เหตุที่ใจเป็นทุกข์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NUI, 4 ตุลาคม 2009.

  1. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    เหตุที่ใจเป็นทุกข์
    โดยพระอาจารย์มานพ อุปสโม

    ปัญญาสามารถแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา ปัญหาที่เราแก้ไขไม่ได้ก็เพราะใจของเรานั้นขาดปัญญา และปัญหาที่เราปรารภถึงเราก็ปรารภถึงในประเด็นที่เป็นปัญหาทางใจ ปัญหาต่างๆทั่วไปนั้นไม่ต้องหยิบยกมาทั้งหมด เพราะที่ถือว่าเป็นปัญหาซึ่งมีความสำคัญมากที่สุดคือ “ปัญหาใจ”

    ถ้าใจของเราปราศจากปัญหาเราจะไม่มีความทุกข์ใจ และปัญหาทางใจก็หมายถึงใจเป็นทุกข์ เมื่อใจเป็นทุกข์ก็เลยกลายเป็นปัญหา ปัญหาทางใจได้แก่ความรู้สึกที่เราไม่พึงปรารถนา ความรู้สึกขัดใจ ฯลฯ เรียกว่าปัญหาทางใจทั้งหมด ส่วนความรู้สึกชอบใจที่เราคิดว่าไม่เป็นปัญหานั้น แท้จริงความรุ้สึกชอบใจพอใจก็เป็นตัวปัญหาสร้างปัญหาได้เหมือนกัน

    ที่ว่าความรู้สึกอยากได้ ความรู้สึกพอใจ ความรู้สึกเพลิดเพลิน มองผิวเผินแล้วไม่ใช่ตัวปัญหา แต่ถ้ามองอย่างลึกซึ้งก็เป็นปัญหาได้ เป็นปัญหาอย่างไร? ความรู้สึกเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นกับตัวเราแล้วเราก็อยากให้มันเกิดขึ้นกับเราตลอดไป เรากลัวว่าความรู้สึกเหล่านี้จะหายไปจากเรา เมื่อความรู้สึกนี้หมดไป เราเสียดายไม่อยากให้ความรู้สึกนี้หมดไป อยากให้ความรู้สึกนี้อยู่กับเรานานๆ พอความรู้สึกนี้หมดไปใจเราก็เป็นทุกข์

    ตัวอย่าง เช่นเรามีแฟนที่รักเรามากทำให้เรามีความสุขมากเรารู้สึกพึงพอใจ แต่อยู่มาวันหนึ่งแฟนเกิดเบื่อเราไม่รักเราแล้วเราก็ทุกข์ใจ เสียใจ เพราะเราอยากให้แฟนรักเรานานๆรักเราคนเดียวเหมือนเดิม อยากมีความรุ้สึกดีๆอย่างนี้นานๆตลอดไป แต่เมื่อความรักแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นทุกข์ใจ

    หรืออีกตัวอย่าง เช่นเวลาเรานั่งสมาธิแล้วใจสงบ แต่เมื่อเราออกจากสมาธิเราก็นึกเสียดายในความสงบนั้น จึงนั่งสมาธิใหม่เราก็ปรารภถึงความสงบ พยายามทำจิตให้สงบเหมือนเก่าแต่จิตกลับไม่สงบเหมือนเดิม เมื่อจิตไม่สงบเราก็เลยทุกข์ใจว่าเคยทำได้แต่ขณะนี้ทำไมทำไม่ได้ ทำให้ทุกข์ใจ หงุดหงิดใจ รำคาญใจ ความรู้สึกไม่ดีนั้นก็เป็นปัญหาโดยตรงอยู่แล้ว ความรู้สึกหงุดหงิดใจ รำคาญใจ ขัดใจ ไม่สบายใจ เป็นปัญหาทั้งหมด

    เคยสังเกตบ้างไหม? ว่าคนเราถ้าดีกันมากๆ ก็ขัดใจกันง่าย ถ้าไม่ค่อยดีกันเท่าไหร่ เราก็ไม่ค่อยรู้สึกขัดใจ ยิ่งใกล้ชิดเป็นสามีภรรยาก็ขัดใจกันบ่อยๆ เช่นสามีหรือภรรยาไม่เอาอกเอาใจ ไม่เห็นใจ เราก็รู้สึกขัดใจ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไกลตัวเขาไม่เอาอกเอาใจ ไม่เห็นใจเรา ก็ไม่รู้สึกเท่าไหร่อาจรู้สึกเฉยๆก็ได้ หรือพ่อ แม่ ลูก พี่น้อง เพื่อนรัก ใกล้ตัวก็มีความรู้ขัดใจได้ง่ายเช่นกัน

    ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาที่ใจได้ใจก็ไม่เป็นทุกข์ การแก้ปัญหาให้ใจคลายทุกข์ มีหลายวิธี เช่นคิดดีจะทำให้พูดดีและทำดีไปด้วย มองโลกในแง่ดี มองอย่างเข้าใจ มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ เป็นต้น

    หรือ ฝึกสติดูจิตใจให้เห็นตามความเป็นจริง เช่นเข้าไปเห็นความรู้สึกขัดใจ รำคาญใจ ไม่สบายใจ ไม่พอใจ น้อยใจ ฯลฯ ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับเราจริงๆ แล้วจะเห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า ความรู้สึกมันเกิดขึ้นกับเรา แล้วมันก็หายไป มันเป็นอนิจจังไม่เที่ยง ถ้าเราอยู่กับความรู้สึกเหล่านี้ได้ เห็นความเป็นจริงของมัน คือมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว แล้วก็ดับไป คือความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดแล้วมันก็ดับ ถ้าเราเห็นอย่างนี้ได้ความรู้สึกเหล่านี้ก็ไม่มาทำร้ายใจของเรา

    แต่ที่เกิดปัญหาก็คือ ในขณะที่น้อยใจ ขัดใจ ฯลฯ แล้วลืมดูใจตนเอง เรามัวแต่มองที่คนที่ทำให้เราน้อยใจ ขัดใจ ฯลฯ เราก็เลยน้อยใจ ขัดใจ ฯลฯเขาอยู่เรื่อยๆ เมื่อไปมองดูเขาผู้ทำให้เราน้อยใจ ขัดใจ ทำให้ตัวน้อยใจคราวใหม่ๆ ตัวขัดใจตัวใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ต่อกันไปยาวๆเป็นหางว่าว ก็ทำให้น้อยใจต่อไป ขัดใจกันต่อไป เป็นต้น
     
  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    "แล้วจะเห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า ความรู้สึกมันเกิดขึ้นกับเรา แล้วมันก็หายไป มันเป็นอนิจจังไม่เที่ยง"

    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อนุโมทนาครับ
    เวลาผมเห็นอะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก่อนจะสรุปว่าทุกข์หรือสุข ผมมักจะถามตัวตัวเองว่าเราได้อะไรบ้างจากสิ่งที่เราเห็น เหมือนกันกับการกระทำทุกๆลมหายใจที่เคลื่อนไป เช่น ตอนนี้เรามานั่งอ่านและโพสต์ความคิดที่เกิดขึ้นลงไปได้นั้น เพราะว่าเราได้ยอมรับความคิดนั้นสิ่งที่เป็นไปนั้นของพระก็ดีของฆราวาสก็ดี แล้วเราพิจารณาตามไป ผมพบว่าความแตกต่างของพระผู้ประเสริฐผู้เป็นอริยะหรือเข้าถึงแล้ว คือ ท่านเห็นแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งก่อนและหลังความทุกข์จะเกิด แต่เราผู้เป็นปุถุชนทุกข์เกิดแล้วบางทียังไม่รู้เลยว่านี่มันเป็นทุกข์ ยังนึกว่าสุขอยู่นั้นแหละ แต่อย่างน้อยคือการ พูด อ่าน เขียน ฟัง ด้วยการพิจารณาก่อนนั้นย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ ไอ้ครั้นจะฟังหรืออ่านแล้วรู้และเห็นเฉพาะสิ่งนั้น เหมือนพระอาจารย์บอกว่า นี่คือ ก.ไก่ นะ เราก็ทราบก็รู้แค่ ก.ไก่ เห็นที่ไหนๆ ก็ว่านี่ก็ ก.ไก่ นี่ แต่กลับไม่รู้ว่า ก.ไก่ คือตัวอักษรชนิดหนึ่งที่เป็นทั้ง พยัญชนะและสระได้ จึงมีความหมายอื่นๆตามมาได้อีกมากมาย ดังนั้นที่เรื่องทุกข์ ผมก็ตีความและพิจารณาความหมายของพระอาจารย์พระอาจารย์มานพ อุปสโม เป็นแบบนี้ ความหมายนั้นคืออะไรทำให้รู้ว่านี่คือก่อนหรือเหตุและอะไรคือหลังนี่คือผลของการกระทำ เพราะทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้มีได้ก็เพราะเรา ตัวเรา ใจเรา เวลาเจ็บคนอื่นไม่รู้หรอกว่าที่เราเจ็บ ที่เราเสียใจนั้นเป็นยังไงลักษณะไหน เพราะว่าต้นเหตุคือใจมันคนละดวงกัน เมื่อไหร่ที่เข้าใจมันก็จะไม่รู้ว่าจะทุกข์จะเจ็บไปทำไมอย่างนี้มันเป็นของมันเองเมื่อมันเข้าใจ ในที่นี้มัน...ก็คือ ใจ ของเราเอง
    สาธุธรรมกับเจ้าของกระทู้ครับ
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    สาธุค่ะ
    ใจเป็นใหญ่..ใจเป็นประธาน..
    ใจทุกข์ส่งผลถึงกายได้ค่ะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...