แก้วดวงใหญ่ แห่ง " เขาวงพระจันทร์"

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย The eyes, 11 มกราคม 2017.

  1. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    เขาวงพระจันทร์แดนศักดิ์สิทธิ์


    ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ “เขาวงพระจันทร์” แห่งลพบุรีนั้น เป็นเรื่องราวเล่าขานที่มีมานานมาก มีทั้งตำนาน เค้าโครงความเป็นมา โบราณสถานทางศาสนา และลักษณะเด่นทางภูมิศาสตร์ที่ค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ไม่มีที่ใดเหมือน

    ภูเขาที่สูงที่สุดในลพบุรีอันมีแนวล้อมรอบดุจปราการทั้ง ๔ ทิศลักษณะเป็นวงโค้งนี้จะมีมาตั้งแต่ต้นกัปต้นกัลป์อย่างไรไม่ทราบได้ ทราบแต่ว่ามีระบุไว้ในตำนานว่ามีมาแต่สมัยพุทธกาล แต่เดิมนั้นเรียกว่า “เขานางพระจันทร์” ต่อมาราวปี พ.ศ.๒๔๙๖หลวงปู่โอภาสี พระอาจารย์ของหลวงปู่ฟัก ภัททะจารี ท่านให้เปลี่ยนคำว่า “นาง” เป็น “วง” จึงขนานนามว่า“เขาวงพระจันทร์” แต่นั้นมา

    นอกจากเป็นที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาท และเป็นถิ่นเก่าของฤาษีสัจจพรรณ แล้ว ประวัติศาสตร์อันยาวเหยียดของกาลเวลาจาก สมัยพุทธกาล มาสู่ เมืองละโว้ สมัย พระแม่เจ้าจามเทวี จนกระทั่งมาถึง แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ ได้จารึกเรื่องราวต่างๆ ของความเปลี่ยนแปลงเอาไว้มากมาย แม้กระนั้น ความรู้สึกอันเป็นถิ่นรากเหง้าของชาวพุทธก็ยังคงดำรงอยู่ไม่รู้เสื่อมคลาย

    สถานที่แห่งนี้มีสัปปายะสถานสถานที่เหมาะสมในการปฏิบัติธรรมอยู่สูงบนยอดเขา ราวกับดินแดนของผู้วิเศษที่อยู่เหนือโลกีย์พ้นวิสัย เป็นที่ซึ่งเชื่อกันว่ามีเทพเทวาอารักษ์หวงแหนปกปักรักษาอยู่มากมาย มีเมืองลับแลและกลิ่นอายของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับอาถรรพ์อันไม่รู้จบ


    แก้วในดินแดนศักดิ์สิทธิ์


    เรื่องของแก้วศักดิ์สิทธิ์ดวงนี้ แต่เดิมนั้นเล่าลือกันเฉพาะในหมู่ชาวบ้านในละแวกเขาวงพระจันทร์ เขาลือกันว่าเห็นกันในตอนกลางคืนเสมอและเรียกขานกันว่า “แก้วดวงดี”

    ตามที่ผู้เขียนได้เคยอ่านประวัติของ หลวงพ่อเฉลิม เตชวโร วัดโคกสมบูรณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งเรียบเรียงโดยนักเขียนท่านหนึ่งที่ใช้นามปากกาว่า ราศีกรกฏ ทำให้ได้ทราบว่า หลวงพ่อเฉลิม ได้เคยจาริกธุดงค์ผ่านมาทางเขาวงพระจันทร์ ซึ่งท่านเคยได้ยินครูบาอาจารย์บอกเล่าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ฟังมาก่อน

    หลวงพ่อเคยเล่าเอาไว้ว่าในคืนวันหนึ่งเป็นคืนเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ซึ่งเป็นวันพระใหญ่ ดึกสงัดของคืนนั้นท่านมีวาสนาได้พบเห็นสิ่งน่าอัศจรรย์ที่ครูบาอาจารย์เคยบอกเล่าให้ฟัง

    ในขณะที่กำลังเจริญกรรมฐานทบทวนวิชาที่เรียนมา ได้เกิดมีลำแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น เป็นแสงสว่างนวลตาไม่มีรังสีของความร้อนเหมือนดั่งแสงพระอาทิตย์ ความสว่างจ้านั้นสามารถสัมผัสรู้เห็นได้ด้วยตาเนื้อธรรมดา

    พอได้สัมผัสกับแสงสว่างที่ว่านั้นท่านว่าท่านได้ลืมตามาดู ค้นหาดูว่าต้นแสงนั้นมาจากที่ใดแต่ก็ไม่พบสิ่งใดๆ เป็นความสว่างไสวที่ไร้แหล่งกำเนิดแตกต่างจากความสว่างที่เป็นธรรมชาติธรรมดาทั่วไป ความสว่างนวลตาเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างมาก จะว่าปกคลุมทั่วบริเวณเขาวงพระจันทร์ก็ว่าได้

    ท่านได้สอบถามจากญาติโยมชาวบ้านดู ทำให้ทราบว่าปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ก็เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว แต่จะเกิดขึ้นเฉพาะวันดีคืนดีเท่านั้น เป็นแสงสว่างนวลที่เกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันสถิตอยู่บนเขาวงพระจันทร์เรียกกันว่า “แก้วดวงดี”



    DSCF1429.jpg
    หลวงปู่ฟัก ผู้เปี่ยมเมตตา



    เมื่อได้ทราบเรื่องแก้วผู้เขียนก็นึกถึง หลวงปู่ฟัก พระภิกษุผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่เคยไปกราบนมัสการท่านเมื่อหลายปีก่อนโน้น ครั้งนั้น ผู้เขียนได้ติดตาม หลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปกับคณะทัวร์วัด ได้ไปกราบหลวงปู่ฟักและเที่ยวชมวัดเขาวงพระจันทร์

    จำได้ว่าไปพบท่านที่กุฏิไม้หลังหนึ่ง มองขึ้นไปทางหลังคาด้านข้างระดับขื่อและเพดานก็เห็นไก่หลายตัวเกาะอยู่บนคอนไม้ มันเกาะนอนกันอยู่เต็ม ดูมันจะคุ้นเคยและสุขสบายมาก คนเขาว่าหลวงปู่ก็ให้มันอยู่ไม่ได้ไล่ไปไหน ก็เลยแปลกใจคิดว่าหลวงปู่ใจดีจัง แม้แต่พวกไก่ก็อยากอยู่ใกล้หลวงปู่ จากนั้นก็ได้ไปเที่ยวชมโบราณวัตถุและของศักดิ์สิทธิ์มีค่าต่างๆ มากมาย

    หลังจากนั้นอีกนานหลายปีจึงได้มีโอกาสไปกราบท่านอีก ผู้เขียนเองมีความเคร่งเครียดอยู่กับปัญหาชีวิตและการงานจนเหินห่างจากการปฏิบัติไปมากซึ่งเข้าใจว่าหลวงปู่ท่านคงสังเกตออก ท่านจึงเตือนเรื่องคิดมากและสุขภาพพร้อมทั้งพูดธรรมะให้ฟัง ผู้เขียนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

    ต่อมาในปี ๒๕๕๓ ได้ไปกราบเยี่ยมท่านครั้งล่าสุดจึงทราบว่าหลวงปู่ท่านอายุ ๙๓ ซึ่งดูว่าอยู่ในวัยชรามากแล้ว แม้จะสามารถพูดคุยยิ้มแย้มอย่างเมตตากับญาติโยมได้แต่ก็มีอาการหลงๆ ลืมๆ ไปบ้าง

    แม้จะหลงๆ ลืมๆ ไปบ้างตามวัย แต่ความทรงจำของหลวงปู่ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวของธรรมะและบุญกุศล ทั้งความทรงจำเรื่องเก่าๆ ก็ยังแม่นยำไม่ผิดเพี้ยน ที่สำคัญคือจะยิ้มแย้มพูดคุยกับญาติโยมได้ไม่รู้เบื่อ ยังคงความเป็นพระภิกษุที่ดูงามสง่าและมีเมตตาธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของท่านเสมอ


    แก้วดวงใหญ่


    เกี่ยวกับเรื่อง “แก้วดวงดี” จากคำเล่าลือของชาวบ้านและผู้เคยพบเห็น ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามหลวงปู่โดยตรงว่า

    “ที่คนแต่ก่อนเขาลือว่าเห็นแก้วที่เขาวงพระจันทร์ลอยสว่างยังกับกลางวันนั้นจริงหรือเปล่าครับ”

    “จริง” ท่านตอบ

    “งั้นหลวงปู่ก็เคยเห็น”

    “เห็นบ่อย เมื่อก่อนนี้ ลูกเท่านี้”ท่านทำมือบอกขนาด “สว่าง...”

    “โอโห ก็ขนาดลูกมะพร้าวเลยนะครับ สีอะไรครับ”

    “สีออกขาวๆ นวลๆ “

    เรื่องของแก้วศักดิ์สิทธิ์แห่งเขาวงพระจันทร์ ถึงจะยังไม่สามารถพบข้อมูลและเรื่องราวมากไปกว่านี้ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็ได้รับคำยืนยันที่ชัดเจน จากปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ผู้พบเห็นต่างยืนยันว่าเป็นแก้วดวงใหญ่ มีแสงส่องสว่างกว้างไกลมาก มีแสงขาวนวลร่มเย็น จึงน่าจะเป็นแก้วทิพย์บารมีดวงสำคัญดวงหนึ่ง ที่สถิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งลัวะปุระรัฏฐ หรือ ละโว้ธานี ตลอดมา


    หลวงปู่ฟักกับเขาวงพระจันทร์


    ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช หลวงปู่เคยคิดเสมอว่าถ้าบวชเมื่อไรจะไปอยู่เขาวงพระจันทร์ จังหวัดลพบุรี ก่อนบวชไม่กี่วันท่านได้ฝันเห็นชายคนหนึ่งร่างดำใหญ่มากๆ นุ่งผ้าโสร่งไม่ใส่เสื้อ เข้ามาหาในห้องนอน แทนที่จะมานั่งคุยกันธรรมดากลับกระโดดขึ้นไปนั่งบนกระถางธูป เมื่อหลวงปู่เห็นว่าไม่มาดีจึงภาวนาคาถาขับไล่ภูตผี พอเริ่มภาวนาฝ่ายนั้นก็ยกมือห้ามพร้อมตะโกนด้วยเสียงดังว่า

    “ข้ามาดีเว้ย... ข้ามาดี”

    หลวงปู่ได้ยินอย่างนั้นจึงแผ่เมตตาให้ พอตั้งใจแผ่เมตตาฝ่ายนั้นก็หัวเราะลั่นพร้อมพูดว่า

    “เอ็งนี่สำคัญ เมื่อครู่ไล่ข้าแต่ตอนนี้สงสารข้า แผ่เมตตาให้ข้า แบบนี้เขาเรียกว่าตบหัวแล้วลูบหลังเว้ย สำคัญ เอ็งนี่สำคัญ ข้าชื่อราหูเว้ย ข้ารู้ว่าเอ็งบวชเมื่อไรเอ็งจะไปอยู่วัดเขาวงพระจันทร์ ข้ามานี่เพื่อจะบอกให้เอ็งรู้ว่าจะไปอยู่กับเอ็งด้วย เอาละ ข้าจะไปรอเอ็งอยู่ที่วัดเขาวงพระจันทร์ ข้าไปก่อนนะ”

    ว่าแล้วท่านราหูก็กระโดดออกทางหน้าต่างโดยที่หน้าต่างก็ไม่ได้เปิด

    หลังจากที่หลวงปู่บวชที่ วัดเทพากร บางพลัด และไปจำพรรษาอยู่ วัดจอมสุดา แล้วก็ได้เดินธุดงค์ไปหลายที่จนได้ประสบการณ์ปฏิบัติธรรมแล้วจึงกลับมาที่วัดเขาวงพระจันทร์

    พอแบกกลดมาถึงต้นมะขามใหญ่ที่ตั้งต้นตระหง่านขวางทางขึ้นยอดเขา ด้วยความเหนื่อยเพลียจึงวางกลดและสัมภาระไว้ที่โคนต้นมะขาม นั่งเอาหลังพิงต้นมะขามไว้ คิดว่าถ้าหายเหนื่อยหายเพลียจะขึ้นไปกราบท่านเจ้าอาวาส พอสักพักก็ต้องสะดุ้งกับเสียง กลอง ปี่พาทย์ และมโหรี ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณยอดเขา ในขณะที่กำลังแปลกใจอยู่นั้นก็เห็นชาวบ้านเดินลงมาจากยอดเขา จึงไปถามชาวบ้านว่า

    “บนยอดเขามีงานอะไรกันหรือ”

    “ไม่มีงานอะไรเลย”

    “เอ โยมขึ้นไปถึงยอดภูเขาหรือเปล่า”

    “ถึงซิครับท่าน ผมและพวกยังพากันไปกราบรอยพระพุทธบาทเลย”

    “แล้วโยมได้ยินเสียงปี่พาทย์ เสียงดนตรีมโหรีไหม”

    “ไม่มี ไม่ได้ยินเลยนี่ครับท่าน”

    พวกชาวบ้านปฏิเสธ นั่นแสดงว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นหลวงปู่ได้ยินเพียงผู้เดียว เป็นนิมิต นิมิตที่ดีด้วย จึงรู้ว่าเจ้าป่าเจ้าเขาท่านอนุโมทนาที่หลวงปู่มาอยู่เขาวงพระจันทร์นั่นเอง

    นิมิตบอกเรื่องราวทั้งสองครั้งนี้ บ่งบอกให้รู้ถึงบุญสัมพันธ์ของหลวงปู่กับเขาวงพระจันทร์เป็นอย่างดี หลวงปู่จึงอยู่วัดเขาวงพระจันทร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๖ มาจนกระทั่งทุกวันนี้


    คำสอนของหลวงปู่โอภาสี


    หลวงปู่โอภาสี แห่งอาศรมบางมด ผู้เป็นอาจารย์ หลวงปู่ฟัก ได้สอนเรื่องต่างๆ ทั้ง การปฏิบัติ การเจริญสติ แสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นสารพัด แสดงธรรมโดยอัศจรรย์ให้ฟัง นอกจากนี้ยังทำนายอีกว่า

    “...ต่อไปฟักจะมีวัตถุมาก เรากลัวลูกศิษย์จะติดวัตถุ ฟักระวังจะติดวัตถุ ฟักเอาอย่างโอภาสี โอภาสีเอาไปทิ้งทะเลตั้งสามลำเรือ อย่าหลงมัน ฟักอย่าหลงมัน อย่าติดมัน...”

    ปัจจุบันนี้สิ่งที่หลวงปู่โอภาสีเป็นห่วงทำนายไว้ก็เป็นจริงทุกประการ เพราะหลวงปู่ฟักได้พัฒนาวัตถุสิ่งของเต็มไปหมด แม้จะด้วยบุญบารมีของท่านก็ตาม มีผู้กราบเรียนถามว่าเมื่อสร้างวัตถุไว้มากอย่างนี้จะไม่เป็นการสวนต่อคำสอนของครูบาอาจารย์หรือ หลวงปู่ฟักก็บอกว่า

    ทุกสิ่งที่เราสร้าง ทุกอย่างที่เราทำ เราสร้างเราทำเพื่อพระศาสนา ไว้ให้คนรุ่นหลังที่ไม่เคยเห็นได้เห็น ไม่เคยดูได้ดู เมื่อเราตายจากโลกนี้เมื่อไรเราไม่ยึดไม่ติดมัน แล้วแต่ผู้มาปกครองทีหลังจะสานต่อหรือจะทำลาย เราไม่สนใจ เราทำแล้วก็แล้วกัน ส่วนผู้สืบสานต่อเป็นเรื่องของอนาคต เราไม่สนใจ ไม่ยึด ไม่ติดแน่นอน อย่าสงสัย


    เรื่องของบุญบารมี


    เรื่องของวัตถุสิ่งของ การยอมรับนับถือ หรือแม้กระทั่งความสำเร็จในเรื่องต่างๆ ใช่ว่าจะมีกันได้ทุกคน หากจะพิจารณาในแง่ของบุญบารมีแล้ว คนทั่วไปก็ต้องยอมรับว่า หลวงปู่ฟัก เป็นพระภิกษุผู้มีบุญบารมีสมเป็นปูชนียสงฆ์จริง นอกจากท่านจะสละโลกไปสู่ความมักน้อยปล่อยวางในเพศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์แล้ว ท่านยังเป็นผู้ปฏิบัติที่รู้จริงเห็นจริง มีความตั้งใจในปฏิปทาที่คนทั่วไปทำได้ยากยิ่ง คือ

    ๑.จะไม่นอนตลอดชีวิต

    ๒.ฉันข้าวมื้อละไม่เกิน ๘ คำ

    ๓.ฉันแต่มังสวิรัติตลอดชีวิต

    ๔.จะไม่สรงน้ำตลอดชีวิต และ

    ๕.จะบวชตลอดชีวิต

    ทุกวันนี้ในวัย ๙๓ ปี ท่านก็ยังคงปฏิบัติเช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยน

    ฉะนั้น คำเล่าขานต่างๆ ที่ว่า พระแม่ธรณีประทานรางวัลให้หลวงปู่ในคราวปฏิบัติอย่างอุกฤตบนยอดเขาวงพระจันทร์ หรือ นางวิสาขาได้ประทานสิ่งล้ำค่าให้หลวงปู่ หรือ ราชาในโลกทิพย์ได้พระราชทานแก้วตาให้หลวงปู่ สิ่งเหล่านี้แม้อาจฟังดูค่อนข้างจะเหนือวิสัยที่จะเข้าใจไปบ้าง แต่หากไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่ เพราะในโลกของผู้ปฏิบัติธรรมนั้นยังมีอะไรๆ อีกมาก

    แม้แต่แก้วดวงใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งเขาวงพระจันทร์ ก็อาจปรากฏแก่สายตามนุษย์ให้เห็นได้สักวันหนึ่ง




    ที่มา :ชุนคำ จิตจักร เรียบเรียง
     
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    การเสด็จขององค์ประธานลูกแก้ว

    18072008004_resize.jpg
    ลูกแก้วองค์นี้มีขนาดเท่าตุ่มนำขนาดย่อมๆ คุณแม่จันทา ฤกษ์ยามได้พบเห็นในนิมิตรมาได้เป็นเวลานานแล้วโดยลอยอยู่ที่กลางนำโขง ในเมืองบาดาล

    ครั้งที่พบทางนิมิตรครั้งแรกนั้นคุณแม่พยายามที่จะใช้พลังจิตดึงขึ้นมาแต่ไม่สามารถเอามาได้ แล้วก็มีเทวดามาบอกทางนิติรว่าลูกแก้วนั้นจะได้อยู่ดอก ที่นี้คุณแม่ก็คิดว่าหากได้ก็คงจะได้ก่อนเข้าพรรษาปี51 นี้ จากนั้นเมื่อถึงวันที่13 กรกฏาคม 2551 ได้มีพระอาจารย์จากโคราชได้โทรมาหาคุณแม่จันทา ว่าลูกแก้วได้เสร้จมาเล่นนำอยู่ที่แม่นำโขงอ.โขงเจียมพอถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2551 คุณแม่จันทา จึงได้ชวนคุณพ่อบุญเหลือ ขับรถไปส่งที่อ.โขงเจียม ขณะนั้นชาวบ้านก็ได้พบเห็นกันเป็นจำนวนมาก และพยายามที่จะทำพิธีต่างๆเชิญลูกแก้วทั้งเอาเรือออกจากฝั่งเพื่อไปเอาลูกแก้วแต่ไม่ได้พอจับโดนลูกแก้วก็จมลงไปในนำ และคนในงานก็ได้ประกาศว่าหากใครเอาได้อย่าเพิ่งเอาไปหนให้เอามาทำพิธีก่อน ได้ยินดังนั้นคุณแม่กับพ่อบุณเหลือจึงพากันเดินห่างออกไปจากฝูงชนที่มาดูลูกแก้วลอยนำประมาณ 500 เมตร และคุณแม่ได้ลงไปในนำประมาณหัวเข่าและอธิษฐานจิตและเอามือแตะๆนำสามครั้ง ปรากฏว่ามีวัตถุชนิดหนึ่งมาสัมผัสที่เท้าจึงเรียกพ่อบุญเหลือมาช่วยดู ปรากฏว่าเป็นลูกแก้วขนาดใหญ่ดังที่เห็นในนิมิต จึงได้ให้พ่อบุญเหลือไปหากล่องกระดาษมาใส่ และอุ้มไปใส่รถปรากฏว่าเบามาก แต่พอมาถึงที่วัด ปรากฏว่าต้องใช้คน 5คนอุ้งลงมา ขณะนี้ลูกแก้วประดิษฐานที่สำนักปฏิบัติธรรมภูริทัตตะ ต.ดูกอึง อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด

    หากใครจะไปกราบคุณแม่ และขอพรจากองค์ประธานลูกแก้ว ก็เชิญได้เลยนะครับ
     
  3. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    ลูกแก้วองค์นี้ มีลักษณะแปลก คล้ายมีดวงตาอยู่ในนั้น???
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    พูดถึงที่วัดเข้าวงพระจันทร์นะครับ
    น่าจะเป็นดวงจิตของท่านที่มาก
    ไปทางบารมีธรรม
    แสงที่สว่างออกเลยวงกลมไป
    นั่นคือสิ่งที่บอกบารมีที่ได้สะสมมา
    ซึ่งพวกนี้ไม่สามารถฝึกหรือทำเอาได้
    ได้มาจากการสะสมบารมีเฉพาะดวงจิตล้วนๆ
    ถ้ายังเป็นวงกลมอยู่แสดงว่ายังอยู่ในไตรภพนี้
    ส่วนสีขาวหมายถึงบารมีทางธรรม(ปัญญามาก)
    ความจริงจะปรากฏเป็นตาข้างเดียวก็ได้
    โดยที่เปลือกตาบนจะยาวกว่าเปลือกตาล่าง
    อย่างเห็นได้ชัดเจน(ถ้าเห็นได้แบบคล้ายดวงตา)
    แต่ถ้าปรากฏเป็นวงกลมดูดีๆก็จะเหมือนมีวงกลม
    เล็กๆอยู่ข้างในซ้อนอยู่อีกวงอยู่ต่ำแหน่ง
    เหมือนๆตาดำที่อยู่ในตาขาวปกติทั่วไป..

    แต่ถ้าสีเดียวกัน ปรากฏในลักษณะคล้ายกัน
    ต่างกันตรงที่ไม่สามารถมองเห็นเป็นวงกลมได้
    หรือไม่สามารถเรียกเป็นรูปร่างได้
    แบบมีแสงขาวนวลไร้ทิศทาง
    เป็นลักษณะดวงจิตของผู้โปรด
    และเป็นผู้โปรดที่มากบารมีครับ...(^_^)
    ปล.ฟังหูไว้หู
     
  5. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    ดูรูปเหมือนตาจริงๆด้วย เปลือกตา ตาดำตาขาวหัวตาชัดหมดเลย:eek: ยังกะมองตลอดเวลา

    ในโลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะเลยแฮะ
     
  6. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    ถิ่นกำเนิดของแก้ว

    สำหรับตำนานถิ่นกำเนิดของรัตนชาติในจักรวาลนั้น มีจารึกไว้ในบาลีตามคำของอรรถกถาจารย์ว่าเกิดในที่ต่างๆดังนี้
    ๑.เกิดที่แถบเชิงเขาพระเมรุบรรพต
    ๒.เกิดที่ท้องพระสมุทร
    ๓.เกิดที่เขาวิบูลย์บรรพต
    ๔.เกิดในป่าหิมพานต์
    ๕.เกิดด้วยอำนาจเทวฤทธิ์
    ๖.เกิดในบ่อแก้วทั้งหลายในแดนมนุษย์
    นอกจากในข้อที่ ๖ แล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นแดนถิ่นในชั้นมิติอื่นของจักรวาลเสียส่วนมากซึ่งยากจะอธิบายในความเชื่อยุคปัจจุบัน
    อย่างไรก็ตาม เรื่องของแก้วซึ่งเป็นสิ่งที่ไปมาเองได้นั้นไม่ได้ผูกติดอยู่กับถิ่นกำเนิดหรือสถานที่เท่าใดนัก จะว่าไปแล้วแก้วนั้นดูเหมือนจะผูกติดกับบารมีธรรมและเจ้าของมากกว่า เปรียบเหมือน การให้ทาน กับความร่ำรวย ที่จะขาดกันและกันไม่ได้
    กรณีที่บางท่านมีทัศนะว่า แก้วเลือกคน บางท่านว่าคนเลือกแก้ว ผู้เขียนเข้าใจว่าทั้งสองทัศนะก็มีส่วนถูกทั้งนั้น เพราะแก้วย่อมจะมีความดึงดูดกับพลังงานที่เข้ากันได้ จะให้แก้วแห่งพลังเมตตาไปอยู่กับคนใจร้อนขี้โกรธก็คงอยู่ด้วยไม่ได้นานเพราะพลังงานย่อมจะขัดแย้งผลักดันและหักล้างกันตลอด ส่วนคนนั้นอยู่ในฐานะเป็นผู้ตั้งเจตนาสร้างดวงแก้วได้ด้วยคุณธรรมก็สามารถจะเลือกสร้างได้ตามใจปรารถนา
    ฉะนั้น เนื่องในโอกาสมหาสงกรานต์ปีใหม่ไทยนี้ ผู้เขียนก็หวังใจว่าท่านผู้อ่านที่เคารพทั้งหลายจะได้พบกับดวงแก้วแห่งความสุขความเจริญตลอดปีและตลอดไป
     
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,816
    ค่าพลัง:
    +15,099
    ครั้งหนึ่งเคยขึ้นไปเขาวงพระจันทร์ แอบคิดพิเรนไปว่า ลูกสาวยักษ์ที่เฝ้าอยู่นั้นเขาสวยเปล่า ^_^ คืนนั้นเลยได้เจอกัน ก็เลยหายสงสัย....

    โอโห้เขาเป็นฝ่ายวิ่งตามหาเรา เราก็วิ่งหนี เพราะนางไม่โสภาน่ายินดีอย่างที่คิด เพิ่งเข้าใจคำว่า "ยักษ์ขมูขี"ก็วันนั้นเอง เข้าใจหัวอกพระอภัยมณีเลย งามสยองจริงๆ ^_^
     
  8. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    เจอตอนยังไม่ได้แปลงร่างรึเปล่าคะ แบบว่าทดสอบใจอะ (คุณหน่ออยากเจอ งั้นจัดสักป๊าบ อิอิ ไหงวิ่งไท่เหลียวหลัง :p)
    ตอนงามพระอภัยเธอก็รักอยู่ :pอย่างงี้เข้าค่าย รักที่รูปร่างหน้าตารึเปล่าคะ (หมายถึงท่านพระอภัยมณีนะ):(:(:D
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เป็นความเปรี้ยวเฉพาะบุคคล
    ไม่จำเป็นอย่าลอกเลียนแบบ ๕๕๕
     
  10. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    ส่วนตัวก็เคย นิมิตเจอ สาวยักษ์อยู่ครับ แม่คุณ ตายั่งกะ Big Eye สีแดงๆ กลมบ็อก กินเต็มลูกตาเลย ผิวก็ด้านๆ หุ่นขนาดว่ารัดหมูป่าให้ตายได้เลยเอ้า มีอ้าปากโชว์เขี้ยวให้ดูอีก โดนเข้าไปมีหวังเหมือนจระเข้โดนฮิปโปกัดแน่ จะว่าก็ดูสวยอยู่นะ แต่ให้รักก็รักไม่ลงเพราะสยองเกิน
     

แชร์หน้านี้

Loading...