หมดแล้ว ((เหรียญ"เลื่อนสมณศักดิ์"ลป.สรวง วรสุทโธ ปิดคืนนี้ 17 ส.ค.59 เวลา 19.30 น.))pcharn

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย namayti, 17 สิงหาคม 2016.

  1. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ขอเรียนเชิญร่วมประมูลวัตถุมงคลเก่าเก็บ..เลิกสะสม..แบ่งกันไปใช้ครับ
    -------------------------------------------------------------------------------------
    เงื่อนไข
    1.ปิดประมูลวันที่ 17 ส.ค.2559 เวลา 19.30 น.(ยึดเวลาตามเว็ป)
    2.เค๊าะเท่าไหร่ก็ได้ แต่ให้ลงท้ายด้วย 0 นอกนั้นถือเป็นโมฆะครับ
    3.ใครประมูลสูงสุด ในเวลาที่กำหนด เป็นผู้ชนะการประมูล
    4.กรณียอดประมูลเท่ากัน ขอให้สิทธิ์ผู้เค๊าะประมูลก่อนเป็นผู้ชนะการประมูล
    5.ผู้พิมพ์"ปิดด่วน"ตามราคาที่ระบุเอาไว้ เป็นผู้ชนะการประมูล และถือว่าสิ้นสุดการประมูล
    6.โอนเงินภายใน 2 วันหลังจากวันปิดประมูล
    7.รับประกันพระแท้ตามกฏ-กติกาสากล

    [​IMG]
    เปิดประมูลที่ 99.-((ปิดด่วนที่ 500)) ผู้ชนะเพิ่มค่าส่งลงทะเบียน EMS = 50.-นะครับ
    -------------------------------------------------

    นำเสนอ....ขอเรียนเชิญร่วมประมูลวัตถุมงคลเก่าเก็บ..เลิกสะสม..แบ่งกันไปใช้ครับ
    -------------------------------------------------------------------------------------
    เงื่อนไข
    1.ปิดประมูลวันที่ 17 ส.ค.2559 เวลา 19.30 น.(ยึดเวลาตามเว็ป)
    2.เค๊าะเท่าไหร่ก็ได้ แต่ให้ลงท้ายด้วย 0 นอกนั้นถือเป็นโมฆะครับ
    3.ใครประมูลสูงสุด ในเวลาที่กำหนด เป็นผู้ชนะการประมูล
    4.กรณียอดประมูลเท่ากัน ขอให้สิทธิ์ผู้เค๊าะประมูลก่อนเป็นผู้ชนะการประมูล
    5.ผู้พิมพ์"ปิดด่วน"ตามราคาที่ระบุเอาไว้ เป็นผู้ชนะการประมูล และถือว่าสิ้นสุดการประมูล
    6.โอนเงินภายใน 2 วันหลังจากวันปิดประมูล
    7.รับประกันพระแท้ตามกฏ-กติกาสากล

    [​IMG]
    เปิดประมูลที่ 99.-((ปิดด่วนที่ 500)) ผู้ชนะเพิ่มค่าส่งลงทะเบียน EMS = 50.-นะครับ
    -------------------------------------------------

    นำเสนอ....เหรียญ"เลื่อนสมณศักดิ์"หลวงปู่สรวง วรสุทโธ วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ จ.ลพบุรี ปี 2557 เหรียยสวยแชมป์ ตอนนี้หลวงปู่ท่านกำลัง HOT เลยครับเก็บก่อนแพง เปิดให้ลุ้นกันสนุกๆครับ
    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]
    “หากสิ้นบุญหลวงปู่แล้วต่อไปให้ไปทำบุญสร้างวัดกับหลวงพ่อสรวง จังหวัดลพบุรีนะ เพราะท่านเป็นพระแท้และไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสระแก กล่าวกับลูกศิษย์ที่มาหา (คุณอรรถพล อมรรัตนภักดีกุล )


    หลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์

    หลานแท้ๆ พ่อท่านลี ธัมมธโร วัดอโศการาม พระมหาเถราจารย์ผู้ศึกษาทั้งด้านปริยัติ วิชา อาคม จนแตกฉาน ปฎิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน จนเข้าถึงแก่นธรรมขั้นสูงคือ อภิญญาฌาน การรู้แจ้ง อายุกาลพรรษามาก ภูมิธรรมเอกอุ พระกัมมัฎฐานหนึ่งเดียวในจังหวัดลพบุรี เสกอะไรเป็นแรง ทำอะไรเป็นขลัง ด้วยอานุภาพพลังสมาธิจิตที่แก่กล้า เจ้าตำรับไก่ฟ้าพญาเลี้ยง ตะกรุดโทน “ไก่เถื่อน” สืบสานตำนานการสร้างตามตำราโบราณสมเด็จสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิทยาอาคมจากหลวงปู่แขม วัดสำเภาล่ม จังหวัดสุพรรณบุรี ศิษย์เอกหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ได้รับการถ่ายทอดวิชาการทำตะกรุดโทนอันลือลั่น
    จากหลวงปู่โทน กันตสีโล ศิษย์หลวงปู่ใหญ่สมเด็จลุน เมืองเวินไซนครจำปาสัก ประเทศลาว


    ประวัติและปฏิปทาจริยาวัตรของหลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ
    ************

    หลวง ปู่สรวง วรสุทฺโธ มีนามเดิมว่าสรวง นามสกุล พรหมสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีระกา ณ บ้านน้อยนาเวิน บ้านเลขที่๗ หมู่ ๑๐ ตำบลโพนเมืองน้อย อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ)
    บิดาของท่านชื่อ นายประสาร มารดาชื่อนางสอน ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด ๔คน และพี่น้องร่วมมารดาอีก ๔ คน รวมทั้งหมดเป็น ๘ คนด้วยกัน มีชื่อตามลำดับดังนี้
    ๑. นายสิงห์ พรหมสวัสดิ์ (ถึงแก่กรรม)
    ๒. นายสังข์ พรหมสวัสดิ์ (ถึงแก่กรรม)
    ๓. หลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ
    ๔. นางหนูพันธ์ พรหมสวัสดิ์ (ถึงแก่กรรม)
    ๕. นายพรหมา วงศ์ก่อ (ถึงแก่กรรม)
    ๖. นางสุตตา วงศ์ก่อ (ปัจจุบันอยู่บ้านน้อยนาเวิน จ.อำนาจเจริญ)
    ๗. นายหนูจันทร์ วงศ์ก่อ (ถึงแก่กรรม)
    ๘. นายบัวพัน วงศ์ก่อ (ถึงแก่กรรม)
    หลวงปู่มีโอกาสบวชเป็นครั้งแรกในปี ๒๔๙๖ เมื่อท่านมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ซึ่งการอุปสมบทครั้งนั้นเป็นการอุปสมบทหมู่พร้อมพระสงฆ์จำนวน ๒,๐๐๐ รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสเสด็จนิวัติกลับประเทศไทย ณ วัดศรีบุรีรัตนาราม ตำบลปากเพียว อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี หลังจากอุปสมบทแล้วในปีนั้นทางจังหวัดสุพรรณบุรีขาดแคลนพระจำพรรษอยู่หลาย วัดจึงได้มาขออาราธนาท่านเจ้าคุณวัดปากเพียว เพื่อขอพระสงฆ์ไปจำพรรษาที่จังหวัดสุพรรณบุรี หลวงปู่ได้รับขัดเลือกจากท่านเจ้าคุณพระอุปัชฌาย์ ให้ท่านได้เดินทางไปจำพรรษาที่ วัดบ้านทึ่ง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี และในช่วงเวลานี้เองที่หลวงปู่ได้มีโอกาสถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่แขม วัดสำเภ่าล่ม ซึ่งในขณะนั้นท่านมีอายุได้เกือบ ๘๐ ปีแล้ว หลวงปู่แขมได้เมตตาสอนวิชาอาคมต่างๆ ที่ได้ศึกษามาจากหลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่ง และหลวงปู่อิ่มให้ เพราะพิจาราณาถึงความเหมาะสม บุคลิก จริยาวัตรของหลวงปู่ว่าเหมาะสมที่จะได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมเป็นอย่างยิ่ง เพราะโดยคุณสมบัติทั่วไปแล้วหลวงปู่ท่านเป็นคนสุขุม ไม่ค่อยพูดโอ้อวด ทำอะไรก็จริงจังเสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นภิกษุหนุ่ม พรรษาไม่มากก็ตาม ในปีนั้นหลวงปู่ไม่ได้จำพรรษาที่วัดหลวงปู่แขมเนื่องจากมีชาวบ้านมานิมนต์ ให้ไปจำพรรษาที่วัดอื่นก็ไม่ไกลกันนัก และวัดที่หลวงปู่จำพรรษาอยู่นี้ก็ไม่ไกลจากวัดไผ่โรงวัว ทำให้หลวงปู่ได้มีโอกาสได้ไปกราบสนทนาธรรมและวิชาความรู้ต่างๆจากหลวงปู่ ขอมอยู่ตลอดพรรษา จนครั้นพ.ศ.๒๔๙๗ ในช่วงปลายปีหลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงปู่จึงได้ย้ายไปอยู่วัดสำเภาร่ม กับหลวงปู่แขมองค์หลวงปู่แขมนั้น ท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสเป็นเพียงแต่พระลูกวัดจึงไม่มีรูปถ่ายให้อนุชนคน รุ่นหลังได้เห็น อดีตท่านเคยเป็นโจร ผู้คนให้นามกล่าวขานชื่อท่านว่า “เสือฝ้าย” แห่งสุพรรณ ผู้ที่รู้จักประวัติและให้ความเคารพหลวงปู่แขมเป็นอย่างดีคือ เสือมเหศวร เพราะเคยร่วมงานกันมานาน เมื่อได้รับสรรพวิทยาอาคมจากหลวงปู่แขมจนหมดสิ้นแล้ว หลวงปู่ได้ไปกราบคารวะถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา แต่ยังไม่ทันได้ศึกษาอะไรมากนักหลวงปู่อิ่ม ก็มรณภาพ หลวงปู่ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ ต่อจากหลวงปู่แขก ผู้เป็นศิษย์แห่งหลวงปู่อิ่ม อีกที่หนึ่ง จึงได้ครบสมความตั้งใจที่อยากศึกษา ปลายปี พ.ศ.2498 หลวงปู่ได้ลาสิกขา เนื่องจากทางบ้านยังมีภาระอีกมาก กรอบกับโยมแม่ที่อุบลราชธานีป่วยหนัก
    ถึงแม้จะลาสิกขามาแล้ว ด้วยความเคยชิน และความมีอุปนิสัยที่รักในการบวชชอบความสงบ อาจจะเป็นเพราะบุญบารมีที่อบรมบ่มเพราะมาแต่ในอดีต วันหนึ่งหลวงปู่ก็เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส เบื่อหน่ายในหน้าที่การงานและการกระทำในปัจจุบันของตัวเอง เกิดความคิดขึ้นว่า “ชีวิตตัวเรานี้นอกจากจะกินเที่ยวแล้วก็หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้เลย ไม่มีคุณค่าและความหมายสมกับที่ได้เกิดมาเลย มีแต่ชักนำไปในทางที่ผิดมีแต่คิดไปในสิ่งที่ตกต่ำต่อไปนี้สิ่งในที่มันอยาก ทำเราก็จะไม่ทำ สิ่งไหนที่มันต้องการมากๆ เราก็จะไม่หามาให้มัน ลองดูสิทำไมมันมัวลงมัวเมาอยู่อย่างนี้” เมื่อจิตเกิดความเบื่อหน่ายถึงขั้นนั้น กาลเวลาก็ล่วงเลยเข้า พ.ศ.๒๕๐๐ อันเป็นช่วงกึ่งพุทธกาลพอดี หลวงปู่จึงคิดตัดสินใจว่า จะทำการอุปสมบทอีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณให้กับบิดามารดา และเพื่อเป็นการดัดนิสัยตนเอง โดยในช่วงก่อนเข้าพรรษาก็ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่บ้านเกิดในจังหวัด อุบลราชธานี โดยมี เจ้าอธิการคำ อิณฺณมุตฺโต วัดบ้านแชะแง เป็นพระอุปัชฌาย์

    วิญญาณนายพันธุ์
    เมื่อปี ๒๕๒๕ มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อนายพันธ์ ถูกฟ้าผ่าตายแล้วเอามาเผาที่นี่ กลางคืนมันชอบมาเล่นมาแหย่ บางทีนอนอยู่มันก็มาคลำขา มือมันเย็นนิ้วมือใหญ่เท่ากล้วยหอม มันบอก “ผมชื่อพันธ์ ผมอยู่แถวนี้แหละ” บางทีนึกครึ้มก็นวดให้ ความรู้สึกเหมือนมีคนนวดให้จริง ๆ พอนวดไปสักหน่อยเริ่มเย็นขึ้น ๆ ก็บอก....โอย.........พันธ์ มันหนาวมันก็หัวเราะอึก ๆ แล้วก็หายไป
    พออกพรรษปี ๒๕๒๕ วันนั้นเป็นวันพระ ญาติโยมมาทำบุญ เลยถามญาติโยมที่มาทำบุญว่า แถวนี้มีคนชื่อพันธ์ คนหนุ่ม ๆ อายุ ๒๐ กว่าไหม โยมเวียนเล่าให้ฟังว่า “นายพันธ์เป็นหลานของผมถูกฟ้าผ่าตายแล้วเอามาเผาตรงนี้ หลวงพ่อเห็นหรอ” ก็บอกว่าเขาว่าจะว่าเห็นก็ใช่ จะว่าเขายังอยู่ยังอยู่ยังไปไม่ได้ก็ใช่ เขาอยู่นี่โยม มาหาอาตมาอยู่ทุกวันอาตมาก็เมตตา ช่วยเขา ต่อมานายพันธ์นี่หายไปเลยนาน ๆ จะมาปรากฏที ถ้าเป็นธรรมดาอยู่ไม่ได้หรอกมันหรอกเก่ง วิญญาณสาวเปลือย
    หลวงปู่ไปเที่ยวที่ถ้ำมากักถ้ำนี้เป็นถ้ำเล็กพอเข้าไปจะเป็นรูเล็ก ๆ ต้องนอนคว่ำแล้วค่อย ๆ ให้มันไหลลงไป ไปงัดหินข้างในออกพอคลานขึ้นลงได้ ก็ลงไปนั่งสมาธิวันที่ ๓ ปรากฏว่ามีผู้หญิง ๔ – ๕ คนเห็นแต่คอ ผมยาวๆ ลอยอยู่ไปแต่ละวันก็เห็นอยู่แค่นั้นอาตมาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าญาติโยม เหล่านี้คงจะไม่มีอะไรสักอย่างหนึ่งถึงให้เราเห็นแค่หน้าแค่หัวอาตมาก็ตั้ง จิตเพ่งพินิจพิจารณาในภาพที่เห็นนั้น ปรากฏเห็นว่าหญิง ๔ – ๕ คนนั้นไม่มีเสื้อผ้านุ่งเขาให้เห็นแต่คอพอรู้แค่นั้นก็ตั้งสัจจะอธิษฐาน เดชะด้วยบารมีที่ข้าพเจ้าได้ถวายไตรจีวรแก่ครูบาอาจารย์พระภิกษุสงฆ์สามเณร ขอจงเป็นผ้านุ่งอันเป็นทิพย์ให้ญาติทั้ง ๔ – ๕ คน ของข้าพเจ้านี้จงได้บริโภคใช้สอยได้นุ่งห่มได้ปกปิดสรรพางค์ร่างกาย พวกเธอจงอนุโมทนาเอาส่วนบุญส่วนกุศลนี้เขาก็สาธุพร้อมกันพออกจากสมาธิเป็น เวลาเกือบ ๕ โมงเย็น ตั้งแต่เวลา ๑๐ โมงเช้าก็ออกมาจากถ้ำ จะมีแอ่งหินอยู่ตรงทางเข้าปล่องถ้ำพระ สังกัจจายน์ แอ่งหินตรงนี้มันเป็นดิน อาตมาไปคุ้ยดินออกแล้วเอาหินมากั้นไว้ให้น้ำมันไหลลงมาขังลึกประมาณ ๑ เมตร ยาวประมาณ ๒ เมตรเศษ ๆ พออาศัยน้ำนั้นล้างบาตร เป็นสถานที่สรงน้ำแต่ก็น่าเสียดายที่มาสร้างพระสังกัจจายน์ทับตรงนั้นทำให้ ไม่มีหลักฐาน ก็ไปปัดกวาดทำอะไรเสร็จเรียบร้อยก็มาอาบน้ำพอ ๖ โมง จะเข้า ๖ โมงครึ่งก็ทำวัตรสวดมนต์ เสร็จทุ่มกว่า ๆ แล้วหลวงปู่ก็ขึ้นหลังเขาไปนั่งที่โคนต้นไทร หลังเขามีต้นไทรอยู่ต้นหนึ่ง หลวงปู่เอาหินไปเรียงรอบ ๆ กลางคืนไปนั่งที่นั่น ตีสี่ก็ลงจากเขาเข้าไปในถ้ำทำวัตรสวดมนต์แผ่เมตตา
    ในคืนวันหนึ่งเห็นญาติผู้หญิง ๔ – ๕ คนมาจากถ้ำมะกักบอกว่าที่ตอนแรกไม่มากราบเอาบุญกุศลเพราะกลัวบาป ทั้งอาย ไม่มีเสื้อผ้าใส่พอหลังจากที่ได้รับโมทนาจากหลวงปู่แล้วเขาก็มีเสื้อผ้าปิด สรรพางค์ร่างกายมาอันนี้เป็นเหตุให้หลวงปู่สงสารญาติ สังเวชสลดจิตน้ำตาไหลเลย เสื้อผ้าจะนุ่งก็ไม่มีจะไปที่ไหนก็ไปไม่ได้ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ไม่รู้กี่ พันปี เป็นกัปกัลป์ เพราะคนอื่นช่วยเหลือเขาไม่ได้นอกจากหลวงปู่ เขาถึงได้คอยอยู่ ทั้งพวกหิวข้าว ทั้งพวกที่ไม่มีผ้านุ่งห่ม และพวกเขามีอยู่มีกินที่อานิสงส์เขาก็เข้าไปอยู่ในถ้ำ
    ธรรมะคือยาดีมีฝากญาติ
    เขาบอกว่าสมัยก่อนนี้หลวงปู่อยู่เวียงจันทร์ เป็นนายทหารเป็นขุนพลนำทับต้อนพี่น้องประชาชนหนีออกจากเวียงจันทร์ พอมาถึงเกิดอหิวาตกโรค เลยพาพวกเขามาหลบหนีเข้าไปอยู่ในถ้ำนี้แล้วบอกว่าจะไปหายา ให้คอยอยู่ที่นี่แต่พอไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย อันนี้แหละที่เขาต่อว่าหลวงปู่เอามาทิ้งมาปล่อยไว้แล้วไม่กลับมาเหลียวแล หลวงปู่บอกว่าไม่ได้ปล่อยได้ทิ้ง ไปหายาแต่ยังไม่ได้เจอยาดี บัดนี้อาตมาได้เจอยาดีมาแล้วพร้อมที่จะนำมาโปรดญาติพี่น้อง ยานี้คือ ยาพุทโธ ยาธัมโม ยาสังโฆ เป็นบุญเป็นกุศล เป็นสิ่งประเสริฐ เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ท่านทรงบัญญัติเอาไว้แก่เวไนยสัตว์ทั้ง หลายให้ประพฤติปฏิบัติตามได้เป็นบุญเป็นกุศลเป็นที่พึ่งทั้งในปัจจุบันและ อนาคต จนกระทั่งหลุดพ้นจากภพจากชาติ น้อยใหญ่ ให้ญาติพี่น้องทั้งหลายประพฤติปฏิบัติเอารักษาเอา รักษาศีลห้า ศีลอุโบสถ วันพระให้ปฏิบัติเอารักษาเอา อย่ามาติดภพติดชาติอย่ามาคิดติดถ้ำติดเหว ติดหิน ติดเขาอยู่ที่แถวนี้พวกนี้มันเกิดพร้อมโลกมันก็เป็นไปอยู่อย่างนี้
    วัตถุพวกนี้ไม่มีใครที่จะสามารถนำติดตนตามตัวไปสู่ภพน้อยภพใหญ่ได้ จะเอาไปได้แต่ศีลธรรม คือ คุณงามความดี ประพฤติปฏิบัติละชั่ว กระทำดี ละกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในขอบในเขต ในศีลในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เห็นเป็นของอนิจจัง เป็นทุกขัง เป็นของไม่เที่ยงเป็นอนัตตาดับสูญไป เราจะมายึดมาถือสิ่งเหล่านี้ไม่สมควร ให้ปฏิบัติรักษาเอา สิ้นจากภพชาติเหล่านี้จะได้ไปสู่สุคติภูมิภพใหม่อย่างเช่นได้มาเกิดเป็น มนุษย์อย่างอาตมานี้ จะได้ออกบวช จะได้บำเพ็ญประพฤติปฏิบัติในศีลในธรรม จะได้มีความสุขความเจริญสร้างบารมีต่อไปสู่ภพน้อยภพใหญ่จะมีโภคสมบัติ มีบริวารสมบัติ หรือมีสติมีปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถรู้เหตุรู้ผล รู้ดีรู้ชั่ว รู้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอามาชำระกาย วาจาใจของเรา กิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ตัณหา อุปาทานที่เราถือมั่นยึดมั่นในสิ่งต่าง ๆ เราติดภพติดชาติ รูป เสียง กลิ่น รส โภชนาหารเห็นว่ามันดี เห็นรูปเราว่ามันสวยมันงามเราก็ติด ฟังเสียงเราก็ว่าเสียงเราก็ว่าเสียงมันดีเพระเสนาะโสตเราก็ติดเมื่อจมูกได้ กลิ่นเราว่ากลิ่นมันหอมมันดีเราก็ติด ลิ้นได้สัมผัสรสเราก็ว่ารสอร่อยรสดีเราก็ติด สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเราติดมันก็ขัด ก็ข้องมันยึด มันข้อง มันติด จิตใจมันก็ติด เสร็จแล้วเมื่อมรณะมาถึงคือตายก็จะไปไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้มันติด มันขัด มันข้อง มันก็ต้องกลับมาเกิดอีก
    ผลสุดท้ายก็เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ หาที่สิ้นสุดไม่ได้เพราะเราติดในภพ ในชาติ ชาติคือความเกิด ภพภูมิคือที่อยู่ ชาติปิทุกขา ชาติ ความเกิดมันเป็นทุกข์ นี่พระพุทธองค์ท่านทรงบัญญัติเอาไว้ ชี้แจงเอาไว้ ชราปิทุกขา ความแก่ชราคร่ำคร่าก็เป็นทุกข์ มรณัฌปิทุกขัง ความตายก็เป็นทุกข์ ฉะนั้นการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ของสัตว์ทั้ง หลายทั้งปวงผู้จมอยู่ในกิเลส ตัณหา ราคะ มานะ ทิฐิ ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่มีเหตุไม่มีผลไม่เป็นความจริง เพราะโมหะคือความหลงใหล หลงในสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นของดี มีสาระเป็นประโยชน์ ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่มีสาระ ไม่เป็นประโยชน์ เป็นแต่ทุกข์ขึ้นชื่อว่าเกิดแล้วจะไม่มีทุกข์ไม่มี ภพใดชาติใดที่เราไปเกิดภพภูมินั้นก็เป็นทุกข์แม้แต่พืชต้นไม้ เมื่อมันเกิดแล้ว ก็ยังมีศัตรูไปเบียดเบียนมันพอมันแก่ชราคร่ำคร่าผลสุดท้ายมันก็ตายเหมือน กัน แม้อายุมันจะยืนยาวนาน แต่ความแก่ความชราคร่ำคร่าความเศร้าความหมองมันมี เพราะมันมีสังขาร มันมีร่างกาย มีตนมีตัวเหมือนกับเรานี่เป็นธรรมย่อ ๆ ที่อาตมาแสดงเทศน์โปรดให้ญาติพวกนั้นฟังเขาเหล่านั้นเมื่อได้ยินได้ฟังก็ เกิดความปีติ ความยินดีในศีลในธรรม รับเอาธรรมะอันนั้นไปประพฤติปฏิบัติ เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าเขาจะไปหมดแล้วพวกเก่า ๆ ไม่ค่อยมีหรอก
    ครูอาจารย์ที่หลวงปู่เคยอยู่อบรมกัมมัฏฐานและจำพรรษาด้วยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ - พ.ศ. ๒๕๒๔
    ๑. พระครูพุฒิวราคม วัดประชานิยม
    ๒. หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล
    ๓. หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์
    ๔. หลวงปู่เทสส์ เทสรํสี วัดหินหมากเป้ง
    ๕. หลวงปู่บุญ ชินวํโส วัดประชานิยม
    ๖. หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญวิเวก
    ๗. หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร
    ๘. หลวงปู่คำดี ปภาโส สำนักสงฆ์ถ้ำผาปูนิมิต
    ๙. พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก)
    ๑๐. พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (ถ้ำพวง)
    ๑๑. พระอาจารย์คำบุ ธมฺมธโร วัดสันติวนาราม
    ๑๒. พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชุมพล
    ๑๓. พระอาจารย์มหาสีทน สำนักสงฆ์ถ้ำผาปูนิมิต
    ๑๔. หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสระแก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2016
  2. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,153
    ค่าพลัง:
    +1,157
    200 ครับ
     
  3. บุญญบารมี

    บุญญบารมี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +16
    220 ครับ
     
  4. pcharn

    pcharn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    2,250
    ค่าพลัง:
    +2,699
  5. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,153
    ค่าพลัง:
    +1,157
    240 ครับ
     
  6. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,836
    ค่าพลัง:
    +2,232
    300 ขอครับ
     
  7. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    [​IMG]
    ยินดีด้วยครับ....ปิดให้..ท่าน pcharn...ยอดประมูล 230+50=280.-
    ขอบพระคุณทุกราคาครับ...ขอบารมีหลวงปู่ได้โปรดคุ้มครอง...เฮงๆรวยๆเด้อ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...