เหรียญหลวงปู่ศุข หลังกรมหลวงชุมพร รศ.129

มีอยู่เหมือนกันครับ 1 เหรียญของปู่ อดีตเคยอยู่สัตหีบ แกเลี่ยมทองไว้ ตอนนี้ผมแกะทองออกไปแล้ว ....เคยอ่านเจอว่าเป็นของเก๊ ...เพื่อนขอเลยให้ไปแล้ว ไม่ได้เก็บไว้...ถ้าแท้ล่ะก้อคงไม่มีวาสนาได้เป็นเจ้าของครับ...

 

เหรียญนี้เป็นลักษณะของการปั๊มแบบนูนต่ำครับ แบบเหรียญสมัยก่อน คือมองแล้วองค์พระจะไม่นูนออกมาเยอะจนเกินไป

 

อ่านเจอในพลังจิตครับ

วิธีดูเหรียญ แท้ ปลอม สร้างเมื่อไร มีเกณฑ์พิจารณาอย่างไร

ในปัจจุบันนี้ พระเครื่องประเภทเหรียญพระพุทธ และเหรียญคณาจารย์รุ่นเก่าๆ โดยเฉพาะเหรียญหลักยอดนิยมในอันดับต้นๆ มีค่านิยมสูงมาก การทำปลอม จึงมีการพัฒนาวิธีการทำได้ใกล้เคียงของแท้มาก เนื่องจากของปลอมนำเหรียญแท้ไปถอดพิมพ์ จึงทำให้ของปลอมมีจุดตำหนิที่ด้านหน้าและด้านหลังของเหรียญ ใกล้เคียงกับของแท้มาก จะแตกต่างกันที่ความชัดของตัวหนังสือ และความชัดของเส้นแตก รูเจาะหูเหรียญ ตลอดจน ขอบข้างของเหรียญ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ในการพิจารณาเหรียญที่สำคัญที่สุด

ท่านจะเห็นได้ว่า ในการซื้อ-ขายเหรียญนั้น ผู้ชำนาญการจะจบลงที่การพิจารณาขอบข้างของเหรียญ ซึ่งเป็นบทสรุปในการพิจารณาว่า แท้หรือไม่ เพราะขอบด้านข้างของเหรียญ ยังไม่สามารถปลอมแปลงได้เหมือน เนื่องจากร่องรอยที่เกิดขึ้นที่ด้านข้างของเหรียญนั้น เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากขั้นตอนการผลิต

การปั๊มตัดข้างเหรียญนั้น แบ่ง ออกเป็น ๓ ยุค คือ

๑. ยุคประมาณ พ.ศ.๒๔๔๐-พ.ศ.๒๔๘๕
๒. ยุคประมาณ พ.ศ.๒๔๘๖-พ.ศ.๒๔๙๙
๓. ยุคประมาณ พ.ศ.๒๕๐๐-ปัจจุบัน

๑. เหรียญช่วงปี พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๘๕
นิยมสร้างเหรียญที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม รูปไข่ รูปทรงอาร์ม และทรงเสมา รูปทรงเหรียญทั้งสี่แบบนี้ สามารถแยกกรรมวิธีการสร้างได้เป็น ๒ ชนิด คือ เหรียญปั๊มชนิดข้างเลื่อย และเหรียญปั๊มชนิดข้างกระบอก ซึ่งเหรียญที่มีกรรมวิธีการสร้างทั้ง ๒ ชนิดนี้มีรายละเอียด คือ เหรียญปั๊มข้างเลื่อย คือ การนำแผ่นโลหะที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของตัวเหรียญ มาทำการปั๊มขึ้นรูปเหรียญ ให้ได้ตามลักษณะรูปทรงของเหรียญ ตามต้องการ จากนั้นนำมาเลื่อยฉลุโลหะส่วนที่เกินออกมาเป็นเหรียญตามรูปทรงนั้นๆ วิธีการนี้จึงเรียกว่า "เหรียญปั๊มข้างเลื่อย" ซึ่งบริเวณด้านข้างของเหรียญจะปรากฏรอยเลื่อยให้เห็นเหรียญปั๊มข้างกระบอก คือ เหรียญปั๊มข้างกระบอกนั้น ส่วนใหญ่โรงงานปั๊มเหรียญจะทำบล็อกกระบอกเป็นรูปทรงกลม และรูปไข่เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการทำกระบอกที่จะนำมาปั๊มเหรียญจะมีวิธีทำที่ไม่ยุ่งยาก และไม่เสียเวลามากนัก แต่เหรียญที่มีข้างกระบอกไม่ได้มีเพียงรูปทรงกลมและรูปไข่เท่านั้น รูปทรงเสมาและรูปทรงอาร์มก็มีเช่นกัน แต่น้อยมาก เนื่องด้วยกรรมวิธีการทำที่ยุ่งยากกว่า

เท่าที่พบในการสร้างเหรียญปั๊มข้างกระบอก รูปทรงอาร์ม และรูปทรงเสมา ในปี พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๘๕ ก็มีเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ พิมพ์ขอเบ็ด เหรียญหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก พิมพ์หน้าใหญ่ เป็นต้น

การปั๊มแบบข้างกระบอก คือ การนำแผ่นโลหะมาเลื่อยตามรูปทรงของเหรียญที่จะทำการปั๊ม เพื่อเข้ากระบอก และทำการปั๊มรูปเหรียญนั้นๆ แผ่นโลหะที่ถูกแรงกระแทกจากการปั๊มขึ้นรูปนั้นขอบด้านข้างจะปลิ้น ไปเบียดกับขอบกระบอก ที่เป็นตัวบังคับดังนั้น ด้านข้างของเหรียญปั๊มชนิดนี้จึงเรียบเนียน เนื่องจากการปั๊มเข้ากระบอก โดยมีตัวกระบอกเป็นตัวบังคับ แต่หากพบรอยเส้นทิวบางๆ ในขอบข้างของเหรียญชนิดนี้ก็อย่าตกใจ เพราะสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากการที่ช่างแต่งตัวบล็อกกระบอก ที่จะปั๊มเหรียญไม่เรียบ เวลาปั๊มออกมาจึงมีลักษณะไม่ค่อยเรียบตามตัวบล็อค

๒. เหรียญปั๊มข้างตัด (ปั๊มตัดแบบยุคเก่า)
การสร้างเหรียญชนิดนี้จะอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ.๒๔๘๖-๒๔๙๙ เนื่องจากการสร้างชนิดแบบเก่าที่มีการเข้ากระบอก และแบบเลื่อยขอบ มีความยุ่งยาก และเสียเวลา อีกทั้งในช่วงนี้เริ่มมีวิวัฒนาการในการสร้างเหรียญปั๊มขึ้นมาตลอด เครื่องจักรก็เริ่มมีความทันสมัยขึ้น โรงงานมีการทำตัวตัดขึ้นเพื่อความสะดวกในการตัดเหรียญให้ขาด โดยไม่ต้องมาเลื่อยให้เสียเวลาอีก แต่การปั๊มเหรียญและตัดในยุคนั้น จะแตกต่างกับเหรียญในปัจจุบัน คือ ด้านข้างของเหรียญจะมนๆ ไม่ค่อยมีริ้วรอยมากนัก อีกทั้งเหรียญช่วง พ.ศ.นี้ลักษณะของเหรียญด้านหน้าจะนูนเล็กน้อย แต่ด้านหลังจะเป็นแอ่งกระทะ ซึ่งเกิดจากการปั๊มและตัดเหรียญนั่นเอง ตัวอย่างของเหรียญที่สร้างขึ้นในยุคนี้ เช่น เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง บล็อกยันต์วรรค ปี ๒๔๘๖ เป็นต้น

๓. เหรียญปั๊มยุค พ.ศ.๒๕๐๐-ปัจจุบัน
ในยุคนี้มีการพัฒนาตัวตัดด้านข้างเหรียญที่ทันสมัย เพื่อความสะดวกในการตัดเหรียญจำนวนมากๆ การพัฒนาตัวตัดยุคนี้จึงค่อนข้างคมชัด บางครั้งในเหรียญหลวงพ่อเดียวกัน มีตัวตัด ๒ ตัว เนื่องจากการสร้างเหรียญในแต่ละครั้งมีจำนวนมากขึ้น เช่น หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รุ่น ปี พ.ศ.๒๕๐๐ และเหรียญ ๒๕ พุทธศตวรรษ เนื้อทองคำ และเนื้อเงิน ด้วยเหตุนี้ตัวตัดในยุคนี้จึงค่อนข้างคม เพื่อสะดวกในการตัดเหรียญจำนวนมากๆ

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องเหรียญ สามารถศึกษาข้อมูลได้ในหนังสือ "เปิดตำนานเหรียญ" ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมเหรียญดังทุกยุค ทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ที่นิยมในวงการพระเครื่อง รวมทั้งเรื่องของเหรียญเก่า เหรียญแพง เหรียญหายาก ที่ยังไม่มีการทำปลอม โดยจะมีรายละเอียดทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และขอบของเหรียญ

ที่มา : http://palungjit.org/threads/@ขอบเลี่อย-ขอบกระบอก-ขอบปั้มตัด-ฐานกลึง@.298983/

ถ้าเป็นเหรียญช่วงปี พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๘๕ จะทันหลวงปู่ศุขปลุกเสกไหม ครับ

 

ผมเห็นด้วยครับ การวิเคราะห์แบบเป็นเหตุเป็นผลดีมากๆ แล้วถ้า "เหรียญต้นฉบับ" ไม่มีเลข "๐๔" แต่เตรียมพื้นที่ว่าง เพื่อให้สามารถ "เปลี่ยน พ.ศ." ที่สร้างได้ตลอดเวลา เช่น ๐๕ ๐๗ ๑๕ เป็นต้น จะเป็นไปได้ไหมครับ

ส่วนผู้สร้างก็น่าจะเป็น "ฆารวาส" เพราะเตรียมการสร้างเป็นรุ่นๆกันเลย เปลี่ยนแค่ พ.ศ. เท่านั้น ผมเห็นด้วยกับข้อมูลที่ว่า "กรมอู่ทหารเรือ" เป็นผู้จัดสร้าง เพราะ เสด็จฯกรมหลวงชุมพรเป็นที่เคารพรักของทหารเรือมาก เลยนำท่านมารวมอยู่ในเหรียญเดียวกับหลวงปู่ศุข ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน แต่ภายหลังคงมีเสียงวิพากย์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม เลยยกเลิกการสร้างเหรียญรุ่นต่อๆมาไปโดยปริยาย ทำให้เป็นโอกาสทองของเหรียญเก๊ เหรียญโรงงาน รวมถึงไม่มีข้อมูลแน่ชัดในการสร้าง เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวข้างตัน..ครับ

(ขออนุญาตินำภาพในกระทู้มาใช้ในการเปรียบเทียบ..เพื่อการศึกษาครับ)

 

ผมก็มีอยู่ 1 เหรียญ ได้มาจากกล่องพระของพ่อหลังจากท่านเสียไปเมื่อต้นปีที่แล้ว

 

เก๊100แน่นอนชองแท้ดูง่าย

 

เหรียญนี้ดูดีนะครับ ผมว่าถ้าเหรียญสมัยนั้น ต้องปั๊มเอาก็เลยใช้วัสดุที่เนื้ออ่อนเช่น ทองแดง หรือ ทองเหลือง เพื่อให้ง่ายต่อการปั๊มขึ้นรูป แล้วจึงนำมาชุบเพื่อให้เป็นสีเงิน เพื่อให้ดูมันเงา...

 

เหรียญรุ่นนื้น่าสนใจมาก อ่านมาหลายที่ข้อมูลก็ต่างกันไป บังเอิญมีอยู่เหรียญนึงก็ขอแชร์บ้าง รูปแรกเป็นของคุณ..คนมุกดาหาร(ขออนุญาติก๊อปรูป)จากอีกเว็ปนึง ซึ่งมีคนแสดงความเห็นหลายคนว่าแท้ ดูดึกว่าทุกเหรียญที่โพสกันมากมาย รูปที่2เป็นของผมเอง เอามาเทียบกันดูทุกตัวอักษร ทุกลายเส้น รูปใบหน้าทุกรายละเอียด รูปเครึ่องราชฯดูกันทีละจุด ผมเชึ่อว่ามาจากบล็อคเดียวกัน แตกต่างที่ของผมมีรอยเส้นใต้ตัวหนังสึอ (มีผู้รู้บอกว่าเกิดจากแรงกระแทกตอนปั๊มทำให้บล็อคแตก รอยแบบนี้เห็นมีบางแบบพยายามลอกเลียนแต่ดูไม่เป็นธรรมชาติ) ส่วนตำหนิจากการปั๊มก็มีต่างกันเล็กน้อย...สรุป เป็นบล็อคเดียวกันแน่นอน,,,,,แต่เดี๋ยวก่อน,,,,,มาดูด้านหลังเหรียญกัน รูปที่3 เป็นของคุณ..คนมุกดาหาร เหรียญเดิม รูปที่4 เป็นของผม เหรียญเดิม เทียบกันดูลายเส้นทุกตัวอักษรต่างกัน ตำแหน่งไม้เอกที่หลายคนใช้เป็นจุดสังเกตุก็ต่างกัน รูปหลวงพ่อเทียบไม่ออกเพราะเหรียญสึก ส่วนของผมเห็นลายเส้นชัดเจนอยู่ ดูโดยรวมแล้ว......สรุป เป็นคนละบล็อค! ....เอ๊ะ หน้าใช่แต่หลังไม่ใช่ ผมกำลังคิดว่า เหรียญนี้น่าจะมีหลายบล็อคในการปั๊มสลับกันไป ทำให้มีเหรียญออกมาหลายแบบจากการผลิตเหรียญ ในครั้งนั้นแต่ใกล้เคียงกันมากๆ เพิ่มเติมนิด..สีเหรียญผมในรูปเพี้ยนไปหน่อย จริงๆเป็นสีเหลีองนิดๆแบบเดียวกัน และให้ดูขอบเหรียญอีกรูป ขอบเรียบเนียนๆ

 

แท้ไหมคับ

สนใจติดต่อ 0857353525

 

แล้วอย่างองค์นี้หล่ะครับ วิจารณ์ด้วยครับ

 

ดูของผมให้บ้างครับ ท่านใดดูออกมั้ง

 

อีกด้าน

 

เป็นงงมาก ๆ ครับ


ตามประวัติ กรมหลวงชุมพร เป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า (หลวงปู่ศุข) แล้วทำไม ท่านถึงว่า อยู่คนละสมัย** และ ไม่เกี่ยวข้องกันละครับ



**พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประสูติเมื่อ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2423 สิ้นพระชนม์เมื่่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466
**พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า เกิด พ.ศ. พ.ศ. 2390 มรณภาพเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2466

 

มั่วแล้วครับท่านกรมหลวง กับหลวงปู่ศุข ท่านผูกพันกันมากนะครับ แล้วเหรียญตายหลักล้านของท่านที่แจกงานพระศพก็หลวงปู่ศุขนี่ล่ะเป็นคนปลุกเสก

 

ขออภัย ลบออกแล้ว หลงๆลืมมๆ ดันไปคิดเรื่อง สมเด็จ กับ ร.5 (เพิ่งอ่านเรื่องสมเด็จมา) ขออภัยจริงๆ อายุ 60กว่าแล้ว ทุบกระโหลกตัวเองเสียทีหนึ่ง ปล่อยไก่ออกไปได้ ...สาธุ แต่เหรียญกรมหลวงชุมพร รุ่นหนึ่งเป็นเหรียญผีแน่นอน

 

มีเหรียญนึงครับ ลองพิจารณาให้หน่อยครับ

 

รบกวนช่วยตรวจสอบด้วยครับ

 

ของแท้รึป่าวครับ

 

หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ท่านมรณภาพเมื่อ เดือน ๑ ปีกุน พ.ศ. ๒๔๖๖ ไม่ปรากฏวันที่ที่แน่นอน คำนวณอายุได้ ๗๖ ปี

เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร ในปีพ.ศ. ๒๔๖๓ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้เลื่อนพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์ ขึ้นเป็นกรมหลวงมีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สิงหนาม ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ ฯลฯ (คำ "เขตร์" ในพระนามเปลี่ยนเป็น "เขต" ด้วย) ท่านสิ้นพระชนม์ที่ ตำบลทรายรี ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ สิริพระชนมายุได้ ๔๓ ปี

ทั้ง 2 ท่าน เสียชีวิตลงในปีเดียวกันคือปีพ.ศ. 2466 และเป็นลูกศิษย์-อาจารย์ที่มีความใกล้ชิดกันมาก ผมมีความเห็นว่า คนที่สร้างเหรียญนี้ ตั้งใจสร้างถวายอุทิศให้หลังปีพ.ศ. 2466 ก่อนปี พ.ศ.2500 แน่นอน ซึ่งตรงกับยุคการสร้างเหรียญแบบข้างกระบอกพอดี ข้อมูลสัมพันธ์กันครับ

ส่วนเหรียญที่มีคำว่า ร.ศ.129 ซึ่งตรงกับปีพ.ศ.2454 นั้น (2325+129) น่าจะทำย้อนยุค เพราะข้อมูลไม่สัมพันธ์กัน คือในปีนั้นทั้ง 2 ท่าน ยังมีชีวิตอยู่ และลักษณะเหรียญจะเป็นแบบตัวตัดแบบใหม่ครับ









ที่สำคัญ เซียนทั้งหลายบอกว่าไม่มีในสาระบบ หลวงปู่ศุข ไม่ได้ปลุกเสก ก็อาจจะถูกต้องแค่ครึ่งเดียว หลวงปู่ท่านไม่ได้ปลุกเสก แต่น่าจะมีการสร้างแน่นอน อาจจะสร้างน้อย หรือสร้างเป็นที่ระลึกเฉพาะในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสร้างเฉพาะสำหรับตระกูลอาภากร (https://th.wikipedia.org/wiki/พระเจ้าบรมวงศ์เธอ_พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์_กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) ครับ