แมวเหมียวมงคลฟีล์ม ภูมิใจเสนอ!"เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่"น.64

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 10 ธันวาคม 2012.

?
  1. เห็นดีด้วยและขอเป็นกำลังใจต่อไป

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่เห็นด้วยนิทานไร้สาระ งมงาย ฯลฯ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. papah00

    papah00 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +632
    เรื่องเล่าเก่าแก่แสนสนุก
    ทั้งสุขทั้งทุกข์ผสาน
    มีคติสอนใจ "ธรรมทาน"
    ขอบคุณท่าน Nornorrakuln
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มาเยี่ยมบ้านใหม่คร้า...าา คิดถึงแมวเหมียวมงคลฟิล์มหนอ ต้องมีค่าปรับที่ปล่อยให้แฟนคลับรอนานหนอ
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ชอบเรื่องโกมาลิกะนาคราชมากค่ะ
     
  4. บุษบรรณ

    บุษบรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,212
    ค่าพลัง:
    +8,603
    แวะมาทักทายค่ะแต่ยังไม่ได้อ่านเลยยาวววอ่ะ
     
  5. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ....มาเยี่ยมบ้านใหม่ค่ะ....
    .......แฟนคลับตรึม.......

    chearrchearrchearr
     
  6. bossbam10

    bossbam10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +3,601
    มาเปิดบ้านใหม่ให้เจ้าแมวเหมียวเช่นกันค่ะ
    แล้วจะค่อยๆไล่อ่านไปเรื่อยๆนะเจ้าเหมียว
    ไม่เข้าใจตัวเองเวลาอ่านเกี่ยวกับเรื่องธรรมะ
    ทำไมอ่านไม่ค่อยได้นาน เหมือนสมาธิสั้น
    แต่ถ้าอ่านอย่างอื่นอ่านได้เป็นวันๆเลยแหละ.. อิอิ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • G05.jpg
      G05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.2 KB
      เปิดดู:
      87
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    เรื่องราวของหญิงสาวต้องคำสาป ให้เธอได้รับการชดใช้หนี้กรรม
    แทนบิดามารดา ผู้ถูกความโลภครอบงำ ณ ภูเขาแห่งหนึ่ง
    ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพญางูใหญ่!
    เมื่ออดีตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เธอจึงกลับมา เพื่อล้างอาถรรพ์นี้!

    แมวเหมียวมงคลฟีล์ม
    ภูมิใจเสนอ

    เสียใจ๑.jpg

    "สาปอาริยา"

    เร็วๆนี้
     
  8. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    เรื่องใหม่เหรอ...ว้าววว...เสนอเร็วๆ นะจ๊ะ :cool:
     
  9. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    เรื่องนี้ผู้เขียนเคยได้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เล่ากันว่าเป็นภูเขาต้องห้ามมีงูใหญ่รักษาอยู่!
    แต่เรื่องราวไม่ชัดกระจ่างนัก จึงต้องใช้ความพิจารณาโดยส่วนตัว อาจล้าช้าไปบ้าง!

    ได้คุยกับชายวัยกลางคนท่านหนึ่ง สมัยแกเป็นหนุ่มๆเคยออกแสวงหาขุมทรัพย์ลึกลับ ตามถ้ำตามภูเขา!...แล้วคืนนั้นแกนิมิตรฝันไปว่า มีคนนำเครื่องประดับ เพชรนิลจินดามาให้ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องแลกกับลูกนะ! เอามั๊ย?....
     
  10. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ว้าวววว แค่เริ่มต้นก็สุดยอดแล้วอ่ะ...อย่าบอกนะว่า ชายกลางคนผู้นั้น เป็นนายพราน?
    (ขอถามนอกเรื่องหน่อยจิ จี้ หรือเครื่องประดับที่ห้อยบริเวณหน้าผากของนาคีนั้น มีความหมายพิเศษอะไรบ้างรึป่าวคร้า)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • page.jpg
      page.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.8 KB
      เปิดดู:
      43
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2012
  11. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ตามมาอ่านจ๊า ชื่อเก๋จัง สาปอาริยา :cool:
     
  12. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    อ้าววแมวเหมียวไปไหนหนอ...อยากรู้เหมือนกันจ้า ที่มุกมิกถามอ่านะ
     
  13. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    เป็นสัญลักษ์ของอุณาโลม นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว ยังหมายถึงตาที่สาม!
    คือความสามารถพิเศษใช้ในการหยั่งรู้ ในสิ่งที่ตาหยาบมองไม่เห็น!
    ในคติของคนอินเดีย อาจใช้แสดงความหมายของสาวพรหมจรรย์ที่ยังไม่ออกเรือน(หรือออกเรื่อนแล้ว ไม่แน่ใจชักลืมๆแล้ว)

    ดังเช่นเครื่องประดับต่างหู ความหมายคติของคนโบราณใช้ถ่วงหูให้ยานๆไว้ แสดงถึงความหนักแน่น อย่าหูเบา!
     
  14. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    สาปอาริยา ตอนที่๑ รู้เท่าไม่ถึงการ

    วิว๙.jpg

    สายลมรำเพยพัดผ่านท้องทุ่งกว้างมองไปไกลสุดสายตาล้วนเต็มไปด้วยสีเหลืองทองอร่าม บ่งบอกถึงฤดูการเก็บเกี่ยวมาเยื่อนอีกคราวแล้ว
    วิถีชีวิตชาวนาในพื้นที่ราบสูง จ.นครสวรรค์นั้น คงไม่แตกต่างจากชนบททางภาคอีสานเท่าใดนัก...

    ความยากจน คำนี้คงไม่มีใครปรารถนา เฉกเช่นเดียวกับครอบครัวของพุธและอาภรณ์ สองสามีผู้มีอาชีพทำนาหาเลี้ยงตนเอง...วันนั้นพุธ
    บอกกับภรรยาว่า...เขาไม่อยากมีอาชีพทำนาอย่างนี้ไปจนตลอดชีวิต คงจริงดังคำกล่าวที่ว่า "ความอดทนของบุรุษนั้น สู้สตรีเพศไม่ได้"

    อาภรณ์เห็นสามีคู่ทุกข์ยากรำพึงดังนั้น ให้ฉงนใจยิ่งกล่าวโต้ออกไปว่า..."แล้วพี่จะไปทำอะไร ความรู้เรามีไม่มากงานอื่นๆเขาคงไม่รับเราแล้ว
    อายุเราก็มากขึ้นทุกวัน" นางเอื่อนเอ่ยสุนทรวจีพอเป็นเครื่องชโลมใจ ปลอบสามีให้คลายทุกข์
    พุธมิได้ตอบคำอาภรณ์ แต่กลับทอดสายตามองออกไปยังภูเขาทมิฬขนาดย่อมๆลูกหนึ่ง มียอดแหลมตั้งตระหง่านอยู่เดี่ยวๆโอบล้อมด้วยทุ่งนาอันกว้างไกล
    กินพื้นที่หลายร้อยหลายพันไร่ อาภรณ์เข้าใจสามีได้ในทันที
    "ไม่นะพี่ เขาพระธาตุนาล้อมแห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามพี่ก็รู้!หลวงพ่อที่วัดท่านก็เคยบอกกับพวกเราทุกคนแล้วมิใช้หรือว่า เป็นสถานที่มีอาถรรพ์แรง
    ขนาดตัวหลวงพ่อเองยังมิกล้าเข้าไปภาวนาพักปักกลดใกล้สถานที่แห่งนั้นเลย เพราะมันเป็นอาณาเขตที่อยู่อาศัยของเหล่าพญานาคราชผู้มีฤทธิ์มาก"

    "ที่นั้นต้องมีทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าฝังอยู่เป็นจำนวนมากแน่นอน มิเช่นนั้นยายพริ้งแกคงไม่ไปขุดเจอกำไลทองคำเข้าเป็นแน่!"
    พุธพูดขึ้นทำนองอิจฉายายพริ้งที่ไปขุดหาปูนาเพลิน แล้วเดินหลงเข้าไปในเขตเขาพระธาตุนาล้อม ดันกลับโชคดีขุดเจอกำไลทองคำโบราณ!

    โธ่ พี่นั้นยายแกคนมีบุญ ฉันเห็นแกเข้าวัดทำบุญอยู่เป็นประจำลูกผัวก็ไม่มี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจึงบันดาลให้แกไม่ลำบากเลี้ยงตัวเองในบันปลายชีวิต
    พุธไม่ตอบโต้ภรรยา แต่กลับถอนหายใจยาวๆเหมือนกับจะระบายความอัดอั้นในโชคชะตาชีวิตที่ลุ่มๆดอนๆของตนเองให้หมดไป

    หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจในการเก็บเกี่ยวข้าว ของวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้านพุธได้ตัดสินใจทำพิธี
    จุดธูปอธิษฐานจิตบอกแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเหล่าทวยเทพพยาดา ที่สิงสถิตย์ ณ เขาพระธาตุนาล้อมเพื่อช่วยยังความปรารถนาแห่งใจให้เต็มบริบูรณ์
    แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ยอม!พุธพยายามอธิษฐานจิตอยู่อย่างนี้ทุกๆวัน จนกระทั้งคืนหนึ่งเขาก็ฝันไปว่า...

    ได้เดินไปยังสถานที่อันเป็นป่าสูงโปร่ง ใช่แล้วเหมือนกลับที่เขามองดูอยู่ทุกวัน ไม่มีแม้แต่ชาวบ้านคนใดจะกล้าเข้าไปในสถานที่แห่งนี้
    เพราะเมื่อกลับออกมาจะทำให้เกิดเจ็บไข้ได้ป่วย บางรายโชคร้ายอาจมีเหตุเภทภัยถึงแก่ชีวิตได้ หลวงพ่อที่วัดและผู้มีญาณให้ความเห็นตรงกับว่า
    เป็นเพราะพญานาคราชคายพิษปรกคลุมรักษาพื้นที่เอาไว้ ไม่ให้ใครลุกล้ำกล่ำกลายเข้าไปในอาณาเขตหวงห้ามได้

    ในห้วงนิมิตนั้นเมื่อรู้ว่าเป็นเขตพระธาตุนาล้อม พุธกำลังจะรีบเดินออกมา สายตาบังเอิญผ่านไปเห็นต้นไทรใหญ่มีใบดกหนา ด้านหลังต้นไม้นั้น
    สังเกตุมีโพรงกลมๆขนาดเท่าโองมังกรโพรงหนึ่ง ด้วยความสงสัยจึงคิดจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ยังมิทันได้ขยับร่าง
    ทันใดนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น!...

    พญางูใหญ่สองตนพุ่งโจนทยานออกมาจากโพรงนั้น ด้วยความรวดเร็วประหนึ่งดังสายฟ้าแล็บ...
    พังพานขนาดใหญ่สีมรกตถูกแผ่ชูขึ้นเหนือสรีระร่างกาย!...พุธแทบจะหยุดหายใจในบัดดล เหงื่อกาฬเม็ดข้าวโพด
    ถูกขับออกจากทุกรูขุมขน ไหลอาบไปทั่วร่าง!..."เจ้าเองหรือที่อธิษฐานจิตถึงข้า" ร่างอันเขื่องเปล่งเสียงห้วนกระทบโสตประสาท
    พุธ ยืนนิ่งแข็งอยู่กับที่...คล้ายจะรู้ความปรารถนาแห่งใจ เสียงอันเยือกเย็นกล่าวขึ้นบ้างว่า...
    "ถ้าเจ้าอยากจะได้ทรัพย์สมบัติของเรา เราก็จะยกให้ มารับไปสิ เข้ามาเมื่อไหร่ก็มาขุดเอาไปได้เลย"

    นางพญางูยักษ์พาขนดลำตัวของตนเองเลื่อยไปวนเวียนรอบต้นไทรใหญ่สามรอบ บริเวณโคนไม้นั้นก็พลันปรากฎไหโบราณขึ้นใบหนึ่ง
    พุธลืมความกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง เดินรี่เข้าไปเปิดปากไหนั้นออกดู แทบไม่น่าเชื่อ! เครื่องประดับทองคำสมัยโบราณหลายเส้น
    ถูกบรรจุไว้ในไหนั้น...ทอง ทอง!ทองคำทั้งนั้นเลย พุธ ออกอุทานเสียงหลงด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น!...

    "ท่าน ท่านให้ข้าจริงๆหรือ" พุธกล่าวขึ้นโดยไม่ยอมละสายตาจากไหโบราณนั้น
    มือก็พลันควานหยิบยก จกเอาสร้อยทองคำเส้นแล้วเส้นเล่ามาลูบคลำเล่น...

    "ใช่แต่มีข้อแม้ว่า ต้องแลกกับลูกของเจ้า !"
    "ได้ ได้ ข้ายอมทุกอย่างเอาไปได้เลย" พุธกล่าวขึ้นโดยไม่ทันคิด
    แท้จริงพุธและอาภรณ์นั้นยังมิเคยมีลูกด้วยกันเลยสักคนเดียว จึงยังไม่รู้จักความรักในเลือดเนื้อเชื้อไขของตน
    ปล่อยให้อำนาจความทะยานยากในทรัพย์สมบัติ ครอบงำจิตใจโดยสิ้นเชิง...

    (โปรดติดตามตอนต่อไป)

     
  15. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ว้าววว สุดยอดไปเลยอ่ะแมวเหมียว... :cool:
     
  16. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    ฝากเรื่องเก่าอีกสักเรื่องนึง :cool:

    ณ สถานที่เร้นลับแห่งหนึ่ง กลางหุบเขาในเขต จ.เพชรบูรณ์
    เป็นที่อยู่อาศัยของ"นางพญางูใหญ่" ซึ่งเฝ้ารอคอยการกลับมาของสามีผู้จากไป
    ชาวบ้านชำนาญไพรในระเวกนั้น รู้ซึ้งถึงอาถรรพ์ป่าในหุบเขามรณะแห่งนี้ดี
    จึงหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปใกล้ ณ สถานที่แห่งนั้น เพราะต่างรู้กันดีว่า ไม่เคยมีใครได้กลับออกมาอีกเลย!
    จวบจนวันหนึ่งมีพระธุดงค์เข้าไปโปรดวิญญาณทรมานนั้น เรื่องราวต่างๆจึงได้ถูกเปิดเผยขึ้น...

    ย้อนรอยกรรม "นางพญางูทมิฬ"

    กรี๊ดๆๆๆ....เสียงโหยหวนทวนลมแว้วมาแต่ไกล มันทำให้พลานกริช ขนหัวลุกเมื่อเขาตามรอยหมูป่า
    หลงเข้ามาในเขตแดนอาถรรพ์นั้น!ประหนึ่งดังต้องมนต์สะกด เมื่อสายตาของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังเพ่งมองมาที่พลานสมัคเล่น
    ท่ามกลางมณีไพรสนฑ์ใหญ่ มันอาจเป็นรัตกาลคืนสุดท้าย ที่เขาจะได้มีโอกาส สัมผัสประกายตาสีแดงยามรัติกาลคืนนั้น...

    เมื่อใบไม้ไหว แสงจันทร์ในวันเพ็ญ สาดกระทบกับสรีระของอมนุษย์ผู้มีแววตาอันดุดันนั้น...เผยให้เห็นร่างอันใหญ่ยาวสีดำมะเมื่อม
    เขามิอาจกระดุกกระดิกไปไหนได้ เนื่องจากนางพญางูใหญ่นั้นชำนาญการ"ปล่อยพิษทางสายตา"
    นางใช้สรีระเคลื่อนตัววนไปมาโดยรอบชายหนุ่มผู้ยืนแข็งประหนึ่งดังรูปปั้นหินนั้น อย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วจึงกล่าวว่า...

    เจ้า...เจ้ามิใช่นครินทร์!เจ้ามันมนุษย์ใจหยาบช้า จงตายซะเถิด!นางพญางูใหญ่นั้นเลื้อยกระโจนเข้ากัดฝังเขี้ยวพิษอันแหลมคม
    ลงบนส่วนหัวของพลานกริช ประหนึ่งพายุพัดเข้าใส่เรือนไม้คล่ำคล้า...นางได้ถูกความหลงเข้าครอบงำจิตจนมิอาจแยกแยะผิดชอบชั่วดี
    ได้อีกแล้ว...สมัยหนึ่ง นางได้เกิดเป็นลูกสาวเศรษฐีมีใจมั่นรักอยู่กับ นครินทร์ หนุ่มชาวบ้านธรรมดาๆ ที่มีฐานะยากจน แน่นอนเธอถูกกีดกัน
    จากท่านเศรษฐี แต่ในเมื่อทั้งสองรักกัน จึงได้แอบพบปะพูดคุยและมีความสัมพันกันอย่างลึกซึ้ง จนมาวันหนึ่งเรื่องนี้ทราบถึงหูท่านเศรษฐี เธอโกรธมาก
    จึงสั่งให้บริวารจำตัวนครินทร์มาชำระแค้น นครินทร์นั้นเมื่อมิอาจหลีกหนีจากนางอันเป็นที่รักได้ เขาจึงยอมให้จับแต่โดยดี หวังใช้ความจริงใจและ
    ความดีเข้ารับผิดชอบ แต่ท่านเศรษฐีนั้นมิอาจลดทิฎฐิมานะของตนลงได้ จึงจับตัวนครินทร์ไปขังไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง เพื่ออำพรางเรื่องนี้มิให้รู้ถึงหูชาวบ้าน
    เพราะเกรงจะเสื่อมเสียชื่อเสียง...นาง"ปัทมาวดี"ลูกสาวท่านเศรษฐีในขณะนั้น มีร่างกายซูบผ่อม นางยอมอดอาหาร
    และจะขอยอมตายไปพร้อมกับนครินทร์ หากท่านเศรษฐีไม่ยินยอมปล่อยตัวคนรักของนางให้เป็นอิสระ...

    อ้า...อานุภาพแห่งความรักแท้ มันช่างยิ่งใหญ่ และมีพลานุภาพอยู่เหนือความตายกระนั้นหรือ?

    เพี๊ยๆ...นังลูกไม่รักดี (เสียงฝ่ามืออันทรงพลังของท่านเศรษฐี ประทับลงบนผิวหน้าอันบอบบางของลูกสาว!)
    แต่ไหนแต่ไรมาท่านเศรษฐีไม่เคยตบตีลูกสาวเลย นางถูกเลี้ยงดูแลเอาอกเอาใจมาโดยตลอด นั้นเป็นเพราะตั่งแต่นางเกิดมา
    แม่ของนางก็ลาลับจากโลกนี้ไปเสียแล้ว ท่านเศรษฐีจึงรักและตามใจนาง มาโดยตลอด เพื่อหวังจะเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหาย

    ช่างเหมือนแม่แกไม่มีผิดเลย เลือดแม่แกมันแรงนัก!(ท่านเศรษฐีอุทานพร้อมด้วยน้ำตานองหน้า)
    ในห้วงมโนนึกนั้น หวนคิดถึงอดีตของตนเองในวัยหนุ่มซึ่งแต่ก่อนก็เคยมีฐานะยากจน ไม่ต่างจากหนุ่มนครินทร์ในขณะนี้เลย
    ยิ่งเห็นแววตาของเจ้าหนุ่มน้อยที่สบตามองดูท่านเศรษฐีนั้น ราวกับเป็นจิตวิญญาณของตนเองในอดีต ก็คงจะไม่ต่างกัน
    จึงทำให้ท่านเศรษฐีชงัก ยับยั้งที่จะปลิดชีพในทันทีที่จับตัวได้!

    แต่คงจะมีความต่างกันตรงที่ ท่านเศรษฐีในอดีตนั้น "ใช้วิธีหนีตามกันไป"จนกระทั้งพ่อแม่ทางฝ่ายหญิงนั้น ป่วยและตรอมใจ
    ถึงแก่ความตายในที่สุด ท่านจึงพาคู่รักกลับคืนสู่คฤหาสเพื่อรับมรดกสืบต่อมา จนถึงปัจจุบันนี้

    โอ้ "กฏแห่งกรรม" ท่านช่างมีความยุติธรรมและเที่ยงตรงต่อทุกสรรพชีวิตจริงๆ และขณะนี้ท่านเศรษฐีคงรู้ซึ้งถึงความจริงแล้วว่า
    เกวียนนั้นกำลังหมุนเคลื่อนตัวเข้าทับรอยเดิมอีกครั้งหนึ่งแล้ว!แต่ติดตรงคำว่า "เกีรติยศ ชื่อเสียง"...

    เร็วเท่าความคิดก่อนสติสัมปชัญญะของเขาจะหมดลง พลานกริชน้อมจิตระลึกถึง "ชายผ้าถุงมารดา"ที่ได้นำติดตัวมาด้วย
    แล้วปาฎิหารย์นั้น ก็บังเกิดขึ้นกับเขาจริงๆ!รุ่งเช้าวันนั้นเอง พลานกริชสะดุ้งตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้หักต้องลม ตกลงสู่พื้นดิน
    เขาพยุงตัวลุกขึ้นพร้อมกับระลึกถึงภาพเหตุการณ์ในคืนนั้น ขนหัวลุกไปทั่วสารพางค์กาย...

    เขาคือผู้รอดตายเพียงหนึ่งเดียว ที่ได้มีโอกาสนำเรื่องราวสยองขวัญ มาเล่าสู่ชาวบ้านในระแวกนั้นฟัง และจากวันนั้นเป็นต้นมาชาวบ้านป่าแถบ
    หุบเขาใน จ.เพชรบูรณ์นั้นไม่มีใครกล้าใช้ชื่อ นครินทร์ อีกเลย เพราะอะไรนะหรือ?
    คิดว่าเพื่อนสมาชิกกระทู้นิทานคงพอจะเดาออกแล้วกระมัง!

    ข่าวพรานกริชรอดตายหลังพลัดหลงเข้าไปในเขตแดนอาถรรพ์ แผ่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เขามิได้รับอันตรายจากคมเขี้ยวของนางพญางูใหญ่แต่อย่างใดเลย
    หมอทำขวัญของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทำพิธีติดต่อสื่อสารกับนางพญางูนั้น ได้ความว่า...
    เธอรอคอยการกลับมาของสามีที่ชื่อ นครินทร์ ...เนื่องจากเศรษฐี พ่อของนาง ออกอุบายให้ชายคนรักของเธอ ไปแสวงหา"มณีเลือดนก"(ทับทิม)
    มาเป็นค่าสินสอดแต่งงาน แล้วจะยกลูกสาวให้...ซึ่งในสมัยนั้นเชื่อกันว่า เป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย เป็นของหายาก หากใครมีไว้ครอบครองก็จะทำให้
    เป็นที่เชิดหน้าชูตา แก่คนทั่วไป...ด้วยความซื่อและมีใจมั่นรักในนาง ปัทมาวดี...นครินทร์ จึงยอม ปีนขึ้นไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง
    เมื่อเวลาแสงอาทิตย์ส่องกระทบผาหินนั้น จะออกเป็นสีแดงๆ!ทั่งที่รู้ว่าการปีนป่ายขึ้นไปบนหน้าผาหินสูงชันนั้น หากพลาดเพียงนิด ก็จบชีวิตแน่นอน
    แต่เมื่อมันเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อนางอันเป็นที่รัก!นครินทร์มีโอกาสได้มองสบตากับ ปัทมาวดี เป็นครั้งสุดท้าย แววตานั้นเป็นตราประทับ
    สถิตย์ฝังอยู่ในจิตของนางปัทมาวดี มิอาจลืมเลือนจนกระทั้งบัดนี้...วันนั้น นางได้เห็นภาพชายอันเป็นที่รัก เดินบ่ายหน้า หายขึ้นเขาไป ไม่กลับคืนมาอีกเลย!

    นางปัทมาวดี รอคอยการกลับมาของ นคริทร์...จากวันเป็นเดือน จากเดือนเคลื่อนไปเป็นปี ขณะนั้นนางมีอายุได้ ๒๐ ปี
    สมควรที่จะออกเรือนได้แล้ว แต่นางยังไม่ยินดีในชายใด ทั้งที่มีผู้หมายปองนางเป็นอันมาก ท่านเศรษฐีเห็นว่าเรื่องนี้ปล่อยไว้นานเขาจะไม่ได้ทายาท
    สืบสกุล จึงดำเนินการหาคู่ครองที่เหมาะสม โดยรู้จักกับตระกูลเศรษฐีต่างแดนเมื่อครั้งทำธุรกิจร่วมกันและเห็นว่าเขามีลูกชายซึ่งยังมิได้ออกเรือน
    จึงเดินทางไปหาสหายเก่า ในสมัยนั้นการเดินทางค่อนข้างกันดาร ต้องใช้ช้าง,ม้า,วัว,ในการบรรทุก...จึงบอกกับบุตรีว่า

    "พ่อมีธุระจะไปเยียมสหายเก่า ลูกไปกับพ่อนะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกัน"
    แต่นางปัทมาวดีนั้น ล่วงรู้แผนการของท่านเศรษฐีว่า จะส่งนางไปให้ทางฝ่ายโน้นดูตัว จึงแทรงทำเป็นไม่สบาย ป่วยขึ้นมาอย่างกระทันหัน
    ท่านเศรษฐีเห็นดังนั้น จะไม่ไปก็เกรงว่าจะเสียเพื่อนเพราะนัดตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว จึงสั่งคนใช้ให้ดูแลนางเป็นอย่างดี...
    เป็นธรรมดาของผู้มีอำนาจ ย่อมมีบริวารมาก ข้าทาสบริวารส่วนหนึ่ง จึงถูกแบ่งติดตามท่านเศรษฐีไป ส่วนหนึ่งก็เฝ้าบ้าน เพื่อปกป้องพวกโจรขโมยทรัพย์สินทร์

    เหมือนวิบากซ้ำกรรมซัด! "มณู" เป็นหัวหน้าคุมทาสชาย คิดหมาปองดอกฟ้า เขานั้นล่วงรู้ว่า ธิดาท่านเศรษฐีนั้นมีใจให้ นคริทร์ ผู้จากไป
    จึงฉวยโอกาสวางแผนการ ฉุดคราด ลูกสาวท่านเศรษฐี...โดยวันนั้น หลังจากท่านเศรษฐีเดินทาง นางปัทมาวดี ก็มีโอกาสได้ออกไปเดินเล่นได้ไกลกว่าปกติ
    นางบอกกับคนใช้พี่เลี้ยงว่า นางดีขึ้นแล้ว อยากออกไปเดินหาเก็บดอกไม้ป่ามาประดับแจกัน...

    มณู ซึ่งเฝ้าแอบดูพฤติกรรมของนางมาโดยตลอด จึงสั่งให้ทาสคนหนึ่งส่งข่าวไปบอก นางปัทมาวดี ว่า...
    นครินทร์ กลับมาแล้ว ตอนนี้คอยเธออยู่ ในถ้ำแห่งหนึ่ง เกรงว่าท่านเศรษฐีจะเปลี่ยนใจจึงยากให้เธอ พาไปพบกับท่านเศรษฐีด้วยตนเอง
    ความตื่นเต้นและดีใจ นางไม่คิดฉงนใจเลยว่ามันเป็นหลุมพรางของ มณู ผู้รออยู่ในถ้ำแห่งนั้น
    เธอหาอุบายหลอกคนใช้ของเธอแล้วฉวยโอกาสเดินทางมาถ้ำแห่งนั้น แต่เพียงลำพัง!
    เมื่อไปถึงเห็นชายคนหนึ่ง ยืนหันหลัง อยู่ภายในถ้ำ ซึ่งมีแสงประทีปจากคบไฟ สลัวๆ...ณ สถานที่แห่งนี้เอง มันเคยถูกใช้เป็นที่นัดหมาย
    ระหว่าง นครินทร์ กับนางปัทมาวดี เมื่อครั้งรู้จัก แรกรักกันใหม่ๆ
    แต่คราครั้งนี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่!นางวิ่งตรงเข้าสวมกอด ชาย ที่คิดว่าเป็นนครินทร์จากด้านหลัง
    เมื่อความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผยขึ้น....

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า...มณู หัวเราะเสียงดังก้องฟ้า พร้อมโอบกอดร่างอันอ่อนนิ่มของนางไว้!
    "แก...แกจะทำระไรฉัน ปล่อยฉันนะ แล้วนครินทร์ล่ะ?"(ธิดาเศรษฐี อุทาน ถามหาชายคนรัก พร้อมกับพยายามดิ้นหนีจากพันธนาการ ของเงื้อมมืออสูร!)
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า...จนป่านนี้ยังจะถามหา เด็กบ้านนอกคนนั้นอีกหรือ?...(มณู ตวาดด้วยเสียงห้วน!เริ่มไม่พอใจที่นางยังไม่ลืมอดีตคนรักเก่า)
    นางพยายามดิ้นจนสุดฤทธิ์ แต่แรงของสตรีมีหรือจะสู้แรงอสูรได้ จังหวะนั้นเองนางล้มลงกับพื้นถ้ำ ฉวยได้หินก้อนหนึ่ง หวดเข้าหัว มณู อย่างจัง!....โป๊กกกก...โอ้ย (มณู ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มันทำให้เขาโกรธจนควบคุมตนเองไม่ได้)
    "ฤทธิ์มากนักหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งแก ไปอยู่กับคนรักเก่าของแกในนรก!!"
    สิ้นเสียงคำตวาดอันแข็งกร้าวนั้น มณู ใช้กริชที่พกติดตัวมา เสียบเข้าท้องของนางปัทมาวดี จนมิดด้าม!!.....
    นางขาดใจตายในทันที...แต่ก่อนที่สติสัมปัชชัญญะจะหมดลง นางมีแววตาลุกโพลงด้วยจิตอาฆาตแค้น ด้วยแรงพยาบาดบวกกับการเฝ้ารอคอยการกลับคืนมาของนครินทร์ มันทำให้วิญญาณของนางมิอาจจากไปไหนไกลได้ จึงบังเกิดเป็นโอปาติกะในอัตภาพของนางพญางูใหญ่นั้น เฝ้ารอคนรักอยู่ในถ้ำแห่งนั้นเอง!

    โอ้ วิญญาณ อาลัยรัก สุดจะหัก
    ยากยิ่งนัก รอรัก รอหลง
    รัติกาลผันผ่าน หลายชาติภพ มิอาจปลดปลง
    นางยังหลง รอคอยเฝ้า อยู่เดียวดาย!

    ดังนั้นเมื่อมีใครผ่านเข้ามาในเขตรัศมีถ้ำแห่งนี้ นางจึงออกมาดู ว่าจะเป็น นครินทร์ ชายคนรักหรือไม่
    แต่หากไม่ใช่แล้ว...สัญญา แรงอาฆาตพยาบาทนั้นก็พลันประทุขึ้น จึงหลงปลิดชีพนักเดินป่า นายพร่าน ล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
    การฆ่าคนตายไปเป็นจำนวนมากนั้น มันทำให้นางมีตราบาปมลทินติดตัว จิตใจจึงเหี้ยมโหด พลังแห่งมารได้เข้าแทรกไปทั่วทุกอณูจิตแล้ว
    ไม่มีเทพยาดาตนไหนจะหยุดยั้งนางได้...

    แต่แล้วนางก็พลาดเป็นครั้งแรก "ชายคนนั้นมีดีอะไรนะ ทำไม่เราถึงรู้สึกร้อน เหมือนกระโจนเข้าสู่กองไฟ"(นางฉงนใจที่ทำอะไร นายพรานกริชไม่ได้)
    นางคงไม่รู้หรอกว่า อำนาจของความกตัญญูกตเวทีนั้น เป็นเสมือนเกราะป้องกันภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้
    พรานกริชนั้น ทุกครั้งเมื่อเขาเดินทางไปไหน จะนำชายผ้าถุงของมารดา เป็นเครื่องรางมงคล ติดตัวไปด้วยเสมอ...

    จนวันหนึ่ง พระธุดงค์ ได้เดินทางผ่านมาที่หมู่บ้านแห่งนั้น ถามหาถ้ำตามนิมิตรที่ท่านได้ภพเห็น แต่ชาวบ้านได้ทัดทานห้ามปรามไว้
    เพราะเกรงจะเกิดอันตรายแก่ท่าน พร้อมเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึนกับพรานกริช...แต่ท่านยังคงยืนยันคำเดิมที่จะเข้าไปบำเพ็ญเพียรภาวนาให้ได้
    ชาวบ้านจึงชี้ทางให้ด้วยใจอันเศร้าสลด ในทำนองว่า "เสียด้ายพระคุณเจ้า ยังหนุ่มยังแน่น ไม่น่าจะเอาชีวิตมาทิ้งเสียกลางป่าแห่งนี้เลย!"

    หรือนี้ อาจเป็นชะตากรรม ของครูบาอาจารย์ที่ท่านมีหน้าที่ไปโปรดสัตว์โลกผู้มืดบอด ให้ได้รับการปลดปล่อยจากวังวนแห่งวัฎฎะสงสาร
    พระธุดงค์ท่าทีสง่างามรูปนั้นเดินหายเข้าป่าไป ท่ามกลางความอาลัยของชาวบ้านป่าเขาหนาว เย็นวันนั้นเอง...

    นางผู้มีจิตอันเร้าร้อน มองเห็นรัศมีสีทองจากกายพระคุณเจ้าแล้ว ให้รู้สึกอ่อนแรงและหวาดกลัวเป็นกำลัง แต่ด้วยอำนาจโมหะและความเคยชินจึงพยายาม
    เพ่งมองดูอยู่ทุกขณะจิต เพื่อรอคอยจังหวะตรงเข้าทำร้ายท่าน...แต่เหมือนยิ่งหมดแรงเมื่อท่านนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ
    แล้วพลันแสงสว่างก็บังเกิดขึนเจิดจ้า ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณท้องถ้ำแห่งนั้น เสมือนประหนึ่งว่า ดวงจันทร์ฉายแสงนวลในห่วงรัติกาลคืนวันเพ็ญนั้น

    นางพญางูใหญ่ทำได้แค่เพียง เลื้อยขนดลำตัวอันเขื่องเท่าลำตาลค่อยๆชูคอ แผ่พังพานขึ้นเหนือสรีระพระธุดงค์รูปนั้น ห่างกันไม่ถึงหนึ่งวา
    แต่แล้วนางก็ต้องแปลกใจเมื่อสังเกตุ เห็นเค้าหน้าพระคุณเจ้านั้น!เปล่งอุทานออกมาด้วยน้ำตานองหน้าว่า "นครินทร์!..."
    จากอัตภาพของนางพญางูใหญ่ พลันกลายกลับเปลี่ยนเป็นร่างหญิงสาวโสภาขึ้นมาในบัดดล ขณะนี้นางไม่เหลือเค้ากระแสจิตอาฆาตพยาบาทอีกต่อไปแล้ว
    ธิดาเศรษฐี ตรงเข้าสวมกอดร่างชายอันเป็นที่รัก แต่แล้วเหมือนหัวใจแตกสลาย เมื่อท่านพูดว่า...

    "นานแค่ไหน กว่าจะได้พบ ประสบพักต์
    ใยมาหัก หาญน้ำใจเศร้า หม่นหมอง
    คอยความรัก คืนกลับ ผ่านพุทธันดรเนิ่น นานแท้!
    ฟ้ากลั่นแกล้ง สะท้านจิตฝืน กลืนกลั้น หลั่งรดสุธาธรณี"...

    "อย่าเข้ามาใกล้เรานะ นางมารใจบาป!"...เสียงกระแสจิต พระคุณเจ้านั้น ช่างมีพลานุภาพยิ่งแท้...นางปัทมาวดีทรุดตัวลงกับพื้นแม่พระธรณีในบัดดล!
    ไม่คิดว่ารางวัลแห่งการรอคอยที่นางได้รับนั้น จะคือรอยน้ำตาและความเจ็บช้ำ!
    สนธยายามเย็นล่วงเลยมาแล้ว ย่างเข้าสู่ปฐมยาม แต่สุรเสียงที่ได้สดับจากกระแสจิตชายคนรักนั้น ดูช่างเย็นชาดุจน้ำแข็งขั่วโลกเหนือ!
    พระคุณเจ้ายังคงนั่งอยู่ในท่าคู้บัลลังก์อันสง่างามบนแท่นหินนั้น แม้มิได้ลืมตาและขยับริมฝีปาก แต่ท่านก็สามารถสื่อสารกับนางได้ ไร้เครื่องกางกันใดๆในกระแสจิตท่าน
    แสดงให้เห็นว่าได้รับการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดี!

    "ทำไม เพราะอะไรค่ะ"ธิดาเศรษฐีในอดีตสะอื้นไห้ รำพึงรำพันปริ่มจะขาดใจ ด้วยจิตโทมนัส!
    "เรามิใช่คนรักของเธอหรอก น้องหญิง!เราเป็นโอรสพุทธบุตร ในสำนักชิเนรนาฎ"
    "ไม่ ไม่จริง นครินทร์ ทำไมพี่ถึงพูดอย่างนั้น คนอื่นอาจจะลืมกันเมื่อวันเวลาผันผ่านไป แต่น้องยังคงจดจำพี่ได้เสมอ พี่คือ นครินทร์ คนรักของน้อง"นางพูดด้วยเสียงเครือ
    แต่พระคุณเจ้านั้นยังคงส่งกระแสจิต พูดด้วยเสียงเรียบว่า
    "คนรักของเธอตายไปแล้ว ตั้งแต่คราครั้งนั้น เรามิใช่ นครินทร์"
    "ไม่ ไม่จริง พี่โกหก"นางลุกขึ้นรวบรวมพลังทั้งหมดพุ่งกระโจนเข้ากอด พระธุดงค์รูปนั้น!
    เหมือนสัมผัสกองไฟ ยังมิทันได้ถึงตัวท่าน นางปัทมาวดี ร้องโหยหวนขึ้นด้วยความเจ็บปวด เป็นร้อยเท่าพันทวี....โอ้ยๆๆ ร้อน ร้อน เหลือเกิน!

    นางพงะ ถอยหลังรีบทรุดตัวลงนั่ง ด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง
    นิ่งกันไปพักหนึ่ง...ท่านเห็นว่านางพร้อมที่จะรับฟังเรื่องราวต่างๆด้วยใจสงบแล้ว จึงส่งกระแสโทรจิตถึงนางว่า...
    "ในคราครั้งนั้น คนรักของเธอมุ่งขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อแสวงหา มณีเลือดนก ตามที่บิดาของเธอยื่นข้อเสนอให้เป็นของขวัญวันวิวาห์ โดยคิดไม่ถึงเลยว่า
    มันจะกลับกลายเป็นของขวัญ วันปวดใจ เพราะปรากฎว่า...

    นครินทร์ แสวงหา ป่ายปีนไปตามชง้อนหิน ด้วยความยากลำบาก สมัยนั้นภูเขาน้อยใหญ่ยังเต็มไปด้วยอัญมณี และของล้ำค่าต่างๆมีเป็นจำนวนมาก
    เธอพบ แร่ชนิดหนึ่งมีลักษณะสีแดงดั่งเลือดนกพิราบ ด้วยความดีใจนั้น จนลืมนึกถึงความปลอดภัยของตนเอง...
    ท่านเว้นช่วงให้นางได้ลำดับเรื่องราวตามความเป็นจริง

    นครินทร์ ขว้าได้หินสีแดงก้อนหนึ่ง ด้วยมือข้างเดียว เขาเหนื่อยล้าจากการปีนป่าย เมื่อร่างกายมิอาจทรงตัวอยู่ได้นานเขาจึงพลัดตกหน้าผา
    ลอยระลิ่วตกลงมาตาย ก้นเหวมรณะนั่นเอง ทั้งที่มือยังคงกำหินสีแดงก้อนนั้นไว้แน่น ประหนึ่งสัญญาใจมิปล่อยให้หลุดมือ แม้นตายก็ยอม!

    อ้า...อานุภาพแห่งความหลงในสงสาร มันช่างทำปัญญาของบุรุษผู้โง่เขล่านั้นให้หมดไป ได้ถึงปานนี้เชียวหรือ?
    (ท่านรำพึงในห่วงมโนนึกด้วยอำนาจอตีตังสญาน ที่อบรมมาดีแล้ว)

    นคริทร์ ตายอย่างอนาถ นั้นเป็นเพราะเขาซื่อจนเกินไป "แล้วฉันล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับฉันเธอเคยรู้บ้างไหม?"นางพูดสวนขึ้นมาทันทีที่มีโอกาส
    ท่านสัมผัสความรู้สึกของนาง พร้อมทรงอารมณ์เพ่งไปที่จิตผู้รู้ พลันภาพเหตุการณ์ต่างๆในอดีตของนางนั้น ก็บังเกิดขึ้น ฉายเป็นเรื่องราว...
    นิมิตนั้น เห็นชายคนหนึ่งกำลังฉุดคราดธิดาท่านเศรษฐี แต่นางได้ต่อสู่ขัดขืนอย่างเต็มกำลัง ทำให้ชายผู้นั้นโกรธจนควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้
    จึงใช้มีดกริชที่พกติดตัวมา เสียบเข้าที่ท้องของนาง แววตาที่เพ่งมองเขาถลนออกมา ทำให้ชายผู้นั้นสะดุ้งรู้สึกตัวแล้ววิ่งหนีจากไป
    ทิ้งร่างอันไร้วิญญาณของนางไว้ พร้อมกับเรื่องราวสัญญารัก สถิตย์อยู่ในถ้ำแห่งนี้ตลอดมา...

    นางจึงได้อัตภาพใหม่เป็นนางพญางูใหญ่ เฝ้ารอคอยชายคนรักคืนกลับมา ดูคล้ายปู่โสมเฝ้าทรัพย์
    เพียงแต่ว่า ทรัพย์นั้น มันคือสัญญาใจของความรักนิรันด์ที่เธอและเขาทั้งสองต่างได้เคยให้ไว้ต่อกัน ผ่านแววตาซึมลงสู่จิตใจ
    กลั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนจากกันวันนั้นว่า "เราจะกลับมา รักกันจนวันตาย สัญญา ฉันสัญญาาาาาาาาา!"
    เสียงสายลมยามรัติกาลพัดแรงผ่านเข้ามาสู่ท้องถ้ำแห่งนั้น ประหนึ่งดังสักขีพยานรัก ถูกลมหวลพัดคืนกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
    พระคุณเจ้ายังคงรับรู้ถึงอดีตด้วยจิตอันสงบ ประหนึ่งหินผา ถูกลมพายุแห่งวัฎฎะพัดแล้ว หาได้มีอาการหวั่นไหวไม่...

    เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ท่านจึงกำหนดจิตแผ่เมตตา ไปยังนางปัทมาวดีนั้น รับรู้ได้ถึงกระแสความสงบเย็นกำลังแทรกตัวเข้าสู่จิตนาง
    ในอัตภาพธิดาเศรษฐีนั้น นางพนมมือขึ้นรับ เหมือนว่าความทุกข์ของนางจะได้รับการปลดปล่อย...

    "สัพเพสัตตา อเวรา อัพยาปัชชา อนีฆา สุขีอัตตานังปริหะรันตุ"
    "จงมากับเราเถิด แต่นี้ต่อไปขอเธอจงอย่าได้ก่อเวรสร้างบาปกรรมแก่ใครอีกเลยนะ "
    ท่านกล่าวด้วยเสียงอันเต็มเปรี่ยมด้วยกระแสจิตเมตตา ดุจน้ำทิพย์ชโลมใจ

    "เจ้าค่ะ"...นางรับคำโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ อำนาจจากกระแสจิตในท่านผู้ฝึกมาดีแล้วย่อมเป็นที่น่าอัศจรรย์ เหนือคำบรรยาย

    รุ่งเช้า ท่านเดินสำรวจดูบริเวณถ้ำเพราะได้นิมิตก่อนที่จะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ พบกองหินวางอยู่กับพื้นดิน
    ท่านรู้ได้ทันทีว่ามันคือ ซากกระดูของนางปัทมาวดีในครั้งอดีต ซึ่งผ่านเวลามาหลายโกฏิหลายพันปีแล้ว
    ถูกดินและขี้ค้างคาวปกคลุมหุ้มห่อไว้จนไม่เหลือเค้าของกระดูกมนุษย์ ธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คงแปรเปลี่ยนสภาพไปตามกาลเวลา
    มันคือกฎไตรลักษณ์ ซึ่งทุกชีวิติจะต้องจบลงที่ความตาย ท่านพิจารณาธรรม เพื่อสลัดความอาลัยในสงสารเมื่อครั้งอดีตเราช่างโง่เขลายิ่งนัก
    บัดนี้เราเห็นความจริงของสรรพชีวิตทั้งหลายแล้ว จักไม่หลงกลับไปทุกข์อีก!

    เมื่อท่านออกบิณฑบาตรไปยังหมู่บ้าน ชาวบ้านแตกตื่นพากันออกมาใส่บาตรท่าน ด้วยจิตเลื่อมใสศรัทธายิ่ง พร้อมกับเรื่องราวต่างๆได้ถูกเปิดเผยขึ้น
    มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งขันอาสา ตามท่านเข้าไปในถ้ำเพื่อนำกระดูกของนางปัทมาวดี ออกมาทำพิธีทางศาสนา

    เนื่องจากถ้ำแห่งนี้เป็นเสมือนสัญญาเก่า ระหว่างท่าน กับ นางปัทมาวดี ชาวบ้านในระเวกนั้นจึงขนานนามเรียกชื่อให้ใหม่ว่า "ถ้ำพนมสัจจา"
    อยู่ในเทือกเขา พนมสัจ หรือ พนมฉัตร อยู่ทางเขต จ.เพรชบูรณ์ ซึ่งอยู่ในหุบเขาลึกห่างไกลความเจริญ สมัยนั้นชาวบ้านป่า ยังไม่มีวัด
    เมื่อได้พบเจอพระธุดงค์ผู้ทรงศีลาจารวัตรอันงดงามแล้ว จึงพร้อมใจกันสร้างวัดขึ้นแล้วนิมนต์ให้ท่านอยู่จำพรรษาตลอดมา...

    อ้า...ในสมัยครั้งอดีต นครินทร์ก็เคยอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้มาแล้ว จึงทำให้ท่านรู้สึกผูกพันธ์กับชาวบ้าน เสมือนหนึ่งว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน!
    วงเวียนแห่งวัฎฎะ ย่อมหมุนทับรอยเดิมเสมอ ประดุจรอยเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโคไปฉะนั้น...หากเรามิคิดที่จะหยุดเดินทางตราบใด
    เราคงต้องได้เจอกันอีก แล้วต่างพากันเดินทาง วนเวียนหลงกันอยู่อย่างนี้ชั่วกาลนาน!

    นางปัทมาวดี บัดนี้ได้อัตภาพใหม่เป็นเทพนางพญางู คอยปกปักษ์รักษาพุทธสถานแห่งนั้น สืบต่อมา โดยนางพยายามสร้างกรรมดี
    เพื่อวิบากกรรมชั่วนั้นจะ ตามไม่ทัน...

    พญานาค๗.jpg

    เมื่อหมดยุคสมัยของ พระคุณเจ้าแล้ว แต่เนื่องจากท่านปราถนาพุทธภูมิ?
    และนางปัทมาวดีในคราครั้งนั้น จะยังคงตามสร้างบารมีร่วมกับท่านอยู่อีกหรือไม่?
    มีเพียงกระแสความรู้สึก จากดวงจิตของทั้งสองเท่านั้นที่จะสัมผัสถึงกันได้!

    ผ่านวัตถุของสิ่งนี้ ...

    และนั่น...

    จะเป็นเสมือนสัญญาใจ...

    ในการสร้างคุณงามความดี...

    ระหว่างเราทั้งสอง ตลอดไป...

    มณีเลือดนก.jpg

    จบบริบูรณ์
     
  17. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    รอฟังเรื่องเล่าตอนต่อไปหนอ...:cool:
     
  18. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ขอติดตามแมวเหมียวมงคลฟิล์มด้วยคนค่ะ
    หนังกลางแปลงแบบนี้ต้องปูเสื่อและต้องมีลูกชิ้นปิ้งกับขนมแกล้ม อิอิ
    จบไปแล้วสองสามเรื่อง ให้ข้อคิดและความสนุกสนานในธรรมพอสมควรทีเดียว


    ชาติภพนั้นยาวนานมากมายหลายล้านชาติ
    เมื่อไหร่หนอจะถึงฝั่งฝันพระโพธิญาณ?
    ขอรอชมด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน
     
  19. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    อยากฟัง Miss Brown นครฟีล์มด้วยอ่ะ หนังสั้นก็ได้เน้อ อิอิ :cool:
     
  20. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    มาติดขอบจออีกคน พร้อมกาแฟนเย็นและคุ๊กกี้.. ขาดแต่เก้าอี้ชายหาดอ่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...