แก้ความเข้าใจผิดเรื่อง "การละสักกายทิฏฐิ"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 4 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    กระทู้นี้ ขอกล่าวถึงเรื่องความเข้าใจผิด
    ในเรื่องการละสักกายทิฏฐิ


    เชิญร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนได้ครับ
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    การละสักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ "การเชื่อฟังใครก็ได้" ...


    เพราะอย่างนั้นเรียกว่า "คนหัวอ่อน" ใครพูดอะไรก็เชื่อฟังไปหมด
    ไม่มีสติระลึกเท่าทันได้ว่า "บางอย่าง ก็ไม่ใช่" บางอย่างทะแม่งๆ
    เมื่อไร้สติอย่างนี้ ย่อมจัดเป็นลักษณะของการบรรลุโสดาบัน ไม่ได้
    จึงไม่ใช่เรื่องของการละสักกายทิฏฐิเลย แต่เป็นเรื่องหลอกลวงกัน

    คือ บางสำนัก บางสถานที่ สอนให้เป็นคนหัวอ่อน ให้เชื่อฟังง่ายๆ
    บอกไปขวาไปซ้ายอะไร จะได้เชื่อได้หมด บางคนแย่กว่านั้น เป็น
    ใครไม่รู้ อยู่ๆ มาสนทนาธรรมกับเรา พอเราไม่เชื่อ (เรามีสิทธิ์ที่จะ
    เชื่อใครหรือไม่ก็ได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ใช่อาจารย์ เราไม่เชื่อก็ไม่
    แปลกอะไร) เขาจะใส่ร้ายเราว่าเรามีสักกายทิฏฐิทันที ทั้งที่จริง ก็
    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือ การละสักกายทิฏฐิ จึงคิดว่าเป็นการเชื่อใคร
    ก็ได้ไปหมด (ซึ่งพระอรหันต์ท่านจะไม่เป็นเช่นนี้) คนเราปกติจะมี
    "วิจารณญาณ" ว่าอะไรควรเชื่อ ไม่ควรเชื่อ ในระดับหนึ่ง แต่หาก
    สูญเสียวิจารณญาณไปก็จะเชื่ออะไรที่ไม่ควรเชื่อ สิ่งที่ควรเชื่อนั้น
    กลับระแวงสงสัยไม่ยอมเชื่อง่ายๆ เรียกว่าการสูญเสียวิจารณญาณ
    ไม่ใช่การละสักกายทิฏฐิที่ถูกต้อง พระโสดาบัน ย่อมไม่เป็นเช่นนี้


    พระโสดาบันผู้ละสักกายทิฏฐิแล้ว ย่อมไม่เป็นผู้หูเบา หัวอ่อนเชื่อใครไปหมดง่ายๆ
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    การละสักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ "การอ่อนน้อมถ่อมตน" ...


    เพราะอย่างนั้น เรียกว่า "คนอ่อนน้อมถ่อมตน" หลายคนคิดว่าการอ่อนน้อมถ่อมตน
    คือการละสักกายทิฏฐิแล้ว แต่แท้จริง มันไม่ใช่เลย การละสักกายทิฏฐินั้น มันเกี่ยว
    ข้องกับทิฏฐิ คือ ความเชื่อด้วย ไม่ใช่เรื่องจริยา มารยาท หลายคนเป็นคนอ่อนน้อม
    ถ่อมตน เพราะถูกสอนมาให้เป็นเช่นนั้น แต่กลับไม่เปลี่ยนทิฏฐิของตนเองเลย นี่จึง
    ไม่ใช่การละสักกายทิฏฐิ คนอ่อนน้อมถ่อมตนนี่ จะหลงตัวเองว่าตนเองละสักกายทิฐิ
    แล้ว และยากที่จะให้สติ ให้เขารู้ตัวได้ว่า เขายังไม่ได้ละทิฏฐิอัตตาแห่งตนเลย เขา
    แค่เพียงมีจริยา มรรยาทดีเท่านั้นเอง (แบบนี้เป็นมากในสายธรรมของคนจีน, ขงจื้อ)


    พระโสดาบันผู้ละสักกายทิฏฐิแล้ว ย่อมไม่เป็นผู้อ่อนน้อมฯ หรือไม่อ่อนน้อม มันไม่เกี่ยวกันเลย
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    การละสักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ "การเชืื่อฟังครูบาอาจารย์" ...


    เพราะอย่างนั้น เรียกว่า "ความเชื่อส่วนบุคคล" ซึ่งเรามีสิทธิ์ที่จะเชื่ออะไรก็ได้ หากไม่มาก
    เกินขอบเขตไป ก็ไม่ใช่ปัญหา หลายคนคิดว่าการเชื่อฟังครูบาอาจารย์คือการละสักกายทิฐิ
    ซึ่งไม่จริง การเชื่อฟังครูบาอาจารย์ และการมีความเชื่อต่อสิ่งใด เรียกว่า "ศรัทธาอินทรีย์"
    ซึ่งมีกันได้ ไม่เกี่ยวกับสักกายทิฏฐิแต่อย่างใด บางคนศรัทธาครูบาอาจารย์มาก แต่ไม่เคย
    ที่จะละสักกายทิฏฐิได้เลย ก็มี บางคนไม่เชื่อถือ ไม่ศรัทธากันเลย แต่ก็ยอมละสักกายทิฐิ
    ได้ในที่สุด อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน ความศรัทธาทำให้เราเชื่อและเปิดรับอะไรจากคนที่เราเชื่อ
    ได้มาก ก็จริง แต่มันอาจไม่เคยเปลี่ยนแปลงสักกายทิฏฐิให้เราเลยก็ได้ มันเหมือนการเปิด
    รับเอาสิ่งใหม่ๆ เข้าไปทับถมสิ่งเก่าไว้ แต่สิ่งเก่าๆ ที่ควรละ กลับไม่เคยละออกไปเลย ก็มี


    พระโสดาบันผู้ละสักกายทิฏฐิแล้ว ย่อมไม่เสียศรัทธาอินทรีย์ที่เคยมีมา เขาย่อมเสียแต่ "สักกายทิฐิ" เท่านั้นเอง
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    การละสักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ "การสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง" ...


    เพราะอย่างนั้น เรียกว่า "เสีย self" ซึ่งมันไม่ใช่การละสักกายทิฐิ บางคนสูญเสียความ
    เชื่อมั่น (ศรัทธาอินทรีย์) บ้างสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป ทว่าทิฏฐิและความคิดเห็น
    ที่ควรละ อาจยังไม่เคยละเลย ก็มี บางคนก็ละไปหมด จนไม่เหลือแม้แต่ความเป็นมนุษย์
    ไม่เป็นตัวของตัวเอง เบลอ มึน งง ว่างไปหมด แบบนี้ มันไม่มีสติแต่แรกอยู่แล้ว จะไปมี
    ดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาบันได้อย่างไร? ในบางกลุ่มเขาเรียกว่า "โดนล้างสมอง" ก็มี
    โดนกระทำจนเสีย self ก็มี เสียขวัญ ก็มี เสียผู้เสียคนไปเลยก็มี แบบนี้หรือจะจัดว่าเป็น
    การละสักกายทิฏฐิ? ไม่ใช่หรอกครับ แบบนี้ก็อยู่ปกติดีกว่า ไม่ต้องไปเพียรปฏิบัติธรรม
    ละครับ เพราะถ้าไปปฏิบัติแล้วเป็นแบบนี้ หากไม่บ้า ก็คงเป็นพวกยอมให้เขาล้างสมอง
    กลายเป็นพวกไร้หัวคิด มีแต่ร่างกลวงๆ เป็นหุ่นเชิดให้เขาลงโปรแกรมจิตอะไรก็ได้ นี่มัน
    ไม่ใช่ครับ เดี๋ยวนี้มีนักพลังจิตที่ล้างสมองคนได้เยอะ ล้างได้มากกว่าสมองอีก ต้องระวัง
    เอาไว้ครับ เดี๋ยวจะสับสนคิดว่าตัวเองเป็นพระโสดาบันอะไร ที่แท้โดนล้างสมองมาแค่นั้น


    พระโสดาบันผู้ละสักกายทิฏฐิแล้ว ย่อมไม่เสียความมั่นใจในตัวเอง เพราะเสียแค่สักกายทิฏฐิเท่านั้น
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    การละสักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ "พัฒนาการที่ต่ำลง, เส้นกราฟที่ดิ่งลง" ...


    เพราะอย่างนั้น เรียกว่า "ความเสื่อม" ในการปฏิบัติทางจิต เกิดขึ้นได้ครับ ความเสื่อมเนี่ย
    บางที มันทำให้เราสูญเสียความเชื่อมั่น เวลามีคนมาครอบงำความคิดเรา เราก็หลงคิดไป
    ว่าเราละสักกายทิฏฐิได้ แต่มันไม่ใช่เลย คนที่ครอบงำความคิดเราก็อาจนำทางเราไปผิดๆ
    เราเองก็ไม่รู้ว่าเรากำลังเสืื่อมอยู่ คิดไปว่าเราละสักกายทิฏฐิได้แล้ว ที่ไหนได้ แม้แต่สติที่
    จะรู้เท่าทันความเสื่อม ยังไม่มีเลย จะไปมีสติพอที่จะบรรลุโสดาบันได้อย่างไร? คนเราจะ
    บรรลุโสดาบันได้ ต้องเหมือนเส้นกราฟที่พุ่งสูงขึ้น จนถึงที่สุด แล้วพอถึงจุดสูงสุด จึงค่อย
    น้อมต่ำลงมา จุดวกกลับตรงนี้เอง จะเกิดการละสักกายทิฏฐิขึ้น แต่ไม่ใช่เส้นกราฟที่ดิ่งหัว
    ลง เหมือนพัฒนาการชีวิตที่ตกต่ำลง จนต้องยอมจำนนต่อใครก็ได้ ที่ช่วยเหลือตน เลยไป
    คิดว่า อาการอย่างนี้ คือ ละสักกายทิฏฐิ ไม่ใช่นะ มันคือ ความเสื่อม ไม่ใช่การละสักกาย
    ทิฏฐิ การละสักกายทิฏฐิ จะเกิดขึ้นตอนชีวิตเราเจริญทางธรรมจริงๆ ไปสูงสุด แล้ววกกลับ


    พระโสดาบันผู้ละสักกายทิฏฐิแล้ว ย่อมไม่เป็นผู้เสื่อมลงในธรรม แต่ต้องเป็นผู้เจริญขึ้นในธรรมต่างหาก
     
  7. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    การละสักกายะทิฏฐิ คือการที่จิตใต้สำนึกส่วนลึกก้นบึ้งหัวใจละแล้วซึ่งความเห็นว่าเป็นตัวตน เราเขา เห็นเป็นเพียงธาตุสี่ ขันธ์ห้าประชุมรวมกันอยู่เท่านั้น หมดเหตุปัจจัยเมื่อไร ก็แยกกันเมื่อนั้น ธาตุสี่ในที่นี้ไม่ใช่ธาตุสี่ตรากิเลนนะ อิอิ
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    การละสักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ "การเคารพอาวุโส" ...


    เพราะอย่างนั้น เรียกว่า "การเคารพอาวุโส" และมีคนในโลกมากมายที่เป็นคน
    ชอบเคารพอาวุโส คนจีนเป็นแบบนี้ก็เยอะครับ แต่พวกเขาล้วนไม่มีใครที่จะได้
    บรรลุโสดาบันเลย เพราะอะไร? เพราะเขาไม่มีใครละสักกายทิฏฐิได้สักคนครับ
    เขาแค่ "เคารพอาวุโส" ถือความอาวุโสเป็นสำคัญ แต่ไม่ได้ละสักกายทิฏฐิครับ
    พระโสดาบันที่ละสักกายทิฏฐิได้นั้น จะต้องมีสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้น และเห็นความมี
    อาวุโสเป็นแค่ของกลางๆ ความมีอายุน้อยเป็นของกลางๆ ไม่ได้มีอะไรดีหรือไม่
    ดีเหนืออะไร จะอายุมาก พรรษามาก เป็นหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตาหรือว่าเป็น
    แค่เณรน้อย มันก็ไม่ต่างกัน หากยังมีทิฏฐิส่วนตัว (สักกายทิฏฐิ) ในการถือความ
    มีอายุ ถืออาวุโสอยู่ต่อไป ก็จะละสักกายทิฏฐินี้ไม่ได้ จะไม่ได้บรรลุโสดาบันครับ


    พระโสดาบันผู้ละสักกายทิฏฐิแล้ว ย่อมไม่เป็นผู้เห็นต่างในอายุ ย่อมเห็นเป็นของราบเรียบเสมอกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...