แชร์ผลการปฏิบัติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฐสิษฐ์929, 13 มิถุนายน 2014.

  1. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    แชร์อรูปฌานในฌานสมาบัติที่๗

    ขอย้อนไปที่ฌานที่๖นิดหนึ่ง ในฌานนี้เห็นการเกิดดับของนิมิตรหรือนามรูป หรือตัวสังขาร เมื่อเทียบกับวิปัสสนาฌาน๙ ก็เท่ากับอุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ญาณที่๑ แต่วิปัสสนาฌาน๙จะเป็นการอธิบายขยายความของอรูปฌานอย่างละเอียดขึ้นไปอีก ซึ่งระหว่างฌานที่๖ ถึงฌานที่๗ ของฌานสมาบัติจะเท่ากับวิปัสสนาฌาน๙ ในญาณที่๑ ถึงญาณที่๗ ส่วนฌานที่๘ และที่๙ ของฌานและญาณเป็นลำดับเดียวกัน ในส่วนของสติปัฏฐานสี่นั้นผมทวนอีกครั้งให้ว่ารูปฌาน๑-๔เป็นกายานุปัสสนาและเวทนานุปัสสนา การส่งเข้าอรูปฌานใช้ตัวเวทนานุปัสสนา เมื่อเข้าอรูปแล้วเป็นจิตตาและธรรมมานุปัสนาไปจนถึงฌานที่๘ ส่วนฌานที่๙เป็นเนื้อของธรรมมานุปัสสนา
    ขอย้ำว่าการปฏิบัติมีเพียงอย่างเดียวแต่การอธิบายนั้นจะว่าไปทางใดก็ได้ทั้งสิ้น ในชั้นนี้ผมขออธิบายในลักษณะของฌานสมาบัติเป็นหลัก
    ในฌานที่๗นี้ก็ต่อเนื่องมาจากฌานที่๖ การเห็นนิมิตรของฌานที่๖นั้นจะเห็นเป็นเรื่อง เป็นเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง สำหรับผมที่เห็นแต่ละครั้งประมาณ๑-๒นาที พอรู้ว่าเป็นอย่างไรสติก็จะระลึกรู้ว่าเพ่งอยู่นิมิตรที่เห็นก็ดับไป พอต่อไปสติก็เกิดเร็วขึ้น มันก็ดับเร็วขึ้น ในฌานที่๗ มันจะเห็นแต่ความดับเป็นหลัก มันเกิดเร็วมากมันมาแบบต่อเนื่อง ไม่เหมือนฌานที่๖มันค่อยๆมาทีละเรื่อง เปรียบเทียบสภาพจิตใจก็ต่างกันระหว่างสองฌานนี้ ฌานที่๖เป็นลักษณะตื่นเต้นหวาดเสียวน่ากลัวเป็นหลัก ส่วนฌานที่๗เป็นลักษณะเบื่อหน่าย เบื่อโลกเอามากๆ
    เมื่อออกจากฌานมาอาการเบื่อโลกก็ยิ่งปรากฏชัด เห็นคนพูดคุยกันแต่ละเรื่องล้วนน่าเบื่อซ้ำๆซาก บางเรื่องคุยกันไม่รู้กี่รอบเป็นกี่รอบ น่าเบื่อจริงๆ มาถึงฌานนี้ ไม่อยากพูดอะไรกับใครเลย เบื่อพูดเบื่อคุย เบื่อความซ้ำๆซาก แม้นฟังเพลงยังไม่เพราะเลย เพลงก็เหมือนคนพูดหรือบ่นอยู่คนเดียว ฟังแล้วน่าเบื่ออย่างยิ่ง เวทนาก็เกิดกับร่างกายมากขึ้นไม่รู้มันมาจากไหนน่าเบื่อจริงๆ
    อารมณ์ฌานที่๖เมื่ออกจากฌานจะเห็นสิ่งต่างๆ ล้วนเป็นโทษเป็นภัย เห็นการกระทำต่างของคนเราเป็นไปในลักษณะเป็นโทษเป็นภัย ตัวเราก็จะเป็นแบบทำอะไรก็ระมัดระวังไปซะทุกเรื่อง กลัวโทษกลัวภัยที่เกิดขึ้น แต่ไม่ถึงกับวิตกจริต เพียงแต่ระมัดระวังมากขึ้นกว่าปกติในการที่จะทำหรือพูดอะไร ฌานที่๖นี้ศีลข้อ๔ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เวทนาที่เห็นมันเป็นในร่างกายตัวเองก็น่ากลัว กลัวที่มันเป็นและกลัวที่จะมันเป็นเพิ่มมาอีก

    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2014
  2. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    แชร์อรูปฌานสมาบัติ-ฌานที่๘

    ในฌานสมาบัติมีทั้งหมด๙ฌาน ฌานที่๙เป็นฌานที่บรรลุสู่อริยะชน ซึ่งผมไปยังไม่ถึง ระดับฌานที่๘ สภาวะก็ต่อเนื่องมาจากฌานที่๗ นิมิตรไหลมาเร็วมาก สติระลึกกลับมาเพ่งแทบไม่ได้ ตรงนี้เราก็เพ่งใส่ตัวนิมิตรเลย หากต่อยมวยก็เหมือนรัวมัดใส่กันไปเลยใครดีใครอยู่ เพ่งใส่ถูกไม่ถูกไม่รู้ มันดับหรือยู่ก็ไม่รู้ มันนัวเนียกันไปหมด บังคับให้ต้องฮึดตลอด สภาวะมันถี่ยิบ เวทนามันก็ไม่รู้มาจากไหนเอาว่าเป็นไปจนทั่วร่างกาย พอออกจากฌานร่างกายเหมือนกับเป็นไข้หวัดใหญ่ ตัวร้อนมาก บางครั้งผมก็ไปกินยาเพราะคิดว่าป่วย แต่มันไม่ใช่ มันเป็นอย่างนั้นเอง
    หลายท่านว่าผมปฏิบัติฌานเพราะบ้าในฤทธิในเดช มันคนละเรื่องกันเลย ตอนนี้นอกจากจะไม่มีฤทธิแล้วตัวเองก็แทบจะไปไม่รอด แต่ก็แปลกไม่ว่าจะเป็นรุนแรงดูว่างานนี้ต้องนอนแน่ๆ คงลุกไปไหนไม่ไหวแน่ๆ แต่พอออกจากฌานก็ลุกไปไหนมาไหนได้
    สติแก้กล้ามาก เพ่งใส่สภาวะดับทันที จะว่าผมเพ่งใส่ก็ไม่เชิงนะครับมันเป็นเอง การปฏิบัติผมเพียงประคองอารมณ์ฌานเท่านั้น สภาวะต่างๆเหมือนเป็นแบบอัตตโนมัติ
    สภาวะจิตใจเมื่ออกจากฌานเป็นไปแบบอุเบกขาค่อนข้างมาก มองร่างกายตัวเองแบบว่าไม้ผุๆท่อนหนึ่งที่มันพร้อมจะแตกสลายได้ตลอดเวลา เห็นเขาทุกข์ก็ไม่ทุกข์ตามเพราะทุกข์เรายิ่งใหญ่กว่า เห็นเขาสุขก็ไม่สุขตามเพราะเห็นความทุกข์ ความไม่เที่ยงตั้งอยู่ต่อหน้าตลอดเวลา ความกำหนดจดจำในสิ่งต่างๆลดลงอย่างมาก ความจำมันก็ทุกข์ มันก็ไม่จะจำอะไร สภาวะแทบทุกอย่างมันมีเหลือน้อย มองเห็นการกระทำของผู้อื่นล้วนไร้สาระทั้งสิ้น แต่เห็นก็เบื่อๆไป และวางเฉยไปเอง
    โดยอาชีพของผมต้องจดจำในสิ่งๆ ค่อนข้างมาก เมื่อจดจำอะไรไม่ได้ ปัญหาในการประกอบอาชีพก็เกิดขึ้น ความจำของผมมันดับให้เห็นเป็นระยะๆ ประมาณนับ๑-๕ ต่อการดับ๑ครั้ง แค่ว่าจะลุกไปดื่มน้ำ พอลุกขึ้นได้จะเดินไปก็ลืมแล้ว ต้องมานึกใหม่ว่าจะไปทำอะไร การใช้ชีวิตในแบบคนทั่วไปลำบากมาก ไม่แปลกใจเลยทำต้องบวชเป็นพระ เพราะมีภาระน้อย ปฏิบัติได้ง่ายกว่า
    ระดับการแชร์ผมก็ได้แชร์ในขั้นสูงสุดที่ผมสามารถทำได้ ก็หวังให้เป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจทุกท่าน ผมมาด้วยธรรม ไม่มีจิตอื่นใดแอบแฝง ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ผู้ใดสนใจสอบถามมาจะตอบให้ กรุณาอย่าเปิดตำราถามเพราะมันไม่ได้ประโยชน์อะไร เอาสภาวะการปฏิบัติมาถาม ตรงนี้จึงจะได้ประโยชน์ สำหรับท่านที่ติติงผมมาก็ขอขอบคุณทุกๆท่าน ผมมาตรงนี้ไม่มีอะไร ไม่หวังอะไร เพียงแต่จะให้เป็นแต่ประโยชน์ในทางธรรมแก่ผู้ปฏิบัติเท่านั้น
    เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2014
  3. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +628
    ธรรมนี้สำหรับผู้มีบารมีธรรม จึงจะเห็นถึงความสำคัญจับประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ คนที่ไม่เห็นประโยชน์ก็ต้องดำเนินไปตามแนวทางของเขาอยู่นั่นเอง จะถึงไม่ถึงซึ่งความพ้นทุกข์ก็แล้วแต่เขาแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัตตังอยู่แล้ว ใครลงมือทำตามที่แนะนำไปจึงจะเห็น แต่ไม่ได้ลงมือทำก็ไม่เห็นเป็นแน่แท้...
     
  4. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    สังโยชน์ทั้งหมดของผมอยู่ครบ แต่มันจะอยู่อย่างไรแบบไหนยังไม่รู้ ไปยังไม่ถึงขอไม่ขอเอ่ยถึง ที่ตรงนี้ผมเอาแต่ที่รู้เห็นแล้วเท่านั้น
    เจริญในธรรม
     
  5. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ตามคำถามนี้ผมได้ตอบไปแล้วแต่ยังไม่ครบทุกประเด็น จึงขอตอบเพิ่มเติมตามคำถามนี้
    "เกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างไร จึงบรรลุธรรมครับ ช่วยสรุปได้ไหมครับ"
    การปฏิบัตินี้ก็คือการเพ่งฌานสมาบัติ โดยเพ่งที่จุดมโนทวาร(บริเวณกลางใบหน้า ระหว่างลูกนัยตาทั้งสองข้าง ที่จุดดั้งจมูกหัก) ที่จุดนี้หลวงปู่แสดงว่าเป็นทางเข้าออกของความคิด ของจิต ของใจ ซึ่งกิเลสมันก็อยู่ในความคิด ความทุกข์เกิดก็เพราะมันคิด ความคิดนี้ละเป็นสมุทัย การดับทุกข์จึงต้องดับที่ความคิดอันเป็นเหตุแห่งทุกข์
    การบรรลุธรรม ส่วนนี้เป็นผลของการปฏิบัติ ตรงนี้จะสรุปไปตามขั้นของฌาน
    ระดับรูปฌาน ตั้งแต่ฌานที่ 1-4 เมื่อเพ่งจี้ที่จุดมโนทวาร เริ่มแรกจะเข้าได้ยาก จะมีพลังบางอย่างต่อต้านออกมาโดยตลอด พอเข้าได้ก็เกิดมีเวทนา ปวดหัวมึนงง พอเข้าจี้ติดก็เกิดเวทนาที่จุดมโนทวารอีก เวทนานี้จะเป็นอยู่เกือบตลอดเวลาที่เพ่ง ต่อๆไปก็เป็นตลอด เวทนานี้จะกว้างบางครั้งก็เต็มใบหน้า ต่อไปจะลดลงเรื่อยๆ จนเล็กแหลมเข้าที่จุด
    ระดับอรูปฌาน จะไม่เห็นรูปร่างกายที่นั่ง แต่เวทนาที่จุดจะเห็น การปฏิบัติก็เพ่งเข้าที่เวทนา ในชั้นอรูปฌานไม่เห็นรูปร่างกายที่นั่ง แต่จะเห็นเป็นรูปนิมิตรแทน คล้ายกับความฝันแต่เป็นเหมือนว่าเกิดขึ้นจริงๆกับเรา ระดับการเห็นแต่ละฌานผมก็ได้แสดงไปแล้วถึงฌานที่8
    ระดับฌานที่9จะเกิดสภาพดับของความคิด ในสภาวะการดับนี้เรียกว่ามรรค หากดับแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์ โดยเกิดผุดขึ้นระหว่างความคิดดับ(ไม่ใช่คิดเอา)ตรงนี้เรียกว่าผล การดับมากหรือน้อยก็เป็นผลให้บรรลุพระอริยะบุคคลแตกต่างกันไป ระดับการดับของพระโสดาบัน-อนาคามี ประมาณ 3-5 นาที พระอรหันต์ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงขึ้นไป
    จะรู้ว่าบรรลุหรือไม่ให้ดูว่าขณะความคิดดับแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์หรือไม่ หากไม่ก็ไม่ใช่ หากว่าใช่แล้วจะรู้ว่าบรรลุระดับใด ก็ต้องมาเทียบกับที่พระพุทธองค์แสดงไว้ว่าแต่ละชั้นว่าละสังโยชน์ได้เท่าไร สำหรับพระอรหันต์ท่านรู้ได้เลยโดยไม่ต้องมาเทียบ
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...