พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

พระขุนแผนวัดจีน เลี่ยมกรอบเงินแท้ทำมือสามห่วงพร้อมแขวน

ให้บูชา 1,850 บาท

 

สิงห์สาริกา r แกะ

เป็น r แท้ๆ แกะขนาดเล็กมากๆ เป็นงานแกะมือยุคเก่า ไม่ใช่เครื่องจักรทำแบบสำเร็จออกมาวางขาย เพราะมีร่องรอยสิ่ว แกะ ไม่ยัดว่าเป็นหลวงพ่อใด แต่ รับประกันว่า มีครูบาอาจารย์ท่านตั้งใจทำใว้ให้คนบูชาได้พุทธคุณแน่นอนครับ

บูชา 450 บาท

 

ปิดครับ

 

ปิดครับ

 

เหรียญจตุรพิธพรชัย หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค นครสวรรค์ ปี 18


คำว่า “จตุรพิธพรชัย” คือ พรที่จะทำให้เกิดความสวัสดีมีชัย 4 ประการ โดยพรทั้ง 4 ประการนี้ คือ
1. อายุ คือให้มีอายุยืน มีชีวิตที่ดี
2. วรรณะ คือให้มีความสวยงาม มีชื่อเสียงเกียรติยศ
3. สุขะ คือให้มีสุขภาพแข็งแรง สุขกายสบายใจ มีความสะดวกสบาย
4. พละ คือให้มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ มีพวกพ้องบริวาร

พรทั้ง 4 ประการนี้เป็นพรที่พระพุทธเจ้าตรัสให้ไว้ จึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัจพจน์สืบทอดมาถึงปัจจุบันนี้

เหรียญจตุรพิธพรชัย 9 พระอาจารย์ คือการจัดสร้างเหรียญพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงเวทย์วิทยาคม 9 รูป ในคราวเดียวกัน

จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกที่วัดรัตนชัย เมืองกรุงเก่า อยุธยา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2518

ความเป็นมาในการจัดสร้าง “นายเรียน นุ่มดี” อดีตผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมัยที่ท่านเป็นผู้บัญชาการเรือนจำเมืองกรุงเก่า ได้ใฝ่ในการพระศาสนาตามวัดวาอารามต่างๆมาโดยตลอด ก่อนเกษียณท่านได้มีโครงการทำบุญใหญ่บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่วัดเขาใหญ่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และเป็นวัดที่ใกล้บ้านเกิดที่สุพรรณบุรี

จึงได้นำความเบื้องต้นเข้ากราบเรียนขอความแนะนำจากหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก พระนครศรีอยุธยา ในเรื่องการจัดสร้างเหรียญจตุรพิธพรชัยฯ และพระพิมพ์ต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการพระศาสนา หลวงปู่ได้เมตตาแนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดสร้างวัตถุมงคล ตลอดจนการนิมนต์ครูบาอาจารย์มาร่วมปลุกเสกในพิธี

วัตถุมงคลที่จัดสร้างประกอบด้วย พระสมเด็จ 9 ชั้น เนื้อผง , พระแก้วมรกต 3 ฤดู เนื้อผง , พระสามสมัยเนื้อผง (พิมพ์เชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง) , พระภควัมบดี เนื้อผง (พระปิดตามหาลาภ) , พระสมเด็จหลังรูปเหมือนสมเด็จโต , พระพุทธศรีมณฑป อ่างทอง ปี 2517

แต่ที่นับว่าโดดเด่นเป็นที่นิยมของเหล่านักเล่นเหรียญเกจิอาจารย์นั้นก็คือ "เหรียญจตุรพิธพรชัย 9 พระเกจิอาจารย์" อันประกอบไปด้วย

1. หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ อายุ 125 ปี วัดเขาถ้ำบุญนาค จ.นครสวรรค์
2. พระครูประสาธน์วิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา
3. พระครูสันทัศธรรมคุณ (หลวงพ่อออด) วัดบ้านช้าง จ.พระนครศรีอยุธยา
4. พระรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลยก์ จ.ลพบุรี
5. พระครูประสาทวรคุณ (หลวงพ่อพริ้ง) วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี
6. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท
7. หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา
8. พระราชสุวรรณโสภณ (โกย) วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา
9. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี

เหรียญจตุรพิธพรชัย 9 พระอาจารย์ จำนวนที่สร้างรูปละ 5,999 เหรียญ รวมจำนวนเหรียญทั้งสิ้น 53,991 เหรียญ

จัดสร้างแค่ 2 ชนิดเนื้อโลหะ
- เนื้อเงิน (มีเฉพาะบางพระอาจารย์)
- เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง (น้อยมาก) และทองแดงรมดำ

รูปทรงนั้นเป็นเหรียญรูปไข่ ขนาดกว้างประมาณ 2.4 ซ.ม. สูง 3.3 ซ.ม.

ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อแต่ละรูปในแบบครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่ ที่สังฆาฎิมีเลข ๙ ไทย (เป็นสื่อสัญลักษณ์ว่าเหรียญรุ่นนี้มี 9 อาจารย์) โดยจารึกนามพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นเจ้าของเหรียญ วัด และจังหวัด ไว้ชิดขอบเหรียญโดยรอบ

ด้านหลังเป็นอักขระยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อนั้นๆ โดยมุมทั้งสี่ของอักขระยันต์มี
ข้อความว่า “อายุ วรรณะ สุขะ พละ” ในทุกเหรียญ และใกล้ขอบเหรียญโดยรอบ มีข้อความว่า “เหรียญจตุรพิธพรชัยที่ระลึกในการปฏิสังขรณ์ วัดเขาใหญ่ สุพรรณบุรี”

การจัดสร้างเหรียญจตุรพิธพรชัยครั้งนั้น นายเรียน นุ่มดี ซึ่งผู้เป็นประธานดำเนินงาน ได้มีความวิริยะอุตสาหะอย่างเอกอุ เป็นผู้เสียสละทั้งกำลังทุนทรัพย์และกำลังกาย มิได้เห็นแก่ความเหนื่อยยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอาราธนาพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม ซึ่งเป็นผู้เลื่องลือกิตติคุณในสมัยนั้น มาจากต่างวัด ต่างภูมิภาคกัน ให้มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกอย่างพร้อมเพรียงกัน

โดยเบื้องต้นได้นำเหรียญของแต่ละอาจารย์ไปขอความเมตตาให้ท่านช่วย "ปลุกเสกเดี่ยว" ตามแต่ละวัดของตนเองทั้ง 9 วัด และเมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือน จึงไปรับเหรียญคืนเพื่อนำมาจัดพิธีมหาพุทธาภิเษกรวมอีกครั้งที่วัดรัตนชัยจ. พระนครศรีอยุธยา ต่อไป

พิธีมหาพุทธาภิเษกมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ จ.ศ. 1337
- ในเวลา 15.09 น.โหรประกอบพิธีบูชาฤกษ์
- เวลา 16.03 น. – 16.21 น. มหามงคลฤกษ์ ประกอบพิธีจุดเทียนชัย
- เวลา 16.30 น.พระเถระ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ในพิธี (ในพระอุโบสถวัดรัตนชัย)
- เวลา 19.09 น. พระพิธีธรรม 4 รูป เจริญพระคาถาพุทธาภิเษก พระคณาจารย์ 16 รูป เข้าประจำอาสนะปรก

เกจิอาจารย์ที่รับนิมนต์มาร่วมพิธีมีทั้งหมด 16 รูป (ตัวเลข 16 รูป เป็นตัวเลขมงคลที่เรียกว่าโสฬสมงคล) ได้แก่...

1. พระครูสังวรวิมล (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี จ.กรุงเทพฯ
2. พระครูประสาทวิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา
3. พระรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
4. พระโบราณคณิสสร (หลวงพ่อใหญ่) วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา
5. พระครูประสาทวรคุณ (หลวงพ่อพริ้ง) วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี
6. พระครูสันทัดธรรมคุณ (หลวงพ่อออด) วัดบ้านช้าง จ.พระนครศรีอยุธยา
7. พระครูกัลยานุกูล (หลวงพ่อเส่ง) วัดกัลยาณมิตร จ.กรุงเทพฯ
8. หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท
9. พระครูอดุลวรวิทย์ (หลวงพ่อไวทย์) วัดบางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา
10. หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา
11. พระราชสุวรรณโสภณ วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา
12. พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
13. พระครูสังฆรักษ์ (หลวงพ่อเฉลิม) วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา
14. พระครูภัทรกิจโกศล (หลวงพ่อหวล) วัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา
15. หลวงพ่อโปร่ง วัดขุนทิพย์ จ.พระนครศรีอยุธยา
16. หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดเขาถ้ำบุญนาค จ.นครสวรรค์ (ศิษย์ก้นกุฎิของหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค มาในนามของท่าน)

ครูบาอาจารย์หลายรูปรวมถึงหลวงพ่อกวยกล่าวกับศิษย์ของท่านว่า "พิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก" พิธีนี้หลวงปู่ดู่ท่านให้นายเรียนนิมนต์ “หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค” มาร่วมพิธีพุทธาภิเษก แต่ขณะนั้นท่านอายุมากถึง 126 ปี ท่านจึงมอบหมายให้พระอาจารย์สมบูรณ์ ศิษย์ก้นกุฎิและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในขณะนั้นไปร่วมพิธีในนามของท่าน แต่จะว่าไปแล้วเรื่องที่คนคิดไม่ถึงก็คือ หลวงปู่สีท่านก็ได้ส่งญาณมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกเช่นเดียวกัน เพราะท่านถือว่า "ท่านรับนิมนต์หลวงปู่ดู่ไว้แล้ว"

ว่ากันว่านอกจากหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค จะส่งญาณมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ยังมีพระเกจิฯอีกรูปหนึ่งที่ส่งญาณมาร่วมพิธีเช่นกัน คือ “หลวงปู่ดู่ วัดสะแก” เพราะท่านรับปากกับนายเรียนว่าจะช่วยปลุกเสกให้อย่างเต็มที่

มหาพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลจตุรพิธพรชัยที่วัดรัตนชัยเมื่อปี พ.ศ. 2518 นั้น หลวงพ่อกวยท่านพบอภินิหารของพระคณาจารย์ผู้ร่วมพิธีปลุกเสกหลายรูปด้วยกัน เมื่อท่านเดินทางกลับมาถึงวัดโฆสิตารามได้เล่าให้คณะศิษย์ฟังว่า พระวัดกลาง (หมายถึงหลวงพ่อนอ) มีคุณวิเศษในทางมหาอุดเป็นเลิศ พระวัดบ้านช้าง (หมายถึงหลวงพ่อออด) มีความเข้มขลังทางคงกระพันชาตรี เวลาปลุกเสกตัวเฑาะว์จะหลุดลอยออกมาจากในปาก พระวัดโบสถ์ (หมายถึงหลวงพ่อพริ้ง) มีดีทางแคล้วคลาด กำบังภัยอย่างยอดเยี่ยม

ด้วยความเข้มขลังและประสบการณ์การใช้บูชา ทำให้เหรียญจตุรพิธพรชัยเป็นเหรียญยอดนิยมในหมู่นักสะสมเหรียญคณาจารย์ตลอดมา ราคาเช่าหาสูงขึ้นเป็นลำดับ เพราะเชื่อว่าเปี่ยมด้วยบารมีของพระดี-เกจิดังทั้ง 9 รูป แถมยังมีพระผู้ทรงวิทยาอาคมระดับประเทศมาร่วมปลุกเสกเพิ่มเติมให้อีกด้วย บรรดาเหรียญเกจิอาจารย์ทั้ง9รูปนั่น เหรียญหลวงพ่อกวย ราคาไปหลายหมื่นบาทจนจะทะลุแสน(สวยๆสมบูรณ์)นานแล้ว ตามด้วยหลวงปู่สี ที่ราคายังพอจับต้องได้ หลัก1-20,000 บาท แล้วแต่ความสวย เกจิอีก7ท่านนั้นราคา4,000-6,000 บาท อนาคต ราคาคงไปไกลมากเพราะจำนวนการสร้างไม่มากนัก

เหรียญนี้รมดำเดิมๆ สวยมาก มาพร้อมใบรับประกันพระแท้ชัดเจน

 

รูปเหมือนเนื้อชานหมากผสมเกศา หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม ปี2537 สร้างน้อยมากๆครับ เกศาชัดเจน มาแบบกล่องเดิมๆ เก่าจัด

บูชา 550 บาท

 

ที่ระลึกเรียบพระนคร ปี 2506 เนื้อผงใบลาน พิธีวัดบวรฯ ปลุกเสก ลป.นาค วัดระฆัง,ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี,ลพ.เงิน วัดดอนยาหอม ลป.ทิม วัดละหารไร่,ลพ.มุ้ย วัดดอนไร่ เป็นต้น

8 ธ.ค.2506 เสด็จเลียบพระนคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯเลียบพระนคร โดยเสด็จพยุหยาตราใหญ่สถลมารค โดยทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ และทรงพระมาลา ตามพระราชประเพณีโบราณ เสด็จออกเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ประทับพระที่นั่งราชยานพุดตานทอง เพื่อเสด็จพระราชดำเนินยังวัดบวรนิเวศวิหาร พระราชพิธีนี้ขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่จัดครั้งสุดท้ายในสมัยรัชกาลที่ 7
พระสภาพสวย รับประกันแท้

บูชา 550 บาท

 

รูปหล่อหลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก

รุ่นแรกปี 2527 กล่องเดิมๆ รับประกันแท้

บูชา 650 บาท

 

เหรียญหลวงพ่อหินศักดิ์สิทธิ์ วัดป่าแป้น ปี 17 จ.เพชรบุรี

หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ปลุกเสก พระมีประสบการณ์ ปี2561
รับประกันแท้

บูชา 500 บาท

 

ปิดครับ

แผ่นปั๊ม หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี ปี 2533 เนื้อทองแดง ซองเดิม

เป็นรางวัลในการประกวดพระเครื่อง ของจ.นนทบุรี ป๋า พยัพ นำตะกรุดเก่าของวัดสะพานสูงมาหลอมปั๊ม ทำขึ้นมา ขนาดตั้งบูชา ไม่ใหญ่ไม่เล็กครับ หายาก รับประกันแท้

 

เหรียญพุฒซ้อนใหญ่ (ขี่คอ)

หลวงพ่อทวด หลังพ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ ปัตตานี รุ่นแซยิดเศรษฐี97 พ.ศ.2556 เนื้อสัตตะ (กรรมการ) หมายเลข 10309

พร้อมกล่องเดิมจากวัด

บูชา 350 บาท

 

พระรอด วัดโคนอน ปี 15 (หลวงปู่โต๊ะ ปลุกเสก)พระเนื้อชินตะกั่ว (ผสมเนื้อตะกั่วเก่าของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง) วัดโคนอน หลวงปู่โต๊ะปลุกเสก ปี พ.ศ. 2515

วัดโคนอน เขตภาษีเจริญ ธนบุรี ในอดีต เคยเป็นที่จำพรรษาของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง และหลวงปู่รอด อาจารย์ของท่าน และได้สร้างพระปิดตาเนื้อชินตะกั่ว บรรจุกรุไว้ และมีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการในราวปี 2512 จน มากระทั่งปี 2514-2515 ทางวัดโคนอนได้มีการยกช่อฟ้าอุโบสถหลังใหม่ ท่านเจ้าอาวาสจึงได้นำแท่งชินเก่าของหลวงปู่เอี่ยม และเศษพระปิดตาที่พบจากกรุวัดโคนอนที่ชำรุดมาหลอมรวมสร้างพระขึ้นใหม่ และนิมนต์พระเกจิผู้ทรงคุณจากทั่วประเทศ มาร่วมพิธีปลุกเสกพระชุดนี้เพื่อแจกแก่ผู้มีจิตศรัทธาเป็นที่ระลึกเมื่อวัน ที่ 1 เมษายน 2515

พิธีปลุกเสกเริ่มในวันที่ 25 มีนาคม 2515
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นเจ้าพิธี
หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง,
หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม,
หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม,
หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ,
หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราฯ,
หลวงพ่อมิ วัดสิงห์,
หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม,
หลวงพ่อผ่อง วัดจักรวรรดิ์ฯ,
หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ,
หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส,
หลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง,
หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี,
หลวงพ่อบุญ วัดจันทรังษี,
พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม,
หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก,
หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย,
หลวงพ่อเล็ก วัดหนองดินแดง,
หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยา,
หลวงพ่อสุด วัดกาหลง,
หลวงปู่หิน วัดระฆัง
เจ้าคุณผล วัดหนัง
และคณาจารย์อีกมากมายในยุคนั้นร่วมปลุกเสก
ใครที่ชอบหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หรือหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ใช้แทนกันได้สบาย พระรอด วัดโคนอน ปี 15 จัดอยู่ในทำเนียบของ ดีราคาเบาๆ น่าบูชาครับ เนื่องจากจำนวนการสร้างมาก แต่พิมพ์นี้สร้างน้อย แต่ปัจจุบันคนตามเก็บกันมากเนื่องจากประสบการณ์มากมาย เริ่มหาได้ยากและแต่ราคายังเบา ทุกองค์จะต้องมีคราบปรอทอยู่ รับประกันแท้

บูชา 400 บาท

 

พระหลวงพ่อกวยท่าน ถ้าพบเจอ ถึงเป็นย้อนยุค ไม่แพงก็เก็บๆใว้บ้างนะครับ

 

เหรียญหลวงพ่อแดง(พระครูญาณวิลาศ) วัดเขาบันไดอิฐ รุ่น จปร. ปี ๒๕๑๓ โค๊ต-แดง


ปลุกเศกโดยหลวงพ่อแดง-พิธีใหญ่-นายทหารตำรวจใหญ่ๆมากมาย พร้อม ตอกโค๊ตคำว่า"แดง"ซึ่งเป็นชื่อหลวงพ่อ ถอดมาจากลายมือหลวงพ่อ
(ที่ระลึกรับราชการครบ 30 ปี นายทหาร นายตำรวจ จปร)

"พุทธคุณสุดยอด.... หารุ่นแรกไม่ได้ก็แนะนำรุ่นนี้ครับ"
พ.ศ.ลึก ราคาไม่แพงเกินไปน่าบูชาหรืิสะสมเพื่ออนาคต....พระแท้ทันหลวงพ่อแน่นอนนอน

ประวัติ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ

"หลวงพ่อแดง" แห่งวัดเขาบันไดอิฐ ท่านเป็นพระเกจิที่มีญาณสมาธิแก่กล้า มีจิตตานุภาพสูงพอที่จะเพ่งเครื่องรางให้ขลังได้ ผ้ายันต์และเหรียญลงยันต์ของหลวงพ่อแดงจึงมีผู้นิยมเ สาะหาไปบูชากันมาก แม้ท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ 16 มกราคม พ.ศ. 2517 แต่ความนิยมเลื่อมใสศรัทธา ความเชื่อมั่นในกฤตยาคม อภินิหาร และอาคมขลังในวัตถุมงคลของท่านก็ยังไม่เสื่อมคลาย หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีอะไรดี ทำไมใครๆ ทั่วสารทิศจึงพากันมาวัดเขาบันไดอิฐกันไม่ขาดสาย...

"หลวงพ่อแดง" หรือ "พระครูญาณวิลาศ" เกิดที่ ต.บางจาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี บิดาชื่อนายแป้น มารดาชื่อนางนุ่ม นามสกุล อ้นแสง เกิดเมื่อวันพุธ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 11 พ.ศ. 2422 ในวัยเด็กท่านก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำนา ไม่มีโอกาสร่ำเรียนหนังสืออย่างเด็กสมัยนี้จนกระทั่ง อายุ 20 ปี พ่อแม่ก็หวังจะให้บวชเรียน จึงพาไปฝากกับท่านอาจารย์เปลี่ยน วัดเขาบันไดอิฐ เพื่อจะได้เล่าเรียนและบวชเป็นพระภิกษุต่อไป

พระภิกษุแดงเมื่อได้บวชก็ประพฤติเคร่งครัดต่อพระวินั ยและปฏิบัติต่อพระอาจารย์เปลี่ยนเป็นอย่างดี อาจารย์เปลี่ยนจึงรักใคร่มากกว่าศิษย์คนอื่นๆ และยังไดสอนวิชาการวิปัสสนา และวิธีนั่งปลงกัมมัฏฐานให้ รวมถึงถ่ายทอดวิชากฤตยาคมให้อย่างไม่ปิดบังหวงแหน เหตุนี้จึงทำให้พระภิกษุแดงเพลิดเพลินในการศึกษาวิชา ความรู้ จนลืมสึก ยิ่งนานวันก็ยิ่งสำนึก ในรสพระธรรม ก็เลยไม่คิดสึกเลย จึงกลายเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่มีอาวุโสสูงสุด

จนกระทั่งพระอาจารย์เปลี่ยนมรณภาพลง พระภิกษุแดงรับหน้าที่เป็นสมภารวัดเขาบันไดอิฐแทน กลายเป็น "หลวงพ่อแดง" ตั้งแต่ พ.ศ. 2461 เป็นต้นมา และแม้ท่านจะได้เป็นสมภารซึ่งต้องมีภารกิจมาก แต่ท่านก็ยังปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิในถ้ำเพื่อแสวงหาวิมุตติภาวนาทุกวัน ญาณสมาธิจึงแก่กล้า จิตนิ่ง บริสุทธิ์ จนว่ากันว่าท่านมีหูทิพย์ ตาทิพย์

หลวงพ่อแดงไม่เคยอวดอ้างในญาณสมาธิของท่าน แต่ผลของความศักดิ์สิทธิ์ในเลขยันต์เป่ามนต์ของท่านก ็ได้สำแดงออกมาให้ประจักษ์ว่าคุ้มครองป้องกันภัยได้แ น่ๆ โดยมีเรื่องเล่ากันมาว่า

ในระหว่าง พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ. 2480 เวลานั้นเกิดโรคระบาดสัตว์ วัวควายเป็น โรครินเดรอ์เปรส ซึ่งเป็นโรคปากเท้าเปื่อยที่ติดต่อร้ายแรง พากันล้มตายเป็นเบือ สัตว์แพทย์ก็ไม่มี ต้องขอให้ทางการมาช่วยฉีดยา ราษฎรจึงพากันไปหาหลวงพ่อให้ช่วยปัดเป่าป้องกันโรคระ บาดสัตว์ให้ด้วย

หลวงพ่อแดง จึงปลุกเสกลงเลขยันต์ในผืนผ้ารูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ แจกให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวควายนำไปผูกปลายไม้ปักไว้ท ี่คอกสัตว์ของตน ปรากฏผลว่า คอกสัตว์ที่ปักผ้าประเจียดยันต์หลวงพ่อแดงไม่ตายเลย ทุกบ้านในตำบลใกล้เคียงวัดเขาบันไดอิฐ เมื่อรู้กิตติศัพท์จึงพากันมาขอยันต์หลวงพ่อแดงทุกวั นมิได้ขาด

กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 คือมหาสงครามเอเชียบูรพา มีทหารญี่ปุ่นมาขึ้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ก็เกิดการต่อสู้กับทหารอากาศของไทยที่นั่น ชาวเพชรบุรีก็ตระหนกตกใจ แล้วชักชวนกันหาหลวงพ่อแดง ท่านก็ลงผ้าประเจียดยันต์แจก ให้คุ้มครองป้องกันตัว

เมืองเพชรบุรี เมื่อ พ.ศ. 2487 เกิดภัยสงครามชนิดร้ายแรง มีระเบิดลงทุกวันทำลายสถานีรถไฟ สะพานข้ามแม่น้ำ บ้านเรือน โรงเรียนต้องสั่งปิด ข้าราชการไม่ได้ไปทำงาน ทุกหน่วยราชการปิดหมด และปรากฏเรื่องเป็นที่ฮือฮาว่า บ้านคนที่มีผ้ายันต์หรือห้อยเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย หลวงพ่อแดงจึงดังใหญ่ จนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 กิตติคุณของหลวงพ่อในทางกฤตยาคมจึงปรากฏความศักดิ์สิ ทธิ์แพร่หลายยิ่งขึ้น

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแดง ปรากฏอีกครั้ง เมื่อเกิดคอมมิวนิสต์ญวนเหนือบุกญวนใต้ ประเทศไทยต้องส่งกองพันเสือดำ ออกไปช่วยพันธมิตรรบในญวนใต้ ก็ปรากฏว่าทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่รบในเวียดนาม คนที่มีเหรียญหลวงพ่อแดงห้อยคออยู่ ไม่ถูกอาวุธเป็นอันตรายแก่ชีวิตสักคน ทั้งๆ ที่เข้าประจัญบานอย่างหนัก เป็นที่สงสัยของเพื่อนทหารต่างชาติว่าทหารไทยมีของดี อะไร ได้รับคำตอบจากทหารไทยว่ามี "เหรียญหลวงพ่อแดง"

ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตาสูง และอารมณ์ดีเสมอ ไม่ชอบดุด่า ว่าใคร โดยเฉพาะคำหยาบคายถึงพ่อแม่ ท่านห้ามขาด ท่านว่าทุกคนเขาก็มีพ่อมีแม่ การด่าถึงบุพการีทำให้ความดีงามเสื่อมถอย ถึงห้อยพระพระท่านก็ไม่คุ้มครอง

หลวงพ่อแดง มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่ออายุ 96 ปี พรรษาที่ 74 ก่อนตายท่านเคยพูดกับพระปลัดบุญส่ง ธมัมปาโล รองเจ้าอาวาสวัดขณะนั้นว่า

"เมื่อฉันหมดลมหายใจแล้วอย่าเผา ให้เก็บร่างฉันไว้ที่หอสวดมนต์ และให้เอาเหรียญที่ปลุกเสกรุ่น 1 ใส่ปากไว้พร้อมเงินพดด้วง 1 ก้อน ส่วนนี้ฉันเอาไปได้และให้เอาขมิ้นมาทาตัวฉันให้เหลืองเหมือนทองคำ"

พระบุญส่งจึงรับปาก และได้ทำตามที่หลวงพ่อประสงค์ทุกอย่างและหลังจากที่หลวงพ่อแดงมรณภาพแล้วก็ได้เกิดเหตุอัศจ รรย์ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อภินิหารของหลวงพ่อแดงมีจริง กับผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเพชรบุรีท่านหนึ่ง ซึ่งจู่ๆ ท่านก็มีนิมิตฝันเห็นบ่อน้ำโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้ นก้ามปูใหญ่ พอขุดก็พบบ่อน้ำนั้นจริงๆ บ่อน้ำแห่งนี้หลวงพ่อแดงเคยพูดไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่าเป็น "บ่อน้ำวิเศษ" และขณะที่ขุดยังพบ "หัวพญานาคสีขาว" แบบปูนปั้นอยู่ที่ก้นบ่อด้วย 1 หัว เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวก็พากันแห่มาเพื่อจะตักน้ำเอาไปใช้กันแต่ปรากฏว่าพบงูใหญ่ตัวหนึ่งนอนขดอยู่ใต้สังกะสีที่เอาไว้ปิดปากบ่อ ชาวบ้านที่เห็นบอกว่า ลักษณะงูที่เห็นนั้นมีหงอนที่หัวด้วย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปตักน้ำที่บ่อนี้ี้อีกเลย

ที่น่าแปลกอีกก็คือ นายตำรวจท่านหนึ่งซึ่งเคยมาช่วยงานในวัดก็ฝันเห็นหลว งพ่อแดง ท่านมาต่อว่า "ทำอะไรทำไมไม่บอก"

นายตำรวจก็ไปเล่าให้พระปลัดบุญส่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบ ันฟัง ท่านก็ไม่เชื่อแล้วยังสั่งให้ย้ายศาลเก่า 2 ศาล บริเวณเชิงเขาบันไดอิฐเพื่อปรับปรุงบริเวณ โดยไม่ยอมทำพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพราะท่านเป็นคนไม่เชื่อไสยศาสตร์ ปรากฏว่าพอตกเย็นก็เกิดอาการผิดปกติ อยู่ๆ คอก็เริ่มบิดและตัวแข็งไปทั้งตัว ขยับไม่ได้ ชาวบ้านมาเยี่ยมเห็นว่าอาการหนักมากจึงช่วยกันพาส่งโ รงพยาบาลเปาโล แต่พอถึงโรงพยาบาล อาการที่เป็นกลับหายราวปลิดทิ้ง และเมื่อเอ็กซเรย์พร้อมตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบว่าเป ็นอะไรเลย และระหว่างที่นอนพักรักษาตัวอยู่ ท่านก็พูดออกมาคนเดียวโดยไม่รู้ตัวว่า

"ของดีมีอยู่ ผ่านไปผ่านมาไม่ใช้ต้นก้ามปูตรงนั้นเป็นบ่อน้ำ ให้ขุดลงไปแล้วจะเจอ มีของดีทำไมไม่รักษา"

ในภายหลังที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วพระปลัดบุญส่งก็ได้ฝ ันอีกครั้ง ในความฝันท่านเห็นคนนุ่งผ้าถกเขมรมาหา มาบอกว่าเขาเป็นคนมัดหลวงพ่อเอง พูดแล้วเขาก็เอามือรีดที่ตัวหลวงพ่อเหมือนรีดเอาไขมั นออก ทั้งขาและแขน จนหลวงพ่อพระปลัดบุญส่งสะดุ้งตื่นและพอตื่นขึ้นมาก็ย ังเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ในห้องพอถามชื่อ เขาก็ถอยออกไปแล้วตอบกลับมาว่า "เขาเป็นเปรต" จากนั้นก็หายวับกลายเป็นแสงไฟ พร้อมเสียง "วี๊ด" ดังมาก ซึ่งพระในวัดก็ได้ยินกันทั่ว

เรื่องนี้ได้ทำให้ "พระปลัดบุญส่ง" เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐรูปปัจจุบัน ยังยอมรับว่าไสยศาสตร์และอภินิหารของหลวงพ่อแดงนั้นมีจริงเพราะเจอแล้วด้วยตัวท่านเอง

เหรียญรุ่นหนึ่ง เนื้อทองแดง พิมพ์นิยม

เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๒ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น
"พระครูญาณวิลาศ" พร้อมรับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ
ลูกศิษย์จึงได้ทำการฉลองสมณศักดิ์ให้ท่าน ในการนี้ท่านได้สร้างเหรียญขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้มาร่วมงาน นับว่าเป็นเหรียญรุ่นหนึ่งของท่าน
เป็นเหรียญทองแดงรมดำ จำนวน ๑๕,๐๐๐ เหรียญ
และเป็นเหรียญเงินจำนวน ๘๓ เหรียญเท่าจำนวนอายุของท่านที่ย่างเข้าปีที่ ๘๓ ตัวเหรียญเป็นรูปวงรีคล้ายรูปไข่ ส่วนกว้างที่สุดประมาณ ๒.๖ เซนติเมตร
สูงสุดประมาณ ๓.๔ เซนติเมตร เนื้อโละทำด้วยทองแดงรมดำ
ด้านหน้าบนซ้ายมือมีอักษรปั๊มนูนสูงว่า "พ.ศ. ๒๕๐๓" ทางด้านขวามือมีอักษรเขียนว่า "อายุ ๘๒ ปี" ส่วนด้านล่างเขียนว่า "พระครูญาณวิลาศ (แดง)"
ส่วนด้านหลัง ลงหัวใจพระพุทธคุณต่างๆ ไว้ด้วยภาษาขอม
ตรงกลางด้านหลังลงยันต์สี่ มีหัวขมวด เป็นเหรียญที่ดังมากพุทธคุณ
มีประสบการณ์สูงทาง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปัจจุบันหายากมากๆ

เหรียญรุ่นสอง และ เหรียญรุ่นแจกแม่ครัว เนื้ออัลปาก้า

หลังจากที่เหรียญรุ่นหนึ่งสร้างประสบการณ์ต่างๆ มากมายจนกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิเป็นที่เลื่องลือ ผู้คนต่างพากันมาขอเหรียญร่วมทำบุญ
จนเหรียญรุ่นหนึ่งหมดไปจากวัด จึงได้มีการสร้างเหรียญรุ่นสอง สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ลักษณะองค์หลวงพ่อและอักขระเลขยันต์เหมือนกับเหรียญรุ่นหนึ่ง แต่ต่างกันที่คำว่า "เอ" (ซึ่งเป็นอักษรขอมตำแหน่งล่างสุด) ของรุ่นหนึ่งจะมีดูคล้าย "ฃ" แต่ของรุ่นสองดูคล้ายเลข "๘" เหรียญรุ่นสองนี้มีประสบการณ์แคล้วคลาดมากมายไม่แพ้รุ่นหนึ่งเลย
ในการสร้างรุ่นที่สองนี้ ท่านได้สั่งทำเหรียญขนาดเล็กด้วยอัลปาก้า เพื่อสำหรับแจกแม่ครัวเรียกว่า "รุ่นแจกแม่ครัว" อีกด้วย


เหรียญรุ่นโจว เนื้อทองแดง

ในงานฉลองอายุท่านเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ทางวัดได้สร้างเหรียญขึ้นใหม่โดยใช้ข้อความและตัวอักษรเหมือนรุ่นหนึ่งทุกอย่าง แต่ใบหน้าหลวงพ่อเปลี่ยนไป ในปีเดียวกันนี้มีพ่อค้าได้สร้างเหรียญขึ้นอีกรุ่นเพื่อนำไปให้ท่านปลุกเสก
คราวนี้ได้เปลี่ยนใบหน้าหลวงพ่อให้ชราภาพมากขึ้น
ข้อความด้านหน้าเหรียญด้านบนปั๊มคำว่า " พ.ศ. ๒๕๑๐ ที่ระลึกอายุครบรอบ ๘๙ ปี" ด้านล่างปั๊มคำว่า "พระครูญาณวิลาศ (แดง) " อักษรเลขยันต์ด้านหลังเหมือนรุ่นหนึ่ง แต่ได้ตอกภาษาจีนอ่านว่า " โจว" ไว้ที่ใต้ตัวอุ
เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อทองคำ นาค เงิน และทองแดงรมดำ
เนื้อทองแดงมีจำนวน ๒,๐๐๐ เหรียญ

เหรียญรุ่นแม่ทัพสร้าง เนื้อทองแดง

พ.ศ. ๒๕๑๑ ท่านมีอายุครบ ๙๐ ปี แม่ทัพภาคที่ ๑ ได้ขอให้ท่านทำเหรียญขึ้นอีกรุ่นเป็นรูปอาร์ม เนื้อทองแดงมีจำนวน ๔๘,๐๐๐ เหรียญ ส่วนเนื้อเงินและทองคำ มีจำนวนลดหลั่นลงไป เหรียญรุ่นนี้เรียกว่า "รุ่นแม่ทัพสร้าง"
และยังมีเนื้ออัลปาก้าอีกด้วย

พ.ศ. ๒๕๑๓ คณะนายทหารตำรวจจากโรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่น ๑๒
ได้สร้างเหรียญเพื่อเป็นที่ระลึกในการรับราชการครบ ๓๐ ปี
เหรียญรุ่นนี้ท่านได้เซ็นชื่อ "แดง" ไว้
และใช้ตอกเป็นโค๊ดไว้ที่ด้านหน้าของเหรียญ

พระผงญาณวิลาศ

หลังจากนั้นทางวัดได้สร้างเป็นพิมพ์พระสมเด็จและนางพญามีทั้งหมด ๓ พิมพ์ ๓ สี คือ สีเหลือง แดงและดำ ด้านหลังปั๊มยันต์และอักขระของหลวงพ่อ
เรียกว่า "พระผงญาณวิลาศ" พิมพ์สมเด็จมีสีแดง สีเหลือง สีขาว
พิมพ์ใหญ่จะมีขนาดกว้าง ๒.๒ เซ็นติเมตร สูง ๓.๖ เซ็นติเมตร
นอกจากนี้ยังมี "พิมพ์คะแนน" ที่มีขนาดเล็กลงมา
ทำขึ้นสำหรับคั่นเวลานับจำนวนพิมพ์ใหญ่ได้ครบทุก ๑๐๐ องค์
พระผงรุ่นนี้มีประสบการณ์มากมาย แม้กระทั่งตำรวจพลร่มโดดร่มลงมาแต่
ร่มไม่กาง แต่กลับรอดตายราวปาฏิหาริย์โดยในคอแขวนพระผงญาณวิลาศ
ของหลวงพ่อแดงนั้นเอง

เหรียญรุ่นคุกเข่า และ เหรียญสองพี่น้อง(โบสถ์ลั่น)

วัตถุมงคลของท่านยังมีอีกหลายรุ่น เช่น ยุวพุทธิกสมาคม ชลบุรี
สร้างรุ่นพิเศษ "ไตรภาคี" เนื้อผงสีแดง พิมพ์พระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์
และพระพุทธชินราช นำมาให้ท่านปลุกเสก , รุ่นวัดเทพธิดา (หลังโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ) สร้าง , เหรียญรุ่นที่มีรูปท่านกับหลวงพ่อเจริญที่เรียกว่า "เหรียญสองพี่น้อง" ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ , เหรียญที่มีรูปท่านเต็มองค์นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าเหรียญ เรียกว่า "เหรียญคุกเข่า" ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗

พระครูญาณวิลาศหรือหลวงพ่อแดงมรณภาพวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2517 ด้วยโรคชราที่วัดเขาบันไดอิฐ สิริอายุ 96 ปี พรรษาที่ 74

เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นปืนไขว้(จปร.) ปี2513 วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี

ประวัติการสร้าง
คณะนายทหาร นายตำตรวจ จปร.รุ่น 12 ธันวาคม 2483 มีพลเอกฉลาด หิรัญศิริ เป็นประธานรุ่น ได้ขออนุญาตหลวงพ่อแดงจัดสร้างเหรียญรูปเหมือน
เพื่อเป็นที่ระลึกในการรับราชการมา 30ปี และนำรายได้สมทบทุนสร้างพระอุโบสถวัด 12 ธันวารามหรือวัดหัวลำภูทอง จ.สมุทรปราการ
เหรียญรุ่นนี้บางท่านเรียกว่า เหรียญปืนไขว้

จัดสร้าง 2 แบบ คือ แบบหนาและแบบบาง ตอนนั้นสามารถสั่งจองได้ที่ มหามงกุฏราชวิทยาลัย หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร หรือที่ วัดเขาบันไดอิฐ

เมื่อสร้างสร้างแล้วนำไปตอกโค๊ดที่วัดเขาบันไดอิฐ ถวายให้หลวงพ่อแดงปลุกเสกตลอดไตรมาสแล้วนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรอีกครั้ง นำออกจำหน่ายปลายปี 2512

เหรียญนี้เจ้าของเดิมเลี่ยมเงินทำมือหนาแกะลายสวยมาก

 

เหรียญเสมาลายเซ็น(เหรียญศรีนคร)
หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ปี 2535

รายละเอียดคร่าวๆในการจัดสร้าง:
เหรียญรุ่นนี้สร้างถวายโดยคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ออกเมื่อวันที่ 5 ธค 2535

จำนวนการสร้าง:
- เนื้อทองคำ 9 เหรียญ
- เนื้อเงินหน้าทอง 9 เหรียญ
- เนื้อเงินลงยา(ส้ม,เขียว,น้ำเงิน) 100 เหรียญ
- เนื้อเงินอยู่ 100 เหรียญ
- เนื้อนวโลหะ 500 เหรียญ
- เนื้อทองแดง 10,000 เหรียญ

เหรียญทุกเนื้อยกเว้นเนื้อทองแดงจะตอกด้วยโค้ต "นะ"

บูชา 400 บาท

 

เหรียญพ่อแก่ รุ่นแรก พระครูปืน วัดลาดชะโด เมืองกรุงเก่า เนื้อทองแดง ด้านหลังมีจาร

พ่อแก่องค์นี้สำคัญ หลวงปู่คอนบูชาไว้ในกุฎิของท่าน ใครมาขอหลวงปู่บอก
ให้เอาไปเลย ไปได้ไม่เกินสามวันต้องเอามาคืนทุกราย
เค้าบอกมาดึงแขนดึงขา มาเข้าฝัน
ปัจจุบันพระครูปืนบูชาไว้ที่กุฎิของท่าน ใครจะกราบไหว้บูชามาขอท่านได้
ให้จุดธูป9ดอก จะบนบานอะไรก็แล้วแต่
- ดีทุกทางดั่งแก้วสารพัดนึก ทั้งคุ้มครอง แคล้วคลาด เมตตามหานิยม ค้าขายดี ติดต่อการงาน บนบานสารพัด ดี 108 อย่าง
ขนาดกว้าง 2.5 ซม.