรา บาด เจ็บไม่ถึงตาย
    หากเคราะห์เราไม่ถึงฆาตเพียงแต่มีเคราะห์จะได้รับบาดเจ็บ ยันต์นี้จะช่วยไม่ให้เราบาดเจ็บเลย แม้แต่ถูกปืนหรือสะเก็ดระเบิด ก็จะไม่ทำให้เราเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว ลูกปืนที่มากระทบเราจะมีค่าเท่ากับแมลงตัวหนึ่งบินมาปะทะเท่านั้น
    ขอให้ทุกท่านถือว่า ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญกว่าเหรียญเอกราชที่ได้รับแจกไป
    ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดจะไม่มีผล
    และทั้งธงและเหรียญจะไม่มีผลในทางป้องกันตัวเลย หากเรานำไปใช้ในทางที่ผิดคิดมิชอบ หรือยิ่งคนที่คิดคดทรยศ ต่อชาติ บ้านเมืองด้วยแล้ว อาตมาอยากให้เขามารับโดยเร็ว เพราะเหรียญและธงจะช่วยสนับสนุนให้เขาประสบความวิบัติเร็วเข้า
    มีอยู่รายหนึ่งมาขอผ้ายันต์จากอาตมา อาตมาไม่ให้เพราะเกรงว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ผิด จะทำให้ชีวิตเขาสั้นเข้า แต่เขารับ รองตนเองเช่นนั้นอาตมาก็มอบให้ไป และได้ทราบต่อมาภายหลังว่า เขานำผ้ายันต์ไปใช้ในทางที่ผิดตามที่อาตมาคาดการณ์ไว้ ผลที่สุดเขาก็ถูกยิงตาย
    สุดท้ายนี้ ขอตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ทหารทุกคน จงมีความสุขความเจริญ และปลอด ภัย ชนะข้าศึกตลอดกาล สวัสดี.

    อ้างอิง . อนาคตของชาติ โดย.. พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษี ฯ)
    บรรยายเมื่อ วันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ มัชฌิมา : คัดลอก

    ผม copy มาให้อ่านกันนะครับ และเป็นคนละคนกับท่านที่มีชื่อในเว็บคล้ายๆกัน ( ที่กล่าวเช่นนี้เจตนาคืออยากให้สังเกตว่าเป็นคนละท่านกัน หากมีข้อสงสัยจะได้ถามถูกคนครับ ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้ครับ ) สำหรับเจตนาผมคือการแบ่งปันธรรมะให้ท่านที่ไม่เคยทราบได้ทราบ เพราะหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสอนเยอะมาก มากกระทั่งว่า ทุกคนถูกหมด เพียงแต่ถูกมากถูกน้อยตามคติของตน แต่ก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชนที่ยังใฝ่หาค้นหาตามกำลังของตน ตามบารมีที่สร้างและสั่งสมมาครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  8. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    ผมคิดว่าการเล่าความถ้ามองอีกมุม
    บางทีเมื่อเห็นว่า ท่านที่5 ยังขอสะสมความสามารถท่านที่4
    ท่านก็เมตตาปวารณาท่านเอง ออกมารับภารกิจนี้ หรือป่าวครับ
    และ เป็นยุคที่จะเกิดภัยธรรมชาติมากมาย
    และเป็นยุคที่เครื่องมือต่างพัฒนาไปมากแล้ว
    เป็นการจัดสรร แบ่งเบา เพื่อจะส่งให้ถึงยุคภัทรกัปป์สุดท้ายแบบว่าเจริญสุดๆ หรือป่าว
    บางทีคิดบวกก็สนุกไปอีกแบบนะครับ
     
  9. songkranm005

    songkranm005 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +46
    ในเมื่อสมัยนี้ พระุพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว พระธรรมที่ยังพอศึกษาได้(พระไตรปิฎก) พระสงฆ์(ยังมีอยู่ ดีกว่าไม่มีเลย) ผมจะเร่งสร้างเหตุปัจจัยให้รู้ยิ่ง รู้ความจริง ของโลก ตามหลักไตรลักษณ์ ตามมรรคมีองค์แปด จะทำได้แค่ไหน ก็แล้วแต่บุญวาสนาที่สร้างมา และที่จะสร้างในปัจจุบันต่อไปละครับผม สาธุ กับการสนธนาธรรม เพื่อเจริญสร้างปัญญาให้รู้ยิ่งของทุกท่านต่อไปครับ ....ในความคิดส่วนตัว ไม่รอยุคไหนละครับ เอาปัจจุบันนี้แหละครับ
     
  10. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    จะด้วยเหตุอะไรก็ช่าง เหตุทั้งหลายเหล่านั้นเป็น "อจินไตย"
    ยังไงก็ต้องปฏิบัติ สั่งสมบารมีต่อไปเป็นหน้าที่ที่เราจะกระทำได้

    ผมว่าที่ชัดเจนที่สุดคือ ไปถามท่านบนสวรรค์ชั้นดุสิตแน่นอนที่สุดครับ หากว่าไม่ใช่วิสัยที่จะกระทำได้ก็ หยุด ไม่ต้องคิดนั่นคิดนี่ต่อเลยเป็นการดีที่สุด
     
  11. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    เชื่อได้หรือ?

    "เหตุที่คนจำนวนมากเชื่อ"พระศรีอารย์ "จะปรากฏตัวในอีกไม่ช้าข้อเท็จจริงจากพระไตรปิฏก"

    ดูชื่อกระทู้สิครับ
    พระไตรปิฎกยังพิมพ์ผิดเลย

    น่าเชื่อถืออีกหรือ?

    กรรมหนักนะครับ สำหรับผู้ที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา
    น่าสงสารครับ

    อ่านแล้วใช้ปัญญาสักนิด อย่าเพิ่งได้หลงเชื่อมัวเมาไปกับสิ่งที่มาไม่ถึง

    ความเชื่อเรื่องนี้มีมาเป็นระยะๆ และคงจะมีมาต่อเรื่อยๆ

    ใช้ความคิดแบบชาวพุทธที่มีปัญญา
    ไม่ใช่ความคิดแบบดึกดำบรรพ์ที่งมงายตามพ่อมดหมอผี


    ==================================

    ไม่อยากว่าคนที่แต่งขึ้นมานะครับ เพราะเขาต้องรับผลกรรมนั้นอยู่แล้ว
    แต่ผู้ที่อ่านแล้วเชื่อสิครับ เชื่อได้ไง
    พระพุทธองค์ผู้มีปัญญาเป็นเลิศจะคิดถึงเรื่องแบบนี้
    สับเปลี่ยนดอกบัว
    เอาไว้เป็นนิทานพื้นบ้านแล้วกัน แต่ก็เป็นนิทานบาป

    หรือว่าจะเป็นฝีมือของลัทธินอกรีตใดๆ ที่กำลังแพร่หลายอยู่ในขณะนี้
    ที่บ่อนทำลายพระศาสดาและพระพุทธศาสนา
     
  12. Nescafea

    Nescafea สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    "อดีตดับไป ปัจจุบันมิได้คงอยู่ อนาคตยังมาไม่ถึง"
    “น ตสฺส อทิฏฺฐมิธตฺถิ กิญฺจิ
    อโถ อวิญฺญาตมชานิตพฺพํ
    สพฺพํ อภิญฺญาสิ ยทตฺถิ เนยฺยํ
    ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขุ


    สิ่งอะไรๆ ในไตรโลกธาตุนี้ อันพระปัญญาจักษุของพระตถาคตไม่เห็นนั้น ย่อมไม่มี อนึ่ง ธรรมชาติอะไรๆ ที่ควรรู้ อันพระพุทธญาณไม่รู้แจ้ง ย่อมไม่มี ธรรมชาติที่ควรแนะนำใดมีอยู่ พระตถาคตทรงทราบธรรมชาติที่ควรแนะนำทั้งหมด เพราะฉะนั้น พระตถาคตจึงชื่อว่า ผู้มีสมันตจักษุ”

    พระองค์ทรงรู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาตค เราเชื่อว่าพระองค์มองพวกท่านทั้งหลายอยู่ พระองค์เห็นพวกท่าน พระองค์สอนพวกท่านผ่านธรรมของพระองค์ที่ฝากกับกาลเวลามาถึงท่านแล้ว พระศรีศากยมุนีสมนโคดมท่านคือ "พระพุทธเจ้า" พระศรีอารยเมตไตรย ท่านก็คือ"พระพุทธเจ้า" ทั้งสองพระองค์คือ "พระพุทธเจ้า" ดังนั้นท่านก็มีสัพพัญญูตญาณเหมือนกัน ผู้หมุนธรรมจักรในยุคนี้คือใครหรือ บิดาแห่งธรรมแห่งยุคนี้คือใครหรือ อาจารย์ผู้สอนภิกษุยุคนี้คือใครหรือ บรมศาสดาแห่งพุทธศาสนาคือใครหรือ พุทธศาสนิกชน ใครคือศาสดาของท่าน "พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2012
  13. BANRAI

    BANRAI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2007
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +319
    พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีมายาวนาน จะมาแอบสับเปลี่ยนดอกบัวให้เป็นการกระทำผิดที่ลดทอนบารมีลงไปทำไม พระศรีอาริย์ยังไม่เกิดหรอกครับ พุทธศาสนาของพระพุทธโคดมจะอยู่ครบห้าพันปีแน่นอนหลังห้าพันปีโลกจะเสื่อมจากศาสนา
    แต่ว่าโลกไม่แตกครับ แต่จิตใจของคนจะแตก แตกออกเป็นกลุ่ม เป็นลัทธิตามความเชื่อของตัวเองโดยอ้างพระไตรปิฏก พระสูตรต่าง ๆ หรือกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมาเอง มาเป็นพื้นฐานทางความเชื่อของแต่ละกลุ่ม
    สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าเราควรจะทำตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ดีกว่าครับ ทาน ศีล ภาวนา บางครั้งอาจจะไม่ครบหรือยังทำไม่ถึงที่สุดก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่ปฎิบัติเลย
     
  14. dragoona

    dragoona เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +129
    ถึงจะยังไม่รู้แจ้ง อะไรยังไง ผมไม่สน ไม่สักการะสิ่งอื่นนอกศาสนา ที่เอา พระศาสดา มาอ้างเสียๆ แบบนี้อยู่แล้ว ชาตินี้ ตอนนี้ ขณะนี้ ขอสักการะ พระรัตนตรัย เท่านั้น
     
  15. สหพัฒน์

    สหพัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +710
    ในสมัยเฮาอยู่กับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นเคยประกาศให้คณะสงฆ์ทั้งหลาย ได้รับรู้ไว้ว่า เมื่อเราได้ตายไปแล้ว จะมีช้างเผือกหนุ่มตัวหนึ่ง เหาะไปมา แสดงอภินิหาร ให้คนทั้งหลายได้รู้เห็นในความสามารถต่างๆ มากมาย
    ผมก็ไม่เห็นว่าท่านหลวงตามหาบัว ท่านจะเหาะไปเหาะมา แสดงอภินิหารให้ใครได้ดูเลยนี่ครับ หรือว่าผมตกข่าวไป ถ้าท่านหลวงปู่มั่นได้พูดจริงๆ ไม่ใช่หลวงตามหาบัวแน่นอน!! ท่านคนนี้ต้องมีบารมีอย่างน้อยระดับอนิยตโพธิสัตว์หรือบารมีเทียบเท่าหลวงปู่มั่นหรือมากกว่า และท่านผู้นี้ก็เป็นปริศนาบุคคลต่อไปจนกว่าท่านผู้นี้จะปรากฎตัวออกมา...
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
     
  16. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ไอ้คนที่ใช้ชื่อ 2499 นี่มันจัญไรจริง ๆ มันอึแล้ววิ่งหนีหายเลยนะ ปล่อยให้คนอื่นเขามาถกเถียงกันในเรื่องอึที่มันแต่งทิ้งไว้

    "ในทางพระพุทธศาสนา ขอเริ่มต้นด้วยพระไตรปิฏก ๒๐ กัณฑ์์ ที่ อจ.ธวัช เที่ยงประภัสสร์ ปธ. ๙ วัดเบ็ญจมบพิตร รวบรวมไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘"
    ผมอยู่วัดนี้มาสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินชื่อท่านผู้นี้ ถึงแม้จะเป็นรุ่นพี่หลายปี ถ้ามีชื่อเสียงก็ต้องรู้จักกัน และในพระไตรปิฎกมันไม่เคยมีเรื่องที่นำมาโพสนี่หรอก มั่วจริง ๆ

    และผู้ที่จะรวบรวมพระไตรปิฎกต้องเป็นหน่วยงาน ไม่ใช่พระมหาองค์ใดองค์หนึ่ง
     
  17. sith57

    sith57 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +8

    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
     
  18. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    เรื่องพุทธวิสัยนี่มันเกินสติปัญญาของพวกเราท่านๆเสียเหลือเกิน
    เป็นเรื่องที่ไม่ควรคิด คิดไปก็มัวจะทะเลาะกันเปล่าๆ
    พุทธวิสัยนี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายเอาอะไรแน่ไม่ได้
    แม้แต่ผู้ที่ได้รับพยากรณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไปในภายภาคหน้า ดังเช่น หลวงพ่อฤษีลิงดำ หรืออีกหลายๆองค์อื่นๆ ก็จำให้ต้องมีเหตุลาพุทธภูมิ

    เชื่อหรือไม่ว่าระหว่างพุทธภูมิด้วยกันเขาก็เป็นเพื่อนกัน และแข่งกันเพื่อเป็นพุทธเจ้า ในที่นี้หมายถึงแข่งความดี ไม่ใช่เป็นกิเลสความอยาก

    พุทธภูมิบางท่านก็เสียเวลาไปอยู่ในนรก ในขณะที่บางท่านก็แซงล้ำหน้าท่านอื่นก็มี และก็มีไม่น้อยที่อธิฐานเผาร่างกายตังเองเพื่อเป็นพุทธบูชาชาติแล้วชาติเล่า (เสียดายเวลาบนโลกมนุษย์น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้) และก็ยังมีพุทธภูมิบางท่านที่บารมียังอ่อน(ถูกมารครอบงำ) ก็อิจฉาริษยากันเองในหมู่เพื่อนพุทธภูมิ

    นอกจากเขาจะแข่งกันแล้ว เขายังช่วยเหลือกันอีกด้วย เช่น พระโพธิสัตว์ทั้งหลายต่างเกิดมาในช่วงระยะเวลาเดียวกันเพื่อช่วยบ้านเมืองในยามวิกฤติ

    จริงอยู่คำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าย่อมเป็นจริงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ไม่ใช่เป็นหลักตายตัวว่าพระพุทธเจ้าองค์อื่นจะไม่สามารถพยากรณ์เป็นอย่างอื่นได้ ถ้าเหตุปัจจัยเปลี่ยน
     
  19. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    สาธุ _/\_ ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้วตามนั้น
     
  20. beibei

    beibei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +26
    สลับเพราะรัก ไม่อยากให้ทนทุกข์
     

แชร์หน้านี้

Loading...