แววตาของคนเมืองบาดาล เมื่อมาเที่ยวเมืองมนุษย์ (สมมุติแบบขำๆ น่ะ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กำลังเดินทาง, 1 สิงหาคม 2018.

  1. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    สมมุติเนื้อเรื่องว่า
    ..
    ถ้าคนเมืองบาดาลหรือ พญานาคเขาออกจากเมืองเขา
    มาเที่ยวยังเมืองมนุษย์
    และแปลงร่างมาเป็นคนบนโลกนี้
    พญานาคเป็นภพภูมิที่มนุษย์เรามองไม่เห็น
    แต่ถ้าเราสามารถมองเห็นได้ ก็คงจะดี คงจะเห็น
    พวกเขาเดินไปมาสวนทางกับเราๆ ในย่านถิ่นของเขา
    ปกติพญานาคเป็นภพภูมิที่จำพวกเดียวกับสัตว์เลื้อยคลาน จระเข้ งู
    ซึ่งปกติสัตว์เหล่านี้ตาจะไม่กระพริบ ตาโต ดุ แข็ง กระด้าง
    ส่วนพญานาคนั้นแววตาเขา ปกติจะเหมือนสัตว์เลื้อยคลานไหม
    หรือเมื่อยามเวลาที่พวกเขามาเที่ยวยังเมืองมนุษย์ แววตาพวกเขาจะเป็นเช่นไร
    ..
    สมมุติว่ามนุษย์เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อของเรา
    1. พญานาคที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ นัยต์ตาของพวกเขา จะเป็นดังภาพหมายเลข 1 หรือ 2
    2. ถ้าพวกเขาสามารถเนรมิตแววตาได้ ให้สามารถเป็นได้ทั้งรูปภาพหมายเลข 1 และ 2 จะมีเหตุปัจจัยอะไรไหม ของพวกเขาที่กำหนดให้เป็นเช่นนั้้น
    ..
    ปล. ขออภัยน่ะครับ เปิดดูไฟล์ 4635449 เปิดดูไฟล์ 4635450
    ถามแบบคนอยากรู้ ที่ยังมีกิเลสความอยากรู้นี่โน่นครับ
    1 - Copy.JPG 3.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2018
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    รูป 2 ใช่ ณเดช ป่ะ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เดรัจฉานหมายถึงร่างกายขนานพื้นโลก
    แต่ภูมิจิตไม่ใช่เดรัชฉานนะครับ
    แยกให้ดีๆนะครับ
    ภูมิจิตที่เป็นเลิศได้รับการยอมรับทั้ง ๓ ภพ
    เกี่ยวกับวิชาเดินธาตุโบราน
    ท่านเป็นพยานาคอยู่นะครับ
    บางท่านเป็นพระโพธิสัตว์มากบริวารก็มี
    เพียงแต่ติดเศษกรรมในเรื่องตบะนิดเดียว

    ทั่วไปมนุษย์มองไม่เห็น
    แต่สามารถเห็นแบบ
    คล้ายมนุษย์ได้ด้วยตาเปล่า
    ถ้าเค้าจะทำให้เราเห็นได้สบายมากๆ
    ไม่ใช่เฉพาะในฝันหรือสมาธิ
    หรือเห็นแบบไหนก็ได้ถ้าเค้า
    ให้เราเห็น

    แต่จะไม่รวมธาตุดินที่เป็นมวล
    หรือน้ำหนักแบบเราๆ
    เพราะถ้าเค้ารวมธาตุดินเมื่อไร
    โดยโครงสร้างทางกายภาพ
    เราจะไม่สามารถอยู่ใกล้ได้
    เพราะว่าจะรู้สึกร้อนไปถึงในจิต

    ส่วนแววตาไม่ได้แตกต่างอะไรกับ
    มนุษย์ทั่วๆไปเป็นไปตามวัย
    ตามฤิทธิ ตามหน้าที่ ตามบารมี
    ที่ดูเข้มหน้าคมจะเป็นพยานาคทหาร
    ที่ดูขรึมๆ ส่วนมากจะมีวิชาพิเศษ
    ถ้าเด็กๆแววตาก็บ้องแบ๊วปกติ
    ที่ชุดขาวหลวมๆ ก็หน้าตาใจดี

    ที่อาศัยเป็นกลุ่มก็มี
    แต่ไม่ชอบให้มนุษย์ไปวุ่นวาย
    เพราะเค้าติดการนั่งสมาธิ
    จนมีลูกแก้วที่ห้อยเป็นสังวาลย์
    หรือที่อยู่ตรงกลางเวลาเป็นพยานคา
    นั่นหละครับ


    ปล นิทานเล่าแล้วจบ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ 1+2 นัยน์ตา ยังสะท้อนแสง แบบ "วัตถุ (กายเนื้อ)" ภาพสะท้อนจากดวงตา "ลอยออกมา"

    +++ ตาของกายละเอียด (เนรมิต) จะเป็นแบบ "โปร่งใส" มองทะลุเข้าไป "ข้างในจิตเจ้าของ" ได้

    +++ จะไม่สะท้อนแสงแบบ "ลอยออกมา" แต่จะเป็นแบบ "โฟกัส" ที่ "ลอยลึกเข้าไปในดวงตา" ภายใน

    +++ มองเผิน ๆ ก็จะดูเหมือน "ลอยออกมา" แต่ไม่ใช่แบบ "เงาสะท้อน" มันเป็นแบบ hologram

    +++ พอมองจริง ๆ เข้าให้ มันกลับ "ลอยลึกเข้าไปข้างใน" เบ้าตาทั้งสอง ไปรวมกันที่ ข้างในกระโหลกศีรษะ

    +++ หึ หึ หึ ..... อยากเจอหรือ หือ... หึ หึ หึ ........
     
  5. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    thank you น่ะครับ
    กัลยาณมิตรใจดีสองท่าน
    nopphakan และ ธรรม-ชาติ
    ที่ช่วยไขข้อสงสัยผมตลอด
    กับคำถามที่อาจมีสาระน้อย
    แต่กับผู้ที่ยังหลงในกิเลสอยู่
    กับความอยากรู้
    ก็เลยขออนุญาตถามไถ่
    :D:D
     
  6. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    เรื่องเล่าเชิงนิยายน่ะครับ
    เพื่อความสนุกสนานเฉยๆ

    เหตุการณ์ ที่ 1 และ 2 เกิดในตอนเย็น ณ วัดแห่งหนึ่งแถวภาคอีสาน
    ช่วงวันออกพรรษา
    เวลาตอนนั้นสัก ประมาณ 1 ทุ่ม
    วันเดียวกัน ใน บริเวณใกล้ๆ กัน แต่คนละศาลา
    เป็นเหตุการณ์ไปท่องเที่ยวและเพื่อสักการะ ตามกระแสคนไทยที่เห่อท่องเที่ยวในสถานที่ ลี้ลับเหนือธรรมชาติ
    เมื่อญาติชวนไปก็ไม่อยากขัดใจเขา ไปก็ไป ไม่ขัดศรัทธา
    ..
    เหตุการณ์ที่ 1 เห็นวัยรุ่นชาย 2 คนคุยกัน หัวเราะ แต่ญาติไปด้วยไม่เห็น
    - วัยรุ่นชายอายุ 20 ต้นๆ 2 คน
    - ทั้งสองคน จู่ๆ ก็ปรากฏโพล้ะออกมาจากสถานที่ๆ มืดด้านหนึ่ง
    - (ซึ่งตอนหลังทราบว่า ด้านมืดๆ นั้นก็คือลำคลองน้ำเหมืองล้อมรอบเกาะ
    - ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าของกระทู้ ก็ไม่ได้ยินเสียง สัญญาณอะไรสักอย่างว่าในมุมมืดตรงนั้น ที่จะแสดงว่ามีคนอยู่ในบริเวณนั้น
    ..
    ลำดับเหตุการณ์
    - คณะของเจ้าของกระทู้ที่ไปเที่ยวด้วยกันทั้งหมด
    - มีญาติๆ และหลานๆ สัก 5-6 คน
    - ไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวนั้นใกล้มืดล่ะ
    - พอลงจากรถได้ ก็ได้เดินเข้าไปสักการะในพื้นที่ด้านใน
    - เพื่อเข้าไปกราบรูปปั้นของท่านพญานาคทั้ง 2 ท่าน
    - พร้อมทั้งได้ถวายบายศรีใบตองกล้วยเพื่อแสดงความเคารพ
    - หลังจากนั้นก็เดินเลี้ยวซ้ายไปทางบ่อน้ำ ซึ่งผู้คนที่เข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ มักจะนิยมนำน้ำจากบ่อแห่งนั้นมาดื่มกินและพรมศีรษะและล้างหน้าเพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของปุถุชนทั่วไป
    - เมื่อเดินออกมาจากพื้นที่ด้านในแล้ว
    - ก็จะออกมาเจอพื้นที่ที่เป็นวัด ตั้งอยู่ด้านหน้าของสถานที่แห่งนั้น
    - คณะของตนเองก็ได้เตรียมตัวจะเดินทางกลับที่พัก เจ้าของกระทู้จึงได้บอกคณะที่ไปด้วยกันว่าให้ไปเข้าห้องน้ำก่อนให้เรียบร้อย
    - เวลาขึ้นรถแล้วจะได้ไม่ลำบากเพราะช่วงเวลานั้นก็สัก 2 ทุ่มล่ะ
    - เส้นทางกลับที่พักจะมืดและไม่รู้จักปั้มระหว่างทางด้วยเดียวจะลำบาก
    - ขณะที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำนั้น
    - สายตาก็เหลือบแลไปเห็นป้ายกระดานที่แสดงแผนที่แนะนำ
    - สถานที่และสิ่งสำคัญภายในที่ท่องเที่ยวแห่งนี้แก่นักท่องเที่ยว
    - ด้วยความสงสัยจึงเดินเข้าไปอ่าน เพื่อจะได้ทราบว่าที่แห่งนี้มีข้อมูลอะไรที่สำคัญบ้าง
    - หลังจากที่เข้าไปอ่านดูแผนที่แนะนำข้อมูลต่างๆ เสร็จแล้ว
    - ก็หันหลังจะเดินย้อนกลับไปยังเส้นทางไปห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้น
    - ญาติของเจ้าของกระทู้ซึ่งจะเดินช้ากว่าคนอื่น เนื่องจากสภาพร่างกายขาไม่เหมือนชาวบ้าน จึงเดินปิดท้ายขบวนมาแบบ ช้าๆ
    - ก็เลยเดินมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
    - โดยเดินนำหน้าไปก่อนเจ้าของกระทู้สัก 4-5 ก้าว
    - หลังจากนั้นญาติก็ได้หันกลับมาถามว่า
    - เจ้าของกระทู้หัวเราะอะไร
    - ถามย้ำแล้ว ย้ำอีก
    - เดินไปอีกครั้ง 2-3 ก้าวก็หันมายืนและซักถามแบบจริงจังว่า เมื่อกี้หัวเราะอะไร
    - ก็เลยตอบไปว่า ไม่ได้หัวเราะอะไร
    - โดนญาติคาดคั้นกับคำถามเดิมๆ
    - ก็รู้สึกหงุดหงิด เลยตะคอกกลับไป ว่าไม่ได้หัวเราะอะไรและไม่ได้พูดคุยอะไรด้วย
    - ญาติพอได้ฟังดังนั้น ก็น่าซีดและหันหลังเดินหนี แบบรีบๆ จ้ำอ้าวรีบเดินไปเข้าห้องน้ำ
    - ก็เลยเดินตามและถามแบบเซาซี้ว่าอะไรเหรอๆ ทำไมถามคำถามแบบนี้ มีอะไรหรือ
    - ญาติไม่ตอบอะไร รีบเดินงุดๆ เลย
    - ยิ่งทำให้เจ้าของกระทู้แปลกใจมาก
    - ….
    - เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
    - หลังจากที่เจ้าของกระทู้อ่านแผนที่และข้อมูลจากแผ่นป้ายติดประกาศแล้ว
    - ก็หันหลังจะเดินย้อนกลับไปยังเส้นทาง ไปยังห้องน้ำ
    - ก็เห็นวัยรุ่นชาย อายุประมาณ 20 ต้นๆ 2 คน
    - เดินโพ้ละออกมาจากมุมที่มืด ด้านซ้ายมือของเจ้าของกระทู้
    - กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังศาลาที่ตั้งพระพุทธรูปสำหรับกราบสักการะบูชา ของผู้คนที่ไปยังที่แห่งนั้น
    - ซึ่งศาลานี้ผู้คน มักนำดอกไม้ ธูปเทียนไปกราบพระพุทธรูปและถวายพวงมาลัยดอกดาวเรืองเต็มไปหมดทั้งศาลา
    - ห้อยเต็มเพดานเลย ก่อนหน้านี่เจ้าของกระทู้ก็มีความรู้สึกสนใจเป็นพิเศษกับสภาพบรรยากาศแบบลึกลับ
    - ของศาลานี้ ว่าคือศาลาอะไรเหรอ ทำไมมีพวงมาลัยสีเหลืองห้อยเต็มเพดานไปหมดเยอะมาก
    - (ปัจจุบันนี้สภาพศาลาแห่งนี้ไม่เหมือนกับที่เล่าแล้วน่ะครับ หลายปีล่ะ ไปก่อนที่จะดังเหมือนปัจจุบันนี้น่ะครับ)
    - ความรู้สึกของเจ้าของกระทู้ขณะนั้น
    - แววแรกที่เห็นวัยรุ่นชาย 2 คนนี้คือ
    - ไม่ชอบเลย เพราะ
    - พอโผล่ออกมาจากที่มืด
    - ก็พากันเดินออกมา และพากันพูดคุยเสียงโขมงโฉ่งเฉงมาก หัวเราะแบบไม่เกรงใจชาวบ้าน ชาวเมือง
    - ทั้งๆ ที่เวลานั้นเป็นเวลาที่ดึกและมืดแล้ว ไม่ควรจะมาหัวเราะแบบเต็มเสียงแบบนี้
    - ลักษณะเหมือนพูดคุยถูกคอกันมาก และคงไม่ได้เจอกันมานานล่ะ เหมือนโลกนี้มีแต่เขา 2 คน
    - และกิริยาท่าทางก็เหมือนมีความดีใจสุดๆ
    - แบบหนุ่มชาวบ้านนอก แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีมอๆ (สีมอฮ้อมแพร่มอๆ เก่าๆ ทีบๆ มืดๆ ดำๆ และสวม กางเกงขายาวในสีลักษณะเดียวกับกับสีเสื้อ ทั้ง 2 คน
    - ผิวพรรณวรรณะเหมือนหนุ่มบ้านนอกทั่วๆ ไป คือ ผิวสีแทน รูปร่างกายสันทัด แข็งแรงแบบคนใช้แรงกาย
    - ทำงานเกษตรกรรม ไม่อ้วนไม่ผอม ไม่มีไขมัน
    - แสดงกิริยาดีใจแบบที่ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวงานวัด หรืองานประจำปี
    - ที่แถวบ้านบริเวณนั้นมักจะมีโอกาสจัดงานรื่นเริงแบบนี้ได้นานๆ ที
    - เหมือนดีใจที่ขออนุญาตพ่อแม่มาเที่ยวงานวัดได้
    - ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยดี เท่าไหร่กับเขา 2 คน
    - ก็เลยมองแวบเดียวและไม่สนใจ
    - ก็เลยเดินย้อนออกมาเข้าไปยังเส้นทางยังห้องน้ำ
    - แต่มุมสายตาของการมองเห็น ยังเห็นกลุ่มวัยรุ่น 2 คนนั้นเดินอยู่
    - ว่าเขาได้เดินตรงไปยังศาลา
    - และเจ้าของกระทู้ก็กำลังเดินไปยังห้องน้ำ ในลักษณะเส้นทางที่ใกล้ๆ เฉียดกันมาก
    - ตำแหน่งเส้นทางของทั้ง 2คน และเจ้าของกระทู้ ได้เดินมาใกล้กันมากขึ้น จนถึงขนาด
    - เดินเฉียดทางกันห่างแบบจะชนกันเลย ไหล่ชนไหล่ เส้นยาแดงผ่าแปด (แบบเดินจ๊ะเอ๋กันน่ะ ตอนที่ใกล้มากสุดๆ)
    - เนื่องจากไม่มีใครยอมใคร ในการที่จะหลีกเส้นทางให้อีกฝ่ายหนึ่ง
    - วัยรุ่น 2 คน เดินคุยกันมาแบบไม่สนใจใคร พากันคุยกัน หัวเราะสนุกสนาน แบบหลุดโลก
    - ส่วนเจ้าของกระทู้ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีกับเขาที่ไม่สำรวมกิริยา การพูดคุยอันเสียงดัง หัวเราะแบบไม่สนโลกนี้
    - ก็เลยเดินแบบไม่หลีกทางให้ก็แทบจะเดินชนกัน
    - ในใจตอนนั้น ก็คิดว่าญาติคนที่ถามคงจะเห็นเหมือนกันและคงจะรู้สึกเหมือนกัน
    - เพราะช่วงเวลาที่วัยรุ่น 2 คน พากันเดินมาจากด้านที่มืดๆ จนมาสวนกับเจ้าของกระทู้นั้น
    - ญาติคนที่เอยถึง ก็กำลังเดินจากฝั่งหนึ่งไปยังห้องน้ำ และเดินช้าด้วย
    - เจ้าของกระทู้จึงสรุปอนุมานว่า เป็นผู้หนึ่งในเหตุการณ์เหมือนกัน
    - และยังงั้ยก็ต้องมองเห็น วัยรุ่นนั้นเหมือนกัน
    - เพราะเขาคุยกันเสียงดังมากประมาณนั้น
    - และยังหัวเราะเอิ้กอากอีก
    - แบบหัวเราะแล้ว หัวเราะอีก
    - จนเดินไปถึงศาลาโน่นเลย
    - ดังนั้น
    - เหตุการณ์ที่ญาติถามเจ้าของกระทู้ ดังกล่าวข้างต้น
    - จึงทำให้ไม่เข้าใจกันระหว่างญาติและเจ้าของกระทู้
    - ว่าทำไมมองไม่เห็น
    - แบบนึกตำหนิในใจเลยว่า
    - ตาบอดหรือ (พูดหยาบหน่อยน่ะครับ)
    - แบบงงๆ มากน่ะว่า ทำไมถามแบบนี้
    - เพราะขนาดเสียงมา ภาพมา ขนาดนั้น
    - แล้วยังจะมาถามเซาซี้อีก
    - แบบเหตุการณ์เกิดตรงหน้า แล้วยังมาถามอีกน่ะ
    - เลยมีอารมณ์ที่ไม่ค่อยบันเทิง
    - สักเท่าไหร่ เวลาตอบคำถามให้กับญาติ ตอนที่เขาถามน่ะ
    - พอกลับมาที่รถ
    - ก็ขับรถออกมาจากวัด
    - ในตอนนี้ญาติก็เลยได้เริ่มต้นสนทนาเปิดประเด็นออกมากับเจ้าของกระทู้อีก แบบไม่กลัวล่ะ
    - ญาติแอบสารภาพออกมาว่า เมื่อกี้กลัวมาก ที่ได้ยินเสียงหัวเราะแต่มองไม่เห็นคน
    - และถามว่า เมื่อกี้แน่ใจไช่ไหมว่า
    - ไม่ได้หัวเราะใช่ไหม ซีงเขาเล่าว่า ได้ยินเสียงคนหัวเราะ แต่ไม่เห็นมีใคร
    - ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้รอจังหวะอยู่แล้ว ก็เลยได้เริ่มย้อนถามญาติทันที
    - ว่าทำไมว่าถามคำถามแบบนี้ เมื่อกี้ไม่เห็นหรือ
    - วัยรุ่นชาย 2 คนน่ะ เขาเดินสวนเรามาและพูดคุยกันเสียงดังมากและยังพากันหัวเราะเสียงดังมากมายอีก
    - ทำไมถึงไม่เห็น
    - แทบจะเดินชนกันอยู่แล้ว
    - ซึ่งในตอนหลัง เจ้าของกระทู้ก็มีแปลกใจน่ะว่า ทำไมในช่วงเกิดเหตุการณ์ เจ้าของกระทู้ไม่เอะใจอะไรสักอย่างหรือ ทำไมรู้สึกว่าทุกอย่างปกติ ทั้งๆ ที่เมื่อกลับมาพิจารณาตอนหลัง หลายๆ อย่างมันไม่ปกติ เช่น
    - (ทำไมตนเองถึงไม่แปลกใจที่ตนเอง ก็ไม่เข้าใจในประเด็นที่วัยรุ่น 2 คนนั้นพูดคุยกัน ทั้งๆ ที่เขาคุยกันเสียงดังมาก
    - แต่ทำไมตนเองถึงไม่เอะใจอะไรเลย
    - ปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไปเฉยๆ
    - ตนเองก็ไม่เข้าใจเลยและไม่แปลกใจว่า
    - ตามปกติซึ่งจะแตกต่างจากเวลาที่เราเจอชาวต่างชาติ ฝรั่งหรือคนจีน ที่เขาคุยเสียงดัง เราได้ยินปุ้บ ใจเราก็จะบอกกับตนเองว่า เป็นภาษาที่เราไม่เข้าใจ และเขาคงเป็นคนต่างชาติ
    - แต่กับเหตุการณ์นี้ เหมือนว่าตนเองฟังไม่เข้าใจ แต่ตนเองก็ไม่สนใจที่จะขบคิดว่าขณะนี้ตนเองทำไมไม่เข้าใจที่เขา 2 คนนั้นพูดคุยกัน ด้วยภาษาอะไร แปลว่าอะไร (เหมือนโดนมนตร์สะกดหรือเปล่าครับ คล้ายๆ กับ เหตุการณ์ที่ 3 ที่จะเล่าลำดับต่อไปน่ะครับ)
    - ..
    - ดังนั้น
    - เจ้าของกระทู้
    - ก็เลยอนุมานเอาว่า
    - วัยรุ่นชาย 2 คน ที่พบนั้น
    - คงจะเป็นคนเมืองบาดาล
    - เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เจ้าของกระทู้ไปเที่ยวครั้งนั้น
    - ตามความเชื่อของคนภาคอีสานและคนไทยทั่วไป
    - บอกว่าสถานที่แห่งนั้นคือ ปากทางลงสู่เมืองบาดาล
    - ที่เชื่อมต่อไปยังใต้แม่น้ำโขงน่ะครับ
    - (จบเหตุการณ์ที่ 1 น่ะครับ)
     
  7. ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ

    ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ 雪 (ひめみこ)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +292
    โห ... น่ากลัวจัง
     
  8. สะไบดินแดง

    สะไบดินแดง ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,059
    อ่านแล้วเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลยคะ
    กลัวนิดๆด้วย
     
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ก็อาจเป็นได้ แต่เดาว่า ไม่ใช่พญานาค ปกติพญานาคไม่ทำอะไรที่ไม่สำรวมกิริยาเวลาอยู่บนโลกมนุษย์ นอกจากจะบู๊หรือมีเรื่อง และเสียงดังไม่ใช่ทาง แต่ถ้าชาวบังบดไม่แน่ และเค้าอาจไม่ตั้งใจให้คุณเห็น อาจเป็นมิติเวลาที่เหลื่อมทับกันมากกว่า คุณอาจคลื่นตรงและคลื่นดีกว่าญาติคุณที่ได้ยินแค่ ฟังจากที่เล่า น่าจะจิตไว คิดไว รู้สึกไว หัวร้อนไว 555
    ป.ล. ป้าไม่รู้ ป้าเดา

    จริงๆนะ ไม่เชื่อถามป๋านพ คุณเล่าซะ พญานาคเป็นเด็กแว็นซ์ไปเลย เสียชื่อหมด เดือดร้อนป้าต้องมาแก้ต่างให้ มีบางอย่างเค้าฝากมาบอกว่า ญาติคุณไม่ได้ตาบอดหรอก แต่คนที่แยกไม่ออก ไม่แน่555

    ป.ล.2 อย่าเอาตรรกะมาใช้กับเรื่องทางจิต ใช้ความสงบ และสัญชาตญานก็พอนะจ๊ะ พ่อหนวด
     
  10. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    ผมนี่เขินเลยครับ
    ป้า jarujun สายตาดีขนาด
    รูปโปรไฟล์ของผม มันชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือครับ
    เป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวครับ
    ถามแบบเด็กอยากรู้อยากเห็น
    ในฐานะที่กำลังธรรมเพิ่งเตาะแตะ
    กำลังเรียนรู้
    ..
    ปล. ตอนนี้กำลังแอบฝึก ให้สายตามันชัดเจนอยู่ครับ
    ..
    :D:D
    ..
    ขอบคุณครับ
     
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    หึหึ ยังไม่รู้จักป้าซะแล้ว พ่อหนวด สงสัยป้าเข้าถ้ำนานไปหน่อย
    ต้องเป็น พ่อหนวดดุ น่าจะเหมาะกว่า 555
    ตอบนะ ภาพนิ่ง ถ้าแค่นึกถึง ด้วยจิตว่าง ไม่ใช่สายตามอง แต่เห็นด้วยจิต ระดับที่เห็น
    ก็ประมาณตาเนื้อนี่ล่ะ แต่ถ้าดูให้ไว จะรู้ว่ามันฉายมาจาก จิต ตรงไหน ก็ประมาณกลางลำตัว
    แต่เราชินกับตาเนื้อ มันก็เลยมาฉายระดับนั้น ถ้าจิตนิ่งๆ ภาพจะขยายไปด้านหน้า เหมือนดูหนังในโรง ตอนนี้จะเริ่มเคลื่อนไหวละ ถ้าจิตว่างและนิ่ง ภาพนั้นจะฉายได้ 360% ทั้งล่างและบน ถ้าว่างเข้าไปอีก ตัวตน ร่างกายจะหายไป กลายเป็น มีแค่เรื่องราว

    จิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป อยากจะไม่ได้ อยากได้ต้องไม่อยาก ทุกอย่างมีวาระของมัน
    บุญมีบารมีถึงก็สอบผ่านเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...