โควิด-19 ระวังมันจะกลายพันธ์ ทั่วประเทศ พากันสอบตกแถมทุกอย่าง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย supako, 22 มีนาคม 2020.

  1. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    โควิดมันมีจุดอ่อน
     
  2. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    จะเลือกโลภ เลือกรวย เลือกข้างนั้นสีนี้ หรือเลือกข้างที่มีชีวิตรอด

    คิดถึงวันวานกันบ้างมั้ย?

    จากนี้ไปก็ไม่รู้ว่า
    จะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่
    สถานการณ์สงครามภัยพิบัติโลก
    กว่าจะสงบได้คนเหลวไหลจะตายนับแสนคน
    กว่าสงครามเชื้อโรคสงบอย่างสนิท
    คงต้องติดคุกขังตนเองกัน
    ยาวนานกว่า 18 เดือน

    ทุกคนจะได้มีเวลาทบทวนตนเองว่า
    ตนนั้นดีชั่วอย่างไร ต้องเร่งแก้ไขอะไรบ้าง
    เมื่อความตายมาใกล้
    จะเลือกโลภเลือกรวยเลือกสวยเลือกข้าง
    หรือว่าจะเลือกข้างมีชีวิตรอด

    ใครไม่สำนึกในแบบที่ว่านี้
    ยังมีท่าทีลีลาดำเนินชีวิตแบบน้ำเน่า
    แสดงว่าไม่ยอมรับเอากระบวนการไซโคโชว์ของเรากับพระบิดาฯ
    จากสถานการณ์ซ้อมรับมือโรคระบาดจากไวรัสมรณะในครั้งนี้

    การไม่ยอมรับ
    คือ การพิพากษาตนเองว่า
    ยอมที่จะถูกคัดทิ้งแน่นอนแล้ว

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    21/03/2020
     
  3. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    ข่าวนี้ลดการ ปสด.ลงเพราะเขาเริ่มมียาได้แล้ว ติดเชื้อมากกว่าคนตายหลายเท่านัก

    ขณะนี้จีนกำลังจับมือกับญี่ปุ่น
    ทำยารักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19
    ได้แล้วขนานหนึ่ง
    ชื่อ "อาวิแกน" เป็นสูตรยาของญี่ปุ่น

    หลังทานยานี้ติดต่อกัน 4 วัน
    ผลออกมาเป็นลบ
    พบว่าปอดมีอาการดีขึ้น 91%
    ทดลองกับคนป่วยกว่า 200 คน
    ก็พบว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

    จีนกำลังเร่งผลิตอยู่
    ขณะนี้เริ่มทะยอยเผยแพร่สู่ตลาดบ้างแล้ว

    จึงแจ้งมาให้ทุกท่านรับทราบ
    เพื่อลดอาการ ปสด.ลงได้บ้าง
    เพราะเราเป็นห่วงว่าท่านจะป่วยด้วยโรคนี้
    มากกว่าจะติดโรคไวรัสมรณะเสียอีก
    จึงนำหลักฐานแผงยามาแสดงไว้ด้วย

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    21/03/2020
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    อย่าตกหลุมพราง กับ พวกคนยุแยง

    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า

    การผลิตสร้างอาวุธเชื้อโรค "โควิด-19"
    ให้เป็นอาวุธสงครามชนิดใหม่
    ที่มนุษย์นำมาใช้ทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
    ซึ่งร้ายแรงน้องๆนิวเคลียร์บอมบ์อยู่ในขณะนี้
    นับว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลก
    หลังจากใช้เชื้อไวรัสเป็นเครื่องมือทางการค้า
    ในการขายยากับวัคซีนจนร่ำรวยมานาน

    ที่เรียกว่า "สำเร็จ" เพราะฝ่ายที่ถูกทำร้าย
    ถึงขั้นต้องปิดเมืองปิดประเทศ
    เพื่อจัดการเยียวยารักษาตนเองจนโงหัวไม่ขึ้น
    จนไม่มีเวลาว่างพอที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้
    ได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับสถานเดียว
    กว่าจะเอาเชื้อโรคที่ถูกปล่อยใส่ได้อยู่หมัด
    กว่าจะผลิตยารักษาได้สำเร็จ
    กว่าจะผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสถูกชนิดได้
    ประชาชนก็เสียขวัญกับการเสียชีวิตของผู้คน
    เพราะป่วยด้วยโรค "โควิด-19" ไปมากแล้ว

    นอกจากนั้น
    การเสียขวัญของผู้คน
    ยังมีสาเหตุมาจากสื่อกระพือข่าวรายชั่วโมง
    รายงานตัวเลขคนติดเชื้อเพิ่มคนตายเพิ่ม
    เหมือนช่วยสนับสนุนแผนการชั่วของผู้ร้าย
    ให้บังเกิดผลด้านจิตวิทยาต่อชาวโลกอีกด้วย

    เนื่องจากมนุษย์ส่วนใหญ่ "กลัว" ในสิ่งไม่รู้
    คือ ไม่รู้ว่าตนจะติดเชื้อโรคร้ายกับเขาเมื่อไหร่
    ไม่รู้ว่าตนจะปลอดภัยจากโรคร้ายหรือเปล่า
    ไม่รู้ว่าเชื้อโรคร้ายจะเข้าตัวตอนไหนเมื่อใด
    ไม่รู้ว่าถ้าได้รับเชื้อแล้วตนจะโชคดีหรือโชคร้าย

    เมื่อต้นทุนแห่งความกลัวติดโรคมันมีสูงเช่นนี้
    โอกาสประสาทรับประทานก่อนติดโรคก็สูงด้วย
    ถ้าเสพข่าวการแพร่ระบาดของโรคกันแบบไร้สติ

    ดังนั้น
    ท่านทั้งหลายจงอย่าตกเป็นทาสของข่าวสาร
    จนขาดวิจารณญาณเพราะไร้สติสัมปชัญญะ
    แล้วปรุงแต่งเป็นความขลาดกลัวหรือวิตกกังวล
    จนไม่เป็นอันหลับนอน ไม่เป็นอันสงบสุข
    จนยังผลให้สุขภาพกายย่ำแย่อ่อนแอลง
    และสุขภาพจิตย่ำแย่อ่อนแอไปด้วยกัน
    ผลร้ายคือ "ภูมิต้านทานโรค" ตกต่ำอ่อนแอ
    เปิดทางให้ไวรัสตัวร้ายจู่โจมท่านได้ง่ายดายขึ้น

    ท่านลองพิจารณาดูเถิดว่า
    จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข
    เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 รายงานว่า
    ประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยโรค "โควิด-19"
    รวมทั้งสิ้น 33 รายจากประชากรกว่า 60 ล้านคน
    โดยรายงานระบุว่าผู้ป่วยติดเชื้อทั้ง 33 ราย
    รับเชื้อมาจากไหนบ้าง ดังนี้

    1.คนป่วยจากการรับเชื้อมาจากคนอื่น 19 ราย
    2.คนป่วยที่รับเชื้อมาจากต่างประเทศ 8 ราย
    3.คนป่วยที่ทำงานสัมผัสกับคนต่างชาติ 6 ราย

    นอกจากนั้น
    ประวัติของคนที่ป่วยด้วยโรคนี้แล้วเสียชีวิต
    มีเพียง 1 รายเท่านั้น

    ส่วนคนที่เข้าข่ายว่าจะติดเชื้อไวรัสนี้
    ซึ่งกำลังรอผลตรวจอยู่แค่ 27 ราย เท่านั้น

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    ท่านจะเห็นได้ว่า
    โอกาสที่ท่านจะเป็นผู้หนึ่งซึ่งรับเชื้อโรคนี้
    มันจะเป็นไปได้ยากมากเลย
    เราว่าท่านจะป่วยด้วยโรคต่อไปนี้กันมากกว่า

    1.ท่านจะทรัพย์จางเพราะหุ้นตกการค้าซบเซา
    จนทำให้ท่านมีโอกาสป่วย
    เป็นโรคประสาทรับประทานได้ถึง 99%

    2.ท่านจะเป็นโรคไม่มีอะไรจะกิน 1000%
    อันเกิดจากสาเหตุในข้อ 1.เพราะไม่มีรายได้
    จึงไม่มีตังค์ซื้อหามารับประทาน

    สาเหตุที่ไม่มีอะไรจะกินประการที่สอง
    เพราะเหตุว่าสังคมมีการสร้างข่าวโกหก
    จากพวกลวงโลกบ้างพวกบ้าการเมืองบ้าง
    จนทำให้ผู้คนแตกตื่นไปแย่งกันซื้อสินค้ากักตุน
    ทำให้สินค้าราคาแพง หาซื้อยาก ขาดตลาด
    แม้มีตังค์ก็ซื้อหาข้าวสารอาหารแห้ง-สดไม่ได้
    เพราะถูกกว้านซื้อไปเก็บตุนที่บ้านกันหมดแล้ว

    3.ท่านจะเหลือโอกาสป่วยด้วยโรคนี้กับเขาได้
    หากพิจารณาตามสถิติข้างต้นของคนป่วยจริง
    ก็มีประมาณว่าแค่ 1% เท่านั้นเอง

    เมื่อความจริงมันเป็นเช่นนี้แล้ว
    ท่านทั้งหลายจะฉลาดในการดำเนินชีวิต
    อย่างสงบสุขไร้วิตกกังวลขึ้นมาได้บ้างนะ
    ความเชื่อมั่นในตัวท่านเอง
    จะยังผลให้ความไร้กังวลเพิ่มมากขึ้น

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    ท่านจะมีความสงบสุขอย่างแท้จริง
    ในท่ามกลางสนามรบของมหาอำนาจโลกได้
    ด้วยการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้ คือ

    1.จงเชื่อมั่นในตนเองว่า
    ท่านเป็น "ยุวจิตจักรวาลทายาท" คนหนึ่ง
    ที่เชื่อมั่นในพระบิดาฯ ศรัทธาเรา
    เป็นผู้ปฏิบัติตามพระโอวาทตลอดมา
    ครองมหาสติและมีปณิธานแห่งการหลุดพ้น
    ดำเนินชีวิตเยี่ยงบุตรมนุษย์ที่ดีตลอดมา

    เราสัญญาแล้วว่า "เราจะช่วยท่านให้รอด"
    เราจะช่วยท่านให้ปลอดภัยจากสิ่งเลวร้าย
    ปลอดภัยจากสิ่งที่ท่านไม่มีหนทางสู้
    รอดพ้นจากโพยภัยที่สองตาท่านมองไม่เห็น
    ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แห่ง "พญานกฟีนิกซ์"
    เทพเจ้าแห่งอัคคีที่พระบิดาประทานมา
    ให้คุ้มครองพวกท่านมาเผาผลาญสิ่งเลวร้าย
    ให้ปลาสนาการออกไปจากชีวิตและจิตวิญญาณ
    ของบุตรมนุษย์ที่อยู่ในพระโอวาทมาตลอด
    ซึ่งเป็นประดาผู้ที่ได้รับความรอดนั่นเอง

    2.จงเชื่อมั่นในคณะผู้บริหารประเทศนี้
    ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบความผาสุขของประชาชน
    จงเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะมีศักยภาพเพียงพอ
    ที่จะนำพาประชาชนรอดพ้นภัยนี้ได้แน่
    เพราะจิตวิญญาณพวกเขาถูกโปรแกรมให้ทำ
    ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

    แต่ท่านต้องให้ความร่วมมือรัฐกันอย่างเต็มที่
    สามัคคีกันต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายให้จริงจัง
    แม้อดีตที่ผ่านมาจะมีบางสิ่งไม่ดีที่พวกเขาทำ
    แต่เวลานี้ทุกคนในชาติต้องพักมันไว้ก่อน
    เลิกแบ่งขั้วแบ่งข้างแบ่งพรรคแบ่งมิตรแบ่งศัตรู
    มาร่วมมือกันสร้างความปลอดภัยให้ประเทศ
    จากโรคร้ายที่กำลังระบาดทั่วโลกกันก่อน

    3.จงมีวินัยในการดำเนินชีวิตประจำวัน
    โดยเน้นสุขอนามัยในการอุปโภคบริโภค
    ตามที่หน่วยงานทางการแพทย์ให้คำแนะ
    และเน้นวิธีการใช้ชีวิตประจำวันกันให้มากขึ้นว่า
    จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะปลอดภัย
    จากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    จงนำข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขรายงาน
    ที่เรานำมาแสดงเอาไว้ข้างต้นบทสนทนานี้
    มาวิเคราะห์เพื่อหาทางป้องกันตนเองไว้
    แล้วท่านจะพบคำตอบว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
    จึงปลอดภัยจากโรค "โควิด-19"
    ที่ถูกสร้างภาพจนน่ากลัวเกินจริงโรคนี้ได้

    เราเชื่อว่า
    หากท่านได้รับคำตอบด้วยตนเองแล้ว
    การป่วยทางจิตที่เรียกว่า ปสด.
    มันจะไม่เกิดแก่ท่านอีกต่อไปอย่างแน่นอน

    ตัวอย่างเช่น

    1.ถ้าท่านรู้ว่าสถิติคนป่วยด้วยโรคนี้
    เพราะติดเชื้อไวรัสมาจากคนอื่น รวม 19 ราย
    ท่านก็ต้องระวังในการสัมผัสสัมพันธ์กับคนอื่น
    โดยงดสังสันทน์กับใครที่ไหนเอาไว้ก่อน
    พึงเก็บตัวเองอยู่กับบ้านเอาไว้จะเหมาะกว่า

    ตามสถานที่อโคจรต่างๆก็เช่นกัน
    เช่น งานเลี้ยงทุกชนิดต้องงด
    ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด
    สถานบันเทิงที่ท่านชอบไป
    รวมทั้งสถานที่มีผู้คนหนาแน่นแออัด
    ถ้าไม่จำเป็นก็ควรงดเข้าไปในนั้นไว้ก่อน

    เพราะคนที่ป่วยด้วยโรคนี้นั้น
    บางท่านบางคนก็ยังไม่รู้ตัวว่าตนป่วยด้วยซ้ำ
    เนื่องจากไวรัสถูกสร้างให้แสดงอาการช้า
    กว่าจะรู้ตัวว่าตนติดเชื้อโรคร้ายนี้
    มันก็ผ่านไปนานร่วม 7-14 วันแล้ว

    กรณีที่จำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้าน
    ท่านก็ควรเรียนรู้ที่จะป้องกันตนเองให้พร้อม
    ด้วยการสวมหน้ากากที่ใช้ป้องกันไวรัสได้
    ขยันล้างมือตลอดวันด้วยแอลกอฮอล์ 75%
    รวมทั้งคำชี้แนะที่เรานำมาสนทนาไว้ก่อนหน้านี้

    2.ถ้าท่านรู้ว่าสถิติคนป่วยด้วยโรคนี้
    เพราะรับเชื้อมาจากต่างประเทศถึง 8 ราย
    ท่านก็จงงดเว้นการเดินทางท่องเที่ยว ตปท.
    เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคนี้
    และจะไม่เป็นผู้นำเชื้อโรคเข้าประเทศอีกด้วย

    3.ถ้าท่านรู้ว่าสถิติคนป่วยด้วยโรคนี้
    เพราะทำงานสัมผัสกับคนต่างชาติรวม 6 ราย
    ท่านก็คงต้องอยู่ห่างคนต่างชาติเอาไว้ก่อน
    หรือถ้าจำเป็นต้องทำงานร่วมกับคนต่างชาติ
    ก็ให้รอบคอบรัดกุมในการป้องกันตนเอง
    โดยไม่ทำตัวตามสบายเหมือนในยามปกติ

    4.ถ้าท่านรู้ว่าเชื้อโรคติดต่อผ่านสารคัดหลั่ง
    จำพวกน้ำมูก น้ำลาย ก็ให้ระวัง
    อย่าให้สารคัดหลั่งเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายท่าน
    ผ่านกลไกอายตนะทั้งสามช่องทางนี้
    คือ ปาก จมูก และตาเด็ดขาด

    ท่านต้องรู้ต่อไปด้วยว่า
    สารคัดหลั่งเหล่านี้
    มันจะเข้าสู่ตัวท่านได้อย่างไรบ้าง

    คำตอบคือ
    1.เชื้อโรคจะมาจากมือของท่านเอง
    ที่จับนั่นโน่นนี่แล้วนำมันเข้าปาก

    ตอนที่ใช้มือหยิบอาหารรับประทาน
    ตอนที่ใช้มือหยิบแก้วดื่มน้ำ
    ตอนที่หยิบขวดน้ำร่วมเพื่อรินน้ำใส่แก้วตนเอง
    ตอนที่หยิบช้อนกลางทานอาหารร่วมสำรับ
    ตอนที่ท่านใช้มือหยิบจับธนบัตร
    ตอนที่ท่านใช้มือหยิบจับบัตรจอดรถ
    ตอนที่ท่านหยิบรับเครดิตการ์ดจากพนักงาน

    ทั้งหมดนี้เป็นจุดอ่อนของท่าน
    มักเป็นทีเผลอ
    ท่านจึงต้องระวังการใช้มือทั้งสองข้าง
    และต้องหมั่นล้างมือท่านบ่อยๆ

    2.เชื้อโรคจะมาจากอากาศ
    โดยคนป่วยไอจามในขณะที่ท่านอยู่ตรงนั้น
    หรือมีคนไอจามตรงนั้นก่อนที่ท่านจะเข้าไป
    ภายในเวลาไม่เกิน 5-10 นาที
    เพราะอาจมีเชื้อไวรัสนี้ลอยอยู่ในอากาศได้

    แม้ว่าไวรัสชนิดนี้จะมีน้ำหนักตัวมากกว่า
    เชื้อไวรัสโคโรน่าตัวก่อนหน้านี้ก็ตาม
    เพราะมันถูกสร้างให้มีไขมันห่อหุ้มมันอยู่
    ท่านก็ต้องสวมใส่หน้ากากปิดปากจมูกไว้ก่อน
    เพื่อป้องกันเอาไว้ดีกว่า

    บทสนทนาครั้งนี้
    ก็ยังเป็นคำแนะนำการป้องกันตัวท่าน
    ด้วยวิธีการทางโลกอีกเช่นเคย

    บทสนทนาครั้งต่อไป
    จะตอบคำถามท่านได้ว่า
    พระบิดา เรา และพญานกฟีนิกซ์
    จะช่วยให้ท่านรอดปลอดภัยได้อย่างไร
    มันเป็นศาสตร์ด้านอภิปรัชญา
    ต้องใช้ปัญญาของสมองซีกขวาเท่านั้น
    จึงจะรู้แจ้งในสิ่งที่เราจะกล่าวได้

    ขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากไวรัสนี้

    กราบพระบาทพระบิดาฯ
    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    17/03/2020
     
  5. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    ไวรัวโควิด-19 จะพิสูนจ์ ใครสอบตกเป็นตาย ใครสอบผ่านเป็นรอด ได้เลย
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

    ตลอดระยะสองเดือนเศษที่ผ่านมา
    นับตั้งแต่ไวรัสมรณะโคโรน่า สายพันธุ์อู่ฮั่น
    ที่เป็นเหตุให้พี่ๆน้องๆป่วยด้วยโรค #โควิด19
    อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วโลก

    ทั้งรายที่เป็นผู้ป่วยซึ่งกำลังติดเชื้อโรคนี้กันอยู่
    ทั้งผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้และต้องตายไปแล้ว
    ทั้งผู้ที่กำลังติดเชื้อโรคนี้อยู่แต่ยังไม่รู้ตัว
    ทั้งผู้ที่ป่วยทางจิตประสาทเพราะขลาดกลัว
    ซึ่งยังเป็นผู้ไม่เสี่ยงจะติดเชื้อไวรัสมรณะนี้เลย

    ท่านทั้งหลายคงจะยังจำกันได้ดีว่า
    เราได้เผยความลับสวรรค์ให้ท่านรู้กันบ้างแล้ว
    ว่าพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
    ทรงอนุญาตให้ฑูตสวรรค์ "หยิบ" ไวรัสมรณะ
    ที่มนุษย์สร้างมันขึ้นมาเองจากห้องแลป
    แล้วนำมาก่อสงครามชีวภาพทำร้ายกันเองนี้
    เข้าสู่แผนปฏิบัติการชำระโลกด้วยภัยพิบัติได้
    โดยมีเป้าหมายสำคัญดังต่อไปนี้คือ

    1.ทรงมีพระประสงค์ที่จะส่ง "สัญญาณเตือน"
    บุตรมนุษย์ในทุกประเทศทั่วโลกให้รับรู้ว่า
    มหันตภัยพิบัติในปฏิบัติการชำระโลกครั้งใหญ่
    ที่ทรงสื่อสารผ่านเราตลอดมานั้นเป็นความจริง

    โดยคำว่า "ภัยพิบัติ" ที่กล่าวนี้
    มิใช่เกิดจากภัยจากธรรมชาติตามปกติทั่วไป
    แต่มีผู้อยู่เบื้องหลังการเกิดทั้งสิ้น
    ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัยที่รุนแรงจากฝนตกหนัก
    แผ่นดินไหวใหญ่ แผ่นดินยุบ แผ่นดินแยก
    พายุหมุนขนาดใหญ่ระดับทำลายล้าง
    ภูเขาไฟปะทุรุนแรงจนแทบจะระเบิด
    สภาพอากาศโลกที่วิปริตแปรปรวนผิดปกติ
    จนกระทั่งภัยพิบัติจากโรคระบาดร้ายแรง
    ก็ล้วนอยู่ในแผนปฏิบัติการชำระโลกทั้งนั้น

    2.นอกจากพระองค์จะส่งสัญญาณเตือน
    ให้รู้ตัวล่วงหน้าว่า "ภัยพิบัติโลก" กำลังมา
    และจะถี่ขึ้นรุนแรงขึ้นกระจายทั่วมากขึ้นแล้ว
    พระองค์ยังมีพระประสงค์ให้มนุษย์ทั้งหลาย
    ได้เรียนรู้และฝึกฝนด้วยสถานการณ์จริง
    ที่เป็นภัยพิบัติในทุกรูปแบบด้วยว่า

    ท่านจะเอาชีวิตรอดปลอดภัยได้อย่างไร
    ท่านมีความพร้อมจะเผชิญภัยนั้นมากแค่ไหน
    ท่านจะสร้างความพร้อมในสิ่งที่ขาดในด้านใด
    ถ้าต้องเผชิญภัยพิบัติลักษณะนี้อีกในอนาคต
    ซึ่งท่านต้องมีวิธีเผชิญภัยที่ได้จากประสบการณ์นี้
    เพื่อนำพาชีวิตและจิตวิญญาณให้รอดในครั้งหน้า
    ถ้าต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติแบบเดียวกันอีก
    ซึ่งในอนาคตนั้นมันย่อมจะรุนแรงกว่าปัจจุบันแน่ๆ
    มิใช่ทิ้งประสบการณ์ปัจจุบันไปโดยไม่ได้อะไรเลย

    ท่านทั้งหลายจงจำเอาไว้เถิดว่า
    ถ้าภัยพิบัติใดในปัจจุบันที่ทรงยื่นให้เป็นครั้งแรก
    บุตรมนุษย์คนใดที่ยอมรับและรู้ตัวว่าสอบตก
    ทั้งบทเรียนและบททดสอบบางบทหรือทั้งหมด
    พระองค์จะทรงเมตตามอบโอกาสให้ท่านใหม่
    ด้วยการหยิบยื่นเงื่อนไขแบบเดิมแต่ยากกว่า
    มาให้พี่ๆน้องๆชาวโลกเสรีได้ทดสอบตนเองใหม่
    แต่เนื่องจากเป็นปฏิบัติการชำระโลกจริงๆ
    มิใช่ปฏิบัติการไซโคโชว์เพื่อสร้างจิตสามนึก
    และยกระดับจิตตปัญญาเหมือนผจญภัยครั้งแรก

    ดังนั้น
    ครั้งนี้ท่านอาจสอบตกได้เพราะเป็นการทดลอง
    แต่ครั้งต่อไปนั้นฑูตสวรรค์ฝากเราย้ำต่อท่านว่า
    "ใครสอบตกเป็นตาย ใครสอบได้เป็นรอด"

    3.เพราะพระองค์ประทานภัยพิบัติ
    เป็นไวรัสมรณะมาให้ชาวโลก
    ได้เริ่มเรียนรู้กันเป็นบทเรียนแรก
    ด้วยปฏิบัติการ PsychoShow ของ Parinya

    เงื่อนไขต่างๆจากโรคระบาดที่ถูกออกแบบไว้
    จึงล้วนเป็นเรื่องจริงในชีวิตจริงของพวกท่าน
    แต่เป็นแค่สถานการณ์ "จำลอง" ของพระองค์
    ที่ทรงกำหนดเงื่อนไขง่ายๆหล่ายแง่ไว้ให้เรียนรู้
    เพื่อการยกระดับสติปัญญา ความกล้าหาญ
    ความรักและจิตสามนึกแห่งการเป็นมนุษย์
    มากกว่าการมุ่งที่จะ "คัดทิ้ง" หรือ จะ "คัดไว้"

    ดังนั้น
    ผู้ที่ต้องถูกชำระด้วยการคัดทิ้งให้ตายไป
    จะมีจำนวนน้อยกว่าจำนวนผู้ที่ป่วยติดเชื้อ
    ซึ่งเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่
    ในการฝึกฝนตนเองด้วยประสบการณ์ตรง
    จากโรคระบาดกันด้วยตนเองจริงๆ

    ขณะที่คนส่วนมากของโลกเสรีนี้
    ที่ยังมิได้ถูกกำหนดให้เป็นผู้ป่วยด้วยไวรัสมรณะ
    เช่น ประเทศไทยใน ตจว.มิได้ทรงใช้เป็นห้องเรียน
    โรคระบาดจากไวรัสมรณะจึงมิได้มีจุดเกิดที่ ตจว.
    นอกจากผู้ที่ถูกเลือกให้ติดโรคระบาดตามแผน
    จะทำตัวเองเหลวไหลเลินเล่อ
    พาเชื้อโรคจาก กทม.ไปแพร่ยังบ้านเกิดเสียเอง

    คน ตจว.และคน กทม.ที่ปลอดจากโรคนี้ได้
    ก็จะเป็นผู้ชมผู้ดูผู้ร่วมเรียนรู้
    ผ่านประสบการณ์จริงของคนที่ป่วย
    จากการติดเชื้อไวรัสมรณะ "โควิด-19" นี้
    ทั้งที่ล้มตายไปแล้วและคนป่วยที่ยังมีชีวิตอยู่

    เป้าประสงค์ของพระองค์ก็คือ
    ทรงปรารถนาจะให้ท่านทั้งหลาย
    ได้เรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับโรคระบาด
    อย่างเชี่ยวชาญและมั่นใจโดยไม่สติแตก
    ทั้งจากประสบการณ์ตรงและโดยอ้อม

    เพื่อให้ท่านมีโอกาสนำลูกแก้วสองดวง
    ที่ทรงประทานผ่านเรามา
    มอบให้ท่านทั้งหลายไว้ล่วงหน้านานมาแล้ว
    ได้นำมาใช้จริงในสถานการณ์จริงนี้กันบ้าง
    นั่นคือ มหาสติและปณิธานแห่งการหลุดพ้น

    4.พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    เนื่องจากแผนปฏิบัติการชำระโลก
    ในอนาคตอันใกล้ซึ่งก็คงอีกไม่นานเกินรอ
    สงครามเชื้อโรคของชาวโลกทั้งหลาย
    ก็จะยังคงนำมาใช้เป็นอาวุธลับสู้รบกันต่อไปอีก
    เพียงเพราะเหล่ามนุษย์โลกไม่รักกัน
    จึงต้องตกหลุมพรางของประดา "มอดเจ้าเล่ห์"
    หันมาทำร้ายกันเองด้วยสงครามเชื้อโรค
    ซึ่งแต่ละฝ่ายจะกระทำต่อกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    ที่เรากล่าวว่ามันจะรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
    เพราะมันจะมิใช่แค่บทเรียนกับบททดสอบแล้ว
    แต่จะเป็นการชำระทิ้งและชำระไว้กันจริงๆ
    โดยช่างเทคนิกพระบิดา
    จะไม่เข้ามาแทรกแซงเหมือนครั้งนี้อีกแล้ว
    แม้จะยังยอมหยิบเอามาเป็นภัยพิบัติหนึ่ง
    ในแผนปฏิบัติการชำระโลกอยู่ต่อไปก็ตาม

    เช่น จะไม่คอยตีกรอบให้ไวรัสมรณะ
    แพร่ระบาดอยู่ภายในเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย
    โดยมิให้แพร่ระบาดอย่างสะเปะสะปะ
    เหมือนเช่นครั้งนี้อีกแล้ว
    แปลว่าถ้ามนุษย์ทำสงครามเชื้อโรคกันอีก
    ผู้ที่ตัดสินใจเลือกข้างพระองค์
    เพราะจำพระองค์ได้แล้วเท่านั้น
    จึงจะได้รับความรอด

    ดังนั้น
    การที่ทรงยอมให้ท่านทั้งหลาย
    ได้รับประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
    จากการเผชิญกับโรคระบาดร้ายแรงนี้
    ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ #เรียนรู้ ด้วยตนเอง
    เพื่อเก็บข้อมูลสำคัญและฝึกทักษะการเผชิญภัย
    เพื่อการออกแบบวิธีเผชิญโรคระบาด
    ที่ฉลาดแยบยลและมั่นใจได้ว่า
    ถ้าโรคร้ายใหม่ๆเข้าโจมตีชาวโลกอีกในครั้งหน้า
    ท่านจะมีวิธีการผ่านมันไปได้โดยไม่เสียขวัญ

    5.เป้าหมายสำคัญประการต่อมา
    ที่ทรงยอมให้ฑูตสวรรค์หยิบเอาสงครามโรค
    ซึ่งมนุษย์ใจร้ายสร้างขึ้นมาใช้โจมตีอริ
    เป็นหนึ่งในภัยพิบัติเพื่อการชำระโลกและมนุษย์
    ด้วยปฏิบัติการ "ไซโคโชว์" ของ #ปริญญา
    เพื่อยกระดับจิตตปัญญาพวกท่าน
    มากกว่าการเน้นจะเอาชีวิตใคร
    เพื่อชำระล้างโลกเหมือนปฏิบัติการจริงก็คือ

    ทรงมีพระประสงค์จะ "เตือน" สติ
    มนุษย์จำนวนมากที่คุ้นชินอยู่กับ #อบายมุข
    ที่ฝ่ายมารซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพระเจ้า
    ใช้ล่อหลอกมนุษย์ให้งมงายไปติดอยู่ในกับดัก
    จนมิอาจนำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นนิพพาน
    ออกไปจากอนันตจักรวาลได้

    ให้ท่านทั้งหลายที่ฝักใฝ่ได้หันมา "ฉุกคิด"
    เพื่อทบทวนตนเองกันเป็นครั้งสุดท้ายว่า
    อย่านำพาตนเองไปข้องแวะอบายมุขเด็ดขาด
    เพราะพระองค์มิทรงปลื้มพระทัย

    ดังนั้น
    ในปฏิบัติการชำระโลกสู่ยุคพลังงานใหม่นี้
    เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้โดยทั่วกันว่า
    ผู้ใดฝักใฝ่อบายมุขคือผู้ไม่เลือกข้างพระองค์
    แม้ผู้ใดจะเสพยาบ้าเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น
    ทรงบัญชาให้ฑูตสวรรค์คัดผู้นั้นทิ้งทันที
    พระองค์จะไม่ประทานความรอดให้แก่ผู้นั้น

    แผนปฏิบัติการ "ไซโคโชว์" ครั้งนี้ก็เช่นกัน
    ท่านทั้งหลายจะสังเกตได้ว่าโรค "โควิด-19"
    ไวรัสมรณะครั้งนี้จะมีจุดเผยแพร่ใน "สนามมวย"
    ซึ่งท่านทั้งหลายจะปฏิเสธมิได้ว่า
    แม้จะเป็นกีฬาการต่อสู้ของลูกผู้ชายที่ไม่ผิดบาป
    แต่ยอมรับมั้ยว่ารอบๆขอบเวทีจะไม่มี #การพนัน

    ท่านจะรอสังเกตกันต่อไปอีกหน่อยก็ได้ว่า
    ผู้โชคร้ายรายต่อไปที่จะป่วยเพราะติดเชื้อโรคนี้
    ถ้าไม่เป็นผู้ที่อยู่ในโซนการเล่นพนันคือริงไซซ์
    ก็เป็นบุคคลสำคัญที่สนับสนุนให้เกิดอบายมุขนั้น
    ทั้งพี่เลี้ยง ทั้งโค้ช ทั้งกรรมการ ทั้งเจ้าหน้าที่
    ไม่เว้นแม้แต่ท่านเจ้ากรมผู้มีอำนาจสุดของสนาม
    ต้องถูกนำตัวเข้ากักกันเพื่อรักษาโรคกันวุ่นวายแน่

    นอกจากนั้นท่านยังจะเห็นได้อีกว่า
    จุดแพร่ขยายกระจายโรคอีกแหล่งหนึ่ง
    ก็คือสถานบันเทิงเริงรมย์ยามราตรี
    ซึ่งหลายคนอาจเคยชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ
    แต่ในทางศาสนาก็จัดว่าเป็นสถานที่อโคจร
    ซึ่งผู้ทรงศีลครองธรรมไม่ควรเข้าไปมิใช่แค่พระ

    เพราะสถานที่ประเภทนี้
    มีสุรายาเมาที่ดื่มแล้วทำลายสังขารและสติ
    จนยังผลให้มีอายุขัยสั้นกว่าที่ควรจะเป็น
    และน้ำเมายาเมาก็ทำให้ใช้ปัญญาเลิศไม่ได้
    อันเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง
    ตามครรลองของผู้ต้องการหลุดพ้นอย่างยิ่ง

    นอกจากนั้นในแหล่งบันเทิง
    ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นแหล่งอบายมุขอื่นๆ
    ที่จะทำให้จิตสามนึกมนุษย์ตกต่ำได้ด้วย
    เพราะในนั้นมีหลายสิ่งที่จะทำให้งมงายลุ่มหลง
    จนไม่สามารถที่จะคนตนเองให้เป็นมนุษย์ได้
    เพราะอบายมุขทำให้จิตตปัญญาบกพร่องนั่นเอง

    6.ทรงมีพระประสงค์ให้ท่านทั้งหลาย
    ฉลาดใช้ปัญญาในการเรียนรู้ข้อมูลข่าวสาร
    มิใช่เกิดอาการ "เมาข่าวสาร" จากสื่อสารมวลชน
    จนเกิดอาการขลาดกลัว
    เพราะท่านไม่ฉลาดในการเรียนรู้

    เช่น ไปหลงตัวเลขสถิติคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น
    เพราะกลัวว่าตัวเองจะป่วยติดเชื้อไปกับเขาด้วย
    กลัวจนประสาทรับประทานไปเลย
    ทั้งๆที่จำนวนคนป่วยที่เพิ่มขึ้นนั้น
    มาจากแหล่งแพร่เชื้อที่จำกัดพื้นที่เท่านั้นเอง
    เช่น สนามมวย สถานบันเทิง รับมาจาก ตปท.
    เป็นคนใกล้ชิดที่เคยสัมผัสคนต่างชาติ
    และคนที่ไปรับเชื้อจากคนที่ป่วยติดเชื้ออยู่
    สถิติคนป่วยที่เพิ่มขึ้นรายวันนั้น
    อยู่ในกลุ่มของผู้คนเหล่านี้ทั้งสิ้น

    จึงไม่รู้ว่าจะสติแตกไปทำไม
    หากไม่ต้องการติดโรคระบาดนี้
    ทางการแพทย์ก็แนะนำท่านไว้มากมายแล้วว่า
    ท่านต้องมีวินัยในการป้องกันตนเองให้จริงจัง
    มิใช่เห็นเป็นเรื่องล้อเล่นเห็นเป็นเรื่องสนุก
    หรือเอาแต่เป็นทุกข์ด้วยวิตกจริต

    เพียงแค่ท่านรู้รักษาตัวให้รอดไว้
    อีกไม่นานทั้งวัคซีนป้องกันกับยารักษา
    พระบิดาฯได้ทรงเมตตาเปิดเผยสูตรมาให้แล้ว
    ผู้มีหน้าที่ผลิตก็จะผลิตขึ้นมาให้ได้ใช้

    ท่านจงอย่าขลาดกลัวทำตัวดีๆเข้าไว้
    โดยจงสั่นสะเทือนจิตหยาบเป็นความรักเข้าไว้
    เพื่อผลิตสร้างอนุภาคประจุบวกหรือโปรตอน
    สั่งสมไว้เป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าด้านบวก
    ของเม็ดเลือดแดงที่เคลื่อนไหลอยู่
    ในระบบชีววิทยาของท่านกันมากๆ

    เมื่อโคโรน่าไวรัสที่มีประจุบวกเหมือนกัน
    เดินทางเข้าสู่ร่างกายของท่าน
    ก็จะไม่ทำลายเม็ดเลือดแดง
    เพราะเป็นบวกด้วยกันนั่นเอง

    แต่ถ้าวันๆหนึ่งท่านสั่นสะเทือนจิตเป็นด้านลบ
    สภาวะจิตถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหาราคะ
    ตกเป็นทาสอารมณ์ขยะรายวันจนเคยตัว
    ภายในร่างกายท่านจะเต็มไปด้วยประจุลบ
    ซึ่งเป็นเหมือนถังขยะอันแสนสกปรก
    เจ้าตัวโคโรน่าไวรัสที่เข้าไปในร่างกายท่าน
    ก็จะสุขสำราญในการกินประจุลบเป็นอาหาร
    ซึ่งพวกแพทย์ที่ส่องกล้องมองเป็นว่า

    โคโรน่าไวรัสรุมกันกัดกินเม็ดเลือดแดง
    ทั้งๆที่แท้จริงแล้วประจุลบของเม็ดเลือดแดง
    ซึ่งกำลังจะนำไปขนถ่ายทิ้งที่สมองซีกซ้าย
    คือเป้าหมายหลักของ #โคโรน่าไวรัส

    ขอให้ท่านที่เป็นคนดี
    ขอให้ท่านที่เป็นคนฉลาด
    ขอให้ท่านที่รักพระบิดาศรัทธาเรา
    ขอให้ท่านที่อยู่ใต้เงาปีกแห่งรักของเรา
    ในพระนามเทพแห่งอัคคีพญานกฟีนิกซ์
    จงได้รับความรอดโดยทั่วหน้า

    กราบพระบาทองค์จิตจักรวาล
    พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง

    เอเมน <3 สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    23/03/2020
     
  6. Happy_Me

    Happy_Me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +314
     
  7. Happy_Me

    Happy_Me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +314
    แบบแปลภาษาไทย

     
  8. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    รัฐบาลนี้สอบตก บอกไม่หยุดสงกรานต์แต่ให้หยุดกิจกรรมหลายวันช่วงสงกรานต์ ทำให้ปชช.สอบตกตามไปด้วย การตายจะมากขึ้น ยาจะแรง ขึ้น ที่เหลืออ่านเอาครับ
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    ปรากฏการณ์โรคระบาด
    จากเชื้อโคโรน่าไวรัสมรณะ
    ที่ทำให้เกิดโรค "โควิด-19" ซึ่งเริ่มต้นที่อู่ฮั่น
    ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน
    ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์จนถึงบัดนี้
    นับได้ราวๆ 2 เดือนเศษแล้ว

    จากนั้นเชื้อไวรัสดังกล่าว
    ก็ได้แพร่ระบาดไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก
    ภายใต้การควบคุมปฏิบัติการของช่างเทคนิก
    ที่หยิบเอาอาวุธเชื้อโรคของฝ่ายตะวันตก
    ซึ่งส่งเข้าโจมตีอริทางฝ่ายตะวันออก
    มาเป็น "ภัยพิบัติ" ให้พี่ๆน้องๆทั้งโลก
    ได้ใช้เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือชิ้นสำคัญ
    ในกระบวนการ PsychoShow ของ Parinya

    ที่จะใช้ทดสอบระดับจิตสามนึกของชาวโลก
    และช่วยฝึกทักษะการใช้จิตตปัญญา
    ในการดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกันอย่างลงตัว
    รวมทั้งการเรียนรู้ที่จะออกแบบวิธีเอาชีวิตรอด
    เมื่อต้องเผชิญกับโรคระบาดมรณะในวันหน้า
    จากประสบการณ์จริงของ "โควิด-19"
    แต่เป็นสถานการณ์จำลองในห้องเรียนโลกนี้

    โดยที่แผนการในเบื้องต้นนั้น
    ช่างเทคนิกต้องการให้บทเรียนและบททดสอบ
    แก่คนส่วนใหญ่ในทุกระดับชั้นเท่านั้นเอง
    ยังมิได้เน้นจำนวนคนที่จะต้องถูก "คัดทิ้ง" เลย
    ผู้ที่อาจต้องลงทุนด้วยชีวิตจากสงครามครั้งนี้
    ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงก็คือ

    1.ผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับอบายมุข
    จนลุ่มหลงงมงายในวัตถุมายาทั้งหลาย
    จนลืมทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
    ด้านของแก่นแท้

    2.ผู้ที่มักมากมัวเมาในกามกิเลสแห่งโลกิยะ
    จนไม่สามารถเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกได้
    ซึ่งทำตนเป็นดั่งขยะรกโลกมานานแล้ว

    3.ผู้ที่มีผลกรรมติดตัวอยู่มากกว่า 30%
    ซึ่งเป็นพวกปฏิเสธพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
    พวกที่ทำตนเป็นคนไม่มีศาสนา
    พวกที่ไม่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง
    พวกที่ทำตนเป็นอุปสรรคในการรู้แจ้งของผู้อื่น

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    หากท่านจะสังเกตให้ดีแล้ว
    จุดแพร่เชื้อโรคระบาดมรณะในครั้งนี้
    จะเป็นพิกัดสถานที่ซึ่งผู้คนกลุ่ม 1 และ 2
    เข้าไปรวมตัวกันอยู่ในนั้นทั้งสิ้น
    เช่น สนามมวยและแหล่งบันเทิง นั่นเอง
    โดยผู้ที่ทำตัวเป็นพาหะแบกขนเชื้อโรคเข้ามาให้
    ก็คือคนที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ
    ทั้งคนไทยเองและคนต่างชาติ

    ดังนั้น
    ปฏิบัติการไซโคโชว์ของ "ปริญญา" ครั้งนี้
    จึงมีองค์ประกอบที่สำคัญที่ท่านต้องรู้ดังนี้

    1.เพื่อยกระดับจิตตปัญญาของผู้เรียน
    เมื่อต้องเผชิญกับเงื่อนไขสถานการณ์ต่างๆ
    จากปรากฏการณ์โรคระบาด "โควิด-19"
    ในการต่อสู้กับโคโรน่าไวรัสให้ได้รับชัยชนะ

    2.เพื่อการทดสอบและพัฒนาจิตสามนึก
    รวมทั้งสิ้น 6 ประการ คือ

    จิตสามนึกแห่งการเป็นมนุษย์
    จิตสามนึกแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกัน
    จิตสามนึกแห่งการพึ่งพาอาศัยกัน
    จิตสามนึกในการมองเห็นคุณค่าของผู้อื่น
    จิตสามนึกแห่งการเป็นผู้ให้และรู้จักเสียสละ
    จิตสามนึกในการมองโลกทางด้านบวก

    3.ผู้เรียน คือ ผู้เข้าโปรแกรม PsychoShow
    ซึ่งจะมีทั้งผู้เรียนด้วยประสบการณ์ตรงของตน
    คือ ผู้ที่ถูกเลือกให้ "ติดเชื้อโรค" ไวรัสมรณะนี้
    กับผู้ที่จะเรียนจากประสบการณ์ผ่านพวกติดโรค
    ซึ่งอยู่ในห้องเรียนเดียวกันแต่เป็นพวกนั่งดู
    แต่ก็ได้เรียนรู้ไปด้วยกัน

    4.ห้องเรียน หมายถึง ห้องเรียนใหญ่ก็คือ "โลก"
    ที่ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยเพื่อเรียนรู้กันในกลุ่ม
    อันหมายถึง "ประเทศ" ต่างๆในทุกทวีปนั่นเอง

    5.ทุกกลุ่มทุกประเทศจะได้รับอุปกรณ์สำคัญ
    ที่ต้องใช้ในกระบวนการเหมือนกัน
    นั่นคือ เชื้อไวรัสมรณะจากอู่ฮั่น ประเทศจีน
    ที่จะทำให้มนุษย์ป่วยด้วยทางเดินหายใจล้มเหลว
    ซึ่งพวกท่านเรียกกันว่า โรคโควิด-19 นี่แหละ

    เครื่องมือชิ้นสำคัญต่อมา
    ทั้งผู้เรียนที่ต้องใช้ประสบการณ์ตรงเล่นเกมนี้
    รวมทั้ง "คนดู" ที่ต้องเรียนรู้ผ่าน "ผู้ป่วย"
    คือ "ควายทั้งเจ็ด" ของปริญญาโมเดล
    ซึ่งประกอบด้วยควายสมาร์ทดังต่อไปนี้

    ความรอบรู้
    ความสามารถ
    ความชำนาญ
    ความเชื่อมั่นในตนเอง
    ความร่วมมือ
    ความฉลาดทางปัญญา อารมณ์และสังคม
    ความรักเพื่อให้ (มิใช่รักเพื่อเอา)

    6.เมื่อพี่ๆน้องๆทั้งหลาย
    ในแต่ละประเทศบนโลกนี้รวมทั้งไทยด้วย
    ได้รับอุปกรณ์คือเชื้อโรคมรณะ
    พร้อมเงื่อนไขที่เป็นปัญหาต่างๆมาแล้ว

    หัวหน้ากลุ่มอันหมายถึงผู้นำประเทศนั้นๆ
    จะต้องเป็นผู้นำกลุ่มในการนำพาประชาชน
    ให้สามารถฟันฝ่าผ่านพ้นโรคร้ายนี้ไปให้ได้
    ด้วยพลังอำนาจของควายทั้งเจ็ดตัว
    ผ่านภาวะผู้นำที่ผู้นำประเทศและทีมงานมีอยู่

    ผู้นำประเทศในที่นี้ก็คือนายกรัฐมนตรี
    ทีมงานก็คือคณะผู้บริหารประเทศ
    ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
    ถ้าคนเหล่านี้พาประเทศชาติ "สอบตก"
    ผลกรรมที่จะได้รับก็คือประเทศนั้นหายนะ

    เศรษฐกิจการคลังล้มละลาย
    การเงิน การค้า การลงทุนล้มละลาย
    ความมั่นคงของชาติล้มละลาย

    ประชาชนพลเมืองจะอ่อนแอเสียขวัญ
    เพราะกลัวติดโรคระบาดและกลัวป่วยตาย
    ความเชื่อมั่นต่อผู้บริหารประเทศก็ล้มละลาย คือ
    เพราะล้มเหลวในการเผชิญโรคระบาด

    ตัวอย่างที่เรียกว่าคณะผู้บริหาร
    อันหมายถึงนายกฯ คณะรัฐบาลและฝ่ายค้าน
    สอบไม่ผ่านบททดสอบ คือ "สอบตก" เช่น

    1.วางมาตรการรับมือโรคร้ายล่าช้า
    ทั้งๆที่มีเวลาเตรียมวางแผนรับมือเหลือเฟือ

    2.ไม่คัดกรองผู้สุ่มเสี่ยงเป็นพาหะนำโรค
    ซึ่งเดินทางมาจากประเทศที่มีโรคระบาด
    ยอมปล่อยให้เข้ามาง่ายๆโดยไม่ทำอะไรเลย

    คณะผู้บริหารประเทศ
    ไม่จริงจังในการศึกษาเรียนรู้เรื่องโรคระบาด
    ทั้งๆที่ในต่างประเทศและประเทศตนเอง
    พบว่าโรคได้ระบาดอย่างรวดเร็ว
    และมีคนตายจากโรคร้ายนี้แล้วจำนวนมาก

    มาตรการป้องกันการติดโรคการแพร่เชื้อโรค
    จึงเป็นมาตรการเดียวที่ประเทศนี้จะทำได้
    เพราะยารักษากับวัคซีนป้องกันยังไม่มี
    ทั้งๆที่รู้ว่าจุดแข็งของโรคร้ายนี้ก็คือ
    กว่าจะรู้ตัวว่าใครติดเชื้อโรคนี้แล้ว
    ใครพร้อมเป็นพาหะเชื้อโรคนี้แล้ว
    ว่าที่คนป่วยนั้นก็รับเชื้อเข้าตัว 4-14 วันแล้ว

    การสอบตกในการป้องกันโรคให้ประชาชน
    คือ ต้องวางมาตรการล่วงหน้าให้เด็ดขาดว่า
    ถ้าพบว่าใครเสี่ยงจะติดโรคร้ายนี้ เช่น
    ผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีโรคระบาด
    ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างชาติ
    หรือผู้ที่เคยสัมผัสกับคนต่างชาติมาแล้ว
    จะต้องป้องกันมิให้คนเหล่านี้แพร่เชื้อได้
    โดยสรุปไว้ก่อนว่าคนเหล่านี้ไม่ปลอดภัย

    ซึ่งทุกวันนี้เพิ่งจริงจังกับการกักบริเวณ
    ของประดาผู้ที่สุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นพาหะโรค
    ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

    3.คณะผู้บริหารประเทศโดยเฉพาะนายกฯ
    ขาดภาวะผู้นำ ขาดวิสัยทัศน์ในการสู้โรคร้าย
    เพื่อปกป้องประชาชนของตนเองให้ปลอดภัย

    เช่น มาตรการของพวกท่าน
    แผนป้องกันภัยล่วงหน้าจากโรคร้ายนี้
    ไม่มีที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
    การทำงานที่ผ่านมาจึงไล่ตามแก้ปัญหาเท่านั้น

    ตัวอย่างเช่น
    ประกาศงดหยุดงานในเทศกาลสงกรานต์
    เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนออกจากกรุง
    มุ่งหน้ากลับบ้านเกิดเมืองนอนหรือไปเที่ยว
    ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้

    ท่านประกาศไม่ให้เป็นวันหยุด
    แต่ปรากฏว่าหลังประกาศเพียงวันเดียว
    ตามสถานีขนส่งต่างๆก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน
    ผลก็คือพวกท่านสอบตกเพราะไม่ฉลาดอีก
    เนื่องจากหลักการที่ใช้ปฏิบัตินั้นมันไม่ได้ผล

    4.ในคณะผู้บริหารประเทศมีฝ่ายรัฐบาลบางคน
    ขาดความจริงใจไม่จริงจังและไม่ซื่อสัตย์
    ในการทำหน้าที่ของตนเพื่อช่วยแก้วิกฤตชาติ

    กลับสร้างปัญหาให้ชาติและประชาชนเสียเอง
    เมื่อถูกสื่อแฉว่าฉ้อฉลคอรัปชั่น "หน้ากาก"
    และมีส่วนทำให้หน้ากากที่แพทย์พยาบาล
    รวมทั้งประชาชนต้องใช้ขาดตลาดและราคาแพง
    นี่ก็เป็นการสอบตกอีกเช่นกัน

    5.แทนที่คณะผู้บริหารประเทศ
    ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะร่วมมือกัน
    ตามหลักประเทศชาติประชาชนต้องมาก่อน
    ในการเผชิญภัยกับโรคร้ายอย่างมั่นใจ
    แต่ก็กลับทำร้ายกันเองไม่เลิก

    ขณะที่ประชาชนต้องการความมั่นใจว่า
    รัฐบาลจะช่วยปกป้องพวกเขาทั้งหลาย
    ไม่ต้องเสี่ยงตายกับโรคระบาดได้อย่างไร
    เวชภัณฑ์ขาดตลาดหรือราคาแพงจะแก้ยังไง
    ไม่มีเงินซื้อหาไม่มีเงินที่จะไปตรวจว่า
    ตนติดเชื้อโรคร้ายนี้หรือไม่
    ใครจะช่วยเขาได้ รัฐบาลจะทำอย่างไร

    คำตอบที่ประชาชนต้องการ
    มันจางหายไปกับสายลม
    คงได้ยินแต่เสียงตะโกนจากนักการเมืองว่า
    นายกฯลาออก นายกฯต้องลาออกเท่านั้น
    นี่ก็เป็นการสอบตกอีกแล้วล่ะท่าน

    7.พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    นอกจากฝ่ายบริหารชาติบ้านเมืองสอบตก
    ฝ่ายสมาชิกในกลุ่มก็คือประชาชนในประเทศ
    ก็พากันสอบตกด้วย

    เพราะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
    ในประเด็นที่ผู้บริหารประเทศมิอาจช่วยได้
    เช่น การให้ความร่วมมือกับผู้บริหารประเทศ
    ในการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
    เพื่อช่วยกันป้องกันตนเองมิให้เป็นผู้เสี่ยง
    ที่จะติดเชื้อโรคและแพร่เชื้อโรค

    ปรากฏว่าพี่ๆน้องๆจำนวนมาก
    ยังขาดวินัยในการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม
    ด้วยการชอบทำอะไรตามอำเภอใจ
    ไม่คิดถึงใครอื่นนอกจากตนเองเท่านั้น
    เช่น ไม่สวมหน้ากากเมื่ออยู่นอกบ้าน
    ไม่ขยันล้างมือเมื่อจับฉวยบางสิ่งร่วมกับคนอื่น

    ไม่ยอมอยู่กับบ้าน
    ชอบเดินทางออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น
    ชอบออกงานสังสันทน์
    ชอบไปในที่มีผู้คนแออัดหนาแน่น
    ยังกล้าเสี่ยงเดินทางไปต่างประเทศ

    เวลารู้ตัวว่าตนติดเชื้อโรคแล้ว
    หรือไปสัมผัสกับคนเป็นโรคมาแล้ว
    ก็ไม่ยอมเปิดเผยความจริงต่อแพทย์
    เพื่อทำการตรวจรักษาแต่เนิ่นๆ เป็นต้น

    สิ่งที่กล่าวมานี้ฝ่ายประชาชนเอง
    ก็ล้วนสอบตกเช่นเดียวกัน

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    ภาพรวมที่ประเมินออกมาว่าคนไทยสอบตกนี้
    ในกระบวนการไซโคโชว์ของปริญญา
    มีหลักการกำหนดไว้ว่าทุกคนต้องสอบใหม่
    แม้ในประเทศอื่นๆก็สอบตกกันหลายประเทศ

    ดังนั้น
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
    การเข้ากระบวนการไซโคโชว์ของ "ปริญญา"
    เพื่อการสอบซ่อมหรือสอบใหม่ในเร็วๆนี้
    เงื่อนไขในบททดสอบจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม
    แปลว่าจะได้รับยา "แรงขึ้น" นั่นเอง

    ที่สำคัญคือครั้งต่อไปนี้
    การเรียนรู้ของพวกท่านฑูตสวรรค์ทั้งหลาย
    จะมิได้เป็น "พี่เลี้ยง" ให้แต่ละประเทศอีกแล้ว
    ปรากฏการณ์โรคโควิด*19 จะระบาดต่อเนื่อง
    สถิติคนติดเชื้อและคนตายจะเพิ่มขึ้น
    สถิติคนที่รักษาหายและกลับบ้านได้มากน้อย
    อยู่ที่ความเอาไหนไม่เอาไหนของรัฐบาล
    และความร่วมมือที่ดีมีวินัยของ ปชช.เอง

    เราเชื่อว่าท่านทั้งหลาย
    คงอยากรู้แน่ๆว่า "ยาแรง" ที่ช่างเทคนิกจะใช้
    มันหมายความว่าอย่างไร?

    กราบพระบาทพระบิดา

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    24/03/2020 FB_IMG_1585006962947.jpg
     
  9. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    FB_IMG_1585041659321.jpg ว่าแล้วมันต้องมีสักคนที่ใช้ ความโง่เขล่าเข้าไปหาเรื่อง จริงๆ อ่านเอาเถอะ คนโง่ก็ยังโง่อยู่ดี
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

    ปฏิบัติการ "ชำระโลก" ทั้งระบบ
    ซึ่งเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่กว่า
    ห้อง "สุริยันจันทรา" ที่ใช้ประชุมธรรมสัมมนา
    ณ จิตจักรวาลสถานธรรม ที่ภูกระต่าย

    โดยบทเรียนจากกิจกรรมแรกนี้ชื่อว่า "โควิด-19"
    ซึ่งใช้กระบวนการ #ไซโคโชว์ ของ "ปริญญา"
    เป็นกลยุทธการฝึกอบรมเหมือนที่ภูกระต่าย
    ที่ท่านทั้งหลายไปเข้าโปรแกรมกันทุกเดือน
    อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

    วิธีเรียนรู้ วิธีปฏิบัติ วิธีบรรลุผล
    ทุกคนต้องคิดร่วมกัน ทำร่วมกัน
    ทุกคนต้องแชร์สิ่งดีๆร่วมกันและต้องแคร์กัน
    ทุกคนจึงจะผ่านสถานการณ์แห่งปัญหานั้นๆได้

    แปลว่าทุกคนจักต้องให้ความร่วมมือกัน
    จึงจะข้ามผ่านฟันฝ่าอุปสรรคปัญหานั้นๆไปได้

    ทุกคนต้องใส่ใจในกันและกันจะอวดดื้ออวดดี
    โดยจะทำตนเป็นฮีโร่คนเดียวไม่ได้

    จะหลบมุมจุ้มปุ๊กมีโลกส่วนตัวไม่สนใจใครก็ไม่ได้
    จะไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนก็ไม่ได้
    จะเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตนละทิ้งส่วนรวมไม่ได้
    เพราะมันมีแต่จะทำให้ส่วนรวมล้มเหลวทั้งนั้น
    ซึ่งในกระบวนการ "ไซโคโชว์" ของ "ปริญญา"
    เราหมายถึงการสอบตกอย่างไม่เป็นท่า
    ทั้งกลุ่ม ทั้งประเทศ หรือ ทั้งโลกนั่นแหละนะ

    โดยความทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้
    เป็นสรุปการประเมินผลกิจกรรมในบทเรียนแรก
    ตามที่ฑูตสวรรค์หรือช่างเทคนิกได้กล่าวไว้
    เป็นรายละเอียดในบทสนทนาครั้งที่แล้วนั่นเอง

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    เมื่อส่วนใหญ่สอบตก
    เพราะบกพร่องด้านจิตสามนึก
    ที่บกพร่องด้านจิตสามนึก
    เพราะขาดความรักและขาดปัญญา
    พระบิดาจึงต้องนำพวกท่านเข้าโปรแกรม
    การทดสอบและฝึกฝนอีกครั้ง
    เพื่อจะให้ "ยาแรง" ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    ไม่ต่างจากการสะกิดปลุกค่อยๆแล้วไม่รู้สึก
    ก็ต้องส่งเสียงดังเขย่าแรงๆ
    เพื่อปลุกให้ตกใจสะดุ้งตื่นกันเท่านั้น
    ซึ่งแน่นอนว่าอาการ #เสียขวัญ ใจสั่นตัวสั่น
    ต้องเกิดขึ้นให้นักเรียนทั้งโลกได้เผชิญกันแน่ๆ

    มีนักเรียนเกเรที่อยู่ในห้องเรียนโลกคนหนึ่ง
    ซึ่งต้องอยู่ในกระบวนการชำระจิตสามนึก
    และต้องฝึกทักษะการเผชิญภัยพิบัติจากโรคร้าย
    ร่วมกันกับทั้งหลายด้วย

    นอกจากหมอนี่จะไม่สนใจในบทเรียน
    ไม่ให้ความร่วมมือกับเพื่อนๆที่จะเรียนรู้ร่วมกันแล้ว
    ยังไม่เห็นคุณค่าที่พระบิดาฯทรงเมตตา
    ประทานโอกาสอันดีงามมาให้อีกต่างหาก

    เมื่อเช้านี้เขาเข้ามาเขียนข้อความเชิงท้าทายว่า
    ถ้า "เรา" มีปัญญาทำไมไม่หายามารักษา
    หาวัคซีนมาช่วยป้องกันโรคระบาดนี้ล่ะ
    อย่ามัวแต่ "เล่านิทาน" ให้มันฟัง...ว่างั้น

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    คนแบบนี้มีตาแต่ไร้แวว
    มีหูแค่ไว้คั่นหัวเพราะฟังไม่เป็น
    มีสมองแต่ไร้น้ำยาเพราะไม่ฉลาดเรียนรู้
    แยกไม่ออกว่าไหนดีไหนชั่ว ไหนจริงไหนเท็จ
    ไหนชวนงมงายพาให้โง่งม
    ไหนชวนให้คิดติดอาวุธทางปัญญาให้
    จึงมองว่าความจริงที่เรากล่าวระดับอนุตรธรรมนี้
    คือ การเล่านิทานให้มันฟัง

    เพราะมีจิตแต่มืดบอด
    จึงมีแต่ความขลาดกลัวว่าตัวจะต้องตาย
    เลยเรียกหาแต่ยากับวัคซีนอย่างเดียว
    โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในบทเรียน
    กับบททดสอบจิตสามนึกครั้งสำคัญที่สุด

    ร่ำเรียกหาแต่ตัวยากับวัคซีน
    เพื่อช่วยให้ร่างกายไม่ตายเพราะติดโรคร้าย
    ทั้งๆที่เรากำลังช่วยเยียวยาและป้องกันทุกวิถีทาง
    เพื่อมิให้จิตวิญญาณมนุษย์ไม่ต้องตาย
    และช่วยคุ้มครองกายสังขารให้รอด
    กลับมองไม่เห็นคุณค่า

    คนหลงตัวเองพวกนี้คือ "ขยะ" ที่รกโลก
    ท่านทั้งหลายคิดว่าคนจำพวกนี้
    ควรพิพากษา "คัดทิ้ง" หรือ "คัดไว้" ดีล่ะท่าน

    นี่ไง...เพราะคนพวกนี้มีมาก
    จนยากที่จะช่วยแกะ
    หลังปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่นี้แล้ว
    แผ่นดินต้องหายคนตายต้องเยอะสุดประมาณ
    เพราะโลกนี้ป่วยด้านจิตสามนึกจนน่าสงสาร
    เราจึงต้องหันกลับมาเพราะทนเห็นหายนะมิได้

    สำหรับเรื่อง "ยาแรง" ในบทเรียนที่สอง
    ใครอยากรู้ต่อก็รออ่านบทสนทนาตอนต่อไป
    เพราะสนทนายาวไปไม่ค่อยมีใครอยากอ่าน

    กราบพระบาทพระบิดา

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทํธิปัญญา
    24/03/2020
     
  10. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    ยาแรงอย่างแรก คือ เชื้อโรคจะไม่กำจัดแค่วงแคบๆให้มันพลิวออกไปทั่ว พอจะมองเห็น 18 เดือนได้หรือยัง 18 เดือนไม่ได้ออกมาง่ายๆดอก
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    ขณะที่เรากำลังดำเนินกิจกรรมฝึกอบรมธรรม
    เพื่อยกระดับจิตตปัญญาและพัฒนาจิตสามนึก
    พี่ๆน้องๆชาวโลกเสรีในห้องเรียนโลกทุกประเทศ
    ด้วยกระบวนการ #PsychoShow ของ #Parinya
    ซึ่งเป็นบทเรียนที่ 1.ชื่อว่า "โคโรน่า-19" อยู่นี้

    เราได้ประเมินผลการเรียนรู้และการทดสอบ
    พี่ๆน้องๆสมาชิกของกลุ่มคือประเทศต่างๆแล้ว
    พบว่าทุกกลุ่มทุกประเทศในห้องเรียนใหญ่คือโลก
    ต่างพากันสอบตกบททดสอบด้วยกันทุกฝ่าย

    ตั้งแต่หัวหน้ากลุ่มคือผู้นำประเทศและคณะบริหาร
    ขาดทักษะการใช้จิตตปัญญาและความกล้าหาญ
    ขาดความจริงจังในการปกป้องคุ้มครองประชาชน
    บางประเทศกลับมีการฉ้อฉลคอรัปชั่น
    งบประมาณที่ต้องซื้อเวชภัณฑ์ให้แพทย์พยาบาล
    เช่น หน้ากากกันเชื้อโรค อีกด้วย เป็นต้น

    นอกจากนั้นผู้นำบางประเทศก็ขาดวิสัยทัศน์
    มักออกมาตรการต่างๆล้าหลังปัญหาเสมอ
    วิธีการทำงานต้านไวรัสมรณะเพื่อประชาชน
    ควรต้องวางแผนการไว้ล่วงหน้า
    มิใช่รอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยตามแก้ไข
    จนยังผลให้ไวรัสร้ายระบาดไปเรื่อยๆ

    ดังเช่นการประกาศไม่ให้หยุดงานในวันสงกรานต์
    เพื่อหวังว่าประชาชนจะไม่แห่กันกลับบ้าน ตจว.
    หรือแห่กันไปออตามแหล่งท่องเที่ยวในภูธร
    เพื่อเป็นการ "ป้องกัน" การแพร่ระบาดของโรค
    มิให้ออกไปจากส่วนกลางคือกรุงเทพมหานคร
    ซึ่งจำกัดเฉพาะพื้นที่ทำให้ดูแลควบคุมง่ายกว่า

    ก็นับว่าเป็นความฉลาดแต่ยังขาดความเฉลียว
    เพราะทันทีที่ท่านประกาศข่าวดังกล่าวออกไป
    วันรุ่งขึ้นตามสถานีขนส่งทุกสาย ปชช.แน่นขนัด
    พวกเขาไปเข้าคิวซื้อตั๋วเพื่อพาตัวเองกลับบ้าน
    แสดงว่าความคิดอ่านล้มเหลวไม่เป็นท่า
    แสดงว่าผู้นำกลุ่มประเทศนี้ "สอบตกอีก"

    ท่านทั้งหลายลองดูแผนที่จังหวัดที่มีผู้ป่วย
    ซึ่งเขาเทสีแดงเอาไว้ให้เห็นที่เราแนบมาสิ
    ปรากฏว่ามีสีแดงฉานเกือบทั่วทั้งประเทศแล้ว
    ภายในเวลาสองสามวันที่พวกเขาแห่กลับบ้านกัน
    ทั้งๆที่แต่เดิมมีแค่ กทม.กับสามสี่จังหวัดเท่านั้น
    เพราะคนที่กลับบ้านต่างจังหวัดหลายคน
    เป็นพาหะนำโรคไปฝากคนที่บ้านด้วยนั่นเอง
    ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดและการรักษา
    เป็นไปได้โดยยากมากยิ่งขึ้น
    เพราะตัดสินใจผิด คิดไม่รอบครอบ

    นอกจากนั้นสมาชิกในกลุ่มที่เป็นส่วนใหญ่
    ซึ่งอยู่ในกระบวนการฝึกอบรมครั้งนี้ด้วย
    ก็ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบในผลสำเร็จของกลุ่ม
    ที่จะต้องข้ามผ่านฟันฝ่าสงครามเชื้อโรคไปให้ได้
    ด้วยการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ
    มิให้ลุกลามบานปลายจนมีใครป่วยตายได้อีก

    แต่คนส่วนใหญ่ "สอบตก" เพราะละเลยเฉยชา
    ทางการขอร้องให้ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"
    แต่ก็ขาดความร่วมมือที่จะยอมปฏิบัติตาม
    ทำให้เชื้อโรคระบาดเพิ่มมีคนป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    คนที่เป็นพ่อค้า แม่ค้า และนักธุรกิจ
    ที่ทำมาหากินกับการผลิตอาหารและขายอาหาร
    ผู้ผลิตจำหน่ายสินค้าอุปโภคที่จำเป็นในชีวิต
    รวมทั้งผู้ผลิตจำหน่ายเวชภัณฑ์ที่ต้องใช้เผชิญโรคนี้
    ก็พากันฉวยโอกาสกักตุนสินค้าเพื่อปั่นราคาให้สูง
    พากันขายสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ในราคาแสนแพง
    เพราะหวังหากำไรจากเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤต
    ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ผลการประเมินก็คือ #สอบตก

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    เรานำผลการประเมินว่า "สอบตก" มาย้ำอีกครั้ง
    เพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ใจกว้างยอมรับความจริง
    ในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้โอกาสของมนุษย์
    ร่วมเรียนรู้ในบทเรียนและบททดสอบ
    ที่ช่างเทคนิกหยิบมาจากเหตุการณ์จริง
    ซึ่งมนุษย์ผลิตสร้างเชื้อโรคขึ้นมาทำร้ายกันเอง
    นำเข้ามาไว้ในแผนปฏิบัติการชำระโลกแทน

    เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านทั้งหลายได้เรียนรู้
    ได้ฝึกฝนตนเองในการเผชิญกับโรคระบาด
    และได้มีเวลาออกแบบวิธีการตั้งรับสงครามโรค
    ที่มีประสิทธิผลต่อการนำมาใช้ในวันข้างหน้าด้วย

    แน่นอนว่า "ยาแรง" ในทางโลกด้านกายภาพ
    ท่านนายกฯผู้นำกลุ่มผู้นำประเทศไทย
    หนึ่งในประเทศที่อยู่ในห้องเรียนโลก
    ก็ได้ตัดสินใจประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินไปแล้ว
    เพื่อบังคับให้ท่านทั้งหลายทำตามแผนของกลุ่ม
    คือ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และตนเองด้วย
    ใครฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎหมาย

    โดยบังคับให้ประชาชนเลือกเอาว่า
    จะกักตนเองอยู่กับบ้านแบบชิวๆแค่ 14 วัน
    หรือจะเลือกถูกกักกันอยู่ในคุก 2 ปีและถูกปรับด้วย
    นี่คือ "ยาแรง" เพราะคนส่วนใหญ่ "สอบตก"
    ที่จะเป็นเงื่อนไขใหม่ในการทำกิจกรรมไซโคโชว์
    ด้วยหลักสูตรเดิมบทเรียนเดิมเพื่อการ #สอบซ่อม

    ขอย้ำอีกครั้งว่าการสอบซ่อมในรอบสองนี้
    เราจะดำเนินการฝึกอบรมชาวโลกทุกประเทศ
    ด้วยบทเรียนเดิมกิจกรรมเดิมที่ชื่อว่า "โควิด-19"
    โดยช่างเทคนิกจะไม่เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยง
    เหมือนการปฏิบัติกิจกรรมนี้ในครั้งแรกอีกแล้ว
    นี่จึงเป็น "ยาแรง" จากเงื่อนไขใหม่ที่ท่านต้องรู้

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    "ยาแรง" ขนานนี้หมายถึงมนุษย์จะไม่มีพี่เลี้ยง
    ที่จะคอยกำกับดูแลช่วยเหลือประคับประคอง
    มิให้ตัวเชื้อโรคไวรัสมรณะที่เป็นอุปกรณ์หลัก
    ในการฝึกอบรมปฏิบัติการสำหรับบทเรียนนี้
    ปลิวออกไปนอกพื้นที่การควบคุมอีกแล้ว

    หมายความว่าต่อนี้ไป
    "เชื้อไวรัส" จะไม่อยู่ในวงจำกัด
    จำเพาะที่จำเพาะคนใกล้ตัวอีกต่อไปแล้ว
    ดังท่านจะเห็นว่าทางการยอมปล่อยให้
    คนสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นพาหะนำโรคร้ายนับหมื่นคน
    เดินทางกลับภูมิลำเนากันสบายใจเฉิบ
    ยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้เหมือนคนเมาหมัด
    แล้วค่อยมาตื่นตัวสั่งตั้งจุดสกัดโควิด-19
    บนถนนหนทางเข้าออกจังหวัดต่างๆกันวุ่น

    ในขณะที่แผนการของผู้ดำเนินการฝึกอบรม
    ได้ประสบความสำเร็จในการแจกอุปกรณ์ไวรัส
    ไปยังกลุ่มย่อยต่างๆที่อยู่ในกลุ่มใหญ่ได้แล้ว
    ตัวชี้วัดคำกล่าวของเราก็คือแผนที่ประเทศไทย
    ที่ถูกเทสีแดงไว้ในแต่ละจังหวัดที่มีคนป่วย
    ซึ่งปรากฏว่าแดงฉานละลานตาไปหมด

    นี่คือการเผชิญเงื่อนไขใหม่ของผู้นำกลุ่ม
    เพราะพวกท่าน "สอบตก" บททดสอบ
    ในปฏิบัติการขั้นตอนแรกที่ผ่านมา
    เงื่อนไขใหม่นี้ท่านจะทำงานยากขึ้นกว่าเดิม
    ทั้งการป้องกันและการบำบัดรักษาเยียวยา

    เพราะต้องคัดเฟ้นคนคุณภาพจริงๆเข้าร่วมงาน
    เพราะต้องใช้ควาย 7 ตัวของปริญญาโมเดล
    อย่างทุ่มเทอย่างเต็มพลังกันมากกว่าเดิม

    เพราะต้องใช้งบประมาณดำเนินการสูงขึ้น
    เพื่อหยุดวิกฤตโรคระบาดและหยุดคนตายเพิ่ม

    เพราะต้องใช้งบประมาณประชานิยม
    แจกเงินให้แก่ประชาชนผู้ขายแรงงาน
    ที่กลับบ้านไปแล้วแต่ยังไม่มีงานทำไม่มีเงินใช้
    เพื่อช่วยให้พวกเขาอยู่รอดได้ดำรงชีวิตได้
    ภายในกำหนดเวลาห้ามออกนอกพื้นที่
    จะเป็น 14 วัน หรืออาจนานเป็น 18 เดือน!!!

    นี่คือเงื่อนไขใหม่ที่โรคจะระบาดไปทั่ว
    นี่คือเงื่อนไขใหม่ที่รัฐต้องใช้งบประมาณเพิ่ม
    ซึ่งคณะผู้นำกลุ่มผู้นำประเทศนี้จักต้องเผชิญ

    ท่านทั้งหลายที่อยู่ในกิจกรรมนี้ก็เช่นกัน
    จะประสบกับความยากมากขึ้นในการเผชิญโรค

    ทั้งการต้องระวังป้องกันตนเองมิให้ติดเชื้อ
    เพราะไม่รู้ว่าเชื้อโรคมรณะติดอยู่ที่ใครอยู่ตรงไหน
    ทั้งต้องระวังมิให้ตนเป็นผู้แพร่เชื้อไปสู่คนอื่นด้วย
    โดยต้องสังเกตตนเองให้จริงจังมากขึ้นกว่าเดิมว่า
    ตนเป็นพาหะนำเชื้อโรคหรือไม่และเป็นเมื่อไหร่
    ซึ่งมันจะเกิดความ "เครียด" จากการกดดันตนเอง
    มากกว่าการอยู่ในกระบวนการนี้ในขั้นตอนที่แล้ว

    นอกจากนั้น
    ใครบางคนที่ไม่สนใจร่วมกิจกรรมทำเมินตลอดมา
    กิจกรรมไซโคโชว์รอบสอบซ่อมครั้งนี้
    จะสอนให้พวกเขาเรียนรู้โดยเป็นผู้เล่นตัวจริงบ้าง
    มิให้เป็นคนนั่งดูหรือเป็นผู้สังเกตการณ์อีกแล้ว

    แปลว่าคนที่ละเลยเหลวไหลไม่ใส่ใจบทเรียนโรค
    จะกลายมาเป็นคนติดเชื้อมาเป็นคนป่วยเสียเอง
    แน่นอนว่าสถิติคนป่วยคนตายของกลุ่มประเทศนี้
    ย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทางสูงชันขึ้นเรื่อยๆ
    จนยังผลให้หลายคนที่กลับบ้านไปในต่างจังหวัด
    ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่เรากล่าวนี้
    พวกเขาจะไม่มีตัวตนกลับ กทม.ได้อีกเลย
    ถ้าพวกเขาเหล่านี้ "สอบตก" เพราะยาแรงกว่าเดิม

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    เราเปิดเผยความลับเบื้องหลังมิติโลก
    ในแผนปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
    เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่
    ด้วยการคัดเฟ้นคนเก่ง คนฉลาด และคนดี
    ให้อยู่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกต่อไป

    รวมทั้งการฉุดช่วยนำพาจิตวิญญาณของคนดีๆ
    ให้เดินทางกลับบ้านแดนสุญตาในชาตินี้
    ตามพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาฯ
    ด้วยการนำคนทั้งโลกเข้ากระบวนการไซโคโชว์
    คู่ขนานไปกับการชำระโลกด้วยมหันตภัยพิบัติ

    แม้พวกท่านส่วนใหญ่จะสอบตกบททดสอบ
    ในบทเรียนแรก ในขั้นตอนแรกกันไปแล้ว
    ซึ่งตามกติกาของเราพวกท่านต้องสอบซ่อม
    โดยต้องพึ่งพาตนเองกันให้มากขึ้น
    แต่พวกท่านก็ยังมีโอกาสตราบที่มีลมหายใจอยู่

    จงหันมาใส่ใจในบทเรียนโรค "โควิด-19"
    โดยใช้ความรัก สติปัญญา ประสบการณ์
    รวมทั้งความกล้าหาญเข้าเผชิญกับมันให้จริงจัง

    จงอย่ามัว "เมาข่าว" จนทำให้ท่านขลาดกลัว
    จงอย่าร่ำร้องหายาแก้ป่วยหรือวัคซีนมาช่วย
    เพราะนั่นมันเป็นเรื่องของคนขลาดเขลา
    ที่พบเจอปัญหาแล้วจะร้องหาความช่วยเหลือ
    โดยคิดแต่จะพึ่งพาคนอื่นสิ่งอื่นอย่างน่าอายนัก
    ทั้งๆที่อำนาจในตนเองก็มีอยู่แต่ใช้มันไม่เป็น

    ในการเป็นมนุษย์นั้น
    จิตสามนึกของท่านต่างหาก
    ที่จะพิพากษาตัวท่านเองในทุกสถานการณ์ว่า
    ท่านจะรอด จะร่อแร่ หรือ แน่นอนว่าจะไม่รอด
    เพราะนี่เป็นภพชาติสุดท้ายของท่าน
    ที่ต้องเลือกทางเดินให้จิตวิญญาณของท่านแล้ว

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    เรื่องของ "ยาแรง" มิได้มีเพียงที่เราเผยแล้ว
    บทเรียนในรอบที่สองที่ทุกคนต้องเรียนซ้ำ
    ยังมีที่เราจะเปิดเผยให้ท่านรู้ล่วงหน้าอีกว่า
    จะมี "ยาแรง" อะไรอีกบ้างที่ท่านจำเป็นต้องรู้

    คนที่เข้ามากล่าวหาว่าเราเล่านิทานให้ฟัง
    หากได้รู้ความจริงที่เราจะนำมากล่าว
    ในการสนทนาบทต่อไปแล้ว
    จักต้องตายก่อนตายแน่นอนเลยท่าน

    กราบพระบาทองค์จิตจักรวาล
    พระบิดาแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    25/03/2020 FB_IMG_1585092760157.jpg
     
  11. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    ยาแรงขนานที่สอง แบ่งออกเป็น 70 กว่ากลุ่มหรือ 70 กว่าจังหวัด
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    ขณะนี้ดาวเคราะห์โลกเสรี
    กำลังถูกใช้เป็นห้องฝึกอบรมขนาดใหญ่
    ที่มีประดา "นักเรียน" ในทุกประเทศทั่วโลก
    ถูกเชิญให้มาเข้าร่วมอย่างพร้อมหน้ากัน

    โดยมีองค์จิตจักรวาล
    พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
    พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงที่ทรงสร้าง
    เป็นองค์ประธานการฝึกอบรมใหญ่ในครั้งนี้

    โดยมีเราซึ่งรับหน้าที่ King of the Universe
    ในพระนามบุตรเอกแห่งพระบิดาฯ
    เป็นวิทยากรผู้ดำเนินการฝึกอบรมปฏิบัติการ
    เป็นผู้ออกแบบหลักสูตรและกิจกรรมต่างๆ
    ซึ่งมีเหล่าฑูตสวรรค์ทีมปฏิบัติการชำระโลก
    เป็นผู้ช่วยวิทยากรและพี่เลี้ยงตลอดโปรแกรม

    โดยเราได้คิดสร้างกลยุทธฝึกอบรม
    เป็นรูปแบบปฏิบัติการทางด้านจิตวิทยา
    เพื่อยกระดับจิตปัญญาพัฒนาจิตสามนึกมนุษย์
    ที่ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณด้านของแก่นแท้
    ด้วยกระบวนการ #ไซโคโชว์ ของ "ปริญญา"
    ซึ่งสามารถเรียนรู้และฝึกอบรมร่วมกัน
    ทำพร้อมกันทั้งโลกได้ในหลักสูตรเดียวกันนี้

    โดยมีเป้าประสงค์ของการฝึกอบรมก็คือ
    การทดสอบจิตสามนึกระดับพื้นฐานของมนุษย์
    เพื่อให้เกิดการเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลงแก้ไข
    ในจิตสามนึกที่บกพร่องของแต่ละคน
    ที่มีส่วนในการทำให้โลกเสียสมดุลอย่างรุนแรง
    จนเกิดภัยพิบัติและภูมิอากาศวิปริตหนักขึ้นๆ

    ศาสตร์สำคัญของกระบวนการไซโคโชว์ก็คือ
    การยื่นเงื่อนไขเป็นบททดสอบให้ปฏิบัติ
    แล้วทำการประเมินผลในทุกขั้นตอน
    ถ้าสอบผ่านก็ฝึกอบรมต่อเนื่องในกิจกรรมต่อไป
    ถ้าสอบตกก็ให้เรียนซ้ำชั้นด้วยเงื่อนไขใหม่
    โดยอยู่ในบทเรียนเดิมแต่ยากกว่าเดิม
    เพราะต้องการให้ "ยาแรงขึ้น" แล้วสอบใหม่

    ถ้าถึงการฝึกอบรมจนขั้นสุดท้ายแล้ว
    ใครคนไหนยัง "สอบตก" เป็นตาย
    ใครสอบผ่านบททดสอบทั้งหมดได้ "เป็นรอด"

    โดยเรากำหนดชื่อหลักสูตรนี้ว่า #โควิด19
    ซึ่งมนุษย์ทั้งโลกจะมีคาบเวลา
    เพื่อฝึกอบรมปฏิบัติการและการทดสอบ
    ไม่เกิน 18 เดือน หรือไม่เกินปีครึ่ง
    นับวันเริ่มต้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2020 เป็นต้นไป

    พี่ๆน้องๆทั้งหลาย

    การเริ่มต้นสนทนากับท่านทั้งหลายในบทนี้
    เราจำต้องกล่าวอย่างเป็นวิชาการสักหน่อย

    เนื่องจากวันก่อนมี "ผู้ปัญญาน้อย" ตนหนึ่ง
    เข้ามาทำปากพล่อยกล่าวหาว่าเรา
    เป็นนักเล่านิทานให้ท่านทั้งหลายฟัง
    ทั้งๆที่เรากำลังสำแดงปัญญาปาฏิหาริย์
    ไขขานอนุตรธรรมที่รับสื่อมาจากพระผู้เป็นเจ้า
    เอามาถ่ายทอดให้คนที่ถนัดใช้สมองซีกซ้าย
    ได้รับฟังได้เรียนรู้ได้เข้าใจง่ายๆภายในสามนาที
    ทั้งๆที่ทุกเรื่องราวเป็นเรื่องเข้าใจยากทั้งนั้น

    มันก็ไม่ต่างจากการศึกษาหมวดพระอภิธรรม
    ในพระไตรปิฎกของพุทธศาสนานั่นแหละ
    ผู้ด้อยน้อยปัญญาที่ใช้สมองซีกขวาไม่เป็น
    ก็ยากที่จะเข้าใจว่าอะไรหมายความว่าอะไร
    เราจึงมีหน้าที่ช่วยพวกท่านกล่าวให้มันง่ายขึ้น
    เพื่อมิให้เข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อน
    หรือรับฟังแล้วไม่รู้เรื่อง

    แม้ว่าจะเสียเวลาและเปลืองเนื้อที่ไปบ้าง
    แต่ก็พอจะทำให้ห้องเรียนนี้ดูขลัง
    แลเป็นทางการมากขึ้นได้บ้างล่ะนะ
    โดยเฉพาะในสายตาของพวกวณิพกพเนจร

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    นัยสำคัญจากบทสนทนาครั้งล่าสุดนั้น
    เราได้เปิดเผยเรื่อง "ยาแรง" กันไปแล้วว่า
    คณะผู้บริหารประเทศที่เป็นผู้นำกลุ่มใหญ่
    รวมทั้งสมาชิกในกลุ่มคือพี่น้องประชาชน
    ถูกประเมินว่า "สอบตก" บททดสอบกันหมด
    ในบทเรียนศักดิ์สิทธิ์ชื่อ "โควิด-19" นี้

    ทุกคนทุกฝ่ายจึงต้องเรียนซ้ำชั้น
    โดยต้องเผชิญกับบทเรียนเดิมแต่เพิ่มเงื่อนไข
    ด้วยการให้ยาแรงหมายถึงให้เงื่อนไขที่ยากขึ้น
    โดยมี "ความรอด" เป็นเดิมพัน

    "เงื่อนไขใหม่" ที่เป็น "ยาแรง"
    ซึ่งเราได้เผยความลับให้รู้ไปบ้างแล้วมีดังนี้

    1.เพราะสมาชิกในกลุ่มหรือประเทศ
    ไม่ยอมให้ความร่วมมือต่อรัฐบาลที่เป็นผู้บริหาร
    ไม่ยอมอยู่กับบ้านช่วยหยุดการแพร่เชื้อเพื่อชาติ
    จนทำให้โรคร้ายแพร่ระบาดไม่หยุดยั้ง
    ซึ่งเป็นการ "สอบตก" ของสมาชิกหรือ ปชช.เอง

    ดังนั้น
    ตัวยาแรงขึ้นที่ว่านี้ก็คือ
    ปชช.ต้องถูกบังคับจับให้ปฏิบัติตามคำสั่ง
    จะชอบใจไม่ชอบใจจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย
    ทุกคนก็ต้องก้มหน้าปฏิบัติตาม พรก.เฉพาะกิจ
    โดยต้องเลือกเอาว่าจะเก็บตัวอยู่บ้าน 14 วัน
    หรือต้องการจะติดคุกนาน 2 ปีและถูกตีตรวน

    2.เพราะนักเรียนสอบตกจนต้องเรียนซ้ำ
    ซึ่งเป็นบทเรียนเดิมกิจกรรมเดิมหลักสูตรเดิม
    ผู้ช่วยวิทยากรซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง
    จะถอยห่างออกมาจากพวกท่านหนึ่งก้าว

    โดยในขั้นตอนแรกที่ผ่านมาแล้ว
    ช่างเท็คนิกที่เป็นพี่เลี้ยงได้ช่วยเหลือพวกท่าน
    ด้วยการแจกเชื้อไวรัสมรณะให้กับคนส่วนน้อย
    ซึ่งเป็นผู้เล่นตัวจริงที่จะได้รับประสบการณ์จริง
    เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้นมิได้แจกกันสะเปะสะปะ

    สมาชิกส่วนใหญ่จึงเป็น "คนดู"
    เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ผ่านคนป่วยจริง
    โดยเพียงระวังตัวเองมิให้ติดเชื้อโรคมาเท่านั้น
    เพราะมันมิใช่หน้าที่ของท่านนั่นเอง

    ดังนั้น
    ตัวยาแรงขึ้นในกรณีที่สองนี้ก็คือ
    ทุกคนต้องอยู่ในกระบวนการไซโคโชว์ทั้งหมด
    เพื่อการเรียนรู้และผ่านบททดสอบทุกบทให้ได้
    ด้วยหนึ่งสมองสองมือสองเท้าของท่าน
    ด้วยการประสานพลังประสานใจกับเพื่อนในกลุ่ม
    และปฏิบัติตามผู้นำกลุ่มคือหัวหน้าคณะรัฐบาล

    พวกท่านทั้งกลุ่มทั้งประเทศจะสอบตกสอบได้
    จะสับสนวุ่นวายแค่ไหนจะรอดได้หรือไม่รอด
    ท่านทั้งหลายพึงตั้งสติเอาไว้ล่วงหน้าเลยว่า
    เวทีนี้จะไม่มีพี่เลี้ยงคอยช่วยท่านอีกต่อไปแล้ว

    3.เพราะแจกเชื้อไวรัสมรณะเป็นอุปกรณ์
    ให้ผู้เล่นที่ถูกคัดเลือกเฉพาะจำนวนคนที่จำกัด
    โดยให้เล่นให้ปฏิบัติกันในพื้นที่จำกัดด้วย
    ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่ยากต่อการปฏิบัติ

    แต่ปรากฏว่าผู้เล่นตัวจริงป่วยจริง
    ที่ถูกคัดเลือกมาจากดงอบายมุขเท่านั้น
    ก็พากันสอบตกบททดสอบง่าย
    โดยบางคนปล่อยให้ตนเองป่วยจนตาย
    เพราะขาดการใส่ใจในอาการพิรุธของตนเอง
    ด้วยการนิ่งนอนใจไม่พาตนเองไปพบแพทย์
    บางรายที่ไปพบแพทย์ก็กล่าวเท็จเสียอีก
    นี่เขาสอบตกเพราะ "ไม่รักตนเอง" โดยแท้

    นอกจากนั้น
    บางคนแม้พบอาการผิดปกติของตนบ้างแล้ว
    แต่แทนที่จะรีบไปพบแพทย์แต่เนิ่นๆ
    กลับยังเดินทางไปโน่นมานี่ไปพบคนนั้นคนนี้
    จึงนำเชื้อโรคมรณะไปเผื่อแผ่ผู้คนเหล่านั้น
    เพราะความประมาท ขาดสติและขาดความรัก
    อันพึงจะมีต่อตนเองและผู้อื่น

    ซึ่งคนป่วยติดเชื้อที่เป็นผู้เล่นตัวจริง
    สอบตกเรื่องนี้ด้วยกันทั้งหมด
    มันจึงเป็นตัวชี้วัดว่าชาวโลกเสรีนี้ส่วนใหญ่
    สะกดคำว่า "รัก" ตนเองและผู้อื่นกันไม่เป็น

    เพราะคนที่รักตัวเองจริง
    เมื่อพบอาการผิดปกติหรือรู้ตัวว่าเจ็บป่วย
    ก็ต้องรีบไปพบแพทย์เบื่อบำบัดรักษาโดยเร็ว
    จะไม่ทนทิ้งไว้ให้มันหายป่วยเองเด็ดขาด
    เราปล่อยพวกท่านให้ไม่รักตนเองอีกไม่ได้แล้ว
    เพราะภัยพิบัติในวันหน้าสงครามโรคจะเกิดอีก
    นิสัยในการดำเนินชีวิตแบบไม่รักตัวกลัวตาย
    ทั้งๆที่ท่านเป็นคนดีก็มีสิทธิ์ตายจริงๆได้

    ดังนั้น
    ตัวยาแรงขึ้นในกรณีนี้ก็คือ
    ทุกคนต้องอยู่ในกระบวนการไซโคโชว์ทั้งหมด
    แทนที่จะมีผู้เล่นตัวจริงคือคนที่ป่วยไม่กี่คน
    และเป็นการเล่นกิจกรรมเฉพาะพื้นที่เดียว
    คือในกรุงเทพมหานครที่เป็นสนามมวยแห่งหนึ่ง
    กับแหล่งบันเทิงแถวทองหล่ออีกแห่งหนึ่ง

    แต่คราวนี้การให้ยาแรงขึ้นก็คือ
    เราได้ทำการ "แบ่งกลุ่มใหญ่" คือประเทศนี้
    ออกเป็นกลุ่มย่อยๆรวมเจ็ดสิบกว่ากลุ่ม
    อันหมายถึงทุกจังหวัดของประเทศนี้เลย
    โดยกลุ่มย่อยๆทั้งหมดนี้ก็จะได้รับแจกอุปกรณ์
    คือไวรัสไปใช้เพื่อการเรียนรู้กันเองใน ตจว.ด้วย

    ผู้เล่นตัวจริงป่วยจริงในกลุ่มใหญ่
    ซึ่งเคยเล่นอยู่ในพื้นที่เมืองหลวงอยู่แล้วนี่แหละ
    ที่เป็นผู้ช่วยวิทยากรในการแจกอุปกรณ์การเรียน
    โดยช่วยเราถือไวรัสกลับไปยังบ้านเกิดของตน
    เพื่อชวนคนในกลุ่มย่อยเข้าร่วมฝึกอบรมด้วย
    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง

    4.เพราะคณะบริหารหรือรัฐบาล "สอบตก"
    ปล่อยปละละเลยให้ ปชช.เดินทางกลับภูมิลำเนา
    โดยไม่มีมาตรการเข้มข้นรองรับ
    เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคร้าย

    ยาแรงขึ้นที่พวกท่านจะได้รับก็คือ
    ต้องใช้คนทำงานเพิ่มเพื่อการเอาชนะโรคร้าย
    ต้องใช้สถานที่กักกันบำบัดรักษาเพิ่มขึ้น
    ต้องใช้แพทย์พยาบาลและจนท.สาธารณสุขเพิ่ม
    ต้องทำงานเพื่อสู้สงครามโรคยากขึ้น
    ต้องสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจและเครียดหนักขึ้น

    เพราะคนจะติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม
    การแพร่ระบาดก็จะควบคุมได้ยากมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนั้น
    เศรษฐกิจของประเทศก็จะตกต่ำ
    โรงงานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหลาย
    เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ขนาดเล็ก
    จนกระทั่งผู้ขายแรงงานและพวกขายชาติ
    จะเป็นเหตุเป็นเงื่อนไขให้รัฐบาลสั่นคลอน
    ประเทศชาติจะขาดความมั่นคง

    เหตุเพราะควบคุมให้เชื้อโรคหรือคนป่วย
    จำกัดพื้นที่อยู่แต่ในส่วนกลางไม่ได้
    การให้ "ยาแรง" เพื่อการเรียนรู้ขั้นที่สองนี้
    จึงต้องจ่ายให้คนที่เป็นผู้นำผู้บริหารประเทศ
    เบิ่งสองตามองปัญหา มอง ปชช.ให้กว้างขึ้น
    ให้เป็นผู้นำมีวิสัยทัศน์ อ่านปัญหาได้ทะลุแจ้ง
    ฉลาดวางแผนล่วงหน้า และกล้าตัดสินใจจริงๆ

    มิเช่นนั้นพวกท่านจะเป็นผู้รับใช้ชาติ
    ตามที่ขันอาสาว่าจะมานำมาทำไม่ได้

    ผู้นำที่ไร้สมรรถนะและขาดภาวะผู้นำ
    มีแต่จะทำให้ประเทศชาติไม่มั่นคงไม่มั่งคั่ง
    จะสร้างสันติสุขให้แก่คนในชาติก็ไม่ได้

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    เรื่องของ "ยาแรง" ขนานที่ 5
    เราคงต้องนำมาสนทนากันในตอนต่อไป
    ใครอยากรู้ความลับเหล่านี้
    โปรดชูมือขึ้นสองข้างได้มั้ย

    บทสนทนายาวๆขี้เกียจอ่านกันหรือเปล่า
    ช่วยบอกให้เรารู้ด้วยนะท่าน

    กราบพระบาทพระบิดาฯ

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    26/03/2020 FB_IMG_1585126051526.jpg
     
  12. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #มุมน้ำชา: Tea Corner

    ขณะนี้โลกกำลังถูกใช้เป็นห้องเรียนใหญ่
    ที่มวลมนุษย์โลกทั้งหลาย
    กำลังถูกนำเข้าสู่กระบวนการ PsychoShow
    ของ Parinya อย่างเต็มรูปแบบแล้ว

    เพื่อยกระดับจิตปัญญาพัฒนาจิตสามนึกมนุษย์
    ทั้งรายบุคคลและเป็นแบบองค์รวม
    ตามแผนปฏิบัติการชำระโลกของพระบิดาฯ
    ก่อนเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่
    ด้วยความสมดุลของดาวเคราะห์โลก
    ในระดับที่มีพลังอำนาจสูงกว่าเดิม 2 เท่าตัว
    ด้วยจำนวนประชากรโลกที่จะเหลือน้อยลง
    แต่สามารถเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกได้ดีกว่าเดิม

    ดังนั้น
    ภัยพิบัติต่างๆที่ใหญ่ขึ้นกว่าที่ผ่านมา
    จะถูกส่งเข้ามาในระบบโลกเสรี
    ที่เป็นห้องเรียนใหญ่นี้มากขึ้นและถี่ขึ้น
    พร้อมมีเงื่อนไขการกระทำให้ทุกท่านเผชิญ
    ทั้งที่เหมือนกันและแตกต่างกันไป
    เพื่อทดสอบสมรรถนะทางจิตปัญญา
    ซึ่งเป็นเครื่องมือของจิตสามนึก
    เพื่อพิจารณาว่า "ใคร" สมควรเป็นผู้ที่ถูกคัดไว้
    "ใคร" คือผู้ที่สมควรจะถูกคัดทิ้ง

    ภัยพิบัติที่จะถูกส่งเข้ามาในห้องเรียนโลก
    อาจจะทะยอยกันเข้ามาให้ได้เผชิญ
    โดยแยกตามสภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์
    ทั้งบทเรียนจากเงื่อนไขสถานการณ์เดียวกัน
    และบทเรียนจากเงื่อนไขสถานการณ์ที่ต่างกัน
    หรืออาจส่งมาให้เรียนรู้พร้อมกันทีเดียวทั่วโลก
    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการฝึกอบรมและทดสอบ
    จะพิจารณาให้เหมาะควรกับสถานการณ์นั้นๆ

    คำว่า "ภัยพิบัติ" ที่จะถูกส่งเข้ามา
    เพื่อเป็นบทเรียนและบททดสอบแบบต่างๆ
    มีมากมายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
    ซึ่งท่านทั้งหลายผู้ที่จะถูกทดสอบ
    ต้องเตรียมตนเองและจิตวิญญาณให้พร้อม
    เผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆอย่างมีกฤตสติ
    ดำเนินชีวิตท่ามกลางภัยพิบัตินั้นๆด้วยมหาสติ
    เพื่อที่จะได้รับการคัดไว้เพราะสอบผ่านให้ได้
    จนกว่าสิ่งเลวร้ายจะสงบลง

    รัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ
    นักลงทุน นักการค้า นักธุรกิจ นักกฎหมาย
    แพทย์ พยาบาล จนท.สาธารณสุข และ ปชช.
    ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อยามภัยมา
    ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดและเต็มสามารถ
    จะละเลยเหลาะแหละโลเลเหลวไหลไม่ได้
    ท่านจงจำไว้ว่า "โอกาสรอด" ของท่านนั้น
    องค์จิตจักรวาลทรงประทานให้เพียงครั้งเดียว
    เฉพาะภพชาตินี้เท่านั้นนะชาติหน้าไม่มีแล้ว

    ภัยพิบัติต่างๆที่ท่านจะเผชิญก็คือ
    แผ่นดินไหว พายุหมุนรุนแรง แผ่นดินสไลด์
    น้ำท่วมใหญ่ ภูเขาไฟปะทุ-ระเบิด หลุมยุบ
    หนาวจัด แล้งจัด ไฟป่า สึนามิ ทะเลคลั่ง
    ฝนน้ำแข็ง อุกกาบาตตก หิมะตกผิดฤดูผิดที่
    ไปจนถึงภัยพิบัติจากโรคระบาดร้ายแรง เป็นต้น

    ทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้
    รวมกันเรียกว่า #ภัยพิบัติ ที่ถูกจัดสร้างขึ้น
    โดยมีช่างเทคนิกมากมายเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
    ซึ่งมิใช่ภัยธรรมชาติตามปกติแต่อย่างใด

    ท่านทั้งหลายจงถือลูกแก้วสองดวงให้มั่นไว้
    ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
    เผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์อย่างกล้าหาญ
    จัดการกับทุกเงื่อนไขปัญหาด้วยสติปัญญา
    โดยไม่ปล่อยให้ตนเองสติแตกหรือ ปสด.ง่ายๆ

    เนื่องจาก
    กระบวนการฝึกอบรมไซโคโชว์เพื่อชำระโลกนี้
    เป็นปฏิบัติการพร้อมกันทั้งระบบโลก
    ซึ่งมีวิทยากรผู้ดำเนินการเพียงรูปธรรมเดียว
    แม้จะมีฑูตสวรรค์มาช่วยกันเป็นพี่เลี้ยงอยู่
    แต่ก็ต้องอาศัยสื่อสาธารณะของโลกเอง
    ช่วยเล่าลือกระพือข่าวสารจากจิตจักรวาล
    ให้ทุกท่านทุกที่ได้รับรู้กันอย่างทั่วถึง
    เพื่อให้มีข้อมูลจริงที่ต้องรู้ต้องใช้ในปฏิบัติการ
    อย่างถูกต้องตรงจริงและครบถ้วนด้วย

    ดังนั้น
    ท่านทั้งหลายจะมัวแต่มีโลกส่วนตัวเล่นเกม
    ไม่เปิดรับข่าวสารทางสื่อในสังคมไม่ได้อีกแล้ว
    เพราะการ "ตกข่าว" จะทำให้ท่านพลาดโอกาส
    จนอาจเป็นคนหนึ่งซึ่งถูกคัดทิ้งก็ได้

    หรือท่านต้องฉลาดเสพข่าวตัวอย่างเช่น
    ระหว่างตัวเลขสถิติคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวัน
    กับยอดสถิติคนตายหรือคนหายจากโรครายวัน
    ท่านควรเลือกเสพสถิติอย่างไหนมากกว่ากัน
    ที่จะไม่ทำให้ท่านสติแตกเพราะความกลัว
    ซึ่งมีอยู่ 2 ทางเลือกสำหรับท่านทั้งหลาย
    นั่นคือ เลือกที่จะกลัวติดเชื้อโรค "โควิด-19"
    หรือ เลือกที่จะกลัวตายเพราะไวรัสมรณะนี้

    ถ้าเลือกกลัวว่าจะติดเชื้อโรค
    ท่านก็จะมีสติในการระวังตนเองอย่างเคร่งครัด
    โดยคิดหาวิธีที่จะไม่ทำตนเองให้ติดเชื้อร้าย
    และท่านก็จะเชื่อฟังรัฐบาลพร้อมให้การร่วมมือ
    โดยไม่ต้องถูกบังคับด้วยกฎหมายที่เป็นยาแรง

    แต่ถ้าท่านนั้นวันๆได้แต่กลัวตัวเองต้องตาย
    มัวแต่ลนลานจากการไม่อยากตาย
    ท่านก็จะเป็นคนเสพติดข่าวสารทั้งวี่วัน
    แล้วกดดันตัวเองไปตามสถิติที่เพิ่มขึ้นด้านร้ายๆ
    หรือไม่ก็หลงเชื่อบ้าตามข่าวลวง fake news

    จนในที่สุด...
    ท่านก็อาจเป็นคนหนึ่งที่พึ่งตนเองไม่ได้
    เพราะเกิดอาการ ประสาท...ดก

    หรือท่านก็อาจจะเป็นคนหนึ่ง
    ซึ่งจะเป็นจุดอ่อนด้อยของสังคมในการสู้โรค
    เพราะท่านจะปฏิบัติตนไม่ถูกต้องหรือฝ่าฝืนกฎ
    เนื่องจากมิได้สนใจสารสาระสู้โรคมาบ้างเลย

    หรือท่านก็อาจเป็นคนหนึ่ง
    ที่ไม่คิดพึ่งตนเองไม่คิดพึ่งรัฐบาล
    แต่หันไปงมงายกับพ่อมดหมอผีหรือปีศาจ
    เพราะคิดว่าพวกนั้นจะช่วยให้ตน "รอดตาย" ได้
    โดยไม่รู้ว่านอกจากพระบิดาฯแล้ว
    ก็มีแต่ตนเองเท่านั้นแหละที่จะช่วยให้รอดได้
    จงจำไว้ว่าคนที่งมงายจะเป็นพวกที่ถูกคัดทิ้งด้วย

    ขอให้ทุกท่านข้ามผ่านมหันตภัยทั้งหลายไปได้
    ในทุกสถานการณ์ร้ายๆเมื่อต้องเผชิญ

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    26/03/2020
     
  13. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    เราสื่อถ่ายทอดพระโอวาทจากพระองค์
    ซึ่งสถิตย์อยู่ภายนอกอนันตจักรวาล
    ผ่านเข้ามายังโลกเสรีนี้ในระบบจิตสู่จิต
    (Vertical Telepathy) ด้วยการสื่อสารในแนวดิ่ง

    เพื่อน้อมนำสัจธรรมสูงสุดระดับ "อนุตรธรรม"
    ที่มนุษย์ไม่อาจเข้าถึงสัจธรรมระดับนี้ได้
    เพราะกลไกทางจิตปัญญามีขีดจำกัด
    มากล่าวต่อนักสู้เพื่อการรู้แจ้งทั้งหลาย
    ให้รับรู้เพื่อเรียนรู้เพราะถ้าไม่รู้ก็นิพพานไม่ได้

    นี่โลกถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
    จิตวิญญาณมนุษย์ทุกคนจะต้องกลับบ้าน
    คือ "หลุดพ้น" ออกไปจากอนันตจักรวาล
    เพราะจิตวิญญาณผู้มาใหม่ในยุคพลังงานใหม่
    กำลังรอคอยการเปลี่ยนยุคให้สมบูรณ์
    เพื่อเข้ามาทำหน้าที่แทนพวกท่านนานแล้ว

    หากใครยังเดินหลงทางหรือเดินผิดทาง
    เพราะมัวก้าวตามคนนำทางตาบอดกันอยู่
    จงเงยหน้าลืมตามองให้เห็นแสงสว่าง
    ที่เรานำมาช่วยส่องทางที่ถูกต้องให้กันเสียที

    เนื่องจากเส้นทางไปสู่ประตูนิพพานนั้น
    คนนำทางตาบอดทั้งหลายเขาไม่เคยไป
    พวกเขาจึงไม่มีใครชำนาญเส้นทางที่แท้จริง
    จึงนำพาพวกท่าน "หลงทาง" นิพพาน
    ขึ้นไปแขวนลอยค้างกันอยู่บนสวรรค์มายา
    มายาวนานนับพันปีเศษแล้ว

    ขณะที่บางกลุ่มก็เชื่อตามคนนำทางว่า
    พระศาสดาได้ทรงเอาบาปที่ตนทำ
    ไปแบกบาปเหล่านั้นแทนพวกตนหมดแล้ว
    ซึ่งเป็นการแปลความคำว่า “ไถ่บาป” ผิดๆ
    จึงแนะให้ผู้ตามตั้งตารอพระองค์เสด็จกลับมา
    เพื่อนำพาพวกตนคืนกลับสู่อ้อมกอดพระบิดาฯ
    ที่ทรงประทับรอคอยพระจิตของพวกท่านอยู่
    โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่เชื่อนั้นมันเป็นจริงไม่ได้

    พวกนี้จึงรอโดยไม่ใส่ใจในกฎแห่งกรรม
    พวกนี้จึงรอโดยไม่เชื่อเรื่องการมีภพชาติ
    พวกนี้จึงรอโดยไม่กลัวไฟชำระในนรก
    พวกนี้จึงรอโดยไม่ใส่ใจว่าพระองค์นั้น

    จะเสด็จกลับมารับพวกตนด้วยวิธีไหน
    จะเสด็จกลับมารับพวกตนที่รอกันอย่างไร
    จะเสด็จมาจุติตรงพิกัดไหนประเทศใด
    จะเสด็จมาถึงโลกนี้เมื่อไหร่
    จะพิสูจน์รู้ได้อย่างไรว่าใครคือพระองค์จริง
    ผู้ที่เสด็จกลับมาตามสัญญา

    ที่ผ่านมาจึงได้แต่ชักชวนกันให้เฝ้ารอ
    โดยไม่ชี้แนะบ้างเลยว่า
    ผู้เฝ้ารอทั้งหลายจักต้องทำอย่างไร
    จึงจะได้พบพระพักตร์พระองค์กันเสียที

    ถ้าคนนำทางพวกท่านไม่ตาบอด
    ไม่ชักพาให้หลงทางกันมาอย่างยาวนาน
    ป่านนี้พวกท่านก็น่าจะล่วงรู้ได้ด้วยตนเองว่า
    พระองค์ที่ท่านเฝ้ารออยู่นั้นได้เสด็จกลับมา
    วางพระเศียรอยู่บนโลกนี้ตั้งนานแล้ว

    ส่วนคนนำทางตาบอดอีกพวกหนึ่ง
    ก็พาผู้ตามหลงทางเพราะ "หลงผิด"
    หลงติดทุกข์ติดสุขจนไม่อยากเป็นมนุษย์
    จึงพากันแห่ไปแขวนลอยอยู่บนสวรรค์มายา
    เพราะเข้าใจว่าอยู่บนนั้นตนนิพพานได้แล้ว
    ซึ่งเข้าใจผิดเพราะยังคิดแบบจิตมนุษย์

    โดยนิพพานที่แท้จริงนั้นคือ “การหลุดพ้น”
    จะไม่ไปจุติอยู่แห่งใดในอนันตจักรวาลนี้อีก

    นอกจากนั้นคนนำทางตาบอดในกลุ่มนี้
    ยังชวนให้ผู้ตามงมงายด้วยการยึดติด
    พระศาสดาที่มาจากโลกเพียงพระองค์เดียว
    แล้วชวนให้ต่อต้านโจมตีศาสดาศาสนาอื่น
    ให้ปฏิเสธพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตนด้วย

    ข้อเท็จจริงต่างๆเหล่านี้
    เราได้สื่อถ่ายทอดมาจากองค์จิตจักรวาล
    พระบิดาแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน
    ที่คนบางกลุ่มบนโลกเรียกว่า “พระผู้เป็นเจ้า”
    โดยนำมาประกาศไว้ในห้องเรียนศักดิ์สิทธิ์นี้
    เพื่อให้ท่านผู้ก้าวตามคนนำทางกันอยู่ได้รู้ว่า
    จงอย่าหลับตาก้าวตามพวกเขาอีกเลย
    ถ้าท่านไม่ลืมตาขึ้นท่านจะแลเห็นแสงสว่าง
    ที่เราสาดส่องมาให้ท่านได้อย่างไร

    จงลืมตาของท่านเถิดเพราะท่านมิได้ตาบอด
    การ "ลืมตา" คือ การใช้ปัญญาคิดตามเรา
    การคิดตามครูมันจะนำท่านสู่การรู้แจ้ง
    ซึ่งหมายถึงการแลเห็นแสงสว่างนั่นเอง

    เหตุที่ท่านหลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอด
    เพราะท่าน "เชื่อตาม" โดยไม่ระแวงสงสัย
    เพราะท่าน "เชื่อตาม" โดยไม่กล้าคิดต่าง
    เพราะท่าน "เชื่อตาม" โดยกลัวว่าจะผิดบาป

    ท่านทำตนเป็นคนว่านอนสอนง่าย
    ของคนนำทางตาบอดตลอดมา
    เพราะพวกท่านหลงผิด
    คิดว่าคนนำทางของท่านเป็นพระเจ้า
    คิดว่าคนนำทางของท่านเป็นศาสดา

    ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว
    คนนำทางของท่านในทุกศาสนา
    เป็นคนที่ศึกษามามากกว่ารู้มากกว่า
    จึงขันอาสามาแบ่งปันสิ่งที่เขารู้แก่ท่านเท่านั้น

    ท่านผู้ตามจึงควรใช้ปัญญาคิดตามก่อนเชื่อ
    เพราะพวกเขาก็ไม่ต่างจากพวกท่าน
    ที่มีโอกาสจะรู้ผิดรู้ถูกหรือเข้าใจผิดเข้าใจถูก
    เพราะเรียนรู้มาแบบผิดๆถูกๆจำผิดจำถูก
    คิดผิดคิดถูกตามกำลังสติปัญญาของเขา

    ท่านจงระลึกและสังวรเอาไว้เสมอว่า
    คนนำทางทุกคนที่ท่านก้าวตามอยู่
    เป็นแค่ครูหรือผู้รู้คนหนึ่งเท่านั้น
    ท่านกำลังก้าวตามเขาไปในที่ๆไม่เคยไป
    พวกเขาจึงพาท่านหลงทางมานับพันปีแล้ว
    เพราะคนนำทางเหล่านี้มิใช่ "ศาสดา"

    กราบพระบาทพระบิดาฯ

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    27/03/2020
     
  14. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ต่อไปอีกว่า

    ตัวยาที่จะแรงขึ้นในประการที่ 5
    ที่นักเรียนทั้งโลกจักต้องเผชิญกันอย่างทั่วหน้า
    โดยไม่มีผู้ใดที่จะได้รับการยกเว้นก็คือ

    สมาชิกในกลุ่มใหญ่หรือในแต่ละประเทศ
    ซึ่งเดิมเรากันไว้ให้เป็นแค่เพียง "คนนั่งดู"
    เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ผ่านคนอื่นๆ
    ที่ถูกคัดออกมาเป็น "ผู้ป่วยจริง" แทนคนส่วนใหญ่
    ตามศาสตร์และศิลป์ของกระบวนการไซโคโชว์
    ที่เราออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้เขย่าจิตสามนึกมนุษย์
    ให้สั่นสะเทือนเป็นการแสดงออกและกระทำ
    พฤติกรรมที่ถูกต้องเหมาะสมดีงามออกมา
    เมื่อเผชิญเงื่อนไขที่กิจกรรมในบทเรียนกำหนดไว้

    โดยในขั้นที่สองของการฝึกอบรมนี้
    เราได้กำหนดให้มนุษย์โลกทุกคน
    ทั้งคณะผู้นำที่เป็นผู้บริหารประเทศหรือกลุ่มใหญ่
    รวมทั้งผู้นำระดับกลุ่มย่อยๆทั้ง 77 กลุ่ม
    และผู้ตาม คือ สมาชิกทุกคนในกลุ่ม

    ต่างจะมีโอกาสที่จะเป็นทั้ง "ผู้ป่วยจริง"
    ซึ่งต้องเล่นเกม "โควิด-19" ให้คนอื่นๆดู
    และต้องเป็น "คนเฝ้าดู" คนที่ป่วยจริงไปด้วย
    เพื่อการเรียนรู้จากกันและกัน
    แล้วนำประสบการณ์ตรงและอ้อมที่ได้รับนั้น
    มาใช้ปฏิบัติในชีวิตของตนให้เป็นรูปธรรม
    เพื่อพิพากษาตนเองให้ได้รับความรอด
    รวมทั้งการมีจิตเมตตาช่วยเหลือ
    ให้คนรอบข้างได้รับความ "รอด" ปลอดโรคด้วย

    ซึ่งในกระบวนการไซโคโชว์ ขั้นที่สองนี้
    ทุกท่านจักต้องเรียนรู้ที่จะสอบผ่านบททดสอบ
    เมื่ออยู่ในสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาด
    ดังต่อไปนี้ คือ

    1.ท่านต้องแสดงให้พระบิดาฯเห็นว่า
    ท่านมีจิตสามนึกในการรักตนเองอย่างแท้จริง
    โดยไม่ทำตนมักง่ายจนสุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อ

    โดยท่านต้องค้นหาความรู้เรื่องไวรัสมรณะนี้ว่า
    โรคระบาดร้ายแรงนี้มีอันตรายอย่างไร
    จะป้องกันการติดเชื้อโรคชนิดนี้ได้อย่างไร
    อาการของคนป่วยที่ติดเชื้อแล้วเป็นอย่างไร
    เมื่อติดเชื้อแล้วท่านต้องปฏิบัติตนอย่างไร
    จึงจะมีโอกาส "รอดตาย" ได้
    โดยที่ยังไม่มียารักษาและไม่มีวัคซีนป้องกัน

    ถ้าใครไม่แสดงออกว่ารักตนเอง
    โดยปล่อยตนจนเป็นคนป่วยด้วยโรคนี้เข้า
    หากบุญไม่มีบารมีที่ทำมายังไม่พอ
    คนผู้นั้น คือ "ผู้สอบตก" จะถูกขึ้นบัญชีดำว่า
    เป็นผู้ถูกคัดทิ้งออกจากระบบแน่นอน

    2.ท่านต้องแสดงให้พระบิดาฯเห็นว่า
    ท่านมีจิตสามนึกที่จะรักคนรอบข้างทุกคน
    ไม่ใช่รักเฉพาะคนในครอบครัวตัวเองเท่านั้น

    โดยท่านจะต้องระวังป้องกันตนเองทุกวิถีทาง
    ที่จะมิให้แพร่เชื้อโรคร้ายนี้ไปสู่คนรอบข้าง
    และไม่แพร่เชื้อต่อไปยังคนอื่นๆโดยเด็ดขาด

    นั่นคือท่านจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้ว่า
    จะป้องกันมิให้ตนเป็นพาหะแพร่โรคได้อย่างไร
    ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ว่าตนติดเชื้อแล้วหรือไม่ก็ตาม
    ท่านจักต้องพิสูจน์ความรักให้ฟ้าเห็นสถานเดียว

    ถ้าใครดำเนินชีวิตผิดพลาด
    เพราะประมาท ขาดสติ ไม่ใส่ใจในผู้อื่น
    จนยังผลให้คนรอบข้างรับเชื้อไปจากตนเอง
    โดยคนที่ได้รับเชื้อไปบางคนอาจถึงตาย
    คนที่เป็นผู้แพร่เชื้อโรคนั้น คือ "ผู้สอบตก"
    ก็จะถูกขึ้นบัญชีดำว่าต้องเป็นผู้ถูกคัดทิ้ง
    ให้ออกไปจากสาระบบจนหมดโอกาสหลุดพ้น

    3.ท่านต้องแสดงให้พระบิดาฯเห็นว่า
    ท่านมีจิตสามนึกรักชาติของตนเองอย่างแท้จริง
    ด้วยการมีวินัยในการดำเนินชีวิตประจำวัน
    และยินดีปฏิบัติตามมาตรการที่ทางการกำหนด
    ไม่ว่าท่านจะชอบไม่ชอบคณะรัฐบาลชุดนี้หรือไม่
    ไม่ว่าคณะรัฐบาลชุดนี้จะมีดีหรือมีเลวก็ตาม

    ท่านต้องเลิกแบ่งขั้วแบ่งข้าง
    ท่านต้องล้างสีที่แตกต่างกันออกให้หมด
    หันมาจับมือกันเป็นมิตรกัน
    เพื่อสร้างพลังร่วมแห่งชาติในการพิชิตโรคร้าย
    ให้หยุดการแพร่ระบาดให้จงได้
    ให้หยุดการตายเพิ่มของคนในชาติให้จงได้

    ไม่ว่าพวกเขาจะร้องขอความร่วมมือจากท่าน
    หรือจะออกมาตรการบังคับท่านด้วยกฎกมาย
    แม้ท่านจะไม่สบายใจหรือไม่สะดวกจะทำตาม
    แต่ท่านต้องร่วมมือกับทางการสถานเดียว
    โดยต่อสู้กับโรคระบาดนี้เพื่อ "ชาติ" ด้วย

    ถ้าใครไม่ให้ความร่วมมือต่อส่วนรวม
    แล้วยังมามัวทะเลาะกันเอง ทำร้ายกันเอง
    ในสถานการณ์วิกฤตที่อาจสิ้นชาติได้
    คนผู้นั้น คือ "ผู้สอบตก" จะถูกขึ้นบัญชีดำว่า
    เป็นผู้ถูกคัดทิ้งออกจากระบบแน่นอน

    4.ท่านต้องแสดงให้พระบิดาฯเห็นว่า
    ท่านเป็นผู้มีมหาสติและใช้มหาสติเป็น
    ซึ่งเป็นลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ในมรรควิถีจิตจักรวาล
    ที่จะช่วยให้ท่านมีสภาวะจิตที่มั่นคง
    ไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ใดๆที่เป็นปัญหา
    จนสามารถหยิบปัญญาและความรักเพื่อให้
    มาจัดการได้หมดในทุกปัญหาที่ท่านเผชิญ

    ถ้าท่านเข้าถึงการใช้มหาสติได้อย่างชำนาญ
    พระองค์ก็จะประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่ให้
    เป็นความสำเร็จจากการตัดสินใจที่ถูกต้อง
    นั่นคือ ท่านจะเป็นผู้ได้รับการ "คัดไว้"

    แต่ถ้าท่านล้มเหลวในการใช้ #มหาสติ
    มันจะทำให้ท่านตัดสินใจแก้ปัญหาผิดพลาด
    ท่านก็ คือ "ผู้สอบตก" จะถูกขึ้นบัญชีดำว่า
    อาจเป็นผู้ที่จะต้องถูกคัดทิ้งออกจากระบบ
    หากความล้มเหลวในการใช้มหาสติครั้งนี้
    เกิดจากความเหลวไหลและความไม่เอาไหน
    เพราะไม่เคยใส่ใจที่จะฝึกฝนกัน

    ผู้ที่ขาดมหาสติจนตัดสินใจผิดพลาดครั้งนี้
    บางคนอาจจะยังไม่ถูกพิพากษา "คัดทิ้ง"
    ถ้าพระองค์ทรงเห็นแล้วว่าบุตรคนนั้น
    มีความตั้งใจที่จะฝึกใช้มหาสติตลอดมา
    แต่ที่สอบตกบททดสอบครั้งนี้เป็นเพราะว่า
    ยังขาดทักษะที่ต้องอาศัยเวลาฝึกฝนต่ออยู่

    5.ท่านต้องแสดงให้พระบิดาฯเห็นว่า
    ท่านเป็นผู้มีปณิธานแห่งการหลุดพ้นชัดเจน
    โดยพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของท่าน
    จักต้องขับเคลื่อนออกมาด้วยอนุตรธรรม
    รวมทั้งสิ้น 4 ประการ คือ

    #หนึ่ง: รักคนที่ไม่น่ารักได้ทุกคน
    #สอง: ให้อภัยคนที่ไม่สมควรให้อภัยได้เสมอ
    #สาม: ไม่ก้าวล่วงใครให้เขาเสียสมดุล
    แม้บางคนอาจจะก้าวล่วงท่านก่อนก็ตาม
    #สี่: ใช้จิตสามนึกดำเนินชีวิตเท่านั้น

    ถ้าท่านครองลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ดวงนี้ได้
    โดยไม่ละทิ้งหรือทำตกแตก
    ท่านก็จะเป็นผู้ที่ถูก "คัดไว้"
    ในปฏิบัติการไซโคโชว์หลักสูตร "โควิด-19" นี้

    แต่ถ้าใคร "สอบตก" หรือล้มเหลวในข้อนี้
    ถ้าไม่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยขั้นรุนแรง
    ก็จะถูกขึ้นบัญชีดำว่าเป็นผู้หนึ่งที่จะถูกคัดทิ้ง
    ให้ออกจากระบบอย่างแน่นอน

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    คู่มือการฝึกอบรมเพื่อทำบททดสอบต่างๆ
    ในหลักสูตร "โควิด-19" ที่เราเฉลยล่วงหน้านี้
    เป็นปฏิบัติการจิตวิทยาแห่งอนันตจักรวาล
    ที่มันจะสั่นสะเทือนไปถึงอีก 6 จักรวาลด้วย
    โดยมีท่านทั้งหลายแห่งดาวโลกเสรีนี่แหละ
    รับบทบาทเป็น "ครู" ในฐานะของผู้เป็นต้นแบบ

    เราเฉลยข้อสอบล่วงหน้าปานนี้แล้ว
    ยังจะ "สอบตก" โดยเป็นต้นแบบที่ไม่ดีอีก
    ท่านผู้นั้นก็สมควรที่จะถูกคัดทิ้งได้แล้ว

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    เพราะยาแรงประการที่ 5 คือ
    ทุกคนทั้งประเทศและทั้งโลก
    ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
    ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี
    แม่ทัพ นายกองและไพร่ฟ้าประชาชนทุกคน
    จะต้องรับบทบาทเป็นทั้งผู้ป่วยตัวจริง
    และเป็น "คนดู" ผู้อื่นเขาเล่นเขาป่วยไปด้วย

    งานนี้จึงไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว
    เพราะมีการเสี่ยงชีวิตเป็นเดิมพัน

    บทสนทนาครั้งต่อไป
    เราจะเปิดเผย "ยาแรง" ขนานที่ 6
    ซึ่งจะเป็นยาแรงขนานรองสุดท้าย
    ในปฏิบัติการ PsychoShow ของ "ปริญญา"
    สำหรับกิจกรรมชื่อ "โควิด-19" ขั้นที่สองนี้

    ใครอยากเรียนรู้ต่อ
    เชิญยกมือขึ้นเพื่อแสดงตนกันอีกครั้ง

    กราบพระบาทพระบิดาฯ

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    28/03/2020

    Thanks:
    เราขออนุโมทนาบุญ
    ที่ช่วยกันแชร์บทสนทนานี้
    เพื่อเป็นอนุตรธรรมทานแก่เวไนยฯ
    เพราะเวลาเพื่อการเรียนรู้เหลือน้อยแล้ว
    เวลาที่จะถูกทดสอบจะยาวนานกว่า
     
  15. เชิงชาย

    เชิงชาย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอบคุณสำหรับข่าวสารดีๆเตือนสติทุกท่านครับ
     
  16. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    "ประสบการณ์ #CoVID19"
    ****************************
    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    เราจัด "ยาแรง" ขนานที่ 7 ให้นักเรียนโลก
    ที่กำลังอยู่ในกระบวนการ "ไซโคโชว์" ขั้น 2
    ในบทเรียนกิจกรรม ชื่อ "โควิด-19"
    ให้ทุกคนได้เผชิญกับเงื่อนไขใหม่
    จากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของไวรัส
    หลังจากพวกเขาเข้าสู่ภายในร่างกายมนุษย์
    ในเวลาไม่เกิน 30 วัน เท่านั้น

    นั่นคือ เมื่อเข้าสู่ร่างกายภายในแล้ว
    ถ้าพบว่าใครคนนั้นมีการสั่งสมประจุลบมาก
    โคโรน่าไวรัสตัวที่กินประจุลบ
    จากเม็ดเลือดจนอิ่มตัวแล้ว
    ก็จะรีบแบ่งตัวทำการขยายพันธุ์เพิ่มทันที
    ถ้าใครมีประจุลบเกาะอยู่กับเม็ดเลือดแดงมาก
    ไวรัสก็จะทำการแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มมาก
    เพื่อจะช่วยกันเก็บกินประจุลบให้หมด
    ตามหน้าที่ของไวรัสที่ถูกกำหนดไว้อย่างนั้น

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    ในดีย่อมมีเสีย ในเสียย่อมมีดี
    ในการแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสองของไวรัสนี้
    เป็นการแบ่งประจุไฟฟ้าออกจากกันด้วย
    โดยตัวที่เป็นบวกเมื่อกินประจุลบแล้ว
    ไวรัสนั้นก็จะเป็นกลางทางไฟฟ้าไม่บวกไม่ลบ
    ต่อเมื่อแบ่งตัวออกจากกันเป็นฝาแฝดแล้ว
    ตัวหนึ่งก็จะมีประจุบวกอีกตัวหนึ่งจะมีประจุลบ

    ยาแรงที่ท่านจะได้รับก็คือ
    ตัวท่านจะมีไวรัสที่เป็นตัวเชื้อโรคเพิ่มขึ้น
    จะมีไวรัสตัวดี 50% อีก 50% เป็นไวรัสตัวร้าย
    ไวรัสตัวดีที่เป็นบวกจะช่วยเก็บกินประจุลบ
    แต่ไวรัสตัวร้ายที่เป็นลบจะกินประจุบวกแทน
    ซึ่งในร่างกายของท่านจะมีบวกมากกว่าลบ
    เมื่อบวกถูกทำลายไปมากๆเข้า
    เม็ดเลือดแดงก็จะเหลือน้อยลง

    ซึ่งไวรัสตัวร้ายเหล่านี้
    จะพากันเดินทางไปพร้อมกับเลือดที่มีประจุลบ
    ซึ่งเป็นทั้งเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดดำ
    โดยเม็ดเลือดดำจะถูกขนส่งไปฟอกที่ปอด
    เจ้าไวรัสวายร้ายจึงพากันไปทำงานอยู่ที่ปอด
    เพื่อคอยดักกินประจุลบจากเม็ดเลือดแดงอยู่ที่นั่น

    จึงยังผลให้เซลปอดที่ถูกไวรัสยึดเกาะฝังตัวอยู่
    เมื่อรู้ตัวว่ามีข้าศึกตัวร้ายกำลังบุกรุกตนจนอักเสบ
    จึงออกคำสั่งทำลายตัวเองพร้อมเชื้อโรคทันที
    แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสมีจำนวนมากๆๆๆขึ้นเรื่อยๆ
    ขณะที่มนุษย์คนนั้นขยันผลิตประจุลบตลอดเวลา
    เซลปอดจึงทำลายตัวเองไปเรื่อยๆจนชำรุด
    แล้วในที่สุดปอดก็พังระบบการหายใจก็ล้มเหลว
    อันเกิดจาก "น้ำท่วมปอด" นั่นเอง

    ด้วยเหตุนี้เอง
    มนุษย์จึงสรุปว่า "โคโรน่าไวรัส"
    เป็นไวรัสที่โจมตีระบบทางเดินหายใจ
    คือ ทั้งปอดและหลอดลม
    จนทำให้เสียชีวิตด้วยทางเดินหายใจล้มเหลว

    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าโคโรน่าไวรัส
    เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางจมูกปากและตา
    เมื่อมันยึดเกาะเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจ
    แล้วพบว่าใครคนนั้นมีเลือดที่เป็นลบอยู่
    ก็จะเจาะฝังตัวเข้าไปในเส้นเลือดนั้นทันที
    เพื่อดักกินประจุลบที่เม็ดเลือดลำเลียงผ่านมา

    หากท่านจะมองให้เห็นภาพ
    ก็สังเกตดูพฤติกรรมของ "ยุง" ตัวที่เกาะท่านสิ
    ไม่มียุงตัวไหนตะกละเกาะปุ๊ปเจาะปั๊ปหรอก
    เขาจะเกาะนิ่งๆก่อนแล้วใช้ปากแหลมๆ
    ที่มีหนวดอยู่สองเส้นคล้ายหนวดแมลงสาป
    ทำการส่ายไปส่ายมาเพื่อควานหาประจุลบ
    ที่เม็ดเลือดแดงจะลำเลียงผ่านมาทางนั้น

    โดยหนวดยุงสองเส้นจะสามารถรับรู้คลื่นไฟฟ้า
    จากกระแสเลือดที่จะไหลผ่านมาตรงนั้นได้ว่า
    เส้นเลือดไหนจะมีประจุลบไหลผ่านมาบ้าง
    เจ้า "ยุง" ก็จะใช้ปากเจาะลงไปในเส้นเลือดนั้น
    เพื่อดักดูดเอาเลือดเสียหรือเลือดชั่วออกมาให้
    ยุงที่กินเลือดจนอิ่มแล้วก็จะบินจากไป
    พอมันวางไข่แล้วภายใน 7 วันมันก็ตาย

    แต่โคโรน่าไวรัสที่กินประจุลบจากเลือดจนอิ่ม
    พวกเขาจะต่างจากยุงก็ตรงที่พวกเขาไม่ตาย
    ยังแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มทำร้ายท่านได้อีกด้วย

    ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
    การที่พระบิดาสร้างตัวเชื้อโรคขึ้นมา
    ก็เพื่อให้ช่วยกำจัดประจุลบจำนวนไม่มาก
    ที่มนุษย์อาจสติแตกจิตตกเมื่อเจอบททดสอบ
    ที่ตนร่วมออกแบบขีดเขียนกันขึ้นมาเอง
    เพราะรักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น

    ในอดีตกาล
    มนุษย์จึงไม่เคยป่วยเป็นโรคตายเพราะเชื้อโรค
    บรรพบุรุษส่วนใหญ่ล้วนมีอายุขัยยืนยาวทั้งนั้น

    โรคระบาดร้ายแรง โรคประหลาดๆ
    ไม่เคยมีในระบบโลกเหมือนยุคหลังนี้
    ที่คนส่วนใหญ่ตายเพราะป่วยด้วยโรคร้าย
    มากกว่าการตายเพราะโรคชรา

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะบอกความจริงให้ท่านรู้ว่า

    ใครที่รับเชื้อโรคมรณะนี้เข้าสู่ร่างกาย
    โดยเป็นผู้มีมหาสติและมีปณิธานแห่งนิพพาน
    ที่มุ่งปฏิบัติบำเพ็ญกันมาอย่างเคร่งครัด
    ตามมรรควิถีจิตจักรวาลมานานแล้ว
    จนมีเม็ดเลือดแดงที่ประจุลบยึดเกาะอยู่
    ไม่เกิน 30%ของจำนวนเม็ดเลือดแดงทั้งหมด
    ที่มีอยู่ในร่างกายของท่านผู้นั้น

    เราขอยืนยันว่าพวกท่านจะปลอดภัย!!!
    เพราะเชื้อไวรัสจะไม่ขยายพันธุ์ในกายท่าน
    เมื่อพวกเขาเข้าสู่ร่างกายท่าน
    เก็บกินประจุลบจำนวนไม่มากจนหมดสิ้น
    พวกเขาก็จะถูกเม็ดเลือดขาวเข้าสลายอัตตา
    เพราะกินอิ่มแล้วไร้พิษสงไปไหนไม่รอด
    เหมือนยุงที่กินเลือดจนอิ่มบินไม่ไหวนั่นแหละ
    ส่วนไวรัสตัวที่เป็นบวกที่เหลืออยู่
    เมื่อเห็นว่าร่างกายของคนนั้นไม่มีลบให้กินอีก
    พวกเขาก็จะพากันออกจากร่างกายท่าน

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    ถ้าท่านจะทำกิจกรรมไซโคโชว์ขั้นที่สองนี้
    ด้วยการดำเนินไปให้ตลอดรอดฝั่ง
    โดยไม่ป่วยหรือไม่ตายเสียก่อนแล้ว
    นอกจากจะระวังไม่ให้ติดเชื้อ
    เมื่อติดเชื้อแล้วต้องไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น
    เมื่อติดเชื้อแล้วท่านต้องได้รับความรอด
    ท่านยังต้องปฏิบัติดังนี้ด้วย คือ

    1.หยุดโกรธ หยุดโลภ หยุดงมงาย
    หยุดลุ่มหลง หยุดระแวงสงสัย หยุดอาฆาต
    หยุดอิจฉาตาร้อนใคร หยุดหึงหวง
    หยุดวิตกจริต หยุดคิดก้าวล่วงใคร ฯลฯ

    เพราะจิตที่สั่นสะเทือนเป็นอาการเหล่านี้
    มันจะยังผลให้เกิดการผลิตประจุลบใหม่ๆ
    เพิ่มขึ้นมาภายในร่างกายอยู่ตลอดเวลา
    ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของไวรัสตัวนี้เลย
    ถ้าท่านยังไม่ยอมละเลิกละวางในสิ่งนี้เสีย
    โดยมัวแต่เถียงแย้งว่าพระศาสดาก็ยังกิน
    ในสถานการณ์สงครามเชื้อโรคที่รบกันอยู่
    นอกจากนิพพานไม่ได้ก็ยังเสี่ยงตายอีกด้วย

    2.หยุดกินเลือดเนื้อของสัตว์เด็ดขาด
    เพราะการรับโปรตีนจากสัตว์ทุกชนิดเข้าไป
    มันจะเป็นเหตุให้เลือดข้นหรือเหนียวหนืด
    ทำให้เม็ดเลือดแดงเคลื่อนตัวช้ากว่าปกติ
    จะยังผลให้โคโรน่าไวรัสตัวที่เป็นลบ
    เข้าจับเม็ดเลือดแดงเพื่อเกาะกินประจุบวกง่าย
    จนสุดท้ายจะทำให้ท่านเสี่ยงกับการตายสูงยิ่ง

    ลองไปถามคุณหมอกันบ้างสิว่า
    คนที่ตายด้วยไวรัสมรณะนี้ที่ผ่านมานั้น
    คนส่วนใหญ่จะมีเลือดกรุ้ปโอทั้งสิ้น
    โดยคนที่มีเลือดกรุ้ปโอคือคนที่มีลบน้อย
    แต่มีประจุบวกเยอะมากกว่า
    ไวรัสตัวร้ายจึงชอบที่จะทำร้ายมากกว่า
    ผู้มีเลือดกรุ้ปโอจึงเสี่ยงสูงสุดในคนทั่วไป

    3.หยุดดื่มเหล้าเมายา
    ที่จะทำให้กลไกทางจิตประสาทบกพร่อง
    บรรดายาเสพติดทั้งหลายที่โลกมีอยู่
    หากใครเสพเข้าไปในร่างกาย
    ต่อมไร้ท่อจะผลิตสร้างประจุลบขึ้นมาทันที

    ไม่ว่าจะป่วยติดเชื้อแล้ว
    หรือยังไม่แสดงอาการป่วยออกมา
    จงอย่าไปข้องแวะแตะเสพยาเสพติดเด็ดขาด
    เพราะมันจะทำให้ประจุลบในร่างกายท่าน
    เพิ่มขึ้นทวีคูณแปรตามความขาดสติของท่าน
    เมานิดหน่อยจำนวนประจุลบจะค่อยๆเพิ่ม
    หากเมามากไปจำนวนประจุลบจะพุ่งปรู๊ด

    ท่านจึงจะเห็นได้ว่า
    คนที่ยังเมาไม่มากหน้าตาจะแดงน้อย
    เพราะความดันเริ่มสูงขึ้นทีละน้อย
    ส่วนคนเมามากหน้าตาก็จะแดงก่ำมาก
    เพราะความดันโลหิตสูงพรวดพราดแล้ว

    คนที่ติดยาเสพติดเหล่านี้
    ในวันปฏิบัติการชำระโลกครั้งใหญ่
    จะถูกระเบิดทิ้งจากแรงดันภายในตนเอง
    อันเกิดจากอำนาจประจุลบ
    ที่พวกเขาสั่งสมเอาไว้เองโดยแท้

    4.หยุดการหักโหมร่างกายเสีย
    ท่านจะไม่พักผ่อนให้พอเพียงนั้นไม่ได้
    เพราะมันจะทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำ
    สมองเฉื่อยช้ากำลังวังชาก็ถดถอย

    เมื่อกายเสื่อมพลังจิตก็พลอยเสื่อมตาม
    จะยังผลให้กระบวนการทางไฟฟ้าเคมี
    ภายในระบบอวัยวะร่างกายเสียสมดุล
    จนเป็นจุดอ่อนให้เชื้อโรคโจมตีง่ายขึ้นนั่นเอง

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    บทสนทนาครั้งต่อไป
    เรายังมีสิ่งดีๆที่จะช่วยให้ท่าน "รอด"
    นำมากล่าวไว้ในห้องเรียนนี้ที่เดียวในโลกอีก
    ใครสนใจก็เชิญเฝ้าติดตามเถิดนะ

    กราบพระบาทพระบิดาฯ

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    30/03/2020 FB_IMG_1585530709552.jpg
     
  17. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    "ประสบการณ์ #CoVID19"
    ****************************
    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    เมื่อแรกที่ร่างกายของท่าน
    ได้รับเชื้อโคโรน่าไวรัสเข้าไปแล้ว
    ร่างกายของท่านก็จะยังไม่รู้ว่าถูกไวรัสจู่โจม
    เนื่องจากกลุ่มไวรัสผู้บุกรุกจะไม่โจมตีในทันที
    ที่เข้าถึงบริเวณหลอดลมคือคอหอย
    ซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนต้นได้

    โคโรน่าไวรัสจะใช้หนามพิเศษ 4 เส้น
    ที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมจากห้องแลป
    ทำการยึดเกาะเยื่อบุผนังหลอดลม
    เพื่อตรวจหาคุณสมบัติทางไฟฟ้าของเม็ดเลือด
    ซึ่งเคลื่อนไหลผ่านมาทางนั้นว่าที่เป็นลบมีมั้ย

    เมื่อใดที่กลไก Digitallis ของเชื้อไวรัสนั้น
    รับรู้สัญญาณทางไฟฟ้าว่าจะมีเม็ดเลือดแดง
    แบกขนประจุลบไหลผ่านมา
    ก็จะทำการฝังตัวเองทะลุผ่านผนังเนื้อเยื่อ
    เข้าสู่ภายในหลอดเลือดของมนุษย์ทันที
    เมื่อเม็ดเลือดแดงที่มีประจุลบไหลผ่าน
    โคโรน่าไวรัสก็จะเข้าประชิดเม็ดเลือดแดงนั้น
    เพื่อจับเอาประจุลบมาเข้าคู่กันกับประจุบวก
    ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าของตนทันที

    เม็ดเลือดแดงที่มีขยะประจุลบเกาะอยู่แต่เดิม
    ก็จะถูกชำระให้เป็นเม็ดเลือดแดงสะอาดแทน
    เชื้อไวรัสเองก็จะมีความเป็นกลางทางไฟฟ้า
    ซึ่งเราเคยกล่าวว่า "กินอิ่มแล้ว" นั่นเอง

    ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวกไม่ค่อยได้
    โดยปล่อยตนเองให้เป็นทาสทางอารมณ์
    เมื่อถูกยั่วยุเย้ายวนได้ง่ายๆเพราะไม่มีมหาสติ
    จนลุ่มหลงงมงายไปกับอัตตามายาแห่งโลกิยะ
    เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของท่าน
    ก็จะทำการผลิตสร้างประจุลบขึ้นมามากมาย
    เม็ดเลือดแดงก็จะแบกขนมันไปทั่วร่างกาย
    เพื่อจะนำไปถ่ายประจุลบทิ้งที่เซลสมองซีกซ้าย

    ดังนั้น
    ผู้ไม่มีมหาสติและไม่มีปณิธานแห่งการหลุดพ้น
    ในการดำเนินชีวิตประจำวันทั้งหลาย
    จะเป็นผู้ที่ผลิตสร้างขยะประจุลบขึ้นมา
    ให้เม็ดเลือดแดงต้องแบกขนไปถ่ายทิ้ง
    ที่เซลสมองซีกซ้ายอย่างต่อเนื่องและมากมาย
    เมื่อสมองซีกซ้ายเกิดการสั่งสมประจุลบมากๆเข้า
    จะยังผลให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของสมองซีกซ้าย
    เกิดการ "อสมมาตร" คือเสียสมดุลกับสมองซีกขวา

    ถ้าปล่อยตนเองให้เป็นเช่นนี้นานๆเข้า
    ความเครียดทางประสาท
    จากสมองของท่านเสียสมดุลทางไฟฟ้า
    จะทำให้ท่านรู้สึก "มึนศีรษะ" หรือปวดสมอง
    หากท่านปล่อยตนเองไว้แบบนี้จนเป็นนิสัย
    ในที่สุดท่านก็จะป่วยด้วยโรค #ไมเกรน
    คือ ปวดหัวซีกซ้ายข้างเดียว

    กินยาแก้ปวดหัวรักษาตัวนานแค่ไหนก็ไม่หาย
    เพราะนิสัยสันดานทางจิตที่เป็นเหตุแห่งโรค
    ไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยานั่นเอง
    เพราะมุ่งเน้นจัดการความป่วยทางกายภาพ
    แต่ไม่ใส่ใจความป่วยทางจิตของตนแต่อย่างใด
    ทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนเกิดจากเหตุ
    ถ้าเหตุยังไม่ดับผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการจึงไม่ดับ

    ท่านจึงต้องรู้ไว้ด้วยว่า
    ถ้าโรคไมเกรนนี้ติดตัวใครไปจนตาย
    จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
    จะถือเป็นรหัสติดตัวไปเกิดในชาติหน้าด้วย
    มันจะกลายเป็นโรคประจำตัวของคนนั้นไป
    โดยสาเหตุแห่งโรคมาจากอดีตชาตินี่แหละ
    ถ้ารู้ตัวแล้วก็จงอย่าทำร้ายตนเองถึงชาติหน้าเลย

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    โคโรน่าไวรัสตัวใดก็ตาม
    ที่ช่วยกำจัดขยะประจุลบให้เม็ดเลือดแดงแล้ว
    มันจะมีระยะฟักตัวหรือพักตัวระยะหนึ่ง
    หากไม่ถูกย่อยสลายโดยกองทัพเม็ดเลือดขาว
    เชื้อไวรัสตัวนั้นก็จะกลายเป็นตัวอันตราย
    มันจะเป็นภัยต่อท่านจะไม่เป็นมิตรกับท่านอีก
    เพราะมันจะแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มเป็นทวีคูณ
    โดยมีกึ่งหนึ่งของจำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น
    จะมีประจุลบเป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าแทน

    สิ่งที่มันจะทำต่อท่านก็คือ
    เชื้อไวรัสนี้จะวิ่งเข้าประชิดเม็ดเลือดแดง
    ที่มีความเป็นกลางทางไฟฟ้าอยู่
    โดยมันจะทำการแลกเปลี่ยนประจุ
    กับเม็ดเลือดแดงนั้น

    วิธีการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าก็คือ
    ไวรัสจะเบียดตัวเองไปแย่งจับคู่กับประจุบวก
    ที่เม็ดเลือดแดงนั้นมีคู่เดิมเป็นประจุลบอยู่
    เมื่อไวรัสแย่งชิงประจุบวกจากเม็ดเลือดแดงได้
    มันจะยังผลให้เม็ดเลือดแดงของท่านที่สะอาด
    กลายเป็นมีขยะประจุลบติดอยู่แทนในบัดดล

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    มาถึงตอนนี้ท่านจะพบว่า
    สาเหตุที่เม็ดเลือดแดงมีขยะประจุลบเกืดขึ้นนั้น
    มันมิได้เกิดจากสภาวะจิตตกต่ำอย่างเดียวแล้ว
    เจ้าไวรัสที่เปลี่ยนจากมิตรมาเป็นศัตรูนี่ไง
    ที่มีส่วนทำให้เม็ดเลือดแดงของท่านมีประจุลบ
    เมื่อในระบบเลือดของท่านเสียสมดุลไปทางลบ
    เครื่องยนต์แห่งกรรมของท่านโดยไฮโปทาลามัส
    ก็จะส่งสัญญาณให้ท่านรู้ คือ เริ่มมีอาการตัวร้อน
    บางรายก็จะมีความดันโลหิตสูงกว่าปกติด้วย

    ด้วยเหตุนี้เอง
    ใครที่ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสแล้วจึงมิอาจทันรู้ตัว
    ต้องรอให้พบอาการไข้และมีเจ็บคอก่อนด้วย
    เนื่องจากวิธีการทำร้ายร่างกายมนุษย์ของไวรัสนี้
    มันถูกออกแบบมาให้เป็นอย่างที่เรากล่าวนี้
    ใครที่มีร่างกายอ่อนแอเพราะมีโรคประจำตัว
    หรือรายที่มีจุดอ่อนบางอย่างที่ไวรัสชอบ
    หากรักษาไม่ทันก็จะมีโอกาสเสี่ยงตายสูง
    วิธีการลดความเสี่ยงตายที่เหมาะสมที่สุดก็คือ
    การป้องกันมิให้ตนเองรับเชื้อโรคนี้เท่านั้น

    โชคดีเท่าไหร่แล้ว
    ที่การทำสงครามกับเชื้อโรคมรณะครั้งนี้
    ได้ถูกหยิบมาใช้เป็นบททดสอบและเป็นบทเรียน
    ด้วยกระบวนการ "ไซโคโชว์" ของ #ปริญญา
    โดยใช้บทเรียนที่ชื่อว่า "โควิด-19"
    เพื่อยกระดับสติปัญญาพัฒนาจิตสามนึกมนุษย์
    พร้อมกันทั้งห้องเรียนโลกในเวลาเดียวกัน
    และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ออกแบบวิธีการตั้งรับ
    เมื่อต้องเผชิญสงครามเชื้อโรคอีกในครั้งต่อๆไป
    เพราะฑูตสวรรค์ได้ตกลงใจจะใช้โรคระบาด
    เป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่จะจัดการชำระโลกด้วยแล้ว

    ปรากฏการณ์โรคระบาดครั้งนี้
    ท่านจึงจะเห็นได้ว่า
    มนุษย์จะถูกบีบคั้นให้กลัวจะติดเชื้อโรค
    มากกว่าจะเน้นให้ "กลัวตาย"
    เพื่อให้ใช้ปัญญาคิดหาหนทางป้องกันการติดเชื้อ
    ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเผชิญโรคระบาด

    ที่เราไม่เน้นให้เกิดการกลัวตายในกรณีนี้
    เพราะมันยังมิใช่เป้าหมายแท้จริงของบทเรียนนี้
    เนื่องจากการกลัวตายในสถานการณ์ที่คลุมเครือ
    มันมีแต่จะทำให้มนุษย์เสียสติคือ ปสด.
    จนไม่อาจจะจัดการเชื้อโรคและตนเองได้
    เพราะอาวุธเชื้อโรคที่นำมาใช้ในครั้งนี้
    มันมิใช่โคโรน่าไวรัสตัวเดิมแบบซาร์หรือเมอร์ส
    ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก

    เราจึงเผยความลับให้รู้ล่วงหน้ากันมาแล้วว่า
    ถ้าจะคิดค้นยารักษาโรคนี้ได้สำเร็จจริงๆ
    หรือจะผลิตวัคซีนป้องกันโคโรน่าไวรัสตัวนี้ได้
    มนุษย์ต้องใช้เวลาคิดสูตรและพัฒนาการผลิต
    จนทดลองใช้แล้วมั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
    นานไม่น้อยกว่า 18 เดือน มิตินี้จึงจะเปิดออก
    ซึ่งเป็นเงื่อนไขในปฏิบัติการไซโคโชว์ที่สำคัญ
    เพื่อเน้นให้ทุกคนหันหน้าสู้กับเชื้อโรคสถานเดียว
    หยุดสู้ไม่ได้ ถอยหลังหนีไม่ได้ ไม่เอาจริงก็ไม่ได้
    เพราะมันจะทำให้พวกท่าน "สอบตก"

    ดังนั้น
    สถิติรายวันจากข่าวสารที่ท่านรับรู้
    มันจะมีตัวเลขที่น่าตระหนกคือ "ผู้ที่ติดเชื้อเพิ่ม"
    เพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นกิจกรรมร่วมกันนี้
    ใส่ใจในบทเรียนกันมากขึ้นทุกวัน

    โดยจะมีตัวเลขผู้ป่วยที่รักษาแล้วหาย
    สามารถกลับบ้านได้เป็นตัวเลขปลอบขวัญว่า
    แม้จะยังไม่มียาที่จะรักษาโรคโดยตรงได้
    แต่โอกาสหายไปจากโรคมิใช่จากโลกก็ยังพอมี
    ให้เป็นที่มหัศจรรย์ใจได้อยู่เหมือนกัน
    นอกจากนั้นสถิติคนตายโดยภาพรวมแล้ว
    ก็ยังไม่ทำให้ท่านทั้งหลายใจหายหรือวิตกจริต
    ซึ่งเรากล่าวความจริงต่อท่านแล้วไงว่า
    สงครามเชื้อโรคครั้งนี้เป็น "ปฏิบัติการเรียนรู้"
    มีผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการนี้มิใช่ภัยพิบัติปกติ

    ในบทสนทนาครั้งต่อไป

    เราจะมากล่าวเรื่องความเสี่ยงติดเชื้อ
    และความเสี่ยงตายของมนุษย์
    จากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน
    และจากกรณีกรุ้ปเลือดเจ้าปัญหาด้วย

    เราจะ "แฉ" ความลับที่มนุษย์ไม่รู้ว่าไม่รู้
    ให้ท่านได้ตาสว่างจิตสว่างยิ่งกว่าเดิม
    โปรดยกมือสนับสนุนเราด้วยเช่นเคยนะ

    กราบพระบาทขอบพระทัยองค์จิตจักรวาล
    พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง
    ที่มีพระเมตตาให้ลูกฟื้นคืนกลับมาตามสัญญา
    มาคุ้มครองพี่ๆน้องๆให้รอดจากภัยพิบัติ
    มาฝึกทักษะการเป็นปลาที่หายใจด้วยปอด
    มานำพาจิตวิญญาณทุกท่านกลับบ้านให้ทัน
    ก่อนกาลปิดยุคพลังงานเก่าในชาตินี้

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    31/03/2020 FB_IMG_1585612002435.jpg
     
  18. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    "ประสบการณ์ #CoVID19"
    ****************************
    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

    ในการทำศึกสงครามกับโรคระบาด
    ตัวเชื้อโรค "โคโรน่าไวรัส" นี้
    ก็ไม่ต่างจากฝูง "ขีปนาวุธ" พิสัยไกล
    ที่ถูกยิงถูกส่งพุ่งตรงเข้ามาแบบปูพรม
    เพื่อจะเข้าโจมตีทำร้ายพวกท่าน
    จากทิศทางใดก็ไม่รู้แถมไร้เสียงอีกต่างหาก

    เหล่าขีปนาวุธเชื้อโรคจึงเข้าถึงตัวท่าน
    โดยมิอาจรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า
    ในสมรภูมิรบซึ่งเป็นโลกอันกว้างใหญ่นี้
    ขีปนาวุธลูกไหนจะมีท่านเป็นเป้าหมาย
    ขีปนาวุธลูกที่ว่านั้นจะมาถึงตัวท่านเมื่อไหร่

    ดังนั้น
    เมื่อท่านรู้ตัวล่วงหน้ากันอยู่แล้วว่า
    ดาวเคราะห์โลกดวงนี้กำลังเป็นสมรภูมิรบ
    ทุกคนกำลังตกอยู่ในท่ามกลางขีปนาวุธ
    ที่ถูกโหมยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่องจากทุกทิศทาง
    โดยมีท่านคนหนึ่งเป็น "เป้า (target) กับเขาด้วย

    ท่านจึงต้องถามตนเองกันเสียตั้งแต่บัดนี้ว่า
    จะต้องปฏิบัติตนอย่างไรเมื่ออยู่ในสนามรบ
    เพื่อมิให้ถูกยิงด้วยขีปนาวุธของข้าศึก
    ที่กระหน่ำยิ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
    จนต้องบาดเจ็บหรือล้มตายกันได้ง่ายๆ

    แน่นอนว่าคำตอบที่ถูกต้อง คือ
    1.รีบหาที่กำบังหรือสร้างบังเกอร์ที่แข็งแรงไว้
    2.หลบเข้าไปอยู่แต่ในที่กำบังหรือบังเกอร์เท่านั้น
    ไม่ออกมาเที่ยวเดินเล่นเพ่นพ่านนอกบังเกอร์
    ไม่เดินทางไปไหนมาไหนนอกที่ตั้งโดยไม่จำเป็น
    ขณะที่ข้าศึกยังยิงขีปนาวุธเข้ามาถล่มอยู่

    3.ไม่ต้อนรับใครทั้งคนคุ้นเคยหรือคนแปลกหน้า
    ที่อ้างว่าจะมาเยี่ยมเยียนท่านหรือมีกิจธุระกับท่าน
    ถ้าไม่คอขาดบาดตายก็ห้ามเปิดบังเกอร์ต้อนรับแขก
    เพราะในสนามรบนั้นท่านจะไว้เนื้อเชื่อใจใครมิได้

    บางคนที่หน้าตาอาจเหมือนญาติของท่าน
    ก็ให้คิดไว้ก่อนว่าอาจเป็นสายลับปลอมตัวมา
    แม้หน้าตาคล้ายคนข้างบ้านท่านก็จงอย่าต้อนรับ
    เพราะพวกเขาเหล่านี้อาจพกพาอาวุธเชื้อโรค
    แอบติดตัวมาเพื่อถล่มท่านแบบ "ระเบิดพลีชีพ"
    โดยที่ท่านมิอาจรู้ตัวล่วงหน้าก็ได้

    ท่านจึงสมควรกักตัวเองอยู่แต่ในหลุมบังเกอร์
    กินอยู่หลับนอนดูทีวีแล่นเกมออนไลน์
    หรือสนุกสนานกันกับคนภายในครอบครัวไปก่อน
    จนกว่าสถานการณ์สงครามนี้จะคลี่คลาย

    4.ถ้าท่านจำเป็นจริงๆจะต้องออกจากบังเกอร์
    ที่ท่านเก็บกักตัวเองอยู่แค่ชั่วครั้งคราวแล้วล่ะก็
    จงระวังที่ปาก จมูก และ ตา 3 ช่องทางนี้ให้ดีๆ
    ที่อาวุธเชื้อโรคข้าศึกมันจะผ่านเข้าไปโจมตีท่าน
    เพียงสามช่องทางนี้เท่านั้น

    ดังนั้น
    การปิดปากและจมูกด้วยแมสค์ขณะอยู่นอกบ้าน
    นั่นคือการสวมเครื่องป้องกันขีปนาวุธ
    จำพวกที่ลอยอยู่ในอากาศซึ่งตาท่านมองไม่เห็น
    หรือจำพวกที่ฟุ้งกระจายจากการไอจาม
    ของคนรอบข้างของท่านที่ดีที่สุดแล้ว
    เพราะเชื้อโรคจะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ง่ายๆ

    นอกจากนั้น
    ท่านจะต้องรู้ว่าอาวุธเชื้อโรคดังกล่าว
    มันมิได้ล่องลอยฟุ้งกระจายในอากาศอย่างเดียว
    แต่มันสามารถแอบซ่อนตัวอยู่ในที่ต่างๆได้ด้วย
    โดยคนที่ป่วยด้วยโรค "โควิด-19" แล้ว
    ทั้งที่รู้ตัวแล้วและยังไม่รู้ตัวก็ตาม

    คนเหล่านี้จะใช้มือของเขาที่ติดน้ำมูกน้ำลาย
    ซึ่งเต็มไปด้วยขีปนาวุธอันตรายจำนวนมาก
    ไปจับอะไรบางสิ่งไว้ก่อนหน้าที่ท่านกำลังจะจับ
    เช่น ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันไดเลื่อน ลูกบิดประตู
    ธนบัตร เหรียญเงินทอน ขวดน้ำ แก้วน้ำ
    อุปกรณ์ต่างๆตามห้องน้ำห้องส้วมสาธารณะ
    ที่ต้องผ่านมือของคนหลายคนก่อนหน้าท่าน

    ถ้าท่านไปหยิบจับสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้พวกนี้
    หลังจากที่มีคนแตะเชื้อโรคมรณะเอาไว้
    โดยที่เชื้อโรคนั้นมันยังมีชีวิตอยู่มันยังไม่ตาย
    มือของท่านก็จะติดเชื้อโรคนั้นมาด้วย

    คราวนี้เชื้อโรคที่ท่านต้องระวัง
    เพียงแมสค์ปิดปากและจมูกไว้คงไม่พอแล้ว
    เพราะท่านต้องระวัง "มือ" ของท่านเองด้วย
    เนื่องจากมนุษย์ทุกคนต้องใช้มือกันทั้งนั้น
    โอกาสเผลอที่จะใช้มือนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวเอง
    ผ่านทางช่องปาก ช่องจมูก และตามีมากแน่ๆ

    คนที่ชอบใช้นิ้วแหย่จมูกแคะขี้มูก
    คนที่ชอบใช้เล็บแคะขี้ฟัน
    คนที่ชอบใช้มือหยิบขนมหรืออาหารทานจุบจิบ
    คนที่ชอบใช้มือขยี้ตาจนช้ำแบบหัวสั่นหัวคลอน
    คนที่ชอบแตะสัมผัสมือทักทายกับคนอื่น

    จงจำไว้ว่า "พฤตินิสัย" ทั้งห้าแบบนี้ให้เลิกเสีย
    ถ้าไม่อยากเสี่ยงตายจากขีปนาวุธเชื้อโรค
    แล้วหันมาสร้างนิสัยใหม่ให้ได้อย่างรวดเร็ว
    ด้วยการหมั่น #ล้างมือ ด้วยสบู่หรือแชมพู
    หลังจากหยิบจับสิ่งของใดๆในที่สาธารณะ
    หรือไม่ก็พกพาแอลกอฮอล์ 75% ขวดเล็กๆ
    เอาไว้ฉีดพ่นมือสองข้างเพื่อฆ่าเชื้อโรคก็ได้

    ที่ท่านควรระวังอีกกรณีหนึ่งก็คือ
    เวลาไปซื้อผักผลไม้ในห้างหรือตลาดสด
    เมื่อหยิบจับผักผลไม้เพื่อเลือกซื้อได้แล้ว
    ก็ให้รีบล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ที่เตรียมไป
    เพราะผักสดผลไม้อาจมีเชื้อโรคร้ายเกาะติดอยู่
    เนื่องจากคนซื้อผักสดผลไม้ก่อนหน้าท่าน
    อาจนำเชื้อโรคที่ติดมือมาแปะเปื้อนอยู่ก็ได้

    ถ้าท่านยังไม่สามารถล้างมือหลังจับจ่ายได้
    ก็จงเตือนสติตนเองเอาไว้เสมอว่า

    อย่าสัมผัสมือกับใครเพื่อมิให้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
    อย่าหยิบอะไรเข้าปากเพื่อป้องกันเชื้อเข้าปาก
    อย่าใช้มือเช็ดปาก ขยี้จมูก แคะขี้มูก
    อย่าใช้มือขยี้ตาหรือถอนขนตาเมื่อคันตา

    ดังนั้น
    นอกจากต้องระวังปากจมูกและตาของท่านแล้ว
    จงระวังมือสองข้างของท่านเอาไว้ด้วย
    สุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    สงครามเชื้อโรคครั้งนี้
    ท่านกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคมรณะ
    ที่ทำสงครามแบบกองโจร
    ด้วยการแอบซุ่มโจมตีทำร้ายท่าน
    โดยที่ท่านทั้งหลายมีแค่สองมือเปล่าๆ
    ยังไม่มีวัคซีนไว้เป็นเกราะคุ้มกันเมื่อถูกโจมตี
    และยังไม่มีอาวุธคือยารักษาที่คู่ควร
    ในการต่อสู้เพื่อจะเอาชนะศัตรูของท่านได้เลย

    เมื่อท่านไม่สามารถจัดการเชื้อโรคให้มรณะได้
    เพราะท่านทั้งหลายไม่มีทางสู้
    จึงมีเพียงทางเลือกเดียวคือท่านต้องไม่มรณะ
    เพราะถูกเชื้อโรค "โควิด-19" บุกถล่ม

    หนทางเดียวที่ท่านจะไม่ถูกเชื้อโรคถล่ม
    จนเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ
    เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ปอดบวม
    มีไข้สูง มีอาการไอ หายใจติดขัดเป็นระยะๆ
    ก็คือท่านจะต้องยินยอมจัดการที่ตัวเอง
    ไม่ให้รับเชื้อเข้าไปในร่างกายได้ง่ายๆ
    โดยไม่ต้องให้รัฐบาลออกกฎหมายบังคับ

    เพราะท่านรักกายสังขารของท่านเอง
    เพราะท่านรักชีวิตของท่านเอง
    เพราะท่านรักคนในครอบครัวของท่านเอง
    เพราะท่านรักเพื่อนร่วมชาติของท่านด้วย

    ด้วยจิตสามนึกแห่งรักเหล่านี้
    มันจะเป็นพลังขับเคลื่อนพฤติกรรมดีๆ
    ด้วยการ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" ได้
    โดยท่านจะไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำตาม

    แต่ถ้าท่านไม่ปฏิบัติตามที่ว่านี้
    ผู้ว่าราชการจังหวัดของท่าน
    จะออกคำสั่งเคอร์ฟิวห้ามทุกคนออกนอกบ้าน
    ในช่วงเวลาวิกาลโดยไม่จำเป็น
    หรือสั่ง Lockdown ทั้งจังหวัดห้ามผ่านเข้าออก
    ซึ่งเราเชื่อว่าท่านคงจะอึดอัดกันน่าดู

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    ยุทธวิธีในการต่อสู้กับเชื้อโรคร้าย
    ซึ่งเป็นศัตรูที่ท่านมองไม่เห็น
    ที่สามารถทำให้ท่านถึงแก่ความตายได้นั้น
    จะเลือกต่อสู้กันแบบเผชิญหน้าคงไม่ได้
    เพราะเชื้อโรคมรณะใช้วิธีแอบซุ่มโจมตีท่าน
    ด้วยการเคลื่อนไหวไปมาแบบไร้ร่องรอย
    ท่านจึงไม่อาจวางแผนการตอบโต้้อะไรได้
    ท่านจึงต้องเลือกจัดการที่ตนเอง
    ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากการถูกซุ่มโจมตี

    ด้วยการ "ละวางอัตตา" ของท่าน
    เพื่อมิให้เป็นเป้าถูกเชื้อโรคโจมตีแหละดีที่สุด

    การละวางอัตตา
    คือการทำให้เชื้อโรคไม่เห็นตัวตนของท่าน
    ด้วยการหยุดอยู่กับบ้าน ทำงานที่บ้าน
    มีความสุขสบายอยู่แต่ภายในบ้าน
    ไม่โผล่ออกไปนอกบ้านให้เชื้อโรคมันเห็น

    เมื่อข้าศึกศัตรูไม่เห็นท่านก็ทำร้ายท่านไม่ได้
    พวกมันทั้งหลายก็จะถอยทัพกลับไปเอง
    โดยที่พวกท่านไม่ต้องรอกำลังเสริมมาช่วยสู้
    คือตัวยารักษาโรคกับวัคซีนป้องกันโรค
    ซึ่งท่านเลือกที่จะเอาชนะไวรัสมรณะนี้ได้
    เพียงแค่หลบอยู่ในที่ตั้งโดยไม่ต้องเป็นฮีโร่
    คือ มีชีวิตรอดปลอดภัยกันทั้งประเทศได้
    โดยมิพักต้องชนะแต่สะบักสะบอมจากการต่อสู้

    เราขอให้ท่านทั้งหลาย
    นำเอาวิธีป้องกันตนเองเหล่านี้ไปใช้
    ด้วยจิตสามนึกแห่งรักกันให้ได้
    เพื่อที่จะสอบให้ผ่านทุกบททดสอบในบทเรียนนี้
    ให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งยุวจิตจักรวาล
    ที่คนทั้งโลกทั้งห้องเรียนจักได้เห็นเป็นแบบอย่าง

    ขอให้ท่านอยู่รอดปลอดภัยจากโรคนี้
    เพื่อรออ่านบทสนทนาบทต่อไปด้วยใจระทึก
    ในอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า

    กราบพระบาทพระบิดาฯ

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    1/04/2020 FB_IMG_1585702184706.jpg
     
  19. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    "ประสบการณ์ #CoVID19"
    ****************************
    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

    เชื้อ "โคโรน่าไวรัส" ไวรัสมรณะที่กำลังระบาด
    ทำให้ผู้คนป่วยตายด้วยการหายใจล้มเหลวได้
    ซึ่งถูกใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนในห้องเรียนโลก
    ในกระบวนการ "ไซโคโชว์" ของ "ปริญญา"
    เพื่อยกระดับจิตตปัญญาและพัฒนาจิตสามนึก
    ของมนุษย์กับโลกแบบองค์รวมอยู่ในขณะนี้นั้น

    หลายท่านอาจมองว่าเป็นเชื้อโรคร้าย
    ที่ทั้งน่ากลัวและน่ารังเกียจยิ่งนัก
    เพราะไม่เข้าใจว่าพระผู้สร้างหรือพระบิดาฯ
    ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เรียกว่าไวรัสไว้ทำไม

    ไม่ต่างจากการที่ท่านมองสัตว์กินเลือดมนุษย์
    จำพวกตัวเรือด เห็บ ยุง ริ้น ไร ทาก และ ปลิง
    เป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง หรือน่ากลัว
    มองว่าพวกเขาล้วนเป็นภัยต่อมนุษย์ทั้งสิ้น

    เราจึงขอกล่าวความจริงที่ท่านไม่รู้ว่าไม่รู้
    เกี่ยวกับเหตุผลที่พระองค์ทรงสร้างไวรัสขึ้นมา
    ให้ท่านได้รู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่า
    เพราะทรงต้องการช่วยเหลือบุตรมนุษย์
    ในกรณีที่ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิต
    ซึ่งเป็นบททดสอบจิตสามนึกที่ค่อนข้างยาก
    ซึ่งต่างร่วมกันออกแบบมาเองทั้งสิ้น

    แต่เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
    ก็จะไม่อาจล่วงรู้ความลับที่เป็นความจริงนี้ได้
    เพราะถูกอำนาจแม่เหล็กโลกที่เข้มข้น
    ปิดประตูมิติเอาไว้มิให้ล่วงรู้ความจริงนี้

    ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
    เมื่อเจอเงื่อนไขยากๆในบททดสอบนั้นๆ
    ก็จะเกิดอาการจิตตกจนเสียสมดุลทางจิตใจ
    ทำให้กลไกต่อมไร้ท่อในเครื่องยนต์แห่งกรรม
    ผลิตสร้างคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าเคมี
    ที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นลบออกมาทุกครั้ง

    ต่อมพิทูอิทารีหรือต่อมใต้สมอง
    อันเป็นพิกัดที่ตั้งของจิตวิญญาณมนุษย์
    ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการรับคลื่นไฟฟ้าเคมี
    ที่จิตหยาบเป็นผู้เริ่มต้นกระบวนการผลิตสร้างขึ้น
    โดยจะเปลี่ยนจากคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าเคมี
    ไปเป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กแทน

    ถ้าจิตหยาบผลิตสร้างคลื่นไฟฟ้าเคมีเป็นบวกได้
    เพราะมีมหาสติและมีปณิธานแห่งการหลุดพ้น
    จากการสั่นสะเทือนจิตสามนึกเมื่อถูกปลุกเร้า
    ด้วยเงื่อนไขบวกหรือลบในบทละครก็ตาม

    ต่อมพิทูอิทารี่ก็จะสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุด
    เพื่อเหวี่ยงคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
    ออกมาภายนอกเครื่องยนต์แห่งกรรมของท่าน
    เพื่อมอบให้กับคนที่ท่านรักได้ให้อภัยเป็น
    พร้อมๆกับการแบ่งปันพลังงานความรักนั้น
    ให้แก่แกนแม่เหล็กโลกอีก 1% ด้วย
    ซึ่งโลกจะใช้เป็นพลังงานบิดแกนแม่เหล็กโลก
    ที่พระผู้สร้างทรงติดตั้งเอาไว้ในใจกลางโลก
    เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้
    และช่วยผลิตก๊าซออกซิเจนออกมาบนพื้นผิวโลก
    ให้มนุษย์สัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายใช้หายใจ

    โดยต่อมพิทูอิทารีของท่าน
    จะขับเคลื่อนคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าเคมีที่ได้รับ
    ส่งต่อไปยังสมองซีกขวาของท่านทันที

    ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า
    ในทางกลับกันไม่ว่าขณะใดก็ตาม
    ถ้าจิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นด้านลบตอบสนอง
    เมื่อเผชิญกับเงื่อนไขในบททดสอบ
    ก็จะก่อให้เกิดการผลิตสร้าง
    คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าเคมีที่เป็นลบขึ้นมาแทน

    เมื่อเคลื่อนไหลไปถึงต่อมพิทูอิทารี
    นอกจากจะไม่สั่นสะเทือนเป็นลบตามแล้ว
    ต่อมพิทูอิทารีก็จะทำการขับเคลื่อนส่งต่อ
    คลื่นไฟฟ้าเคมีที่เป็นลบไปสู่สมองซีกซ้ายแทน

    สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลำดับต่อมาก็คือ
    ประจุไฟฟ้าลบที่นำส่งมาสู่เซลสมองซีกซ้าย
    ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าเคมีมาตามท่อ
    จะมาดักรอเม็ดเลือดแดงที่เป็นเม็ดเลือดดี
    ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น "สุญตา" ไม่บวกไม่ลบ
    คือมีคุณสมบัติเป็นกลางทางไฟฟ้านั่นเอง

    เมื่อเม็ดเลือดแดงที่เป็นกลางทางไฟฟ้า
    เคลื่อนขบวนผ่านมาทางสมองซีกซ้าย
    ประจุลบที่สร้างใหม่ที่เคลื่อนที่มารออยู่แล้ว
    ก็จะถูกประจุลบนั้นเข้ายึดเกาะเม็ดเลือดแดง
    ที่มีประจุบวกกับลบเข้าคู่กันอยู่ก่อนแล้ว
    โดยมันจะเข้าไปแย่งประจุบวกมาเป็นของตัว
    จนทำให้เม็ดเลือดแดงนั้นกลายเป็นลบแทน

    ปรากฏการณ์แบบที่ว่านี้
    ในมนุษย์ยุคโบราณแต่กาลก่อนนั้น
    จะมีสภาวะจิตตกจนทำให้เลือดเป็นลบ
    ตามกระบวนการที่เรากล่าวมานี้น้อยมาก
    ซึ่งกระบวนการสร้างพลังลบขึ้นมาจากจิตตกนี้
    มันจะเป็นสาเหตุให้เซลอวัยวะร่างกายมนุษย์
    เสื่อมสมรรถภาพจนมีอายุขัยสั้นลง
    เพราะเซลอวัยวะร่างกายไม่ต้องการประจุลบ
    มันจึงกลายเป็น "ขยะพลังงาน" สั่งสมอยู่ภายใน
    ที่จะต้องชำระทิ้งหรือกำจัดออกไปให้หมด

    คนที่อายุสั้นตายเร็วแก่เร็วเจ็บป่วยบ่อย
    ก็เพราะว่าเซลอวัยวะร่างกายของเขาทั้งระบบ
    เกิดการชำรุดทรุดโทรมหรือเสื่อมเร็ว
    เนื่องจากเม็ดเลือดแดงที่มีขยะประจุลบ
    เกาะติดเป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าอยู่นี่แหละ

    ทั้งหมดที่เรากล่าวมานี่เอง
    ที่มันทำให้พระบิดาฯซึ่งทรงรักบุตรมนุษย์มาก
    ต้องสร้างเจ้าเชื้อโรคตัวน้อยๆ
    ให้มีขนาดพอเหมาะกับขนาดประจุไฟฟ้าลบ
    เพื่อส่งพวกเขาเข้าไปช่วยกำจัดขยะนี้ให้
    เพราะไม่สามารถจะระบายออกมาทิ้งข้างนอก
    เหมือนก้อนอุนจิ น้ำปัสสาวะ หรือเหงื่อได้

    เราเผยความลับเกี่ยวกับไวรัสต่อท่านแล้ว
    ท่านทราบถึงคุณค่าของพวกเขากันรึยังล่ะ
    แท้แล้วพวกเขาช่วยให้ท่านมีอายุยืนยาว
    พวกเขาเป็นมิตรกับท่านมิใช่ศัตรูของท่านเลย

    ถ้าท่านไม่เหลวไหลจนปล่อยให้จิตตกสติแตก
    ถ้าท่านไม่ทำให้ตนเองตกเป็นทาสกิเลสตัณหา
    ถ้าท่านไม่ยอมเป็นทาสทางอารมณ์ตนเอง
    การผลิตสร้างประจุลบขึ้นเป็นขยะทางไฟฟ้า
    เพื่อทำร้ายทำลายสังขารของตัวท่านเอง
    มันก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นมาได้

    เพราะกระบวนการทางจิตตปัญญาของท่าน
    จิตหยาบเกิดการสั่นสะเทือนผิดพลาด
    ไม่อาจสั่นสะเทือนเป็นธรรมจักรด้วยรักได้
    ขาดสติเมื่อไหร่เป็นหมุนกรรมจักรแทนทันที
    มันจึงเป็นหนทางให้เจ้าเชื้อไวรัสทั้งหลาย
    แทนที่จะกินขยะประจุลบอิ่มแล้ว
    นอนรอให้เม็ดเลือดขาวเข้ารุมล้อมสลายอัตตา
    กลับกระตุ้นให้ไวรัสพากันแบ่งตัวเพิ่มจำนวน
    เพื่อช่วยกันทำหน้าที่่กำจัดขยะประจุลบให้สิ้น
    ตามที่พระบิดาฯทรงมีพระบัญชาให้พวกเขาทำ

    เมื่อมีการแบ่งตัวขยายพันธุ์แล้ว
    ไวรัสที่น่ารักมาตั้งแต่แรกที่เข้าสู่ร่างกาย
    ก็จะมีแค่ 50% เท่านั้นที่ยังทำตัวเป็นมิตรอยู่
    คือจะช่วยจับกินประจุลบอยู่เช่นเดิม

    แต่อีก 50% จะทำตัวเป็นศัตรูของมนุษย์ทันที
    เพราะหลังแบ่งตัวออกจากกันเรียบร้อยแล้ว
    ตัวมันเองจะมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นลบ
    มิได้มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นบวกดังเดิมอีก
    ไวรัสรุ่นลูกหลานเหลนนี่แหละท่านทั้งหลาย
    มันกลายพันธุ์มาเป็นไวรัสมรณะ

    เพราะอะไรรู้มั้ยท่าน...
    เพราะท่านทั้งหลายใช้งานพวกเขาไม่เป็น
    เหมือนการใช้มีดที่มีสองคมนั่นแหละ
    ถ้าท่านใช้มีดนั้นไม่เป็น ประมาท เผลอเรอ
    มีดเล่มนั้นก็จะให้โทษคือบาดท่าน
    จนเกิดบาดแผลให้บาดเจ็บเลือดไหลได้
    เจ้าไวรัสกลายมาเป็นวายร้าย
    ก็เพราะพวกท่านขยันสร้างกันแต่ขยะประจุลบ
    จนทำให้ตนเองอายุขัยสั้นลงเรื่อยๆ

    ด้วยเหตุนี้เองถ้าท่านเรียนรู้ความจริง
    ด้านอภิปรัชญา (Meta-physics)
    ซึ่งเป็นสัจธรรมระดับ #อนุตรธรรม
    เกี่ยวกับ "โคโรน่าไวรัส" ในแต่ละบทสนทนา
    ที่เราพยายามจะนำความลับทั้งหมด
    มาทำความเข้าใจกับท่านที่เป็นนักเรียนของเรา
    ขณะร่วมฝึกอบรมปฏิบัติการเผชิญสงครามโรค
    ให้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังและเบื้องลึกทั้งหมด
    ซึ่งอ่านแล้วอาจยืดยาวเข้าใจยาก

    จนบางคนเบื่อหน่ายไม่อยากรู้ไม่อยากอ่าน
    เพราะฟังดูแล้วคิดว่าที่เรากล่าวมัน "ไร้สาระ"
    คุรุทั้งหลายบนโลกนี้ไม่เห็นจะมีใครกล่าว
    จึงคิดว่าเรากำลังเล่านิทานไร้สาระให้ฟังไปก็มี
    ทั้งๆที่เรื่องราวกล่าวขานมาให้ท่านรู้นี้
    มิใช่ความรู้ที่สมองมนุษย์จะเข้าถึงเองได้
    ถ้าเรามิได้สื่อสารกับ "พระเจ้า" เราเองก็ไม่รู้

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทัั้งหลาย

    ท่านอย่ากลัวโคโรน่าไวรัสต่อไปอีกเลย
    ถ้าท่านปฏิบัติตนดังต่อไปนี้

    1.เก็บตัวอยู่กับบ้าน
    2.ออกนอกบ้านใช้แมสค์ปิดปาก-จมูก
    3.ระวังเชื้อโรคจะติดมือสองข้าง
    หลังหยิบฉวยสิ่งใดต้องล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้ง
    ถ้าไม่สะดวกล้างให้ใช้แอลกอฮอล์ 75% เช็ด

    4.อย่าใช้มือหยิบของเข้าปากกิน
    อย่าใช้มือขยี้ตา แหย่รูจมูก หรือกัดเล็บ
    ถ้ายังไม่ได้ล้างมือให้สะอาดเสียก่อน

    5.อย่าสัมผัสมือกับใคร
    อย่าอยู่ใกล้ชิดคนอื่นต่ำกว่า 2-3 เมตร

    6.ถ้าจำเป็นต้องออกจากบ้าน
    เมื่อกลับถึงบ้านแล้วต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
    อาบน้ำ สระผม ทุกครั้ง

    7.ครองมหาสติและปณิธานแห่งการหลุดพ้น
    เพื่อหมุนธรรมจักรในตนเองไว้เสมอ
    เพื่อสร้างประจุบวกขึ้นไว้ภายใน
    โดยไม่สร้างขยะประจุลบขึ้นมาเด็ดขาด

    ในบทสนทนาครั้งต่อไป
    เราจะเปิดเผยความจริงให้ท่านรู้ว่า

    ทำไมคนที่มีเลือดกรุ้ปโอ
    ทำไมคนที่อยู่สำนักปฏิบัติธรรมเคร่งครัด
    ยังสามารถติดเชื้อโรคร้ายจนไข้ป่วย
    หลายรายเป็นถึงนักบวชผู้สอนศาสนา
    ยังต้องเสียชีวิตลาโลกไปเพราะโคโรน่าไวรัส
    เป็นจำนวนกว่าครึ่งร้อยรายแล้วจนบัดนี้

    ทำไมหลายรายที่ติดเชื้อโรคแล้ว
    เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    เหมือนคนป่วยรายอื่นๆที่โคม่าจนเสียชีวิต
    แต่พวกเขากลับหายแล้วกลับบ้านได้
    เหมือนชีวิตนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    เราขอให้ท่านที่รักพระบิดาศรัทธาเรา
    เข้าใจภารกิจของเทพแห่งอัคคี
    คือพญานกฟีนิกซ์ผู้คืนชีพกลับมาช่วยท่าน
    จงสอบผ่านบททดสอบในบทเรียน"โควิด-19"
    และร่วมกิจกรรมนี้อย่างสนุกสนานกันนะ

    กราบพระบาทพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
    พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง
    ที่ทรงพระเมตตาต่อลูกแกะของพระองค์

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    1/04/2020 FB_IMG_1585702130435.jpg
     
  20. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,213
    ค่าพลัง:
    +3,407
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    การโจมตีระบบทางเดินหายใจมนุษย์
    อันหมายถึงหลอดลมและปอด
    ของเชื้อโคโรน่าไวรัสนั้น
    ในมนุษย์แต่ละคนที่รับเชื้อเข้าไปแล้ว
    การเสี่ยงล้มหมอนนอนป่วยนั้นมีร้อยเปอร์เซ็นต์
    แต่การเสี่ยงตายมันมิได้เกิดขึ้นกับทุกคนหรอก

    โดยเฉพาะพี่น้องในกลุ่ม #ยุวจิตจักรวาล
    ที่จำพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้าได้แล้ว
    ที่ยังคงรักพระบิดาและศรัทธาเราอยู่เสมอมา
    แม้ว่าแต่ละท่านจะผันผ่านการเกิดเป็นคนกันมา
    คนละหลายภพชาติแล้วก็ตาม

    ด้วยมรรควิถีจิตจักรวาล
    ในการปฏิบัติบำเพ็ญตนในชีวิตประจำวัน
    ที่กลมกลืนโดยไม่ฝืนธรรมชาติ
    ด้วยการถือครองมหาสติซึ่งเป็นธรรมชาติสมาธิ
    โดยไม่ต้องหลับตาหรือปิดอายตนะทั้งห้า
    เพื่อแสวงหาความสงบวิเวกอยู่ตามลำพัง
    ก็เข้าถึงความฉลาดทางปัญญาของสมอง
    กระทำตอบสนองต่อเพื่อนมนุษย์รอบข้างได้
    ไม่ว่าใครจะทำดีหรือร้ายต่อตนเองก่อนก็ตาม

    นอกจากนั้นยังจะสามารถปฏิบัติธรรม
    ด้วยการครองปณิธานแห่งการหลุดพ้น
    จากการปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมได้ด้วย
    คือ รักได้แม้ใครคนนั้นจะทำตัวไม่น่ารัก
    อภัยได้แม้ใครคนนั้นจะทำตัวไม่น่าให้อภัย

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    การเรียนรู้ที่จะครองมหาสติเมื่อถูกยั่วยุเย้ายั่ว
    เพื่อฝึกทักษะความสามารถในการใช้จิตปัญญา
    การเรียนรู้ที่จะครองปณิธานแห่งการหลุดพ้น
    เพื่อฝึกทักษะความสามารถในการรักเพื่อให้
    โดยฝึกปฏิบัติจริงในสถานการณ์จริงในชีวิต
    จิตสามนึกของท่านจะสั่นสะเทือนเป็นธรรมชาติ
    ตามกลไกกระบวนการที่พระผู้สร้างกำหนดไว้

    แต่ถ้าท่านเลือกปฏิบัติเทคนิกสมาธิ
    ด้วยการปลีกวิเวกปิดอายตนะภายนอกทั้งหมด
    แล้วฝึกนึกฝึกคิดฝึกเรียนรู้ด้วยการนั่งนึกมโนเอง
    มันจะทำให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
    มิอาจสั่นสะเทือนไปตามจิตหยาบ
    เพื่อเรียนรู้ด้วยวิธีมโนไปกับท่านได้เลย

    เพราะจิตวิญญาณของท่านรู้ดีว่า
    การนึกได้คิดได้รักได้เมตตาได้ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น
    มันเป็นแค่มโนกรรมที่เกิดขึ้นเพียงมิติเดียว
    แต่กายกรรมหรือวจีกรรมในมิติทางกายภาพ
    มันมิได้สั่นสะเทือนเพื่อแสดงออกร่วมกับจิตเลย
    จึงจะเรียกการเรียนรู้ที่ไม่ครบทั้งสองมิตินี้ว่า
    เป็นการสั่นสะเทือนทางจิตสามนึกแล้วมิได้

    ดังนั้น
    ผู้ที่ปฏิบัติตามมรรควิถีจิตจักรวาล
    ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่ฝืนธรรมชาติ
    โดยไม่ต้องแสร้งทำเป็นตาบอดหูหนวกเป็นใบ้
    จึงเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องแท้จริง
    ตามกระบวนการสั่นสะเทือนในสองมิติร่วมกัน
    เพื่อ "คน" ตนเองให้เป็น "มนุษย์"
    ด้วยการ #หมุนธรรมจักร แทนกรรมจักรนั่นเอง

    เมื่อสั่นสะเทือนทั้งสองมิติร่วมกันได้จริงๆ
    เพราะมีผลกรรมเกิดขึ้นในสองมิติได้จริง
    แทนที่จะได้แต่นั่งหลับตามโนเอาเอง
    พลังงานจิตด้านบวกหรือลบก็จะเกิดขึ้นจริง
    จนนำไปสู่การผลิตสร้างประจุไฟฟ้าบวกลบ
    ตามชนิดคลื่นความถี่ที่จิตสั่นสะเทือนจริงต่อไป

    มีคำถามว่า
    การนั่งเทคนิกสมาธิแบบหลับตาอยู่คนเดียว
    ทำไมจิตจึงไม่สามารถผลิตประจุบวก
    จากความปิติสุขสงบสุขในขณะนั้นได้
    คำตอบคือเป็นเพราะตนเองรู้ดีว่า
    สภาวะจิตที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น
    เกิดจากปฏิบัติการทางเทคนิก
    ที่ตัวเองสร้างเงื่อนไขบทเรียนบททดสอบเอง
    โดยตนเองเป็นผู้กำกับควบคุมมันเองทั้งสิ้น

    มันจึงเป็นการเรียนรู้จากสิ่งสมมติ คือ "ไม่จริง"
    จึงยังผลให้กลไกการผลิตสร้างพลังงานจิต
    ของจิตหยาบกับจิตวิญญาณไม่ครบกระบวนการ
    หมายความว่าพลังงานจิตด้านบวกหรือลบ
    จะเป็นแค่การสั่นสะเทือนของจิตหยาบเท่านั้น

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    ในการเตรียมตนเองและจิตวิญญาณ
    เพื่อการผจญภัยพิบัติจากโรคระบาด
    ในกรณีที่ร่างกายท่านเปิดรับเชื้อโรคเข้ามาแล้ว
    สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องทำไม่ทำไม่ได้นั่นคือ
    การเตรียมผลิตสร้างประจุบวกขึ้นไว้เยอะๆ
    ด้วยการสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวก
    คือมีมหาสติและปณิธานแห่งการหลุดพ้น
    โดยฝึกปฏิบัติจริงกับคนรอบข้าง
    ให้มันเป็นธรรมชาติของท่านเองให้ได้

    ถ้าท่านปฏิบัติเช่นว่านี้ได้
    ในกายสังขารของท่านทั้งหลาย
    เม็ดเลือดแดงส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ความเป็นบวก
    เม็ดเลือดแดงที่มีประจุลบเกาะติดอยู่ก็จะน้อย
    เมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่ภายในกระแสเลือดแล้ว
    ได้เจอเม็ดเลือดแดงที่เป็นลบจำนวนไม่มาก
    ก็จะจับกินประจุลบเพื่อทำให้เป็นกลางได้หมด
    เมื่อสิ้นประจุลบแล้วไวรัสก็หมดหน้าที่
    ตัวท่านเองก็จะปลอดภัยจากโรคระบาดนี้
    ซึ่งอาจบางทีท่านเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า
    กระบวนการที่เรากล่าวมาข้างต้นนั้น
    มันเกิดขึ้นอยู่ข้างในกายสังขารของท่าน

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    บทสนทนาบทนี้
    เราได้ให้คำตอบที่เป็นจริงต่อท่านแล้วว่า
    ระหว่างนักปฏิบัติธรรมที่กระทำอยู่แต่ในสำนัก
    ซึ่งเป็นสถานการณ์จำลองจากจิตมโนขึ้นเอง
    กับผู้ประพฤติธรรมที่กระทำผ่านจิตสามนึก
    ต่อคนรอบข้างในสังคมแวดล้อม
    ซึ่งเป็นสถานการณ์จริงๆ
    ที่มีผู้อื่นร่วมเรียนรู้ด้วยร่วมทดสอบด้วยนั้น
    ท่านต้องเลือกเรียนรู้จากประสบการณ์จริงเท่านั้น

    อย่าคิดว่าเป็นคนดีแล้วจะรอด
    หากเป็นคนดีไม่เป็น

    อย่ามั่นใจว่าการเป็นผู้ปฏิบัติธรรมของท่าน
    ด้วยการถือบวชถือศีลกินเจ
    สวดมนต์ อธิษฐาน ภาวนา
    ทำบุญสุนทานกันมาอย่างเคร่งครัด
    ซึ่งพวกท่านเรียกว่าเป็นการทำดีมีศีลธรรม
    มันจะช่วยให้ท่าน "รอด" ปลอดจากโรคร้ายได้
    ถ้าการปฏิบัตินั้นมิอาจสั่นสะเทือนทั้งสองมิติได้
    เพราะการผลิตสร้างประจุบวกเป็นโมฆะ

    นอกจากนั้น
    การเน้นปฏิบัติธรรมแต่มิติโลกทางกายภาพ
    ปฏิบัติไปตามรูปแบบประเพณีที่ทำตามกันมา
    โดยไม่เคยระวังจิตของท่านเลย
    คงปล่อยให้จิตสั่นสะเทือนด้านลบอยู่เนืองๆ
    เมื่อถูกการยั่วยุเย้ายวนด้วยเงื่อนไขลบ
    จากคนรอบข้างที่อยู่สำนักธรรมเดียวกัน
    จากคนรอบข้างที่ไปวัดด้วยกัน
    จากคนรอบข้างในครอบครัวเดียวกัน
    จากคนรอบข้างในที่ทำงานเดียวกัน
    จากคนรอบข้างในสังคมเดียวกัน

    จนเกิดอาการหงุดหงิด อารมณ์เสีย
    จนเกิดอาการโกรธเกลียดเคียดแค้น
    จนเกิดอาการอิจฉาตาร้อน
    จนเกิดอาการโลภ ลังเล ลุ่มหลง
    จนเกิดอาการวิตกกังวลและเครียด

    ท่านรู้หรือไม่ว่า
    อาการทางจิตเหล่านี้หากเกิดขึ้นเมื่อใด
    มันจะทำให้กระบวนการผลิตประจุลบทำงาน
    ถ้าท่านเกิดอาการจิตตกแบบนี้บ่อยๆ
    ประจุลบที่สั่งสมไว้กับเม็ดเลือดแดง
    ก็จะมีอยู่เป็นจำนวนมาก
    ซึ่งเป็นอาหารของโคโรน่าไวรัสนั่นเอง

    ดังนั้น
    จงอย่าสงสัยเลยว่า
    ทำไมคนดีผู้มีธรรมะเป็นอาภรณ์ (ภายนอก)
    จึงเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลกันบ่อย
    ทำไมนักบวชจึงอาพาธจนล้นโรงพยาบาล
    ทำไมคนดีบางคนจึงอายุสั้นเพราะป่วยตาย
    พระเจ้าทำไมไม่เข้าข้างคนเหล่านี้

    ขณะที่บางคนป่วยด้วยโรคโควิด-19
    นอนอยู่โรงพยาบาลได้ไม่ทันไร
    ก็สามารถหายป่วยออกจากโรงพยาบาลได้นั้น
    มิใช่เกิดจากการฟลุ้คหรือยมบาลไม่สนหรอก

    อาจเพราะคนป่วยคนนั้นมี #กำลังใจที่ดีมาก
    กำลังใจที่ดีเป็นพลังสร้างประจุบวกเพิ่มได้
    คนป่วยที่มีกำลังใจดีจึงตายยากหรือหายเร็ว
    เพราะประจุบวกมากๆช่วยชีวิตจากโรคร้ายได้

    อาจเพราะคนป่วยนั้นมีประจุลบไม่เกิน 30%
    กองทัพเม็ดเลือดขาวจึงเอาชนะไวรัสได้ไม่ยาก

    อาจเพราะคนป่วยนั้นยังไม่จบสิ้นอายุขัย
    แต่ที่ติดเชื้อโรคจนป่วยก็เพราะประมาทเลินเล่อ
    จึงถูกลงโทษให้เจ็บป่วยด้วยระยะหนึ่ง
    เพื่อสร้างสำนึกรักตนเองให้มากขึ้น

    ให้เรียนรู้ว่าการนอนปวดปอดหายใจติดขัด
    การถูกกักกันไว้ไม่ให้พบใครนานนับเดือน
    จากการปล่อยให้ตนเองเจ็บป่วยด้วยมักง่าย
    ไม่สำรวมระวังในการดำเนินชีวิตนั้น
    เป็นสิ่งไม่สมควรให้เกิดขึ้นอีกในชีวิตนี้
    จะได้จดจำไว้เป็นบทเรียนสู้สงครามโรค
    ที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างฉลาดขึ้น

    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

    โรคโควิด-19 ยังไม่มียารักษา
    แต่คนป่วยก็สามารถที่จะหายได้
    หลายคนแม้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
    แต่กักตัวไว้ 14 วัน ก็พบว่าไม่ติดเชื้อได้
    มันมิใช่เรื่องมหัศจรรย์อะไรหรอกท่าน
    คำตอบนั้นมันอยู่ในบทสนทนา
    ที่เรากล่าวมาตั้งแต่ต้นนั่นแหละ

    อย่าประมาทจนป่วยไปกับเขาด้วยล่ะ
    แม้จะพักรักษาตัวจนหายจากโรคได้ก็จริง
    แต่มันไม่คุ้มกับการทำให้ปอดของท่าน
    เป็นแผลชำรุดเสียหายไปหรอกนะ
    เพราะปอดมันสร้างซ่อมไม่ได้

    บทสนทนาครั้งหน้า
    เราจะกล่าวถึงกรุ้ปเลือดของท่าน
    กับประสบการณ์โควิด-19
    โปรดเฝ้าติดตามกันเถิดนะ

    กราบพระบาทของพระทัยพระบิดาฯ

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    2/04/2020 FB_IMG_1585785403445.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...