แค่อยากเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยเรื่องพระสมเด็จวัดระฆังซักหน่อย

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย ลูกพระป่า, 13 มิถุนายน 2014.

  1. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    ผมหมายถึงที่ในตำราในหนังสือต่างๆครับพี่ ส่วนในวีดีโออันนี้ผมก็เพิ่งเคยดูเหมือนกันครับ ขอบคุณพี่Brutus ที่นำมาลงแบ่งบันด้วยครับ
     
  2. นาย ธนพล ขุมทรัพย์

    นาย ธนพล ขุมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +1,978
    ครับ
     
  3. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    จริงพี่ๆหลายๆท่านน่าจะเคยได้ยินเซียนรุ่นเก่ากล่าวว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่นั้นช่างแกะแม่พิมพ์ออกมาให้พระมีลักษณะ 3 มิติใช่มั้ยครับ แต่บางท่านอาจจะเข้าใจว่า 3 มิติที่ว่านี้หมายถึง 1.พื้นที่นอกซุ้ม 2.พื้นที่ในซุ้ม 3.องค์พระ แต่ที่ผมถูกสอนมานั้นคือ 3 มิติที่ว่านี้คือพื้นที่ในซุ้มตั้งแต่ขอบซุ้มด้านในไปจนถึงส่วนขององค์พระและฐานพระ ที่เมื่อดูจากองค์จริงด้วยตาเปล่าแล้วส่วนขององค์พระและฐานพระจะถูกแกะให้ยกนูนสูงขึ้นมา ทำให้ดูเป็น 3 มิติมากกว่าแค่ 2 มิติเหมือนอย่างเงินเหรียญหรือพระเหรียญครับ

    ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมร่องระหว่างฐานชั้นที่ 2กับ3ถึงต้องสูงกว่าพื้นด้านในซุ้มครับ
     
  4. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    จุสังเกตุที่ 2คือ พื้นในซุ้มและองค์พระครับ
    2.1 ด้านข้างลำตัวด้านซ้ายองค์พระ(A)จะมีลักษณะชันกว่าและบริเวณราวนมมีลักษณะเว้าเข้ามาลึกกว่าด้านขวาองค์พระ(B)
    2.2 ตรงร่องระหว่างฐานชั้นที่ 3 กับองค์พระ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะลึกไม่เท่ากัน โดยบริเวณใต้หัวเข่าขวาองค์พระ(C)จะตื้นกว่าบริเวณใต้หัวเข่าซ้ายองค์พระ(D)
    2.3 ในพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่บางส่วนจะปรากฏลักษณะพิเศษบริเวณร่องระหว่างฐานชั้นที่ 2 กับ 3 (E) แลดูเป็นทิวคล้ายเส้นแซม มองด้วยตาเปล่าแทบไม่รู้ ต้องใช้กล้องขยายดูจึงจะเห็น
    2.4 ตรงช่องวางระหว่างแขนกับลำตัวพระทั้งสองด้าน บริเวณเหนือข้อศอกขึ้นไปเล็กน้อย(X)จะเป็นจุดที่ดูเป็นร่องบุ๋มลึกที่สุด โดยจะอยู่ตรงกันและลึกเท่ากันทั้งสองด้าน
    2.5 พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ถูกแกะให้องค์พระมีจีวรและสังฆาฏิด้วย ดังนั้นในพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ที่กดพิมพ์ได้ลึกและสภาพพระยังสมบูรณ์หน้าพระยังไม่เปิดจนสึกมาก เมื่อส่องกล้องดูควรจะต้องพอมองเห็นเส้นจีวรที่พาดผ่านช่วงคอพระไปยังซอกรักแร้ขวาองค์พระ หรือร่องของเส้นสังฆาฏิบริเวณช่วงกลางลำตัวอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเห็นอาจจะครบก็ได้ ถ้าสภาพพระดูสมบูณณ์ดีแต่ส่องดูแล้วไม่ปรากฏเส้นจีวรหรือสังฆาฏิก็ให้ระวังเอาไว้ก่อนได้เลยครับ
    2.6 พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ในองค์ที่ใบหน้าของพระยังไม่สึก เมื่อมองจากด้านข้างแล้วใบหน้า(T)จะต้องเป็นส่วนที่นูนขึ้นมามากที่สุดและองค์พระรวมถึงฐานพระจะต้องนูนขึ้นมาสูงกว่าเส้นซุ้มครอบแก้วอย่างชัดเจน
    2.7 พื้มที่ในซุ้มจะต้องไม่ดูแบนราบแต่จะต้องเป็นสโลปนูนขึ้นมาเล็กน้อย โดยที่พื้นด้านขวาองค์พระจะสโลบมากกว่าด้านซ้ายองค์พระเล็กน้อย ถ้าเจอองค์ที่แบนราบให้หลีกเลี่ยงได้เลยครับ

    ทั้งหมดนี้คือส่วนการพิจารณาพิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ที่ในตำราหนังสือยังไม่ได้บอกไว้ เมื่อรวมกับจุดสังเกตุที่มีลงไว้ในตำราหนังสือต่างๆแล้วอีกเกือบ 20จุด เราก็จะเห็นได้ว่าพิมพ์พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่นั้นมีจุดสังเกตุสำคัญๆอย่างน้อยๆเกือบ 30 จุด ซึ่งถ้าบางคนพิจารณาละเอียดมากๆอาจจะได้ถึง 40-50 จุดเลยก็ได้ครับ ที่เพ้อเจ้อให้ฟังนี้จริงไม่จริง ดีไม่ดียังไงก็ลองเอาไปพิจารณากันดูนะครับ

    .....ตอนต่อไปจะเอาจุดสังเกตุต่างๆที่ในตำราหนังสือได้บอกไว้มาเล่าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cv.jpg
      cv.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      2,439
    • 99.jpg
      99.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      3,143
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มิถุนายน 2014
  5. ครูชายแดน

    ครูชายแดน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,053
    ค่าพลัง:
    +2,787
    ขอแค่นี้จริงๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Tony8625

    Tony8625 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +617
    พอดีไปเจอมาเลยเอามาฝากครับ web ที่รวบรวมสมเด็จปลอมไว้ครับ ทำได้สวยเกินจริงๆๆ ขออนุญาติเจ้าของ web Bermudathai ด้วยครับ เพื่อการศึกษาครับ

    Bermudathai: พระสมเด็จวัดระฆังปลอม
     
  7. paraw

    paraw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,269
    ค่าพลัง:
    +868
    พระสมเด็จนี้ ยากจังมารอฟังพี่ๆด้วยคนครับ
     
  8. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    ลองเอาจุดสังเกตุที่ผมบอกไว้ไปพิจารณาเทียบดูกับพระปลอมในลิงค์ดูนะครับ แล้วจะเห็นว่าจุดสังเกตุที่ผมกล่าวมีในพระปลอมรึเปล่าครับ
     
  9. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    สาเหตุที่พระสมเด็จดูยากมี 7 ข้อครับตามความเห็นผมนะครับพี่
    1. เพราะขาดความตั้งมั่น ตั้งใจและจดจ่อที่จะเรียนรู้
    2. เพราะเรียนเองไม่มีครู(อาศัยแต่ตำราหนังสือ)
    3. เพราะครูที่สอนไม่บอกสิ่งที่ต้องรู้ทั้งหมด
    4. เพราะครูที่สอนก็ยังรู้ไม่พอ
    5. เพราะขาดการหมั่นฝึกฝนเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ(ขาดการลงภาคสนาม)
    6. เพราะยังไม่เคยเห็นของจริงกับตา
    7. เพราะกลัวผิดพลาดจึงขาดประสบการณ์ที่ผิดเป็นครู
     
  10. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    วิธีพิจารณาจุดสังเกตุพิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ที่มีบอกไว้ในตำราหนังสือมีดังนี้ครับ
    1. เส้นซุ้มอวบอูมคล้ายหวายผ่าซีก เส้นซุ้มด้านในยกขึ้นตั้งฉากขึ้นมาตรงๆส่วนด้านนอกจะเอียงลาดนิดๆ และเส้นซุ้มด้านขวาองค์พระจะเอียงหักมุมนิดๆตรงแถวๆข้อศอกขวาพระและวิ่งเป็นเส้นตรงก่อนจะหักมุมนิกๆอีกครับตรงแถวๆเศียรพระ
    2. เศียรพระดูคล้ายผลมะตูมมีหูสองข้างบางองค์อาจจะเห็นเพียงข้างเดียวแบบรำไร มีลำคอ ปลายเกศมีลักษณะเป็นกลวยแหลมวิ่งหายเข้าไปในเส้นซุ้ม
    3. แขนซ้ายพระมีลักษณะทิ้งลงมาตรงๆส่วนแขนขวาจะกางออกด้านข้างเล็กน้อย มือที่ทำสมาธิเป็นก้อนนูนขึ้นมา
    4. ซอกรักแร้ด้านซ้ายองค์พระจะสูงกว่าซอกรักแร้ดานขวา
    5. เนื้อหัวไหล่ขวาองค์พระจะหนากว่าหัวไหล่ด้านซ้ายองค์พระ
    6. มีเส้นสังฆาฆิหรือจีวรพาดจากบริเวณข้อศอกซ้ายไปถึงหัวเข่าซ้ายองค์พระ
    7. หัวเข่าซ้ายองค์พระจะสูงกว่าหัวฐานชั้นที่ 3 ในขณะที่หัวเข่าขวาองค์พระจะต่ำกว่าหัวฐานชั้นที่ 3
    8. หัวฐานชั้นที่ 2 มีลักษณะคล้ายฐานสิงห์
    9. ฐานชั้นที่ 1 มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมคางหมูตันหรือมีร่องแอ่งตรงกลาง โดยที่ขอบฐานด้านซ้ายองค์พระจะอยู่ห่างจากเส้นซุ้มมากกว่าขอบฐานด้านขวาองค์พระและขอบฐานด้านล่างจะยกขึ้นมาตรงๆจากพื้น
    10. ในองค์ที่ตัดไม่ชิดขอบจะต้องปรากฏเส้นบังคับพิมพ์
    11. เมื่อพิจารณาองค์พระสมเด็จกับฐานพระโดยรวมจะเห็นว่าเอียงไปทางซ้ายมือองค์พระเล็กๆ
    12. เมื่อพิจารณาพิมพ์พระในภาพรวมกว้างๆ องค์พระจะต้องดูสมดุล สวยงามเรียบง่าย

    ที่กล่าวมาคือจุดสังเกตุในพิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่จากตำรา ซึ่งยังไม่รวมการพิจารณาดูเนื้อหามวลสารซึ่งยังไม่ได้พูดถึงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cv.jpg
      cv.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      491
    • 99.jpg
      99.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      2,436
  11. paraw

    paraw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,269
    ค่าพลัง:
    +868
    ข้อ 8 ยากเพราะวงการด้วยไหม พี่ แฮ่ ๆๆ เห็นเขาพูดกัน
     
  12. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    มีคนเคยถามผมว่าระหว่าง"ความจริง"กับ"ความเท็จ" อันไหนที่น่ากลัวหรือสร้างผลเสียได้มากกว่ากัน......

    ผมนั่งคิดสักพักก่อนตอบคำถามเค้าไปว่า"ความจริงที่พูดออกมาไม่หมดนั่นแหละที่น่ากลัวและสามารถสร้างผลเสียได้มากที่สุด"....หลังจากนั้นคนถามก็นั่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

    ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องพระสมเด็จวัดระฆังเนี่ย!!! เพ้อเจ้ออีกแล้วสิเรา
     
  13. หนุ่มคอนถม

    หนุ่มคอนถม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    2,605
    ค่าพลัง:
    +1,581
    มีคำพูดที่ว่า "ความจริงเพียงครึ่งเดียว คือคำโกหกคำโต"
    ใช้ได้มาทุกยุคทุกสมัยครับ
     
  14. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    มีใครเคยสงสัยเหมือนผมมั้ยว่าพระสมเด็จกรุวัดบางขุนพรหมที่พบเห็นหรือที่ลงตามตำรานั้นระบุว่ามีทั้งสิ้น 9 พิมพ์คือ
    พิมพ์ใหญ่
    พิมพ์เส้นด้าย
    พิมพ์ฐานแซม
    พิมพ์ฐานคู่
    พิมพ์เจย์ดี
    พิมพ์สังฆาฏิ
    พิมพ์เกศบัวตูม
    พิมพ์ปรกโพธิ์
    พิมพ์อกครุฑ
    นั้นนำรูปแบบพิมพ์พระหรือใช้อะไรมาเป็นต้นแบบในการรังค์สรรแม่พิมพ์ต่างๆขึ้นมา สำหรับผมนั้นได้ลองค้นคว้าและสังเกตุมาพอสมควรจนได้ข้อสันนิษฐานว่าพิมพ์พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมนั้นมีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวัดระฆังทั้งหมด ยิ่งในการจัดสร้างนั้นได้พระสมเด็จฯโตมาดูแลด้วยแล้วยิ่งทำให้ข้อสันนิษฐานนี้มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งถ้าพิจารณาจากรูปแบบทรงพิมพ์ของพระสมเด็จทั้งสองวัดก็จะนำมาโยงกันได้ดังนี้

    พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่กับพิมพ์เส้นด้ายมีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่
    พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ฐานแซมกับพิมพ์ฐานคู่มีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซม
    พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์เจย์ดีกับพิมพ์สังฆาฏิด้านมีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เจย์ดี
    พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์เกศบัวตูมมีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เกศบัวตูม
    พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ปรกโพธิ์มีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ปรกโพธิ์
    พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์อกครุฑมีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์อกครุฑหรือพิมพ์ไกเซอร์

    เหตุที่ทำให้ผมเชื่อเช่นนี้เพราะความจริงที่ว่าลูกศิษย์ที่เคารพและกตัญญูต่อครูอาจารย์นั้นจะไม่มีทางออกนอกแนวทางหรือรูปแบบที่ครูอาจารย์ได้นำพาไว้ ถึงแม้จะมีความแตกต่างด้านรายละเอียดแต่รูปแบบโดยหลักใหญ่ย่อมดำเนินตามครูอาจารย์ อันจะเห็นได้จากวัตถุมงคลที่เกจิอาจารย์หลายๆท่านต่างรักษาเอกลักษณ์และรูปแบบส่วนใหญ่ตามครูอาจารย์ของท่านเช่นสายหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว สายหลวงปู่เอี่ยมวัดสะานสูงเป็นต้น

    ช่วงนี้อยู่ที่ทำงานเลยหารูปพระสมเด็จมาลงในส่วนของเนื้อหามวลสารไม่ได้ก็เลยฆ่าเวลาด้วยการเพ้อเจ้อเรื่องนี้แทนละกันครับ
     
  15. utumporn89

    utumporn89 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2009
    โพสต์:
    924
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,981
    .ความคิดของคุณ.,หมูทะเล..ผมว่ามาถูกที่แล้วครับ...เส้นบีังคับแม่พิมพ์นั้น..เป็นแค่องค์ประกอบ...พิมพ์ที่ไม่มีกรอบบังคับพิมพ์..เช่น.พิมพ์ชายจีวรบาง..จีวรหนา.หร้อพิมพ์ใหญ่ที่นิยมยุค.ของเซียนรุ่นเก่าที่เล่นสายสมเด็จครับ.หรือพิมพ์พระประธานนั่นเอง.แต่ตอนหลัง.นักเล่นพระรุ่นใหม่..มาเรียกันว่าพิมพ์ใหญ่..๑.๒.๓,๔..พิมพ์ชายจีวรเลยหายไป..และไม่ค่อยได้รับความนิยม..ส่วนกรอบบังคับพิมพ์ที่ติดแบบกรอบ..กระจก.ส้่วนมากเป็นใหญ่.b..ครับ..ส่วนพิมพ์เจดีย์..จำลองมาจาก..พระแก้วมรกตครับ,.การตัดขอบ..ก็คือกดของมีคมตัดชื๊บ.แล้วเขี่ยออก.ข้าง..พระยุคแรกจะเป็นชิ้นฟักครับ..ส่วนพิมพ็ที่ตัดสวยสุดคือเกศทะลุซุ้ม.มีถึง..๓ พิมพ์ครับ..การตัดจะปราณีตมาก.พอมาถึงพิมพ์ดี..จะเริ่มเป็นสี่เหลี่ยมจะไม่เป็นชิ้นฟักครับ.. การ.การสร้างพระลูกศิษย์นั้นสร้าง..พิมพ์ตามอาจารย์.เป็นเรื่องราว.เลยครับ..จนมาถึงยุค.หลวงปู่ภู.ครับ..ส่วน.พิมพ์.วัดระฆัง.กับบางขุนพรม..ใช้แม่พิมพ์..ตัวเดียวกัน.,และ.พอกบล๊อกและแกะพิมพ์ให้เล็กลงครับ.ข้อมูลทั้งหมด..ผมไม่ได้อ้างอิงจากหนังสือหรือ.หรือซุ่มเดาครับ..นายแพทย์..พลโท.ศุภชัย.สีแพทย์.หรือ,อ.จารย์.สนิทบางคลาน..เป็นเพื่อนรุ่นน้อง.ของ..ตรียัมปวาย..เป็นคนสอนเพื่อนผมโดยตรงครับ.ตอนนั้ย
    นเพื่อนผมหัดเล่นพระตอน.อายุ๑๕.เขาเรียกกันว่าเด็กนรก.เพราะซื้อแหลกลาน.โดนแต่เก๊.แกเจอเพื่อนผมบ่อยในสนามพระ.เพราะตอนนั้นแกจะ.รับเช็คพระให้ฟีร..กับคนที่หัดเล่นพระใหม่ๆ.แกเลยถามเพื่อนผมว่า..เองชอบพระอะไร.เพื้อนผมบอกชอบเหรียญ.แกเลยบอกว่ามึงไปไกลๆ.ถ้าชอบผงจะสอนให้.เพื่อนผมตกลง..หลังจากได้เรีนนรู้.เพื่อนผมต้องตื่นตั้งแต่ตี.๔.ก่อนไปเรียน.หนังสือ.ต้องไปนั่งดูพระ..ที่ห้องแกครับ.ในซอยประปา.โคราช.แกก็จะสอน.ครับ.พร้อมตัวจริงให้ดู.องค์ดาราแทบทั้งหมด..ผมไม่ได้ที่จะคุยโอ้อวดใครนะครับ..ครับ.ที่ลงในหนังส่ือ.ลานโพธิ์เล่มเก่าๆ.จนเพื่อนผม.เล่นเบญจเป็นก่อนพระอย่างอื่นครับ.. แกมีพระแต่ไม่เคยปล่อยครับ..คือ..ทีแกไม่ได้..มอง.พระ.เป็น.ตัว.$$$.เหมือนกับเซียนทั่วไป.สำหรับแก.ก็คือ.การ.บูชานับถือด้วยใจ.หลึงจากนั้น..แกก็กลับบ้านและเสียชีวิต.ที่พิจิตร..ครับ..พระสมเด็จ.หรือชุดดเบญจ..ตอน.ต้อยหัดเล่นพระใหม่ๆ.ก็ให้ลุงหลัด.หรือตาหลัดเป็นคนดูให้ครับ.ในการชี้ขาด...แต่ผมไม่ทราบว่าตาหลัดนี้คือใคร..มีเรื่องราวอีกเยอะครับ..แต่...การเล่นสมเด็จ..ก็แบ่งได้.ดังนี้ครับ..ถ้าคุยกันเรื่องราคา..ก็คือ..บัวใต้โคลน..แต่เล่นพระด้วยศัทธา.ก็คือ.บัวพ้นน้ำ..ครับ..การที่จะพูด.เรื่องราคาปล่ล้อย..กันแพง.หลายล้านๆ..บัวใต้น้ำจะสนใจในตีัวเงินมากกว่าพระ.เพราะจะหาพระยังไงให้ได้เงิน....แต่บัวพ้นน้ำนั้นมักจะเพิกเฉย..ปล่อยให้บัวใต้โคลน.ลุ่มหลงลงไป..มักจะตีราคาพรัะที่สวมใส่ในคอเสมอ..ถ้าเราเล่นพระ..เพราะเราศัทธา..ในองค์พระไม่ใช่เงิน..หาเมื่อไหร่ก็ได้ครับ..สมเด็จ.คุณ.หมูทะเลคงเป็นบัวที่พ้นน้ำแล้วครับ..มาถูกทางแล้วครับ..ศึกษาต่อไปครับ..และ.สมเด็จ.องึค์...เสี่ยหน่ำ..พิมพ์ใหญ่.สังขยา.องค์นั้น.ในหนังสืออาจจะคลุมเคลือแต่.ผมรู้ข้อมูล..ว่าเจ้าของพระคนแรกคือใครด้วยครับ..และปัจจุยัน.เจ้าของเดิมยังอยู่.รู้แต่ว่าเป็น.ทหาร.หรือ.เพื่อนผมอาจจะเคยเป็นเจ้าของมาก่อน??แต่เจ้าของเดิมก่อนนั้น..แต้แกคงเล่นพระไม่เป็น.หลายอย่างที่ผมพอรู้.แต่บางครั้งก็ต้องนิ่งเบ็นใบ้ครับ,เพราะพูดออกไปไม่ได้,..เพราะคนหลงทางจีริงๆ..เยอะเหลือเกิน.และ.วันหลังจะมาเล่าให้ฟังต่อครับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กันยายน 2014
  16. พระพันตา

    พระพันตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    323
    ค่าพลัง:
    +331
    ผมว่าการดูพระต้องวางใจเป็นกลางไม่มีอัตตา หาใช่ว่าเซียนพระว่าเช่นไรต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไปนั่นแสดงว่าท่านใช้หูเล่นพระอย่างเดียว(ประมาทอย่างยิ่ง) หากคนที่มีหรือเคยเห็นพระสมเด็จแท้ๆ(น้อยคนนัก)จะไม่เชื่อเช่นนั้นและไม่อยากเปิดปากพูดเพราะคนมีอัตตาจะเดือดแค้นแทนจึงต้องปล่อยไปตามวาสนาของแต่ละบุคคลแต่บอกได้เลยว่าตากลับกันมากต้องขออภัยถ้ารับไม่ได้แต่ความจริงก็ต้องเป็นความจริงจะเป็นอื่นเสียมิได้
     
  17. hiddenbhume

    hiddenbhume เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    2,513
    ค่าพลัง:
    +7,067
    พี่เขาชื่อหนุ่มทะเลครับพี่



     
  18. hiddenbhume

    hiddenbhume เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    2,513
    ค่าพลัง:
    +7,067
    ในห้องเรียนวันหนึ่ง ไอสน์ไตน์ถามนักเรียนว่า

    "มีคนซ่อมปล่องไฟสองคนกําลังซ่อมปล่องไฟเก่า
    พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟปรากฏว่าคนหนึ่ง
    ตัวสะอาด อีกคนตัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า
    ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน"

    นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า "ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ"

    ไอน์สไตน์ พูดว่า

    "งั้นเหรอ คุณลองคิดดูให้ดีนะคนที่ตัวสะอาด เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควัน
    เขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไปเก่าเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ ๆ เลย
    ส่วนอีกคนเห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่าตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน

    ตอนนี้ ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่าใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่"

    นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า

    "อ้อ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรก ก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรก
    เห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลยดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย
    ..... ถูกไหมครับ...."

    ไอสน์ไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคนต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้

    ไอสน์ไตน์ค่อย ๆ พูดขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล

    "คําตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกันจะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด
    อีกคนหนึ่งจะสกปรกนี่แหละที่เขาเรียกว่า "ตรรก" เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจนสะดุด
    ก็จะไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผลแห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้ นั่นคือ "ตรรก"

    จะหาตรรกได้ก็ต้อง
    กระโดดออกมาจาก"พันธนาการของความเคยชิน"
    หลบเลี่ยงจาก"กับดักทางความคิด"
    หลีกหนีจาก " สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง "
    ขจัด "ทิฐิแห่งกมลสันดาน "

    จะหาตรรกได้ก็ต่อเมื่อ
    คุณสลัดหมากทั้งหมดที่คนเขาจัดฉากวางล่อคุณไว้
     
  19. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    จากนิทานด้านบนผมเห็นว่ามันผิดทั้งไอนสไตน์ที่เป็นอาจารย์ที่ตั้งคำถามไม่อยู่ในตรรกะ และนักเรียนที่หลงไปเชื่อตามอาจารย์ให้อาจารย์พานำไปเรื่อยแล้ว....ถ้านักเรียนหรือคนที่อ่านเรื่องนี้มีสติหน่อยก็จะคิดได้ว่า มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่ตัวของตัวเองจะไม่รู้ว่าตัวเองสกปรกรือไม่ได้สกปรกหรือเปล่า จนต้องอาศัยการมองดูที่คนอื่นเพื่อจะให้ได้รู้ตัวเอง....

    มีธรรมอันหนึ่งที่ประดุจดั่ง"กำแพงที่สูงใหญ่และแข็งแรงยากแก่การทำลายลงที่สุด"....ธรรมนั้นเรียกว่า.."ทิฏฐิมานะ"
     
  20. ลูกพระป่า

    ลูกพระป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +801
    ขอบคุณครับพี่ cocomoto ผมว่าพี่เป็นคนแรกในที่นี้เลยนะครับที่ไม่คิดว่าสิ่งที่ผมคิดเห็นนั้นเป็นการหลงทาง เพราะส่วนตัวผมเมื่อได้ศึกษาเกี่ยวกับพระสมเด็จที่สมเด็จฯโตท่านสร้างก็รู้สึกทะแม่งในใจเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้คนที่มีชื่อเสียงบอกว่าสมเด็จฯโตนั้นท่านมาเริ่มสร้างพระของท่านเมื่อตอนปั้นปลายอายุของท่านและบอกว่าท่านเรียนรู้วิธีการสร้างพระเนื้อผงพุทธคุณจากการอ่านจารึกโบราณที่พบเจอโดยบังเอิญแล้วครับ ดังนั้นผมจึงเลือกเปิดใจรับทุกข้อมูลและแนวทางต่างๆไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นแนวทางนี้เท่านั้นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...