เห็นความจริงเพื่อละ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แค่พลัง, 21 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    กับหลวงพ่อสงบผมรู้จักท่านและท่านก็รู้จักผม แต่ผมก็ไม่ค่อยผ่านทางด้านนั้นเคยส่งข้อสงสัยไปทางเวปท่านยังตอบชัดเจนเลยว่าคำถามของผมมาจากคนแบบไหน...ผมโอเคมากกับคำตอบ...นานมากแล้วหลังจากหลวงตาบัวนิพพานผมก็ยังไม่ได้พบสักที...อย่าเอาท่านมาแบบไม่ปรึกษาท่านมันดูไม่ดี...
     
  2. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เรามาเริ่มกันที่ทำจิตให้เป็นสมาธิกันเถอะตามที่เจ้าของกระทู้เขาปาวารณาไว้
     
  3. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    มามุกนี้เห็นไหม อ้างหลวงพ่อหลวงปู่มาตลอด พอเขาอ้างบ้าง.. &@*+#*-- คนมันอยากจะฟังแต่สิ่งที่อยากได้ยิน นี่ไม่เข้าใจตัวเองเลย หนีความจริงไปเรื่อย เอียงกระเท่เล่ห์ ทางออกของปัญหาโพสต์ไปหมดแล้ว ขุมทรัพย์ทั้งหลายเอามากองให้หมดแล้ว อยุ่ที่ตัวท่านแล้ว จบ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ถูกแล้ว ไปแอบอ้างท่านมาแบบ หน้าตาเฉย จริง ๆ แล้ว อ.สงบ กับผม "เป็นสายเดียวกัน" เพียงแต่ผม "ไม่โฆษณา" แอบอ้างเอาใครมาดื้อ ๆ หรอก

    +++ ปฏิบัติเอง ย่อมต้อง "รู้ตัวเอง" จึงจะถูกต้อง ไม่ต้องให้ใครมา พยากรณ์ อะไรให้วุ่นวาย เหมือนกับ "คนไม่มีสติ" ที่ไม่รู้จักตนเองเลย ก็แค่นั้นเอง...
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ เฮ้ย... มุกไหนว่ะ ขุมทรัพย์อะไร เพ้อเจ้อปล่าว ๆ น่า...

    +++ หัดไปสงบจิตใจเสียบ้าง ทำตนเองให้มี "สติ" ที่สมบูรณ์เสียก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ ก็แล้วกันนะ
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ขอถามท่านธรรม-ชาตินะค่ะ ที่จริงแล้วตนเองก็สงสัยเหมือนกันค่ะ เกี่ยวกับเรื่อง เจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ ที่คนบรรลุพระอรหันต์ได้จะต้องได้สองสิ่งนี้พร้อมกันไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ใช่ไหมค่ะ

    ส่วนของตนเองสภาวะที่ประสบมานั้นเกิดจากเหตุ ผลจึงได้อัตโนมัติขึ้นมาเอง ถ้าจะฝึกให้ได้อย่างท่าน ตนเองยังทำไม่ได้นะค่ะ และสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างไรค่ะ

    แล้วกรณีที่ท่านคนไทบ้าน ๆ ถามตนเองก็สงสัยในความแตกต่างระหว่าง จงใจกระทำ (เป็นการฝึกฝนด้วยวาสนาบารมีที่สั่งสมไว้) กับ พ้นเจตนา สองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร? เหมือนอย่างกรณีพระอานนท์ที่ท่านได้นะค่ะ ท่านคิดเห็นอย่างไรค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2018
  7. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ผมตอบให้นะพระอานนท์ขีณาสพเป็นมากกว่าที่คิดโดยลักษณะที่อนุชนรุ่นหลังคิด คิดว่าท่านเป็นปัญญาวิมุติแต่ที่จริงมากกว่านั้นเยอะ พระอรหันต์เถระในระดับคู่บารมีพระศาสดาทั้ง500องค์แยกไม่ได้เลยว่าใครเป็นปัญญาใครเป็นเจโตเพราะทั้ง500องค์ล้วนมีอภิญญาหกด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
     
  8. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    หลวงพ่อราชรี
    ท่านบอกชัดเจน
    ว่าอย่าเอาธรรมะที่ท่านเทศน์ไปเถียงกันที่อื่น
    ถ้าสงสัยอะไรให้ถามท่านโดยตรง
     
  9. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    หลังจากนั้นต่างหากที่การระบุ...ผมก็ละเมอไปอะนะว่า...นอกจากพระขีณาสพคู่บารมีของพระศาสดายังมีพระขีณาสพอีกหลายท่านที่อาจเคยถูกบันทึกหรือไม่ก็ได้...และเหตุที่พระศาสดาจำแนกไว้เพื่อให้ทราบที่มาของแต่ละท่านโดยพระองค์เอง...คนอื่นไม่เกี่ยว
     
  10. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    การจงใจกระทำมันเป็นเรื่องของความมีตัณหานำครับ แต่ตัณหามันก็ไม่ได้เกิดทรงตัวอยู่ตลอดเวลานะครับ มันมีเกิดมีดับเหมือนกัน เราจึงมีบางขณะที่อาจพ้นจากเจตนาได้ ก็อย่างพอรู้ว่า เอ๊ะ ! นี่เราตั้งใจมากเกินไปแล้วนี่ พอเรารู้ทันความตั้งใจมากตรงนั้นพอถูกรู้ก็หายไป คือมันดับไปเองตามเหตุปัจจัยชั่วคราว อะไรเกิดอะไรดับก็แค่รับรู้ปรากฏการณ์ไปตามความเป็นจริง การตั้งธงอะไรไว้นั่นแหละสำคัญครับ วิญญาณตั้งขึ้นเลย ภพมา ชาติก็มา วนอยู่ในภพชาตินั้นเอง ก็เลยเป็นธรรมไม่พ้นกระแสโลกเสียทีครับ

    แต่เราไม่ได้เอาไม่ปรุง เราอาศัยรู้ความมีอุปาทานขันธ์ไปครับ มีก็รู้ ไม่มีก็รู้ ไม่เอียงไปฝ่ายไหน เห็นทุกข์จากความไม่เที่ยง ไม่เที่ยงตรง ไม่เที่ยงธรรม ความเห็นถูกตรงจะค่อยๆมีมากขึ้นไปเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2018
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ใช่ค่ะ เห็นด้วยค่ะ แต่มีบางประการเกี่ยวกับการรู้สภาวะธรรมตามความเป็นจริง กรณีการจงใจกระทำด้วยตัณหา กับ การกำหนดเข้าไปรู้ค่ะ แต่จะมีสภาวะหนึ่ง...ที่จะรู้ได้ต้องใช้วิธีการกำหนดเข้าไปรู้เท่านั้นค่ะ การจงใจกระทำด้วยตัณหาไม่สามารถรู้ได้เลย เมื่อกำหนดรู้แล้วก็เข้าใจและปล่อยวาง ความรู้นั้นก็เป็นปัญญาที่เกิดจากการเห็น เมื่อเห็นแล้วก็เกิดญาณรู้เพื่อนำไปสู่ทางที่จะทำให้พ้นจากทุกข์ที่เป็นที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นและไม่เข้าใจมาก่อนได้ค่ะ จึงน่าจะแตกต่างกันด้วยสภาวะของจิต การพ้นจากอุปาทานขันธ์ห้าอยู่ที่สภาวะรู้ค่ะ แต่จะรู้ได้ที่สุดแค่ไหนเป็นอจิณไตยของแต่ละบุคคลหรือเปล่าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2018
  12. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267

    สมมุติว่าทุกเช้าเย็น เราสวดมนต์ทำวัตรนั่งสมาธิเป็นกิจวัตรประจำวัน ทำอย่างนี้มาทุกวัน เป็นการกระทำด้วยตัณหาไหมตรงนั้นชั่งมันไปก่อน ถึงเวลา พอเข้าใจจริงๆ มันจะรู้ย้อนไปเห็นการกระทำทั้งหมดของตัวเองที่ผ่านมาครับนั่น ประเด็นที่หนึ่ง

    ประเด็นที่สองคือ ขณะทำกิจวัตรนั่งสมาธิ พอกายสงบจิตสงบ บางทีอาจจะเห็นต่างไปจากทุกครั้ง เช่น เห็นสภาพที่ตัณหาไม่มีมาเกาะกุมใจแม้แต่น้อย เห็นแล้วก็รู้แล้ว สภาพของใจที่หมดตัณหาเป็นยังไง พอออกจากการทำสมาธิ ก็ไปทำกิจวัตรอย่างอื่นต่อไป ก็ไม่มีอะไร ถ้าธรรมพ้นโลกก็อีกเรื่อง ปัญญามันคนละส่วน ไม่ปะปนกัน อันหนึ่งรู้สภาวะ อันหนึ่งรู้ทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ตามความเป็นจริง มันอยู่ด้วยกันได้ โลกกับธรรมอยู่ด้วยกันได้ แต่เราจะติดโลกหรือไม่ติดโลกเป็นเรื่องของสติปัญญาตามเห็นตามความเป็นจริงไป ไม่มีปัญหาอะไรครับ แยกให้ออกเท่านั้น โลกกับธรรม
     
  13. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :):(:mad: จริงๆแล้วไม่อยากยุ่ง แต่รู้สึกว่า..ไอ้คณ ธรรมชาติ ..ไอ้คุณนี่อวดรู้ พูดคำด่าคำ คนอื่นผิดหมด ..เป็นไบโพลา อีกตัวแล้ว ศึกษาธรรมกูถูกอยู่คนเดียวไปคุยให้เมียฟังไป มันน่าจะกลัวไม่กล้าเถียง..
    ..เพ้อเจ้อ บ้าบอคอแตก เอาแต่ด่าคนอื่น เอาอสังขธรรม- ซึ่งเป็นการเกิดที่ไม่ปรากฏรูป มาปนกับ-มาปนกับ สังขตธรรม..ปัญญาอ่อนนั่นมันคุณเองแล้ว มีแต่คนบ้า ที่น่าแปลกมากๆๆ ยังมีคนมายกยอ-ปอปั้น -มันอีกประหลาดเว๊ยยยโลกนี้ -เวบนี้ -คนบ้าทั้งนั้น
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    เพียงแค่อ่านแล้วขำในคำของท่าน ที่สัมผัสได้ว่าท่านน่าจะะป็นคนตลกดีแค่นั้น ไม่ได้คิดถึงสิ่งใดอีกเลย หลับกลางวันฝันไม่ดีเลย ฝันว่าอยู่ในสถานที่หนึ่งเป็นคล้ายแค่ปากเหว ในที่ ๆ ยืนอยู่นั้นลวดกำลังจะขาด ก็กลับมาทวนย้อนโพสของตนเองค่ะ ว่ามีสิ่งที่จิตคิดอกุศลปรามาสไหม? ถ้าไม่มีก็แสดงว่าการขำร่วมในคำแค่นั้นหรือเปล่า!! และไม่ได้นึกถึงท่านธรรม-ชาติ แม้เพียงแต่น้อย ก็มาวิตกกังวลใจเพราะอะไร จริง ๆ แล้วภูมิรู้ ภูมิธรรม ของท่านธรรม-ชาติในระดับอรหันต์แน่นอนค่ะ แต่ภูมิจิตตนเองไม่สามารถกล่าวได้เพราะเรายังไม่ถึงขั้นนั้น และคำสอนธรรมของท่านก็เป็นอนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ ที่ในช่วงยุคกึ่งพุทธกาลนี้ เปิดของที่คว่ำ หงายของที่ปิด ของธรรมโลกุตระให้ง่ายชัดเจน เข้าใจเห็นภาพได้ สิ่งนี้เราต้องยกย่องและอนุโมทนากับท่านธรรม-ชาติ ค่ะ แม้ตัวเองจะเห็นได้ แต่ไม่ได้คำของท่านมาชี้ขยายความให้ ความเห็นนั้นก็คงต้องแค่เห็น ไม่อาจเกิดปัญญาเข้าใจได้เลยค่ะ

    ลองพิจารณาเรื่องโลหิจจพราหณ์สูตรดูค่ะ
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ การฝันแบบนี้ คือ เหตุการณ์ที่คุณ jityim จะมีโอกาสได้ร่วมเป็น "พยาน" เฝ้าดูบุคคลที่จะ "ร่วงลงไปยังก้นเหว"

    +++ ขณะนี้ ตัว "ลวดกำลังจะขาด" นั่น คือ มันเหลือ "เฮือกสุดท้ายแล้ว" สะกิดอีกนิดเดียว ก็จะ "ร่วง" ลงไปยัง "นรก" ทันที

    +++ คุณ jityim ค่อย ๆ เฝ้าสังเกตุไปก็จะ "รู้" ได้ว่าเป็นใคร นะครับ
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ อือ... ถ้าจะจริง สมัยก่อนยังเป็นแค่ "สับสน" แบบธรรมดา ๆ

    +++ แต่พอไปเข้า "สำนักทิฐิวิบัติ" เข้าก็เลย กลายมาเป็น "ไอ้บ้ามาคนละแบบ"

    +++ ต่อไป วิวัฒนาการ จะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะกลายมาเป็น "บ้ามันทุก ๆ แบบ"

    +++ หลังจาก "บ้ามันทุก ๆ แบบ" เสร็จแล้ว ก็จะกลายมาเป็น "เราป่วยมาคนละแบบ"

    +++ จากนั้นก็จะกลายเป็น "เราป่วยแมงทุกแบบ" ลงท้ายก็จะกลายมาเป็น "เราตายแบบตัวคัยตัวมัน" จิงม่ะ

    +++ อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน อุปปัชชิตวา นิรุชชันติ เตสัง วูปสโม สุโข

    +++ ข้า "บังสุกุล เสดาะเคราะห์" ให้เอ็งแล้วนะ ไปตาม "วิบากกรรม" ที่เอ็งทำเอาเองก็แล้วกันนะ
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ คนบรรลุพระอรหันต์ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของ คนบรรลุพระอรหันต์ ไปก่อนก็แล้วกันนะ ใครจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ คุณธรรม ของท่านเหล่านั้น

    +++ เราอย่าไปตัดสินใจอะไรในบริเวณนี้ เหมือนกับเหรียญ "หัวก้อย" หากถูกก็ดีไป แต่ ถ้าหากผิดขึ้นมา โทษมหันต์ ทีเดียว

    +++ ต้องระวัง "ตัวเอง" อย่าไปตัดสินอะไรแบบ "ชุ่ย ๆ" อาการ "ไร้สติ" จะตามมาภายหลัง ลงท้ายที่ความ "วิปลาส" ตามมา

    +++ วิบากในระดับ "ตัดมรรค" นั้นมีอยู่ และ วิบากในระดับ "ตัดผล" ก็มีอยู่เช่นกัน

    +++ คนในกลุ่มฝึก ที่ฝึกให้คนใหม่ ๆ ล้วนตระหนักใจในความ "เป็นจริง" ตรงนี้มาแล้ว

    +++ มันเป็นเรื่อง "เหลือเชื่อ" ที่มี "วิบากบางประการ" สามารถเข้ามา ตัดรอน ตรงขณะที่ "ไกวัลยธรรม" ปรากฏได้

    +++ ในบริเวณนี้ "จิต/มโน ต่าง ๆ" ไม่สามารถมีได้ แต่ยังไม่สามารถ "ผ่านพ้น" วิบากได้

    +++ คุณ jityim ต้อง "ระวัง" ให้มากจริง ๆ กลุ่มฝึกพวกผมเป็น "พยาน" ในการปรากฏของ "วิบาก" ตรงนี้มาแล้ว
    +++ เหตุถูก ผลย่อม "ถูกมาเอง โดย อัตโนมัติ" หาก เหตุผิด ผลย่อม "ผิดมาเอง โดย อัตโนมัติ" เช่นกัน

    +++ ส่วนเรื่อง "เจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ" เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ "แยกอธิบาย" แบบ ต่างกรณี เท่านั้น

    +++ ทั้ง 2 สิ่ง แต่ "การใช้ภาษา ตามอาการที่เกิดขึ้นจริง ๆ" จะต้องใช้ภาษาว่า "ทั้ง 2 ส่วน" ตรงนี้จะ "ตรงตามอาการ" มากกว่า

    +++ ส่วนหนึ่งเรียกว่า "เจโต" อีกส่วนหนึ่งเรียกว่า "ปัญญา" ทั้ง 2 ส่วน ณ ขณะนั้น ๆ แยกตัว "ออกจากกัน"

    +++ ตรงนี้ภาษาบาลีเรียกว่า "วิมุติ" ภาษาอังกฤษเรียกว่า "split/Separate" ภาษาไทยเรียกว่า "แตก/แยก/ส่วน ๆ" แบบ ตัวใครตัวมัน

    +++ ทั้งหมด "ขึ้นอยู่กับว่า ใคร จะหยิบส่วนไหนเป็นหลัก ในการอธิบาย" และ ใคร จะนิยาม ส่วนไหนว่าจะ "ใช้ภาษา" เรียกว่าอะไร

    +++ ตัวอย่าง ในส่วนของคุณ jityim หากจะใช้อาการ "มหาสติ คือ มหาปัญญา" เป็นการอธิบายบ่งชี้

    +++ และหากตัวของคุณ jityim "เป็น สภาวะรู้" ณ ขณะนั้น ก็ย่อมใช้ภาษาว่า "มันเป็น เจโตวิมุติ" เหตุเพราะ "ตัวดู โดนแยก ออกไป"

    +++ แต่ครูบาอาจารย์บางท่าน อาจจะ ไม่ใช้ ภาษาแบบเดียวกันกับคุณ jityim ก็ได้

    +++ ท่านอาจจะใช้ภาษาในฝั่งของ "ตัวดู" ซึ่งบางท่านให้นิยามว่า "ตัวดู คือ ผู้รู้"

    +++ ภาษาในฝั่งนี้ ก็จะใช้แบบ "ตัวดู คือ ปัญญา (ขันธ์)" ท่านก็จะระบุว่า "มันเป็น ปัญญาวิมุติ" หลุดออกจากตัวปัญญา (ขันธ์)

    +++ สำหรับผม ภาษาแบบนี้ยุ่งยากเกินไป ผมใช้คำว่า "ตัวดู แยกออกจากสภาวะรู้ จึงกลายเป็น ถูกรู้" เพื่อเลี่ยงภาษาไม่ให้สับสน เท่านั้น

    +++ เปรียบเทียบแบบ "มโนง่าย ๆ" คือ เอาตะเกียบ มาวางไว้แยกกัน 2 ซีก "ซีกหนึ่งย่อม แยก ออกจากอีกซีก" เป็นธรรมดา

    +++ จะอธิบายทางซีกขวา ก็จะระบุว่า "ซีกซ้ายวิมุติ" นัยยะกลับกัน ทางซีกซ้าย ก็จะบอกว่า "ซีกขวาวิมุติ" จริง ๆ แล้ว "มันเป็นเรื่องเดียวกัน"

    +++ สำหรับคนอื่นอาจจะเห็นเรื่องนี้เป็น "สิ่งสูงสุด" แต่สำหรับผู้ที่เข้าถึงบริเวณนี้แล้ว จะ "รู้" ได้เองว่า บริเวณนี้ ยังเป็นแค่ "ทางผ่าน" เฉย ๆ เท่านั้น
    +++ ตรงนี้ผมตอบ "เฉพาะ" คุณ jityim ก็แล้วกัน เพราะมั่นใจว่าคุณ jityim สามารถตรวจสอบได้ เพราะรู้ในเรื่อง "เจตสิก" มาบ้างแล้ว

    +++ ในบริเวณนี้เป็นเรื่องของ "เจตสิก" โดยตรง ปกติผมจะไม่คอ่ยกล่าวถึงบริเวณนี้เท่าไร แต่ในเวลานี้ มี "ตัวอย่าง" ปรากฏมา ดังนั้น ลองทำดูก็แล้วกัน
    =============================================
    +++ ให้คุณ jityim "จงใจกินข้าวให้ดี ๆ" คุณ jityim ลองกำหนดจิตดู แล้วให้ระบุออกมาว่า เป็น "จิตส่งออก หรือ สติ" เป็น "กุศล/อกุศล เจตสิก" อย่างไร เทียบกับ

    +++ ให้คุณ jityim "ตั้งใจกินข้าวให้ดี ๆ" คุณ jityim ลองกำหนดจิตดู แล้วให้ระบุออกมาว่า เป็น "จิตส่งออก หรือ สติ" เป็น "กุศล/อกุศล เจตสิก" อย่างไร เทียบกันเอา

    +++ ตรงนี้ต้อง "กำหนดจิต" ให้ได้ จึงจะ "รู้" อาการของ "เจตสิก" ตรงนี้
    =============================================
    +++ เมื่อ "รู้" อาการของ "เจตสิก" ตรงนี้แล้ว ให้ "เก็บข้อมูล" ไว้เฉย ๆ แล้วให้ "ปฏิบัติ" ดังนี้ คือ

    +++ ณ ขณะที่คุณ jityim ใช้คำว่า "จงใจ ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง" ณ ขณะนั้น ๆ คุณ jityim เกิดอาการ "มีสติ หรือ จิตส่งออก"

    +++ ณ ขณะที่คุณ jityim ใช้คำว่า "ตั้งใจ ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง" ณ ขณะนั้น ๆ คุณ jityim สามารถ "ตั้งสติ หรือ จิตส่งออก"

    +++ เห็นคุณ jityim สนใจในคำว่า "ปฏิสัมภิทา" คุณ jityim ก็สมควร "ปฏิบัติ" ตรงนี้ดู ก็จะรู้ถึงอาการของการ "มี/ไม่มี สติ" ได้เอง

    +++ ในขณะที่คุณ jityim "จงใจ กระทำ" ในเรื่องต่าง ๆ ตรงนี้เป็น "อาการเพ่ง" ใช่หรือไม่ ให้ลอง "ปฏิบัติ" ให้ตลอดสายดู

    +++ ในขณะที่คุณ jityim "จงใจ กระทำ" แล้วปล่อยให้ "อาการเพ่ง" เป็นไป "อาการเครียด" ปรากฏตามมาหรือไม่

    +++ เมื่อ "ปฏิบัติ" จนได้ผลลัพธ์แล้ว อาการ "จงใจ/ เป็น เพ่ง/ ที่ให้โทษ" หรือไม่

    +++ ตรงนี้เป็น "เจตสิก VS ธรรมารมณ์" เจตสิก "ส่งออก" อย่างไร "อัตตา ย่อมกลายตัวเป็น ธรรมารมณ์ นั้น ๆ"

    +++ ดังนั้น "การเพ่งโทษ" เป็นนิสัยของผู้ใด มันก็เป็นเรื่องของ "ผู้นั้น" ย่อมเป็นโทษ ด้วยตัวมันเอง

    +++ การ "ช่วย" ตรงนี้ต้อง "รู้ระดับ" ของผู้เพ่งเสียก่อน ว่าอยู่ในระดับที่ พอจะอธิบายได้ หรือ อยู่ในระดับที่ต้อง "หักทิฐิ"

    +++ ตรงนี้ ให้เป็น remark ไว้ในใจเท่านั้นพอ


    +++ คำพูดที่ว่า "จงใจกระทำ (เป็นการฝึกฝนด้วยวาสนาบารมีที่สั่งสมไว้)" มัน "ตรงกับความเป็นจริง" หรือเปล่า ต้องระวังให้มาก ๆ ด้วย

    +++ เพราะอาการ "จงใจกระทำ มันเป็น วิบากที่สะสมไว้ มากกว่า" และ ไม่ใช่ "บารมี" แน่นอน

    +++ คุณ jityim จะใช้อาการ "จงใจทำความดี/ตั้งใจทำความดี VS จงใจทำความชั่ว/ตั้งใจทำความชั่ว"

    +++ คุณ jityim ลองใช้ภาษาให้ตรงกับ "อาการของเจตสิก" ก็จะ "รู้" ผลลัพธ์ของ "วิบากขันธ์" ได้เอง


    +++ เจตสิก หรือ "ตัวจะ" เมื่อส่งออกแล้วเกิดการ "ยึด/ต่อเชื่อม จาก ตัวดู" ขึ้นมาเมื่อไร อาการ "ไร้สติ" ย่อมเป็นผลลัพธ์ ทันที

    +++ ยกเว้นในกรณี "ยึด/ต่อเชื่อม จาก มหาสติ" ซึ่งจะให้ผลคนละอย่าง (จะไม่พูดในที่นี้)

    +++ กรณีของ "ผู้ที่เร่งความเพียร ต่อเนื่อง (พระอานนท์)" ย่อมมีการเร่งความเพียรแบบ "จงใจ VS ตั้งใจ" ตลอดเวลา

    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "ตัวดู VS สภาวะรู้" อาการ "เหน็ดเหนื่อย ท้อถอย" ย่อมเกิดขึ้น เมื่อ "เร่งความเพียรอย่าง ต่อเนื่อง ยาวนาน"

    +++ อาการของ "ตัวดู" ย่อม เคร่งเครียด และ ผ่อนคลาย เป็นพัก ๆ ขึ้นกับอาการ "จงใจ VS ตั้งใจ" จนเหนื่อยถึงที่สุด

    +++ จนอาการ "ตัดสินใจ เลิก เกิดขึ้น" แล้ว ณ ขณะนั้น ๆ เจตสิกสุดท้าย คือ "เลิก" ก็เกิดอาการ "ตัด/วาง การ ยึด/ต่อเชื่อม จาก ตัวดู"

    +++ ตัวเจตสิก ก็ "สลายไป" ส่งผลให้ "ตัวดู คลายตัว สลายไปด้วยเช่นกัน" เหตุเกิด ณ ขณะ "ระหว่าง" เอนตัวจะเข้า "อิริยาบทนอน"


    +++ จงใจกระทำ "เป็นเรื่อง เพ่ง/เคร่งเครียด" แบบเดียวกับ "ยก/ย่าง/เหยียบ หนอ" เริ่มต้นเป็น "ตั้งใจ" แต่ลงท้ายเป็น "จงใจ"

    +++ ส่วนการ "พ้นเจตนา" เป็นอาการที่ "ไร้ตัวจะ" ซึ่งตรงนี้เท่านั้น เป็นอาการของ "ดำรงค์สติให้อยู่ไปเรื่อย ๆ แล้ว รู้ธรรมเฉพาะหน้า" จะปรากฏมาเอง

    +++ น่าจะเป็นที่ "พอเข้าใจ" ของคุณ jityim และ "บางท่าน" ได้ไม่ยาก แต่ก็แน่นอน บางคนก็จะยังเข้าใจไม่ได้ นะครับ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ผ ผ ผ ผ แผ่ สองสลึง บานลุกธรรม

    จิ ยิม เบย
     
  19. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ตรงนี้มันเป็นเรื่องของการเบื่อแม้กระทั่ง"ธรรมมะ" ด้วยรึเปล่านะ
    ผมนี่พักหลังๆมานี่เป็นบ่อยนะ ไม่ใช่ว่าเบื่อธรรมมะ แล้วไปหากิเลส แล้วมันพอใจกิเลสมากกว่านะ เบื่อมันทั้งคู่
    บางทีก็ไม่มีรมณ์อ่าน เห็นคุยพูดธรรมมะกันก็คิดๆว่าจะคุยไรกันไม่เบื่อเหรอ

    แต่ผมนี่เป็นคนแปลก ถ้าห่างๆ แล้วกลับมาปฏิบัติ (เนื่องด้วยอารมณ์เห็นโทษของโลก)
    มันมักจะมีของใหม่ๆ โผล่ขึ้นมาให้รู้จักอยู่บ่อยๆ (บางคนอาจเรียกว่าก้าวหน้า)

    ก็ยังนึกสงสัยเล่นๆอยู่บ่อยๆ ชาติก่อนเคยไปทำอะไรมาเอาไว้บ้างเนี่ย

    แต่เรื่องของพระอานนท์ผมอ่านแล้วเข้าใจนะ มันไม่ได้เกิดจากการจงใจปล่อย
    แต่มันน่าจะเกิดจากการไม่เห็นประโยชน์ในอะไร อะไรเลย แม้กระทั่งธรรมมะ

    อืม ศิษย์โง่คิดแบบนี้ (สงสัยศิษย์โง่จะมโนหนักไปหน่อย)
     
  20. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    อุ้มลูกแล้วอ่านกระทู้ให้ลูกฟัง จนลูกหลับในอกทุกทีเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...