แชร์ประสบการณ์และคำสอน หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

เมื่อวานเลยนั่งปรึกษาหารือกับกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่งเพื่อจะได้สรุปข้อมูลไปคุยกับช่างแกะบล็อค หลังเลิกงานก็เดินทางไปคุยกับช่างร่วมชั่วโมง สรุปมี2วิธี
- ใช้บล็อคหลังบล็อคเดิมแต่จะแกะให้ลึกแบะมีมิติมากขึ้น รวมทั้งจะพยายามลงรายละเอียดให้มากขึ้น
- หรือเปลี่ยนรูปภาพอุโบสถเป็นรูปใหม่แล้วแกะบล็อคใหม่
.
แต่อย่างน้อยๆ ผมรู้สึกว่าบล็อคชุดนี้หลังจากแก้ไขเสร็จแล้วและถ้าหลวงปู่พิจารณาให้ผ่าน จะเป็นพระที่สวยใช้ได้เลยทีเดียว ดังคำพูดที่หลวงปู่บอก หลังจากให้แก้ไขด้านหลัง...... "ถ้าทำเสร็จ เธอจะมีความภูมิใจ"

 

วันอาทิตย์ ที่ 15 กันยายน 2562 (องค์ที่ 62)
.
ช่วงบ่ายๆเข้ากราบและถวายปัจจัยทำบุญกับหลวงปู่พรหมมา วัดยานนาวา ขอเมตตาท่านจารแผ่นทองเหลืองและอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร

 

วันนี้ได้โทรคุยกับช่าง สรุปเปลี่ยนบล็อคด้านหลัง คือแกะบล๊อครอบที่ 3.....หลายตังค์แท้...พิมพ์แรกนี้

 

วันจันทร์ ที่ 16 กันยายน 2562
.
หลังเลิกงานก็ขับรถมาที่วัดใหม่เสนา เพื่อเข้ากราบและทำบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่มาพักที่วัดใหม่เสนา
.
(องค์ที่ 63)
- เดินเข้ามาในตึกเจอพระอาจารย์วีระชาติกำลังจะเข้าห้องพัก จึงเข้าไปกราบและขอโอกาสถวายผ้าอังสะแด่พระอาจารย์วีระชาติ ธัมมรตโน เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์มิตซู นครโฮจิมินท์และขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร พอท่านทราบก็บอกว่าดีๆ และอธิษฐานจิตให้ พออธิษฐานจิตเสร็จก็แนะให้ไปห้องข้างๆบอกมีพระอาจารย์ศิริศักดิ์มาพักอยู่ ให้เข้าไปกราบท่านและขอเมตตาท่านสิ

 

(องค์ที่ 64)
.
- จึงเดินมาเคาะห้องและขออนุญาตเข้าไปกราบพระอาจารย์ศิริศักดิ์ ท่านถามมาหาใคร ผมก็แจ้งว่าจะขอโอกาสถวายผ้าอังสะแด่พระอาจารย์ศิริศักดิ์ ท่านก็ให้เข้ามาในห้อง จึงถวายผ้าอังสะแด่พระอาจารย์ศิริศักดิ์ สิริสักโก เจ้าอาวาสวัดเทพนิมิต จ.อุดรธานี ขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร พอท่านอธิษฐานจิตเสร็จก็บอก "ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์" และท่านก็บอกให้ไปกราบหลวงปู่ทองสุขสิ

 

ก็เลยเดินเข้ามากราบหลวงปู่ทองสุข และพระอุปัฏฐากของท่าน ขอโอกาสถวายผ้าอังสะแด่หลวงปู่และครูบา และขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้อีกสักรอบ เพราะท่านเคยอธิษฐานจิตให้แล้วตอนไปงานหล่อผอบทองคำที่วัดสันติวนาราม ท่านก็ถามทำไมเยอะจัง ผมก็แจ้งท่านว่าตอนแรกก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ แต่พอตระเวนไปขอเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านก็เมตตาให้มาเรื่อยๆเพื่อร่วมบุญสร้างอุโบสถ ก็เลยเยอะ ทุกวันนี้กล่องมวลสารที่ตระเวนแบกไปก็หนักประมาณ 20กก.กว่าๆ แบกทีเหงื่อแตกเต็มหลัง ท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้ และเป่าหัวให้ผมด้วย

 

(องค์ที่ 65)
.
และเดินมาอีกห้องเพื่อเข้ากราบถวายปัจจัย ผ้าอังสะ น้ำปานะและพระบูชาพระอุปคุตแด่หลวงปู่หงวย ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดป่าเนินเกศแก้วเทพประทาน จ.กาฬสินธุ์ และขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านยังเมตตาเป่าหัวและให้พร นั่งคุยกับท่านเป็นชั่วโมง

 

วันพุธ ที่ 18 กันยายน 2562
(องค์ที่66)
.
ช่วงเย็นก็เดินทางไปกราบพระมหาประยูร วัดสีสุก เพื่อขอเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร

 

(องค์ที่ 67)
.
หลังจากนั้นก็เดินทางไปวัดพุทธบูชา แต่หลวงปู่สนธิ์ยังจำวัดอยู่ เลยออกมาและมุ่งหน้าไปวัดโพธิ์ทอง เพื่อจะกราบหลวงพ่อวราห์ แต่ไปถึงทางวัดกำลังมีการก่อสร้างอยู่ จึงเปลี่ยนใจไว้โอกาสหน้าค่อยมากราบท่านใหม่ แล้วก็เดินทางกล้บมาวัดพุทธบูชาอีกที แต่พอดีมีญาติโยมมาคุยธุระเลยนั่งรอร่วม 2 ชั่วโมง จึงได้เข้ากราบหลวงปู่สนธิ์และแจ้งความจำนงค์กับท่าน ท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
.
" #คาถาจากหลวงปู่บุญส่ง"
.
" อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"
.
ข้างต้นนี้คือคาถาบทหนึ่งที่
พ่อแม่ครูอาจารย์
"องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร"
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
ได้เมตตามอบให้
.
เมื่อคราวได้เดินทาง
เข้าป่าธุดงค์ไปกับองค์ท่าน
เมื่อช่วงต้นปี 2560 ที่ผ่านมา
.
.
ณ ป่าลึกแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตก
แถบจ.กาญจนบุรี ที่ว่ากันว่าเป็นป่าลึก
ที่ชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่าและไข้ป่าที่สุด
แห่งหนึ่งของประเทศ
.
.
อีกทั้งยังหมายรวมไปถึง
"บางสิ่งบางอย่าง" ที่
"ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า"
.
ปุถุชนคนธรรมดา
ซึ่งอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า
ที่ติดตามองค์ท่านเข้าไป
นอกจากความมุ่งมั่นและความกล้าแล้ว
คงจะจะต้องมีอะไรบางสิ่งบางอย่าง
ไว้ปกป้องคุ้มครองตน
.
.
ด้วยว่าป่าลึกนั้น ไม่ใช่เมืองใหญ่
ที่จะมองเห็นความเป็นไปต่าง ๆ ได้
ในป่าลึกที่ว่านี้ยังคงอุดมไปด้วยหลาย ๆ สิ่ง
หลาย ๆ อย่าง
.
.
ที่คนธรรมดา
ยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
และสิ่งที่ "มองไม่เห็นนี้" ก็ไม่ควรอย่างยิ่ง
ที่จะไปท้าทาย
.
.
การอ่อนน้อมถ่อมตน
และการเคารพสถานที่
ให้เกียรติผู้ที่เป็น "เจ้าของสถานที่" แห่งนั้น
จึงเป็นสิ่งที่พึงกระทำ
.
.
พ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงปู่บุญส่ง
ท่านจึงได้มอบคาถานี้ให้ คือ
.
.
" อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"
.
.
ท่านว่าให้สวดมนต์หรือภาวนาก่อนนอน
ช่วงตลอดเวลาที่เข้าไปในป่าลึก
กว่า 1 อาทิตย์
.
.
ซึ่งมนต์คาถาบทนี้
ท่านว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครอง
เป็นเกราะแก้วกำแพงใหญ่ให้กับเราได้
.
.
ป้องกันสิ่งต่าง ๆ ที่เรา "มองไม่เห็น"
รวมไปถึงป้องกันภัยจาก
สัตว์ร้ายนานาชนิดบริเวณนั้น
.
.
โดยองค์ท่านปรารภว่า
รวบรวมจิตให้นิ่ง ทำสมาธิให้มั่น
เพราะป่าลึกเช่นนี้ ไม่ใช่เมืองใหญ่
ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
.
.
การสำรวมกาย วาจา ใจ
และให้เกียรติ "ผู้ที่เป็นเจ้าของสถานที่"
จึงเป็นสิ่งที่พึงกระทำ
.
.
ซึ่งปรากฏว่าตลอดระยะเวลา
เกือบ 1 อาทิตย์
ที่ได้เข้าไปในผืนป่าลึกลับแห่งนี้
กลับไม่มีอะไรใด ๆ มากวนใจ
.
.
จะมีเพียงเสียงของ "สัตว์ป่า"
บางชนิดเท่านั้น
ที่เข้ามาให้ได้ยินเสียง
ในเวลากลางคืน
แต่ท้ายสุดเขาก็จากไป
ไม่ได้มากวนใจอะไร
.
.
รวมถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างอื่น
ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาจจะด้วยการตั้งใจเข้าไปปฏิบัติ
และบำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างตั้งใจ
.
รวมถึงอาจจะด้วยพลานุภาพของมนต์คาถา
ในบทนี้ ที่พ่อแม่ครูอาจารย์
องค์หลวงปู่บุญส่ง
ท่านได้ประทานให้
จึงไม่มีสิ่งใดมากวนใจ
.
.
" อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"
.
.
หลวงปู่บุญส่งท่านปรารภว่า
ภาวนาคาถานี้ครั้งละ 3 จบ
เทพเทวาจะเมตตา
และท่านจะคุ้มครอง
และสัตว์ป่าที่ดุร้าย
จะไม่กล้าเข้าใกล้
.
.
รวมไปถึงหากสวดมนต์ภาวนา
ในชีวิตประจำวัน
ผูู้คนมักจะเมตตาเอ็นดู
ยกย่องสรรเสริญ
.
.
อุบัติเหตุ อุบัติภัย
จะไม่สามารถทำอะไรได้
ใครคิดร้ายก็กลับกลายเป็นดี
ใครคิดไม่ดีก็จะแพ้พ่ายไป
หากตั้งใจปฏิบัติดี
และภาวนาด้วยใจบริสุทธิ์
.
.
โดยก่อนจะเริ่มต้นคาถา
ให้ตั้งนะโมก่อน
.
ด้วยว่า "นะโม" หมายความถึง
การแสดงเคารพนอบน้อม
ต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
ซึ่งเป็นใหญ่ที่สุด
ควรค่าแก่การบูชาที่สุด
จากนั้นจึงต่อด้วยมนต์คาถาบทนี้
.
.
ซึ่งมนต์คาถาบทนี้ที่ว่า
.
.
" อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"
.
.
นั้นแปลตามความหมายคือ
.
.
"อิติ สุคะโต"
(แปลว่า : "เสด็จไปดีแล้ว")
.
"อะระหัง พุทโธ"
(แปลว่า : พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์)
.
"นะโม พุทธายะ"
(แปลว่า : ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้า)
.
"ปะฐะวี คงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"
(แปลว่า : ขอขมาต่อพระแม่ธรณี
พระแม่คงคา และพระภูมิเทวดา" )
.
.
.
รวมความแล้ว
.
"อิติ สุคะโต, อะระหัง พุทโธ, นะโม พุทธายะ,
ปะฐะวี คงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"
.
.
แปลว่า
.
.
"พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ เสด็จไปดีแล้ว
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าขอขมาต่อพระแม่ธรณี พระแม่คงคา
และพระภูมิเทวดา"
.
.
เรียกได้ว่าเป็นการนอบน้อม
ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ทั้งหลาย
ตั้งแต่เบื้องบนเป็นต้นมา เป็นลำดับๆ
.
.
ซึ่งจะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง
จะพร้อมใจกันมาช่วยคุ้มครอง
ปกป้องให้เรา มีความสุข ความเจริญ
.
.
เดินทางปลอดภัย มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
ไม่มีศัตรู ครอบครัวมีความร่มเย็นเป็นสุข
แม้กระทั้งเจ้ากรรมนายเวรของเรา
ก็ยังอโหสิกรรมให้กับเราด้วย
.
.
ซึ่งจากการสืบค้นแล้ว
ว่ากันว่ามนต์พระคาถาบทนี้
.
.
"อิติ สุคะโต, อะระหัง พุทโธ, นะโม พุทธายะ,
ปะฐะวี คงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"
.
.
นั่นก็คือ
.
.
" พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกฉบับย่อ "
หรือเรียกว่า " หัวใจยอดพระกัณฑ์ฯ "
.
.
ที่ในอดีตพ่อแม่ครูอาจารย์รูปหนึ่งนามว่า
" หลวงพ่อโอภาสี "
อาศรมบางมด พุทธบูชา กทม.
.
.
พระผู้ทรงอภิญญา "ยุคอินโดจีน"
ผู้บูชากสิณ - เพื่อดับกิเลสให้สิ้นในใจมนุษย์
เป็นพุทธบูชา
.
.
ท่านได้นำพระคาถา
"ยอดพระกัณฑ์ฯ" มาย่อความ
และเรียบเรียงใหม่แต่ยังให้ความหมายเดิม
คือการนอบน้อมต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
.
.
โดยองค์ท่านได้ปรารภไว้
แต่กาลก่อนว่า
หากอยู่กับบ้านก็ใช้ป้องกัน
อันตรายที่จะเข้ามา
.
.
หากใช้สวดก่อนออกจากบ้าน
ก็จะคุ้มกันภัยอันตรายตลอดการเดินทาง
.
หากไปต่างถิ่นก็ใช้สวดป้องกันอันตรายต่างๆ
จากเหล่าภูติผีปีศาจ
ที่อาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรขัดขวาง
.
.
เมื่อเดินทางไปที่เปลี่ยว
ให้หยุดภาวนาที่ต้นไม้ใหญ่
หรือบริเวณศาลเจ้า
ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณนั้น
ช่วยปกปักษ์รักษาให้ปลอดภัย
.
.
กล่าวโดยรวมนั่นคือ
เป็นการขอขมาและบูชาพระรัตนตรัย
แม่พระธรณี แม่พระคงคา
ตลอดจนภูมิเทวาเทวดา
เจ้าที่ต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง
ที่ยังผลได้จริง
.
.
พระคาถามนต์บทนี้หากผู้ที่สวด
ตั้งมั่นอยู่ในศีล สมาธิ และปัญญา
บวกกับศรัทธาย่างแน่วแน่แล้ว
ผู้นั้นก็จะได้ประจักษ์ในสิ่งที่เป็นรูปธรรม
เข้าถึงพระธรรมของพระพุทธองค์ได้
.
.
ดังคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า
"ผู้ที่จะรู้ ผู้ที่จะเห็น จะต้องปฏิบัติ
ด้วยตนเองเท่านั้น"
.
.
.
น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยเศียรเกล้า
.
.
ภาพ : เมื่อครั้งหลวงปู่บุญส่งออกธุดงค์ ณ ป่าลึกแถบภาคตะวันตกของประเทศ เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา ด้านขวาคือหุบเหวที่ลาดชันลงไป

.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...ศร จันทบุรี
.
"น้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์...ขนาดเทพเทวายังขอร่วมสร้างบารมี"

ต่อไปนี้...เรื่องที่ผมจะเล่าให้เหล่าศิษย์ในองค์ หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ทุกท่านได้อ่านคือเรื่องจริง ที่ทางผมและอีกหลายท่านได้พบเห็น และอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิจารณญาณของแต่ละท่าน ที่อาจมีความเห็น ความคิดแตกต่างกันไปครับ...ขออนุญาตเข้าเรื่องดังกล่าวครับ

เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ ที่ 9-10 ก.ค. 59 ที่ผ่านมา
องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ได้รับกิจนิมนต์ทาง กทม.
ซึ่งได้เดินทางออกจากวัดในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 9 ก.ค. 59 ในอาการที่ธาตุขันธ์ของหลวงปู่ไม่ค่อยสบายนัก ก่อนขึ้นรถก็มีอาการไอถี่ๆ ไม่สบายตัวสักเท่าไร

ช่วงบ่ายของวันเสาร์ ด้วยความเมตตาของท่าน ท่านได้เมตตาไปโปรดลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ที่ได้เปิดร้านค้าทำธุรกิจ ย่านมีนบุรี ซึ่งร้านค้าดังกล่าว เป็นร้านที่อยู่ในตลาดนักจตุจักรโครงการ 2 และค่อนข้างมีคนพลุกพล่าน ทั้งผู้ขายสินค้าและผู้ที่เข้ามาเดินซื้อสินค้าในตลาดนั้น

ซึ่งปกติปฏิปทาขององค์ หลวงปู่บุญส่ง จะไม่เข้าไปเดินในตลาด ซึ่งไม่ควรแก่สมณวิสัย แต่ด้วยความเมตตาของหลวงปู่ หรือด้วยญาณวิถีที่ท่านอาจทราบเรื่องราวบางอย่างล่วงหน้าก็เป็นไปได้ ท่านก็เมตตาไปที่ร้านดังกล่าว เพื่อเจริญพระพุทธมนต์ให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่สถานที่นั้น

ในขณะที่ท่านเจริญพระพุทธมนต์และเมตตาทำน้ำมนต์เพื่อไว้ประพรม ตามปกติ ของท่าน ก็มีผู้คน ร้านค้าต่างๆ ในตลาดนั้น เข้ามานั่งฟังท่านสาธยายพระพุทธมนต์บทธัมจักรฯ และทยอยร่วมถวายปัจจัยสร้างโบสถ์ กันเป็นระยะๆ ก็มีพี่ผู้หญิงท่านนึง
มารับน้ำพระพุทธมนต์ในช่วงที่หลวงปู่ให้พร และกำลังจะเดินทางกลับสู่ที่พักที่ย่านลาดพร้าว

ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า พี่ผู้หญิงท่านนั้น ระหว่างที่นั่งฟังรับพรจากหลวงปู่ ได้ถูกน้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่ได้พรมออกมาโดนตัว ก็เกิดอาการอยากอาเจียน และได้ออกไปอาเจียนถึง 3 รอบ และก็ไม่ได้เข้ามาในร้านนี้อีก จนหลวงปู่ได้ลาญาติโยมขอกลับยังที่พัก

ระหว่างที่หลวงปู่บุญส่ง นั่งอยู่บนรถตู้ ที่เคลื่อนออกจากตลาดแห่งนั้นได้สักระยะ เรียกได้ว่า ยังไม่พ้นถนนหน้าตลาดดี ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้าที่เครื่องของน้อง ติ๊ก Tik promchot
ปลายสายได้พูดมาว่า น้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่ทำไว้ คนในตลาดก็ได้มาแบ่ง มาขอกันไป แต่พี่ผู้หญิงท่านนั้นแหละเอาไปดื่ม เกิดร้องลั่น ดิ้นพล่านๆ ตัวสั่น เหมือนไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งๆ ก่อนมาฟังหลวงปู่เจริญพระพุทธมนต์ ก็ยังปกติดีอยู่ ระหว่างที่ปลายสายได้สนทนาอยู่ เสียงร้องของพี่ผู้หญิงท่านนั้นก็ยังเล็ดลอดออกมาตามสายให้คนที่อยู่ในรถตู้ได้ยิน และได้รับรายงานต่อว่า น้ำพระพุทธมนต์ในขันนั้น ได้เกลี้ยงหายในพริบตา...

อีกพักใหญ่น้องติ๊กได้รับสายว่า ช่วงเย็นพี่ผู้หญิงท่านนั้นและครอบครัว ตลอดจนผู้อยู่ในตลาดนั้นบางท่าน จะขอเข้ากราบองค์หลวงปู่ ณ ที่พักที่ได้แจ้งไว้

เมื่อถึงเวลาช่วงเย็นสัก 6 โมงกว่าๆ เกือบทุ่ม ก็มีศิษย์หลายท่านเริ่มทยอยมากราบและถวายปัจจัยกันหลายท่าน จวบจนทุ่มกว่าๆ
พี่ผู้หญิงท่านนั้นและครอบครัวได้มาถึงตามที่ได้นัดหมาย และเข้ากราบหลวงปู่ในที่พัก ร่วมกับศิษย์คนอื่นๆ ที่มากราบล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อพี่ผู้หญิงท่านนี้มา ก็มานั่งต่อหน้าหลวงปู่ เพื่อฟังหลวงปู่แสดงธรรม ฟังไปสักพักก็เกิดอาการสั่น พนมมือสั่นไปหมดเหมือนที่เราๆ เคยเห็นว่าคนนั้นมีเทพ มีองค์ ทรงเจ้าประมาณ นั้น ก้มกราบหลวงปู่อย่างงดงาม ครอบครัวของพี่ผู้หญิงท่านนี้ก็ตกใจ เพราะปกติไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ ในชีวิตประจำวันก็ใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนคนทั่วไป ไม่เคยมีอาการหรือแสดงอาการแบบนี้ออกมาให้เห็นเลย จนกระทั่งมาพบหลวงปู่ และได้ดื่มน้ำพระพุทธมนต์ของหลวงปู่

หลวงปู่ก็ได้สอนว่า ให้ตั้งสติเอาไว้ให้ได้ อย่าให้สิ่งใดมาเหนือกว่าจิตใจและสติของเรา ผู้ที่เข้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ และมีสติมั่นคง สิ่งใดๆ ก็ไม่สามารถมาครอบงำได้

ผ่านมาสักระยะหนึ่ง อาการของพี่เขาก็ค่อยๆ เบาลง ก้มกราบหลวงปู่ตอนให้พร ต่อจากนั้นพอพี่ผู้หญิงออกมาจากห้องที่ต้อนรับคณะศิษย์ก็เริ่มมีอาการอีกหนึ่ง ร้องอยากได้เหรียญของหลวงปู่ อยากทำบุญเหรียญเพื่อนำเงินไปสร้างโบสถ์กับหลวงปู่
ทางผมก็ได้ดำเนินการให้ร่วมบุญไปตามความต้องการ แต่เรื่องราวยังมิได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น....เมื่อพี่ผู้หญิงท่านนั้นได้รับเหรียญไปก็ออกอาการดีใจ ร้องว่าคล้องเลยๆ ทางครอบครัวพี่ผู้หญิงคนนั้นก็รีบกุลีกุจอ พยายามจะหาวิธีนำเหรียญนั้นคล้องให้ได้ แต่เนื่องจากเหรียญหลวงปู่บุญส่ง เป็นเหรียญที่ไม่ได้เจาะห่วง ทำให้ไม่สามารถคล้องได้...ต้องอธิบายให้พี่ผู้หญิงท่านนั้นฟังสักพักนึง จนเข้าใจและสงบอาการลงมา....หลังจากนั้นครอบครัวนี้ก็ได้พาพี่ผู้หญิงท่านนั้นกลับบ้านในที่สุด

จะเห็นได้ว่า จากเรื่องราวที่ได้เล่าให้ทุกท่านได้อ่านพอสังเขป บางท่านอาจมีมุมมองหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป

แต่ในส่วนตัวผม ผมคิดว่ายังมีเรื่องราวต่างๆบนโลกใบนี้ที่เรายังไม่รู้อีกมาก บางเรื่องก็เกินวิสัยที่ปุถุชน คนอย่างเราจะหยั่งรู้ได้
แต่บางเรื่องไม่เกินวิสัยที่เกิดจากจิตอันรู้แจ้งของพระอริยเจ้าไปได้เลยครับ....

เอวังฯ...
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

มีลูกศิษย์หลวงปู่ส่งภาพนี้มาให้ผมดู 555+...ขอบคุณมากมายครับผม ลงข้อมูลมาปีกว่าๆ...ถึงจะเงียบยังไง..ก็ต้องลงข้อมูลครับ เพราะในอนาคตกระทู้ของหลวงปู่ในเวปพลังจิตคือคลังข้อมูลดีๆนี่เอง ที่จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอนในอนาคต

 

วันอาทิตย์ ที่ 22 กันยายน 2562
.
(องค์ที่68)
.
ช่วงเย็นเดินทางไปกราบทำบุญกับหลวงปู่ทวี สุทธวังโส วัดไทรใหญ่ และขอเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร
.
หลวงปู่ทวี สุทธวังโส วัดไทรใหญ่ จ.นนทบุรี – พระครูวิสุทธินนทคุณ หรือ “หลวงปู่ทวี สุทธวังโส” พระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปแห่งนนทบุรี และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่อง

วัตถุมงคลโดยเฉพาะพระราหู โด่งดังไปถึงต่างแดน อาทิ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ฯลฯ

ปัจจุบัน สิริอายุ 81 ปี พรรษา 59 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และยังเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี

อัตโนประวัติ เกิดในสกุล “ธรรมธิร” เป็นสกุลคหบดีใหญ่แห่งไทรน้อย เมื่อปี 2481 ตรงกับวันศุกร์ ในช่วงที่เกิดมานั้น ข้าวกล้าในนาออกรวงผิดปกติ ให้ผลผลิตมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ช่วยทางบ้านทำนาอยู่ระยะหนึ่ง การทำงานของท่านเป็นเรื่องประหลาด เพราะผลผลิตที่ทำได้มากขึ้นกว่านาแปลงอื่นเสมอๆ พ่อของท่านตอนแรกไม่เชื่อ เคยทดลองให้ ทำนาแยกแปลงกับพี่ๆ น้องๆ ญาติมิตร นาแปลงที่ท่านทำได้ผลผลิตสูงมากกว่าคนอื่นถึง 2 เท่า จึงได้ชื่อว่า “ทวีทั้งชื่องอกงามทั้งภารกิจ”



เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้รับการอุปสมบท มีพระมงคลนนทเขต (หลวงพ่อแจะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เสริม ฐิตสาโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สนั่น ฐานิสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พุทธวังโส” ซึ่งแปลว่า “ผู้บริสุทธิ์แห่งพุทธวงศ์”

อยู่รับใช้พระอุปัชฌาย์ พร้อมเรียนสรรพเวทวิทยา กับพระอุปัชฌาย์ ที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่เผือก วัดโมลี

จากนั้นได้จาริกไปจำพรรษาที่วัดพุทธิปรางค์ปราโมทย์ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ในช่วงเวลานี้เองที่ได้เห็นอานุภาพของ กะลาราหูของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม จึงเดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อน้อยที่นครปฐม

แต่หลวงพ่อน้อยมรณภาพแล้ว จึงกราบนมัสการฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อปิ่น วัดศรีษะทอง โดยเจอกันครั้งแรกหลวงพ่อปิ่นบอกว่า หลวงพ่อน้อยท่านสั่งไว้ก่อนมรณภาพว่า “พระหน้ากลุ่มจะมาเรียนวิชาให้ไปนั่งสมาธิที่อัฐิของท่าน ท่านจะเป็นผู้สอนวิชาพระราหูให้เอง”

หลวงพ่อน้อยมาสอนให้ในนิมิตด้วยญาณวิถี สามารถเรียนกันได้จนจบหลักสูตรในวิทยาคม จากนั้นหลวงปู่ทวีได้อยู่กับหลวงพ่อปิ่น ผู้เป็นศิษย์เอกหลวงพ่อน้อยอีกหลายปีเพื่อเรียนวิชาเพิ่มเติม ออกจากวัดศรีษะทองแล้ว ได้ไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ต่ออีก

จวบจนอายุ 26 ปี เดินทางกลับนนทบุรี มาเป็นเจ้าอาวาสวัดมะสง พร้อมทั้งมาเรียนวิชาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง, หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง, หลวงพ่อเหรียญ วัดบางระโหง, หลวงพ่อสาย วัดบางรักใหญ่


บางช่วงยังเดินทางไปเรียนวิชาสาย สมเด็จพระสังฆราช (แพ) กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ด้วย

ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี

สานุศิษย์กล่าวกันว่า ชื่อหลวงปู่ทวี เป็นมงคลนาม และท่านชอบให้พรญาติโยมว่า “ขอให้ร่ำรวย ร่ำรวย ไม่เจ็บไม่จน มีเงินทองใช้เยอะๆ นะ”

เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมะสง หมู่ 6 ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ในช่วงนั้น ท่านพัฒนาวัดมะสง ซึ่งอยู่กลางทุ่งนา จนเพียบพร้อมด้วยเสนาสนะอุโบสถ ศาลาการเปรียญ, หมู่กุฏิสงฆ์, หอระฆัง, หอสวดมนต์ ซื้อที่ดินขยายเขตวัด ให้มีถึง 50 ไร่ เป็นต้น

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2548 เป็นเจ้าคณะอำเภอไทรน้อย พ.ศ.2555 เป็นเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ พ.ศ.2562 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี

สมณศักดิ์ พ.ศ.2554 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามที่ พระครูวิสุทธินนทคุณ

ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดพระธรรมวินัย และเป็นศิษย์พระเกจิดังมากมาย ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว

ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธาเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไม่ขาดสาย

สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคศรัทธาก็นำมาพัฒนาวัด สร้างสาธารณูปโภค สาธารณูปการ รวมทั้งบริจาคสาธารณกุศลช่วยชุมชน

จึงได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสาธุชนชาวเมืองนนทบุรี

 

(องค์ที่ 69 และ 70)
.
หลังจากนั้นก็มาเดินทางมาวัดใหม่เสนา ทำบุญเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ และถือโอกาสเข้ากราบหลวงปู่วงศ์ สุภาจาโร วัดป่าแก้วเจริญธรรม จ.สกลนคร และพระราชสุเมธี(หลวงปู่เหลี่ยม สุจิณโณ) วัดภูตูมวนาราม จ.เลย ทั้งนี้ได้ขอเมตตาหลวงปู่ทั้ง2 อธิษฐานจิตกล่องมวลสารด้วย

 

วันอังคาร ที่ 24 กันยายน 2562
.
ช่วงหัวค่ำเดินทางเข้ากราบหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร นำดินน้ำมันที่ปั้นย่อรูปหลวงปู่มาขอเมตตาให้หลวงปู่เขียนก่อนที่จะนำไปใส่กรอบและรอถวายให้วัดในโอกาสข้างหน้าต่อไป และขอเมตตาหลวงปู่จารแผ่นทองเหลืองทองแดงไว้ใช้สำหรับทำประโยชน์กับพระพุทธศาสนาในกาลข้างหน้า หลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิตแผ่นทองเหลืองทองแดงให้ด้วย
.
แถมโชคดีได้น้ำที่หลวงปู่ใช้สรงน้ำและเช็ดตัว รวมทั้งได้โลมาธาตุ ซึ่งก็คือขนหนวดจากเครื่องโกนไฟฟ้าของหลวงปู่ และจะนำมาใส่เป็นส่วนผสมมวลสารของวัตถุมงคลรุ่นปลดหนี้ต่อไป

 

วันพฤหัส ที่ 26 กันยายน 2562
.
(องค์ที่71)
.
หลังเลิกงาน...ช่วงหัวค่ำเดินทางมาวัดกัลยาณมิตรเพื่อเข้ากราบพระอาจารย์ญาวิไชย สำนักสงฆ์ห้วยม่วงใหม่ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พอดีท่านลงมากรุงเทพเลยถือโอกาสเข้ากราบท่าน ท่านเมตตาจารแผ่นทองเหลืองและอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้ พอท่านจับกล่องปุ๊ปก็เอ่ยปากบอกทันทีว่า "เสกมาหลายที่แล้วนิ" และได้มีพูดคุยบอกกล่าวเกี่ยวกับกล่องมวลสาร และมีเอ่ยถึงพ่อแม่ครูอาจารย์บางองค์ที่ปลุกเสกกล่องมวลสารมาก่อนหน้านี้ ได้ฟังๆท่านเอ่ยถึงหลายเรื่อง ต้องยอมรับว่าญาณทรรศนะท่านแจ่มใสจริงๆ ก่อนออกมาเจอพระที่วัดกัลยาบอกว่าได้ยินเราคุยกับครูบาญาวิไชยว่ากำลังจะสร้างพระ เลยอยากร่วมบุญด้วย โดยนำปูนที่พอกองค์หลวงพ่อโต(ซำปอกง) วัดกัลยาณมิตร มามอบให้เพื่อไว้ทำเป็นมวลสาร

 

วันอาทิตย์ ที่ 29 กันยายน 2562
.
(องค์ที่72)
.
กราบและร่วมทำบุญกับพระอาจารย์ช่วง วัดอาวุธ ขอเมตตาท่านจารแผ่นทองเหลืองและอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านเมตตาบอกเรื่องราวในอนาคตบางอย่างให้ฟัง ถ้าเป็นจริงถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ

 

นั่งเช็คๆรายชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้ เช็คไปเช็คมาตกไป 2 องค์555+

 

ขออนุญาตย้อนหลังนะครับ
(องค์ที่ 73)
.
วันอาทิตย์ ที่ 11 สิงหาคม 2562
ตื่นแต่เช้าเดินทางมาถวายภัตตาหารเช้าแด่หลวงปู่ผา วัดไตรสามัคคี พร้อมทั้งถวายปัจจัยทำบุญกับท่าน อีกทั้งขอเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านเป็นพระที่นิ่งสงบ ดูมีบารมีมากๆแต่สัมผัสได้ถึงเมตตาของท่าน

 

(องค์ที่ 74)
วันอาทิตย์ ที่ 11 สิงหาคม 2562
ช่วงสายๆพาแม่มาถวายปัจจัยและผ้าไตรจีวรแด่หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา พร้อมทั้งขอเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้ประมาณ 20 นาที สมคำร่ำลือที่ได้ยินมานานหลายปี มักมีแต่คนพูดถึงถึงจิตที่แก่กล้าของท่าน วันนี้ได้เห็น... เป็นบุญตาจริงๆ