เรื่องเด่น โครงการน้ำบาดาลอันเนื่องมาจากพระราชดำริกาญจนบุรี พบแหล่งน้ำแร่ อายุ 7,530 ปี

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 18 มกราคม 2022.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    “อีสานภาคกลาง” พื้นที่ซึ่งได้รับการขนานนามต่อเนื่องยาวนานหลายศตวรรษ เพราะแล้งที่สุดในภาคกลาง คือ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี


    เพราะพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณ “เขตเงาฝน” หรือ “พื้นที่อับฝน” ในแต่ละปีจะมีปริมาณฝนตกเฉลี่ยอยู่เพียง 800-1,000 มิลลิเมตรต่อปี ในขณะที่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของประเทศไทยอยู่ที่ 1,467 มิลลิเมตรต่อปี และพื้นดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย ทำให้เก็บน้ำไม่อยู่ ไม่สามารถก่อสร้างฝายหรืออ่างเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพื้นที่ได้


    นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวก็ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน มีเพียงลำห้วยเล็กๆที่จะมีน้ำไหลในช่วงฤดูฝนเท่านั้น

    98989898.JPG

    และนั่นหมายถึงในช่วงหน้าแล้งของทุกปี ชาวบ้านต้องเดือดร้อน ทั้งน้ำกินน้ำใช้ ยิ่งเรื่องน้ำเพื่อการเกษตรก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะน้ำจะกินจะใช้ยังไม่มี ทำให้ต้องพึ่งตนเองด้วยการซื้อน้ำจากภาคเอกชน ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นอีกหลายพันบาทต่อเดือน หนำซ้ำบางปีแล้งหนักถึง 8 เดือน ก็ต้อง สิ้นเปลืองเงินจำนวนมากในการซื้อน้ำมาใช้ในแต่ละเดือน


    แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานและมีความตั้งใจอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 อันจะเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน โดยทรงรับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง หนองฝ้าย เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี” ไว้เป็น “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน จากนั้นมาชีวิตชาวบ้านก็เปลี่ยนไป

    DSC00663K10A005 (4).jpg

    EoysT2RUwAEydUw.jpg

    gallery-img-13555.jpg

    รัฐบาลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. สั่งการให้ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่เพื่อหาทางนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

    “ได้ระดมเจ้าหน้าที่จากทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สำรวจค้นหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยใช้เทคนิคและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก เริ่มจากการสำรวจธรณีวิทยา ธรณีโครงสร้างและธรณีฟิสิกส์ เพื่อหาแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล พบว่าบริเวณดังกล่าวมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล มีลักษณะเหมือนแอ่งน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ความกว้าง 6 กิโลเมตร ยาว 12 กิโลเมตร ซ่อนอยู่ใต้ดิน จึงได้เจาะสำรวจที่ความลึก 200 เมตร พบ ว่ามีชั้นกรวดทรายที่มีน้ำบาดาลกักเก็บอยู่ จำนวน 5 ชั้น พร้อมก่อสร้างบ่อน้ำบาดาลขนาด 8 นิ้ว ที่ความลึก 200 เมตร จำนวน 1 บ่อ เพื่อใช้เป็นบ่อทดลอง จากนั้นจึงสูบทดสอบปริมาณน้ำเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง พบว่าสามารถสูบน้ำบาดาลได้อย่างต่อเนื่องในปริมาณ 40 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง และส่งตัวอย่างน้ำเพื่อทำการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในห้องปฏิบัติการ ซึ่งผลวิเคราะห์คุณภาพน้ำบ่งชี้ว่า น้ำบาดาลบริเวณดังกล่าวมีคุณสมบัติเป็นน้ำแร่ มีปริมาณสารละลายมวลรวม 440 มิลลิกรัมต่อลิตร ค่า pH 7.2 มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย คือ แคลเซียม 96 มิลลิกรัมต่อลิตร แมก นีเซียม 26 มิลลิกรัมต่อลิตร โซเดียม 15 มิลลิกรัมต่อลิตร โปแตสเซียม 7.3 มิลลิกรัมต่อลิตร สังกะสี 15 มิลลิกรัมต่อลิตร และไม่พบโลหะหนัก รวม ถึงไม่พบเชื้อโรคหรือแบคทีเรีย หรือสารที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงได้ขยายผลโดยการเจาะบ่อน้ำบาดาลเพิ่มในบริเวณดังกล่าวอีก 9 บ่อ รวมเป็น 10 บ่อ เพื่อใช้เป็นบ่อผลิตหรือบ่อสูบน้ำ 8 บ่อ และบ่อสังเกตการณ์เพื่อใช้ในการติดตามระดับน้ำและคุณภาพน้ำ 2 บ่อ ขณะนี้แล้วเสร็จพร้อมใช้งาน” นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งนับจากวันนี้ชาวบ้านจะได้ใช้ประโยชน์



    ที่สำคัญแหล่งน้ำแห่งนี้ยังถือว่ามีความสะอาดบริสุทธิ์มาก เพราะได้ส่งตัวอย่างน้ำบาดาลให้สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ตรวจสอบและวิเคราะห์เพื่อหาค่าอายุของน้ำบาดาล ผลปรากฏว่า “น้ำบาดาลในพื้นที่ตำบลหนองฝ้ายมีอายุถึง 7,530 ปี” จึงทำให้มั่นใจว่าแหล่งน้ำบาดาลบริเวณนี้เป็นแหล่งน้ำแร่ธรรม ชาติที่สะอาด สามารถดื่มได้ มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์และบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน


    ขณะนี้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ก่อสร้างระบบประปาขนาดใหญ่ โดยมีถังเก็บน้ำ ขนาด 2,000 ลบ.ม. 2 ถัง และถังรักษาแรงดัน ขนาด 300 ลบ.ม.2 ถัง พร้อมท่อกระจายน้ำหรือท่อประธาน เพื่อส่งน้ำที่มีปริมาณถึง 1,700,000 ลบ.ม.ต่อปีให้กับพี่น้องประชาชนชาวตำบลหนองฝ้ายทั้งตำบลสามารถมีน้ำแร่ธรรมชาติไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี มีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งสิ้นเกือบ 6,000 คน หรือ 1,900 ครัวเรือน และยังขยายผลส่งน้ำไปให้พื้นที่เกษตรกรรมได้รับประโยชน์อีกกว่า 3,000 ไร่

    b8a3e0b899e0b989e0b8b3e0b89ae0b8b2e0b894e0b8b2e0b8a5e0b8ade0b8b1e0b899e0b980e0b899e0b8b7e0b988-3.jpg

    ปัจจุบัน นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.กาญจนบุรี สำรวจ ออกแบบ วางท่อกระจายน้ำ จาก ต.หนองฝ้ายไปยังตำบลอื่นๆอีก เพื่อให้ครอบคลุมทั้ง อ.เลาขวัญ และทั้ง จ.กาญจนบุรีแล้ว


    และในพื้นที่อื่นๆที่ขาดแคลนน้ำและที่ว่าหาน้ำยาก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะเร่งสำรวจและขุดเจาะเพื่อหาแหล่งน้ำช่วยประชาชน ตามนโยบายที่ ไม่ว่าจะแล้งแค่ไหน พี่น้องประชาชนต้องมีน้ำกินน้ำใช้ที่เพียงพอ


    “ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม” มองว่า นานหลายสิบปีที่พื้นดินหนองฝ้าย-เลาขวัญแห้งแล้ง ชาวบ้านต้องเผชิญกับความทุกข์ยากอย่างหนักจากการขาดแคลนน้ำ ทำให้ชีวิตยากจนข้นแค้น แต่นับจากวันนี้ ชีวิตจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ พระเจ้าอยู่หัว ทรงรับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง หนองฝ้าย เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี” ไว้เป็น “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่ ผ่านระบบกระจายน้ำที่ทันสมัย


    จากนี้คำขนานนามพื้นที่ “อีสานภาคกลาง” จะเป็นเพียงเรื่องเล่าขานจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่บอกต่อลูกหลานถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรสืบไป.

    b8a3e0b899e0b989e0b8b3e0b89ae0b8b2e0b894e0b8b2e0b8a5e0b8ade0b8b1e0b899e0b980e0b899e0b8b7e0b988-4.jpg

    ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม


    ขอขอบคุณที่มา

    https://www.thairath.co.th/news/local/2289549
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2022

แชร์หน้านี้

Loading...