แผนธุรกิจเทียนหอม

อยากให้เพื่อนสมาชิกทุกๆท่านช่วยแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะแนวทางเกี่ยวกับธุรกิจเทียนหอมด้วยครับ เช่น วิธีการทำเทียนหอม อุปกรณ์ในการทำ การจัดจำหน่าย สถานที่จำหน่าย กลยุทธ์ต่างๆที่จะสามารถทำให้ธุรกิจเทียนหอมนี้เจริญเติบโตได้ มีความสามารถเหนือคู่แข่งขันได้



ขอขอบพระคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

 

ไม่ทราบว่าตอนนี้มีใครช่วยตอบคำถามเรื่องเทียนหอมให้ผมได้บ้างครับ

 

ผมทำงานเกี่ยวกับการทำเทียนหอมให้บริษัทฝรั่งครับ / คือตอนนั้นฝรั่งมี 2 คน คนมาเลย์ 1 คน / คนไทย 2 คน/ โดยคนไทยคนแรกชื่อนิด ส่วนคนที่สองคือ ผมเอง โจ / ตอนนั้นผมเป็นพนักงานคนที่สองของบริษัท จึงเริ่มต้นทำทุกอย่างด้วยกันกับนายผม รวมกันแล้ว 5 คนครับ แต่ต่อมาก็มีพนักงานเพิ่มขึ้นๆ คือพวกเราก็เริ่มทำตั้งวแต่ขั้นตอนแรกถึงขั้นตอนสุดท้ายเลยครับ / ตั้งแต่ทำใส้เทียนเอง ชุบใส้เทียนเอง ผสมสุตรสมุนไพรที่ใส่เทียนหอมเอง ใส่สุตรที่ทำให้เทียนหอมมีคุณภาพดีด้วยตัวเอง ดูแลระบบอุปกรณ์เอง เทเทียนหอมใส่แก้วโอเชียนและเซรามิกซ์เอง ทำสมุนไพรเอง โดยมีผมเป้นคนตรวจสอบคุณภาพ และทุกคนก็แพคใส่กล่องเองทั้งหมด ยกขึ้นรถเอง / เมื่อมีพนักงานเพิ่มขึ้น คนไทยคนแรกคือนาย นิดและผมก็ได้เป้น system manajor มีหน้าที่ควบคุมดูแลระบบต่งๆในบริษัทโดยที่ผมเป็นคนถือกุลแจ บริษัททุกดอก และก็มีหน้าที่ตรวจคุณภาพของสินค้าครับ เพราะถ้าทำสินค้าเกรด A นั้นขายในต่างประเทศ 2000 บาท ต่อ 1 ชิ้นหรือ 1 แก้ว ครับ วันหนึ่งทำไม่มากหรอก อย่างน้อย 300 แก้ว หรือถ้าวันไหน ขยันๆก็ 500 แก้วต่อวันครับ / แต่ถ้าขายในเมืองไทยนั้น 100 บาทก้ยากแล้วครับ ถ้าจะทำเป็นธุรกิจจริงๆก้ส่งออกนอกเลย 2000 บาท ต่อ 1 แก้ว / แต่ก็ลงทุนสุงอยู่เหมือนกัน เพราะขนาดน้ำหอม ผสมยังราคา ขวดละ 1000 บาทเลย แต่ถ้าจะเอาน้ำหอมที่เป็นหัวน้ำหอมจริงๆนะ 10000 บาท ได้ 1 ชวดเล็กๆ และถ้าขวดละ 100000 บาท ก็ใหญ่มาหนหน่อย ที่ทำแบบสุดยอดนะเงินล้านเดียวลงทุนไม่อยู่หนอก แต่ถ้าทำแบบที่เขาพอขายได้ในตลาดนอก ก็ลงทุน ซื้อ น้ำหอมขวดละ 1000 บาท ต่อ 1 กลิ่น 10 กลิ่น ก็ 10000 บาท เทียนก็ต้องเอาเทียนที่มันมีคุณภาพดีๆหน่อย ก็มีขายตามร้านขายส่ง บีเเว็ก ก็ไม่แพง ซอยแว๊กก็ไม่แพง สมุนไพรอันนี้เขาจะกลั่นออกมาอีกทีหนึ่งซึ่งขั้นตอนนั้น มีน้อยคนที่รุ้ แต่ผมก็เคยทำมาบ้าง แต่เสียดายที่จำตัวยาไมได้ แต่รุ้วิและขั้นตอนทำอยู่ และที่สำคัญ น้ำมันพืชก้ต้องมี กลิ่นอมตะที่ต้องมี กลิ่นกุหลาบ กลิ่นตะไคร่หอม ลีลาวดี สาระพัดกลิ่น ใช้เตาแกส ประมาณ 4 เตา คือ เตาแรก ใช้ต้มน้ำร้อนๆเพื่อใช้ล้างคราบเทียน เตาที่สอง สำคัญาก คือเตาที่ใช้ต้มละลายเทียน และหม้อที่ใช้ใส่เทียนได้ซึ่งจะใหญ่เท่าโอ่งมังกรเลยทีเดียว มีก๊อก มีอะไรอีกมากมาย ซึ่งข้างในหม้อก็มีดครงสร้างที่ต่างจากหม้อต้มธรรมดามากคือ มีสองชั้น ชั้นนอกสุด ใส่น้ำไว้รอบๆ ชั้นที่อยู่ข้างในก้ ใส่เทียน ซึ่งต้องใส่เป็นกิโลกรัมครับ ส่วนมากจะใส่ 100 กิโลกรัม หม้อมันคล้สยๆหม้อก๋ยเตี่ยวครับ แต่มีก๊อกสองก๊อก ก๊อกแรกก็ระบายน้ำร้อนๆที่อยู่รอบหม้อออก ก๊อกที่สองก็ใช้ระบายเอาเทียนที่ต้มออก แต่ต้องใช้ตัวกรองด้วยนะครับ ใช้ผ้าปิดที่ก๊อกและใช้ผ้าขาวบางทับลงในตะรแกรงอีกที เพื่อกรองเอาสิ่ง สกปรกออกครับ จากนั้นจึงเอาไปใส่ เตาที่ 3และ 4 เพื่อผสมสูตรต่างๆครับ และพอได้ที่ ก็เอามาเทใส่ แก้วหรือเซรามิก แต่ไม่ใช่แก้วะรรมดานะครับ แก้วทนความร้อนจากโอเซียน หรือถแก้วเซรามิก เพราะแก้วะรรมดาจะแตกร้าว การเทนั้นต้องดูที่ความร้อนด้วย ถ้าเทตอนร้อนๆจะดีมาก แต่ถ้าเทียนเริ่มอุ่นๆแล้วเทไม่ดีเพราะจะแข้งตัว และการจัดเรียงโมเลกุลไม่ดี ทพให้เป้นเทียนที่สียไปเลย จะขายไมได้ ดังนั้น 1 แก้ว หมายถึง 2000 บาท ก้ต้องทำให้ดี / คือในบริษัทของเราทำงานส่งให้กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งอีกทีครับ บริษัทใหญ่นั้น ชื่อ ลักกี้ไทยแลนด์ / ซึ่งบริษัทนี้ทำส่งออกต่างประเทศ ไปฮ่องกง ไต้หวัน เมกา และยุโรป / ซึ่งต่างประเทศที่เขาซื้อไปนั้นก็เอาไปไว้บริการลูกค้า ในโรงแรมและสปาครับ ดังนั้น คุณสามารถติดต่อโรงแรมหหรหือสปา ในการจำหน่ายได้ครับ แต่ถ้าจะให้ดีก็ต่างประเทศเลย 2000 บาทต่อ 1 แก้ว แต่ถ้ามนประเทศไทย ไม่เกิน 150 บาท ครับ

 

เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน สมัยที่ เทียนหอมยัง ดัง
ผมเคย ส่งเทียนหอมไปขาย ที่ต่างประเทศ แต่
ผมเป็นเที่ยนที่ หล่อจากการใช้แม่ พิมพ์ ทำให้รูปลักษณ์
อาจไม่เด่น เท่า เทียนหอม ที่ใช้ วิธีแบบ แกะสลัก ทำให้หลัง
จากนั้น อีก 1 ปีต่อมา ผมได้ปิดตัวลง การทำธุรกิจเทียนหอมไป
ต่างประเทศ ชอบงาน ที่ทำด้วยมือเอง มากกว่า แต่ ดูผลตอบรับ
แล้ว ไม่คุ้ม ในหลายๆๆอย่าง เลย หยุดทำไป แบบถาวร

เพราะในตอนนั้น ตลาดจีน รุกหนักมาก ทั้ง รูปลักษณ์สินค้า
ราคา เมื่อผมลอง บวก ลบ ดูแล้ว เราสู้จีนได้ยากจริงๆๆ
คิดดูนะครับ ถ้าจะรวมๆๆ โรงงานไทย ที่ผลิตเทียน ผมว่าไม่น่าจะ
เกิน 1000 โรงงาน แต่ละโรงงาน มีคนคิด ออกแบบ ผมให้ โรงละ
2 คน รวมๆๆ ทุกๆๆวันจะมีคนไทย ออกแบบ ใหม่ๆๆ วันละ 2000 คน
หรือ ประมาณ 2000 แบบ ต่อวัน (ออกแบบ+ลงมือทำ)

แต่ที่ เมืองจีน มีโรงงาน ผลิตมากถึง 2-3 หมื่นโรงงาน ทั้งโรงงานเล็ก
โรงงานน้อย โรงงานหลบ โรงงานใหญ่ พวกเขาคิด ออกแบบ กันทุกวัน
ภายในหนึ่งวัน จะมีแบบใหม่ๆๆ ประมาณ 5 หมื่นแบบ ต่อวัน ==! แถม
วัตถุดิบ ราคาถูกมาก มีวัตถุดิบ ให้เลือก มากนับ หมื่นๆๆ ค่าแรง ก็ถูกมาก
พวกเขาทำงานกัน 7 วัน ไม่มีหยุด บางโรงงาน ผลิต 24 ชม ตลอด

เมื่อผม ได้นำงาน เทียน ไม่ว่าจะโรงงานไหนๆๆ ในเมืองไทย ไปเสนอ
ต่างชาติ ผมมีแบบไปเสนอ ประมาณ 100 แบบ เห็นจะได้ ทั้ง ฝรั้งและ
เอเชีย ต่าง เอา สมุด ผมขอใช้สมุดเลย ที่คนจีน เอาแบบ มาทิ้ง ไว้ให้
ผมเลยขอเขาเปิดดู ผมตกใจ และอายจริงๆๆ ที่งานของเรา รูปแบบ ต่างๆๆ
รูปลักษณ์ เราสู้เขาไม่ได้จริงๆๆ ทั้งเรื่องราคา และ รูปลักษณ์ ผมดูในสมุด
ที่คน จีน ทิ้งไว้ให้ฝรั่ง ผมดูแล้ว ทึงมาก มีไม่ต่ำกว่า แสน แบบ เยอะจริงๆๆ
คนจีน เขาไม่ได้ทิ้งแค่ สมุกเทียน นะครับ เขาทิ้ง DVD เทียนให้อีก 1แผ่น
บรรจุ รูปลักษณ์เทียน แผ่นละ 3หมื่น รูปแบบ ==! เขาทิ้งให้ที หลายแผ่น
จัดใส่ ปกสวยงามเลย ถ้าจะเอาอะไร สั่งทาง E-mail หรือ โทรคุย


หลังจากนั้นผมไปเสนอที่ต่างๆๆ ก็จะเป็นในรูปแบบ นี้หมด คนจีน
กวาดไปเยอะมาก สุดท้ายขายได้แค่ นิดๆๆหน่อยๆๆ เลยเลิกไป

ถ้าจะให้แนะนำนะครับ ถ้าคิดว่าจะทำเทียนหอมแน่ๆๆ ผมแนะนำ
พยามหาวัตถุดิบ ไทย และรูปแบบอะไรก็ได้ ที่สื่อความเป็นไทย
ไม่ว่าจะ สมุนไพร หรือ การแกะสลักสวยๆๆ ผมว่าแบบนี้เมืองจีน
คงทำได้ยาก ดังนั้นต้อง ฉีกตราด ที่เมืองจีนทำไม่ได้นะครับ ส่วน
เรื่องวัตถุดิบ เอ้ตอนนั้น มีคนจีนพาไป ดูแหล่งวัตถุดิบ ในเมืองจีน
เยอะมากๆๆๆ เห็นอะไร แล้วก็ไอเดีย เกิดเลย แต่ผมลืมไปแล้วว่าอยู่ไหน
ไง ถ้าจะทำจริงๆๆ ลอง สอบถามไปทาง สถานฑูตจีน ดู ว่า พอทราบไหมว่า
แหล่ง หรือ โรงงาน ขายวัตถุดิบ มีขายที่ไหน เขาอาจจะช่วยได้ไม่มาก ก็น้อย



( บางท่านอาจจะทำแล้ว ประสบความสำเร็จก็ได้นะครับ )

เล่าสู่กันฟัง

 

ต่อไปจีนคือจ้าวตลาดสินค้าของโลก

 

เราอยู่ที่นิวซีแลนด์ เป็นคนนึงที่นำเทียน (ไม่แน่จว่าเป็นดทียนหอมเหรอป่าว) เข้ามาขายแต่ของเราตลาดจะเรียกว่าเจาะตลาดกลางหรือล่างก็ได้ ที่ขายดีเห็นจะเป็นเทียนดอกลีลาวดี(อันนี้ขายได้หมดขอให้เป็นดอกนี้ ไม่มีกลิ่นก็ได้) ดอกกล้วยไม้ กุหลาบ เราสั่งจากจตุจักร แพ็คนึงประมาณ ๓๕-๕๐ บาท เราขายแพ็คละ ๗๐๐บาท ที่ต้องขายแพงเพราะต้องเสียภาษีและค่าขนส่ง ซึ่งเทียนจะกินเนื้อที่พอสมควรเวลาส่งของ

ก็มีลูกค้าบางคนที่บอกเราว่าของจีนขายถูกกว่า เราก็บอกเขาไปว่า ด้านความสวยงาม ความปราณีตของเขาสู้เราไม่ได้ ของจีนฝีมือจะหยาบและลวดลายจะแลดูกระด้าง ไม่อ่อนช้อยเหมือนของไทย ลูกค้าของเราส่วนใหญจะนิยมเอาไปใช้ในงานแต่งงาน ฝรั่งส่วนใหญ่จะนิยมจุดเทียนหอมและกำยานในบ้านค่ะ

เราเคยติดต่อพวกบริษัทจีนหลายแห่งที่ขายเกี่ยวกับพวกสร้อยคอแฮนด์เมดและพวกแบเตอรี่ ปรากฏว่าไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลยค่ะ ทั้งๆที่แคตตาล็อกก็บอกว่ามีคนพูดภาษาอังกฤษได้

ยังไงก็อย่าเพิ่งท้อค่ะ อย่างที่คุญ12punna ได้บอกไว้ ต้องฉีกแนวค่ะ แต่คนจีนนี่เขาก๊อบลวดลายได้รวดเร็วมากค่ะ