เห็นเจ้าแม่กวนอิมทั้งในสมาธิ และในฝัน2ครั้ง

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ปมณฑ์, 2 มีนาคม 2008.

  1. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    ขอบคุณนะคะ ทำให้หนูมีแรงในการทำความดีและทำหน้าที่ของการเป็นผู้ให้ต่อไป

    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ *-*
     
  2. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ถ้าทำให้จิต มีความสงบนิ่ง อยู่ทุกขณะ ไม่ว่า จะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีความสำเร็จ ในธรรม โดยไม่รู้ตัว

    จาก บทแปล เป็นภาษาไทย จากบท มหากรุณาธารณีสูตร ซึ่ง คุณโอม ได้นำคำแปล มาลงในกระทู้ ไว้ ขออนุโมทนา ด้วยค่ะ
     
  3. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อย่างที่ ดิฉัน ได้เล่า ในกระทู้ ก่อน หน้านี้ แล้วว่า ดิฉัน ได้สวดมนต์ บท มหากรุณาธารณีสูตร มาเป็นปีๆ แล้วนั้น และ อย่างที่ ดิฉันเล่า ว่า ดิฉัน สวดในขณะที่ดิฉัน ต้องนั่ง ทำงานไปด้วย ทุกครั้ง ยกเว้น ในช่วงนั่งสมาธิ เท่านั้น ที่จะมานั่ง จริงๆ และ ฟัง โอม มณี เป เม ฮง ไปจนบท สวด ประมาณ 30 นาที ทุกครั้ง ซี่งบอกแล้ว ว่า ในการนั่งสมาธิ จะว่างเปล่า เป็นจิต ที่ สงบ ไม่เคยคิดอะไร และ ไม่เคยเห็นอะไร จะมีไม่กี่ครั้งเท่านั้น ที่จะเห็น แทบจะนับครั้งได้เลยทีเดียว ซึ่งดิฉันเอง ไม่เคยรู้ ว่า การนั่งสมาธิ ที่ ถูกต้องเป็น อย่างไร แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ ดิฉัน จะบอกได้ คือ เมื่อไหร่ ที่ ปรากฎ เป็น แบบนี้ ครั้งใด ดิฉัน จะรู้ว่า จะมีอะไร เปลี่ยนแปลง ทุกครั้ง ซึ่ง ดิฉันเอง ก็ไม่ทราบว่า คืออะไร ก็ได้ แต่ ต้องรอเวลา แต่สิ่ง หนึ่ง ที่ดิฉัน เป็น เสมอคือ ทุกครั้ง ที่เห็นแบบนี้ ก็เหมือน กับ จะต้อง มีใคร มาบอกอะไร ดิฉัน ทุกครั้งไป เหมือน ท่าน จะผ่านสื่อ จากใคร ให้มาบอก หรือ อย่างไร อย่าง เช่น มีอยู่วันหนึ่ง ที่ ดิฉัน จะไป เข้าสาย 1900 ที่ อาคารวานิช อยู่ๆ น้องคนหนึ่ง อายุ 20 กว่า ๆ เขาก็บอกว่า พี่ครับ เมื่อกี่ พี่เดินมา ผมเห็นว่า พี่จะมีอะไร เปลี่ยนแปลง ในไม่ช้านี้ ขอให้พี่ถือ ศีล 8 บ้างได้ มั๊ยครับ จริงๆ แล้ว ในชีวิต ยังไม่รู้เลยว่า ศีล 8 ต้อง ทำอย่างไรบ้าง ถึงกลับ ต้องไปค้นคว้า ว่า การ ถือศีล 8 เป็นอย่างไร หลังจาก ที่ ได้อ่านแล้ว จึงได้ ตั้งจิตว่า เมื่อ ท่าน เจ้าแม่กวนอิม มา ปรากฎ ให้ลูกเห็น ถึง 2 ครั้ง ในเวลา ไล่เลี่ย กัน นั่น แสดง ว่า ท่าน ต้องการ ให้ลูก ทำบางอย่าง ซึ่ง ดิฉัน ก็ไม่ทราบ ว่า คืออะไร แต่เหตุการณ์ ที่ เข้ามา กลับกลายเป็นเรื่องราว ที่จะต้อง จับมา ปะติดปะต่อ ด้วย ตนเอง ดังนั้น จึง ขอทำ อย่างที่ลูก คิดเอง และ ขอ ปวารณา ตัว ที่ จำอย่างที่ ตั้งใจ ไว้ เท่าที่โอกาส ทำให้ท่าน มากที่สุด

    และ ยังต้อง ค้นคว้า หา คำตอบ เกี่ยวกับท่าน ไปเรื่อยๆ จนลูก ได้ พบ ประวัติเกี่ยวเรื่องราว ของท่าน ลูกจึงต้อง ขออนุญาติ ที่ นำเรื่องราว ของท่าน มาเผยแผ่ ให้หลายท่าน ได้ทราบ ต่อไป บุญกุศล ที่ลูกทำไป นั้น เพราะ แค่ ตั้งจิตไว้ว่า จะขอเป็นผู้ให้ ทุกชาติ เท่าที่ มนุษย์ คนหนึ่ง จะมีกำลังสามารถ ปฎิบัติได้

    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,157
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +29,709
    [MUSIC]http://www.oknation.net/blog/home/video_data/824/8824/video/6905/6905.mp3[/MUSIC]

    กระทู้ พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ของเฮียปอ ครับ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=103244
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มีนาคม 2008
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    [​IMG]

    ดีครับ...เข้ามาแล้วก็เย็นสบาย ด้วยบทเพลงสรรเสริญพระแม่กวนอิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มิถุนายน 2008
  6. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ดิฉันเชื่อว่า ในทุกแนวทางของการปฎิบัติธรรม ไม่ว่า ในแนวทาง ใดก็ตาม ดิฉัน เชื่อว่า เพื่อ ให้มนุษย์ได้ รู้จัก บาป บุญ คุณ โทษ และมุ่งมั่น ที่ ประกอบแต่ กรรมดี ละเว้นความชั่ว ทุกอย่าง ขึ้น อยู่กับ การ ศรัทธา ในแนวทางนั้นๆ

    อย่างไรก็ตาม ดิฉัน ก็ขออนุโมทนา กับทุกๆท่าน ทุกๆแนวทาง และ ขอให้ทุกๆท่าน ได้สำเร็จ ในแนวทางนั้น อย่างที่ หวัง และ ตั้งใจด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

    พระกษิติครรภโพธิสัตว์

    " ดาวดึงส์ "

    [​IMG] คือแดนสวรรค์ชั้นที่สองตั้งอยู่บนยอดเขาพระสุเนรุราขซึ่งบริเวณเชิงเขาโดยรอบเป็นที่สถิตอยู่ของท้าวจตุโลกบาล ได้แก่ เทพยดา4 พระองค์ผู้ดูแลรักษาโลกทั้ง 4 ทิศ
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ มีเมืองสวรรค์ 4 เมืองตั้งอยู่รอบทั้ง 4 ทิศ ซึ่งแต่ละทิศก็ยังมีเมืองสวรรค์อีกทิศละ 8 เมือง ดังนั้นเมื่อรวมกันแล้วดาวดึงส์เทวโลกจึงมีเทพยดาชั้นผู้ใหญ่ คอยดูแลรักษาอยู่ทั้งหมด 33 องค์ โดยมีสมเด็จพระอมรินทราธิราชเป็นอธิบดีเทพสูงสุด
    ณ ใจกลางดาวดึงส์ มีพระตำหนัก "สัตตรัตนพิมาน" อันเป็นทิพยสถานที่ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์จะถือเป็นพุทธประเพณีเสด็จมาประทับเข้าพรรษา

    [​IMG] บริเวณโดยรอบพระตำหนักและบันไดทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน ปูลาดด้วยทองคำมีประตูทาง 5 ประตูใหญ่ แต่ละประตูใหญ่จะแบ่งเป็นประตูทางเข้าอีกช่องละ 500 ประตูเล็ก เสา พื้นและผนังภายในพระตำหนัก ล้วนประดับประดาด้วยอัญมณีล้ำค่าอันได้แก่ ทอง เงิน มุกดา แก้วมณี เพชร ไพฑูรย์ และแก้วประพาฬเป็นที่รุ่งเรืองงดงามวิจิตรบรรจงยิ่งนัก
    ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของพระตำหนัก มีต้น "ปาริจฉัตตกพฤกษ์" สูงถึงร้อยโยชน์ ยามที่ผลิดอกบานจะส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วชั้นฟ้า
    ส่วนทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของพระตำหนักมีธรรมสถาน สำหรับเป็นที่ให้เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายมาร่วมชุมนุมและสนทนาชักถามข้อธรรมะ

    [​IMG] ในกาลนั้น สมเด็จพระศากยมุนีอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาในดาวดึงส์เทวโลกนี้ เพื่อตรัสเทศนาพระอภิธรรมโปรดแก่พระนางสิริมหามายาพระพุทธชนนีตลอดไตรมาส
    เมื่อข่าวอันเป็นมหามิ่งมงคลได้แพร่สะพัดออกไปเหล่าพุทธะ พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์และเทพยดาเจ้าทั้งปวงก็บังเกิดความโสมนัสยินดี ต่างองค์ก็ทรงร้องเรียกซึ่งกันและกันต่อ ๆ ไปจนตลอดถึงหมื่นจักรวาล ให้มาร่วมชุมนุมเพื่อจะได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมอันส้ำเสิศจากพระโอษฐ์แห่งองค์สมเด็จพระบรมครูด้วยตนเอง

    [​IMG] ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์ทั่วสาระทิศและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในสากลจักรวาล ก็ได้เปล่งสำเนียงแซ่ซ้องถวายแด่พระพุทธองค์โดยพร้อมเพรียงกันว่า "ขอนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงชนะโทษคือกองกิเลสทั้งปวง บรรเทาเสียซึ่งความโศกาอาดูรเดือดร้อน ทรงบรรลุแก่พระสัพพัญญูตญาณ ทรงบริบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะแล้วทรงสอนโลกนี้ อีกทั้ง เทวดา พรหม มาร และเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้ได้รู้ตาม เหล่าข้าพระบาททั้งผอง ขอนอบน้อมบูชาโดยยิ่ง ในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า"

    [​IMG] กาลบัดนั้น องค์สมเด็จพระบรมครูสมมาสัมพุทธโลกนาถเจ้า ได้ทรงแย้มพระสรวลและทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีโอภาสออกจากพระวรกายดุจดวงอาทิตย์อันมีรัศมีได้ 9 แสน แผ่ไพศาลแวดล้อมไปโดยรอบ เรืองรองด้วยพระศิริลักษณะประภัสสรชัชวาล และกอปร์ด้วยเสียงดนตรีอันเป็นทิพย์ดังแล่นไปในทศทิศ

    [​IMG] ในกาลนั้นมีสมเด็จพระพุทธชนนีเป็นองค์ประธานและบรรดาเหล่าพุทธะ พระโพธิสัตว์ ท้าววชิรปราณีเทวราช ทาวจตุรมหาราช ทวยเทพใหญ่น้อย รวมทั้งอากาศเทวดา ภูมิเทวดา รุกขเทวดา พฤกษเทวดา ตลอดจนถึงท้าวอสุรราชทั้งหลายในจักรวาลอื่นทั้งหมื่นโลกธาตุ ก็ได้มาประชุมน้อมอภิวาทสดับฟัง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเทศนาพระอภิธรรมในครั้งนี้ด้วย

    [​IMG] ครั้นแล้วสมเด็จพระโลกนาถเจ้าได้ทรงมีพระพุทธฏีกาแก่พระสัญชุศรีโพธิสัตว์ว่า "ดูก่อนมัญชุศรีโพธิสัตว์ท่านจงประมาณดูว่า เหล่าพุทธะโพธิสัตว์ และบรรดาเทพเทวาทั้งหลาย ที่มาสดับฟังพระธรรมเทศนาของตถาคตในครั้งนี้มีจำนวนสักเท่าไร?"

    [​IMG] พระโพธิสัตว์มัญชุศรีได้กราบบังคมทูลตอบว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าอาศัยอภิญญาญาณของข้าพระองค์ซึ่งสามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคตกาลทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ กระนั้นก็ยังมิอาจจะประมาณจำนวนของผู้ที่มาร่วมชุมนุมกัน ณ ที่นี้ได้เลยพระเจ้าข้า"

    [​IMG] พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "มัญชุศรีโพธิสัตว์ ผู้ชุมนุมกันที่นี่มาจากทศทิศพิภพอันมีจำนวนมากมายเหลือจะคณานับได้นั้น ล้วนเป็นผู้ที่พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้แผ่กุศลปัตติทานฉุดช่วยเป็นเวลาอสงโขยกัลป์นับไม่ถ้วนโดยลำดับมาจนได้บรรลุมรรคผลกันแล้ว ในสมัยอดีตกัลป์บ้าง ที่กำลังจะบรรลุมรรคผลในสมัยปัจจุบันกาลบ้าง และหวังที่จะบรรลุมรรคผลในอนาคตกาลบ้าง"

    [​IMG] พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ เมื่อได้สดับเช่นนี้แล้วได้กราบทูลขึ้นว่า "ข้าแต่พระตถาคตเจ้า ตัวข้าพระบาทก็ได้บำเพ็ญบารมีมาจนลุถึงซึ่งญาณทัศนะอันบริสุทธิ์ เมื่อสดับพระวจนะของพระองค์แล้ว ก็น้อมรับได้โดยดุษฎีแต่ทว่าสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในปุถุชนวิสัย เพียงได้ยินคำตรัสของพระองค์เช่นนี้ก็จะยังคงมีความสงสัยเคลือบแคลงอยู่ในกมลสันดาน เหตุฉะนี้เพื่อจะมิให้พวกเขาได้กล่าววาจาจาบจ้วง ลบหลู่ ล่วงละเมิด ต่อธรรมอันดีในกาลต่อไปภายหน้า ขอองค์สมเด็จพระบรมทรงโปรดทรงพระกรุณาชี้แสดงถึง การบังเกิดขึ้นของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ว่า ท่านได้มีกำเนิด มีชาติมีความประพฤติในพรหมจรรย์แต่ปางก่อน ๆ และมีปณิธานอธิษฐานอย่างใดจึงสามารถสร้างสมมหาบารมีจนถึงขั้นมิอาจประมาณได้ฉะนี้ พระเจ้าข้า"

    [​IMG] พระพุทธองค์ได้ทรงมีพระอรรถาอธิบายแก่ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ว่า "หากถือเอา ต้นไม้ ใบหญ้า กรวด หิน แม้แต่เศษผงละอองธุลี ตลอดจนทุกสรรพสิ่งในมหาอนันตจักรวาลนี้ทั้งหมดโดยเปรียบเอาแต่ละอย่างเป็นแม่น้ำคงคาสายหนึ่งและเม็ดทรายเม็ดหนึ่งในแม่น้ำนั้น คือ โลกนี้และเผสาเสี้ยวของละอองธุลีในโลกนั้น ๆ คือ เพทภัยและเคราะห์กรรมหนึ่งอย่างของสรรพสัตว์ แล้วละก็...
    กุศลปัตติทานที่พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้โปรดแผ่ให้แก่สัตว์ทั้งหกเหล่าคือ เทวดา มนุษย์ อสูร เปรต เดรัจฉานและสัตว์ในนรกแล้วนั้น ยังจะมีจำนวนมากกว่าเพทภัยและบาปเคราะห์ของสรรพสัตว์ถึงหมื่นแสนเท่าทวีคูณเสียอีก ตลอดอสงไขยกัปป์นับไม่ถ้วนมาแล้วที่พระโพธิสัตว์กษิติครรภผู้ทรงคุณธรรมเมตตา ได้ปฏิบัติช่วยเหลือโปรดสัตว์ทั้งหกเหล่า ทั้งเทศนาสั่งสอนให้รู้สึกสำนึกในบาปกรรมทั้งหลาย อันจักส่งผลให้กลับมาสนองทำลายผู้ที่กระทำอีกทั้งยังแนะนำสรรพสัตว์เหล่านั้นให้ประกอบกุศลกรรมอันเป็นที่พึ่ง เพื่อจะได้พ้นจากนรกไปสู่สุคติ กระทั้งนำทางให้พวกเขาได้บรรลุมรรคผลแล้ว ก็มีจำนวนมากมายอเนกอนันต์ โดยลำดับมา"

    [​IMG] "ดูด่อน มัญชุศรีโพธิสัตว์ อันมหาเมตตาบารมีและปณิธานของพระกษิติครรภโพธสัตว์นั้นสูงส่งล้ำเลิศ จนสุดที่จะกล่าวพรรณนา มาตรแม้นว่าในอนาคตกาลหากมีสาธุชนชายหญิงผู้ใดตั้งมั่นอยู่ในคุณความดี เพียงแต่ได้เอ่ยนามของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ด้วยจิตศรัทธาอันบริสุทธิ์ ได้กราบไหว้สักการะ บูชาด้วย ธูปประทีป ดอกไม้ เครื่องหอม ต่อรูปวาดหรือรูปสลักของท่าน บุคคลผู้นั้นเมื่อละสังขารจากโลกมนุษย์ก็จะได้ไปจุติในสุคติภพ อยู่เสวยทิพยสุข 100 ชาติ และจะไม่มีวันตกลงสู่นรกอเวจี"

    [​IMG] ดูก่อน ......มัญชุศรีโพธิสัตว์ แท้จริงในอดีตกาลที่ล่วงมาแล้วปางก่อนพระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้เคยเกิดเป็นบุตรชายคนโตของคฤหบดี ผู้มั่งคั่ง

    [​IMG] สมัยนั้นแลเป็นสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า "ซือจื้อเฟิ่นซิ่นจี้จู่ฟั่นสิงยู้ไล้" เมื่อบุตรชายของเศรษฐีได้เห็นพระพักตร์ของพระพุทธองค์ อันเจริญด้วยอล้งการบารมีจิตก็บังเกิดความปิติยินดีเคารพเลื่อมใสจึงได้กราบทูลถามพระองค์ว่า "ข้าแต่พระมหามุนีผู้ประเสริฐพระองค์ได้ทรงตั้งปณิธานอันใดไว้หรือ จึงมีพระรูปโฉมที่งดงามสมบูรณ์เช่นนี้?" พระพุทธองค์ได้ตรัสตอบวา "ดูก่อนกุลบุตร...การปรารถนาที่จะได้บุคลิกลักษณะอันเป็นอุดมมงคลเช่นนี้ บุคคลผู้นั้นจะต้องทำการโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์นับตั้งแต่อดีตกาลมาโดยตลอด เมื่อนั้นจึงได้บรรลุความมุ่งมาดปรารถนาทุดประการ"

    [​IMG] "ดูก่อน..มัญชุศรีโพธิสัตว์ ด้วยเหตุนี้แลกุลบุตรผู้นั้นจึงได้ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่เพื่อที่จะได้โปรดสรรพสัตว์ในไตรภูมิให้หลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร โดยคุกเข่าลง ณ เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าในอดีต แล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่า "ข้าพเจ้าจะต้องโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงทะเลทุกข์ให้หมดสิ้น จึงจะขอบรรลุสู่พุทธภูมิ หากแม้นนรกอเวจียังไม่ว่างเว้นจากเวไนยสัตว์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ขอสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า"
    ตราบจนกระทั่งบัดนี้เวลาได้ผ่านไปนับหมื่นล้านโกฏิปิแล้ว เพื่อจะฉุดช่วยเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลาย พระกษิติครรภโพธสัตว์ซึ่งก็คือบุตรชายคฤหบดีในกาลนั้นจึงยังคงดำรงอยู่ในโพธิสัตว์ภูมิและปฏิบัติตามปณิธานที่ตั้งไว้เป็นจริยกิจเสมอมา โดยไม่ยอมเข้าสู่แดนนิพพาน"

    [​IMG] ครั้นกาลเวลาล่วงไปอีกหลายชั่วอสงไขยกัปป์นับประมาณมิได้จนถึงสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า "พระพุทธปัทมอิศวรราชาตถาคต" ทรงมีพระชันษาสี่อสงไขยแสนกัปป์

    [​IMG] พระองค์เป็นที่เคารพสักการะบูชาของปวงประชาราษฎร์ทั้งหลายผู้มีจิตศรัทธาก็ได้พากันสร้างพระพุทธปฏิมากรของพระองค์ไว้กราบไหว้บูชาตามวัดวาอารามทั่วทุกหนแห่งสมัยนั้นมีพราหมณีผู้หนึ่ง ประพฤติตนตั้งมั่นอยู่ในธรรมโดยบริสุทธิ์ใจไม่ทำความเบียดเบียนแก่มนุษย์ตลอดจนถึงสัตว์เดรัจฉาน นางได้รับการสรรเสริญและเป็นที่เคารพนับถือในหมู่พราหมณ์ด้วยกัน แต่ท่วมารดาของนางกลับมีความประพฤติตรงกันข้ามคือไม่เคารพในพระสัจจธรรม ไม่เชื่อในกฎแห่งกรรมไม่เชื่อบาปบุญคอยอต่ลบหลู่ดูถูกผู้ปฎิบัติธรรม
    ต่อมาไม่นาน นางพราหมณีผู้เป็นมารดาก็ถึงแก่อายุขัยเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยผลกรรมที่นางได้กระทำไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ดวงวิญญาณของนางต้องตกล่วงลงสู่นรกภูมิ

    [​IMG] นางพราหมณีผู้เป็นบุตรมีความโศกเศร้าและห่วงใยอาลัยถึงมารดาผู้บังเกิดเกล้ายิ่งนัก ทั้งนี้เพราะนางเชื่อว่าดวงวิญญาณของมารดาคงจะไม่ได้ไปสู่สุคติภพเป็นแน่แท้
    ดังนั้นเพื่อจะฉุดช่วยมารดาผู้มีพระคุณนางพราหมณีจึงตัดสินใจขายบ้านเรือนและทรัพย์สมบัติทั้งหมดแล้วรวบรามเงินที่ได้ไปจัดซื้อ ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องสักการะ บูชา เพื่อนำไปนมัสการต่อพระพุทธปฏิมาที่ประดิษฐานอยู่ตามพระอารามต่าง ๆ พร้อมกับแจกจ่ายบริจาคทานสร้างกุศลช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากตลอดจนถึงสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย
    ทุกวันนางพราหมณีเพียรกราบไหว้สักการะและเฝ้าภาวนาอธิษฐานต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธรูปแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธปัทมอิศวรราชาตถาคตว่า "ขอกุศลใด ๆ อันจะบังเกิดขึ้นจากบุญทานที่ข้าบาทได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ในครั้งนี้ ขออานิสงส์นี้จงช่วยไถ่ถอนโทษของมารดาผู้บังเกิดเกล้าของข้าบาท ให้ท่านได้หลุดพ้นจากสรรพภัยพิบัติในทุคติภูมิด้วยเทอญ"

    [​IMG] เมื่อจบคำอธิษฐานในใจของนางก็คิดคำนึงไปว่า "ถ้าหากพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้เราก็คงจะได้รู้ว่าเวลานี้ท่านแม่อยู่ในที่แห่งหนใด" ถึงตอนนี้นางก็รู้สึกสะท้านสะเทือนจิต สุดโหยไห้อาลัยหา ได้แต่หลั่งน้ำตาปริเวทนารำพันว่า "ถ้าพระองค์ยังทรงดำรงอยู่ก็คงจะช่วยข้าบาทได้"

    [​IMG] ทันใดนั้นก็ปรากฏมีสำเนียงแว่วมาจากบนนภากาศว่า "ดูก่อนพราหมณี เธอจงหักห้ามความโศกเศร้าอาดูรเสียเถิด เราตถาคตจะชี้ทางให้" เมื่อนางได้ยินดังนี้น ก็เกิดความปิติปราโมทย์เป็นล้นพ้น รีบน้อมกายก้มกราบลงด้วยความคารวะอย่างยิ่งแล้วกราบทูลว่า "ขอพระองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญเลิศล้ำ ได้ทรงโปรดประทานพระกรุณาให้ข้าพระบาทผู้อาภัพได้ทราบว่ามารดาของข้าบาทอยู่แห่งหนใดด้วยเด ณ บัดนี้ข้าบาทได้ตั้งปณิธานไว้ว่า จะขอพบปะมารดาเพื่อทราบความทุกข์สุขของท่านแม้ว่าชีวิตของข้าบาทจะถึงแก่บรรลัยลงระหว่างนี้ก็ยอมสิ้น ขอเพียงได้หมายมุ่งเอาความสุขมาให้แก่มารดาเป็นที่ตั้งพระเจ้าข้า"

    [​IMG] แต่ทว่าเวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ยังปราศจากวี่แววของเสียงใด ๆ อีกนางพราหมณีจึงได้แต่คร่ำครวญด้วยความเสียใจจนเป็นลมล้มพับแน่นิ่งไปพักใหญ่ ต่อเมื่อนางฟื้นคืนสติจึงได้ยิน พระสุรเสียงทิพย์ตรัสขึ้นอีกคำรบหนึ่งว่า

    [​IMG] "ดูก่อนพราหมณี จงอย่าทุกข์โศกจนเกินควร ด้วยอานิสงส์แห่งการปฏิบัติบูชาและกุศลปัตติทานส่วนบุญอันแรงกล้า จะยังผลให้เธอได้สำเร็จประโยชน์ตามคำอธิษฐาน เธอจงกลับไปปฏิบัติภาวนากิจต่อไปเถิดไม่นานผลสัมฤทธิ์จะบังเกิดขึ้นดังความมุ่งมาดปรารถนา"

    [​IMG] เมื่อนางพราหมณีได้ยินพุทธดำรัสเช่นนั้นแล้ว ก็บังเกิดความปิติอย่างสุดซึ้งประหนึ่งได้รับการประพรมด้วยน้ำอมฤต นางรีบกราบลงด้วยเบญจางคประดิษฐอย่างเคารพยิ่ง แล้วกลับไปปฏิบัติบำเพ็ญธรรมอันเป็นกิจวัตรพร้อมกับภาวนาอธิษฐานขอให้ได้พบมารดาดังที่ตั้งใจไว้

    [​IMG] หลังจากนั้นไม่นาน อยู่มาวันหนึ่งขณะที่นางพราหมณีเจริญวิเวกธรรมเพ่งภาวนาจิตอยู่ด้วยอภินิหารแห่งพระพุทธานุภาพได้บันดาลให้วิญญาณของนางออกจากร่างล่องลอยไปยังฝั่งมหาสมุทรแห่งหนึ่ง น้ำทะเลในมหาสมุทรนั้นเดือดพล่านและมีสัตว์ร้ายรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว เที่ยววิ่งเพ่นพล่านอยู่บนผิวน้ำมิหนำซ้ำมันยังคอยใช้เหล็กแหลมทิ่มแทงเหยื่อในทะเลขึ้นมากิน ส่วนเหยื่อในทะเลเดือดนั้นก็คือ มนุษย์ชายและหญิงจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังลอยคอผลุบ ๆ โผล่ ๆ พวกเขาต่างพยายามหลบหลีกเหล่าปีศาจร้ายที่จ้องจะตะครุบจับตัวขึ้นมาฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ แล้วกลืนกินทั้งเลือดทั้งเนื้อ

    [​IMG] ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า ทำให้นางพราหมณีรู้สึกสลดหดหู่ใจและเวทนาสงสารจนมิอาจจะมองดูต่อไปได้อีก นางเฝ้าแต่พร่ำสวดภาวนาถึงพระนามของพระพุทธองค์ตลอดเวลาจึงมิได้ตื่นพระหนกตกใจ

    [​IMG] ในขณะนั้นมีจ้าวแห่งอสูรตนหนึ่ง ได้เดินตรงเข้ามาหานางแล้วพนมมือขึ้นกระทำอภิวาทพร้อมกับกล่าวว่า "สาธุ ! สาธุ ! ท่านผู้เจริญซึ่งโพธิสัตวธรรม ท่านมาถึงที่นี้เพื่อประสงค์สิ่งใดหรือ?" นางพราหมณีจึงได้ถามว่า "สถานที่นี้คือที่ใดกันหรือ?" จ้าวอสูรตอบว่า "ที่นี่คือ ด้านตะวันตกของเขาเหล็กล้อม"

    [​IMG] นางพราหมณีจึงกล่าวต่อไปว่า "ข้าพเจ้าได้ทราบมาว่าภายในเขาเหล็กล้อมเป็นขุมนรกโลกันต์ใช่หรือไม่?" จ้าวอสูรตอบว่า "ถูกต้องแล้ว" นางพราหมณีได้รำพึงขึ้นว่า " เอ.เรามาถึงที่นี่ได้อย่างไรหนอ?"

    [​IMG] จ้าวอสูรจึงกล่าวว่า "ถ้าหากมิใช่ด้วยบุญญาภินิหารอันสูงล้ำก็ต้องเป็นเพราะสายใยแห่งกรรมอันใดสักอย่างจึงเป็นเหตุปัจจัยให้ท่านได้มาถึงนรกภูมิแห่งนี้"

    [​IMG] จ้าวอสูรได้อธิบายว่า "ทั้งหมดที่ท่านได้พบเห็นอยู่เบื้องหน้าล้วนเป็นสรรพสัตว์ในโลกียโลกที่เคยก่อกรรมทำเข็ญไว้และเมื่อตายลงมาแล้ว ภายใน 49 วันก็ยังไม่มีผู้ใดสร้างบุญกุศลอุทิศให้แก่พวกเขาเลยวิญญาณเหล่านี้ ขณะยังมีชีวิตอยู่ทำบาปหยาบช้าไม่เคยตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม เพราะฉะนั้นด้วยแรงแห่งกรรมที่เขาได้สร้างขึ้นไว้เองจึงเป็นเหตุให้ต้องมารับผลเช่นนี้ แต่ก่อนที่วิญญาณบาปทั้งหลายจะตกลงไปสู่นรกขุมใดพวกเขาต้องผ่านด่านทุเลเดือดนี้ไปเสียก่อน"

    [​IMG] "....ถัดไปทางตะวันออกของทะเลเดือดนี้มีทะเลทรมานอีก 2 แห่ง ซึ่งกว้างถึง 1 แสนโยชน์การลงโทษจะยิ่งทุกข์ทรมานกว่าที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นทบทวีคูณ ทั้งนี้ก็ด้วยอกุศลมูลมี่ 3 คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่พวกเขาสั่งสมเอาไว้ จึงเป็นเหตุปัจจัยให้วิญญาณต้องถูกชักนำลงมาอยู่ที่นี่ ทะเลนี้มีชื่อเรียกว่าทะเลคนบาป"

    [​IMG] นางพราหมณีได้ถามต่อไปว่า "ถ้าเช่นนั้นขุมนรกที่แท้จริงอยู่ที่ไหนกันเล่า?" จ้าวแห่งอสูรตอบว่า "ภายใต้ท้องทะเลลึกทั้ง 3 ห้วงนี้แหละ คือขุมนรกใหญ่"

    [​IMG] "ในแดนนรกมี 18 ขุมใหญ่ แต่ละขุมยังแบ่งออกเป็นนรกขุมย่อยอีกนับพันขุม ทุก ๆ ขุมนรกเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส"

    [​IMG] นางพราหมณีได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยถามว่า "มารดาของข้าพเจ้าเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ท่านได้หลงเดินทางผิดเคยลบหลู่พระไตรรัตน์ ดูหมิ่นพระธรรมบัดนี้ไม่รู้ว่าวิญญาณของท่านจะไปตกอยู่ ณ ที่ใด?" จ้าวแห่งอสูรจึงย้อนถามว่า "มารดาของท่านมีนามว่ากระไร?" นางพราหมณีตอบว่า "บิดามารดาของข้าพเจ้าอยู่ในตระกูลพราหมณ์บิดามีนามว่า ชีรชิณณ พราหมณ์ มารดามีนามว่า ยัฏฐีลีพราหมณีขอท่านผู้เป็นใหญ่ในแดนนรกนี้ได้โปรดกรุณาแจ้งที่อยู่ของท่านให้ข้าพเจ้าทราบด้วยเถิด"

    [​IMG] เมื่อจ้าวแห่งอสูรได้ฟังดังนั้นก็ประสานมืออภิวันท์แล้วตอบว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ...อันนางยัฏฐีลีผู้เป็นมารดาของท่านนั้นได้เคยตกมาอยู่ในแดนนรกนี้แต่เนื่องด้วยนางได้รับสงเคราะห์ส่วนบุญกุศลอันประเสริฐไพศาลที่ท่านได้อุทิศให้ดังนั้นเมื่อ 3 ราตรีล่วงไปนี้เองมารดาของท่านจึงได้พ้นจากนรกภูมิไปสู่อุดมสถานอันเป็นสุขแล้ว"

    [​IMG] เมื่อท้าวอสุรอนุราชจ้าวแห่งอสูรได้กล่าวคำปราศรัยพอสมควรแล้ว ก็พนมมือน้อมเศียร คำนับลาจากไปในขณะนั้นที่ขุมนรกก็มีวิญญาณหลายดวงถูกปลดปล่อย อันเนื่องด้วยอานิสงส์ผลบุญที่บุตรหลานอุทิศให้แก่พวกเขาครั้นนางพราหมณีทราบเรื่องของมารดาเป็นที่แจ่มแจ้งแล้ว ก็รู้สึกปลาบปลื้มดีใจเป็นล้นพ้น จิตญาณของนางจึงรีบกลับสู่ร่าง

    [​IMG] แต่ภาพเหล่าวิญญาณที่น่าเวทนาสงสารจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งกำลังทุกข์ทรมารอยู่ในนรกทำให้นางเกิดธรรมสังเวชและมีจิตเมตตาอยากจะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้พ้นทุกข์ด้วย
    ดังนั้นางพราหมณีจึงตั้งปณิธานต่อเบื้องพระพักตร์องค์พระพุทธปฏิมาว่า "ข้าพระองค์ขอบำเพ็ญกุศลปัตติทานโปรดสัตว์ในนรกอเวจีให้ทั่วถึงกันตลอดเวลาทั่วทุกกัปป์ในอนาคตขออำนาจคุณพระรัตนตรัยคุ้มครองอย่าให้ข้าพระองค์มีความเบื่อหน่ายต่อการสร้างบุญกุศลไปจนตลอดกาล..เทอญ"

    [​IMG] ในลำดับนั้นองค์สมเด็จพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงผินพระพักตร์มาตรัสแก่พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ว่า "จ้าวแห่งอสูรผู้เป็นนายผู้คุมนรกก็ได้รับส่วนบุญกุศลจากนางพราหมณีด้วยจนบัดนี้ก็ได้ไป จุติเป็น "พระโพธิสัตว์ ไฉ่โซ่ว" แล้ว

    [​IMG] และนางพราหมณีผู้มีความกตัญญูกตเวทีอย่างแรงกล้ารูปนั้นก็คือ "พระกษิติครรภโพธิสัตว์ องค์นี้นี่เอง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มีนาคม 2008
  7. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    <CENTER>กำเนิดพระโพธิสัตว์กวนอิม
    </CENTER>[​IMG] ศาสนาในประเทศจีน มีศาสนาใหญ่ๆ อยู่สามศาสนาอันได้แก่ เต๋า ขงจื่อ และพุทธศาสนา ขงจื่อและศาสนาเต๋าเป็นศาสนาที่มีถิ่นกำเนิดใประเทศจีนเอง ส่วนศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เผยแผ่มาทางตะวันตก ศาสนาพุทธก็เป็นที่เคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขงจื่อและเต๋า ในแผ่นดินจีนจะมีภูเขาที่มีชื่อเสียงอยู่สี่แห่งซึ่งมีปูชนยสถานทางพุทธศาสนาประดิษฐานอยู่อันได้แก่ ภูเขาจิ่วฮัวมีพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ประดิษฐานอยู่ ภูเขาอู่ไถ มีพระมัญชูศรีโพธิสัตว์ประดิษฐานอยู่ ภูเขาเอ่อเหมยมีพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ประดิษฐานอยู่ และภูเขาผู่ถัวมีพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หรือประโพธิสัตว์กวนอิมประดิษฐานอยู่ พระโพธิสัตว์ทั้งสี่ต่างก็ได้รับการยกย่องอย่างมากในพุทธศาสนามหายาน แต่พระโพธิสัตว์กวนอิมจะมีผู้นับถือมากที่สุด พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักกันดีตั้งแต่เด็กตลอดจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่
    แม้แต่สตรีในศาสนาขงจื่อยังรู้จักดี ปัจจุบันพระโพธิสัตว์กวนอิมนับวันจะมีผู้นับถือมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะธรรมานุภาพของกวนอิม แต่ประชาชนส่วนใหญ่มักนับถือพระองค์ในทางหลงงมงาย ซึ่งในทางตรงข้ามแล้วจุดมุ่งหมายของโพธิสัตว์ต้องการให้ชาวโลกได้เข้าใจในพุทธธรรมเพื่อจะได้บรรลุถึงฝั่ง ในสัทธรรมปุณฑริกาสูตรกล่าวว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มีนาคม 2008
  8. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอขอบคุณ เฮียปอ น่ะค่ะ ที่ภาพของท่าน มาให้ดู ในกระทู้ เห็นภาพ ท่าน เมื่อใด จะเห็น และ รู้สึก เสมอว่า ใบหน้า ของท่าน เปี่ยม ไป ด้วย ความ เมตตา กรุณา แค่ เห็น ดวงตา และ ใบหน้า ของท่าน ก็ จะมีความรู้สึก ว่า มองเรา ด้วย ความรัก ความเมตตา และ ทำให้ รู้สึกว่า ท่าน จะคอยให้กำลังใจ อยู่ เสมอ ว่า อย่า ท้อถอย ใน การทำความดี ต่อไป

    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    [​IMG]



    <CENTER>กำเนิดเซียน
    พระโพธิสัตว์กวนอิม
    </CENTER>พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติวันที่ 19 เดือนยี่จีน) เดิมเป็นเทพธิดาที่มาจุติยังโลกมนุษย์ เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ ท่านเป็นราชธิดาองค์ที่สามของกษัตริย์เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อเมี่ยวอิม องค์รองชื่อเมี่ยวหยวน องค์ที่สามชื่อเมี่ยวซ่าน คือพระแม่กวนอิมนั่นเอง ตอนเยาว์วัยท่านเป็นพุทธมามกะ มีความรู้แจ้งในหลักพุทธธรรมอย่างลึกซึ้ง ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อความหลุดพ้นจากสังสารวัฏ (ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9) ตอนนั้นพระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วยกับความประสงค์ของราชธิดา จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอม แม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด ต่อมาองค์หญิงสามได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงก็มีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เปลี่ยนแปลงงานการต่าง ๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้ พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต ตอนนั้นมีเทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองคำทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย จนดาบหักสะบั้นถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน
    ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม (วันที่ 19 เดือน 6)
    ข้างฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีก ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ได้ส่งผล กษัตริย์เมี่ยวจวงเกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียาใดที่จะสามารถรักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธเคืองการกระทำของพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย
    องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ ด้วยเหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มีนาคม 2008
  10. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    กวนอิม 6 ปาง

    เจ้าชายของแคว้นปินกั๋ว หรือโอรสของเจ้าผู้ครองนครด้วยเหตุที่ชีวิตมีวิบากกรรมต้องประสบกับความไม่สมหวังอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ตนเป็นถึงเจ้าชาย เขาจึงปลงอนิจจังเห็นชีวิตของตนเป็นเพียงซากศพที่ไร้ค่าตลอดกาล เพราะเหตุนี้จึงสละชีวิตฆราวาสสู่ร่มโพธิแห่งโยคาจร เพื่อศึกษาค้นคว้าสัจธรรมสูตรแห่งพระพุทธศาสนาอันล้ำลึกและโอฬาร ควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง นับเวลาได้ 3 พรรษา แต่ก็ยังไม่เข้าใจในพระธรรมสูตรอันลึกล้ำ แห่งพระธรรมของมหายานอันกว้างไพศาล

    ตนจึงหวังว่าจะมีพระพหูสูตรผู้เป็นอริยเจ้าทรงภูมิธรรมอันยิ่งใหญ่ มาชี้แนะปมธรรมแห่งลัทธิมหายานในภาคตะวันตกนี้ ให้กระจ่างแพร่หลายไปทั่วทั้งแผ่นดินเหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก ทั้งนี้เพื่อให้มหาชนเข้าใจสวดสาธยายพระธรรมสูตร หากแต่ทว่ากาลเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีพระอาจารย์รูปใด ที่จะให้ความกระจ่างในข้อธรรมที่ตนไม่เข้าใจได้จนเป็นที่พอใจบางครั้งมีผู้สอบข้อธรรมที่เขาไม่เข้าใจ ตนเองก็ตอบไม่ได้ก็มี เขารู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง ทำให้เป็นคนที่เห็นตนเองน่ารังเกียจและไร้ค่าอย่างมาก ด้วยว่าบวชเป็นพระแล้วแต่ยังไม่แตกฉานในพระธรรมสูตร ตอบคำถามตนเองและผู้อื่นในเรื่องที่ตนปฏิบัติอยู่ไม่ได้


    ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเดินทางมาที่เขาจิ่วหัวซานดินแดนแห่งภูเขาดอกบัว โดยอาศัยอยู่ในกุฏิที่ก่อด้วยอิฐ ในแต่ละวันจะไม่สนใจอย่างอื่น เขาเป็นพระที่แปลกกว่าองค์อื่นคือจะนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากำแพง และจะท่องพระธรรมสูตรต่าง ๆ อย่างจริงจัง ด้วยศรัทธาอันแก่กล้าว่าการกระทำเช่นนี้ จะต้องได้พบพระโพธิสัตว์มาช่วยชี้แนะทางสว่างแก่ตน

    และบังเอิญในวันหนึ่งพระโพธิสัตว์กวนอิมได้ผ่านมาทางนี้และได้ยินเสียงสวดพระธรรมสูตร ก็เล็งรู้ด้วยญาณอันวิเศษของพระโพธิสัตว์ว่าพระรูปนี้มีความประสงค์อย่างไรในการสวดพระธรรมสูตร พระโพธิสัตว์จึงคิดหาอุบายในการช่วยพระผู้มีความตั้งใจจริงในการค้นหาสัจธรรมรูปนี้เพราะหากไม่ช่วยชี้ทางสว่างแก่พระองค์นี้จะมีใครสามารถช่วยเขาได้เล่า ? แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะเอาไว้คืนนี้ค่อยไปปรากฏเป็นนิมิตเพื่อชี้ความสว่างไสวในธรรม

    กลางดึกของคืนนั้นเอง ขณะที่พระรูปนั้นนั่งสมาธิด้วยใจอันสงบฉับพลันก็รู้สึกว่ากำแพงที่ตนหันหน้าเข้าหานี้ บังเกิดมีแสงสว่างอันเจิดจรัส เปล่งรัศมีไปทั้งห้อง และท่ามกลางของแสงสว่างที่เปล่งออกมามีดอกบัวอยู่หนึ่งดอกในดอกบัวอันตระการด้วยเขาได้เห็นพระธรรมกายของพระโพธิสัตว์กวนอิม ประทับอยู่บนหลังอัศวโฆษ พระผู้รอการมาโปรดจึงได้กล่าวนมัสการ และขอให้พระโพธิสัตว์ผู้ทรงการุณย์ธรรมช่วยโปรดชี้แนะธรรมอันวิเศษ พระโพธิสัตว์เพียงแต่เผยอพระโอษฐ์ยิ้มน้อย ๆ มิได้ตรัสตอบประการใดและทันใดม้าที่ทรงอยู่ ก็กระโจนขึ้นสู่เวหากลางจักรวาลแล้วออกควบไปทุกทิศทุกทาง เป็นการแสดงปริศนาธรรมเพื่อให้พระผู้เพ่งกำแพงนี้พิจารณาจะได้รู้สึกถึงการปฏิบัติที่ผ่าน ๆ มาว่าผิดถูกอย่างไร จากนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมได้ตรัสแก่พระรูปนั้นว่า


    ”กิเลสต่าง ๆ ก่อให้เกิดวัฏสงสารจึงจำต้องกำจัดความอยากและอวิชชาทั้งมวลที่เกิดจากดวงจิตให้หมดสิ้นไป จึงจะได้ชื่อว่ามีความเพียรอันชอบ มิใช่ยึดถือความคิดจำกัดตนแต่ผู้เดียว การนั่งฝึกจิตอยู่กับที่ย่อมไม่เกิดผลสมบูรณ์ จึงต้องเที่ยวจาริกธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ ของแผ่นดินด้วย เพื่อให้เห็นความจริงแห่งโลกอันไพศาลในแง่มุมต่าง ๆ ประกอบกับการปฏิบัติและเผยแพร่ธรรมไปในตัว”


    ขณะที่พระรูปนั้นฟังการโปรดธรรมอยู่อย่างซาบซึ้งของพระโพธิสัตว์พลันก็รู้สึกตัว ลืมตาก็พบแต่กำแพงภาพนิมิตที่เห็นได้ปลาสนาการไปสิ้น หลังจากวันนั้นแล้วพระรูปนี้ก็ได้ละทิฐิของตน ไม่นั่งเพ่งกำแพงอีกต่อไป แต่ได้ละจากกุฏิของตน จาริกไปตามสถานที่ต่าง ๆ เหมือนปุยเมฆที่ลอยไม่หยุดอยู่กับที่ 9 ปีต่อมาได้มีศัพท์ใหม่กล่าวขานว่า ความดีเลิศย่อมไม่หยุดอยู่กับที่ และยัดนี้ที่จิ่วหัวซาน ได้ประกาศให้คนทุกข์ผู้ได้รู้สึกตัวแล้วว่ามหากรุณาสูตรได้ช่วยให้พระผู้เพ่งกำแพงได้บรรลุความเป็นพุทธจึงได้มีการจัดสร้างห้องอัศวโฆษกลางดอกบัวหยก


    ภายหลังได้มีพวกที่นิยมเคารพรูปสัตว์จัดตั้งนิกายกวนอิมทรงม้า เพื่อเป็นที่เคารพบูชา ทั้งนี้เพราะเหมาะกับอาชีพของพวกตนที่เลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพพวกเขาเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความดีของรูปเคารพอย่างลุ่มหลง จนจัดได้ว่างมงายไร้เหตุผลเอามาก ๆ จนมีคนที่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์เช่นกัน แต่เป็นกลุ่มอื่นได้ดูถูกเหยียดหยามคนกลุ่มนี้และเลยมาถึงพระโพธิสัตว์ทรงอัศวโฆษว่า อยู่ดี ๆ ทำไมต้องเพิ่มม้ามาให้เคารพอีกหนึ่งตัว ความคิดเห็นของคนเลี้ยงสัตว์สองกลุ่มนี้ขัดแย้งกันรุนแรงจนบางครั้งถึงกับลงมือทำร้ายกัน เพราะมูลเหตุที่มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องรูปเคารพของพระโพธิสัตว์กวนอิม

    ร้อนถึงพระผู้เคยเพ่งกำแพงต้องออกมาเทศน์ถึงปฐมเหตุของรูปเคารพนี้พร้อมเทศนาพระสูตรต่าง ๆ ให้คนสองกลุ่มนี้เข้าใจ แต่ปรากฏว่ามิใช่แต่เพียงคนสองกลุ่มที่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์นี้เท่านั้นที่มาฟังการเทศน์แต่มีมหาชนจำนวนมากที่สนใจการเทศน์ของพระเพ่งกำแพง ท่านได้เทศนาทีสาระสำคัญตามพระธรรมสูตรว่า

    พระพุทธศาสนาได้แบ่งสงสารสาครออกเป็น 6 ภูมิ

    1. นรกภูมิ
    2. ภูมิเปรต อสุรกาย
    3. สัตวภูมิ
    4. ยักษ์คนธรรพ์
    5. มนุษย์ภูมิ
    6. เทวาภูมิ

    ภูมิต่าง ๆ เหล่านี้ พระโพธิสัตว์กวนอิมผู้ทรงการุณย์ธรรม ได้ปกแผ่พระเมตตาทั้ง 6 ภูมิ
    โดยการแบ่งภาคเป็น 6 ภาค ดังนี้ คือ

    1. เป็นพระสหัสหัตถ์สหัสเนตร หรือพระกวนอิมพันมือพันตา ภาคนี้ถือเป็นภาคที่รับภาระทุกข์ของสัตว์มากที่สุด เพราะประจำอยู่ในนรกภูมิ สัตว์ที่ทำบาปต้องตกนรกในวันหนึ่ง ๆ มีมากมายเหลือคณา ดังนั้นจึงต้องมีมือพันมือตาพันตาคอยช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าสัตว์นรกนั้นสำนึกบาปและพอช่วยได้

    2. ปาริสุทธิการุณย์โพธิสัตว์ ภาคนี้ทรงโปรดพวกผีเปรตและสัมภเวสีที่อดอยาก

    3. พระหัยศรีวโพธิสัตว์ หรือกวนอิมหัวม้า ทรงโปรดสัตว์เดรัจฉาน เปี่ยมด้วยเมตตาแม้พระยาราชสีห์ยังเกรงกลัว เมื่อเพียงแต่ได้ยินพระนาม

    4. พระเอกทศมุขีโพธิสัตว์ หรือกวนอิมสิบเอ็ดหน้า ภาคนี้ทรงมีพระรัศมีรุ่งโรจน์คอยโปรดพวกยักษ์และคนธรรพ์ เพราะเทพชั้นนี้ขี้อิจฉาและดุร้าย จึงจำต้องมีหลาย ๆ หน้าไว้คอยโปรดเทพเหล่านี้

    5. พระจัณทิโพธิสัตว์ หรือเทพมนุษย์บุรุษโพธิสัตว์ เป็นภูมิที่โปรดมนุษย์ชายหญิง พระองค์ทรงคุณธรรมอย่างเอกอุ เป็นที่พึ่งพาของมนุษย์ผู้ตกทุกข์ เพราะบารมีธรรมเลิศล้ำเหนือฟ้าเหนือสวรรค์ มีพุทธภาวะชั่วนิรันดร์

    6. พระจินดามณีจักรโพธิสัตว์ ทรงเป็นโพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ แม้พระอมรินทร์อินทราธิราชผู้เป็นเจ้าในเทวาภูมิยังด้อยรัศมีกว่าพระจินดามณีโพธิสัตว์ ใช่แต่เท่านั้นแม้ฤทธิอำนาจแห่งพระเมตตาธรรม ก็โปรดแผ่ไปทั่วทั้งเทวาภูมิ”

    นี่เป็นการเทศน์บรรยายขยายภาคต่าง ๆ ของพระโพธิสัตว์กวนอิมที่พระเพ่งกำแพงจำแนกแจกแจงให้เหล่าประชาชนหลากอาชีพฟัง นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงรูปลักษณ์อันโอฬารของพระโพธิสัตว์ในภาคต่าง ๆ ประชาชนที่มาฟังพระเพ่งกำแพงเทศน์ ก็ได้เข้าใจในพระโพธิสัตว์มากขึ้นว่ามิใช่เชื่ออยู่เพียงหนึ่ง แต่มีถึง 6 ภาค และในแต่ละภาคก็โปรดอยู่ในแต่ละภูมิ ซึ่งภูมิต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับมนุษย์ทั้งสิ้น


    คือเมื่อมีชีวิตอยู่ก็มีพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคของพระจัณทิโพธิสัตว์หรือเทพมนุษย์บุรุษโพธิสัตว์คอยช่วย แต่เมื่อตายไปก็ยังต้องหลงวนเวียนอยู่ในภูมิต่าง ๆ เหล่านั้นแน่นอน เนื่องจากประชาชนคือผู้มีกิเลส อันได้แก่ความอยากทั้งหลายแหล่ ดังนั้นจึงหนีไม่พ้น 6 ภูมินี้แน่ การที่จะไม่ต้องอยู่ในภูมิทั้ง 6 ซึ่งยังมากด้วยทุกข์ก็ต้องบรรลุเป็นพระอริยบุคคล แต่ประชาชนก็คือประชาชน จึงคงมีความกลัวต้องหาที่พึ่งยามยาก เพราะรู้ตัวอยู่ว่าได้ทำกรรมไว้มาก ทางที่พอจะช่วยได้ก็คือการทำบุญไว้บ้าง เพื่อว่าเมื่อจนจากโลกมนุษย์นี้ไป แล้วไปอยู่ในภูมิใดก็แล้วแต่จะได้มีพระโพธิสัตว์มาโปรดให้พ้นทุกข์


    ดังนั้นประชาชนเหล่านั้น ไม่ว่าจะกลุ่มที่เลี้ยงสัตว์หรือไม่เลี้ยงสัตว์ต่างก็บริจาคทรัพย์ของตนให้พระเพ่งกำแพง นำเงินที่บริจาคนี้ไปจัดสร้างโบสถ์ที่มีรูปพระโพธิสัตว์ทั้ง 6 ปางประดิษฐานอยู่ หลังจากพระโพธิสัตว์ได้โปรดพระผู้เพ่งกำแพง จนได้ข้อคิดมีความรู้แตกฉานในธรรมเป็นพระอริยเจ้าองค์หนึ่งแล้ว ก็เดินทางจากเขาจิ่วหัวซาน มุ่งสู่ใต้โดยเลียบไปตามลำแม่น้ำ เพื่อโปรดสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ต่อไป

     
  11. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    บทตั้งมหาปรารถนา 10 ประการของพระแม่กวนอิม

    มหาปรารถนา 10 ประการ

    1. ปรารถนา เหล่าสรรพสัตว์(วิญญาณ) ได้สู่สุคติ วิสุทธิภูมิ

    2. ปรารถนา บัวบารมี บานครบทุกดอก

    3. ปรารถนาให้สิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิดในทุคติ 3

    4. ปรารถนาให้ใจแห่งปวงสรรพสัตว์ เปิดออกรับการโปรดด้วย
    พระมหาปณิธาน ทั้ง 48 ข้อ ของพระอมิตาภะพุทธเจ้า

    5. ปรารถนาให้สรรพสัตว์(วิญญาณ) ห่างไกลจากโลกธาตุที่
    เต็มไปด้วยอกุศลอันมีความเสื่อม 5 ประการ คือ ความเสื่อม
    แห่งกัลป์ ความเสื่อม ของอายุ

    6. ปรารถนา ให้ได้หลุดพ้น ไม่ต้องเวียนว่ายใน ฉักกะวิถี

    7. ปรารถนาให้ได้รับพุทธพยากรณ์ จากพระพุทธเจ้าในอดีต
    7 พระองค์

    8. ปรารถนาให้น้ำอันมีคุณสมบัติที่ประเสริฐ 8 ประการ

    1. น้ำใสบริสุทธิ์
    2. เย็นสบาย สดชื่น
    3. มีรสอร่อย
    4. เบา,นุ่ม
    5. อาบน้ำแล้วผิวสะอาดลื่น ชุ่มชื่น
    6. น้ำนิ่ง สงบ ไม่มีคลื่น
    7. เมื่อได้ดื่มน้ำนี้จะหายจากสรรพโรค แล้วไม่มี
    ความหิว ชื่นใจ ไม่ทุกข์
    8. เมื่ออาบหรือดื่มน้ำนี้กุศลมูลเพิ่มพูนขึ้น ทำให้
    โพธิจิต เจริญขึ้นจากสุขาวดีพุทธเกษตร มาชำระ
    ล้าง กิเลสธุลี

    9. ปรารถนาให้ได้(อยู่บำเพ็ญ)ยังบัวชั้นสูงสุด ณ สระบัว 9
    ชั้น สุขาวดีพุทธเกษตร

    10. ปรารถนาให้สรรพสัตว์(วิญญาณ)ทั้งหลายได้มารับการ
    โปรด จากพระพุทธองค์ ณ เวลานี้ หมดสิ้นแล้วซึ่งการเวียน
    ว่าย ได้กำเนิดยังสุขาวดีพุทธเกษตร หรือ ปรารถนาจิตตาม
    เสด็จองค์พระศรีอารีเมตไตร ลงมาตรัสรู้ ในโลกมนุษย์
    พระมหาปณิธาน 48 ข้อ โปรดสิ้นสรรพสัตว์ ได้ขึ้นสู่ บัว 9
    ชั้น ได้บำเพ็ญสำเร็จข้ามฝั่ง คือ พระนิพพาน
     
  12. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    อนุโมทนา สาธุ...ของดีดีอ่านอย่างไรก็ไม่เบื่อมีแต่ความสุขใจเย็นสบาย
     
  13. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อ่านเจอกระทู้ เฮียปอ ว่า เป็นคนชอบ ท่านจี้กง สงสัย ต้องหาจี้กง มาฝากเฮียปอ บ้างแล้วค่ะ และ ขอขอบคุณน่ะค่ะ ที่ ทำให้ ได้ เจอ กัลยา ณ มิตรที่ดี อีกคนหนึ่ง ซึ่งเธอ เข้า มาคุย เมื่อวันเกิด ดิฉัน ว่า จะร่วม ไถ่ วัว กระบือ ด้วยค่ะ ก็ต้อง ขออนุโมทนา ล่วงหน้าค่ะ เธอ บอกว่า เพื่อน เฮียปอ บอกให้เธอ เข้ามาดู เวปพลังจิต เธอก็เลย เข้ามาดู และ มาอ่าน กระทู้ ของ ดิฉัน เรื่อง ดูดวงฟรี และ พอ พูด ถึง พระแม่กวนอิม เธอก็บอกว่า เธอก็นับถือ อยู่เหมือนกันค่ะ ยังไงก็ขอขอบคุณน่ะค่ะ

    ดิฉันขอเล่า เรื่องตัวเอง นิดหนึ่งน่ะค่ะ ครอบครัว ของ ดิฉัน ตามที่ ป๊า ( เป็นเชื้อจีนเหมือนกันค่ะ ) ท่านก็เล่าให้ฟังน่ะค่ะ ว่า ก๋งก็มาจากเมืองจีน แต่ดิฉันไม่เคยเห็นท่านหรอกค่ะ เพราะ ท่านเสีย ตอน อายุ 30 กว่าๆค่ะ จะเห็นก็แค่ อาม่า ซึ่งท่าน ก็อายุยืน จนถึง 92 ปี เลยค่ะ ก่อนท่านเสีย ก็รู้ว่า ปีนั้น ท่านจะไป ปีนั้น ก็เลยไป เยี่ยมท่าน ยังแซวๆ ท่านอยู่เลย ว่า อาม่า รู้หรือปล่าวว่า ใครเนี่ย ( อยู่กรุงเทพค่ะ นานๆลงไปสักทีหนึ่ง ) ดิฉัน ก็บอกว่า ติ๊กต๊อกๆๆๆๆ ลองคิดเร็ว ท่านก็คิดสักพักหนึ่ง ก็ตอบชื่อ ดิฉันได้ แหม ดีใจมากๆ เลย เพราะ บ้านที่ท่านอยู่ ก็ห่าง จากบ้าน ป๊า ดิฉันไปอีก ดิฉันก็ เลยแซว ท่าน ว่า ล๊าม่า ยังความจำดีอยู่เลยน่ะ แต่หลังจากนั้น ไม่ถึงปี ท่านก็เสีย ทุกวันนี้ ท่านคงไปเกิด ภพภูมิที่ดี แล้วค่ะ เพราะ ดิฉัน แผ่บุญกุศล ให้ท่านเสมอ เพราะ ตอนท่านอยู่ ชอบเล่นไพ่ นกกระจอก ( ส่วนมาก คนจีนชอบเล่นค่ะ ป๊า ของดิฉัน ก็ชอบค่ะ ทุกวันนี้ ท่านก็ยังเล่นอยู่ ท่านก็บอกว่า เป็นความสุข เล็กๆน้อยๆ แก้เครียดค่ะ เวลาที่ท่านอยู่ ท่านอยากทำอะไร ก็ต้องให้ท่านทำน่ะค่ะ เหมือนที่เคยบอกว่า ไปเคาะ ฝาโลง ท่านก็ทำไม่ได้แล้ว ว่า ไปสู่ที่ชอบๆ ดีน่ะค่ะ ที่ท่านไม่ตอบว่า ไอ้ตอน กู ( ขอหยาบนิดหนึ่ง ) อยู่ มึงไม่เห็นบอกกูว่า ไปที่ชอบๆ เลย ) ดิฉัน ยังแซว ว่า ล๊าม่า น่ะ โชคดีเลยน่ะ ได้เห็นถึงลูก หลาน เหลน โหลน เลย โหลนไปก็มี แต่เขาเรียก อะไรก็ไม่รู้ และ ตา ของดิฉัน น่ะ ท่านอยู่ ถึง 93 เหมือนกัน แต่ลูกหลาน จะไม่เยอะเหมือน ล๊าม่า เพราะ แม่ของดิฉัน มีอค่ 2 คนพี่น้อง และ แม่ของดิฉันก็เสีย ตอน 30 กว่า เหมือนกัน

    สมัยเด็กๆ ความที่ คนจีน มักรักลุกชาย เลยทำให้ ดิฉัน เหมือนอยู่คนเดียว แม่ที่รัก ก็มาเสียไป ตั้งแต่ดิฉันยังเด็ก จำได้ว่า ขณะที่ ดิฉันยังเรียน อยู่ ม.ศ. ต้น นั้น กลัวจะเหงา ก็เลย ไปเข้าเรียน ภาษาจีนกลาง ในช่วงเย็น โดยไปเริ่มต้นเรียน ตั้งแต่ ป.1 วันละ 3 ชั่วโมง จนจบ ป.6 โดยใช้เวลาเรียน ไป 5 ปี ได้ข้ามไปชั้นหนึ่ง ทั้งบ้าน ไม่มีใครเรียน เลย นอกจากดิฉัน คนเดียว อยู่ๆ ก็อยากไปเรียนเอง ป๊าก็ไม่ได้ส่งเรียน เลย ต้องหาเงินเรียนเอง ที่บ้านดิฉัน เป้นคนจีน แต่ไม่ได้ นับถือ พระแม่กวนอิม ในช่วงที่ดิฉัน ยังเด็ก ท่านก็ไหว้ ตาม ประเพณี จีน ทั่วๆไป พอดิฉัน เข้ามาอยู่ กรุงเทพ อยู่ๆ ก็มานับถือ พระแม่กวนอิม โดยไม่ตั้งใจ แค่เห็นใบหน้าท่าน ครั้งเดียว จึงเกิด ความศรัทธา ท่าน เลิกกินเนี้อ และค่อยๆ สวดมนต์ ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ เคร่งครัด หรือ อย่างใด แต่ทำไปเพราะ ทุกครั้งที่ทำไป รู้สึก สงบเย็น และว่างเปล่า ทำให้ลืมทุกข์ไปได้ทุกครั้ง ค่ะ

    ทุกวันนี้ได้ แต่อธิษฐานจิตว่า ดิฉัน ขออโหสิกรรม ให้แก่ผู้ที่ทำกับกรรมไว้กับดิฉัน ทุกๆคน ถึงแม้แต่คนที่โกงเงิน ดิฉัน จนทำให้ดิฉันไม่มีจะกิน ต้องลำบากที่ต้องหาเงินใช้หนี้ แทนเขา ขออโหสิกรรม ให้แก่ผู้ที่ทำให้ดิฉัน ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส ทุกๆอย่าง คือ วิบากกรรม สิ่งที่ ดิฉัน พึงปฎิบัติ มาตลอด เป็นสิ่งที่ กล่อมเกลา จิตใจให้ดิฉัน เป็นผู้ ไม่ถือโทษ ไม่ได้โกรธแค้น คิดเสีย ว่า ชาติที่แล้ว ดิฉัน คงไปทำเขามา เกิด มาชาตินี้ ก็ขอใช้ให้หมด บุญกุศลใดๆที่ดิฉัน ทำไว้ชาตินี้ ดิฉัน ก็ขอแผ่เมตตา ให้กับทุกๆคน ที่มีบุญสัมพันธ์ ที่ได้มาเจอกันอีกในชาตินี้ ทุกวันนี้ แม้ ไม่มีเงิน ติดกระเป๋าก็ไม่ทุกข์ เพราะดูเหมือนว่า ทุกครั้งที่ไม่มีเงิน ( เพราะ มีเงินทีไร ใช้หนี้เขาหมด มีม่าม่ากินก็ยังดี) ก็ดูเหมือนว่า จะมีเงิน เข้ามา ทีละเล็ก ละน้อย เข้ามา ให้ได้ซื้อ ข้าวปลา อาหาร ให้ตัวเอง และ สุนัข อีก 13 ตัว ทุกครั้งค่ะ ) ก็ไม่เคยทุกข์ เรียกว่า ทุกข์ จนลืมทุกข์ ใจที่เป็นสุข ต่างหาก ที่เป็น ความสุข อย่างแท้จริง

    และ ดิฉัน ก็ขอขมากรรม หากกรรมใดที่ดิฉันได้กระทำแล้ว พลาดผิดด้วย กาย วาจา ใจ ทั้งที่ ตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ดิฉันก็ ขอให้ทุกๆท่าน ได้อโหสิกรรม ให้แก่ดิฉัน ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไท้เฉวียน

    พระธรรมกาย ๘๔ ปาง แห่งองศ์กวนอิม
    เป็นการบรรยายคาถามนต์มหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ่ว) 大(dà)悲(bēi)咒(zhòu)

    เค้ามูลคาถามนต์มหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ่ว)
    อันกำเนิดจากความเมตตากรุณาอันใหญ่ยิ่ง รวมทั้งความโปรดโลกโปรดสัตว์ ปฏิบัติธรรมบรรลุพระพุทธภูมิที่สำคัญอย่างยิ่งยอด ซึ่งเป็นของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อักษรหนึ่งและประโยคในธารณีนี้ ล้วนเป็นสัจธรรมที่จะเข้าถึงสัมมาสัมพุทธญาณ
    ธารณีนี้ เป็นส่วนสำคัญของ "มหากรุณาจิตธารณีสูตร" รวมมี 84 ประโยค โดยมีชื่อเต็มว่า "สหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ไพบูลย์สมบูรณ์อกิญจนมหากรุณาจิตธารณีสูตรมหากรุณามน ตร์ "

    คำว่า "มหา" แปลว่า กว้างใหญ่ไพศาล
    คำว่า "กรุณา" แปลว่า ที่สุดแห่งความเมตตา
    คำว่า "มนตร์" แปลว่า การทรงไว้ สามารถทรงไว้
    ที่ได้ชื่อดังนี้มีที่มาว่า สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสต่อพระอานนท์ว่า " ธารณีนี้ มีชื่อต่างๆ เช่น มหาไพบูลย์สมบูรณ์หนึ่ง อกิญจนมหากรุณาหนึ่ง ปลดทุกข์ธารณีหนึ่ง อายุวัฒนธารณีหนึ่ง ดับทุกข์คติธารณีหนึ่ง กำจัดกิญจน บาปหนึ่ง สมบูรณ์ปณิธานหนึ่ง มโนมัยดิศวรหนึ่ง วิกรมอุตตรภูมิธารณีหนึ่ง "

    พระโพธิสัตต์องค์นี้ที่มีนามว่า สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ นั้น ก็เนื่องจากในพุทธกาล พระสหัสประภาราชศานติสถิตตถาคตพุทธเจ้านั้นพระพุทธเจ ้าองค์นี้ได้ตรัส " มหาไพบูลย์สมบูรณ์ อกิญจนมหากรุณาธารณีแก่ประโยชน์สุขสำราญแก่สัตว์ทั้ง หลายในกษายกัปแห่งอนาคต โดยทั่วถึง ตามพระสูตรได้กล่าวไว้ว่าในขณะนั้น เมื่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ได้ฟังมนต์คาถานี้แล้ว ก็ได้จากปฐมภูมิของโพธิสัตต์บรรลุถึงภูมิที่ 8 คืออจลภูมิ จึงได้ตั้งปณิธานว่า " ในอนาคตกาล ถ้าเราสามารถ สร้างประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ได้ ขอให้ข้าพเจ้าได้มีพันกรพันเนตรในทันที "

    เมื่อตั้งปณิธานแล้ว ได้เกิดมีพันกรพันเนตรในบัดดล เกิดแผ่นดินไหวทั่วทั้ง 10 ทิศ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างก็ส่องอมตาภา ส่องไปทั่วทศทิศอันไม่มีขอบเขต
    ส่วนมนต์คาถานี้ มีหลายชื่อก็เนื่องจาก พระศากยมุนีได้เคยตรัสแก่พระอานนท์ว่า เนื่องจากปณิธานอันใหญ่ยิ่งโดยพระโพธิสัตว์กล่าวว่า " หากว่าเหล่ามนุษย์และทวยเทพ ตั้งจิตสวดนามเรา พร้อมด้วยสวดนามพระพุทธอมิตาพุทธเจ้าแล้วสวดพระธารณี นี้ คืนละ 5 จบ ก็จะดับมหันตโทษจำนวนร้อยพันหมื่นล้านกัปได้ หากเหล่ามนุษย์ทวยเทพสวดคาถามหากรุณานี้ เมื่อใกล้ชีวิตดับ พระพุทธเจ้าทั้ง 10 ทิศ จะมายื่นพระกรรับ แล้วให้ไปจุติในพุทธเกษตรทุกแห่ง ถ้ามนุษย์ทวยเทพสวดมหากรุณานี้ จะเกิดประกอบด้วยกุศล 15 ประการ และไม่ต้องด้วยทุมรณะ 15 ประการ " คือ
    เกิดโดยประกอบด้วยกุศล 15 ประการ คือ

    1.ที่ที่เกิดจะพบแต่กุศล 5

    2.เกิดในประเทศกุศล

    3.พบแต่ยามดี

    4.พบแต่มิตรดี

    5.ร่างกายประกอบด้วยอินทรีย์พร้อมมูล

    6.จิตเป็นธรรมโดยสมบูรณ์

    7.ไม่ผิดศีล

    8.ญาติบริวารมีความกตัญญู ปรองดองกัน มีความสามัคคีกัน

    9.ทรัพย์สมบัติ โภคทรัพย์ มีสมบูรณ์ครบถ้วน

    10.มีผู้เคารพและให้ความช่วยเหลือเสมอ

    11.ทรัพย์สินที่มีอยู่ ไม่มีใครมาปล้นชิง

    12.คิดต้องการอะไร จะได้สมความปรารถนา

    13.ทวยเทพ นาค ให้ความปกปักษ์รักษาอยู่เสมอ

    14.เกิดในที่ที่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์

    15.พระธรรมที่ได้ฟัง สามารถเข้าถึงแก่นสาร


    ไม่ต้องด้วยทุมรณะ 15 ประการ

    1.ไม่ต้องมรณะด้วยความอดอยากข้นแค้น

    2.ไม่ต้องมรณะด้วยการใส่ขื่อ กักขังและเฆี่ยนโบย

    3.ไม่ต้องมรณะด้วยศัตรูจองเวร

    4.ไม่ต้องมรณะด้วยการศึกสงคราม

    5.ไม่ต้องมรณะด้วยสัตว์ขบกิน

    6.ไม่ต้องมรณะด้วยงูพิษ แมงป่อง

    7.ไม่ต้องมรณะด้วยจมน้ำไฟไหม้

    8.ไม่ต้องมรณะด้วยยาพิษ

    9.ไม่ต้องมรณะด้วยแมลงร้ายขบกัด

    10.ไม่ต้องมรณะด้วยจิตใจว้าวุ่นเป็นบ้า

    11.ไม่ต้องมรณะด้วยตกจากภูเขา ต้นไม้และหน้าผาสูง

    12.ไม่ต้องมรณะด้วยการสาปแช่งจากภูติผีปีศาจ

    13.ไม่ต้องมรณะด้วยเทพร้ายผีสาง

    14.ไม่ต้องมรณะด้วยโรคร้ายเรื้อรัง

    15.ไม่ต้องมรณะด้วยความประมาณตนจนเกินฐานะ

    ด้วยเหตุนี้ มหากรุณามนต์ ไม่เพียงแต่กำจัดภยันตราย และโรคภัยต่างๆดังกล่าวแล้ว ยังให้ความสำเร็จแก่การกุศลกรรมทุกสิ่งอย่าง พ้นจากความหวั่นกลัว ฉะนั้น เราจึงต้องสวดท่องด้วยความศรัทธาและจิตใจสะอาด จึงสามารถต้องด้วยมหากรุณาจิตของท่านพระโพธิสัตว์ ตนเองจะได้รับประโยชน์มากมาย สรรพสัตว์ที่จมอยู่ในไตรภูมิและทุคติ ถ้าสามารถสวดมหากรุณามนต์นี้อยู่เสมอ ไม่เพียงแต่จะรักษาโรคทางใจและทางกายได้ ยังสามารถให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องนี้สามารถจะพิสูจน์ได้จากประวัติศาสตร์ทั้งสิ้ น


    ความวิเศษยอดเยี่ยมของ มหากรุณามนต์ (จาก ธรรมกาย 84 ปาง แห่งองศ์กวนอิม)

    1. มนต์นี้ ตรัสโดยพระพุทธเจ้าจำนวน 99 โกฏิเม็ดทรายแม่น้ำคงคา ในอดีตกาลพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ได้รับจากพระตถาคตเ จ้าพระสหัสประภาราชศานติสถิตพุทธเจ้า ในขณะนั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ยังอยู่ในปฐมภูมิ เมื่อได้ฟังคาถามนต์นี้แล้ว ก็เข้าถึงภูมิที่ 8 ทันที มีความปลื้มปิติยินดี จึงได้ตั้งปณิธานประกาศมนต์นี้ เพื่ออำนวยความสุขสบายแด่สรรพสัตว์ แล้วก็เกิดสนองปณิธานทันที โดยมีพันกรพันเนตรเกิดขึ้นจากร่างกายฉับพลัน

    2. พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ทูลแด่พระพุทธองค์ว่า หากสรรพสัตว์สวดท่องมหากรุณามนต์ แล้วไม่สามารถไปจุติในพุทธเกษตร หรือไม่ได้ปฏิภาณสมาธิอันเป็นอมิต และไม่สมความต้องการทุกสิ่งในชาตินี้ เราจะไม่ยอมบรรลุสัมมาพุทธิ เว้นไว้แต่ผู้ที่มี่จิตบาป และไม่มีความศรัทธา

    3. ผู้ที่สวดท่องธารณีนี้อยู่เสมอ ย่อมถึงด้วยอานุภาพ คือ

    1. พุทธกายปีฎก ด้วยพระพุทธเจ้า 99 โกฏิเม็ดทราย แม่น้ำคงคาปกปักรักษาอยู่

    2. เป็นแสงสว่างปีฎก ด้วยพระตถาคตทุกพระองค์ส่องแสงสว่างให้อยู่

    3. เมตตากรุณาปีฎก ด้วยพระธารณีโปรดสัตว์อยู่เสมอ

    4. เป็นสุธรรมปีฎก ด้วยรวบรวมสรรพธารณีอยู่

    5. เป็นญาณสมาธิปีฎก ด้วยสมาธิร้อยพันปรากฎต่อหน้าอยู่

    6. เป็นอากาศปีฎก ด้วยได้ใช้ปัญญาแห่งความสูญ เพ่งวิปัสสนาสรรพสัตว์อยู่

    7. เป็นอภัยปีฎก บรรดานาค เทพ อารักขาอยู่

    8. เป็นสุพจน์ปีฎก ด้วยเสียงแห่งธารณีไม่ขาดอยู่

    9. เป็นนิจสถิตปีฎก ด้วยภัยทั้ง 3 ทุกกัปไม่สามารถมาทำลายอยู่

    10. เป็นโมกขปีฎก ด้วยมารและเดียรถีย์ ไม่สามารถขัดขวางได้

    11. เภษัชราชปีฎก ด้วยใช้ธารณีนี้รักษาโรคของสรรพสัตว์อยู่เสมอ

    12. เป็นอภินิหารปีฎก ด้วยสามารถท่องเที่ยวไปตามพุทธเกษตรต่างๆด้วยความอิส ระอยู่

    บุญวาสนาของท่านผู้สวด ไม่สามารถจะสรรเสริญได้หมดสิ้น


     
  15. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระธรรมกาย ๘๔ ปาง แห่งกวนอิม

    ปางที่ 1
    南(nán) 無(wú)、喝(hē) 囉(luo) 怛(dá) 那(nà)、哆(duō) 囉(luo) 夜(yè) 耶(yé).
    นโม.ระตะนะ.ตรา.ยา.ยะ.
    นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย
    ภาคนิรมาณกาย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ถือประคำ
    ความหมาย
    คำว่า นำมอ หมายถึง การนอบน้อมพึ่งพิง
    คำว่า ฮอลาตัน หมายถึง รัตนะ
    คำว่า ตอลาเหย่ หมายถึง สาม
    คำว่า เย หมายถึง นมัสการ
    อรรถาธิบาย
    ขอนอบน้อมนมัสการพระไตรรัตน์ทั้งสาม
    พระโพธิสัตว์ขอให้เราน้อมนอบพึ่งพิงมหามรรคแล้วบรรลุ แจ้งชัดในจิต และเห็นสภาวะแห่งตน อันเป็นธารณีที่จะสำเร็จสัมมาโพธิ ผู้ต้องการปฏิบัติให้ถึงพระองค์จะต้องสาธยายมนตราด้ว ยความมีเมตตากรุณา และเปี่ยมด้วยศรัทธา ไม่ควรสวดด้วยเสียงอันดัง เกรี้ยวกราด และเร่งร้อน
    การนอบน้อมพี่งพิงก็คือ ไตรสรณถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณ ที่พึ่งที่ระลึกถึง

    ปางที่ 2
    南(nán) 無(wú) 阿(ā) 唎(li) 耶(yé).
    นา.มา.อา.รยา
    นำ มอ ออ ลี เย
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระจินดามณีจักรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นรูปถือธรรมจักร
    ผู้ปฏิบัติจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคารพยิ่ง
    ความหมาย
    คำว่า นำมอ หมายถึง การนอบน้อมพึ่งพิง
    คำว่า ออลี หมายถึง องค์อริยะ
    คำว่า เย หมายถึง นอบน้อมพึ่งพิง
    อรรถาธิบาย
    ขอนอบน้อมนมัสการแด่องค์พระอริยะ (ผู้ห่างไกลจากบาปอกุศล)
    พระโพธิสัตว์ทรงสั่งสอนชาวโลกให้ปฏิบัติทางจิตเป็นมู ลฐาน พระสัทธรรมทั้งหลายล้วนกำเนิดมาแต่จิต เหตุนี้ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความชัดแจ้งแห่งจิต และมองเห็นสภาวะแห่งตน จึงจะสามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
    เมื่อไม่แจ้งชัดในจิต ก็ไม่สามารถเห็นสภาวะแห่งตน หากแต่จิตเป็นอจล มีความมั่นคง ก็สามารถเดินทางสู่พระนฤพานได้

    ปางที่ 3
    婆(pó) 盧(lú) 羯(jié) 帝(dì)、爍(shuò) 缽(bō) 囉(luo) 耶(yé).
    อ.วา.โล.กิ.เต.โซ.รา.ยา
    ผ่อ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ปางอุ้มบาตร ผู้ปฎิบัติจะต้องเพ่งเห็นองค์ท่าน สามารถให้สรรพ
    สัตว์ได้มีอายุยืน
    ความหมาย
    คำว่า ผ่อลูกิดตี หมายถึง เพ่ง สว่าง พิจารณา
    คำว่า ชอปอลา หมายถึง เสียงของโลกอิสระ
    คำว่า เย หมายถึง นอบน้อมพึ่งพิง
    อรรถาธิบาย
    ขอคารวะ อวโลกิเตศวร โพธิสัตว์
    องศ์พระโพธิสัตว์ผู้สงสารชีวิตคน ซึ่งตกอยู่ในความทุกข์ ล้วนเกิดจากการหลงลืมสภาวะเดิมของตน ตกอยู่ในการ
    เวียนว่าย ตาย เกิด จึงเกิดเมตตาจิต เพื่อโปรดสรรพสัตว์ พระโพธิสัตว์ ไม่ยึดติดกับอินทรีต่าง ๆ จักษุ หู จมูก ลิ้น กาย และจิต ผู้ปฏิบัติต้องทำจิตให้สว่าง สะอาด ปิดทวารทั้ง 6 แล้วไปปฏิบัติตาม ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่หันเห หรือส่ายจิตไปตามวิสัยภายนอกที่เข้ามากระทบ

    ปางที่ 4
    菩(pú) 提(dī) 薩(sà) 埵(duǒ) 婆(pó) 耶(yé),
    โบ.ธิ.สัต.โต.ยา
    ผู่ ที สัต ตอ ผ่อ เย
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฎเป็นรูปพระอมงบาศ โพธิสัตว์
    ความหมาย
    คำว่า โพธิ ( ผู่ที ) หมายถึง ตรัสรู้
    คำว่า สัตตอ หมายถึง มีชีวิต อารมณ์
    คำว่า ผ่อเย หมายถึง น้อมคารวะ
    อรรถาธิบาย
    น้อมนอบคารวะต่อผู้ให้ความตรัสรู้ แก่ทุกชีวิต
    พระองศ์ทรงตักเตือนให้สรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก ตื่นจากความหลับ (อวิชชา มัวเมาในกามคุณ ๕) โดยเร็ว หันมาให้ปฏิบัติมหาธรรมมรรค อันเป็นเส้นทางสู่ธารณี หากได้ตั้งใจในธรรม น้อมนอบต่อความแจ้งในสภาวะดั้งเดิม ก็จะหลุดพ้นได้

    ปางที่ 5
    摩(mó) 訶(hē) 薩(sà) 埵(duǒ) 婆(pó) 耶(yé).
    ม.หา.สัต.โต.ยา
    หม่อ ฮอ สัต ตอ ผ่อ เย
    ภาคนิรมาณกาย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ ทรงพัสตราภรณ์สีขาว
    ความหมาย
    คำว่า หม่อฮอ แปลว่า ใหญ่มาก
    คำว่า สัตตอ แปลว่า ผู้กล้าหาญ สัตว์โลก
    คำว่า ผ่อเย แปลว่า คารวะ
    อรรถาธิบาย
    คารวะต่อผู้กล้าหาญ ก็จะได้หลุดพ้น
    สรรพสัตว์ในโลกถ้ารู้สึกตัว ลงมือปฏิบัติ ล้วนหลุดพ้นได้ทั้งสิ้น พระโพธิสัตว์ เกรงว่าสรรพสัตว์อยู่ใต้อำนาจของอินทรี 6 ถูกอารมณ์ทั้ง 7 ปกคลมอยู่ ยิ่งกว่านั้นยอมละทิ้งมูลสัจธรรมของตน ไปเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด
    จึงประกาศถ้าสามารถยึดมั่นในอนุตรมรรคนี้ ก็จะสามารถข้ามพ้นห้วงโอฆะอันเป็นทุกข์นี้ได้ และได้รับความสุขอันเป็นนิรันดร์ในที่สุด

    ปางที่ 6
    摩(mó) 訶(hē)、迦(jiā) 盧(lú) 尼(ní) 迦(jiā) 耶(yé).
    ม.หา.กา.รุ.ณิ.กา.ยะ
    หม่อ ฮอ เกีย ลู หนี่ เกีย เย
    ภาคนิรมาณกาย พระอัศวโฆษ ซึ่งตรัสรู้อนุตตรธรรมด้วยตนเอง คือ ตรัสรู้เอง หลุดพ้นเอง ทั้งยังโปรดผู้อื่นให้เห็นแจ้งในอนุตตรธรรมนั้นด้วย
    ความหมาย
    คำว่า หม่อฮอ แปลว่า ใหญ่มาก
    คำว่า เกียลู แปลว่า กรุณา
    คำว่า หนี่เกีย แปลว่า จิต
    คำว่า เย แปลว่า คารวะ
    อรรถาธิบาย
    คารวะต่อผู้มีมหากรุณาจิต
    เมื่อเพ่งเห็นรูปและลักษณะโลกเป็นสูญ ความทุกข์ก็จะดับเอง ข้ามไปถึงฝั่งหลุดพ้นได้ เตือนให้ผู้ปฏิบัติต้องปล่อยวางจิตและกาย หลีกพ้นจากภาพลวงทั้งหลาย ไม่มีลักษณะแห่งมนุษย์ ไม่มีลักษณะแห่งตน บุคคล เรา-เขา จิตใจผ่องใสลดความโลภของตน ผู้ปฏิบัติต้องสามารถปล่อยวาง ลืม อารมณ์ใดๆได้ ปฏิบัติอยู่ต่อเนื่องกัน ก็สามารถบรรลุ ถึงต้นน้ำของมหามรรคได้


    ปางที่ 7
    唵(ǎn),
    โอม
    งัน
    ภาคนิรมาณกาย ราชาแห่งเทพทั้งปวง เทพเจ้าทุกชั้น พุทธเจ้าทุกองค์ล้วนเพ่งคำนี้และบรรลุสัมมาสัมพุทธิ
    ความหมาย
    คำว่า งัน แปลว่า นอบน้อม เป็นมูลบทแห่งธารณีทั้งหลาย เป็นมูลฐานดั้งเดิมของมนุษย์ และยังมีความหมายว่าบูชาถวาย, ปลุกให้ตื่น, ฝึก, ธรรมกาย, นิรมาณกาย, สัมโภคกาย
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์นำสัจธรรมอันเป็นความดับสูญที่แท้จริง ปลุกให้มนุษย์ฟื้นคืนสภาวะเดิมที่มีอยู่ เข้าถึงธรรมอันไม่เป็นสองมนตร์ของนิกายคุยหยาน (นิกายลับ) ถ้าชาวโลกถือสัจธรรมนี้ ทวยเทพและภูตผีปีศาจ จะพนมมือคารวะและปกปักษ์รักษา พ้นจากภยันตราย สำเร็จในมรรคผล แต่ผู้ปฏิบัติจะต้องตั้งมั่นอยู่ในศีลและต้องมีความส มบูรณ์ในบุญวาสนา ประกาศพระธรรมอำนวยประโยชน์แก่สัตว์โลก จึงจะได้ผล

    ปางที่ 8
    薩(sà) 皤(pó) 囉(luo) 罰(fá) 曳(yè),
    สา.วา.ลา.วา.ติ
    สัต พัน ลา ฮัว อี
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฏเป็นท้าวจตุโลกบาลโปรดพวกมาร ด้วยพระบารมี 6
    ความหมาย
    คำว่า สัตพันลา แปลว่า อิสระ
    คำว่า ฮัวอี แปลว่า องค์อริยะ
    อรรถาธิบาย
    องค์อริยะผู้อิสระ บุคคลผู้มีใจกายสะอาด เหล่ามารมาทำร้ายไม่ได้ จะให้ใจกายบริสุทธิ์ ต้องตั้งใจอยู่ในสัจธรรม ปฏิบัติทางกายให้อยู่ในศีล
    พระโพธิสัตว์ ต้องการสอนให้ผู้ปฏิบัติ จะต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์ แก้ความผิดมาเป็นกุศลกรรม เป็นทางที่จะเข้าถึงวิสุทธิมรรค ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องกวาดล้างความโลภทางกายใจให้หมดส ิ้น จึงจะเกิดปัฐฐาได้ และได้รับการคุ้มครองจาก ท้าวจตุโลกบาลเทวราช
     
  16. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ปางที่ 9
    數(shuò) 怛(dá) 那(nà) 怛(dá) 寫(xiè).
    ศุ.ดา.นา.ตา.เซ.
    ซู ตัน นอ ตัน เซ
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฎเป็นจตุโลกบาลเทวราชเสด็จพร้อมด้วยเทพเจ้าแห่งภ ูตผีปีศาจ ในบังคับบัญชา เพื่อให้มนุษย์เลิกทำบาปหันไปทำความดี
    ความหมาย
    คำว่า ซูตันนอตันแซ หมายถึง การปฏิบัติธรรม ต้องถือความสัตย์เป็นพื้นฐาน ใช้ความเพียรเป็นเครื่องมือ เพื่อบรรลุสู่อริยสัจ
    อรรถาธิบาย
    พระอริยเจ้าท้าวจตุโลกบาลใช้ความอภินิหารปกปักษ์รักษ า และตักเตือนมนุษย์ให้ตั้งใจมุ่งไปทางธรรม พยายามกำจัดความเคยชินต่อการทำบาป
    ถ้าการปฏิบัติไม่ประกอบด้วยความสัตย์ ก็เท่ากับไม่เข้าใจ เมื่อเข้าใจ ก็จะเห็นความปลอดโปร่ง เมื่อปลอดโปร่งก็จะเกิดเปลี่ยนแปลง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะมีการกลับกลายไปในทางที่ดี

    ปางที่ 10
    南(nán) 無(wú)、悉(xī) 吉(jí) 慄(lì) 埵(duǒ)、 伊(yī) 蒙(mēng) 阿(ā) 唎(li) 耶(yé).
    น.โม.สกา.ตวา.นิ.มัม.อา.รยา
    นำ มอ สิด กิต หลี่ ตอ อี หม่ง ออ หลี่ เย
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฎเป็นรูปพระนาคารชุนวัชราธรโพธิสัตว์ คุ้มครองผู้ปฏิบัติ ธรรม และปราบปรามเหล่าศัตรูคู่อริ
    ความหมาย
    คำว่า นำมอ หมายถึง นอบน้อม
    คำว่า สิดกิตหลี่ตออีหม่ง หมายถึง ถ้าเราสามารถปฏิบัติธรรม ย่อมได้รับการคุ้มครองจากพระพุทธเจ้า และโพธิสัตว์
    คำว่า ออหลี่เย หมายถึง การปฏิบัติธรรม จะรีบร้อนเพื่อให้ได้ผลในทันทีย่อมเป็นไปไม่ได้
    อรรถาธิบาย
    น้อมนอบต่อพระอรียะ ฉะนั้นผู้ปฏิบัติต้องมี ความมานะ พากเพียร มีจิตใจมั่นคง อันหนึ่งอันเดียว เร่งรีบไม่ได้ ต้องทำใจให้ว่างเข้าถึงองศ์แห่งพระคัมภีร์ หมั่นในการปฏิบัติตามหลักธรรม ประกอบด้วยคิดจะข้ามพ้นจากโลกีย์วิสัยคือห้วงแห่งโอฆ ะ คิดจะทำประโยชน์แก่สรรพชีวิต เช่นนี้ ก็จะมีโพธิสัตว์วัชรธร คอยปกปักษ์รักษาการกระทำไม่มีขัดข้อง มีความสะดวกเหมาะสมความปรารถนาทุกประการ



    ปางที่ 11
    婆(pó) 盧(lú) 吉(jí) 帝(dì)、室(shì) 佛(fó) 囉(luo) 愣(lèng) 馱(duò) 婆(pó).
    อ.วา.โล.กิ.เต.โซว์.รา.ลัม.ตา.บา
    ผ่อ ลู กิต ตี สิด ฮู ลา เลง ถ่อ พอ
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฎเป็นสัมโภคกาย แห่งพระไวโรจนะพุทธเจ้าอันเป็นทิพยภาวะ มีรัศมีรุ่งเรืองแผ่ซ่านทั่วไป
    ความหมาย
    คำว่า ผ่อลูกิตตี แปลว่า จิตต้องกับธรรม
    คำว่า สิดฮูลา แปลว่า ท่องเที่ยวไปตามใจอย่างอิสระ
    คำว่า เลงถ่อพอ แปลว่า เนื่องด้วยสำเร็จในมรรคผล
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์ทรงสั่งสอนให้ผู้ปฏิบัติทุกคนต้องจงใจมุ ่งก้าวหน้าไปการนั่งเพ่งสมาธิ เป็นการฝึกฝน ให้กายและจิตรวมเป็นหนึ่ง ฉะนั้น เวลาปฏิบัติต้องนั่งตัวตรง จิตมีสมาธิ ก็จะได้พบแสงสว่างอันสมบูรณ์ มารไม่สามารถมารบกวนได้ จะพบความสำเร็จทุกสิ่งดังมุ่งมาดปรารถนา

    ปางที่ 12
    南(nán) 無(wú)、那(nà) 囉(luo) 謹(jǐn) 墀(chí).
    น.โม.นี.ลา.เกน.ถา
    นำ มอ นอ ลา กิน ซี
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฎเป็นพระไวโรจนะพุทธเจ้า โปรดเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายให้มีความเกษมสำราญ
    ความหมาย
    คำว่า นำมอ หมายถึง นอบน้อม
    คำว่า นอลากินชี หมายถึง การคุ้มครองคนดี นักปราชญ์ นักปฎิบัติ
    อรรถาธิบาย
    ด้วยความเมตตากรุณา ของโพธิสัตว์ เป็นคาถาที่บอกกล่าวแก่ชาวโลก ให้ยึดถือพระไตรสรณคมน์ จะต้องปฏิบัติตามมนุษยธรรม ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องทำตนเป็นตัวอย่าง เพื่อให้รุ่นหลังรับช่วงไป
    ผู้ปฏิบัติตามพระพุทธองค์และพระธรรม ยิ่งต้องมีความเมตากรุณาและโพธิจิตโดยไม่มีประมาณ เพื่อโปรดสัตว์ และรักษาพระธรรมยิ่งกว่าชีวิต ปฎิบัติได้เช่นนี้ ได้ชื่อว่าไม่เสียความตั้งใจของพระโพธิสัตว์

    ปางที่ 13
    醯(xī) 利(lì) 摩(mó) 訶(hē)、皤(pó) 哆(duō) 沙(shā) 咩(miē).
    ศรี.ม.หา.ปา.ตา.ศา.มิ
    ซี หลี่ หม่อ ฮอ พัน ตอ ซา เเม
    ภาคนิรมาณกาย องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฎเป็นพระรูปเมษ ศรีษะเทพเจ้า
    ความหมาย
    คำว่า ซีหลี่หม่อฮอ หมายถึง ความเมตตากรุณา อันใหญ่ยิ่ง สามารถปลดทุกข์ให้ความสุขได้
    คำว่า พันตอซาแม หมายถึง ผู้ที่มีบุญวาสนา จะได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้า มารทั้งหลายไม่สามารถมารบกวนได้
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์เห็นว่าชาวโลกถือความรวย ความมีชื่อเสียง ศักดินาเป็นสรณะ อันเป็นการหาความทุกข์ใส่ตัวเอง ฉะนั้น จึงกล่าวคาถานี้ ให้ผู้ปฏิบัติผ่อนใจในทางโลก โน้มน้าวจิตหันมาทางมรรคผล เมื่อจิตว่างแล้ว พระสัทธรรมอันพิสุทธิ์หรือจิตทางธรรมก็จะเจริญขึ้น

    ปางที่ 14
    薩(sà) 婆(pó) 阿(ā) 他(tā)、豆(dòu) 輸(shū) 朋(péng)、
    สวา.โต.ตา.ศุ.บัม
    สัต พอ ออ ทอ เตา ซี พง
    ภาคนิรมาณกาย อมฤตโพธิสัตว์ ก็คือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มือหนึ่งถือกิ่งทับทิม อีกมือหนึ่งถืออมฤตกุณฑี(หม้อน้ำมนต์)
    ความหมาย
    คำว่า สัต หมายถึง การได้เห็น
    คำว่า พอ หมายถึง เสมอภาค
    คำว่า ออ หมายถึง พระสัทธรรมอันบริสุทธิ์
    คำว่า ทอเตาซีพง หมายถึง ธรรมไม่มีขอบเขต
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์ ทรงมีความหาเมตตากรุณาประทานพระคาถาบทนี้ ให้ทุกคนได้สวดท่อง และทุกคนที่ปฎิบัติธรรม สามารถรู้ได้เห็นได้ และจะสามารถบรรลุสู่พระพุทธภูมิได้โดยเสมอกัน

    ปางที่ 15
    阿(ā) 逝(shì) 孕(yùn).
    อะ.ศี.ยัม
    ออ ซี เย็น
    ภาคนิรมาณกาย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฏเป็นยักษ์เหินหาว (ตรวจตราไปทั่วทั้งสี่ทิศ เพื่อพิจารณาความผิดถูก พร้อมทั้งตักเตือนให้มนุษย์ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว)
    ความหมาย
    คำว่า ออซีเย็น หมายถึง ผู้ที่ทำความดีย่อมได้รับความชมเชย ผู้ทำบาปจะต้องสำนึกและขอขมาโทษ
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์เกิดความสงสารสรรพสัตว์ทีไม่ยอมทำบุญกุศ ล ยอมตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เกรงว่าสรรพสัตว์จะเบื่อหน่ายการสร้างบุญ จึงจำแลงเป็นพญายักษ์เหาะลงมาสำรวจทั้งสี่ทิศ และแสดงอภินิหารตักเตือนให้แก้ไขการกระทำ ให้ละบาปและมาบำเพ็ญบุญ

    ปางที่ 16
    薩(sà) 婆(pó) 薩(sà) 哆(duō)、那(nà) 摩(mó) 婆(pó) 薩(sà) 哆(duō), 那(nà) 摩(mó) 婆(pó) 伽(qié),
    สวา.สัต.โต.นะ.โม.ปา.สัต.โต.นา.มา.บา.คา
    สัต ผ่อ สัต ตอ นอ มอ ผ่อ สัต ตอ นอ มอ ผ่อ เค
    ภาคนิรมาณกาย ปรากฎรูปเทพเจ้าภคติ รูปร่างใหญ่โตกำยำ ผิวดำ ถือโตมรเป็นศาสตราวุธ
    ความหมาย
    คำว่า สัตผ่อสัตตอ หมายถึง พระพุทธธรรมอันไม่มีขอบเขตสิ้นสุด สรรพสัตว์ในโลกนี้ล้วนบรรลุสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้
    คำว่า นอมอผ่อสัตตอ หมายถึง พุทธธรรมเป็นความเสมอภาค ไม่แบ่งแยกเป็นสูงหรือต่ำ
    คำว่า นอมอผ่อเค หมายถึง พุทธธรรมมีความไพศาล ผู้ที่ปฏิบัติตามพระพุทธธรรม จะสามารถระงับภยันตรายได้ทุกสิ่ง
    อรรถาธิบาย
    ไม่ว่านักปราชญ์ หรือคนโง่เขลาเบาปัญญา คนหรือสัตว์ ล้วนสามารถหลุดพ้นได้ ถ้าสรรพสัตว์ปฏิบัติตาม พุทธธรรมด้วยความเคารพ พระโพธิสัตว์จะประทานความเมตตากรุณา ปรากฏให้เห็นเป็นพันกรพันเนตร มาโปรดให้พ้นภัย

    ปางที่ 17
    摩(mó) 罰(fá) 特(tè) 豆(dòu).
    มา.บา.เต.ตุ
    มอ ฮัว เตอ เตา
    ภาคนิรมาณกาย ปรากฎรูป ปกุนตาลี ถือจักรและบ่วงบาศเป็นศาสตราวุธ มีนัยน์ตา 3 ดวง
    อรรถาธิบาย
    เป็นการตักเตือนของพระโพธิสัตว์ ให้ผู้ปฏิบัติถือพระสัทธรรมเป็นสูญ ไม่ข้องแวะ ไม่ยึดในรูป ไม่ยึดในจิต ถือเอาสัจธรรมเป็นใหญ่ เราต้องละความมีวิตกกังวล(วิจิกิจฉา-ลังเลสงสัย) กำจัดความโกรธ ความโลภ ความหลง โดยใช้หลักแห่งปัญญา ดับกิเลสให้จิตสงบ เป็นอยู่ในโลกนี้โดยสันติสุข

    ปางที่ 18
    怛(dá) 姪(zhí) 他(tā),
    ตา ยา.ถา
    ตัน จิต ทอ
    ภาคนิรมาณกาย ปรากฎรูป พระอรหันต์
    ความหมาย
    คำว่า ตันจิตทอ หมายถึง เป็นนามแห่งพระโพธิสัตว์กรุณาจิต, มนตร์คาถา, พีชะ, หัสตมุทร, ปัญญาจักษุอัสนะ และทางเข้าถึงธรรมต่าง ๆ
    อรรถาธิบาย
    ความศรัทธาจริงโดยต่อเนื่องกัน ยังผลให้จิตต้องตรงกับพระธรรม อย่าให้มีความคิดทางโลกเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะถ้าเกิดความขัดแย้งกับพระธรรมขึ้น จะไม่อาจพบความสันติสุขได้

    ปางที่ 19
    唵(ǎn),阿(ā) 婆(pó) 盧(lú) 醯(xī).
    โอม อ.วา.โล.กา
    งัน ออ ผ่อ ลู ซี
    ภาคนิรมาณกาย รูปพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ประทับนั่งพนมมืออยู่ระหว่างหน้าอก (ความเมตตากรุณาฉายออกมาทางพระเนตร ประทานความสุขและปลดความทุกข์ของสัตว์โลก)
    ความหมาย
    คำว่า งัน(โอม) หมายถึง นอบน้อม, เป็นบทนำ
    คำว่า ออผ่อลูซี หมายถึง เป็นพระโพธิสัตว์ หมายถึงพระธรรมก็คือความบริสุทธิ์ จิตสะอาดสดใสไม่เป็นราคะ
    อรรถาธิบาย
    คือผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีใจที่เด็ดเดี่ยว ไม่หวั่นไหวต่อการก่อกวนของเหล่ามาร(กามกิเลส หากสามารถตั้งจิตข่มจิต สำรวมทางกาย วาจา และจิต ละทิ้งโลกียวิสัยทั้งหมด ก็จะได้เข้าถึงพุทธสภาวะที่มีอยู่ดั้งเดิม ถ้าสามารถมีความสงบนิ่งอยู่ทุกขณะไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน และเคลื่อนไหว ก็จะมีความสำเร็จในธรรมโดยไม่รู้สึกตัว พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งพระโพธิสัตว์ได้หลุดพ้นในขณะที่อยู่ในโลกอันม ากล้นไปด้วยกิเลสนี้

    ปางที่ 20
    盧(lú) 迦(jiā) 帝(dì),
    โล.กา.เต
    ลู เกีย ตี
    ภาคนิรมาณกาย ปรากฏเป็นร่างพระมหาพรหมเทพราช
    ความหมาย
    คำว่า ลูเกียตี หมายถึง เป็นโลกนาถ มีความเป็นอิสระ มีกุศลจิตสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มัวหมอง มีรัศมีสว่างรอบกายและก็จะร่วมกับดินฟ้าเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์ตักเตือนสรรพสัตว์ ให้รักษาความมีกุศลจิต อย่าทำลายตนเอง และต้องระมัดระวังกายและจิต เวลาสาธยายมนต์คาถาอยู่เสมอ ผู้ปฏิบัติจะมีความคิดหลงผิดเป็นชอบมิได้แม้แต่น้อย
     
  17. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอแค่ได้ใช้ชีวิตที่เหลือ ได้ทำหน้าที่ ที่ตั้งใจไว้ว่า จะขอเป็น " ผู้ให้ " เท่าที่มนุษย์ คนหนึ่งจะทำได้ ด้วยใจ อย่างแท้จริง สาธุ สาธุ สาธุ

    สิ่งหนี่งที่ได้รับกลับคืนมาทุกครั้ง คือ ความสุข ที่อยู่ในใจ จริงๆ ค่ะ ความปิติ ที่ไม่สามารถ บอกได้จริงๆค่ะ (ไม่ต้องเชื่อ ดิฉัน น่ะค่ะ ) ดิฉันแค่อยากบอกความรู้สึกจริงๆ ค่ะ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เมื่อคุณ สัมผัส ได้ คุณจะรู้ได้ด้วยตนเองจริงๆค่ะ
     
  18. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    <TABLE class=tborder id=post1024195 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 12:06 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #34 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ปมณฑ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1024195", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1024195 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ่านเจอกระทู้ เฮียปอ ว่า เป็นคนชอบ ท่านจี้กง สงสัย ต้องหาจี้กง มาฝากเฮียปอ บ้างแล้วค่ะ และ ขอขอบคุณน่ะค่ะ ที่ ทำให้ ได้ เจอ กัลยา ณ มิตรที่ดี อีกคนหนึ่ง ซึ่งเธอ เข้า มาคุย เมื่อวันเกิด ดิฉัน ว่า จะร่วม ไถ่ วัว กระบือ ด้วยค่ะ ก็ต้อง ขออนุโมทนา ล่วงหน้าค่ะ เธอ บอกว่า เพื่อน เฮียปอ บอกให้เธอ เข้ามาดู เวปพลังจิต เธอก็เลย เข้ามาดู และ มาอ่าน กระทู้ ของ ดิฉัน เรื่อง ดูดวงฟรี และ พอ พูด ถึง พระแม่กวนอิม เธอก็บอกว่า เธอก็นับถือ อยู่เหมือนกันค่ะ ยังไงก็ขอขอบคุณน่ะค่ะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สาธุ...อย่าลืมเอามาฝากนะครับ...รอนะครับ

    "ไม่โกรธดีกว่าถือศีล" (พระอรหันต์จี้กง)
     
  19. กองทัพเทพ

    กองทัพเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +2,629
    เขาก็พูดกันไปหมดแล้ว
    ก็เลยมาอนุโมทนาเฉยๆ ครับ
    ถ้า เฮียปอ กับ พี่โอม สุดเลิฟ พูดแล้ว
    ก็เหมือนดั่งใจผมพูดเลยครับ



    นี่เป็นองค์ท่านที่สามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย
    ไม่แน่ใจว่าเป็นหยกขาวหรือ หินอ่อน

    [​IMG]


    [​IMG]


    ถ้าบุญมีคงได้ไปนมัสการที่เกาะกำเนิดของท่าน


    นำโมไต่ชื้อ ไต่ปุย กิ้วโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เหล่งก้ำ กวนสี่อิมผ่อสัก
     
  20. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ปางที่ 21
    迦(jiā) 羅(luó) 帝(dì).
    กา.ลา.ติ
    เกีย หล่อ ตี
    ภาคนิรมาณกาย ปรากฎเป็นร่างของเทพเจ้า เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์
    ความหมาย
    คำว่า เกียหล่อตี หมายถึงผู้มีความกรุณา ผู้ปลดปล่อยทุกข์ ผู้มีจิตในทางธรรม ดำรงมรรคมงคล มีสติปัญญา เฉียบแหลมยิ่งใหญ่
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์ท่านทรงดำรงไว้ซึ่งเมตตาจิต กรุณาจิต ชักชวนให้มนุษย์ปฏิบัติธรรมเมื่อจิตมีความสงบ ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งชั่วร้ายให้กลับกลายเป็นดี เปลี่ยนบาปเป็นบุญได้

    ปางที่ 22
    夷(yí) 醯(xī) 唎(li).
    อี.ศี.รี.
    อี ซี หลี่
    ภาคนิรมาณกาย ปรากฎเป็นรูป เทพเจ้ามเหศวรแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (นำทัพเทพยดา มาโปรดเหล่าสัตว์ )
    ความหมาย
    คำว่า อีซีหลี่ หมายความว่า กระทำตามโอวาท อย่ามีจิตหลงผิด
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์ผู้ตั้งอยู่ในความเมตตากรุณา อำนวยประโยชน์ใหญ่น้อยแก่มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งปวง พร้อมทั้งอบรมสั่งสอนให้เดินอยู่ในวิสุทธิมรรค สรรพสัตว์ใดที่ได้รับความทุกข์ไม่เป็นสุข พระโพธิสัตว์ท่านจะตามไปช่วยตามเสียงที่ร้องขอนั้น

    ปางที่ 23
    摩(mó) 訶(hē) 菩(pú) 提(dī) 薩(sà) 埵(duǒ).
    ม.หา.โบ.ธิ.สัต.โต
    หม่อ ฮอ ผู่ ที สัต ตอ
    ภาคนิรมาณกาย พระโพธิสัตว์ ใช้ความเมตตากรุณา อันบริสุทธิ์ เป็นพระคาถาที่มีความเป็นอนัตตา อบรมผู้ปฏิบัติ
    ความหมาย
    คำว่า หม่อฮอ หมายถึง ความไพศาลของพระพุทธธรรมทุกคนน้อมนำไปปฏิบัติได้
    คำว่า ผู่ที หมายความว่า โลกนี้เป็นความสูญ
    คำว่า สัตตอ หมายถึง การเน้นปฏิบัติอนัตตาธรรม มองเห็นสรรพธรรมเป็นสูญ
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์มุ่งชี้ให้เห็นว่า จะต้องเห็นความรุ่งเรืองแห่งลาภ ยศ สรรเสริญเป็นสูญ มองให้เห็นเป็นเงา ลวง ทำจิตให้ร่างกายหมดใจ เฉพาะอย่างยิ่งผู้เริ่มปฏิบัติ จะต้องมีจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ พยายามข้ามไปจากความทุกข์และกองกิเลส

    ปางที่ 24
    薩(sà) 婆(pó) 薩(sà) 婆(pó),
    สา.โบ.สา.โบ
    สัต พอ สัต พอ
    ภาคนิรมาณกาย ปรากฎเป็นร่างคนธาลัยโพธิสัตว์ (นำทัพภูตผี 5 ทิศ และผู้ติดตามมาโปรดสรรพสัตว์)
    ความหมาย
    คำว่า สัตพอ หมายถึง พุทธธรรมมีความเสมอภาค อีกทั้งยังอำนวยประโยชน์สุขแก่สัตว์โลก ทุกคนที่มีปัจจัยแห่งบุญ(อันได้กระทำไว้แล้ว) ย่อมได้รับความสุข
    อรรถาธิบาย
    พระโพธิสัตว์ ได้ปรากฎเป็นลักษณะอันเป็นอจินตัย บันดาลความสุขและสรรพประโยชน์แก่เหล่าชน ขณะที่ท่าน โปรดสัตว์โดยทั่วไปนั้น มิได้หวั่นไหวต่อความยากลำบากและทุกข์เข็ญ หากแต่มุ่งหน้าโปรดเหล่าสัตว์ไปเรื่อย จึงสามารถทำประโยชน์แก่สัตว์โลกได้ ผู้ปฏิบัติหากลืมความเกิดดับอันเป็นหัวใจของการปฎิบั ติ ไปหลงติดรูปลักษณะทางโลกอาทิ ผู้ที่เริ่มด้วยความเพียร แต่เมื่อปฎิบัติไปย่อมเกิดความเบื่อหน่าย ละความตั้งใจนั้นไป เกิดวิจิกิจฉา-ลังเลสงสัย เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่มีวันที่จะหลุดพ้นได้
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    <!-- / attachments --><!-- sig -->__________________
    [​IMG] 活到老 學到老
    Live and Learn
    ตราบใดชีวิตยังดำรง ตราบนั้นยังคงมุ่งศึกษา
    [​IMG]

    <!-- / sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...