แม่พระธรณี กับ ปาฏิหาริย์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย siamgirl, 24 มีนาคม 2008.

  1. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    คุณรัตนาได้เข้าไปสัมผัสกับ “แม่พระธรณี” ตลอดจนความเป็นมาขององค์ท่าน จะเป็นเรื่องของประสบการณ์ตรง ที่คุณรัตนาได้พบกับ “ปาฏิหาริย์” จาก “องค์แม่พระธรณี” ด้วยตนเอง กระทั่งได้พบเห็นความจริงอันเหลือเชื่อในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่เชื่อว่า ณ ที่นั้นจะมี “ขุมทรัพย์มหาศาลของแผ่นดิน” อยู่จริง

    ประสบการณ์ตรงในการสัมผัส “แม่พระธรณี” ของคุณรัตนาเกิดขึ้นในราวเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๔๑ ขณะที่คุณรัตนาและสามีคือ คุณประสาร มฤคพิทักษ์ กำลังสื่อกับแม่พระธรณีผ่านทาง “ถ้วยแก้ว” โดยคุณสุวรรณาเป็นผู้ทำพิธี ครั้งนั้นก็มีบุตรสาวของอดีต ส.ส.ท่านหนึ่งร่วมคุยอยู่ด้วย และจู่ๆ แม่พระธรณี ท่านก็สื่อมาว่า “วันนี้แม่จะช่วยให้หลานมีตังค์สองสิบหมื่น (สองแสนบาท) เพราะจะให้ลูกเชื่อสนิทใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้มีจริง”

    ไม่ทันขาดคำ ลูกชายคนโตของคุณรัตนาและคุณประสาร มฤคพิทักษ์ ก็เพจมาบอกว่า “ช่วยโทร. กลับจะแจ้งเรื่องทุน” คุณประสารจึงรีบโทรกลับทันที และก็ได้รู้ว่าลูกชายสอบชิงทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยปีละสองแสนบาท ตลอด ๔ ปีการศึกษา

    ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ครั้งนี้เป็นปริศนาว่า ทำไมแม่พระธรณีท่านถึงรู้ ? คุณรัตนาและคุณประสารไม่เคยปริปากบอกใครเลยว่าลูกชายเข้าสอบชิงทุนการศึกษา เพราะเหตุนี้คุณรัตนาจึงเชื่อว่าแม่พระธรณีมีจริง กระทั่งกล้าออกมายืนยันเรื่องราวทั้งหมด และได้เขียนหนังสือ “เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ” เปิดเผยความมีอยู่จริงของแม่พระธรณีขึ้นมาเผยแพร่ให้คนไทยได้รับรู้ โดยแม่พระธรณีสื่อผ่านคุณรัตนาไว้หลายเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยของเราว่า

    “...ยุคนี้ยุคสุดท้ายแล้ว เพลานี้พังหมดแล้ว หันไปทางไหนมีแต่ผ้าเหลืองขาดวิ่น ข้าวยากหมากแพงกำลังจะเกิดเลือดท่วมแผ่นดิน แม่จะช่วยชาติไทยให้อยู่ได้ ที่พึ่งสุดท้ายคือ “แผ่นดิน” ไม่ใช่วัตถุอีกต่อไป สักวันต้องมีทางสว่างถึงเหมือง...”

    “เหมือง” ของแม่พระธรณีนี้คุณรัตนาบอกว่าคือทางออกของประเทศ ซึ่งมีขุมทรัพย์แร่ธาตุธรรมชาติที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล และเมื่อยังไม่ถึงเวลาเปิดเหมือง ไม่ว่าใครก็ตามจะไม่สามารถเข้าถึงที่นั่นได้ เพราะแม่พระธรณีท่านบังไว้และยังเทพอีกหลายองค์เฝ้าอยู่มีทั้งพญาช้างเผือก ท่านขุนหมื่นและพญางูขาว

    เรื่องราวของ “เหมือง” ว่าอยู่ที่ไหนนั้นแม่ผู้เขียนจะทราบแต่ก็น่าเสียดายว่าคุณรัตนายังไม่ต้องการให้เปิดเผยตอนนี้ เอาเป็นว่าบอกใบ้ให้นิดๆ ว่าอยู่ในสถานที่ๆ เป็นเขตทหาร อยู่ในจังหวัดหนึ่งของไทย เป็นพื้นที่บริเวณภูเขามีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ และมีเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับ “เหมือง” แห่งนี้ด้วยว่าเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อนมีอดีตข้าราชการคนหนึ่งเข้าไปลงทุนทำเหมือง โดยมีความเชื่อมั่นสูงว่าเหมืองแห่งนี้มีแร่ธาตุที่สูงค่า จึงสร้างทางเข้าออกและลงทุนไปไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท แต่ทำได้เพียง ๒ ปี ก็ถูกผู้มีอำนาจในยุคนั้นสั่งปิด (ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์) ด้วยข้ออ้างว่าจะใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ทางราชการ

    หลังจากถูกสั่งปิดเหมือง ผู้ลงทุนได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและชนะคดีแต่ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าเสียหายคืนจนกระทั่งปัจจุบันนี้ (และหลังจากเหมืองแห่งนี้ถูกสั่งปิดไปแล้วก็ยังมีคนพยายามไปเสียเบี้ยป้ายรายทางแต่ก็สูญเปล่า บางคนต้องตายไปก็มี) ที่ร้ายกว่านั้นก็คือภรรยาของผู้ลงทุนคนนี้รู้สึกช็อคกับ

    เหตุการณ์ที่เหมืองถูกปิดจนต้องขาดทุนย่อยยับถึงกับผูกคอตายในเวลาต่อมา และทุกวันนี้ผู้ลงทุนคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่สภาพที่คุณรัตนาไปเห็นมานั้นคือชายชราวัย ๗๐ กว่าปี รูปร่างเล็ก หลังค่อม คอตั้งตรงไม่ได้ ใบหน้าเอียงคอพับคออ่อนและทุกข์ทรมานด้วยโรคมะเร็งที่คอซึ่งเป็นมานานกว่า ๑๐ ปีแล้ว แต่เพื่อเป็นพยานในการให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหมือง คุณรัตนาบอกว่า “แม่พระธรณี” จะช่วยประคองชีวิตท่านผู้นี้ไว้ก่อน ซึ่งท่านผู้นี้ก็ได้ยืนยันกับคุณรัตนาด้วยว่า เหมืองแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่แน่นอน

    สมัยที่ทำเหมืองมีสัญญาณให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่าเหมืองแห่งนี้มีแร่ธาตุล้ำค่า แต่คงเป็นสมบัติของส่วนรวม ใครจึงเอาไปเป็นของส่วนตัวไม่ได้ แต่ในเร็วๆ นี้แม่พระธรณี จะเปิดเหมืองแห่งนี้ให้เพื่อนำผลประโยชน์มาบรรเทาภาระหนี้สินมหาศาลที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่ ส่วนจะเกิดผลที่เป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความพยายามของทุกฝ่ายที่จะเล็งเห็นผลประโยชน์ของชาติร่วมกัน และใช้พลังความสามารถผลักดันไปให้เกิดผล เพราะแม่พระธรณีเป็นเทพผู้ชี้ทางแต่มนุษย์เป็นผู้ทำให้เหมืองปรากฏเป็นจริง

    สำหรับรูปสักการะที่ผู้เขียนนำมาลงในหญิงไทย นั้นคือรูปสักการะของ องค์แม่พระธรณี ซึ่งทำจากหยกแท้ๆ สีเขียว เพราะคุณรัตนาบอกว่า สีเขียวของหยกหมายถึงความแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหว แสดงถึงความเย็น

    เมื่อถามถึงการบูชาองค์แม่ธรณี คุณรัตนาบอกว่า “ทุกที่ในแผ่นดินนี้คือที่สถิตย์ของแม่พระธรณี ถ้าจิตเรารำลึกถึงท่านก็จะถึงท่านตลอด บูชาตรงไหนก็ได้ โดยการปักธูป ๓ ดอกบนดิน และใช้คาถาสั้นๆ ว่า นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ (๓ จบ) ขออัญเชิญแม่พระธรณีเป็นพยาน ตามด้วยคำอธิษฐานและจบด้วย สาธุ ๓ ครั้ง”

    รูปสักการะของ องค์แม่พระธรณีนี้จะเห็นว่ามีลักษณะของความเป็นจีนแทบทั้งสิ้น ซึ่งคุณรัตนาได้อธิบายให้ฟังว่า “แม่มีชาติกำเนิดเป็นคนจีน แม่ฯ ถึงย้ำตลอดว่าจีนกับไทยพี่น้องกันและต่อไปจะยิ่งแนบแน่น และก็เคยมีคนฝันเห็นท่าน เขาบอกว่าท่านเป็นผู้หญิงจีนที่สวยมาก ซึ่งรูปร่างของรูปสักการะที่เห็นนี่เป็นไปตามที่ท่านต้องการ ตอนสเก็ตซ์ภาพ แม่พระธรณี นี่ลูกชายคุณสุวรรณาเป็นคนสเก็ตซ์ เพราะมีครั้งหนึ่งท่านปรากฏร่างออกมาลางๆ พอที่จะถ่ายรูปได้ ก็สเก็ตซ์ภาพลางๆ ออกมาจนกระทั่งถูกใจท่าน ทุกวันนี้พี่ก็ยังติดต่อกับท่านบ่อยโดยการเชิญผ่านถ้วยแก้ว ซึ่งไม่เรียกว่า “ผีถ้วยแก้ว” เพราะแม่พระธรณีไม่ใช่ผี”

    คุณรัตนายังกล่าวต่อไปอีกว่าในการสัมผัสองค์แม่พระธรณีและเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ที่คุณเจริญและคุณรัตนาประสบมาด้วยตนเองนั้นจริงๆ แล้วยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง แต่เป็นเพราะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายบุคคลที่ยังไม่ถึงเวลาจะเปิดตัวหรือเปิดเผยความจริงทั้งหมด มิฉะนั้นจะเป็นการกระทบกระเทือนถึงชื่อเสียงและหน้าที่การงานของท่านเหล่านั้นซึ่งก็ได้เชื่อในเรื่องเหล่านี้และได้ช่วยกันประสานงานร่วมมือกันทำงานเพื่อชาติอยู่เบื้องหลังมาเป็นเวลานานแล้ว และแต่ละคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น “ขุมทรัพย์ใต้แผ่นดิน” ที่มีผู้ทำนายกันมาช้านานจึงไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นหรือโกหกกันเล่นๆ เพียงแต่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการโดยมีการยื่นเรื่องติดต่อถึงระดับผู้ใหญ่ในแผ่นดินแล้ว

    “วันหนึ่งพอแผ่นดินสงบ ก็จะเปิดเผยตัวผู้ช่วยงานแม่ฯ ทั้งหมด ระดับนายพล ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีหมด แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยตัว เพราะสังคมไทยเป็นสังคมปากว่าตาขยิบ หาว่างมงายบ้างอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องระวังตัวและชื่อเสียงของเขา และแม่บอกว่า ดวงเมืองต้องรอความลงตัวในทุกๆ สิ่ง ต้องรอจังหวะเวลา ตอนนี้เวลายังมาไม่ถึง แต่ทุกอย่างมีลิขิตของแผ่นดินไว้หมดแล้ว”

    และเมื่อถามว่าสังคมรอบข้างมีปฏิกิริยาต่อคุณรัตนาอย่างไรบ้าง ในฐานะที่เธอก็เป็นที่รู้จักของคนในแวดวงนักธุรกิจเช่นกัน เธอบอกว่า

    “มีนะคะ ก็คงจะมีทั้งสองด้าน อย่างที่พี่ไปเจออาจารย์ท่านหนึ่งที่ธรรมศาสตร์ วันนั้นพี่ไปไหว้กระดูกอาจารย์ป๋วย อาจารย์ ท่านนั้นได้ถามพี่ว่าพี่มีอะไรพิเศษในตัวหรือเปล่า ทำไมถึงสื่อกับแม่พระธรณีได้ พี่ก็ยืนยันได้ว่าไม่มี แต่อาจารย์ก็ยังถามต่อว่าแล้วทำไมแม่ฯ ถึงมาสื่อ พี่ก็ว่าท่านคงเห็นเราทำงานเพื่อส่วนรวมมั้งและคงถึงเวลาของแม่ฯ แล้ว เพราะแผ่นดินมันร้อนขนาดนี้แล้ว แต่ท่านก็บอกว่าปี ๒๕๔๓ แผ่นดินจะสงบขึ้นและแม่ฯ จะค่อยๆ ดึงธรรมะมาสู่จิตใจคนให้ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่มันก็ต้องอยู่ที่วิบากกรรมของแต่ละคนด้วยซึ่งสร้างกันมาต่างกัน ต่อแต่นี้ขอให้ทุกคนสร้างแต่กรรมดี ใครที่ทำผิดทำชั่วกลับตัวเสีย ถ้ายังไม่ตื่นกันอีกจะต้องเจอเหตุร้ายนะ เพราะแม่พระธรณีจะมาล้างแผ่นดินแล้ว”

    เพียงปีเศษๆ ที่คุณรัตนาได้สื่อกับองค์แม่พระธรณี ได้ทำให้เธอได้บรรลุถึงสัจธรรมข้อหนึ่งว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจังทั้งสิ้น ตัวเราเองหนีไม่พ้นที่จะต้องละจากโลกนี้ไปเพื่อเข้าสู่วัฐจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอีกตามวิถีแห่งกรรมที่เราได้สร้างเอาไว้ แต่ก่อนจะจากโลกนี้ไป ลองถามตัวเราเองดูซิว่า เราจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ฝากไว้ในแผ่นดินนี้บ้าง ? ท้ายสุดก่อนจากกัน คุณรัตนาได้แย้มบอกข่าวดีที่จะเกิดขึ้นสำหรับชาวไทยในปี ๒๕๔๓ กับผู้เขียนว่า ปี ๒๕๔๓ ก็จะรู้แล้วค่ะที่จะเปิดเหมือง แต่เป็นเดือนไหนยังไม่รู้นะคะแต่ยืนยันได้ว่าปี ๒๕๔๓ แน่นอนที่ต้องเปิดเผยความจริงทุกอย่าง


    [ข้อมูลบางตอนอ้างอิงจากหนังสือ “เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ” หากมีข้อสงสัย
    สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณรัตนา มฤคพิทักษ์ โทร. ๐๒-๗๒๒-๑๗๔๑-๒]

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=9766
     
  2. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    ยังสับสนว่าพระแม่ธรณีของไทยกับจีนและอินเดีย เหมือนหรือต่างกันไหม แต่คิดว่าน่าจะเหมือนกัน โดยส่วนตัวก็นับถือพระแม่ธรณีเหมือนกัน ขอให้คนไทยรักกันมาก ๆ เข้าไว้กว่าที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันที่ส่วนใหญ่จะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มากกว่าประเทศชาติ อนุโมทนา สาธุ สำหรับข้อมูลข้างต้นครับ
     
  3. ทางธรรม

    ทางธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +391
    เคยอ่านแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการทบทวนบทความดีๆ อีกครั้ง อนุโมทนาค่ะ
     
  4. onlyli

    onlyli เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +535
    ขออนุญาติ ลงข้อความบางส่วนนะครับ พระเเม่ธรณี ท่านคือพระโพธิสัตว์
    พระโพธิสัตว์ ทุกพระองค์ต้องเป็นพระเเม่ธรณีมาก่อนทั้งนั้น
    ท่าจะมี2หน้าที่ คือท่านมีทั้งกายที่อยู่ในชั้นพรหม กับตำแหน่งที่เป็นพระเเม่ธรณี
    ดังนั้นการอธิฐานแม่พระธรณีก็เท่ากับถึงพระโพธิสัตว์ด้วย

    ใครเห็นค้านก็ให้วางอุเบกขานะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...