แค่มีสติสักกะว่ารู้สิ้นทุกข์ได้ไหม?

เรื่องสติ
สติประจำทวารทั้งหก
ตา หู จมูก ลิ้น กายผัสสะ ใจ

เมื่อจิตอาศัยอยู่ในบ้าน(อทัยวัถตุ)
บ้านมีทวาร(ประตู)(ใจ)
มีสติเป็นนายทวารในการรับรู้

ใจเป็นประตูบ้าน
ตาหูจมูกลิ้นกายผัสสะเป็นประตูรั้วบ้าน

เวลาจิตจะทำงาน จะออกจากประตูบ้าน(ใจ)ก่อน
แล้วออกประตูรั้ว(ตาหูจมูกลิ้นกายผัสสะ)
ไปรับรู้ทางตาทางหู....กายผัสสะ

 

..

ปวีไปเข้าใจเป็นผู้รู้หน่ะค่ะ ที่แยกตัวออกมาจากเจตสิกอีกที พอดีอ่านของโพสบนๆ คุณแสน แล้วข้ามมาอ่านของลุงเลย เลยถาม ..แต่เข้าใจแระค่ะ ปวีใช้คำผิด

 

ถ้าเก็ตของ
จริงก็มีโอกาสสิ้นทุกข์

 

ประมาณปี53
ตอนเกิดเรื่องกับหลวงพ่อปราโมทย์
แล้วมีหลวงพ่อสงบศิษย์หลวงตาออกมาโต้แย้ง
เรื่องสมาธิ

ผมมองว่ามันฝึกคนละแบบ
ตอนนี้สะดวกในการหาฟังจากยูทูป

แนวหลวงตามหาบัว
ใช้คำบริกรรมกำกับจิต
ให้จิตอยู่กับคำบริกรรม
จนจิตสงบ สงบมากเท่าไรยิ่งดี(ขั้นอุปจาระ,อัปปนา)
เมื่อสงบหลายครั้งเข้า. จิตเป็นสมาธิขึ้นมา
อยู่ที่ฐาน(บ้าน)(รัง)ที่ตั้งของจิต

จากนั้นเดินปัญญาใช้ความคิดพิจารณาร่างกาย
เพื่อทำลายกามราคะในจิต
กลายเป็นจิตว่างขึ้นมา

ค้นเข้าไปในจิตว่าง พบจิตอวิชชา
จากนั้นก็หาอุบายทำลายมัน....

ส่วนของหลวงพ่อปราโมทย์
ท่านสอนให้ดูจิต ที่มันทำงานกับอายตนะหก
มีสติรู้ทัน เห็นการเกิดดับของจิต


หลวงพ่อปราโมทย์ พูดสภาวะโสดาบ่อยมาก
หลวงตามหาบัว พูดสภาวะอนาคา(กามราคะ)
ไม่พูดโสดาเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ไม่พูดการทำงานกามราคะในจิตเลย...

 

อยู่ที่เราฟังใครแล้วเข้าใจความจริงเกี่ยวกับรูปนามขันธ์ 5
จนสามารถจะสิ้นยึด ในสังขารขันธ์นั้นได้
อย่างเป็นลำดับ จนเห็นใจที่เป็นความว่าง
อย่างธรรมชาติ
ที่ไม่ใช่ความว่างที่เมคขึ้นมา
ซึ่งในความว่างนั้นมีแต่ความรู้ อย่างเดียว
ไม่มีรูปร่างไม่มีขอบเขตไม่มีสิ่งใดรองรับ
แต่เป็นผู้รู้กิริยาอาการจากการ
ปรุงแต่งโดยขันธ์ 5 ได้ทุกชอต

 

น่าสนใจ
ในความว่างมีแต่รู้ รู้อย่างเดียว

รู้ทุกอย่าง แต่ไม่รู้ตัวมันเองคืออะไร

 

ใช่ใช่ มันเป็นธาตุรู้
จิตพุทธะ หรืออีกหลายชื่อ มันไม่ใช่
วิญญาณขันธํ
มันไม่ขึ้นต่ออะไรเลย
และมันจะอยู่ด้านหลังของผู้รู้ปรุงแต่ง
คือวิญญาณขันธ์เสมอ
จะเห็นมันได้ต้องใช้วิธีสังเกตุ
ถ้าตั้งใจไปเห็นจะไม่สามารถเห็นผู้รู้ตัวนี้ได้
จะเห็นแต่ผู้รู้ตัวปลอมคือวิญญาณขันธ์

 

+++ ดังนั้น ผู้ปฏิบัติเพื่อการสิ้นทุกข์มีแค่ 1 ทางเลือก คือ
+++ เป็นอาการ "รู้อยู่แล้ว" การกำหนด (สติ) ยังถูกรู้ เรียกว่า "เป็นรู้"
+++ สติเบื้องต้นใช้กำหนดรู้ สติที่ฝึกมาดีแล้ว "รู้" การกำหนดสติ

 

+++ แต่ต้องระวัง "ความเป็นตน" ไว้ด้วย
+++ ความเป็นตน ยังมีได้ใน "อากาสา วิญญานัญ อากิญจัญ"
+++ เป็น "ว่าง/รู้" เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ "มี/ไม่มี ตน" เท่านั้น

+++ มันคือ "อัตตา/ตัวดู/วิญญาณขันธ์"
+++ เอวัง ก้อมีด้วยประกาละฉะนี้ แล......

 

จิตปล่อยขั้นธ์ห้า
เหมือนเม็ลดข้าวเปลือกหลุดออกจากลำต้น

เม็ลดข้าวเปลือกยังงอกเป็นลำต้นใหม่ได้อีก

ต้องทำให้เป็นเมล็ดข้าวสาร ไม่งอกอีกต่อไป


จิตก็เหมือนกัน..ยังมีเชื้อเกิดอยู่..

 

ใช่ใช่
ข้าวเปลือกคือจิตวิญญาณ เป็นผู้รู้ที่ป็นสังขารขันธ์
มีการเกิดดับได้
จึงต้องไม่ยึดตัวนี้ด้วยเพราะเป็นผู้รู้ตัวปลอม
คือยังปรุงแต่งได้

 

+++ ป่าว... ตัว ผู้รู้/วิญญาณขันธ์ จะคอยจ้องดู "จิตผุด" แล้วเอามาปรุงแต่งต่อ

+++ ผู้ที่กำหนดการสังเกตุ ก็คือตัว "ผู้รู้/วิญญาณขันธ์" เช่นเดิม

+++ ตรงนี้ "ใช่"

+++ ตรงนี้ก็ "ใช่" อีก

+++ หากไม่ผ่านการฝึกชั้นเบื้องต้น คือ "การกำหนดทุกชนิด ถูกรู้" มาก่อน
+++ แล้วฝึก "ตั้งอยู่" กับอาการนี้ จนเป็น "สภาวะรู้" ที่กิริยาจิตทุกชนิด "ถูกรู้"
+++ จะไม่มีวันรู้จักอาการต่าง ๆ เหล่านี้ได้เลย พูดไปก็คงเท่านั้นแหละ นะ...

 

+++ นั่นแล... "เหตุปัจจัยโย...."

 

ขอบคุณท่านผู้แวะมาโปรด
ฉะนั้น ผู้ที่พอจะเข้าใจ
จะต้องฝึกสังเกตผู้รู้ทั้ง 2 ชนิด
จัดเป็นการภาวนาขั้นวิปัสสนาสืบเนื่องไปฮับ
ผู้ใดต้องการฟังของแท้จริงมาหลังไมค์
ฟังของแท้เทียมต้อง
ฟังลุงแมว
ผู้ภาวนาเพื่อการปล่อยวาง55

 

" ป่าว ํํ คำเดียว ก็เสทือนไป 3 แดนโลกธาตุ
เพราะเค้ารออนุโมทนากันอยู่ฮับ

 

พบผู้รู้ที่เป็นจิตสังขาร(วิญญาณขันธ์)ต้อง
ฆ่ามันซะด้วยความไม่ยึด
คือไม่ให้ราคามัน เพราะมันเป็นการปรุงแต่ง
ที่
แสดงอาการรู้สึก คิดนึก พอใจไม่พอใจ
ตัณหาอุปปาทานทั้งหลาย
ทำนองเดียวกับรูปขันธ์
เวทนาขันธ์
สัญญาจันธ์
สังขารขันธ์
นั่นแหละ
แต่คงยังปล่อยให้มันทำหน้าที่คู่ขนานไปกับจิตแท้
หรือธาตุรู้ ไปด้วยกันภายใน
ใจที่มีแต่ความว่างตามธรรมชาติ
นั้นแหล่ะฮับ

 

อ่านอยู่มันคล้ายๆกับหลวงพ่อปราโมทย์อธิบายเลย
หรือลุงยืมมาอธิบายต่อ..

อิอิ..

 

ไม่ใช่ไม่ใช่
ฟังมาจากหลวงตาหลังไมค์ฮับ ท่านเป็นศิษย์
ลป.ดูลย์ อยาตุโล พ่อแม่ครูอาจารย์เดียว
กับลพ.ปราโมทย์
ฉะนั้น คำอธิบายของพระทั้ง2 รูปนี้ จะไม่ต่าง
กันฮับ
ฟังจากใครถูกจริตก็ติดตามไป ฝึกไปก็
พาไปสู่การสิ้นยึดสิ้นทุกข์ได้เช่นกัน
แล้วแต่ความชอบ... แต่เข้าใจง่ายทั้ง
3 องค์ฮับ

 

หลวงตาหลังไมค์ มีนามว่าอะไรครับ?

 

ต้องคุยหลังไมค์ฮับ
เกรงว่าจะเป็นสะพานบาปหากมีคนคิดไม่ดี
กับท่าน จากการเผยชื่อของเรา
แต่ ลพ.ปราโมทย์นี่ใครๆ ก็รู้จักมาก่อนแล้ว
จึงกล้าออกนาม
ท่านฯ ผิดพลาดมาก็มีโทษไม่หนักมาก
เท่าเราเป็นต้นเหตุโดยตรง

ทั้ง 2 ท่านสอนดีเข้าใจง่ายชัดเจนดี
สำหรับคนต้องการพ้นทุกข์จริง ไม่น่าพลาด
จริงๆฮับ