เห็นทางขึ้นสวรรค์เพราะ...ช่วยงานวัด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 22 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช



    [​IMG] "ตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้ช่วยงานอยู่หลายวัด อาทิ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร วัดพระราม ๙ วัดธาตุทอง ฯลฯ ถือเป็นการช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา คิดว่าการช่วยงานวัดมากมายแบบนี้ คงได้เห็นทางขึ้นสวรรค์กับเขาบ้างเหมือนกัน"

    นี่เป็นความเชื่อของ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช นายกสมาคมติดตามการ พัฒนาสตรี ในประเทศไทย และ ประธานกรรมการ บริหารมูลนิธิ สงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ. ประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

    ท่านผู้หญิงสุมาลี บอกว่า แม้จะไปช่วยงานวัดมากแต่ ในทางปฏิบัติก็ยัง ไม่ได้ศึกษาหลักธรรมอะไร เพราะเงื่อนไขเรื่องเวลา จึงไม่ได้ทำอย่างจริงจัง งานบุญที่ทำคือการช่วยหาทุนนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนให้กับโรงเรียนและวัดต่างๆ หรือทางวัดขอให้ช่วยเหลือหากทำได้ก็จะทำ เพื่อเป็นการตอบแทนพระพุทธศาสนา

    ในมุมมองส่วนตัวกับพระพุทธศาสนา ในเมืองไทย เห็นว่าการควบคุม ให้พระสงฆ์ดีทั้งหมดคงเป็นเรื่องยาก คาดหวังเพียง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะพอใจแล้ว ข่าวพระสงฆ์ ประพฤติไม่ดีขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน ก็ทำให้ชาวพุทธปวดหัวได้เหมือนกัน

    ทุกวันนี้ได้ร่วม ทำบุญที่วัดโฝวกวงซัน สาขากรุงเทพมหานคร เป็นประจำ เนื่องจากมีเพื่อน เป็นประธานมูลนิธิแสงพุทธธรรม คือ พรชัยและจรรยา อยู่วิมลชัย ได้ชวนมาทำบุญในวันวิสาขบูชา

    "การทำบุญเป็นกุศลอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด เราควรช่วยกันส่งเสริมพระพุทธศาสนา แม้จะเป็นนิกายมหายาน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากไต้หวัน มาสร้างวัด ในเมืองไทย เราในฐานะเจ้าบ้านก็ต้องช่วยกันดูแลให้พวกเขามีความอบอุ่นใจในการมาพักพิงที่เมืองไทย" ท่านผู้หญิงสมาลี กล่าว

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นชาวพุทธแต่ท่านผู้หญิงสุมาลีก็ไม่ได้แขวนพระติดตัว โดยให้เหตุผลว่าพระจะอยู่กับเรา อยู่ในดวงใจของเราตลอดเวลา หากเมื่อใด ต้องเดินทางไปต่างประเทศหรือเดินทางไปไหนไกลๆ ก็จะอาราธนาองค์พระติดตัวไปด้วยเสมอ เพื่อสร้างความอบอุ่นใจ ซึ่งครั้งหนึ่ง ก็เกิดเหตุการณ์ระลึกขวัญหรือปาฏิหาริย์ขึ้น

    ท่านผู้หญิงสุมาลี เล่าว่า ครั้งนั้นได้นำคณะสภาสตรีแห่งชาติ ประมาณ ๓๓ คน นั่งเครื่องบินไปประเทศโปแลนด์ ขณะที่เหลือเวลาอีก ๔๕ นาที ก็จะถึงสนามบิน แต่เวลาก็ล่วงเลยออกไปเป็นชั่วโมง เครื่องบินก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะร่อนลงจอดเลย

    กัปตันประกาศว่า ขณะนี้เครื่องบินยังลงสู่สนามบินไม่ได้เนื่องจากตัวล้อมีปัญหา ขอให้ทุกคนนำของมีค่าออกจากตัวให้หมด ใครมีฟันปลอมก็ต้องเอาออก ปากกาหรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ตาม ที่มีคม จะต้องเอาออกจากตัว แม้แต่กระเป๋าสตางค์ก็ถูกเก็บไปหมด

    จากนั้นทั้ง ๓๓ คน ก็ได้พร้อมใจกันสวดมนต์ดังกึกก้องไปทั่วตัวเครื่องบิน บางคนเป็นอิสลาม เป็นคริสต์ เขาก็สวดมนต์ของเขา อีกภาพหนึ่งฝรั่งกอดคอกันร้องไห้ เสียงก็สะอื้น ดังไม่แพ้กับเสียงสวดมนต์ แต่เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง เครื่องบินก็ร่อนลงสู่พื้นได้อย่างนิ่มนวลมาก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอมองออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบินก็เห็นรถพยาบาล รถเข็น ตำรวจ ผู้คนเป็นจำนวนมากยืนรอกันอยู่บนลานจอดเครื่องบิน

    [​IMG]"มาทราบสาเหตุที่แท้จริงตอนหลังจากเจ้าหน้าที่เครื่องบินบอกว่า ครั้งแรกคิดว่าตัวล้อมันไม่กาง โดยไฟสัญลักษณ์ที่บอกว่าล้อ จะกางหรือไม่กางในวันนั้นเสียพอดี ทำให้เข้าใจว่าล้อไม่กาง แต่ความจริงๆ แล้ว ล้อมันกาง ทำให้เชื่อว่า ปาฏิหาริย์มีจริงเพราะ ตอนที่เขาประกาศดิฉันก็เตรียมตายแล้ว นึกในใจก็เห็นเครื่องบิน ที่อยู่ในสภาพเก่าๆ คิดว่ามันคงแตก ออกเป็นชิ้นๆ แน่ เรียกว่า ครั้งเดียว ก็เกินพอแล้ว หากเกิดขึ้นอีกคงต้องหัวใจวาย อย่างแน่นอน" ท่านผู้หญิง เล่าถึงเหตุการณ์เฉียดตาย ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    ท่านผู้หญิงสุมาลียังเชื่อเรื่องของกฎแห่งกรรมว่า ใครทำดีก็ย่อมได้ดี ใครทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว มันเป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ทั้งดีและไม่ดีคงไม่ได้ตอบแทนเราในเวลาอันสั้น อาจตอบแทนเราเมื่อถึงเวลา วันนี้แม้ว่าเราจะทำดีแล้วหวังว่า จะได้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้ คล้ายๆ ว่า การทำดีเหล่านี้เป็นการสะสมบุญเอาไว้กับ ตัวเราเอง เพราะการที่เราทำดีอยู่ทุกขณะเราก็จะได้แต่สิ่งที่ดีๆ เป็นประสบการณ์ที่คอยช่วยเราในยามที่มีความทุกข์

    ขณะเดียวกัน หากใครทำอะไรไม่ดีจิตใจก็ต้องเป็นทุกข์ ถึงเวลากรรมก็จะส่งผล บุญตัวไหนก็เข้ามาช่วยไม่ได้ อยากจะย้ำว่า ในโลกนี้คงไม่มีใครทำชั่ว แล้วได้ดีหรือบางคนชอบบอกว่าทำชั่วได้ดีมีถมไปนั้น ตัวเองไม่เชื่อเพราะว่าเราทุกคนต่างรู้ว่าอะไรดี หรือไม่ดี วันหนึ่งสิ่งที่เราทำอะไรไม่ดีคนอื่นไม่รู้แต่ใจเรานั่นแหละเป็นผู้รู้ ความทุกข์ก็จะเกิดอยู่กับเราตลอดเวลา

    "หลักธรรมที่นำมาใช้ในการทำงานคือการเห็นอกเห็นใจ คนอื่นเพราะดิฉันทำงานก็ประเภทงานสงเคราะห์ หมายความว่า เรามีความสามารถที่จะช่วยใครให้มีความสุขขึ้น มาเพียงน้อยนิดก็ถือว่าเป็นบุญของเราแล้วที่มีโอกาส ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นสิ่งสำคัญที่คนไทยชาวพุทธต้องมีไว้ประจำใจ บุญที่ได้จะสุขใจอย่างมาก" ท่านผู้หญิงสุมาลี กล่าวทิ้งท้าย
     

แชร์หน้านี้

Loading...